ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กามเทพ สั่งรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : ติดค้าง ^^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 402
      2
      24 พ.ย. 54

    ตอนที่ 5 ติดค้าง

          บรรยากาศเงียบนิ่งในรถช่างน่าอึดอัด เปรมชำเลืองสายตามองคนที่นั่งข้างๆบ่อยครั้ง เห็นหวานตาทำหน้าเคร่งครุ่นคิดตลอดเวลา เขากระแอมไอขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นว่าขับรถใกล้ถึงบ้านของป้าเธอแล้ว หากไม่พูดคุยกันตอนนี้ คงหาโอกาสที่จะคุยกันยากแน่

    คุณเกือบทำเสียเรื่องหมดแล้วรู้มั้ย? หญิงสาวที่นั่งข้างเปิดประเด็นทันทีที่มีเสียงดังขึ้น เหมือนกับเขาให้สัญญาณปล่อยตัวยังไงยังงั้น

    ก็ผมไม่รู้นี่นาคุณหวาน บอกแล้วไงว่าผมไม่ไว้ใจหมอนั่น แถมลูกสมุนเขายังบอกว่าคุณหายขึ้นไปบนบ้านแล้วร้องเอะอะให้คนช่วยพักหนึ่งก็เงียบเสียงไป จะให้ผมคิดอะไรเล่า เปรมตัดพ้อ

    จริงๆเธอไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรกับเปรมเลยสักนิด แถมในหัวชอบวนเวียนไปคิดถึงเขาบ่อยๆ เวลาอยู่ใกล้หรือได้พูดคุยกัน หวานตาก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง มันเกร็งๆพิกลอยู่ นั่นอาจจะเป็นเพราะชะนักติดหลังจากเรื่องที่พบหน้ากันครั้งแรก และจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอก็ยังไม่ได้กล่าวขอโทษเขาเลย

    หวานตาถอนใจ  คุณพูดจริงเหรอ?

    คนถูกถามทำหน้าเป็นงองูสองตัว ย่นคิ้ว

    เรื่องไหน? นั่นสิ เพราะดูเหมือนแค่ไม่ถึงชั่วโมงที่เขามาพบหน้าเธอ ก็พูดมาไม่รู้กี่เรื่อง

    ทั้งหมด งานที่สำนักทนายความด้วย นี่ล่ะสำคัญที่ทำให้หวานตานั่งคิดถึงมัน แต่ก็ยังไว้ฟอร์ม

    เปรมพยักหน้าหนักแน่น ก็ถ้าคุณสนใจ เห็นว่าคุณจบประชาสัมพันธ์มา น่าจะช่วยงานที่สำนักทนายความผมได้ใจเขาทั้งอยากช่วยเหลือป้าฟองจันทร์อยู่แล้ว หากหวานตาไม่รังเกียจจะทำงานร่วมออฟฟิศของเขา ซึ่งงานคงไม่ตรงกับสาขาที่เธอเรียนจบมาเท่าไหร่ และเธอเองก็คงอยากไปทำงานตามสาขาวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมามากกว่า

    แต่เมื่อมีโอกาสก็ลองชวนดู เผื่อบางทีเธอจะสนใจ

    ในขณะที่หวานตากำลังลุ้นให้เขาพูดจริงๆ เพราะตอนนี้เธอเองก็เพิ่งจบ ยังไม่ได้มีเวลาออกไปหางานที่ไหน  เพราะคอยแต่ดูแลป้าฟองจันทร์ แล้วจู่ๆก็มีคนมาเสนองานให้ มันน่าสนใจน้อยอยู่เมื่อไหร่...และอย่างน้อยได้งานที่สำนักงานทนายความของเปรมให้มีเงินเดือนใช้ไปก่อน แล้วค่อยหางานที่ชอบและเหมาะสมกับตัวเองต่อไป

    เปรมจอดรถที่หน้าประตูบ้านของนางฟองจันทร์ รู้สึกแสนเสียดาย ที่ระยะทางช่างสั้นนัก และเขาก็มัวแต่กล้าๆกลัวๆไม่เริ่มพูดคุยกันตั้งแต่ออกมาจากบ้านนายเกรียงไกร

