Short Fiction Super Junior [WonYe]
Short Fiction ฝันเฟื่อง
ผู้เข้าชมรวม
418
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title: [SF] ฝันเฟื่อง
Author: jorainy
Paring: Siwon x Yesung
Rate: ยังนึกไม่ออก
สวัสดีครับผม ชเวซีวอน ซุปเปอร์จูเนียร์ ผมมีเรื่องอยากจะถาม
คุณคิดอย่างไรกับคู่วอนเย่
หลายคนคงบอกว่ามันแปลก อีกคนคงบอกว่าเป็นไปไม่ได้
แต่
ใครจะสน ก็ผมจะชอบซะอย่าง ใครจะทำไม จริงไหม
ผมว่าเสน่ห์แปลกๆของพี่เยซองมันเอาชนะใจผมได้ แถมไอ้นิ้วสั้นๆกับใบหน้ากลมๆนั่นอีก ผมว่ามันน่ารักจะตายไป คุณว่าม่ะ
นอกเรื่องมานานแล้ว เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ตอนนี้ผมกำลังหาวิธีที่จะได้เข้าใกล้พี่เยซองอยู่ ผมกับพี่เยซองไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะตารางของเราสองคนมันไม่ค่อยไปทางเดียวกันเลย ของพี่เยซองจะไปทางร้องเพลงแล้วก็พวกรายการวาไรตี้หรือดีเจซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตารางงานของผม ก็ไปทางแสดงละคร พรีเซ็นเตอร์โฆษณา อะไรแบบนั้น ขนาดยูนิตย่อยยังคนละเรื่องกันเลย ก็แหม !! คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้เสียงดีเหมือนคยูฮยอน จะให้ไปร้องเพลงโชว์พลังเสียงอะไรแบบนั้นได้ไง แถมผมยังไม่ได้เต้นเก่งแบบฮยอกแจหรือทงเฮจะได้ไปแจมกับยูนิตย่อยอย่าง KRY หรือ SJ HAPPY ได้ ผมมันก็แค่ผู้ชายหน้าตาดี บ้านรวย แล้วก็ศัทธาในพระเจ้าก็เท่านั้นเอง
คนแรกที่ผมต้องจัดการออกไปคือ คิมเรียววุค สองคนนั้นชักจะใกล้กันเกินไปแล้ว นอนก็นอนห้องเดียวกัน แถมยังทำงานด้วยกันอีก และที่สำคัญที่สุดคือ คู่เย่อุค เขาจะเรียวไปไหน รู้บ้างไหมว่าผมอิจฉาจะแย่อยู่แล้ว ทำไมไม่มีใครเรียววอนเย่กันบ้าง
ผมหนะได้แต่เฝ้ามองพี่เยซองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ พี่เยซองของผมหนะ (อันนี้โมเมเอาเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ขออนุญาติพี่เขา แต่ก็จะเอาอ่ะ จะทำไม ) ชอบเล่นกับคนอื่นๆไปทั่ว คนอื่นอาจจะรำคาญแต่ผมไม่เลย เพราะว่ามันเป็นโอกาศเดียวที่เราจะได้สนุกด้วยกัน
“ อ่ะ เรียววุค “ ผมยื่นการ์ดสีดำสนิทให้สมาชิกที่เรียบร้อยที่สุดของวง
“ อะไรเหรอซีวอน “ เขาทำหน้างงๆใส่ผม แล้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ บัตรส่วนลด 50 % ร้านไอศรีม อร่อยนะร้านนี้ “
