Short Fiction Super Junior [WonYe] - Short Fiction Super Junior [WonYe] นิยาย Short Fiction Super Junior [WonYe] : Dek-D.com - Writer

    Short Fiction Super Junior [WonYe]

    Short Fiction ฝันเฟื่อง

    ผู้เข้าชมรวม

    418

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    418

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ส.ค. 55 / 20:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     ซีวอนจะทำอย่างไรเพื่อให้มีโอกาศได้สนิทกับพี่ชายเสียงดีมากขึ้น มาช่วยซีวอนลุ้นกันนะค่ะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title:      [SF] ฝันเฟื่อง
      Author:  jorainy
      Paring: Siwon x Yesung
      Rate:    ยังนึกไม่ออก

       

                              สวัสดีครับผม ชเวซีวอน  ซุปเปอร์จูเนียร์  ผมมีเรื่องอยากจะถาม

                      คุณคิดอย่างไรกับคู่วอนเย่

                      หลายคนคงบอกว่ามันแปลก  อีกคนคงบอกว่าเป็นไปไม่ได้

                      แต่

                      ใครจะสน ก็ผมจะชอบซะอย่าง  ใครจะทำไม  จริงไหม

                      ผมว่าเสน่ห์แปลกๆของพี่เยซองมันเอาชนะใจผมได้ แถมไอ้นิ้วสั้นๆกับใบหน้ากลมๆนั่นอีก ผมว่ามันน่ารักจะตายไป คุณว่าม่ะ

                      นอกเรื่องมานานแล้ว เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

       

       

       

       

       

                      ตอนนี้ผมกำลังหาวิธีที่จะได้เข้าใกล้พี่เยซองอยู่ ผมกับพี่เยซองไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะตารางของเราสองคนมันไม่ค่อยไปทางเดียวกันเลย  ของพี่เยซองจะไปทางร้องเพลงแล้วก็พวกรายการวาไรตี้หรือดีเจซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตารางงานของผม ก็ไปทางแสดงละคร พรีเซ็นเตอร์โฆษณา อะไรแบบนั้น  ขนาดยูนิตย่อยยังคนละเรื่องกันเลย  ก็แหม !! คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้เสียงดีเหมือนคยูฮยอน จะให้ไปร้องเพลงโชว์พลังเสียงอะไรแบบนั้นได้ไง แถมผมยังไม่ได้เต้นเก่งแบบฮยอกแจหรือทงเฮจะได้ไปแจมกับยูนิตย่อยอย่าง KRY หรือ SJ HAPPY  ได้ ผมมันก็แค่ผู้ชายหน้าตาดี บ้านรวย แล้วก็ศัทธาในพระเจ้าก็เท่านั้นเอง

                      คนแรกที่ผมต้องจัดการออกไปคือ คิมเรียววุค สองคนนั้นชักจะใกล้กันเกินไปแล้ว นอนก็นอนห้องเดียวกัน แถมยังทำงานด้วยกันอีก และที่สำคัญที่สุดคือ  คู่เย่อุค เขาจะเรียวไปไหน รู้บ้างไหมว่าผมอิจฉาจะแย่อยู่แล้ว ทำไมไม่มีใครเรียววอนเย่กันบ้าง  

                       ผมหนะได้แต่เฝ้ามองพี่เยซองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ พี่เยซองของผมหนะ (อันนี้โมเมเอาเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ขออนุญาติพี่เขา แต่ก็จะเอาอ่ะ จะทำไม ) ชอบเล่นกับคนอื่นๆไปทั่ว คนอื่นอาจจะรำคาญแต่ผมไม่เลย เพราะว่ามันเป็นโอกาศเดียวที่เราจะได้สนุกด้วยกัน

                     

       

                     

                      “ อ่ะ เรียววุค “ ผมยื่นการ์ดสีดำสนิทให้สมาชิกที่เรียบร้อยที่สุดของวง

                      “ อะไรเหรอซีวอน “  เขาทำหน้างงๆใส่ผม แล้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

