ขอโทษนะ...ที่รักเธอไม่ได้ - ขอโทษนะ...ที่รักเธอไม่ได้ นิยาย ขอโทษนะ...ที่รักเธอไม่ได้ : Dek-D.com - Writer

    ขอโทษนะ...ที่รักเธอไม่ได้

    คุณคิดว่าฉันเห็นแก่ตัวรึเปล่า?... ที่ทำให้ใครต้องเสียน้ำตาเพียงเพราะว่าฉันไม่ได้รักเขา

    ผู้เข้าชมรวม

    441

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    441

    ความคิดเห็น


    20

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.พ. 49 / 16:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ขอโทษนะ...ที่รักเธอไม่ได้

               ฉันมีชื่อว่าแคร์  แต่ใคร ๆ มักจะเรียกฉันว่า "หมู" ประจำเลย   อะไรกัน    ฉันไม่ได้อ้วนซะหน่อย    สูง 162  หนัก 47 กก.(29/1/49)  ถ้าอย่างนี้เรียกอ้วน  คนที่หนัก 70 คงจะเรียกว่าบรมโคตรอ้วนรึไงยะ   จริง ๆ เล้ย เจ้าพวกเพื่อน ๆ ฉันเนี่ย   เอาเหอะ  ถึงอ้วนแต่ก็น่ารักนะยะ  (หาแผนที่ในตัวเองไม่เจอ)

                ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึงนะ  ชื่อว่า....บอกดีมั๊ยเนี่ย    เรียกสั้น ๆ ว่า ที ละกันนะ   ตอนอยู่ที่โรงเรียนเก่าฉันรู้จักกับ ที  เพราะขึ้นรถคันเดียวกัน   ยอมรับว่าเขาน่ารักมาก ๆ  เรียนเก่ง  สูง  ขาว  เพอเฟ็คสุด ๆ  ต่างกับฉันแทบทุกอย่าง  ยกเว้นอยู่เรื่องนึงนะ คือเรื่องเรียน  มั่นใจว่าไม่แพ้เขาหรอก  แต่ก็ไม่ได้เด่นดังเหมือนกับเขา   เขามักจะมีรุ่นน้องมาชอบอยู่เสมอไม่เว้นแม้แต่ห้องเดียวกัน  และก็มักจะได้เข้าแข่งขันอะไรต่าง ๆ มากมายเลย   ยอมรับว่าประทับใจทีมาก ๆ   แต่ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันหรอกนะ  ทีก็มีเพื่อนสนิทของเขาอีก 5 คน  ส่วนฉันก็มีเพื่อนสนิทห้องเดียวกัน 2 คน

                พอขึ้นมัธยมต้นพวกเราก็เข้าโรงเรียนเดียวกัน   ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกด้วย   ดีใจมาก ๆ เลย   ไปไหนจะไปด้วยกัน 2 คนเสมอเลย   เวลาเดินเรียนก็จะไปด้วยกัน กินข้าวก็ไปด้วยกัน   แบบว่าเห็นฉันที่ไหนเห็นเขาที่นั่น    ใช่!  ในความรู้สึกของฉัน  มันน่าจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด  

      "นี่ ๆ"
      "ฮะ  ว่าไง"  ฉันตอบเขา  
      "ทำอะไรอยู่อ่ะ"
      "ก็ทำงานที่อาจารย์สั่งอยู่ไง  ว่าแต่ทำเสร็จรึยังล่ะ"  ฉันตะโกนข้ามหัวเพื่อนกลุ่มนึงไปตอบเขา
      "ยังเลย  วาดเสร็จแล้ว  แต่ช่วยระบายสีให้ทีได้มั๊ย"
      "อื้อ  ได้สิ"  ฉันตอบ  พร้อมกับเดินไปเอางานที่หลังห้องที่เขานั่งอยู่  แล้วก็เอามาทำจนเสร็จ   ส่วนเขาก็นั่งคุยกับเพื่อนคนอื่น   ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา  ฉันก็แค่มองเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรเลย  พองานเสร็จฉันก็เอางานไปคืนเขา ที แค่หันมายิ้มแล้วก็บอกฉันว่าขอบคุณ
      "อือ  ไม่เป็นไร  เดี๋ยวรอแป๊บนึงได้มะ  เดี๋ยวไปเก็บของแป๊บแล้วไปกินข้าวกัน"  ฉันพูดพร้อมกับหันหลังออกไปทันที  แต่เขาเรียกฉันกลับแล้วบอกว่า
      "ให้ แอน ไปด้วยนะ"
      ฉันหันไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเขาแล้วก็ยิ้ม ๆ "อือ  ได้สิ"

               ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  สิ่งที่ฉันคิดมันเปลี่ยนไปแล้ว   ทุกครั้งทีฉันหันไปมองเขาหลังห้องเขามักจะมองกลับมาแล้วยิ้มให้เสมอ  วันนี้กลับเป็นฉันที่เป็นฝ่ายยิ้มให้กับเขาที่นั่งคุยกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้มองฉันเหมือนเช่นก่อน   ทุกครั้งที่ไปกินข้าวด้วยกันตอนพักกลางวันจะคุยกันอยู่สองคนเสมอ   วันนี้ผู้หญิงคนนั้นกลับแทนที่ฉัน   อาหารกลางวันที่ทุกครั้งเคยไปซื้อพร้อมกัน  ร้านเดียวกัน  อย่างเดียวกัน  วันนี้กลับเป็นเธอคนนั้นที่ได้ไปพร้อมเขา  ส่วนฉัน.......คงไม่ต้องถาม

               มันเปลี่ยนไปหมดแล้วนี่นะ   ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามา

      "ที"  ฉันเรียกเขาตอนที่กำลังจะไปกินข้าวกลางวันกับเขาและเธอ
      "ฮึ  ว่าไง"
      "วันนี้ฉันจะไปกับ ปู นะ  พวกเธอไปกันเถอะ"
      "ทำไมล่ะ"  เขาถามฉัน
      "ไม่มีอะไรหรอก  แค่จะถามเรื่องเลขนิดหน่อย  วันนี้ฉันเรียนไม่เข้าใจน่ะ"  ฉันแก้ตัวไปเรื่อย
      "อือ  ไม่เป็นไร  งั้นฉันไปนะ   ป่ะ แอน"

      แล้วเขาก็เดินจากไปพร้อม ๆ กับ แอน

                ตั้งแต่ตอนนั้น  ฉันก็เริ่มห่าง ที ออกมาเรื่อย ๆ แต่ฉันก็ยังคุยกับเขาเหมือนปกตินะ   ยอมรับว่ามันคงไม่เหมือนเดิม   เพราะฉันสูญเสียเขาไปแล้วนี่นา   ฉันสนิทกับ ปูมากขึ้น   เธอนั่งโต๊ะข้าง ๆ ฉัน  แล้วก็มีเพื่อนอีก 2 คนชื่อ  อาย กับ รักษ์  นั่งถัดไปอีก  ฉันไม่รู้ว่าฉันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนกลุ่มนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่   แต่ฉันมั่นใจว่าเพื่อนพวกนี้ฉันเปิดใจกับพวกเธอเหล่านี้ได้    แต่ฉันไม่มั่นใจซักนิดว่ามันจะแทนส่วนของเขาที่ขาดหายไปได้หรือไม่
      แต่เอาเถอะ  อย่างน้อยฉันก็โชคดีที่มีพวกเธอเหล่านี้   ฉันสนิทกับ ปู ที่สุด  เวลาที่ร้องไห้ก็มีเพื่อนคนนี้แหละคอยปลอบใจฉัน  ทั้งตัวต่อตัว  ทั้งทางโทรศัพน์ที่ต้องถือสายฟังฉันร้องไห้นานนับชั่วโมงด้วยเรื่องที่มันน่าจะไร้สาระ    แต่ฉันก็ไม่มั่นใจว่า......เขาจะไม่ทิ้งฉันใช่ไหม