“ ให้ฉันจริงเหรอ ขอบใจนะ เดี๋ยวจะชวนพี่เยซองไปกินด้วยกัน” เรียววุคยิ้มดีใจจนแก้มแทบแตกแล้วยื่นมือเล็กๆออกมาจะรับบัตรส่วนลดของร้านไอศครีมชื่อดังย่านอีแทวอน แต่ผมก็ไวพอที่จะหดมือกลับมาพร้อมกับทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ จนเรียววุคทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง
“ อ้าว......ไม่ให้แล้วเหรอ “ เขาทำเสียงอ่อย แถมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีก ผมแอบสงสารเรียววุคอยู่ในใจ แต่ไอ้การที่ผมให้บัตรส่วนลดเขาก็เพื่อกันเขาให้ออกห่างจากพี่เยซอง ผมจะได้มีโอกาศทำคะแนนบ้าง แต่นี่ดันมาบอกว่าจะชวนกันออกไปกินกันสองคน ใช้ได้ที่ไหน
ผมมองตาเรียววุคอย่างสื่อความหมาย อันที่จริงแอบสังเกตุว่าเรียววุคหน้าแดงด้วยล่ะ แต่ช่างมันเถอะเรื่องนั้น ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับพูดว่า
“ นายจะชวนใครไปก็ได้ ที่ไม่ใช่พี่เยซอง “
“ ทำไมล่ะ พี่เยซองไม่ว่างเหรอ “
“ ว่าง แต่ไม่ให้ไป นายต้องชวนคนอื่นไม่ งั้นฉันไม่ให้บัตรส่วนลดหรอก “ ผมต่อรอง ส่วนเรียววุคทำท่าคิดหนักอยู่ครู่นึงเหมือนกำลังวัดใจว่าระหว่างบัตรส่วนลดกับพี่เยซองเขาจะเลือกอะไรดี แต่ในที่สุดเขาก็เลือกได้ และคำตอบของเขาก็ทำให้ผมยิ้มแก้มแทบแตก
“ งั้น ชวนพี่ซองมินไปก็ได้ พี่ซองมินคงชอบเหมือนกัน “
ทั้งสองคนออกไปแล้ว
ดีล่ะ จัดการไปได้หนึ่งคนแล้ว ไม่ซิสองคนต่างหาก
ตอนนี่ก็คงเหลือแค่ คยูฮยอนกับฮยอกแจซินะ ถ้าทำให้สองคนนี้ออกไปจากหอได้ ชั้น11 ก็จะเหลือแค่พี่เยซองคนเดียว เหอๆๆ ผมแอบหัวเราะอย่างบ้าคลั้งในความคิด ว่าแต่ จะให้สองคนนั้นออกจากห้องได้ยังไงล่ะ
โชคดียังเป็นของผม เพราะก่อนที่สองคนนั่นจะออกไปเรียววุคบอกผมว่าฮยอกแจเล่นเกมส์อยู่กับคยูฮยอน งั้นก็จัดการสองคนนี้ไปพร้อมๆกันทีเดียวเลย
“ ฮยอกแจ คยูฮยอนนี่ ฉันมีเกมส์ใหม่มาให้พวกนายเล่นล่ะ สนุกมากเลยนะ กำลังฮิตด้วย “ ผมเสนอสิ่งที่คิดว่าสองคนนี้ต้องการหลังจากเปิดประตู้ห้องของคยูฮยอนเข้ามา
คยูฮยอนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจากเกมส์ที่เล่นอยู่แล้วหันหน้ามาหาผมช้าๆ เหมือนภาพสโลโมชั่นในหนัง แล้วพูดด้วยเสียงอันทุ้มนุ่มนวลว่า
“ ใครถาม ?? “
เพล้ง !!!!!!!!
เสียงเหมือนกระจกแตกในสมองทำให้ผมอึ้งในคำตอบของน้องเล็กไปสามวินาที แล้วเบือนหน้าไปมองฮยอกแจ รายนั้นนั่งหัวเราะจนเหงือกบาน น้ำลายยืด แถมมีการลงไปนอนดิ้นพลาดๆที่พื้นอีก หน้าผมมันคงตลกมากเลยใช่ไหม
“ เอ่อ ....”