    ที่พูดนี่จริงนะคะ? หวานตาหันมาถาม เมื่อเขาพยักหน้ายืนยันเธอก็โล่งใจ

    “แล้วเรื่องอื่นล่ะ...ที่คุณพูดที่บ้านนายเกรียงไกร หมายความว่ายังไง”

    เปรมย่นคิ้วทำท่านึก แล้วก็หน้าชาวูบขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น...เรื่องที่ปกป้องเธอว่าไม่ยินยอมให้ไปทำงานกับนายเกรียงไกรเด็ดขาด บางทีหวานตาอาจจะรู้ความในใจเขาแล้ว

    ว่าไง? สีหน้าแววตาจริงจังที่จ้องมา ทำเอาเขาไม่กล้าสบตา แต่ก็สูดลมหายใจเฮือกมีลูกฮึดขึ้นมา

    ผมเป็นทนาย เครื่องหมายของทนายคือตาชั่ง ให้คุณแน่ใจได้ว่าผมเป็นคนซื่อตรง พูดจริง ทำจริงๆเอิ่ม..สายตาเหลือบมองเธอ “รักใครก็รักจริงด้วย” แต่กลับพูดประโยคนี้ออกมาเบาหวิว

    หวานตาอึ้งไป ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ พยักหน้าหงึกหงัก  แปลว่าจะให้ฉันทำงานด้วยจริงๆ

    เปรมพยักหน้ายืนยันหนักแน่นอีกหน

    “แล้วคุณจะให้เงินเดือนฉันซักเท่าไหร่?” ถามพิทักษ์ผลประโยชน์ให้ตัวเอง

    เปรมคิดหนัก นึกไม่ออกว่าควรจะจ่ายเท่าไหร่ เพราะที่สำนักทนายความของเขา ส่วนมากมีแต่นักกฏหมาย ซึ่งก็จ้างงานด้วยเงินเดือนเริ่มต้นตามวิชาชีพ แต่คงจะให้หวานตาช่วยงานด้านเอกสาร และคอยเป็นเลขาของเขา สำหรับติดต่อรับงาน ซึ่งจริงๆงานนั้นก็มี กรองแก้วซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของออฟฟิศทำอยู่ก่อนแล้ว...เรทเงินเดือนของหวานตาก็น่าจะพอๆกับกรองแก้ว

    “สตาร์ทที่หมื่นห้า ทำงานอาทิตย์ละห้าวัน... คุณจะโอเคมั้ย?” เปรมถามพร้อมกับลุ้นไปด้วย เกรงว่าหวานตาอาจจะไม่พอใจนัก เพราะรู้มาว่า งานพริตตี้ที่เธอทำอยู่ รายได้ดีกว่านี้มาก แต่ถ้าเขาจ่ายให้เธอมากกว่ากรองแก้ว อาจจะทำให้เสียระบบ และคนที่ทำงานอยู่ก่อนแล้ว จะหมดกำลังใจเอา

    แต่หญิงสาวกลับยิ้มอย่างพึงพอใจ...เริ่มงานแรกก็จ่ายแพงกว่าเรทตามวุฒิการศึกษาที่ควรได้รับ สำนักงานทนายความของเปรมทำเงินมากนักหรือไง ถึงได้กล้าจ้างเธอแพงอย่างนี้ได้ อย่างน้อยเวลาว่างสองวันก็ยังเอาไปรับงานนอกได้อยู่

    “โอเคค่ะ...ฉันพร้อมจะเริ่มงานวันจันทร์หน้า ถ้าคุณสะดวก” เป็นเธอที่ยื่นข้อเสนอ อย่างกลัวว่าเปรมจะเปลี่ยนใจ พูดจบก็รีบเปิดประตูลงจากรถไปทันทีเพราะหมดธุระแล้ว จนเปรมต้องรีบเปิดประตูตามลงมา

    “ดะ...เดี๋ยวสิคุณหวาน...เราคุยกันจบแล้วหรือ?” เปรมรีบท้วง แล้วเดินเข้าไปหา

    หวานตาหมุนตัวหันกลับมา หมดธุระของคุณแล้วนี่คะ ดึกแล้วด้วย...ก็น่าจะกลับไปได้แล้ว ฉันเองก็จะได้ไปเตรียมตัวด้วย แล้วเจอกันวันจันทร์ค่ะ” พูดจบก็หันไปเปิดประตูบ้าน