               ฉันคิดผิด  ฉันถูกเธอหักหลัง จากที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันที่ตรงนั้นกลับถูกคนอื่นแทนที่  เวลาเธอจะให้ฉันไปไหนฉันเป้ฯเพื่อนฉันไปกับเธอได้เสมอ  แต่ตอนนี้ฉันขอให้เธอไปเป็นเพื่อนฉันบ้างคำตอบที่ได้รับคือ "ไปกลับคนอื่นได้ไหม" ......ถ้าเป็นไปได้ฉันขอเป็นคนทิ้งเธอดีกว่าให้ เธอทิ้งฉันไป   แล้วรับเพื่อนอีกคนเข้ามาแทนที่   ชื่อ ปลาย  ความจริงมันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น   เพราะฉันอาจจะคิดไปเองฝ่ายเดียวก็ได้  ด้วยนิสัยที่มันชอบคิดมาก  ขี้น้อยใจ  และต้องการเพื่อน   แต่ถ้าใครมาเจอแบบฉันก็คงจะต้องคิดแบบเดียวกับฉันนั่นแหละ........คงไม่แตกต่าง

               จนสุดท้าย  ฉันก็ได้รู้จักกับ ลิน เธอเป็นผู้หญิง   ยอมรับว่าตอนที่รู้จักเธอแรก ๆ ฉันรู้สึกกลัวเธอมาก ๆ  ดูเธอเหมือนคนมีอำนาจ  ที่สามารถทำให้ห้องเปลี่ยนแปลงได้   และเธอก็เปิดใจกับฉันเช่นกัน  เธอบอกว่าฉันน่ะ  ดูแล้วเข้ากับคนยาก  พูดน้อย  เรียนเก่ง  และก็ดูหยิ่ง ๆ   แต่หลังจากที่เราได้คบกันแล้ว   เราคิดผิดกันทั้งคู่   ลิน บ้า ๆ บอ ๆ กว่าที่ฉันคิด  สนุกเฮฮา  ทำให้ฉันหัวเราะได้   และเธอก็บอกว่าฉัน  ไม่ได้พูดน้อยอย่างที่คิด  ความจริงก็คือพูดมากนั่นแหละ  จู้จี้จุกจิก  เจ้ากี้เจ้าการด้วย   เธอบอกฉันตรง ๆ ชอบคือชอบไม่คือไม่  ตรงนี้แหละที๋ฉันชอบเธอ

                หลังจากคบกันไปซักพักจนสนิทกันมาก  ฉันก็เริ่มเล่าเรื่องของทีให้เธอฟัง   ทั้งที่เรื่องที่เขาเคยขอฉันเป็นแฟนแล้วเที่ยวอวดใครต่อใคร  จนตอนที่เลิกกัน  แล้วตอนขึ้นมัธยมต้นฉันก็ขอเขาเป็นแฟนอีกครั้ง  เขารับฉันเป็นแฟน แต่ก็คบได้เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น  เขาก็บอกกับฉันว่า "พูดตรง ๆ นะอย่าโกรธกัน  ฉันไม่ได้ชอบเธอ  วันนี้เราจะเป็นแฟนกันวันสุดท้าย  หลังจากนั้นให้เธอเลิกรักฉันเถอะนะ"
      ฉันก็ตอบเขาเพียงว่า "ไม่เป็นไร"  เก่งนะ  ฉันไม่ร้องไห้และยิ้มตลอดเวลา  ยิ้มซะจนเพื่อน ๆ หาว่าฉันยิ้มอยู่นั่นแหละ  มีอะไรสุขใจนักหนา  จนถึงบ้านฉันเดินขึ้นห้องปิดประตูแล้วล็อค  ความรู้สึกทั้งหมดของฉันเหมือนถูกปลดปล่อย   ฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียง  ตอนนั้นคนที่ปลอบฉันคือ ปู(ตอนนั้นฉันยังสนิทกับเธออยู่มั้ง)
          
      ทันทีที่ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับ ทีใ ห้ ลินฟังจนหมด  เธอเพียงแค่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับฉันที่พยายามปั้นสีหน้าว่าไม่เป็นอะไร