ผมไปต่อไม่เป็นเลยที่นี่ จนคยูฮยอนหัวเราะออกมานั่นแหละถึงได้รู้ตัวว่าโดนแกล้ง แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ยอมไปเล่นเกมส์กับทงเฮที่ชั้น 12 จนได้
ตอนนี้ก็เหลือผมกับพี่เยซองที่กำลังจะกลับเข้ามาซินะ หึหึหึ
“ อ้าว ซีวอนมาได้ไง ไม่กลับบ้านเหรอ “ พอเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นผมนั่งอยู่ที่โซฟาก็เอ่ยทักเสียงใสตามสไตน์คนอารมณ์ดี
“ คือผมแวะมาหาพี่ก่อนไง “
“ หาฉัน หาทำไม “
“ ก็......... “ ผมเหมือนคนหาลิ้นตัวเองไม่เจอ จะให้บอกออกไปยังไงว่ามาเพราะหัวใจเรียกร้องให้มา ถ้าพูดออกไปพี่เยซองได้อ้วกแตกตรงนี้แน่
“ คือผมอยากให้พี่ช่วยต่อบทให้หน่อย คนอื่นๆไม่มีใครว่างเลย “
“ ฉันเนี่ยนะ “
“ ได้ไหม พี่ช่วยผมหน่อยนะ “ ผมพยายามจะบีบน้ำตาออกมาด้วยจะได้ดูน่าสงสาร แต่มันคงจะดูน่าสมเพชมากกว่าถ้าน้ำตาผมไหลออกมาจริงๆ
“ นายคิดถูกแล้วล่ะ ฉันหนะถ้าไม่ได้เป็นนักร้องนะ ป่านนี้เป็นนักแสดงไปแล้ว “ คนน่ารักของผมอวดอ้างสรรพคุณตัวเองเสียยกใหญ่ แหม!! แค่นี้พี่ก็น่ารักจะแย่แล้ว อย่าทำให้หัวใจผมเต้นแรงไปกว่านี้เลยครับเพ่!!!
ผมยื่นบทอีกชุดที่เตรียมมาส่งให้พี่เยซองแล้วเราสองคนก็นั่งลงบนพื้นพรมหน้าทีวี
แต่
พระเจ้าคงเข้าข้างผมอีกครั้ง
จู่ๆไฟในห้องก็ดับพรึบ ! !!
ร่างนุ่มนิ่มของคนข้างกายกระโจนมานั่งปุ อยู่บนตักของผมซะอย่างนั้น
“ เอ่อ ..... พี่กลัวเหรอ “
“ เปล่าซะหน่อย ฉันแค่ตกใจเว้ย “ นั่นคือคำบอกเล่าของพี่เยซอง แต่คุณเชื่อไหมขณะที่พี่เยซองกำลังพูดประโยคนั้นออกมา พี่เค้ายังนักอยู่บนตักของผม พร้อมวงแขนที่โอบรอบคอผมเอาไว้ด้วย ดวงหน้าน่ารัก อยู่ใกล้ปลายจมูกผมแค่เพียงลมหายใจกั้น กลิ่นหอมอ่อนๆจากพวกแก้มขาวๆ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะจรดปลายจมูกเข้าไปที่แก้มเนียน แต่เพราะความมืดเลยทำให้คนบนตักของผมไม่ทันได้ระวังตัว
“ นั่นนายจะทำอะไรหนะ “ พี่เยซองว่าเสียงดุ ในขณะที่กำลังพยายามแกะมือของผม ที่ถือโอกาศโอบรอบเอวของเขาไว้
“ มันมืด เดี๋ยวผีมาหลอกนะ “ ผมบอกเขาพร้อมกับกระชับร่างของคนเป็นพี่ให้เข้ามาแนบชิดกับอกแกร่งที่เต้มไปด้วยมัดกล้าม พี่เยซองทำท่าหงุดหงิด ยุกยิกเล็กน้อยแต่คงเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็คงเลยปล่อยให้เลยตามเลย หึหึหึ กำไลของผมทั้งน้านนนนนนนนนน
“ ว่าแต่ นายจะเอาไง คงต่อบทกับนายไม่ได้แล้ว “