                      “ บัตรส่วนลด 50 %  ร้านไอศรีม อร่อยนะร้านนี้ “ 

                      “ ให้ฉันจริงเหรอ ขอบใจนะ  เดี๋ยวจะชวนพี่เยซองไปกินด้วยกัน”  เรียววุคยิ้มดีใจจนแก้มแทบแตกแล้วยื่นมือเล็กๆออกมาจะรับบัตรส่วนลดของร้านไอศครีมชื่อดังย่านอีแทวอน แต่ผมก็ไวพอที่จะหดมือกลับมาพร้อมกับทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ จนเรียววุคทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง

                      “ อ้าว......ไม่ให้แล้วเหรอ “ เขาทำเสียงอ่อย แถมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีก  ผมแอบสงสารเรียววุคอยู่ในใจ แต่ไอ้การที่ผมให้บัตรส่วนลดเขาก็เพื่อกันเขาให้ออกห่างจากพี่เยซอง ผมจะได้มีโอกาศทำคะแนนบ้าง  แต่นี่ดันมาบอกว่าจะชวนกันออกไปกินกันสองคน  ใช้ได้ที่ไหน 

                     

                      ผมมองตาเรียววุคอย่างสื่อความหมาย อันที่จริงแอบสังเกตุว่าเรียววุคหน้าแดงด้วยล่ะ  แต่ช่างมันเถอะเรื่องนั้น  ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับพูดว่า

                      “ นายจะชวนใครไปก็ได้  ที่ไม่ใช่พี่เยซอง “

                      “ ทำไมล่ะ พี่เยซองไม่ว่างเหรอ “

                      “ ว่าง แต่ไม่ให้ไป นายต้องชวนคนอื่นไม่ งั้นฉันไม่ให้บัตรส่วนลดหรอก “  ผมต่อรอง ส่วนเรียววุคทำท่าคิดหนักอยู่ครู่นึงเหมือนกำลังวัดใจว่าระหว่างบัตรส่วนลดกับพี่เยซองเขาจะเลือกอะไรดี แต่ในที่สุดเขาก็เลือกได้  และคำตอบของเขาก็ทำให้ผมยิ้มแก้มแทบแตก

                      “ งั้น ชวนพี่ซองมินไปก็ได้ พี่ซองมินคงชอบเหมือนกัน “

                      ทั้งสองคนออกไปแล้ว

                      ดีล่ะ จัดการไปได้หนึ่งคนแล้ว  ไม่ซิสองคนต่างหาก

                      ตอนนี่ก็คงเหลือแค่ คยูฮยอนกับฮยอกแจซินะ ถ้าทำให้สองคนนี้ออกไปจากหอได้ ชั้น11 ก็จะเหลือแค่พี่เยซองคนเดียว  เหอๆๆ  ผมแอบหัวเราะอย่างบ้าคลั้งในความคิด  ว่าแต่ จะให้สองคนนั้นออกจากห้องได้ยังไงล่ะ

                      โชคดียังเป็นของผม เพราะก่อนที่สองคนนั่นจะออกไปเรียววุคบอกผมว่าฮยอกแจเล่นเกมส์อยู่กับคยูฮยอน งั้นก็จัดการสองคนนี้ไปพร้อมๆกันทีเดียวเลย

                      “ ฮยอกแจ  คยูฮยอนนี่  ฉันมีเกมส์ใหม่มาให้พวกนายเล่นล่ะ สนุกมากเลยนะ กำลังฮิตด้วย “  ผมเสนอสิ่งที่คิดว่าสองคนนี้ต้องการหลังจากเปิดประตู้ห้องของคยูฮยอนเข้ามา 

                      คยูฮยอนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจากเกมส์ที่เล่นอยู่แล้วหันหน้ามาหาผมช้าๆ เหมือนภาพสโลโมชั่นในหนัง  แล้วพูดด้วยเสียงอันทุ้มนุ่มนวลว่า

                      “ ใครถาม ??  

                      เพล้ง !!!!!!!!

                      เสียงเหมือนกระจกแตกในสมองทำให้ผมอึ้งในคำตอบของน้องเล็กไปสามวินาที  แล้วเบือนหน้าไปมองฮยอกแจ รายนั้นนั่งหัวเราะจนเหงือกบาน น้ำลายยืด  แถมมีการลงไปนอนดิ้นพลาดๆที่พื้นอีก หน้าผมมันคงตลกมากเลยใช่ไหม

                      “ เอ่อ ....”