      "แคร์"  เธอเอ่ยเรียกฉันเบา ๆ "ถ้าฉันเล่าอะไรให้เธอฟัง  เธอจะไม่โกรธใช่ไหม"
      "อื้อ"  ฉันยิ้มรับคำทั้งที่ความรู้สึกของฉันมันไม่มั่นใจซักนิด
      "ตอนที่ Tทีขอคบกับแคร์    มีคนบอกว่า  มันเป็นการพนันว่าทีจะสามารถทำให้แคร์รักได้หรือเปล่า  ขอโทษนะ"
      "อือ  ไม่เป็นไร  ฉันลืมเขาไปแล้วแหละ"  ฉันบอกออกไปอย่างงั้น  แต่ความรู้สึกของฉันมันหนักอึ้งเหมือนกับมีอะไรหล่อนทับนับสิบตัน  "ใครบอกเธอเหรอ  ฉันรู้จักใช่มั๊ย"  ฉันพยายามยิ้มแล้วตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ
      "ฉันบอกเธอไม่ได้  ขอโทษที"
      "555  ไม่ต้องหรอกฉันรู้แล้วแหละเรื่องนี้  อย่าคิดมาก"

               ความจริงฉันเพิ่งจะรู้ด้วยซ้ำทั้ง ๆที่เรื่องนี้มันก็ตั้งปีกว่าแล้ว  ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยซักอย่าง

      "รู้มั๊ย  ตอนแรก ๆ ที่ได้เรียนห้องเดียวกัน  ดูแคร์สนิทกับ ทีมาก ๆ เลย   ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด   ฉันยังเคยอิจฉาเลยนะ  ว่าทำไมคู่นี้ถึงได้สนิทกันขนาดนี้   งานของ ทีก็เหมือนงานของ แคร์ พูดตรง ๆ นะ.."  เธอหยุดพูดแล้วเหลือบมองหน้าฉันราวกับชั่งใจแล้วก็พูดต่อ "เหมือนเธถูกหลอกใช้เลย"
      "ทำไมถึงพูดอย่างนั้น"  ฉันถามกลับอย่างตกใจ
         "ก็เวลามีงานทีไร  เธอจะต้องรับงานหนักเป็นสองเท่าแทบทุกครั้ง  เพราะต้องทำของ ทีด้วย"
      "ไม่ใช่นะ  เธอเข้าใจผิดแล้ว  ทีไม่ใช่คนแบบนั้นนะ  ที่ฉันทำงานของเขาก็เพราะว่าฉันขอช่วยเอง  เขาไม่ได้บังคับหรือขอร้องให้ฉันช่วยเลยนะ"
      "แต่ทุกคนก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น"
      "อย่างน้อยก็ไม่ใช่เธอใช่มั๊ย"
      "ขอโทษ  ฉันเองก็คิดแบบนั้น"
      "..........." ฉันเฉย ๆ ไม่พูดอะไรอยู่ชั่วครู่  "เรากลับกันเถอะ  คงใกล้เข้าเรียนแล้ว"
      "อือ"

                หลังจากตอนนั้นฉันก็ไม่เคยพูดถึง ที อีกเลย   แต่ความรู้สึกของฉันกลับคิดถึงเขาอยู่ทุกนาที  จนปิดเทอม ม.2  ฉันบอกกับตัวเองว่า  ม.2 จบแล้ว  จะขึ้นม.3แล้วคงจะมีอะไร ๆ ดี ๆ ในชีวิตของฉันบ้าง  ส่วนม.2มันก็คือจบแล้ว  ฉันต้องเริ่มต้นใหม่

                 แต่ร้าย ๆ มันก็ยังคงไม่จบ  หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จาก ที  แล้วก็ได้รู้ว่าฉันกับเธอต้องแยกห้องกัน  เพราะทางโรงเรียนสั่งให้จัดคละห้องใหม่   ฉันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงว่าควรดีใจหรือเสียใจกันแน่   ที่ต้องแยกห้องกันอยู่กับ ทีและ ลิน หรือควรดีใจดีที่ไม่ต้องพบหน้ากับ ทีถึงแม้จะได้พบก็คงจะมีโอกาสน้อยมาก  แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกือบเดือนจนโรงเรียนกำลังจะเปิดเทอมอีกไม่กี่วันขางหน้า ฉันก็เริ่มจะทำใจได้เรื่องนี้   ถึงทำไม่ได้ก็ต้องทำล่ะนะ  เพราะว่ามันเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วนี่นา

