ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Apink] Luv Forever รักเธอตลอดไป Chomi ft. 2Eun , Hajoo

    ลำดับตอนที่ #8 : อะไรคือจุดเริ่มต้น (ฮาจู) #แก้ไขแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 58




     

    Eight.


     

                ปึงงๆ ๆ ๆ  ปึงงง งงๆ  เสียงเคาะประตูห้องนอนของนัมจูที่ดังเป็นระยะๆ

     

    นัมจูออกมาเถอะนะ  เธอยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่บ่ายแล้วนะ”  เสียงของฮายองที่ตะโกนบอกให้คนในห้องออกมา  แต่คนในห้องนั้นก็ไม่ยอมออกมาสักที

    นัมจูอย่าคิดมากซิ  ออกมาเถอะนะฉันเคาะมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ”  ฮายองที่ยังเคาะและเรียกคนในห้องต่อไป

               

                ปึงๆๆ  ปึงงงๆๆๆๆ   ปึงงงงงๆๆ!  ฮายองเคาะห้องแรงขึ้นเลื่อยๆ  เธอเริ่มที่จะหมดความอดทนกับคนในห้องนั้นแล้ว

    นัมจูย๊าา!  เธอจะไม่ออกมาจริงๆใช่ไหมฉันรู้นะว่าโบมีออนนี่เขาเป็นแฟนเก่าที่เธอเคยเล่าให้ฉันฟังใช่ไหมล่ะ” ฮายองเผลอพูดถึงโบมีออกไปด้วยความโมโห 

    แต่เธอจะมาเก็บตัวแบบนี้ทำไม  อึนจีออนนี่เขาอาจจะไม่ได้เป็นอะไรกับโบมีออนนี่ก็ได้นะ  ย๊าา!นัมจูออกมาได้แล้ว

                           

                ปึงงง งงง!!!!!!!  เสียงเคาะประตูครั้งสุดท้ายที่นัมจูได้ยินเธอสงสัยว่าทำไมคนข้างนอกถึงไม่เคาะต่อ  เธอเลยตัดสินใจออกไปดูด้วยความเป็นห่วงปนสงสัย

    อ่าวเฮ้ยแล้วเธอจะร้องไห้ทำไมละ”  นัมจูออกมาก็พบกับฮายองที่นั่งกอดเข่าตัวเองร้องไห้อยู่

    ก็นัมจูไม่ยอมออกมาสักที  แถมข้าวก็ไม่กินอีกฮรืออๆๆ”  ฮายองพูดไปร้องไป

    ฉันขอโทษนะฉันจะไม่ทำอีกแล้ว  ไหนๆขอดูมือหน่อย”  นัมจูจับมือฮายองมาดูเธอก็ต้องตะลึงเพราะมันทั้งแดงแถมมีเลือดออกมาเพราะรอยถลอดอีกนิดหน่อย

    โอ๊ยยมันเจ็บนะจับเบาๆซิ”  ฮายองร้องเสียงเหมือนเด็ก

    เธอนี่มันจริงๆเลยโตแต่ตัวจริงๆเลยนะ  มานี่เดี๋ยวทำแผลให้”  นัมจูพาฮายองมานั่งทำแผลที่ห้องนั่งเล่น

    โอ๊ยยยยแสบบบบบบบบ  เบาๆมันแสบนะ!”  ฮายองร้องแล้วทำหน้าตาเหมือนเด็กสามขวบไม่มีผิด

    ยัยเด็กน้อยเอ้ยย”  นัมจูที่เผลอยิ้มออกมาเพราะการกระทำที่เหมือนเด็กของฮายอง

    เอ๋ยิ้มแล้วนี่นานัมจูโอ้ยยยลักยิ้มน่าร้ากกก”  ฮายองหยิกแก้มนัมจูและล้อที่เธอเผลอยิ้มออกมา

    หยุดเลยนะเดี๋ยวก็ไม่ทำแผลให้หลอก” 

    โอ๋เอ๋ไม่แกล้งแล้วจ้า  ทำแผลให้เด็กคนนี้หน่อยนะค้าา”  ฮายองทำเป็นอ้อนแบบที่ไม่เข้ากับเธอเลยจริงๆ  แต่นั้นมันกลับทำให้นัมจูยิ้มออกมาได้ง่ายๆซะงั้น

    ทั้งสองทำแผลไปสักพักนัมจูก็เริ่มสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้านั้นเอาแต่จ้องหน้าเธอจนเธอตลอดจนเธอทำแผลเสร็จ

    จ้องอะไรนักหนาฉันแค่ทำแผลให้เธอเองนะ  จ้องอย่างกับจะกินฉันซะอย่างนั้น”  นัมจูพูดไปพร้อมกับเก็บกล่องประถมพยาบาล

    ต้องมีเหตุผลด้วยหรอ”  ฮายองตอบไปแบบกวนๆ

    ตอบแบบนี่อยากตายไง”  นัมจูมองฮายองด้วยหางตา

    เธอทำอะไรฉันไม่ได้หลอก แบร่” 

    ได้!!”  สิ้นเสียงนัมจูก็เหวี่ยงหวัดขวาออกไปทันทีแต่ทะว่าคนตรงหน้าดันรู้ทันและหลบหวัดนั้นไปได้  มันเลยทำให้นัมจูเกิดเสียหลังในการทรงตัวและล้มไปใส่ฮายองเข้าอย่างจัง

                   

                    ตึงงง!