    “เดี๋ยวสิ...คุณยังไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลยนะ ว่านายเกรียงไกรเสนองานอะไรให้คุณ” เขาท้วง พร้อมแตะที่ต้นแขนเธอรั้งไว้อย่างอ่อนโยน

    หวานตายิ้มแหยๆ ก่อนจะแว๊ดใส่ “คุณนี่นะ...เป็นทนายประสาอะไร เขาเป็นลูกค้าคุณแท้ๆ กลับไม่รู้เรื่องเลย แล้วที่คุณไปกระโดดถีบยอดอกเขานั่น ดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เอาเรื่อง” คนยืนกอดอกหน้าเคร่งว่าใส่ฉอดๆ จนเปรมแหยไปทันที

    “เรื่องนั้นมันผ่านไปแล้วน่าคุณหวาน แล้วนี่จะไม่ยอมบอกผมจริงๆเหรอ ว่าเขาเสนองานอะไรให้คุณ”

    หวานตาทำหน้าอิหลักอิเหลื่อไม่อยากพูดถึงมันอีก เมื่อตอนนี้เธอได้งานที่สำนักงานทนายความของเปรมแล้ว ก็ไม่อยากกลับไปนึกถึงข้อเสนอที่ทำให้ลำบากใจของนายเกรียงไกร

    “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันเลือกจะไปทำงานกับคุณแล้วไง”

    โธ่!คุณหวาน...ถ้าคุณไม่บอกสงสัยคืนนี้ผมคงนอนไม่หลับแน่ๆเปรมออดอ้อน

    หวานตาทำหน้ารำคาญใจ ก่อนพูดเสียงแข็ง สัญญาก่อนนะว่าคุณจะไม่หัวเราะ

    แทนคำตอบ เปรมรีบชูสามนิ้วเหมือนลูกเสือเวลาปฏิญานตน หวานตามองหน้าซื่อๆที่อยากรู้อยากเห็นเต็มแก่ ก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ เขาชวนฉันเป็นเจ้าแม่ใบ้หวยนะสิ...บอกว่าดูท่าฉันจะมีองค์

    เปรมอ้าปากค้าง ทำตาปริบๆกับคำตอบที่ได้ยิน ก่อนจะปล่อยก๊ากออกมา น้ำหูน้ำตาไหล

    หวานตามองอึ้งไปครู่ก่อนจะอับอายที่เปรมหัวเราะงอหาย ทั้งที่ให้คำมั่นสัญญาเป็นดิบดี เลยทุบเขาไปหลายทีด้วยความโมโห นี่แน่ะ...คนรักษาสัญญา”

    “โอ้ยๆ หยุดแล้วครับ หยุดแล้ว” เปรมปัดป้องกำปั้นเล็กๆนั่น พยายามกลั้นขำเป็นสามารถ อยู่ครู่ใหญ่ถึงจะสำเร็จ หวานตาค้อนเขาอย่างขุ่นเคืองใจ เมื่อเห็นใบหน้ากลั้นรอยยิ้มขบขัน

    “คุณหวานก็ แหม! ผมไม่ได้หัวเราะคุณเสียหน่อย ก็แค่ตลกนายเกรียงไกรที่ช่างคิดต่างหากว่าคุณจะมีองค์...ผมเห็นด้วยกับเขาเลยนะ เพราะยามดีคุณก็ดีใจหาย ยามร้ายขึ้นมาก็น่ากลัวชะมัด” รีบให้เหตุผล ก่อนจะพึมพำเบาๆ “เจ้าแม่กาลี สลับเจ้าแม่เทวี...คิกๆ”

    หวานตาค้อนใส่เขาตาแทบกลับ “ฉันเคยร้ายใส่คุณหรือไง?”

