My best my barista เธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันอยากจะรัก
ผู้เข้าชมรวม
353
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของความวุ่นวายภายในร้านคอฟฟี่ช็อปขนาดย่อมแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง ดังขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องแม้จะไม่ได้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงอะไรมากนัก แต่นักชิมทั้งหลายแหล่ที่นิยมชมชอบในรสชาติขมปร่าบวกกับความหอมหวานนุ่มละมุน และกลิ่นเฉพาะตัวที่ผสมผสานกันได้ดีอย่างลงตัวของกาแฟนานาชนิดที่มีโอกาสได้แวะมาชิมรสชาติกาแฟของที่นี่ ต่างก็ต้องย้อนกลับมาอีกครั้งด้วยความติดใจ ไม่ใช่แค่รสชาติที่ดีเลิศเท่านั้นที่ทำให้ร้านคอฟฟี่ช็อปแห่งนี้แตกต่างไปจากที่อื่น การใส่ใจบริการดูแลลูกค้านั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความประทับใจให้กับเหล่านักชิมที่แวะเวียนเข้ามาจนพวกเค้าต้องหวนกลับมาใช้บริการของที่นี่อีกครั้ง
พิมพ์พิศาหรือที่ใครๆ ชอบเรียกเธอสั้นๆ ว่า พิมพ์ หญิงสาวร่างบางปราดเปรียวแบบบางเหมือนนางแบบ ผมดัดเป็นลอนสีน้ำตาลคาราเมลของเธอเข้ากับใบหน้าหวานๆ ได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่คุณก้าวเข้ามาในร้านคอฟฟี่ช็อปแห่งนี้คุณจะได้พบเจอกับรอยยิ้มหวานละไมละลายใจ ที่เธอคอยส่งยิ้มจากใจมาต้อนรับคุณในฐานะลูกค้าคนสำคัญ ร้านคอฟฟี่ช็อปแห่งนี้เป็นร้านที่เธอกับพี่ชายช่วยกันสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเค้าทั่งคู่ และนั่นทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในอาชีพของเธอเป็นอย่างมาก
ยัยพิมพ์พี่เห็นแกเอาแต่มองปฏิทินมาเป็นรอบที่สามสิบเจ็ดของวันนี้แล้วนะ =_=;
พี่ล่ะก็มาจับผิดอะไรฉันกันเล่า!! >O<
พี่พัฒเป็นพี่ชายแท้ๆ คลานตามกันมาของฉันเองค่ะ พี่ถามขึ้นหลังจากที่เห็นฉันทำตัวมีพิรุธคอยแต่จ้องมองปฏิทินอยู่อย่างนี้มาหลายวัน
ก็แกทำตัวน่าสงสัยนี่หว่า? หรือว่าแกกำลังนับวันนับเดือนคอยใครอยู่... พี่พัฒหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด
เปล่าซะหน่อย!! >.< ฉันก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวันเพราะกลัวว่าพี่จะจับได้ ว่าฉันกำลังรอคอยให้ใครบางคนกลับมาอย่างที่เค้าพูดอยู่จริงๆ
หรือว่าแกกำลังคอยไอ้หมอนั่นอยู่...?
นี่ฉันไปทำท่าทางพิรุธอะไรให้เค้าจับได้กันละเนี่ย! โดนสวดหชาแน่เลย ไม่อยากฟัง เอามืออุดหูไว้ได้มั้ยอ่ะ จะได้ไม่ได้ยินอะไรเพราะเวลาที่พี่บ่นทีไรฉันหูชาไปสามวันเจ็ดวันเลยล่ะ >.<
นี่แกยังไม่ตัดใจจากมันอีกหรอกี่ปีแล้วที่แกเฝ้าหลงรักมันอยู่ข้างเดียว โดยที่มันไม่เคยคิดจะหันกลับมามองแกด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ยิ่งมันเป็นนักร้องดังขนาดนั้นมันจะมาสนใจใยดีอะไรแก พี่ขอบอกไว้เลยนะว่าแกต้องตัดใจจากไอ้หมอนั่นแล้วรีบมองหาคนใหม่ซะ อายุแกก็ไม่ใช่น้อยแล้วนะยี่สิบสามเข้าไปแล้ว แกไม่ใช่เด็กอายุสิบหกสิบเจ็ดที่ยังจะมานั่งเพ้อฝันถึงความรักในนิยายแบบเมื่อก่อนได้อีกแล้วนะ!!!