    โอ๊ยย!”  ฮายองหลับตาและจับที่หลังหัวของตัวเองหลังจากที่ทั้งคู่หงายหลังตกจากโซฟา   ฮายองกำลังจะลืมตามาบ่นคนที่ทับเธออยู่แต่จู่ๆไฟทั้งบ้านก็ดับลงซะอย่างนั้น  

    นี่นัมจูช่วยลุกออกไปก่อนได้ไหมเนี่ย”  นัมจูที่กอดฮายองไว้แน่นเพราะเธอกลัวความมืดมากจนขึ้นสมอง

    ฉันไม่มีทางขยับไปไหนจนกว่าไฟจะมาหลอก”  นัมจูตอบไปเสียงสั่นๆ

    แต่เธอนอนทับฉันอยู่นะมันหนัก

    “…..”  นัมจูไม่ตอบอะไรกลับไปแม้แต่คำเดียว

    เอาเถอะฉันพูดอะไรไปเธอก็คงไม่ลุกออกไปหรอกใช่ไหม  งั้นก็รอจนกว่าไฟจะมาละกัน  ฮายองบอกกลับแบบเอือมๆเพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ในตอนที่ทั้งสองอยู่อเมริกาเหตุการณ์แบบนี้มันก็เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งไปจนมันทำให้ฮายองชินซะแล้ว  

    “…..”  นัมจูก็ยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิมแต่กลับยิ่งกอดฮายองแน่นกว่าเดิม  และนั้นมันทำให้หัวใจของฮายองเต้นแรงจนผิดแปลกไป

    จะกอดฉันแน่นทำไมขนาดนั้นเล่า  มันอึดอัด”  ฮายองที่บอกนัมจูไปเพราะเธอเริ่มรู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นเรื่อยๆ  และยิ่งเวลาผ่านไปความเงียบก็ยิ่งครอบงำ  จะได้ยินก็เพียงแต่เสียงของลมหายใจของทั้งสอง

    .

    .

    นัมจูถ้าฉันบอกว่าฉันชอบโบมีออนนี่เธอจะรู้สึกยังไงหรอ”  นัมจูที่ยังคงเงียบอย่างเคย  ฮายองเห็นนัมจูเอาแต่เงียบเธอเลยพูดกับตัวเองต่อไป(?)

    ตอนแรกฉันก็ชอบออนนี่เขานะแต่พอฉันรู้ว่าออนนี่เป็นแฟนเก่าที่เธอยังรักอยู่  ฉันกลับรู้สึกเกลียดออนนี่เขายังไงไม่รู้แปลกเนอะ  ตอนที่เราอยู่อเมริกาเวลามีคนมาล้อว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆแล้วฉันก็ชอบนะถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าทำไมถึงชอบ แต่พอฉันลองกลับมาคิดๆดูแล้วมันคงไม่ช้าหรือเร็วไปใช่ไหมที่จะบอกว่า……‘ฉันชอบเธอ ”   หลังจากฮายองบอกความรู้สึกที่อัดอั้นในใจของเธอมานานแสนนานไปความมืดที่ปกคลุมทั้งสองอยู่นานก็กลับมาสว่างอีกครั้ง  เพราะในตอนนี้ไฟทั้งบ้านได้กลับมาติดเป็นปกติแล้ว

    อ่าวคนเค้าอุส่าดราม่าบอกชอบ  เธอกลับหลับเนี่ยนะเห้ออ”  ฮายองถอนหายใจยาวหลังจากเห็นว่านัมจูหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ทั้งๆที่เธออุส่ารวบรวมความกล้าบอกชอบเพื่อนคนนี้ได้สักทีแต่อีกฝ่ายกลับหลับซะได้

    นัมจู  นัมจู!  นัมจูตื่นไปนอนดีๆไฟมาแล้ว”  ฮายองเขย่านัมจูเบาๆก่อนที่นัมจูจะค่อยๆลืมตาตื่นอย่างสะรึมสะรือ 

    อื่ออ~”  นัมจูลุกออกมาจากตัวฮายองแล้วมานั่งหลับต่อบนพื้น  -_-?

    เฮ้ยๆหลับตรงนี้ไม่ได้  ไปนอนในห้องไปยัยบื่อ”  ฮายองค่อยๆพานัมจูที่หลับตาเดินเซไปเซมาไปยังเตียงนอน

    นี่นัมจูฉันจะกลับแล้วนะ  ฉันจะเปิดไฟทิ้งไว้ให้ดวงนึงนะ”  ฮายองบอกคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วทำท่าจะเดินออกไป  แต่ทะว่าคนที่เหมือนจะหลับไปแล้วกลับคว้าข้อมือของฮายองไว้

    อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนไม่ได้หรอ  ถ้าไฟมันดับอีกฉันจะทำไง”  นัมจูตอบไปเพราะเธอกลัวจริงๆว่าไฟมันจะดับอีก

    เห้อออ~  ก็ได้ๆเดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเธอจะหลับแล้วกัน” 

