คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
(อัพครั้งแรก พ.ค.58)
(แก้ไขคำผิด+ปรับเนื้อหาบางส่วนล่าสุด [1] 26/11/61)
แสงแดดและอากาศร้อนจัดยามบ่ายสามโมงกว่าในช่วงต้นเดือนมิถุนายนของประเทศไทยร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นจุลได้ในความคิดของหญิงสาวผู้มีเรือนร่างบางเล็กกะทัดรัด
เธอแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาวล้วนเข้ารูปสวมเสื้อแจ็คเก็ตกันแสงยูวีแบบมีฮู้ดทับด้านนอกและกางเกงยีนส์สกินนี่สีน้ำเงินเข้มแบรนด์ชั้นนำพร้อมแว่นกันแดดรับรูปหน้ากับรองเท้าผ้าใบคู่โปรด
หญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งบนรถตุ๊กตุ๊กที่จอดเข้าคิวรอรับส่งคอยให้บริการลูกค้าอยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ในตัวเมืองจังหวัดเชียงราย
เพื่อไปยัง ‘ท่ารถ’ หรือสถานีขนส่งผู้โดยสาร
ถ้าวันนี้แดดร่มลมตกมีฝนพรำสักเล็กน้อย หรือพอจะมีเวลาเหลือเฟือมากกว่านี้
เธอคงเลือกใช้บริการรถสามล้อถีบนั่งกินลมชมเมืองไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เคยอาศัยและไปเที่ยวชมบ่อยครั้งแน่นอน
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
เปลี่ยนไปมากผิดจากเมื่อก่อนครัันเธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ
ประจำจังหวัดที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นโรงเรียนหญิงล้วนมาก่อน
ในตัวเมืองยามนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน
ซ้ายหรือขวาก็เห็นแต่รถยนต์กันวิ่งขวักไขว่ไปมาเต็มไปหมดบนท้องถนนสายหลักสำคัญไม่สามารถขยับขยายขอบทางให้กว้างมากขึ้นเพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
อาจเนื่องมาจากโครงการรถคันแรกของรัฐบาลสมัยนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
หรือไม่ก็เป็นเพราะโปรโมชั่นของบริษัทนำเข้ารถยนต์หากหลายยี่ห้อพากันกระหน่ำ ลด
แลก แจก แถม ไม่ว่าจะเป็นผ่อนศูนย์เปอร์เซ็นต์สิบเดือนสิบสองเดือน
ฟรีประกันชั้นหนึ่ง ไม่ก็แถมของฟรีอย่างอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ
แท็บเล็ต แพ็กเกจท่องเที่ยวต่างประเทศ
เพื่อเพิ่มจำนวนยอดขายกระตุ้นการซื้อของลูกค้าให้มากขึ้น
รวมถึงจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นจากการย้ายถิ่นฐานของคนต่างถิ่นที่เบื่อหน่ายการใช้ชีวิตเร่งรีบในหัวเมืองใหญ่หันมาจับจองซื้อหาที่ดินทางภาคเหนือลงทุนทำธุรกิจต่างๆ
เรียกว่าย้ายถิ่นฐานมาปักหลักทำกินเป็นการถาวรกันเลยทีเดียว
และอีกไม่นานเธอคาดว่าการจราจรในตัวเมืองเชียงรายก็คงประสบปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วนไม่แพ้หัวเมืองใหญ่อย่างจังหวัดเชียงใหม่
หรือกรุงเทพมหานครแน่นอน
คนต่างถิ่นอื่นย้ายมาอยู่กันเยอะ
ส่วนคนในพื้นที่เองก็มีความจำเป็นต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด
ทิ้งมรดกที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายสร้างเอาไว้ให้เพราะต้องการหาอาชีพมั่นคงและเจริญก้าวหน้าเพื่อเลี้ยงปากท้องของตนเองรวมไปถึงคนในครอบครัวให้อยู่สุขสบาย
จึงได้พยายามหาช่องทางประกอบอาชีพเลยตัดสินใจขายทรัพย์สินที่สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินได้อย่างอสังหาริมทรัพย์จำพวกบ้านและที่ดิน
เพื่อเป็นทุนรอนในการตั้งต้นชีวิตใหม่ บางรายก็เพื่อชำระหนี้สินเดิมที่ตนมีอยู่
ในสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่งานหายากจำนวนคนตกงานและจำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาใหม่เพิ่มมากขึ้นทุกปี