                      ผมไปต่อไม่เป็นเลยที่นี่ จนคยูฮยอนหัวเราะออกมานั่นแหละถึงได้รู้ตัวว่าโดนแกล้ง แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ยอมไปเล่นเกมส์กับทงเฮที่ชั้น 12 จนได้

                      ตอนนี้ก็เหลือผมกับพี่เยซองที่กำลังจะกลับเข้ามาซินะ หึหึหึ

                      “ อ้าว ซีวอนมาได้ไง ไม่กลับบ้านเหรอ “ พอเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นผมนั่งอยู่ที่โซฟาก็เอ่ยทักเสียงใสตามสไตน์คนอารมณ์ดี

                      “ คือผมแวะมาหาพี่ก่อนไง “

                      “ หาฉัน  หาทำไม “

                      “ ก็......... “  ผมเหมือนคนหาลิ้นตัวเองไม่เจอ  จะให้บอกออกไปยังไงว่ามาเพราะหัวใจเรียกร้องให้มา ถ้าพูดออกไปพี่เยซองได้อ้วกแตกตรงนี้แน่

                      “ คือผมอยากให้พี่ช่วยต่อบทให้หน่อย  คนอื่นๆไม่มีใครว่างเลย “ 

                      “ ฉันเนี่ยนะ “

                      “ ได้ไหม พี่ช่วยผมหน่อยนะ “  ผมพยายามจะบีบน้ำตาออกมาด้วยจะได้ดูน่าสงสาร แต่มันคงจะดูน่าสมเพชมากกว่าถ้าน้ำตาผมไหลออกมาจริงๆ

                      “ นายคิดถูกแล้วล่ะ ฉันหนะถ้าไม่ได้เป็นนักร้องนะ ป่านนี้เป็นนักแสดงไปแล้ว “  คนน่ารักของผมอวดอ้างสรรพคุณตัวเองเสียยกใหญ่ แหม!! แค่นี้พี่ก็น่ารักจะแย่แล้ว อย่าทำให้หัวใจผมเต้นแรงไปกว่านี้เลยครับเพ่!!!               

                      ผมยื่นบทอีกชุดที่เตรียมมาส่งให้พี่เยซองแล้วเราสองคนก็นั่งลงบนพื้นพรมหน้าทีวี  

                      แต่

                      พระเจ้าคงเข้าข้างผมอีกครั้ง

                      จู่ๆไฟในห้องก็ดับพรึบ ! !!

                      ร่างนุ่มนิ่มของคนข้างกายกระโจนมานั่งปุ อยู่บนตักของผมซะอย่างนั้น

                      “ เอ่อ ..... พี่กลัวเหรอ “

                      “ เปล่าซะหน่อย ฉันแค่ตกใจเว้ย “  นั่นคือคำบอกเล่าของพี่เยซอง แต่คุณเชื่อไหมขณะที่พี่เยซองกำลังพูดประโยคนั้นออกมา พี่เค้ายังนักอยู่บนตักของผม พร้อมวงแขนที่โอบรอบคอผมเอาไว้ด้วย  ดวงหน้าน่ารัก อยู่ใกล้ปลายจมูกผมแค่เพียงลมหายใจกั้น  กลิ่นหอมอ่อนๆจากพวกแก้มขาวๆ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะจรดปลายจมูกเข้าไปที่แก้มเนียน  แต่เพราะความมืดเลยทำให้คนบนตักของผมไม่ทันได้ระวังตัว

                      “ นั่นนายจะทำอะไรหนะ “  พี่เยซองว่าเสียงดุ ในขณะที่กำลังพยายามแกะมือของผม ที่ถือโอกาศโอบรอบเอวของเขาไว้

                      “ มันมืด เดี๋ยวผีมาหลอกนะ “  ผมบอกเขาพร้อมกับกระชับร่างของคนเป็นพี่ให้เข้ามาแนบชิดกับอกแกร่งที่เต้มไปด้วยมัดกล้าม  พี่เยซองทำท่าหงุดหงิด ยุกยิกเล็กน้อยแต่คงเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็คงเลยปล่อยให้เลยตามเลย  หึหึหึ กำไลของผมทั้งน้านนนนนนนนนน