    อื้ออๆ”  พูดตอบในคอเบาๆ 

                   ฮายองเดินมานั่งบนเตียงข้างๆนัมจูเธอจ้องมองคนตัวเล็กที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้วและก็ไม่อาจที่จะหุบยิ้มได้เลย  เพราะเวลาที่นัมจูหลับนั้นเธอเหมือนกับเด็กทารกจริงๆเลย  แถมในบางครั้งเธอก็แอบละเมอบ่นอะไรพรึมพรำออกมาเบาๆ  แต่ฮายองก็ชินกับอะไรแบบนั้นแล้วเพราะในตอนที่อยู่อเมริกาทั้งคู่เป็นรูมเมทกัน  อีกทั้งพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างมีภาระที่ต้องทำจึงไม่มีเวลาดูแลทั้งสองเพราะต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศแทบจะทุกเดือนด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงสนิทกันได้ง่าย  และด้วยความสนิทนี้มันก็ทำให้ฮายองสับสนและยังคงไม่เข้าใจตัวเองจนมาถึงวันนี้..

     

    ……………………………………………………….

     

                    2  ปีก่อน

    ระหว่างระเบียงทางเดินของโรงเรียนนานาชาติ  HK  school  ฮายองและนัมจูที่กำลังรีบวิ่งหน้าตั้งเพื่อไปให้ทันสอบปลายภาค

    นัมจูรีบๆวิ่งซิเดี๋ยวก็ไปสายหลอก”  ฮายองที่วิ่งนำหน้าหันกลับมาบอกนัมจูที่วิ่งตามหลังมาติดๆ

    อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยรีบไปกันเถอะ”  สิ้นเสียงทั้งคู่ก็รีบวิ่งต่อไปจนไปถึงห้องสอบ  ปึง!  ทั้งคู่ดันประตูเข้าไปก็พบกับอาจารย์และเพื่อนๆกำลังนั่งสอบกันอยู่และที่แน่นอนทั้งคู่มาสาย  สายตาของคนในห้องและอาจารย์ต่างมองมาที่ทั้งสอง

    ขอโทษค่ะที่มาสาย/ขอโทษค่ะ”  ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกันอาจารย์ที่ตอนแรกมองมายังทั้งสองก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆ  ทั้งสองพอจะรู้ชะตากรรมของตัวเองดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เพียงแค่สบตากับอาจารย์ที่คุมสอบก็พอเข้าใจว่าทั้งสองไม่สามารถเข้าสองวิชานี้ได้และควรออกไปยืนนอกห้องรอคนอื่นสอบเสร็จ  หลังจากที่ปิดประตูแล้วเดินออกมายืนหน้าห้องสอบทั้งสองก็ถอนหอยใจเฮือกใหญ่  คนอุส่ารีบวิ่งมาดันโดนไล่ให้ออกไปด้วยสายตาซะได้!

    นี่ๆฮายอง”  จู่ๆนัมจูก็สะกิดฮายองที่ยืนทำหน้าเบื่ออยู่

    ฮือ?”  ฮายองถาม งงๆ เมื่อหันมาก็เห็นว่านัมจูยืนยิ้มแป้นหน้าระรื่นอยู่

    ทำไมเธอถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ  เป็นอะไรไม่สบายไง?” ฮายองเอามือไปแตะที่หน้าผากของนัมจูแต่ก็ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะไม่ได้เป็นหวัด  และนั้นยิ่งทำให้ฮายองสงสัยในรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์นั้นมากขึ้น

    โดดสอบกัน….เพราะถึงได้สอบเราก็ต้องตกอยู่ดีงั้นไปเที่ยวดีกว่า”  พูดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มากขึ้น 

    เอาจริง?  มันจะดีหรอ”  ฮายองที่ถามเพื่อความแน่ใจ 

    ดี!  ไปเถอะ!” พูดจบก็คว้ามือเรียวของคนตัวสูงแล้วลากออกไปจากตรงนั้นทันที

     

    ………………………………………

     

                    ห้างแห่งหนึ่ง

    อ่ะนี่ตั๋วหนัง”  ฮายองยื่นตั๋วหนังให้กับนัมจูที่นั่งรออยู่  คนตัวเล็กถือทั้งป็อบคอนไซต์พิเศษกับน้ำอัดลมแก้วใหญ่เต็มไม้เต็มมือ

    เธอนี่นะกินก็เยอะแต่ทำไมตัวไม่โตสักที”  ฮายองพูดแซวคนตัวเล็กไปทำเอาเธอหน้ามุ้ยไปเลย  เพราะเธอไม่ชอบให้ใครมาล้อเธอเรื่องความสูงเอาเสียเลย

    ฉันส่วนสูงผู้หญิงปกติย่ะ  แต่เธอมันสูงเกินต่างหากแบบเธอน่ะนะเรียกว่าผู้ชายในร่างผู้หญิงย่ะ”  นัมจูตอบกลับด้วยปมด้อยของฮายอง  ฮายองเองก็ไม่ชอบให้ใครมาล้อเรื่องส่วนสูงที่สูงเหมือนผู้ชายของเธอเช่นกัน  เพราะตอนเด็กๆเธอเคยโดนล้อว่าเป็นผู้ชายเพราะแค่เธอตัวสูงเกินไป...

