รถยนต์คันหรูแล่นเข้าจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ชายหนุ่มซึ่งปัจจุบันกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของโรงแรมในเครือจิรานันตาเปิดประตูลงจากรถอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งให้กับเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งราวกับไร้ชีวิต
เขาแตะบ่าอีกฝ่ายคล้ายกับจะเรียกสติให้กลับคืน ก่อนจะดึงร่างที่นั่งอยู่ให้ออกจากรถอย่างเบามือราวกับน้องชายของเขาอาจจะบุบสลายหากเขาไม่ทะนุถนอม แล้วพาเดินเข้าไปที่ส่วนหน้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ปล่อยให้พนักงานโรงแรมที่มีหน้าที่รับรถรีบปฏิบัติหน้าที่โดยขับรถของเขาไปยังที่จอดรถ
ฉีมองไปโดยรอบ นับเป็นครั้งแรกที่เขามาถึงสถานที่ที่เคยเป็นที่ทำงานของบิดา กว้างขวางและโอ่อ่า แม้จะเป็นเวลาสามทุ่มเศษแต่แขกที่มาพักก็ยังคงคึกคัก หันไปทางพี่ชายก็เห็นเดินไปที่หน้าเคาเตอร์ และเพียงแค่เหลือบตามอง เจ้าหน้าที่ก็ยื่นถาดคีย์การ์ดไว้ตรงหน้า มือใหญ่รวบมันไว้แล้วพาเดินไปยังชั้นที่พัก โดยปฏิเสธความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่จะนำทางไปเปิดห้องให้ โดยพี่ชายเขาให้เหตุผลว่าสามารถดูแลตนเองได้ ให้รับมือกับแขกที่มาพักดีกว่ามาดูแลเขา
ถ้าไม่นับการไปทัศนศึกษานอกสถานที่แล้ว การนอนที่อื่นนอกจากบ้านของตนนับว่าน้อยครั้งจนน่าตกใจ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงค่อนข้างจะตื่นตาไปกับความสะดวกสบายในห้องพักหรูหราท่ีตกแต่งเหมือนกับเป็นบ้านอีกหลัง
“คืนนี้พี่จะนอนเป็นเพื่อน รังเกียจไหม?” พี่ชายพูดหลังจากสังเกตเห็นว่าเจ้าหน้าที่โรงแรมจัดเตียงไว้ราวกับเตรียมรับรองคู่รัก ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัวที่พับเป็นรูปหงส์เกาะเกี่ยวกันกลางเตียงนอน กับกลีบดอกไม้สีหวานที่โปรยไว้เป็นรูปหัวใจ ชายหนุ่มเดินเข้าไปสะบัดผ้าคลุมเตียงออกจนไม่เห็นหลักฐานก่อนหน้านี้
“ครับ” คำตอบนั้นสั้นจนคนที่เป็นพี่ชายต้องเดินเข้าไปหาน้องชายที่กำลังเผยอม่านหนาหนักมองดูทิวทัศน์นอกโรงแรม ตั้งแต่ที่พวกเขาได้พบกันก็ยังไม่ได้คุยเป็นการส่วนตัวเพราะมัวแต่ยุ่งกับการจัดงานพิธีศพ แต่เขาก็จับตามองผู้เป็นน้องชายอยู่เป็นระยะ พบว่าใบหน้านั้นประดับไว้ด้วยความอาลัยอาวรณ์จนเขาปรารถนาจะเข้าไปปลอบโยนให้หายจากความโศกสลดนี้ และยิ่งอยู่ใกล้ชิดกันอย่างเวลานี้จึงได้เห็นว่าดวงตาคู่สวยนั้นช้ำแดงเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนักนับครั้งไม่ถ้วน เขาปรารถนาจะจูบซับที่เปลือกตาเพื่อให้ความบวมช้ำนั้นบรรเทาลง อยากจะคว้าร่างนี้เข้ามากอดเรียกขวัญจนกว่าอีกฝ่ายจะเลิกร้องไห้ แต่ทุกอย่างที่เขาคิดอยู่ในหัวนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะทำทั้งสิ้น เพราะถ้าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดใจ เขาขอเก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัวจนกว่าจะตายจากกันไป
“ถ้าพี่จะขอไม่ให้ฉีร้องไห้มากไปกว่านี้อีกจะได้ไหม?” พี่ชายยืนประจันหน้าพร้อมกับเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากอีกฝ่ายออกอย่างอ่อนโยน
