ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (bts) sf/os - how yoongi survive when- (vga/kookga/etc)

    ลำดับตอนที่ #5 : sf/ how yoongi survive when he's f*cking manly? [3]

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 65


    T
    B

    Title : Short Fiction – How Yoongi survive when he is f*cking manly? | ซังนัมจามินยุนกิ [3]

    Paring : V x Suga

    Note : เปิดบุลทาโอรึเนตอนแต่งรัวๆค่ะ รู้สึกความฮอตหยั่งกะไฟเยอร์ของพิแท อรั้ย

     


     

     

                "พอดีพ่อผมเป็นผอ.ว่ะ"

     

                    แทฮยองพูด เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกระตุกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ยุนกิไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอจากนักเรียนประเภท เอ่อ-- เด็กเนิร์ด โดยเฉพาะในตำแหน่งประธานนักเรียนที่ได้รับความเชื่อใจจากอาจารย์ทั่วสารทิศอย่างเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทไม่ผิดกฎระเบียบนั่น

                    แต่เชื่อเถอะ ว่ารอยยิ้มเหี้ยๆนั่นเข้ากันกับใบหน้าของแทฮยองแปลกๆ

     

     

                    "ถ้าไม่อยากให้เรื่องมันไปถึงหูคุณคิมก็ไสหัวไปซะ คุณคงไม่อยากไปดัดสันดารไกลถึงอเมริกาเพราะข่าวข่มขืนรุ่นพี่หรอกใช่มั้ยครับ"

                    "ไอ้แทฮยอง นี่มึงรู้!?"

     

                    แทฮยองกระตุกยิ้มอีกครั้ง มือของแทฮยองถูกยกขึ้นมากอดอกตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า ใบหน้าของคิมซึงฮยอนซีดเผือก ถึงแม้ว่าพ่อของซึงฮยอนจะเป็นคนใหญ่โต แต่เพราะแทฮยองเป็นถึงลูกชายผู้อำนวยการโรงเรียนอินจอง มันก็ไม่ต่างกับแทฮยองบีบอีกฝ่ายไว้ในกำมือ

     

     

     

                    "กับโรงเรียนนี้ ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้หรอกครับ"

     

                    แทฮยองพูด ก่อนจะหันมาระบายยิ้มกว้างให้กับยุนกิ ราวกับต้องการพูดประโยคนั้นกับเขาอีกคน

                    และนั่น เป็นครั้งแรกที่ยุนกิคิดว่า เขาช้าเกินที่จะถอยหลังกลับ

     

     

     

     

                    ยุนกิไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่แทฮยองพูดออกไปมันจริงแค่ไหน แต่นั่นก็มีอำนาจพอที่จะทำให้ซึงฮยอนร้องฮึดฮัดก่อนจะเดินออกจากชั้นดาดฟ้าไป นั่นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่แย่กว่าคือการที่เขาต้องทนอยู่ในสภาพ เอ่อ ไม่มีเสื้อจะใส่ มือโชกเลือด แถมยังปวดไปแทบทั้งตัวตามแรงกระแทก

                    นี่มันวันแห่งความซวยชัดๆ

     

                    ยุนกิถอนหายใจ เขาเหวี่ยงเศษเสื้อนักเรียนที่ถูกกระชากลงกับพื้นด้วยความหงุดหงิด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อรู้สึกเจ็บที่มือทั้งสองข้าง ขาเรียวตั้งใจจะกระทืบเศษซากเศษผ้าสีขาวนั่นเผื่อดับอารมณ์คุกกรุ่น แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของแทฮยอง

     

                    "ยกมือขึ้นสิครับ"

     

                    "ฮะ?" ยุนกิขานตอบโดยอัตโนมัติ ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มก่อนจะใช้มือของตัวเองจับแขนของเขาให้ชูสูงขึ้น และนั่นเป็นครั้งแรกที่ยุนกิสังเกตเห็นเสื้อฮู้ตสีน้ำเงินเข้มที่แขนซ้ายของแทฮยอง

     

                    และทุกอย่างก็กระจ่างเมื่อแทฮยองหยิบเสื้อฮู้ตมาสวมใส่ให้เขาราวกับยุนกิเป็นเด็กสามขวบ ริมฝีปากกำลังจะออกปากเถียงและแน่นอนแทฮยองเร็วกว่า ยุนกิรู้สึกถึงความเย็นเข้าครอบงำที่ริมฝีปาก นิ้วเรียวของแทฮยองกลายเป็นมนตร์สะกดที่ทำให้เขาหยุดสงสัย

