คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : sf/ how yoongi survive when he's f*cking manly? [3]
Title : Short Fiction – How Yoongi survive when he is f*cking manly? | ซังนัมจามินยุนกิ [3]
Paring : V x Suga
Note : เปิดบุลทาโอรึเนตอนแต่งรัวๆค่ะ รู้สึกความฮอตหยั่งกะไฟเยอร์ของพิแท
อรั้ย
"พอดีพ่อผมเป็นผอ.ว่ะ"
แทฮยองพูด
เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกระตุกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ยุนกิไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอจากนักเรียนประเภท
เอ่อ-- เด็กเนิร์ด
โดยเฉพาะในตำแหน่งประธานนักเรียนที่ได้รับความเชื่อใจจากอาจารย์ทั่วสารทิศอย่างเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทไม่ผิดกฎระเบียบนั่น
แต่เชื่อเถอะ
ว่ารอยยิ้มเหี้ยมๆนั่นเข้ากันกับใบหน้าของแทฮยองแปลกๆ
"ถ้าไม่อยากให้เรื่องมันไปถึงหูคุณคิมก็ไสหัวไปซะ
คุณคงไม่อยากไปดัดสันดารไกลถึงอเมริกาเพราะข่าวข่มขืนรุ่นพี่หรอกใช่มั้ยครับ"
"ไอ้แทฮยอง
นี่มึงรู้!?"
แทฮยองกระตุกยิ้มอีกครั้ง
มือของแทฮยองถูกยกขึ้นมากอดอกตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า ใบหน้าของคิมซึงฮยอนซีดเผือก
ถึงแม้ว่าพ่อของซึงฮยอนจะเป็นคนใหญ่โต แต่เพราะแทฮยองเป็นถึงลูกชายผู้อำนวยการโรงเรียนอินจอง
มันก็ไม่ต่างกับแทฮยองบีบอีกฝ่ายไว้ในกำมือ
"กับโรงเรียนนี้
ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้หรอกครับ"
แทฮยองพูด
ก่อนจะหันมาระบายยิ้มกว้างให้กับยุนกิ ราวกับต้องการพูดประโยคนั้นกับเขาอีกคน
และนั่น
เป็นครั้งแรกที่ยุนกิคิดว่า เขาช้าเกินที่จะถอยหลังกลับ
ยุนกิไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่แทฮยองพูดออกไปมันจริงแค่ไหน
แต่นั่นก็มีอำนาจพอที่จะทำให้ซึงฮยอนร้องฮึดฮัดก่อนจะเดินออกจากชั้นดาดฟ้าไป
นั่นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่แย่กว่าคือการที่เขาต้องทนอยู่ในสภาพ
เอ่อ ไม่มีเสื้อจะใส่ มือโชกเลือด แถมยังปวดไปแทบทั้งตัวตามแรงกระแทก
นี่มันวันแห่งความซวยชัดๆ
ยุนกิถอนหายใจ
เขาเหวี่ยงเศษเสื้อนักเรียนที่ถูกกระชากลงกับพื้นด้วยความหงุดหงิด
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อรู้สึกเจ็บที่มือทั้งสองข้าง ขาเรียวตั้งใจจะกระทืบเศษซากเศษผ้าสีขาวนั่นเผื่อดับอารมณ์คุกกรุ่น
แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของแทฮยอง
"ยกมือขึ้นสิครับ"
"ฮะ?" ยุนกิขานตอบโดยอัตโนมัติ
ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มก่อนจะใช้มือของตัวเองจับแขนของเขาให้ชูสูงขึ้น และนั่นเป็นครั้งแรกที่ยุนกิสังเกตเห็นเสื้อฮู้ตสีน้ำเงินเข้มที่แขนซ้ายของแทฮยอง
และทุกอย่างก็กระจ่างเมื่อแทฮยองหยิบเสื้อฮู้ตมาสวมใส่ให้เขาราวกับยุนกิเป็นเด็กสามขวบ
ริมฝีปากกำลังจะออกปากเถียงและแน่นอนแทฮยองเร็วกว่า
ยุนกิรู้สึกถึงความเย็นเข้าครอบงำที่ริมฝีปาก นิ้วเรียวของแทฮยองกลายเป็นมนตร์สะกดที่ทำให้เขาหยุดสงสัย
"อย่าดื้อกับผม”
สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้แทฮยองสวมเสื้อฮู้ตให้จนเสร็จ
น้ำเสียงทุ้มนั่นทำให้เขาอยู่ในอาณัติอย่างน่าประหลาด ก่อนที่มือหนาจะจับแขนของเขาขึ้นมา
รอยบาดแผลที่เกิดจากการเสียดสีของเข็มขัดหนังนั่นทำให้ยุนกิเม้มริมฝีปากแน่น
"ที่ห้องสภาพอมีที่ปฐมพยาบาลอยู่บ้าง
ทนหน่อยนะครับ"
แทฮยองพูดขึ้นก่อนจะระบายยิ้มออกมาอีกครั้ง
มือหนาคว้าเศษซากเสื้อนักเรียนของเขาก่อนจะเดินนำหน้าไปที่ประตูบานฝืด
พร้อมกับเขาที่ก้าวตามหลังแทฮยองไป ถึงแม้ว่าแหล่งกบดานของเขาก็มีห้องพยาบาลเช่นกัน
“นาย.. คิมแทฮยองใช่ไหม”
ยุนกิพูดขึ้นในขณะที่เจ้าของชื่อกำลังเลื่อนเปิดประตูบานใหญ่
มือหนาเลื่อนมือออกจากกลอนประตู
ก่อนจะหันหน้ามามองผู้ร่วมบทสนทนาที่อยู่ในคราบของเสื้อฮู้ตสีน้ำเงินเข้มของตัวเอง
ก่อนจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นเส้นผมสีสว่างเป็นสีเขียวอ่อนนั่นอยู่ตามกรอบใบหน้าเพราะหยาดเหงื่อของคนตรงหน้า
“ครับ”
“ไอ้กล้องวงจรปิดเวรนั่นน่ะ นาย.. ต้องเงียบปากซะ เข้าใจใช่ไหม”
ยุนกิพูด
นัยน์ตาสุกใสจ้องเขม็งเข้าที่ใบหน้าคม
น้ำเสียงแหบนั่นกลั่นประโยคออกมาดูจริงจังจนแทฮยองหลุดหัวเราะ
“กลับไปคุยที่ห้องสภาเถอะครับ
พี่คงไม่คิดว่าการคุยเรื่องแบบนี้ตรงนี้มันจะปลอดภัยน่ะ”
แทฮยองพูด ริมฝีปากหนาเผยยิ้มที่ทำให้ยุนกิถอนหายใจก่อนจะก้าวเท้าไปตามแผ่นหลังหนาที่ไม่ได้หันหลังกลับมามองเขาเลยซักครั้งในขณะที่แทฮยองกำลังเดินนำหน้าไปที่ห้องสภานักเรียน
นั่นก็ดี
ยุนกิไม่ได้ต้องการให้ใครมาสนใจ
แต่นั่นก็แปลว่า
เขาจะไม่รู้เลยว่าแทฮยองคิดอะไรอยู่
และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
-상남자-
"อ้าว
พี่สาวนี่"
ทันทีที่แทฮยองเปิดประตูบานหนาที่สมเกียรติกับชื่อห้องสภานักเรียน
โอเค
ยุนกิจะไม่แปลกใจว่าทำไมโรงเรียนถึงทุ่มทุนไปกับการปรับปรุงดูแลไอ้ห้องสภานักเรียนนี่ทุกๆสามเดือน
นั่นคงไม่พ้นคิมแทฮยองหรอก
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นในทันทีทำให้เขาละความสนใจจากเฟอร์นิเจอร์ที่ดูจัดวางไว้สวยงามยิ่งกว่าห้องพักครูที่ตึกไหนมาเป็นใบหน้าของจอนจองกุกแทน