“พี่พีท ผมไม่เหลือใครแล้ว” น้ำตาที่รื้นอยู่หยดมาตามหางตา จนผู้ที่มองอยู่ถึงกับเจ็บปวดหัวใจ น่าแปลกที่ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับรู้ถึงความสูญเสียเหมือนน้องชายของเขาในตอนนี้ เพราะความผูกพันระหว่างเขากับภรรยาอีกคนของบิดานั้นมีเพียงผิวเผิน แต่ความรู้สึกเศร้าโศกนั้นกลับส่งจากน้องชายผ่านมาถึงเขาจนแทบทนรับไม่ไหว เขาต้องการปกป้องคุ้มครองและมอบความรักทั้งหมดของเขาให้กับคนตรงหน้า คนที่เขาให้สัญญากับตนเองว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งไปตราบจนกว่าเขาจะสิ้นลมหายใจ
“พี่จะอยู่กับฉี เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าไม่มีใคร อย่างน้อยฉียังมีพี่นะครับ”
เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากคล้ายกับจะสะกดกลั้นคำพูดตัดพ้อที่อยู่ในใจ เขาก็แค่น้องชายต่างแม่ คำพูดปลอบใจนั้นแม้จะแสดงถึงความรับผิดชอบในฐานะพี่ชาย แต่ในใจของเขากลับต้องการมากกว่านั้น เขานึกรังเกียจความคิดท่ีเห็นแก่ตัวของตนขึ้นมาทันที เขาได้แต่พึมพำเสียงเบา “ขอบคุณครับ”
สีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องถอนหายใจ “พี่ไม่ได้พูดแค่ให้ฉีสบายใจ แต่พี่พูดจากใจจริง ๆ เรื่องท่ีจะดูแลเรา”
“ผมรู้ดีครับว่าพี่พีทจะดูแลผมได้ แต่ผมก็ควรจะต้องยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ไม่ควรพึ่งพาไปตลอด เพราะสักวันหนึ่งพี่พีทก็คงจะต้องมีคนที่พี่ต้องการดูแลมากไปกว่าผม”
ไม่มีวันนั้นเด็ดขาด ชายหนุ่มตะโกนก้องอยู่ในใจ คนที่เขาต้องการที่จะดูแลปกป้องไปชั่วชีวิตมีเพียงเด็กตรงหน้าเขาเท่านั้น หากสิ่งที่พูดออกไปกลับเป็นประโยคที่ว่า “ไว้ถึงวันนั้นก่อน แต่ตอนนี้พี่อยากดูแลเรา”
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปาก เมื่อคิดไปถึงวันที่พี่ชายของเขาปล่อยมือไปจากเขา จะมีเวลาอีกกี่ปี กี่เดือนที่เขาจะมีสิทธิในตัวของพี่ชายเพียงผู้เดียวก่อนที่จะมีใครอื่นมาฉกชิงไปจากเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นให้ปล่อยมือกันนับแต่วันนี้ไม่ดีกว่าหรือ
“ผมโตแล้ว พี่พีทไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก” นำ้เสียงนั้นพยายามแสดงให้แข็งขึง เขาเป็นอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แข็งกระด้าง เมินเฉยต่อความรักที่พ่อมีให้เขา และต่อหน้าคนตรงหน้าเขาจะแสดงเช่นเดิมไม่ได้หรือ
“ฉี”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมอยากให้พี่พีทเปิดห้องให้ผมอีกห้อง” เขาไม่อาจอดทนต่อความรู้สึกนี้ได้อีกต่อไปแล้ว หากได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้เขาคงจะยิ่งแสดงความเห็นแก่ตัวจนอีกฝ่ายต้องรังเกียจเขาแน่นอน “หรือไม่อยากนั้นผมขอกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง"
“ทำไมฉีถึงไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“ผมเข้าใจดีครับที่พี่พีทต้องดูแลผม แต่ผมจะไม่สร้างความลำบากให้กับพี่มากไปกว่านี้แล้ว” นำ้ตาเจ้ากรรมไหลออกมาโดยท่ีเจ้าตัวกลั้นไม่อยู่ เด็กหนุ่มรู้สึกเกลียดความอ่อนแอของตนเองที่มักจะแสดงออกมาต่อหน้าผู้ชายคนนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พีทพยายามเลี่ยงที่จะสัมผัสตัวอีกฝ่าย เพราะเกรงว่าความรู้สึกที่เขาพยายามกุมขังอยู่ภายในจะแสดงออกมา แต่ตอนนี้เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นน้องชายต่างมารดาพยายามจะทำตัวเข้มแข็ง