    ย๊า!  ฉันไม่ได้สูงเกินแต่เธอเตี้ยเองต่างหากยัย..อุบ!@#&%” 

    เบาๆซิย่ะ  จะเสียงดังทำไม”  นัมจูรีบนำมือไปปิดปากคนตัวสูงทันที  เธอเขย่งปลายเท้าจนสุดเพื่อที่จะนำมือเรียวไปให้ถึงปากคนตัวสูงตรงหน้า  แต่เพราะการทรงตัวที่แสนจะยากลำบากก็ทำให้ตัวเธอเซไปชนกับแผงอก (-//-แผงอกฮายอง)  ของคนตรงหน้า  ฮายองเมื่อเห็นคนตัวเล็กเซจะล้มมือที่เหมือนทำงานเองโดยอัตโนมัติก็รีบคว้าเอวนัมจูทันที  หน้าทั้งสองในตอนนี้อยู่ใกล้กันมากเพราะนัมจูที่ยังจ้องเขม่งเพื่อให้ฮายองเบาเสียงในการพูดลง  เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงไม่พูดอะไรเสียงดังอีกเธอก็ผละตัวออกมายืนปกติ  ส่วนฮายองเองก็ยังคงอึ้งไม่หายเพราะเธอไม่เคยอยู่ใกล้กับนัมจูขาดนี้มาก่อน....ยกเว้นในตอนนั้น....

    ย๊า!  ย๊าาๆ !  ย๊าาโอ  ฮายอง!!!”  นัมจูเรียกคนตัวสูงตรงหน้าที่ยังยืนเหม่ออยู่ได้

    หะห๊ะ?!”  ฮายองทำหน้าตื่นเมื่อได้สติ

    รีบเข้าไปดูหนังกันได้แล้ว  มันจะฉายแล้วนะเหม่ออยู่ได้”  พูดจบก็เดินนำฮายองเข้าโรงไป  หนังที่ทั้งสองดูเป็นหนังแนวโรแมนติกสยองขวัญ(?)  เป็นเรื่องที่ทั้งคู่ตั้งใจจะมาดูตั้งนานแล้วแต่ยังคงติดตอบจนไม่มีเวลาว่าง 

    หนังเปิดฉากมาด้วยคู่รักหวานน้ำตาลหกมดขึ้น  แต่เวลาผ่านไปหนังก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นและจากฉากหวานๆเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนมาเป็นฉากสยองขวัญที่เรียกเสียงกรี๊ดได้จากทั่วทั้งโรงและหนึ่งในเสียงสูงแหลมแสบแก้มหูนั้นก็มาจากนัมจูด้วยเช่นกัน  ส่วนฮายองเหมือนมาคนละอารมณ์เพราะเธอนั่งมองนัมจูที่กลัวจนต้องเกาะแขนเธอดูตั้งแต่เริ่มเรื่องเธอขำคนตัวเล็กที่ทำตัวเหมือนเด็กกลัวผี  เพราะนัมจูทั้งกรี๊ดทั้งบ่นและงอแงเหมือนเด็ก

    ย๊าถ้าเธอกลัวขนาดนั้นแล้วจะอยากดูเรื่องนี้ทำไม  ฉันก็บอกให้ดูเรื่องอื่นก็ไม่เชื่อฮ่าๆ”   ฮายองที่พูดไปขำไปแต่นัมจูก็ยังคงปิดตาตัวเองและก็กรี๊ดไปทั้งๆที่ไม่ได้ดูภาพที่ฉายตรงหน้าด้วยซ้ำ

    กะก็……ฮายองเคยบอกว่า…….อยากดูนี่นาาอ๊ายยยยยย!!”  นัมจูที่พูดตอบไปแบบตะกุกตะกักและสุดท้ายก็จบด้วยเสียงกรี๊ดเพราะเธอเผลอลืมตามาเจอฉากที่ผีโผล่มาพอดี

    นี่เธอ….อยากดูหนังเรื่องนี้เพราะฉันบอกว่าอยากดูหรอ”  ฮายองที่แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าคนตัวเล็กที่กำลังกลัวจนต้องเกาะแขนของตนยอมมาดูหนังเรื่องนี้เพราะเพียงแค่เธอเคยบอกว่าอยากจะดู   ฮายองในตอนนี้ใจเริ่มเต้นแรงมากขึ้นมันไม่ใช่เพราะเธอกลัวหนังที่กำลังฉายอยู่ตรงหน้าเพียงแต่อย่างใดแต่เพราะเธอกำลังรู้สึกแปลกๆกับคนตัวเล็กนี่ต่างหาก  เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่เกินขึ้นมานี่มันคืออะไรและทำไมต้องเป็นกับ  คิม  นัมจู’ 

    อื้มฮายองก็ตั้งใจดูหนังด้วยซิอย่ามัวแต่หัวเราะฉันคนอุส่าพามาดู”  คนตัวเล็กพูดในขณะที่มือข้างนึงเกาะที่แขนฮายองและอีกข้างที่ยังคงปิดตาตัวเองไม่ยอมปล่อย