เด็กนั่นละวางหนังสือที่ถูกห่อปกด้วยกระดาษสีทึบลงกับโต๊ะ
น่าแปลกใจเหมือนกันที่ไม่เห็นว่าจองกุกสวมใส่เนคไทอย่างที่เขาคิดไว้
กระดุมถูกปลดลงมาสามสี่เม็ดแถมยังเอาเสื้อออกนอกกางเกง
"โถ่
พี่สาวอย่ามองผมแบบครูห้องปกครองสิครับ"
จองกุกพูด
ก่อนจะลุกขึ้นเอาเสื้อเข้าในกางเกงนักเรียนสีเข้ม
ติดกระดุมเสื้อก่อนจะบ่นอะไรซักอย่างที่เขาไม่เข้าใจ
ยุนกิเงยหน้าไปมองแทฮยองที่กำลังจ้องเขม็งไปยังจองกุกด้วยสายตาที่เขาไม่คุ้นเคย ก็แน่สิ
นอกจากการกระตุกยิ้มเหี้ยมกับรอยยิ้มกว้างที่โคตรน่าหมั่นไส้เขาก็ไม่เห็นสีหน้าอื่นจากแทฮยองเลยด้วยซ้ำ
มันเป็นเรื่องปกติของคนที่พึ่งรู้จักกันจริงไหม
"นายน่ะกลับบ้านไปได้แล้วจองกุก"
แทฮยองออกปากสั่ง เขาแอบเห็นจองกุกหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยก่อนจะกวาดหนังสือนั่นลงกระเป๋าเป้
โดยไม่ลืมจะหยิบเอาเนคไทที่พาดไว้กับโซฟากำมะหยี่สีแดงขึ้นมา
"อย่าอยู่ดึกมากแล้วกันนะครับคุณประธาน"
จองกุกพูด
ก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้ด้วยไหล่ข้างเดียว เจ้าของส่วนสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตรก้าวเท้าเข้ามาหาเขา
ก่อนจะจบที่เขาได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นชัดเจนมากกว่าปกติเพราะจองกุกเลื่อนใบหน้าเข้ามาหาเพื่อจะกระซิบที่ข้างหูขวาของเขา
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ ถือเป็นคำขอโทษที่ชนพี่เมื่อเย็น”
หลังจากพูดจบ
จองกุกก็ผละตัวออกมาจากเขา รีบสาวเท้าไปยังประตูบานหนาก่อนจะโบกมือลา
การกระทำของจองกุกทำให้เขาขมวดคิ้วเข้ากันจนเป็นปม ให้ตายเหอะ
ถ้าไม่มีสัญลักษณ์สภานักเรียนติดที่อกเสื้อของจองกุกเขาก็จะคิดว่าจองกุกเป็นแค่เด็กปีสองกวนตีนๆคนนึงมากกว่าซะอีก
“มันพูดอะไรกับพี่?” จู่ๆแทฮยองก็พูดขึ้น
คำถามของแทฮยองทำให้ยุนกิเลิกคิ้วขึ้น โอเค
มันมีไม่กี่คนหรอกที่ออกปากแส่เรื่องของเขาตรงๆโดยไม่กลัวโดนรุมกระทืบ
“จะรู้ไปทำไม”
ยุนกิตอบไปตามความจริง
เขาไม่เห็นว่าการที่เขาบังเอิญชนกับไอ้เด็กไททั่นนั่นที่มุมตึกเป็นเรื่องสำคัญตรงไหน
ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่แทฮยองต้องมองหน้าเขาด้วยสายตาแข็งกร่าวแบบนั้น
มันเหมือนกับ
เขากำลังทำอะไรผิด
“ยุนกิ พี่ควรทำตัวกับผมดีๆ”
นั่นเป็นประโยคที่น่าตลกที่สุดของแทฮยอง
ไม่สิ ตลกที่สุดในโลก เท่าที่เขาเคยได้ยินมาน่ะ
“มึงไม่ได้บังเอิญเจอกู
หรือไม่จริง?”