                      “ ว่าแต่ นายจะเอาไง คงต่อบทกับนายไม่ได้แล้ว “ 

                      “ ได้ซิ “  เพราะแสงสลัวจากหน้าจอมือถือ เพียงเล็กน้อย เลยทำให้เห็นว่าพี่เยซองทำหน้างงพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อฟังคำพูดของผมจบประโยค

                      “ มันมีอีกบทหนึ่งที่ผมยังเล่นไม่ผ่านสักที “

                      “ บทไหนเหรอ “

                      “ จูบ “

                      เท่านั้นแหละ พี่เยซองนิ่งเหมือนโดนสาปให้แข็งเป็นหิน ผมไม่โง่พอที่จะรอให้พี่เขาตั้งสติได้ ดังนั้น ผมจึงใช้มือด้านหนึ่งประคองใบหน้าหวานทียังคงไม่ได้สติ พร้อมกับประกบแนบแน่นที่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม สีแดงสด สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนชื้นเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากในโพรงปากนุ่ม

                      “ อา..... พี่เยซองหวานจริงๆ หวานไปทั้งตัวเลย “ เสียงครางต่ำๆนั่นออกมาจากความรู้สึกของผมล้วนๆเลย นะขอบอก

                      “ อือ....ซะ...ซีวอน นายจะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว “ 

                      แหม !!!! ดูคำพูดคนน่ารักของผมซิ ยั่วกันซะไม่มีล่ะ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะจัดให้ชุดใหญ่เลย คอยดูเถอะครับพี่น้องงงงงงงงงงงงง

                ผมเริ่มบรรเลงบทรัก จากสเต็ป 1 ไปจนถึงขั้นสุดยอด  แต่ไม่ผมไม่บรรยายความสุดยอดของพี่เยซองให้พวกคุณฟังหรอก เก็บไว้เป็นความทรงจำที่แสนหวานของผมคนเดียวดีกว่า ฮ่ะฮ่าๆๆๆ แต่บอกให้นิดนึงก็ได้เพื่อพวกคุณเก็บเอาไปจิ้นกันต่อ

                      พี่เยซองหน่ะ ครางไม่หยุดเลยเหอะ คริ คริ  ฝีมือผม ฝีมือผมล้วนๆ ขอบอก

                      หลังจากพี่ผมทำให้พี่เยซองสลบไปคาอ้อมกอดของผม รวมทั้งตัวผมเองก็เช่นกันที่ออกแรงจนเหนื่อยเลยเพลียหลับไป แต่พอตื่นขึ้นมาพี่เยซองก็ไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผมอีกแล้ว ผมรีบควานหาไปตามที่นอนนุ่นแม้ว่าเปลือกตายังไม่ลืม  แต่ก็หาไม่เจอ  ผมตกใจมากนึกว่าพี่เยซองจะคิดมาก จนผมไม่กล้าลืมตาตื่น กลัวว่าตื่นขึ้นมาเห็นพี่เยซองนอนร้องไห้เพราะเรื่องที่ผมทำเมื่อคืน ผมจะทำอย่างไร  

                      ผมต้องรับผิดชอบ ผมต้องพาพ่อแม่มาสู่ขอพี่เยซอง  ใช่ ดีที่สุดแล้ว ผมตัดสินใจได้ ก็ลืมตา เผชิญหน้ากับความเป็นจริง

                      แต่......................

                      ภาพที่ผมเป็น

                      พี่เยซองไม่ได้นอนร้องไห้ กระซิกๆ เหมือนที่ผมมโนเอาไว้

                      แต่พี่เยซองกลับ

                      นั่งเล่นอินเตอร์เนตแบบชิวล์มากๆๆๆ

                      “ ทำอะไรอยู่ครับ “ ผมว่าพลางเข้าโอบกอดคนน่ารักจากทางด้านหลัง แฟนหมาดๆของผมกำลังนั่งจิ้มคีย์บอดส์โน๊ตบุคอยู่ยิกๆ

                      “ โพสรูปในทวิตเตอร์อยู่ “ 

                      “ ................”