     

     

                    "อย่าดื้อกับผม

     

                    สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้แทฮยองสวมเสื้อฮู้ตให้จนเสร็จ น้ำเสียงทุ้มนั่นทำให้เขาอยู่ในอาณัติอย่างน่าประหลาด ก่อนที่มือหนาจะจับแขนของเขาขึ้นมา รอยบาดแผลที่เกิดจากการเสียดสีของเข็มขัดหนังนั่นทำให้ยุนกิเม้มริมฝีปากแน่น

     

                    "ที่ห้องสภาพอมีที่ปฐมพยาบาลอยู่บ้าง ทนหน่อยนะครับ"

     

                    แทฮยองพูดขึ้นก่อนจะระบายยิ้มออกมาอีกครั้ง มือหนาคว้าเศษซากเสื้อนักเรียนของเขาก่อนจะเดินนำหน้าไปที่ประตูบานฝืด พร้อมกับเขาที่ก้าวตามหลังแทฮยองไป ถึงแม้ว่าแหล่งกบดานของเขาก็มีห้องพยาบาลเช่นกัน

                   

                    นาย.. คิมแทฮยองใช่ไหม

                    ยุนกิพูดขึ้นในขณะที่เจ้าของชื่อกำลังเลื่อนเปิดประตูบานใหญ่ มือหนาเลื่อนมือออกจากกลอนประตู ก่อนจะหันหน้ามามองผู้ร่วมบทสนทนาที่อยู่ในคราบของเสื้อฮู้ตสีน้ำเงินเข้มของตัวเอง ก่อนจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นเส้นผมสีสว่างเป็นสีเขียวอ่อนนั่นอยู่ตามกรอบใบหน้าเพราะหยาดเหงื่อของคนตรงหน้า

     

                    “ครับ

     

                    ไอ้กล้องวงจรปิดเวรนั่นน่ะ นาย.. ต้องเงียบปากซะ เข้าใจใช่ไหม

                    ยุนกิพูด นัยน์ตาสุกใสจ้องเขม็งเข้าที่ใบหน้าคม น้ำเสียงแหบนั่นกลั่นประโยคออกมาดูจริงจังจนแทฮยองหลุดหัวเราะ

                   

                    กลับไปคุยที่ห้องสภาเถอะครับ พี่คงไม่คิดว่าการคุยเรื่องแบบนี้ตรงนี้มันจะปลอดภัยน่ะ

                    แทฮยองพูด ริมฝีปากหนาเผยยิ้มที่ทำให้ยุนกิถอนหายใจก่อนจะก้าวเท้าไปตามแผ่นหลังหนาที่ไม่ได้หันหลังกลับมามองเขาเลยซักครั้งในขณะที่แทฮยองกำลังเดินนำหน้าไปที่ห้องสภานักเรียน

                    นั่นก็ดี ยุนกิไม่ได้ต้องการให้ใครมาสนใจ

                    แต่นั่นก็แปลว่า เขาจะไม่รู้เลยว่าแทฮยองคิดอะไรอยู่

     

                    และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา

     

     

    -상남자-

     

     

                    "อ้าว พี่สาวนี่"

     

                    ทันทีที่แทฮยองเปิดประตูบานหนาที่สมเกียรติกับชื่อห้องสภานักเรียน โอเค ยุนกิจะไม่แปลกใจว่าทำไมโรงเรียนถึงทุ่มทุนไปกับการปรับปรุงดูแลไอ้ห้องสภานักเรียนนี่ทุกๆสามเดือน นั่นคงไม่พ้นคิมแทฮยองหรอก เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นในทันทีทำให้เขาละความสนใจจากเฟอร์นิเจอร์ที่ดูจัดวางไว้สวยงามยิ่งกว่าห้องพักครูที่ตึกไหนมาเป็นใบหน้าของจอนจองกุกแทน

                    เด็กนั่นละวางหนังสือที่ถูกห่อปกด้วยกระดาษสีทึบลงกับโต๊ะ น่าแปลกใจเหมือนกันที่ไม่เห็นว่าจองกุกสวมใส่เนคไทอย่างที่เขาคิดไว้ กระดุมถูกปลดลงมาสามสี่เม็ดแถมยังเอาเสื้อออกนอกกางเกง