ยุนกิพูดขึ้นโดยใช้สรรพนามที่เปลี่ยนไป
ก่อนที่แทฮยองจะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคของเขา
เพราะเสื้อฮู้ตที่แทฮยองเผื่อมาให้
มันแปลว่าแทฮยองไม่ได้บังเอิญเจอเขาในตึกที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมแน่ๆ เขายังจำใบหน้าของแทฮยองครั้งแรกที่เจอได้
ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มเหนือกว่า ไม่มีแม้แต่รอยเหงื่อที่แสดงให้เห็นว่าแทฮยองรีบเร่งมาช่วยเขา
และจะมีสาเหตุไหนไปมากกว่า-
“มึงเห็นกู.. กับไอ้เวรซึงฮยอนนั่นตั้งแต่ต้น
แต่”
“…”
“มึงรอตอนที่มันนั่นทำอะไรเวรๆกับกู”
“อ่า..”
“มึงต้องการอะไรวะแทฮยอง?”
ยุนกิพูด
นัยน์ตาสุกใสฉายแววแข็งกร่าวอย่างที่แทฮยองเห็นมันผ่านกล้องวงจรปิด ใช่
ความจริง เขาเห็นมันตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ตอนที่ยุนกิผลักประตูไม่ได้
จนถึงตอนที่ซึงฮยอนปลดเข็มขัดหนังมารัดข้อมือร่างเล็กตรงหน้า
ในเมื่อยุนกิอ่านเกมออกเร็วเกินไป
การบอกความจริงคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
สำหรับเขาน่ะนะ
J
“ผมต้องการพี่”
“…”
“และต้องได้ด้วย”
ยุนกิผลักแทฮยองไปกระแทกกับผนัง
แทฮยองพึ่งรู้ว่าการเรียนวิชาชีววิทยามาตลอดหลายปีก็นำมันมาอธิบายความจริงได้ตอนนี้
เวลาที่คนโกรธเป็นฝืนเป็นไฟดูมีแรงมากกว่าอารมณ์ปกติหลายเท่า
ยุนกิกดไหล่เขาลงกับผนังจนเส้นเลือดปูด เลือดจากข้อมือของยุนกิปัดผ่านเสื้อนักเรียนสีขาวเรียบของเขาจนแต้มสีแดงอ่อน
“เลิกกวนตีนกู
ก่อนที่มึงจะไม่มีปากพูด ไอ้เวรเอ้ย!”
ยุนกิน่ะเป็นคนน่ารัก
เขาชอบรอยยิ้มพระจันทร์เสี้ยวของเจ้าตัว
พอๆกับการจ้องมองริมฝีปากบางนั่น
แต่บางที
ยุนกิก็โง่เกินไป
“อะ..!”