ทั้งที่เขาพอจะมองออกว่าจิตใจของคนผู้นี้อ่อนไหวมากขนาดไหน ชายหนุ่มเผลอรั้งร่างตรงหน้าเขามากอดแนบแน่น ในใจนั้นก้องระรัวไปด้วยคำว่ารักที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มนิ่งเกร็งด้วยความตระหนกในท่าทีของพี่ชาย ก่อนจะพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขน แต่กอดของคนตรงหน้านั้นอบอุ่นจนเขาไม่สามารถต้านทานได้ และเมื่อริมฝีปากระอุอุ่นประทับที่หน้าผากมน ทำให้ผู้เป็นน้องชายถึงกับนิ่งขึง
ในที่สุดพีทก็ต้องยอมแพ้ใจของตนเอง ความรู้สึกที่อัดอั้นมาตลอดนับตั้งแต่ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก ตราบจนถึงวันนี้ ไม่มีวันใดเลยที่เขาจะลดทอนความรักที่มีต่อน้องชายต่างมารดาลงไปได้ ยิ่งเนิ่นนานยิ่งผูกพัน และทวีความต้องการครอบครองมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเคยทบทวนความรู้สึกนี้ แล้วก็พบว่าไม่ใช่เรื่องฉาบฉวยแต่อย่างใด เขาหลงรักเด็กคนนี้นับตั้งแต่ได้รู้จักและปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกันตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต
นัยน์ตาคู่สวยแสดงอาการสับสน “พี่พีท”
“พี่ขอโทษ” คำพูดนั้นไม่ใช่การขอลุแก่โทษใด ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่เป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นถัดจากนี้ไป
ริมฝีปากที่สัมผัสแผ่วบนหน้าผากเลื่อนลงมาที่แก้มชื้นน้ำตา ก่อนจะบรรจงกดลงบนริมฝีปากสั่นเทา อุ่นร้อนและลึกล้ำราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกลุ่มหลงที่มีให้กับน้องชายอันเป็นที่รักได้รับรู้ว่าเขาปรารถนาคนตรงหน้ามากมายขนาดไหน แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดกลั้นไม่จาบจ้วงปล่อยให้อารมณ์อันกระหายของตนสร้างความตื่นตระหนกให้กับอีกฝ่าย กลีบปากนุ่มของน้องชายของเขาสมควรได้รับการทะนุถนอม
ฉีหลับตาพริ้มเผยอริมฝีปากรับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชาย มันอ่อนโยน และนุ่มละมุน ราวกับจะปลอบประโลมความโศกเศร้าที่มีอยู่ให้มลายหายไป ไม่เร่งเร้าจู่โจมแต่กลับลึกล้ำอย่างประหลาด และนอกเหนือไปกว่านั้นคือความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวพี่ชายว่าจะไม่มีวันปล่อยให้เขาอยู่อย่างเดียวดายกับคืนวันที่เลวร้ายต่อจากนี้ไป
จูบที่หอมหวานเป็นเช่นนี้เอง
ทั้งสองคนวนเวียนจูบกันราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป จากแผ่วเบาราวแตะริมฝีปากที่ปีกผีเสื้อบอบบาง ก็เริ่มทวีความหนักแน่นมากขึ้น จนได้ยินเสียงหอบหายใจ ผู้เป็นพี่ชายค่อย ๆ ประคองร่างของน้องชายในอ้อมกอดไปที่เตียงกว้าง ไม่มีคำพูดใด ๆ จากคนทั้งคู่ เหมือนกับจะปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกในตอนนั้นเป็นสิ่งขับเคลื่อน