    “โหย....” เปรมลากเสียงยาวคัดค้าน “ทำไมจะไม่เคยล่ะครับ เจอหน้ากันครั้งแรก คุณก็ตบผมแล้ว และจนป่านนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ไปทำอะไรให้คุณโกรธ จนสมควรโดนฝ่ามือพิฆาตนั่น”

    หวานตาสะอึกขึ้นมา...นายทนายหนอนายทนาย เรื่องอุตส่าห์ผ่านมานานนับเดือน ก็ยังเอามาจดจำอีก

    “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ ฉันขอโทษละกัน” อ้อมแอ้มตอบไม่กล้าสบตาเขาอย่างสำนึกผิด ทั้งที่หลบเลี่ยงคำพูดนี้มาตลอด แต่พอกล่าวออกไป หวานตากลับรู้สึกโล่งใจ ว่าไม่ได้ติดค้างอะไรกับเขาแล้ว และก็เป็นการดีที่จะพูดจาปรับความเข้าใจกันเสีย เพราะอีกไม่ช้าไม่นาน เธอต้องทำงานร่วมกับเขา และเปรมก็เป็นนายจ้างที่เธอควรให้ความเคารพและเกรงใจ อายุอานามเขาก็ดูแก่กว่าเธอหลายปีด้วย

    “เข้าใจผิดเรื่องอะไรครับ?” คนช่างซักถามทำหน้าอยากรู้ (อีกแล้ว)

    “มีคนฝากนามบัตรมาให้ฉัน บอกว่าอยากอุปถัมภ์เลี้ยงดู...คุณก็รู้ใช่มั้ยคำพูดนี้มันหมายความว่ายังไง ฉันก็เลือดขึ้นหน้าน่ะสิ เล่นมาดูถูกกันอย่างนั้นเป็นใครจะไปยอม” เล่าอย่างมีอารมณ์โกรธกรุ่นไม่หาย เมื่อยังไม่ได้ชำระความกับจำเลยตัวจริง เปรมนิ่งฟังพร้อมคิดเหตุการณ์ตาม...ก็ควรหรอกที่เธอจะโกรธ

    เมื่อคิดแล้วเขาก็แอบอมยิ้มว่าหวานตาไม่ใช่ผู้หญิงประเภทรักความสะดวกสบาย หรือคลั่งแบรนด์จนยอมเอาตัวเข้าแลก และเธอก็รักศักดิ์ศรีมาก ถึงได้สั่งสอนคนที่มาดูถูกเธอรุนแรงอย่างนั้น

    เขานึกชื่นชมผู้หญิงที่รู้จักพิทักษ์รักษาสิทธิ์ของตัวเอง แม้วิธีการออกจะโหดไปหน่อยก็ตามที

    “ฉันก็เลยตามไปเอาเรื่อง พอถามว่านามบัตรเป็นของคุณรึเปล่า คุณก็ดันยอมรับ ฉันก็เข้าใจผิดน่ะสิ”

    “ก็เลยตบผมเข้าให้” เปรมต่อประโยคนั้นให้สมบูรณ์

    “ฉันไม่ได้จะตบคุณ แต่จะตบคนที่ดูถูกฉันต่างหาก”

    เปรมพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เรื่องคาใจระหว่างเขากับเธอก็คลี่คลายลงไปด้วยดี เมื่อได้ปรับความเข้าใจกัน และเมื่อรู้ตัวว่าเป็นคนผิด หวานตาก็ยอมขอโทษและมีท่าทีสำนึกผิด นี่เป็นอีกสิ่งที่เขานึกชื่นชมเธอ

    “แล้วใครใช้ให้คุณยอมรับ...ทั้งที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของนามบัตรนั่น”

    เปรมยิ้มเจื่อน เมื่อคำถามกลายมาเป็นว่า เขาเองก็ผิดเหมือนกัน “ก็ผมมัวตะลึงอยู่นี่นา จู่ๆก็มีสาวสวยเดินเข้ามาคุยด้วย ใครมันจะไปตั้งตัวทัน ก็เลยไม่ทันได้ฟัง คุณพูดอะไรผมก็รีบรับหมดแหละ” เขาพ้อให้เห็นใจ