นักธุรกิจชาวต่างชาติก็พากันย้ายฐานลงทุนเพราะปัจจัยภาพรวมของประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเมือง การบริหารงานของผู้นำประเทศ
รวมถึงสภาพทางภูมิศาสตร์และภัยธรรมชาติต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่เรื้อรังมานาน โดยไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนตามภาษาราชการที่เราเคยได้ยินกันจนคุ้นหูบ่อยครั้ง ล้วนเป็นสาเหตุที่สร้างความเสียหายทางธุรกิจและอุตสาหกรรมทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติหมดความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยหันไปลงทุนทำการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่ใช้เม็ดเงินในการลงทุนต่ำกว่าไทยและมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าแทน
สภาพเศรษฐกิจตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าขายของหักลบต้นทุนรายรับรายจ่ายต่อวันแล้วเหลือผลกำไรไม่เท่าไหร่ ของอุปโภคบริโภคสินค้าและบริการต่างๆ ราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน
ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น คนที่มีภาระลูกเมียพ่อแม่หลายปากท้องให้รับผิดชอบคงแทบหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด อำนาจเงินนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ
สมัยนี้ใครมีเงินถุงเงินถังในกระเป๋าก็เหมือนมีไม้กายสิทธิ์วิเศษสามารถร่ายเวทมนตร์กวัดแกว่งเสกสรรปั้นแต่งบันดาลทุกสิ่งอย่างที่ตนต้องการได้สมดังปรารถนา
ไม่ว่าจะเป็นลาภยศ ชื่อเสียง อำนาจ และเงินทองที่แต่เดิมมีมากอยู่แล้วให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
ปวดหัวเวลาคิดเรื่องเงินๆ
ทองๆ จะว่าไปเธอยังรู้สึกเสียดายไม่หายเมื่อเมืองที่เคยสงบเงียบในอดีตบนท้องถนนมีรถวิ่งผ่านไปมาแค่รถจักรยานยนต์
อีกไม่นานหากนักลงทุนหันมาจับจองที่ดินทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือศูนย์การค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าที่มีอยู่ในขณะนี้
พื้นที่สีเขียวในการเพาะปลูกทางการเกษตรถูกเปลี่ยนเป็นรีสอร์ท โรงแรมหรู
ตึกสูงรักฟ้า โครงการบ้านจัดสรร อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม
การขยายเมืองของเชียงรายก็คงไม่ต่างจากเมืองใหญ่ในภาคอื่นๆ คิดแล้วคิดอีกเธอก็ยิ่งเสียดายความสงบเงียบ ความสวยงามของธรรมชาติ
อาการบริสุทธิ์สดชื่นที่ถูกแทนที่ด้วยฝุ่นควันและมลพิษ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้เธอจะทำอย่างไรได้
เธอไม่มีอำนาจไม่มีเงินทองที่จะบันดาลสิ่งต่าง
ถึงเธอจะมีก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก
นอกจากทำใจยอมรับว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างก็ย่อมเปลี่ยนตามไปด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหมุนวนตามกระแสของโลก คนในแต่วัยก็มียุคสมัย ความทรงจำและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป
มนุษย์เราบ้างครั้งก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเรียกร้องให้ทุกสิ่งรอบตัวดำเนินไปอย่างที่ใจเราต้องการได้
ดังนั้นเราควรยอมรับ
เรียนรู้ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและกระแสสังคมที่ผ่านเข้ามาตราบช่วงอายุขัยที่เหลืออยู่ของตนก่อนแสงเทียนแห่งชีวิตจะมอดดับลงตามกาลเวลา
คิดได้เช่นนี้แล้วเธอก็ควรปล่อยวาง
“ถึงแล้วครับ”
เสียงคุณลุงคนขับรถตุ๊กตุ๊กดังขึ้นหลังรถจอดสนิทเทียบขอบฟุตบาทของสถานีขนส่งเชียงราย
จุดหมายที่ยังไม่ใช่ปลายทางสิ้นสุดการเดินทางของเธอในวันนี้