    อื้ม”  ฮายองตอบกลับไปเบาๆและก็ทำตามที่คนตัวเล็กสั่ง  เธอตั้งใจดูหนังนั้นแต่ไอ้สายตาที่มันไม่รักดีก็ไม่วายต้องเหล่มองไปที่นัมจู  จะว่าได้เธอแอบจ้องมองนัมจูบ่อยยิ่งกว่าดูหนังตรงหน้าเสียอีกเวลาผ่านไปจนหนังที่ฉายนั้นจบลง  ไฟของโรงหนังที่เริ่มสว่างขึ้นเปิดเผยให้เห็นหน้าของคนตัวเล็กที่เต็มไปด้วยคาบน้ำตา  ฮายองตกใจที่เห็นคาบน้ำตานั้นเพราะเธอแอบมองคนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ยักสังเกตุหรือรู้สึกสักนิดว่านัมจูนั้นร้องไห้  นี่นัมจูอดทนดูหนังเรื่องนี่เพราะฉันเลยหรอ  ทำไมเธอต้องทำขนาดนั้นด้วย

    ยัยบื่อเอ๊ยย  ถ้ากลัวแล้วจะมาดูทำไมร้องไห้แล้วเนี่ยเห็นไหม”  ฮายองบ่นนัมจูไปพรางเช็ดน้ำตาที่แก้มของคนตัวเล็กไป  นัมจูร้องไห้จนตาแดงไปหมดมันยิ่งทำให้ฮายองเป็นห่วง

    ไม่เป็นไรๆ  ฮึก..ฉันไม่เป็..ฮึกไร”  นัมจูพูดไปสะอื้นไปถึงหนังที่ฉายนั้นจะจบลงไปแล้วก็ตามแต่นัมจูก็ยังคงไม่หยุดร้องไห้  จนฮายองพาเธอเดินออกมายังร้านไอศกรีมใกล้ๆโรงหนัง

    หยุดร้องนะเดี๋ยวฉันพาไปกินติมฮ่าๆ”  ฮายองยิ้มร่าออกมาเมื่อเห็นนัมจูหยุดร้องไห้แล้ว  แต่ตาของเธอก็ยังคงแดงอยู่

    เย้~!”  นัมจูได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่าออกมาไม่แพ้กันแถมยังรีบวิ่งไปยังร้านไอติมทันที  ทั้งคู่เดินเข้ามานั่งในร้านที่คนแออัดเต็มไปหมด

    ทำไมคนเยอะแบบนี้นะ”  ฮายองถามออกไปเมื่อทั้งสองหาที่นั่งได้แล้ว

    วันนี้คงมีอะไรพิเศษมั้ง”  นัมจูตอบกลับไปพร้อมกับหยิบเมนูขึ้นมาดู  จากนั้นไม่นานก็มีพนักงานหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามา

    รับอะไรดีค่ะ  โอ๊ะ! ”  พนักงานหญิงคนนั้นเดินเข้ามาถามแล้วก็ไปสะดุดเข้ากับใบหน้าของฮายอง  และดูท่าเธอจะปลื้มฮายองทันตาเห็น

    อะ..แฮ่มมม!!”  นัมจูสังเกตอาการและสายตาหวานเยิ้มของพนักงานหญิงคนนั้นที่ส่งไปยังฮายอง  อยู่ๆเธอก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาซะเฉยๆ

    เอ่อ..ขอโทษนะค่ะ  แล้วไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีค่ะ”  พนักงานหญิงคนนั้นละสายตาจากฮายองแล้วหันไปสนใจตามเสียงที่ขัดจังหวะนั้น

    แล้วมีอะไรแนะนำไหมค่ะ”  นัมจูถามพนักงานหญิงคนนั้นไปเสียงเรียบ

    วันนี้ทางร้านเรามีโปรโมชั่นพิเศษค่ะ  ในวันนี้สำหรับคู่รักของเราสามารถทานไอศกรีมได้ฟรีหนึ่งอย่างค่ะและทางเราจะไม่คิดตังแม้แต่บาทเดียวค่ะ….แต่ดูแล้วคุณกับคุณคงไม่ใช่….”  พนักงานมองนัมจูสลับกับฮายองพร้อมชี้สลับไปมา

    ใช่!  เราเป็นแฟนกันค่ะทำไมหรอค่ะคุณสนใจแฟนฉันหรอ?!”  นัมจูกระแทกเสียงในพนักงานหญิงไปเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น  แต่เหมือนว่าความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นมันจะควบคุมไม่อยู่  การกระทำของนัมจูทำเอาฮายองช็อกจนพูดอะไรไม่ออก

    อะ!...ป่าวๆค่ะงั้นรับเซ็ตคู่รักนะค่ะ”  พูดจบพนักงานหญิงคนนั้นก็รีบเดินกลับเข้าไปในหนังร้านทันที  แต่ก็ไม่วายยังมีสายตาของนัมจูที่ต้องตามหลังไป

    ย๊าๆนัมจู  พูดไปแบบนั้นมันจะดีหรอถ้าเขารู้ว่..”  ฮายองยื่นหน้าไปหานัมจูที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วกระซิบเบาแต่ก็ต้องหยุดเมื่อคนตัวเล็กพูดขัด