เมื่อแผ่นหลังแตะฟูกนอนอันอ่อนนุ่มทำให้เด็กหนุ่มชะงัก ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวส่งผ่านไปยังคนที่กำลังโน้มตัวอยู่เหนือร่าง นัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างมีความหมาย ผู้ที่เป็นพี่ชายนั้นกำลังอดกลั้นความปรารถนาอย่างถึงที่สุด หากแม้มีคำใดที่หลุดพ้นออกจากปากอีกฝ่ายว่าไม่ยินยอมเขาก็พร้อมที่จะล่าถอย เหมือนกับคนที่เป็นน้องชายจะรู้ความคิดของพี่ชายต่างมารดา ถ้าเขาเอ่ยปากไม่ยินยอม อีกฝ่ายย่อมไม่ดึงดันหรือใช้กำลังบังคับเขาเป็นอันขาด แม้ว่าตอนนี้ฉียังไม่รู้ความรู้สึกของพี่ชายตนว่าคิดอย่างไรกับเขา อาจจะเพียงแค่เล่นสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แต่สำหรับความรู้สึกของเด็กหนุ่มในตอนนี้นั้นเปิดเผยจนหมดสิ้นแล้วว่าเขารักพี่ชายคนนี้มากมายขนาดไหน ไม่ใช่อารมณ์แบบเด็กเล็กที่ต้องการคนปกป้องคุ้มครอง แต่เป็นอารมณ์ที่คุกรุ่นไปด้วยความรักและความปรารถนาที่จะจับจองเป็นเจ้าของหัวใจของอีกฝ่าย ถ้าพูดอย่างเห็นแก่ตัวก็คือ เขาต้องการให้พี่ชายรักเขาให้มากกว่าใครคนอื่น
“พี่พีทครับ”
เสียงออดอ้อนและสองมือที่ยื่นขึ้นโอบกอด ราวกับน้ำมันที่ราดรดลงบนกองไฟ ความอดทนอดกลั้นทั้งหลายทั้งมวลของชายหนุ่มที่เพียรพยายามมาตลอดนั้นได้พังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี หากความผิดร้ายแรงของความปรารถนาที่มีต่อบุคคลอันมีสายเลือดเดียวกันจะทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต เขาก็พร้อมจะยอมรับความผิดนั้น แต่ให้เว้นไว้กับบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเขา
ชายหนุ่มไล้นิ้วมือที่แก้มของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง น่ารักจนรู้สึกผิดหากจะทำให้อีกฝ่ายต้องมัวหมองมีมลทินด้วยมือของเขา แต่จะให้เขาอดทนไปมากกว่านี้ก็คงจะทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ฉีหลับตาทั้งที่หัวใจเต้นแรงเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ เพราะตนเองเป็นผู้ยื่นกุญแจอนุญาตให้อีกฝ่ายได้เปิดประตูเข้ามาในชีวิตของเขาและยินยอมมอบร่างกายนี้ให้อยู่ในมือของพี่ชายต่างมารดาโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
ร่างกายของคนทั้งคู่บดเบียดเข้าหากันพร้อมกับริมฝีปากที่พร่ำจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของน้องชายถูกปลายนิ้วช่ำชองปลดหลุดทุกเม็ดรวดเร็วราวกับนักมายากล ผิดกับนิ้วมือเรียวของนักดนตรีที่พยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของพี่ชายอย่างเงอะงะ แต่พีทก็ปล่อยให้น้องชายใช้เวลากับกระดุมเสื้อของเขาโดยไม่ช่วยเหลือ แต่ฉวยโอกาสใช้เวลาช่วงนั้นเพลิดเพลินไปกับผิวเนื้อเนียนนุ่มตรงหน้า จูบทุกตารางนิ้วเท่าที่ริมฝีปากของเขาจะทำได้ มีเสียงฮึดฮัดดังขึ้นแผ่วเบาเมื่อริมฝีปากเขาแตะต้องสัมผัสแผ่นอกเรียบเนียน
สิ่งหน่ึงที่ฉีรู้มาก่อนก็คือ พี่ชายของเขาไม่ใช่คนที่ไร้ประสบการณ์ ด้วยฐานะและรูปร่างหน้าตาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าก่อนหน้าที่จะอยู่กับเขาบนเตียงนี้ อีกฝ่ายคงจะผ่านการมีคู่นอนมาหลายคนแล้ว ที่สำคัญเขาไม่ใช่ผู้หญิงดังนั้นจึงไม่มีเรือนร่างที่กระตุ้นกำหนัดได้อย่างอิตถีเพศ แผ่นอกแบนเรียบจะสามารถสนองตอบความต้องการของพี่ชายได้เหมือนกับหน้าอกอวบอูมเต่งตึงอย่างนั้นหรือ ลมหายใจของเด็กหนุ่มถึงกับติดขัดเมื่อคิดถึงความจริงข้อนี้
ชายหนุ่มรู้สึกไม่เคยชินเหมือนกันเมื่อต้องทำสิ่งที่เขาเคยทำกับผู้หญิงมาโดยตลอดกับน้องชายของตน แม้จะแตกต่างกันแต่เขาก็ไม่คิดเปรียบเทียบ เพราะต่อจากนี้ไปเขาคงจะไม่สามารถกอดผู้หญิงคนไหนได้อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเขามีน้องชายอันเป็นที่รักอยู่เคียงข้าง