    คำตอบของเปรมทำให้หวานตาขัดเขินขึ้นมา ก็เล่นมาชมกันซึ่งๆหน้า แม้จะรู้ตัวเองว่าสวย แต่ดวงตาแสนซื่อตรงผนวกคำพูดจริงใจบอกผ่านความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่มีปิดบังด้วย ทำเอาหน้าสาวร้อนผ่าวทีเดียว

    เคยคิดว่าตาทนายนี่ทึ่ม พอเวลาพูดหวานออกมา หวานตาก็อายแทบม้วนทีเดียว

    “อะแฮ่ม...” กระแอมเรียกเสียงให้ตัวเอง แก้ขัดเขิน “โอเค ถือว่าเราเคลียร์กันแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างคาใจต่อกันนะคะ” รีบตัดบท ก่อนจะเก้อเขินอายด้วยสายตาและคำพูดซื่อๆของเขาไปมากกว่านี้

    “ผมยังไม่บอกเลยว่ายกโทษให้” เสียงขรึมท้วง

    “ก็ฉันขอโทษแล้วไง” เสียงสูงที่แย้งนั่นฟังดูขัดใจพิกล

    “ไม่รู้ล่ะ” เปรมเล่นท่าบ้าง “อยู่ดีๆโดนทั้งตบทั้งด่า จะไม่ให้ผมคิดค่าเสียหายได้ยังไง ผมเป็นทนายนะคุณ” คนเป็นทนายกอดอกหน้าเชิดเริ่มทำหัวหมอ

    “แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ?....บอกก่อนนะว่าฉันไม่มีเงินจ่ายให้คุณ สัญญาก็คือสัญญา อย่ามาหักค่าจ้างฉันเชียว” หวานตารีบออกตัว ทั้งขอร้องกึ่งข่มขู่ ดูสิ...เธอยังกล้า...แล้วที่เถียงอยู่ด้วยนะ ทนายนะครับผม...ยังไงเธอก็ไม่มีวันชนะเขาไปได้หรอก

    “ผมไม่คิดเป็นเงิน แต่คิดเป็นแรงงานก็แล้วกัน”

    “คุณจะให้ฉันทำอะไร?” รีบถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ยังนึกไม่ออก...ขอติดไว้ก่อนแล้วกัน” คนท่ามากทำเจ้าเล่ห์

    แต่เธอก็ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว จึงพยักหน้าอย่างขอไปที

    “ขับรถดีๆนะคะ แล้วเจอกันวันจันทร์” หวานตาบอกลา พร้อมกับไล่ส่งเสียดื้อๆ ปล่อยให้เปรมเต๊ะท่าค้าง

    “เดี๋ยว...เดี๋ยวสิคุณหวาน” ร้องท้วงเสียงหลง แต่หวานตาก้เข้าบ้านแล้วปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ตัดโอกาสเขาที่จะยืดเยื้อมากความต่อ

    ทิ้งให้เปรมเกาะรั้วมองตามตาละห้อย ก่อนจะส่งยิ้มตาหวาน เมื่อเห็นร่างแบบบางเดินเข้าไปถึงในบ้านแล้ว ดูสิดู แค่ได้มองตามหลังเธอก็ใจหาย แค่ได้เห็นหลังคาบ้านเธอ มันก็มีความสุข

    ทั้งที่บอกตัวเองว่า จะไม่มายุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้...ทำไมหนอทำไม ทั้งที่มีผู้หญิงสวยๆอีกมากมาย ทั้งสนใจไยดีเขาด้วย แต่กลับไม่ไปสนใจเธอเหล่านั้น หันมายุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงคนนี้แทน

    ก็หัวใจใครสั่งมันได้มั่ง...นี่เขากำลังตกหลุมรักหวานตาอย่างนั้นหรือ? ทั้งที่การพบกันแต่ละครั้ง ไม่เห็นมีอะไรน่าประทับใจเลย...เขาอาจจะแค่ชอบเธอมากกว่า...แค่ชอบที่อาจจะพัฒนาเป็นชอบมากขึ้น...หรือรู้สึกเฉยๆก็ได้ในที่สุด

    วันนี้หัวใจมันจะรู้สึกยังไง ก็ปล่อยมันไปเถอะ ตราบใดที่เธอยังทำให้เขายิ้มได้ และกระชุ่มกระชวยหัวใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×