    เงียบเหอะน่าเมื่อกี้ฉันหงุดหงิดมากเลยนะ  แล้วทำไมเธอต้องมองพนักงานคนนั้นซะหวานเยิ้มขนาดนั้น”  นัมจูที่ทำหน้าจริงจังแถมยังกอดอกเพื่อบ่งบอกว่าเธอไม่พอใจในการกระทำของคนตัวสูง

    แล้วทำไมเธอต้องโมโหพนักงานเขาด้วยละ  ฉันก็แค่ยิ้มตอบเขาไปเฉยๆเอง”  ฮายองพูดไปแบบไม่เข้าใจมากนักว่าทำไมคนตัวเล็กตรงหน้าต้องทำท่าไม่พอใจตนขนาดนั้นด้วย

    ก็ฉันหึช่างเถอะหลังจากนี้เราก็ต้องแกล้งเป็นแฟนกันด้วยล่ะไม่งั้นถ้าโดนจับได้ซวยแน่”  นัมจูทำหน้าจริงจังคูณสองแถมยังกระซิบบอกฮายองเบาๆอีก

    ว่าแต่เซ็ตคู่รักที่สั่งไปมันเท่าไหร่นะ”  ฮายองถามเพื่อความมั่นใจเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีอยู่ไม่ถึงสองร้อย

    ก็ประมาณ  500  ได้มั่งมันเป็นเซ็ตใหญ่”  นัมจูตอบไปนิ่งๆพรางแสร้งมองไปนอกหน้าต่าง

    ห๊ะ!!  ธะ..เธอสั่งแพงไปป่าวฉันมีเงินไม่ถึงนะ”  ฮายองที่ทำตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อได้ยินราคาของไอศกรีมที่นัมจูสั่งไป

    ก็ถึงบอกว่าถ้าโดนจับได้จะซวยไง”  นัมจูพูดบอกเสียงเรียบไป  หนังจากนั้นฮายองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจนเวลาล่วงเลยผ่านไป..

    ไอศกรีมมาแล้วค่ะ  เชิญทานให้อร่อยนะค่ะ”  พนักงานหญิงอีกคนเดินมาเสิร์ฟไอศกรีมแล้วก็เดินกลับเข้าไปในหลังร้านทันที  และที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าทั้งสองคือไอศกรีมชุดคู่รักเซ็ตใหญ่(ม๊ากกกก)  เซ็ตนี้กินกันสี่คนก็ยังไม่รู้ว่าจนหมดไหม

    โหยในรูปว่าใหญ่แล้วของจริงใหญ่หว่าอีก  จะกินให้อร่อยนะค่ะ”  นัมจูที่ไม่พูดพรำทำเพลงรีบคว้าช้อนแล้วยัดไอศกรีมเข้าปากคำใหญ่

    เธอนี่กินเหมือนเด็กเลยนะ  มานี่เดี๋ยวเช็ดให้”  ฮายองนั่งอึ้งอยู่กับไอศกรีมสักพักก็หันไปมองคนตรงหน้าที่กินเหมือนกับเด็กที่กินเลอะเทอะไปหมด  ฮายองหยิบกระดาษเช็ดชู่แล้วไปเช็ดที่มุมปากให้กับนัมจู  นัมจูก็ก็ยื่นหน้าไปให้ฮายองเช็ดอยู่สักพักก็กลับไปทานไอศกรีมต่อเช่นเดิม

    ทำไมไม่กินละฮายอง  เธอก็รู้ฉันกินคนเดียวไม่หมดหลอกนะ” 

    ไม่เอานั่งมองเธอกินฉันก็อิ่มแทนละ  กินเยอะๆนะเด็กน้อยยย”  ฮายองตอบกวนๆไปแถมยังเอามือไปขยี้หัวนัมจูซะยุ่งไปหมด  การกระทำของทั้งคู่ทำเอาโต๊ะข้างๆต้องอมยิ้มไปตามๆกัน

    ย๊า!  อย่าเล่นแบบนี่หัวฉันยุ่งหมดแล้วเห็นไหม  มานี่เลยอ้าปาก!!”  ต่อว่าร่างสูงกับไปก็เอามือไปจับคางร่างสูงไว้แล้วยัดไอศกรีมคำโตเข้าปากไปทันที  ฮายองรีบกลืนไอศกรีมคงคอไปด้วยความเย็นและตกใจ

    ทำบ้าอะไรของเธอเนี้ย  ฉันตกใจหมดเลย”  เป็นครั้งแรกที่ฮายองใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะรอยยิ้มที่ดูทะเล้นขี้เล่นของคนตรงหน้า

    ก็นั่นคำสุดท้ายพอดีเลยให้กิน  ไม่ดีหรอ”  ฮายองได้ยินเช่นนั้นก็ก้มดูไอศกรีมชามโตเมื่อสักครู่  แต่ในตอนนี้มันกลับว่างเปล่า

    เมื่อกี้เธอบอกฉันนะว่ากินคนเดียวไม่หมดหลอกแต่นี้มัน..” 