                 ขึ้นม.3 ฉันได้รู้จักกับคน ๆ นึงชื่อ กาย  เราเริ่มต้นจากการที่นั่งคุยกันนานนับชั่วโมง  หลาย ๆ ครั้งเข้าก็เริ่มขอเบอร์   เราคุยกันแทบทุกวันจนแม่บ่นแทบทุกวันว่าคุยอะไรกันนักกันหนา  ฉันก็จะแก้ตัวอยู่ร่ำไปว่าคุยเรื่องงาน  จนถูกบ่นบ่อย ๆ เข้าเราก็เริ่มเปลี่ยนเวลาคุยใหม่  คือหาเวลาคุยตอนที่พ่อแม่ไม่รู้   สุดท้ายก็คือโทรคุยกันตอนตี 5  ฉันต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่นขึ้นมาเชียวหรือนี่    555   พอนานเข้าก็เริ่มทำอะไรบ้า ๆ กันอีก   เขาชวนฉันเขียนจดหมายทุกวันแทนการโทรศัพท์    ใช่เลย  ฉันทำมันแทบทุกวันแต่ก็ต้องโทรไปคุยอยู่ดีไม่รู้ทำไม   แล้วก็จะส่งแมสเสสถึงกันก่อนอนด้วย  เขาจะส่งแต่คำหวาน ๆ มาให้เสมอ   อย่างเช่นมีภาษาญี่ปุ่นอยู่วรรคนึงเขาส่งมาให้ฉัน  มันมีความหมายว่า " รักเธอมาก  มากอย่างที่ไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว"  ตอนนั้นก็ดีใจนิด ๆ ล่ะนะ   มันเป็นอย่างนี้อยู่นานหลายเดือน  จนเพื่อน ๆ มักจะแซวเสมอว่าเราเป็นแฟนกัน  แต่ฉันก็จะปฏิเสธอยู่ร่ำไป

                 จนมาถึงช่วงเวลานึง  ฉันไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเองเลยซักนิด   กายบอกรักฉันทุกครั้งในจดหมายที่เขียนมาให้   เขาส่งให้ฉันกับมือทุกวัน  จากที่เคยคิดว่ามันน่าดีใจแต่ช่วงหลังกลับรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ   เลี่ยนมากกว่า  เหมือนกับว่าเขาเห็นคำว่ารักมันพูดออกมาได้ง่าย ๆ อย่างนั้น    ช่วงหลังฉันไม่ค่อยได้ส่งให้เขาซักเท่าไหร่  จากทุกวันเหลือวันเว้นวัน   3 วันครั้ง    จนไม่ส่งอีกเลย  แต่เขาก็ยังส่งให้ฉันอยู่อีกจนฉันหลุดปากบอกไปว่า  "ทีหลังไม่ต้องเขียนมาแล้วก็ได้   เปลืองซอง  เสียเวลา"  เขาไม่พูดอะไรแล้วก็ไม่ได้ส่งมาอีกตามที่บอก

                ฉันเริ่มที่จะไม่คุยกับเขา   จากที่เคยคุยด้วยทุกครั้งที่ว่าง   โทรคุยกันแทบทุกวัน  ก็เหลือเป็นอาทิตย์ละครั้ง  จนไม่โทรไปอีกเลย  เจอหน้ากันที่โรงเรียนก็ไม่คุย   ฉันจะเดินเลี่ยงเขาตลอด   ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไรไป  ทุกครั้งที่คุยกับเขา  ทำอะไรบ้า ๆ บอกับเขา  ฉันมักจะนึกถึง ทีเสมอ  ชอบคิดว่าถ้าเป็น ทีก็คงจะดีไม่น้อย