ยุนกิสะดุ้งเมื่อแทฮยองคว้าเข้าที่ข้อมือบาง
ยุนกิไม่ควรลุกมาเป็นเสือในขณะที่ตัวเองกำลังบาดเจ็บ
จุดอ่อนเล็กๆน้อยๆนั่นอาจจะทำให้เสือถูกคนมือเปล่าปราบได้
เช่นเดียวกับแทฮยองที่ใช้มืออีกข้างกดท้ายทอยของคนตัวเล็กกว่าเข้ามาหา ก่อนจะประกบริมฝีปากบางนั่น
และมันก็น่าตลกดีเมื่อยุนกิพยายามผละตัวออกมาจากเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี
และสุดท้ายมันก็จบลงด้วยการที่เขากดยุนกิไปกับผนังห้องสีสว่าง
“ไอ้.. สารเลว”
รอยเลือดที่อยู่ตรงข้อมือของยุนกิตัดกับร่างสีขาวจัดราวกับกระดาษ
แทฮยองละสายตาจากข้อมือของยุนกิขึ้นมากระตุกยิ้ม โอเค
คำว่าสารเลวนั่นมันก็ไม่ร้ายแรงอะไรเท่าไหร่นัก –เทียบกับสิ่งที่เขาต้องการจะทำน่ะนะ
แทฮยองประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง
มือหนาลูบไล่ไปที่ใบหน้าขาว ก่อนจะเลื่อนต่ำไปใต้เสื้อฮู้ตสีน้ำเงินเข้มที่ตัดกับผิวขาวซีดของยุนกิ
น่าแปลกที่พอมันอยู่บนตัวยุนกิ มันช่างดูเหมาะสม และก็น่าถอดเช่นเดียวกัน
อาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดที่คั่งค้างอยู่ที่ข้อมือเล็ก
ไม่ก็สัมผัสจาบจ้วงที่มือหนากำลังซุกซนด้วยการบีบเค้นร่างกายของคนใต้อาณัติราวกับหมาป่านั่นทำให้ยุนกิน้ำตาไหลเป็นครั้งที่สอง
เขาเลิกส่งแรงผลักแทฮยอง เลิกหันหน้าหนี ปล่อยให้ศีรษะของตัวเองพิงกับผนังห้องสีสว่าง
“..ยุนกิ”
ไม่รู้เรื่องไหร่ที่เขาเอาแต่สะอื้นจนไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงของตัวเองกับ—
เสียงดูดเม้มริมฝีปากที่ไอ้เด็กเวรนั่นทำกับเขา แทฮยองผละออกก่อนจะเรียกชื่อของเขาให้หันกลับมามอง
และการที่เขาเอาแต่มองเฉไปอีกทางทำให้แทฮยองถอนหายใจออกมาแรงๆ
“ถ้าพี่ฟังผม
เรื่องมันจะไม่เป็นแบบนี้”
“หึ ปล่อยให้มึงทำเหี้ยไรกับกูก็ได้น่ะเหรอ”
“ยุนกิ
พี่กำลังทำให้ผมโกรธนะ” แทฮยองพูด นัยน์ตาคมแข็งกร่าวนั่นทำให้ยุนกิคิดว่าแทฮยองไม่ได้โกหก
และยุนกิก็ไม่ได้สนใจ มันคงไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ มือหนาจะคลายมือที่กำรอบข้อมือของเขาออก
เลือดของเขาเปรอะไปทั่วมือของแทฮยองทำให้คนตัวสูงสบถออกมา
แทฮยองหายไปที่ห้องห้องหนึ่งที่มีป้าย
‘ห้องประธานนักเรียน’
ติดเอาไว้
ก่อนที่ร่างสูงจะออกมาพร้อมกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ตลกดี
ยุนกิไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าชีวิตตัวเองต้องมาเจอจุดบัดซบแบบนี้อีกครั้ง
และนั่นก็เกิดซ้ำขึ้นอีกเมื่อแทฮยองหยุดมายืนอยู่ตรงหน้า
“พี่ไปนั่งที่โซฟา
ผมจะทำแผลให้”
“ทำ? เพื่อ? มึงเป็นคนทำให้กูเป็นแบบนี้ปะวะ
สมใจมึงแล้วไม่ใช่รึไง!” ยุนกิขึ้นเสียง
เขาผลักไหล่หนานั่นออกให้ห่างจากตัว
แต่นั่นก็ทำได้แค่ให้แทฮยองยืนห่างเขาไปก้าวสองก้าวเท่านั้น
“พี่อย่าดื้อกับผม”
มันตลกดีที่แทฮยองมักใช้คำนี้ขึ้นมาต่อรอง