“เท่าไหร่เจ้าลุง” เธอถามค่าบริการหลังจากจิตใจล่องลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเพลินๆ
“หกสิบครับ”
เมื่อจ่ายค่ารถตุ๊กตุ๊กเรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวเดินลงจากรถเข้าไปยังตัวอาคารของสถานีขนส่ง
มองหารถประจำทางที่ตนจะเดินทางไปต่อว่าจอดอยู่ชานชาลาหมายเลขที่เท่าไหร่
มันจะยังจอดอยู่ที่เดิมที่เธอเคยขึ้นเป็นประจำเมื่อครั้นยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่หรือไม่
“เจียงของ เจียงของ แม่ต่ำ แม่บง แม่เลียบ ดอยหลวง บ้านเขียะ บ้านน้ำม้า
เจียงของ สายในสายใหม่เจ้า”
เสียงตะโกนดังก้องสำเนียงท้องถิ่นจากกระเป๋ารถเมล์หญิงวัยกลางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเป็นเวลานานนับสิบกว่าปีที่ผ่านมาร้องเรียกผู้โดยสารบอกจุดหมายปลายทาง
และเส้นทางสำคัญระหว่างทางที่รถบัสพัดลมสีแดงในสภาพที่จะว่าเก่าจนคร่ำครึก็ไม่ใช่
หรือจะว่าใหม่เอี่ยมอ่องก็ไม่เชิงคันนี้จะวิ่งผ่าน
“แม่จัน แม่สายเจ้า”
“พาน แม่ขะจาน เวียงป่าเป้า”
“เจียงแสนจ้า เจียงแสน”
เสียงตะโกนร้องเรียกผู้โดยสารจากรถบัสประจำทางทั้งสีเขียวและสีฟ้าที่จอดเรียงอยู่ต่อถัดไปฟากเดียวกันของชานชาลาดังสลับกันขึ้นมาเป็นพักๆ
ดูแล้วช่างเป็นบรรยากาศอันแสนคุ้นเคยเมื่อนึกย้อนไปในวันวานยามที่ตัวเธอยังคงเป็นแค่เด็กน้อยในชุดนักเรียนคอซองจนถึงชุดนักเรียนมัธยมปลายตอนกำลังสะพายกระเป๋าเป้ใบโตวิ่งขึ้นรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายกลับบ้านทุกเย็นวันศุกร์
และนั่งรถสายนี้กลับมาทุกเที่ยงวันอาทิตย์
เธอยิ้มกับตัวเองก่อนเดินไปเข้าไปหาคุณป้ากระเป๋ารถเมล์ที่ยืนอยู่หน้ารถบัสประจำทางสีแดง
“เจียงของ รถออกกี่โมงเจ้า” เธอถอดแว่นกันแดดออกแล้วถามหญิงวัยกลางคนที่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“ออกสี่โมงลูก บ่อเห็นหน้าเห็นต๋าจาดเมินเฮียนจบแล้วกา
[1]”
คุณป้ากระเป๋ารถเมล์ถามถึงความเป็นไปของเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานที่เห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียวแม้ว่าตอนนี้ดูๆ
ไปแล้วตัวก็ไม่ได้โตขึ้นมากสักเท่าไหร่
ท่านยังจำเด็กน้อยได้ดีหลังจากหายหน้าหายตาไปไม่ค่อยมาใช้บริการบ่อยครั้งทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนเมื่อก่อนนานหลายปีทีเดียว
“จบแล้วเจ้า จบได้หลายปี๋[2] แล้วเจ้า”
เธอตอบคำถามท่านด้วยรอยยิ้ม นับดูก็ราวๆ
เกือบแปดปีแล้วเห็นจะได้ที่เธอจบจากรั้วมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร
“กา ปะเดี่ยวยะก๋าน[3]ตี่ไหนลูก”
ประโยคคำถามที่แสนจะคุ้นหูที่ได้ฟังจากบรรดาผู้สูงวัยกว่าก็คือ ‘เรียนจบแล้วทำงานที่ไหน?’ เธอยิ้มรับก่อนจะตอบตามมารยาท
“ยะตี่บ้านเจ้า ยะก๋านต่อจากป้อ” เธอเบนสายตาไปยังป้ายเวลาบอกตารางเดินรถแล้วหันกลับมายิ้มให้คู่สนทนาอีกครั้งก่อนเดินขึ้นรถมองหาที่นั่งริมหน้าต่างที่ยังว่างอยู่
หลังจากวางกระเป๋าสัมภาระไว้บนชั้นวางของด้านบนเหนือศีรษะแล้วเธอก็นั่งลงมองผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาผ่านทางหน้าต่างรถ
หลับตาลงฟังเสียงพูดคุยดังจอแจรอบๆ
รอเวลารถออกจากชานชลาสถานีขนส่งเชียงรายไปยังอำเภอเชียงของ
สถานที่ที่เป็นถิ่นกำเนิดของบิดาและเป็นภูมิลำเนาในปัจจุบันของเธอ
เสียง Temple
bell แจ้งเตือนข้อความเข้าของแอพพลิเคชันสนทนาชื่อดัง
ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง
เธอเปิดกระเป๋าสะพายแล้วควานหาโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นมาเปิดอ่านข้อความจากเพื่อนสนิทสมัยมัธยม
การะเกด : พิมพ์ถึงท่ารถรึยัง?
การะเกด : รถออกกี่โมงพิมพ์?