     

                    "โถ่ พี่สาวอย่ามองผมแบบครูห้องปกครองสิครับ"

                    จองกุกพูด ก่อนจะลุกขึ้นเอาเสื้อเข้าในกางเกงนักเรียนสีเข้ม ติดกระดุมเสื้อก่อนจะบ่นอะไรซักอย่างที่เขาไม่เข้าใจ ยุนกิเงยหน้าไปมองแทฮยองที่กำลังจ้องเขม็งไปยังจองกุกด้วยสายตาที่เขาไม่คุ้นเคย ก็แน่สิ นอกจากการกระตุกยิ้มเหี้ยมกับรอยยิ้มกว้างที่โคตรน่าหมั่นไส้เขาก็ไม่เห็นสีหน้าอื่นจากแทฮยองเลยด้วยซ้ำ

                    มันเป็นเรื่องปกติของคนที่พึ่งรู้จักกันจริงไหม

     

                    "นายน่ะกลับบ้านไปได้แล้วจองกุก" แทฮยองออกปากสั่ง เขาแอบเห็นจองกุกหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยก่อนจะกวาดหนังสือนั่นลงกระเป๋าเป้ โดยไม่ลืมจะหยิบเอาเนคไทที่พาดไว้กับโซฟากำมะหยี่สีแดงขึ้นมา

     

                    "อย่าอยู่ดึกมากแล้วกันนะครับคุณประธาน"

     

                    จองกุกพูด ก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้ด้วยไหล่ข้างเดียว เจ้าของส่วนสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตรก้าวเท้าเข้ามาหาเขา ก่อนจะจบที่เขาได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นชัดเจนมากกว่าปกติเพราะจองกุกเลื่อนใบหน้าเข้ามาหาเพื่อจะกระซิบที่ข้างหูขวาของเขา

     

                    มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ ถือเป็นคำขอโทษที่ชนพี่เมื่อเย็น

     

                    หลังจากพูดจบ จองกุกก็ผละตัวออกมาจากเขา รีบสาวเท้าไปยังประตูบานหนาก่อนจะโบกมือลา การกระทำของจองกุกทำให้เขาขมวดคิ้วเข้ากันจนเป็นปม ให้ตายเหอะ ถ้าไม่มีสัญลักษณ์สภานักเรียนติดที่อกเสื้อของจองกุกเขาก็จะคิดว่าจองกุกเป็นแค่เด็กปีสองกวนตีนๆคนนึงมากกว่าซะอีก

     

                    มันพูดอะไรกับพี่?” จู่ๆแทฮยองก็พูดขึ้น คำถามของแทฮยองทำให้ยุนกิเลิกคิ้วขึ้น โอเค มันมีไม่กี่คนหรอกที่ออกปากแส่เรื่องของเขาตรงๆโดยไม่กลัวโดนรุมกระทืบ

     

                    จะรู้ไปทำไม

                    ยุนกิตอบไปตามความจริง เขาไม่เห็นว่าการที่เขาบังเอิญชนกับไอ้เด็กไททั่นนั่นที่มุมตึกเป็นเรื่องสำคัญตรงไหน ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่แทฮยองต้องมองหน้าเขาด้วยสายตาแข็งกร่าวแบบนั้น

                    มันเหมือนกับ เขากำลังทำอะไรผิด

     

                    “ยุนกิ พี่ควรทำตัวกับผมดีๆ

                   

                    นั่นเป็นประโยคที่น่าตลกที่สุดของแทฮยอง ไม่สิ ตลกที่สุดในโลก เท่าที่เขาเคยได้ยินมาน่ะ

     

                    มึงไม่ได้บังเอิญเจอกู หรือไม่จริง?”