    เอาน่าก็ฉันหิวเรากลับกันเถอะมันเริ่มเย็นละ”  นัมจูก้มดูนาฬิกาตัวเองก็เห็นว่ามันเวลา  5  โมงเย็นแล้วทั้งคู่กำลังจะลุกออกไปจากโต๊ะแต่ทะว่าดันมีพนักงานชายเดินถือกล้องเข้ามาหาทั้งสองซะก่อน

    เอ่อขอโทษนะครับทางเราขอเวลาสักครู่”  นัมจูและฮายองมองหน้ากันอย่าง งงๆ  ไหนเขาบอกว่าคู่รักกินฟรียังไงแล้วนี่จะมาเก็บตังหรอ?

    คือทางเราจะถ่ายรูปคู่รักให้นะครับ”  พนักงานชายคนนั้นยิ้มให้ก่อนจะทำท่าถ่ายรูป  นัมจูและฮายองถึงกับโล่งอกเมื่อรู้ว่าพนักงานชายนั้นจะมาถ่ายรูปให้เพียงเท่านั้นทั้งคู่ยืนชูสองนิ้วแล้วยิ้มไปทางกล้องแต่พนักงานชายก็ไม่กดถ่ายสักที

    เอ่อ..ไม่ถ่ายหรอค่ะ”  นัมจูถามไปอย่างสุภาพ  และเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วซิทางฮายองก็เช่นกันเหมือนจะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจ

    ขอโทษนะครับคือเพื่อเป็นการยืนยันว่าคุณทั้งสิงเป็นคู่รักกันจริงๆ  ช่วยถ่ายรูป  kiss กันได้ไหมครับเพราะช่วงนี้ชอบมีเด็กที่มาแกล้งเป็นคู่รักกันเพื่อมาทานไอศกรีมร้านเราฟรีน่ะครับ  ยังไงก็ขอความร่วมมือด้วยนะครับ”  ฮายองกับนัมจูแทบหันมามองหน้ากันทันทีเมื่อพนักงานชายพูดจบ

    เอาไงดี”  ฮายองกระซิบเบาๆข้างๆนัมจูเพราะในตอนนี้พนักงานชายยังคงจ้องมองมายังทั้งสอง

    ทำๆไปเถอะ”  นัมจูกระซิบกับไปเบาๆก่อนจะหันไปยิ้มเจือนๆให้กับพนักงานชายเพื่อบอกว่าพร้อมถ่ายแล้ว

    งั้นผมจะถ่ายแล้วนะครับ  3”  พนักงานชายเพื่อได้ยินก็เริ่มนับถอยหลังและตั้งท่าถ่ายรูปทันที

    เอาจริงดิ”  ฮายองยังคงกระซิบถามอย่างตกใจ

    “2  พร้อมนะครับ” 

    เฮ้ยนัมจู”  ยิ่งพนักงานชายนับถอยหลังมากเท่าไหร่ใจของฮายองมันยิ่งเต้นแรงมากเท่านั้น 

    1  แชะ!!  หลังจากพนักงานกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนัมจูก็หันไปหาฮายองทันทีจนฮายองแทบตั้งตัวไม่ทัน  ในตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันจนสนิทใจที่เต้นแทบจะไม่เป็นจังหวะของทั้งคู่เหงื่อที่ไหลแทบจะท่วมตัว  นัมจูได้แต่หลับตาด้วยความอายส่วนทางฮายองก็ยังคงอึ้งและจ้องมองใบหน้าคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างเขินอาย  ไม่นานทั้งคู่ก็แยกริมฝีปากออกจากกันใบหน้าที่ขึ้นสีจนเห็นได้ชัดหลังจากรับรูปจากพนักงานชายแล้วทั้งสองก็กำลังจะเดินออกไปจากร้านแต่ก็มีพนักงานหญิงคนเจ้าเก่าเดินมาหาฮายอง  เธอยื่นอะไรสักอย่างที่เหมือนเป็นกระดาษให้กับฮายอง  ส่วนนัมจูที่ยืนอยู่ห่างๆอย่างสงสัยพลันคิ้วก็เริ่มขมวดผูกเป็นปม

    "กลับกันเถอะ"
      ฮายองเดินมายังนัมจู  นัมจูที่ยังคงขมวดคิ้วไม่เลิกพรางสงสัยในรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของฮายอง  'นี่เธอลืมไปแล้วหรอว่าเมื่อกี้จูบกันฉันน่ะ!!'

    "มีอะไรหรอ?  แล้วทำไมต้องยิ้มด้วย?  ผู้หญิงเมื่อกี้ให้อะไรเธอ?"  คำถามที่รัวเป็นชุดใส่คนตัวสูง
    "นี่เธอหึงฉันหรอ?"  

    "ป๊าวว!  ใครจะไปหึงเธอกันย่ะแล้วตกลงเมื่อกี้เขาให้อะไรเธอ"

    "ก็เบอร์โทรน่ะ ฮายองพูดพร้อมชูกระดาษที่จดเบอร์โทรไว้ให้นัมจูดู  เพียงแค่เสี้ยววินัมจูก็แย่งแผ่นกระดาษนั้นไปทันทีก่อนที่จะทำการขย้ำมันและปาทิ้งไปไหนก็ไม่รู้

    "เฮ้ยเธอ!! 