การะเกด : รถออกแล้วไลน์บอกด้วย ถึงบ้านแล้วก็รีบโทรมาบอกด้วยล่ะ
ชมพูพิมพ์ (พิมพ์ใจ): ตอนนี้ถึงท่ารถแล้ว รถออกสี่โมงเย็น อีกประมาณสิบห้านาทีก็ออกแล้ว
การะเกด : อืม ถึงบ้านแล้วอย่าลืมโทรมานะ เพื่อนเป็นห่วง
ชมพูพิมพ์ (พิมพ์ใจ): จ้าาา ไม่ต้องเป็นห่วง รถสายนี้เมื่อก่อนพิมพ์ขึ้นเป็นประจำเกดก็รู้
(พิมพ์น่ะเป็นขาใหญ่เจ้าถิ่นเลยนะ ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก 555) อีกราวๆ สองชั่วโมงครึ่งจะโทรหาละกันนะ (ปล. ถ้าไม่ลืมนะจ๊ะ :p)
การะเกด : ง่ะ!
โอเคจ้า เดินทางปลอดภัยนะพิมพ์ ถึงบ้านแล้วค่อยเม้าท์มอยกัน (ถ้านางไม่ลืมเพื่อน
555)
เธอยิ้มอารมณ์อย่างดีส่ายหน้าน้อยๆ
เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพายตามเดิมแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ
บนรถขณะนี้มีผู้โดยสารแน่นขึ้นถนัดตาก่อนมองไปยังด้านล่างข้างตัวรถก็เห็นว่าคุณลุงคนขับกับคุณป้ากระเป๋ารถเมล์ช่วยกันลำเลียงสัมภาระของผู้โดยสาร
และกล่องใบใหญ่หลายใบจากบริการขนส่งรับฝากสินค้าเข้าช่องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถ
เข็มนาฬิกาบอกเวลาหมุนไปเรื่อยๆ
จนเหลือเพียงห้านาทีสุดท้ายก่อนรถออกก็มีรถยนต์คันหนึ่งปราดเข้ามาจอดด้านข้างรถประจำทางพร้อมคนขับที่มีท่าทางรีบร้อนลงจากรถวิ่งมาถามไถ่เวลาออกเดินรถ
เมื่อรู้ว่ายังมาทันเวลาเขารีบกุลีกุจอหันไปบอกกับคนที่อยู่บนรถแล้ววิ่งไปเปิดกระโปรงท้ายรถก่อนยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาส่งให้กับคุณลุงคนขับรถบัส
เพื่อเก็บเข้าช่องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถประจำทาง
เธอสังเกตเห็นสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนกระจกด้านหลังระบุว่ารถยนต์คันนี้เป็นรถเช่าของสายการบินหนึ่งมาจากสนามบินเชียงราย
และแท็กกระเป๋าของสายการบินที่ติดไว้ป้องกันสัมภาระสูญหายยืนยันได้ว่ากระเป๋าเดินทางใบนี้ผ่านการโหลดขึ้นเครื่องมาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าในเมื่อเช่ารถจากสนามบินแล้วทำไมถึงไม่ให้คนขับขับไปส่งจนถึงที่หมาย
ทำไมใครคนนั้นที่นั่งอยู่บนรถถึงมาขึ้นรถประจำทางที่เบียดเสียดและใช้เวลาในการเดินทางนานเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับเดินทางด้วยรถส่วนตัวหรือรถรับจ้าง
‘แต่ก็นะ คนเรามีเหตุผลของตัวเองไม่เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องของเรา
เราจะไปสงสัยใคร่รู้เรื่องของคนอื่นเขาไปทำไม
อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขาแล้วจะได้อะไรขึ้นมา’
เธอหันหน้ากลับเข้ามาในตัวรถก่อนจับฮู้ดขึ้นมาคลุมศีรษะสวดแว่นกันแดดตามด้วยหน้ากากอนามัย
หลับตาลงพักผ่อนสายตาขณะได้ยินเสียงคุณลุงคนขับเปิดประตูขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งพร้อมติดเครื่องยนต์ดังหึ่มๆ
ประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นของเธอก็สัมผัสได้ถึงน้ำหอม เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมา
หอมสะอาดบริสุทธิ์เมื่อได้กลิ่นแล้วทำให้รู้สึกสดชื่น หอมเย็นเหมือนสายน้ำ
“ที่นั่งตรงนี้ยังว่างอยู่ ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
>>> ศัพท์กำเมือง <<<
[1]
บ่อเห็นหน้าเห็นต๋าจาดเมินเฮียนจบแล้วกา =
ไม่เห็นหน้าเห็นตาตั้งนานเรียนจบแล้วเหรอ
[2] ปี๋ = ปี
[3] ยะก๋าน = ทำงาน
ความคิดเห็น