เครื่องปรับอากาศในห้องทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ สำหรับสองร่างที่ตอนนี้ไม่มีอาภรณ์ใด ๆ คลุมกาย ต่างก็แนบชิดเข้าหากัน คำกระซิบของพี่ชายให้ผ่อนคลายดังขึ้นเมื่อถึงจังหวะที่อารมณ์นำพาไปจนถึงช่วงเวลาสอดประสาน พีทพยายามหักห้ามใจไม่ให้ลงมือบุ่มบ่ามกับเรือนร่างของน้องชายที่เขาแหนหวง
เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดนั้นดังขึ้นเพียงระยะสั้น ๆ แต่ก็สร้างความตระหนกให้ชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย เขาทั้งจูบทั้งปลอบ “พี่รักฉีนะครับ”
เพียงคำนั้นคำเดียวทำให้เด็กหนุ่มลืมไปหมดสิ้นกับความเจ็บร้าวที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตน ถ้าคำนั้นจะเป็นคำโกหกแต่เขาก็ยินดีที่จะรับฟัง ฉีเผลอข่วนแผ่นหลังพี่ชายไปหลายครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อร่างกายต้องปะทะกับความรู้สึกที่ไม่เคยประสบมาก่อน ก่อนสองมือจะถูกกุมประสานไว้แนบแน่น ร่างกายคล้ายกำลังล่องลอยออกไปสู่ดินแดนที่แปลกใหม่ สร้างความตื่นเต้นและหวาดหวั่นไปในคราวเดียวกัน เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าพี่ชายจะมีความสุขเหมือนกับเขาในตอนนี้หรือไม่ แต่เมื่อเสียงคำรามแสดงความพึงพอใจในลำคอของพี่ชายดังขึ้นก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับหัวใจพองโต อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังให้พี่ชายอันเป็นที่รักของเขา
ท่วงทำนองเพลงรักที่อวลไปด้วยความใคร่และกามารมณ์ดังสอดประสานยาวนานจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะอิ่มเอมสุขสม เพราะทั้งคู่ต่างก็วนเวียนตักตวงความสุขจากร่างกายซึ่งกันและกัน ซึ่งมันแทบทำให้ผู้เป็นน้องชายแทบจะหลับใหลในทันทีที่จบบทเพลงรักที่ยืดเยื้อ พีทจูบขมับชื้นเหงื่ออย่างรักใคร่หลงใหล เสียงคำบอกรักแผ่วเบาที่ข้างใบหูนุ่มนิ่ม ทั้งที่อีกฝ่ายคล้ายจะหลับไปแล้วแต่ริมฝีปากหยักสวยก็ยังเผยอยิ้มรับก่อนจะซุกหน้ากับอกของพี่ชาย
END
ภาษาสวยมากค่ะ ชอบมากๆ ชอบแนวนี้ มันบาปดี 55555555
พี่พีท สมภารกินไก่วัดซะแล้ว แถมไก่วัดยังยินยอมพร้แมใจให้กินอีกด้วย แงแงแง เขิ๊นนนนนนน
อู่ยยยยยยยย แงงง ฮือออ ชอบมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ ฮือออออ ชอบจนน้ำตาไหล คอมเม้นไม่ถูกเลย เอาเป็นว่าชอบมากๆนะคะ ขอบคุณมากๆด้วยค่ะที่ผลิตงานเขียนชั้นดีแบบนี้ขึ้นมา กราบบบบ
ยอมล้าววววววววบทนี้ ชอบมากๆเลยค่ะ ภาษาสวยมาก ถ่ายทอดอารมณ์ดีมาก เป็นความรักต้องห้ามที่ดีจริงจริ้งงงงง
ดีใจจังเลยค่ะที่มีคนเขียนเรื่องของคู่นี้ รักพีทกับน้องฉีมากๆเลย รู้สึกว่าเค้ารักกัน เค้าอยากพูดกันให้มากกว่าที่ทำอยู่ ถ้ามันจะไม่บาปเกินไปก็อยากให้เค้าได้(อยู่ด้วย)กันจริงๆ (ซึ่งคงบาปสินะ)
ขอบคุณไรท์ที่ช่วยเขียนเรื่องนี้ออกมานะคะ ร๊ากกก ???? เขียนอีกนะคะ จะรอติดตาม :)
อบอุ่นใจเหลือเกินไรท์ ขอบคุณที่เขียนต่อนะคะ
มีตอนใหม่มาจริงๆด้วย ปลาบปลื้มมากค่ะ สงสารพี่น้อง รักกันแท้ๆแต่ต้องเก็บไว้ อึดอัดแย่ แต่ก็ยังดีที่ยอมเปิดใจซักที ละมุนมากค่ะ เชื่อมกับเรื่องราวก่อนหน้านี้และที่จะต่อมาอย่างสวยงาม หากจะมีต่ออีกร้อยตอนก็ตามอ่านค่ะ ชอบจริงจัง ;)