                    ยุนกิพูดขึ้นโดยใช้สรรพนามที่เปลี่ยนไป ก่อนที่แทฮยองจะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคของเขา

                    เพราะเสื้อฮู้ตที่แทฮยองเผื่อมาให้ มันแปลว่าแทฮยองไม่ได้บังเอิญเจอเขาในตึกที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมแน่ๆ เขายังจำใบหน้าของแทฮยองครั้งแรกที่เจอได้ ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มเหนือกว่า ไม่มีแม้แต่รอยเหงื่อที่แสดงให้เห็นว่าแทฮยองรีบเร่งมาช่วยเขา และจะมีสาเหตุไหนไปมากกว่า-

     

                    มึงเห็นกู.. กับไอ้เวรซึงฮยอนนั่นตั้งแต่ต้น แต่

                    “…”

                    “มึงรอตอนที่มันนั่นทำอะไรเวรๆกับกู

     

                    “อ่า..

     

                    “มึงต้องการอะไรวะแทฮยอง?”

     

                    ยุนกิพูด นัยน์ตาสุกใสฉายแววแข็งกร่าวอย่างที่แทฮยองเห็นมันผ่านกล้องวงจรปิด ใช่ ความจริง เขาเห็นมันตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ตอนที่ยุนกิผลักประตูไม่ได้ จนถึงตอนที่ซึงฮยอนปลดเข็มขัดหนังมารัดข้อมือร่างเล็กตรงหน้า

                    ในเมื่อยุนกิอ่านเกมออกเร็วเกินไป การบอกความจริงคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

                    สำหรับเขาน่ะนะ J

     

     

                    ผมต้องการพี่

                    “…”

                    “และต้องได้ด้วย

     

                    ยุนกิผลักแทฮยองไปกระแทกกับผนัง แทฮยองพึ่งรู้ว่าการเรียนวิชาชีววิทยามาตลอดหลายปีก็นำมันมาอธิบายความจริงได้ตอนนี้ เวลาที่คนโกรธเป็นฝืนเป็นไฟดูมีแรงมากกว่าอารมณ์ปกติหลายเท่า ยุนกิกดไหล่เขาลงกับผนังจนเส้นเลือดปูด เลือดจากข้อมือของยุนกิปัดผ่านเสื้อนักเรียนสีขาวเรียบของเขาจนแต้มสีแดงอ่อน

                   

                    เลิกกวนตีนกู ก่อนที่มึงจะไม่มีปากพูด ไอ้เวรเอ้ย!”

                   

                    ยุนกิน่ะเป็นคนน่ารัก

                    เขาชอบรอยยิ้มพระจันทร์เสี้ยวของเจ้าตัว พอๆกับการจ้องมองริมฝีปากบางนั่น

     

                    แต่บางที ยุนกิก็โง่เกินไป

     

                    อะ..!”

                    ยุนกิสะดุ้งเมื่อแทฮยองคว้าเข้าที่ข้อมือบาง ยุนกิไม่ควรลุกมาเป็นเสือในขณะที่ตัวเองกำลังบาดเจ็บ จุดอ่อนเล็กๆน้อยๆนั่นอาจจะทำให้เสือถูกคนมือเปล่าปราบได้ เช่นเดียวกับแทฮยองที่ใช้มืออีกข้างกดท้ายทอยของคนตัวเล็กกว่าเข้ามาหา ก่อนจะประกบริมฝีปากบางนั่น

                    และมันก็น่าตลกดีเมื่อยุนกิพยายามผละตัวออกมาจากเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี และสุดท้ายมันก็จบลงด้วยการที่เขากดยุนกิไปกับผนังห้องสีสว่าง

     

                    ไอ้.. สารเลว

                    รอยเลือดที่อยู่ตรงข้อมือของยุนกิตัดกับร่างสีขาวจัดราวกับกระดาษ แทฮยองละสายตาจากข้อมือของยุนกิขึ้นมากระตุกยิ้ม โอเค คำว่าสารเลวนั่นมันก็ไม่ร้ายแรงอะไรเท่าไหร่นัก –เทียบกับสิ่งที่เขาต้องการจะทำน่ะนะ

                    แทฮยองประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง มือหนาลูบไล่ไปที่ใบหน้าขาว ก่อนจะเลื่อนต่ำไปใต้เสื้อฮู้ตสีน้ำเงินเข้มที่ตัดกับผิวขาวซีดของยุนกิ น่าแปลกที่พอมันอยู่บนตัวยุนกิ มันช่างดูเหมาะสม และก็น่าถอดเช่นเดียวกัน