                 ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี  จึงเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ ลินเพื่อนสนิทของฉัน  เธอบอกให้ฉันถามตัวเอง  ว่ารู้สึกยังไงกันแน่  ให้กลับไปคิดดูให้ดี   ฉันทุกข์กับเรื่องนี้หลายอาทิตย์  จนคิดว่าฉันมั่นใจความรู้สึกตัวเองแล้วแหละว่า  ฉันยังรัก ที มาตลอด    ลินบอกให้ฉันบอก กายไปตรง ๆ เลยดีกว่า  เพราะถึงแม้เขาจะเสียใจแต่ก็ดีกว่าช้ำนาน  กับการที่ไม่รู้เลยว่ามันเพราะอะไร      บอกได้คำเดียวว่า.......ฉันไม่กล้า   แต่ ลิน ก็ยังคงบอกับฉันว่าให้บอกเถอะอย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนกันได้  ดีกว่าต้องมองหน้ากันไม่ติดอยู่อย่างนี้   สุดท้ายฉันก็ทุกข์กับเรื่องนี้อีกนับอาทิตย์  แล้วก็บอกเขาไปตรง ๆ

                ฉันบอกเขาว่า "ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด"
      แล้วฉันก็วางโทรศัพท์ลงเลยไม่รอคำตอบอะไรจากเขา  จนวันนี้ฉันก็ยังไม่ได้พูดกับเขาอีกเลย   ส่วน ทีฉันก็ไม่ได้คุย  ฉันเพียงแต่ได้เห็นหน้าเขาบ้างเท่านั้น


               ลินยังเล่าอีกว่า  กายมาถามเรื่องของฉันจากเธอตลอด  เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไรและก็ไม่เข้าใจ   ลินก็เลยกลายเป็นคนกลางคอยช่วยฉันกับ กายไปโดยปริยาย  เวลาฉันรู้สึกยังไง  ลิน ก็จะบอก กาย  และถ้า กาย เป็นยังไงบ้าง  ลิน ก็จะบอกกับฉัน  เธอเคยบอกฉันว่า ตอนที่ กายโทรมาถมเรื่องของฉัน  เธอได้บอกกับ กายไปว่า "แคร์เค้าอาจจะแค่ต้องการหาใครซักคนมาแทนที่คน ๆ นั้น  แต่เมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่ก็......นะ"  แล้ว กายก็เหมือนกับจะรู้เรื่องระหว่างฉันกับ ลิน แต่ทุกอย่างสำหรับฉันมันคือจบแล้ว  แล้วฉันก็สบายใจดีอยู่ (มั้ง)  ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกแล้ว  แต่...สำหรับเขา       ฉันไม่รู้

               ประโยคที่เขาเคยส่งมาให้ฉัน  รักเธอมาก  มากอย่างที่ไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว  ประโยคภาษาญี่ปุ่นที่พวกเราเคยเข้าใจว่าอย่างนั้น  แต่ความจริงแล้วฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่า  มันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเลยซักนิด  มันกลับหมายความว่า  เธอน่ารักมากจนฉันไม่สามารถรักได้   ต่างหาก  

              ฉันไม่ได้คุยกับ กาย อีกเลยจนทุกวันนี้    แต่ก็มีเพื่อนพูดถึงอยู่เสมอว่าเขากำลังจะมีรักใหม่

      ส่วน ที เขาก็คงลืมฉันไปแล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่าฉันยังรักเขาอยู่


      หากเป็นไปได้  ฉันอยากจะบอกกับ  ที  " การได้แอบรักเธอข้างเดียวตลอดไป  มันยังง่ายกว่าการทำใจให้รักเธอเพียงวันเดียวเสียอีก  ถึงแม้วันเดียวที่ว่านั้นเธอจะทำเป็นรักฉันตอบก็ตาม  แต่หลังจากนั้นมันคงจบใช่ไหม   ถ้าอย่างนั้นขอฉันได้แอบรักเธออยู่ข้างเดียวตลอดไปอย่างนี้ดีกว่า"


        กาย   หากวันใดวันนึงเธอได้อ่านมัน  ฉันอยากจะบอกกับเธอว่า  ขอโทษนะ....ที่รักเธอไม่ได้  

      ฉัน........


      ***********************************************

      คุณคิดว่าฉันเห็นแก่ตัวรึเปล่า? ที่ทำให้ใครต้องเสียน้ำตาเพียงเพราะว่าฉันไม่ได้รักเขา

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×