“ ได้ซิ “ เพราะแสงสลัวจากหน้าจอมือถือ เพียงเล็กน้อย เลยทำให้เห็นว่าพี่เยซองทำหน้างงพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อฟังคำพูดของผมจบประโยค
“ มันมีอีกบทหนึ่งที่ผมยังเล่นไม่ผ่านสักที “
“ บทไหนเหรอ “
“ จูบ “
เท่านั้นแหละ พี่เยซองนิ่งเหมือนโดนสาปให้แข็งเป็นหิน ผมไม่โง่พอที่จะรอให้พี่เขาตั้งสติได้ ดังนั้น ผมจึงใช้มือด้านหนึ่งประคองใบหน้าหวานทียังคงไม่ได้สติ พร้อมกับประกบแนบแน่นที่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม สีแดงสด สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนชื้นเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากในโพรงปากนุ่ม
“ อา..... พี่เยซองหวานจริงๆ หวานไปทั้งตัวเลย “ เสียงครางต่ำๆนั่นออกมาจากความรู้สึกของผมล้วนๆเลย นะขอบอก
“ อือ....ซะ...ซีวอน นายจะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว “
แหม !!!! ดูคำพูดคนน่ารักของผมซิ ยั่วกันซะไม่มีล่ะ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะจัดให้ชุดใหญ่เลย คอยดูเถอะครับพี่น้องงงงงงงงงงงงง
ผมเริ่มบรรเลงบทรัก จากสเต็ป 1 ไปจนถึงขั้นสุดยอด แต่ไม่ผมไม่บรรยายความสุดยอดของพี่เยซองให้พวกคุณฟังหรอก เก็บไว้เป็นความทรงจำที่แสนหวานของผมคนเดียวดีกว่า ฮ่ะฮ่าๆๆๆ แต่บอกให้นิดนึงก็ได้เพื่อพวกคุณเก็บเอาไปจิ้นกันต่อ
พี่เยซองหน่ะ ครางไม่หยุดเลยเหอะ คริ คริ ฝีมือผม ฝีมือผมล้วนๆ ขอบอก
หลังจากพี่ผมทำให้พี่เยซองสลบไปคาอ้อมกอดของผม รวมทั้งตัวผมเองก็เช่นกันที่ออกแรงจนเหนื่อยเลยเพลียหลับไป แต่พอตื่นขึ้นมาพี่เยซองก็ไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผมอีกแล้ว ผมรีบควานหาไปตามที่นอนนุ่นแม้ว่าเปลือกตายังไม่ลืม แต่ก็หาไม่เจอ ผมตกใจมากนึกว่าพี่เยซองจะคิดมาก จนผมไม่กล้าลืมตาตื่น กลัวว่าตื่นขึ้นมาเห็นพี่เยซองนอนร้องไห้เพราะเรื่องที่ผมทำเมื่อคืน ผมจะทำอย่างไร
ผมต้องรับผิดชอบ ผมต้องพาพ่อแม่มาสู่ขอพี่เยซอง ใช่ ดีที่สุดแล้ว ผมตัดสินใจได้ ก็ลืมตา เผชิญหน้ากับความเป็นจริง
แต่......................
ภาพที่ผมเป็น
พี่เยซองไม่ได้นอนร้องไห้ กระซิกๆ เหมือนที่ผมมโนเอาไว้
แต่พี่เยซองกลับ
นั่งเล่นอินเตอร์เนตแบบชิวล์มากๆๆๆ
“ ทำอะไรอยู่ครับ “ ผมว่าพลางเข้าโอบกอดคนน่ารักจากทางด้านหลัง แฟนหมาดๆของผมกำลังนั่งจิ้มคีย์บอดส์โน๊ตบุคอยู่ยิกๆ
“ โพสรูปในทวิตเตอร์อยู่ “
“ ................”