                    อาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดที่คั่งค้างอยู่ที่ข้อมือเล็ก ไม่ก็สัมผัสจาบจ้วงที่มือหนากำลังซุกซนด้วยการบีบเค้นร่างกายของคนใต้อาณัติราวกับหมาป่านั่นทำให้ยุนกิน้ำตาไหลเป็นครั้งที่สอง เขาเลิกส่งแรงผลักแทฮยอง เลิกหันหน้าหนี ปล่อยให้ศีรษะของตัวเองพิงกับผนังห้องสีสว่าง

     

                    “..ยุนกิ

                    ไม่รู้เรื่องไหร่ที่เขาเอาแต่สะอื้นจนไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงของตัวเองกับ— เสียงดูดเม้มริมฝีปากที่ไอ้เด็กเวรนั่นทำกับเขา แทฮยองผละออกก่อนจะเรียกชื่อของเขาให้หันกลับมามอง และการที่เขาเอาแต่มองเฉไปอีกทางทำให้แทฮยองถอนหายใจออกมาแรงๆ

     

                    ถ้าพี่ฟังผม เรื่องมันจะไม่เป็นแบบนี้

                    “หึ ปล่อยให้มึงทำเหี้ยไรกับกูก็ได้น่ะเหรอ

     

                    “ยุนกิ พี่กำลังทำให้ผมโกรธนะแทฮยองพูด นัยน์ตาคมแข็งกร่าวนั่นทำให้ยุนกิคิดว่าแทฮยองไม่ได้โกหก และยุนกิก็ไม่ได้สนใจ มันคงไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ มือหนาจะคลายมือที่กำรอบข้อมือของเขาออก เลือดของเขาเปรอะไปทั่วมือของแทฮยองทำให้คนตัวสูงสบถออกมา

     

                    แทฮยองหายไปที่ห้องห้องหนึ่งที่มีป้าย ห้องประธานนักเรียนติดเอาไว้ ก่อนที่ร่างสูงจะออกมาพร้อมกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ตลกดี ยุนกิไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าชีวิตตัวเองต้องมาเจอจุดบัดซบแบบนี้อีกครั้ง และนั่นก็เกิดซ้ำขึ้นอีกเมื่อแทฮยองหยุดมายืนอยู่ตรงหน้า

     

                    พี่ไปนั่งที่โซฟา ผมจะทำแผลให้

                    “ทำ? เพื่อ? มึงเป็นคนทำให้กูเป็นแบบนี้ปะวะ สมใจมึงแล้วไม่ใช่รึไง!” ยุนกิขึ้นเสียง เขาผลักไหล่หนานั่นออกให้ห่างจากตัว แต่นั่นก็ทำได้แค่ให้แทฮยองยืนห่างเขาไปก้าวสองก้าวเท่านั้น

     

                    “พี่อย่าดื้อกับผม

     

                    มันตลกดีที่แทฮยองมักใช้คำนี้ขึ้นมาต่อรอง และความจริงคือยุนกิอายุเยอะกว่ามันหนึ่งปี การเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ใช่เพราะมันรึไง? ยุนกิแค่นหัวเราะในขณะที่แทฮยองจ้องเขาเขม็ง

     

                    “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงจะทำเรื่องเหี้ยๆแบบนี้ทำไม

                    “…”

                    “แต่ถ้ามึงแหย่กูแล้ว กูก็จัดการมึงได้เหมือนกัน

     

                    ยุนกิพูดขึ้น ใช่ เขาไม่ได้เก่งแค่มีพวกพ้องหรอก เขาต้องมีเส้นสายพอสมควร อย่างน้อยก็พอสำหรับการมีเรื่องแล้วไม่ถูกจับเข้าคุกเข้าตาราง และแน่นอนว่ามันมีอิทธิพลกับแทฮยองพอ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้อำนวยการโรงเรียน

                    แต่เชื่อเถอะ ประโยคของเขาไม่ได้ทำให้แทฮยองหวาดกลัว มีเพียงแค่ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม

     

     

     

                    หมายถึงให้พี่ชายต่างเลือดมาจัดการให้น่ะหรอครับ หืม

     

                    ประโยคของแทฮยองทำให้ยุนกิเงยหน้าของมามองคนตรงหน้า คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันจนเป็นปม มือเล็กนั่นกำเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ การกระทำนั่นทำให้แทฮยองส่งนิ้วขึ้นมาคลายปมบนใบหน้าขาว และนั่นถูกปัดออกอย่างไม่ใยดีโดยยุนกิ ก็.. ตามที่คิดไว้นั่นแหละ