    "อุ้ย!หลุดมันลืมตัวอ่ะโฮ๊ะๆๆ แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แบบที่ไม่เนียนสุดๆ

    "เห้ออ~  ช่างเถอะถึงยังไงเขาก็มีเบอร์ฉันแล้วเดี๋ยวก็คงโทรมาแหละ"  ถอนหายใจออกมาเบาๆ  

    "ย๊า!!  เธอห้ามรับเบอร์ยัยนั้นนะ!"  ร่างเล็กพูดสั่งเสียงดัง ทำเอาคนตัวสูงอดหัวเราะไม่ได้ที่ร่างเล็กทำท่าหึงหวงเธอ

    "นี่เธอหึงฉันจริงๆซินะฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะที่ดูท่าทีมีความสุข  คนที่เดินผ่านไปมาก็ไม่วายต้องมองทั้งสองด้วยความรู้สึกที่ว่าคู่รักทะเลาะหยอกล้อกันเล่น 

    "ฉันไม่ได้หึงย่ะ  แค่ดูแล้วยัยนั้นเหมือนคนไม่ดีก็เท่านั้นเอง"  นัมจูที่ยังคงปฏิเสธหน้าด้านๆ  

    "งั้นฉันเดินไปขอผู้หญิงเมื่อกี้เป็นแฟนเลยดีไหมน้าาา~"  พูดเล่นเสียงก่อนจะแกล้งทำท่าเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง  แต่ก็ไม่พ้นโดนมือคนตัวเล็กรั้งไว้

    "ย๊าา!!  กลับบ้านได้แล้วฉันง่วง"  พูดจบก็ลากเสื้อคนตัวสูงให้เดินตามมา  ระหว่างทางนัมจูไม่มีท่าที่ว่าจะปล่อยมือจากเสื้อของฮายองเลย  การกระทำที่ดูน่ารักแบบนี้ของเธอทำเอาคนตัวสูงที่เดินตามหลังมาอดยิ้มไม่ได้เลย  รอยยิ้มที่ดูมีความสุขของฮายองและคิ้วที่ขมวดชนกันไม่เลิกของนัมจูตลอดจนทั้งสองกลับมาถึงบ้าน

    "นี่นัมจู...ฉันไมีเรื่องจะบอกแหละ"  เรียกคนตัวเล็กหลังจากที่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว
    "ก่อนหน้านี่ที่ร้านไอติดอ่ะ  ฉันโกหกฮ่าๆๆใครมันจะมาให้เบอร์ฉันกันฮ่าๆๆ"
    "ย๊าาๆๆ!!!  นี่เธอหลอกฉันหรอหน๊อยยย!!!"  ความโกรธที่โดนหลอกมันพุ่งขึ้นมามือเล็กเริ่มทำการทุบไปยังไหล่ของคนตัวสูงแบบไม่ยั้งมือ  

    "โอ๊ยๆๆ เจ็บๆๆฮ่าๆๆ ก็แกล้งเธอมันสนุกนี่ โอ๊ย!ฮ่าๆๆ"  ร่างสูงที่ถึงจะเจ็บที่โดนร่างเล็กทุบแต่บนใบหน้าของเธอก็ยังคงมีแต่รอยยิ้มที่ดูมีความสุขที่ได้แกล้งร่างเล็ก
    "พอแล้วน่าา  ฉันเจ็บนะ"

    "ชิส์"  ทำหน้ามุ้ยไม่พอใจใส่ร่างสูง

    "แล้วรูปนี่อ่ะใครจะเก็บไว้"  ร่างสูงหยิบรูปในกระเป๋าเสื้อออกมา....แต่ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ร่างเล็กพูด

    "เอาทิ้งไปนั้นแหละ!!"
     นัมจูคว้ารูปในมือของฮายองมาแล้วเดินเข้าห้องของตนไป  ทิ้งให้ฮายองยืนนิ่งเป็นหุ่นกับการกระทำของนัมจูรอยยิ้มที่เคยปรากฏอยู่บนหน้าร่างสูงในตอนนี้มันได้หายไปแล้ว  ไม่รู้หลอกว่าคนตัวเล็กพูดจริงหรือพูดเล่นที่จะทิ้งภาพๆนั้นภาพที่ทำให้ฮายองเหมือนจะรับรู้ถึงอะไรบ้างอย่างในใจของตัวเอง  ฮายองไม่เข้าใจกับความรู้สึกแปลกๆที่มันพุ่งเข้ามาใส่เหมือนกับว่าในตอนนี้เธอโดนมีดเป็นพันๆเล่มแทง  เพียงแค่นัมจูบอกว่าจะทิ้งรูปๆนั้นใจเธอมันก็ชาไปหมดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้มันแทบจะอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลย

     

    ตกลงฉันรู้สึกยังไงกับเธอกันแน่นะคิม  นัมจู

    ................................





    เฮ้โย่วววว คราวนี้มาแบบฮาจู

    ไรท์ยังเขียนแบบ...ไม่ไหวจะเคลียร์

    เขียนเอง งง เองเอาเถอะ ฮ่าๆๆ

    ช่วงท้ายๆมันแปลกๆหน่อยนะเพราะไรท์มาแก้ในเว็บเด็กดีมันเลยขนาดตัวอักษรอะไร

    พวกนั้นมันเลยไม่เหมือนกัน เห้ออเซ็ง~ -_-


    อ่านแล้วอย่าลืม 
    คอมเม้น น้าาา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×