“ อ่ะงง..... ทำงงอีก...... นายนี่มันโง่เหมือนหน้าตาจริงๆ ให้ตายเหอะ “
“ ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นา “ ผมแอบทำตัวเคะๆเมื่อโดนด่า แล้วก็เอาหน้าไปถูๆตรงแก้มกลมๆขาวๆ เหมือนแมวที่กำลังอ้อนเจ้าของ พี่เยซองทำท่าจั๊กกะจี๊แล้วก็ผลักหน้าผมออก
“ ก็ลงรูปคู่เยอะๆ จะได้มีแฟนคลับเอาไปจิ้นคู่วอนเย่เยอะๆไง “ พี่เยซองเฉลยออกมาในที่สุด ความฉลาดล้ำของแฟนผมนี่ประเสริฐจริงๆเหอะ
“ แล้วแค่รูปคู่มันจะพอเหรอ กระแสคู่อื่นเขาก็แรงอยู่น่า “ ผมเป็นฝ่ายออกความเห็นบ้างเดี๋ยวจะหาว่าผมกินแรง ทั้งที่เมื่อคืนพี่เยซองต่างหากที่กินแรงผม เพราะเขาแค่นอนอยู่เฉยๆ อย่างมากก็แค่คราง ผมต่างหากที่เป็นคนออกแรง
“ ฉันกะว่า ว่างเมื่อไหร่จะฉันแต่งฟิคคู่วอนเย่ แล้วเอาไปโฟส์ล่ะ นายว่าดีม่ะ “ คนน่ารักหันมาถามผมเสียงใส ปากเล็กๆนั่นมันน่างับเสียงจริงๆให้ดิ้นตาย
แหม !!!! แฟนผมเนี่ย นักสร้างกระแสตัวยงเลยล่ะครับ คริ คริ
แต่ความสุขก็อยู่กับผมได้ไม่นานนักเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงหนักๆ กระแทกเข้าที่สีข้างอย่างจัง ความเจ็บปวดแล่นปรี๊ดเข้าสู่เส้นประสาท
“ ซี......ซีวอน .... “ น้ำเสียงที่คุ้นหูเป็นที่สุด เสียงของใครบางคนที่ผมรู้จักดี
เปลือกตาค่อยๆ ปรือตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ไม่อยากเจอ
พี่อีทึก
“ นายมานอนทำไมที่ชั้น 11”
“ แล้วพี่ล่ะมาทำไม ที่ชั้น 11” ผมย้อนคำพูดของหัวหน้าวงคนเก่ง ทั้งที่ยังไม่ตื่นเต็มตา พี่อีทึกเลยแสดงความรักน้องด้วยการเตะป๊าบเข้าที่ชายโครงอีกครั้งเหมือนตอนที่ปลุกผมทีแรก
“ นายมาทำอะไรที่ห้องนี้ ขอเนื้อๆน้ำไม่เอา “ น้ำเสียงนิ่งๆทำให้ผมไม่กล้าที่จะย้อกย้อนอีก เดี๋ยวเจออีกดอกผมจะพิการเอาได้ ไม่ดีๆ ผมลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจอีกครั้ง จนพี่อีทึกคงรำคาญกับท่าทีคุณชายของผม ถึงได้ยืนเท้าเอวขมวดคิ้วมุ่น เตรียมพร้อมที่จะด่าผมเต็มสตรีม
“ ผมง่วง ก็เลยมาขอนอนที่นี่ แล้วพี่อ่ะ”
“ ฉันแวะมาเอาเพลงที่เรียววุคแต่ง ว่าแต่....” พี่อีทึกมองหน้าผมทีนึงแล้วเลื่อนสายตามายังเป้ากางเกงผม พร้อมสะแหยะยิ้ม “ มานอนอย่างเดียวทำไมเป้ากางเกงต้องเปียกด้วยว่ะ หรือนายนอนฉี่ราดกางเกง “
“ อ๊ะ !!! “
บ้าจริง นี่ผมฝันเปียกเหรอเนี่ย อ๊า น่าอายที่สุดเลย ไม่ได้นะ ไม่ได้ ให้พี่เยซองรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด จะเอาอะไรมาเส้นพี่อีทึกดีวะเนี่ย
แล้วไอ้ที่ผมได้ทำอะไร ต่ออะไร กับพี่เยซองล่ะ ทั้งหมดนั่นแปลว่าผมฝันไปเหรอเนี่ย
OMG .................................................
โธ่เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
THE END…
ผลงานอื่นๆ ของ rainy jo ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ rainy jo
ความคิดเห็น