และความจริงคือยุนกิอายุเยอะกว่ามันหนึ่งปี
การเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ใช่เพราะมันรึไง? ยุนกิแค่นหัวเราะในขณะที่แทฮยองจ้องเขาเขม็ง
“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงจะทำเรื่องเหี้ยๆแบบนี้ทำไม”
“…”
“แต่ถ้ามึงแหย่กูแล้ว
กูก็จัดการมึงได้เหมือนกัน”
ยุนกิพูดขึ้น ใช่
เขาไม่ได้เก่งแค่มีพวกพ้องหรอก เขาต้องมีเส้นสายพอสมควร อย่างน้อยก็พอสำหรับการมีเรื่องแล้วไม่ถูกจับเข้าคุกเข้าตาราง
และแน่นอนว่ามันมีอิทธิพลกับแทฮยองพอ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้อำนวยการโรงเรียน
แต่เชื่อเถอะ
ประโยคของเขาไม่ได้ทำให้แทฮยองหวาดกลัว มีเพียงแค่ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม
“หมายถึงให้พี่ชายต่างเลือดมาจัดการให้น่ะหรอครับ
หืม”
ประโยคของแทฮยองทำให้ยุนกิเงยหน้าของมามองคนตรงหน้า
คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันจนเป็นปม มือเล็กนั่นกำเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ
การกระทำนั่นทำให้แทฮยองส่งนิ้วขึ้นมาคลายปมบนใบหน้าขาว
และนั่นถูกปัดออกอย่างไม่ใยดีโดยยุนกิ ก็.. ตามที่คิดไว้นั่นแหละ
“น้องชายต่างสายเลือดของคิมนัมจุน.. คนดังของอินจองปีก่อนด้วยนี่ อ่า คุณคิมนี่
ยิ่งกว่าสุดยอดอีกนะครับ คอยจัดการเรื่องของพี่โดยไม่ให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใคร”
“…”
“ถ้ามีพาดหัวข่าวว่า
ที่จริงแล้วซีกรุ๊ปไม่ได้ล้มละลายเพราะติดหนี้ แต่เป็นเพราะบริษัทใหญ่กดดันให้ล้มละลายเพราะลูกชายของซีกรุ๊ปเอารองเท้าของเพื่อนร่วมชั้นไปซ่อน.. มันคงตลกดีนะครับ”
“...”
“พี่คงเป็นลูกชายที่ดีพอจะไม่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูคนอื่นหรอก
จริงมั้ยครับเด็กดี”
มินยุนกิขบริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดซิบ
เขากำมือแน่นจนรู้เจ็บ ยุนกิเหมือนตัวเองหดเล็กลงทีละน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า
และโชคร้ายที่แทฮยองพูดถูกทั้งหมด
แทฮยองไม่เคยคิดจะเอาคลิปนี่มาแบล็กเมล์เขา
เพราะคนตัวสูงมีไพ่ที่ดีกว่าอยู่ในมือ
และนี่คือเกมของแทฮยอง
เขารู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของตัวละครแต่ละตัว
และโชคร้ายที่ตัวละครที่เขาสนใจมากที่สุดคือยุนกิ
และนั่นหมายถึงการรู้ข้อมูลทุกอย่างของคนตัวเล็กตรงหน้าเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ
โดยที่ข้อมูลนั่นจะไม่ส่งผลลบกับผู้สร้างกลไกของเกม – ไม่สร้างผลกระทบให้กับเขา
“พี่ไม่ต้องโทษโชคชะตาของพี่หรอกยุนกิ”
แทฮยองพูด ก่อนจะเลื่อนมือหนาเข้ามาใกล้หน้าเขา
นิ้วโป้งของแทฮยองเกลี่ยน้ำตาที่อยู่ขอบตาให้อย่างเบามือ
ในขณะที่เขายังคงจ้องตาคมเขม็ง
“คนที่ผิดน่ะ
มันคือพี่”
“…”
“ที่ทำให้ผมคลั่งพี่ขนาดนี้
พี่น่ะผิดเต็มๆเลยล่ะ”
(End
Ep.2)
ความคิดเห็น