                   

                    “น้องชายต่างสายเลือดของคิมนัมจุน.. คนดังของอินจองปีก่อนด้วยนี่ อ่า คุณคิมนี่ ยิ่งกว่าสุดยอดอีกนะครับ คอยจัดการเรื่องของพี่โดยไม่ให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใคร

                    “…”

                    “ถ้ามีพาดหัวข่าวว่า ที่จริงแล้วซีกรุ๊ปไม่ได้ล้มละลายเพราะติดหนี้ แต่เป็นเพราะบริษัทใหญ่กดดันให้ล้มละลายเพราะลูกชายของซีกรุ๊ปเอารองเท้าของเพื่อนร่วมชั้นไปซ่อน.. มันคงตลกดีนะครับ

                    “...

     

                    “พี่คงเป็นลูกชายที่ดีพอจะไม่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูคนอื่นหรอก จริงมั้ยครับเด็กดี

                   

                    มินยุนกิขบริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดซิบ เขากำมือแน่นจนรู้เจ็บ ยุนกิเหมือนตัวเองหดเล็กลงทีละน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า และโชคร้ายที่แทฮยองพูดถูกทั้งหมด

                    แทฮยองไม่เคยคิดจะเอาคลิปนี่มาแบล็กเมล์เขา เพราะคนตัวสูงมีไพ่ที่ดีกว่าอยู่ในมือ

                    และนี่คือเกมของแทฮยอง เขารู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของตัวละครแต่ละตัว และโชคร้ายที่ตัวละครที่เขาสนใจมากที่สุดคือยุนกิ และนั่นหมายถึงการรู้ข้อมูลทุกอย่างของคนตัวเล็กตรงหน้าเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยที่ข้อมูลนั่นจะไม่ส่งผลลบกับผู้สร้างกลไกของเกม – ไม่สร้างผลกระทบให้กับเขา

     

                    พี่ไม่ต้องโทษโชคชะตาของพี่หรอกยุนกิแทฮยองพูด ก่อนจะเลื่อนมือหนาเข้ามาใกล้หน้าเขา นิ้วโป้งของแทฮยองเกลี่ยน้ำตาที่อยู่ขอบตาให้อย่างเบามือ ในขณะที่เขายังคงจ้องตาคมเขม็ง

     

                    “คนที่ผิดน่ะ มันคือพี่

                    “…”

     

     

                    “ที่ทำให้ผมคลั่งพี่ขนาดนี้ พี่น่ะผิดเต็มๆเลยล่ะ

     

    (End Ep.2)




    talk
    ฮือออออออออออออออออออออออออ บุลทาโอรือเนนนนน ฟายเยอร์์์์์
    สวัสดีค่ะ ลืมเรื่องราวกันไปรึยังเอ่ย ฮือ 5555555555555555555555
    จริงๆ นี่แต่งไปอย่างสงสารยุนกิอ่ะ ทำไมหนูถูกผลักติดผนังทุกตอนเลยคะ! (มึงเลย เพราะมึงเลย!)
    จริงๆ มีคนเดาถูกคนนึงด้วยค่ะ นี่อุส่าต์ให้พินัมจุนเขาโพล่ชื่อมาแค่ประโยคเดียว ฮึก 55555555555555555
    ทำไมไม่เชื่อกันคะว่าพี่กิเขาโหดอ่ะ! เอะอะก็จะให้บทแมวใช่ไหมคะ! (มึงเลย เพราะมึงเลย!)
    เจอกันตอนหน้านะคะ ชวู้บ ♥

    hashtag #วิธีเอาตัวรอดของมินยุนกิ
    twt @sugayeaplease ค่ะ ♥

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ / ทุกทวิตด้วยนะคะ ฮือ รักนว้า ♥

    ปล. เผื่อสงสัยนะคะ คุณคิม ที่ว่าคือพ่อของนัมจุนน้า ไม่ใช่นัมจุน
    ปลล. งงอะไรอีกก็ตอนหน้าลุยค่ะ เพราะตอนนี้คือน้ำจิ้ม
    ปลลล. เมื่อไหร่เขาจะลงรอยกันวะ 55555555555555555555555 สามตอนแล้วนะโว้ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×