                      “ อ่ะงง..... ทำงงอีก...... นายนี่มันโง่เหมือนหน้าตาจริงๆ ให้ตายเหอะ  

                      “ ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นา “  ผมแอบทำตัวเคะๆเมื่อโดนด่า แล้วก็เอาหน้าไปถูๆตรงแก้มกลมๆขาวๆ เหมือนแมวที่กำลังอ้อนเจ้าของ พี่เยซองทำท่าจั๊กกะจี๊แล้วก็ผลักหน้าผมออก 

                      “ ก็ลงรูปคู่เยอะๆ จะได้มีแฟนคลับเอาไปจิ้นคู่วอนเย่เยอะๆไง    พี่เยซองเฉลยออกมาในที่สุด ความฉลาดล้ำของแฟนผมนี่ประเสริฐจริงๆเหอะ

                      “ แล้วแค่รูปคู่มันจะพอเหรอ กระแสคู่อื่นเขาก็แรงอยู่น่า “ ผมเป็นฝ่ายออกความเห็นบ้างเดี๋ยวจะหาว่าผมกินแรง ทั้งที่เมื่อคืนพี่เยซองต่างหากที่กินแรงผม เพราะเขาแค่นอนอยู่เฉยๆ อย่างมากก็แค่คราง ผมต่างหากที่เป็นคนออกแรง

                      “ ฉันกะว่า  ว่างเมื่อไหร่จะฉันแต่งฟิคคู่วอนเย่ แล้วเอาไปโฟส์ล่ะ นายว่าดีม่ะ “  คนน่ารักหันมาถามผมเสียงใส ปากเล็กๆนั่นมันน่างับเสียงจริงๆให้ดิ้นตาย 

                      แหม !!!! แฟนผมเนี่ย นักสร้างกระแสตัวยงเลยล่ะครับ  คริ คริ

       

       

       

       

                      แต่ความสุขก็อยู่กับผมได้ไม่นานนักเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงหนักๆ กระแทกเข้าที่สีข้างอย่างจัง ความเจ็บปวดแล่นปรี๊ดเข้าสู่เส้นประสาท 

                      “ ซี......ซีวอน .... “   น้ำเสียงที่คุ้นหูเป็นที่สุด เสียงของใครบางคนที่ผมรู้จักดี

                      เปลือกตาค่อยๆ ปรือตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ไม่อยากเจอ

      พี่อีทึก

                      “ นายมานอนทำไมที่ชั้น 11

                      “ แล้วพี่ล่ะมาทำไม ที่ชั้น 11” ผมย้อนคำพูดของหัวหน้าวงคนเก่ง ทั้งที่ยังไม่ตื่นเต็มตา พี่อีทึกเลยแสดงความรักน้องด้วยการเตะป๊าบเข้าที่ชายโครงอีกครั้งเหมือนตอนที่ปลุกผมทีแรก

                        นายมาทำอะไรที่ห้องนี้ ขอเนื้อๆน้ำไม่เอา “  น้ำเสียงนิ่งๆทำให้ผมไม่กล้าที่จะย้อกย้อนอีก เดี๋ยวเจออีกดอกผมจะพิการเอาได้ ไม่ดีๆ ผมลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจอีกครั้ง จนพี่อีทึกคงรำคาญกับท่าทีคุณชายของผม  ถึงได้ยืนเท้าเอวขมวดคิ้วมุ่น เตรียมพร้อมที่จะด่าผมเต็มสตรีม

                      “ ผมง่วง ก็เลยมาขอนอนที่นี่ แล้วพี่อ่ะ”

                      “ ฉันแวะมาเอาเพลงที่เรียววุคแต่ง   ว่าแต่....” พี่อีทึกมองหน้าผมทีนึงแล้วเลื่อนสายตามายังเป้ากางเกงผม พร้อมสะแหยะยิ้ม “ มานอนอย่างเดียวทำไมเป้ากางเกงต้องเปียกด้วยว่ะ หรือนายนอนฉี่ราดกางเกง “

                      “ อ๊ะ !!!

                      บ้าจริง  นี่ผมฝันเปียกเหรอเนี่ย  อ๊า  น่าอายที่สุดเลย ไม่ได้นะ ไม่ได้ ให้พี่เยซองรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด จะเอาอะไรมาเส้นพี่อีทึกดีวะเนี่ย

                      แล้วไอ้ที่ผมได้ทำอะไร ต่ออะไร กับพี่เยซองล่ะ  ทั้งหมดนั่นแปลว่าผมฝันไปเหรอเนี่ย
                      OMG .................................................

                      โธ่เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

                     

                      THE  END…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×