นั่นไง! เป็นอย่างที่ฉันพูดไว้เป๊ะเลยใช่มั้ยล่ะ? ไม่รู้ว่าเวลาที่พี่พูดรั่วเป็นชุดอย่างนี้พี่เอาส่วนไหนหายใจ
แล้วทีพี่ล่ะ! ทำไมพี่ถึงยังไม่แต่งงานอีกล่ะฮึ? อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วนะ และแน่นอนที่สุดคือพี่อายุมากกว่าฉัน!!! =_=++
หน็อย!! ยัยน้องบ้าย้อนพี่เรอะ!!!
พี่พัฒฮึดฮัดไม่พอใจใหญ่ พี่ชายฉันกำลังจะแปลงร่างเป็นลิงกอลิล่าแล้ว >.< อึ้ย น่ากลัวเป็นบ้า!
ก็เรื่องหัวใจมันห้ามกันไม่ได้นี่ค่ะคุณพี่ชาย... ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ในท่าทีของพี่นัก
ก็เรื่องแบบนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นา
เอาเถอะฉันขี้เกียจต่อปากต่อคำกับแกแล้ว ที่ฉันเตื่อนก็เพราะหวังดี ฉันไม่อยากเห็นแกต้องมานั่งเสียใจเหมือนตอนนั้นอีก พี่พัฒพูดเสียงเข้ม
คำพูดนั้นของพี่มันทำให้ฉันถึงกับจุกขึ้นมาเลยทีเดียว
พี่อ่ะ!! ซ้ำเติมฉันอยู่เรื่อย TOT
บอกไว้ก่อนนะถ้ารอบนี้มันทำแกเสียใจอีกฉันไม่เอามันไว้แน่ ต่อให้มันจะเป็นใครใหญ่มาจากไหนก็ตาม ตายสถานเดียว!! =_=++
รังสีอำมหิตของพี่พัฒเริ่มแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ทุกคนก็สัมผัสได้เหมือนกันใช่มั้ยค่ะ? พอพูดถึงเค้าคนนั้นขึ้นมาทีไรพี่จะเป็นแบบนี้ซะทุกที
=O=^^
พี่พัฒเดินเลี่ยงไปที่หลังร้านเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับฉันให้มากเรื่อง พี่พัฒรู้ดีที่สุดว่าถึงยังไงฉันก็ไม่มีทางตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้ ขนาดเวลาผ่านไปเป็นปีๆ ฉันก็ยังเอาแต่เฝ้ารอให้เค้าคนนั้นกลับมาหาฉัน ฉันรู้ดีว่าพี่พัฒรักและห่วงใยฉันมากกว่าใครๆ เพราะเราเหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง แต่ถ้าจะให้พูดตามความเป็นจริงแล้วคนที่ผิดไม่ใช่เค้าคนนั้นเลยสักนิด เค้าไม่เคยให้ความหวังหรือสัญญาใดๆ กับฉันระหว่างพวกเรามีเพียงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือต่อกัน ไม่มีความชัดเจนและแน่นอนว่าระหว่างพวกเรามันคืออะไร... และก็เป็นฉันเองที่ยังคงเอาแต่ใจยืนยันนั่งยันนอนยันว่าจะไม่มีทางเลิกรักเค้าคนนั้นถึงแม้ว่าจะต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานใจแสนสาหัสมากแค่ไหนก็ตาม
ฉันกับเค้าคนนั้นรู้จักกันตั้งแต่ช่วงที่เรียนอยู่มัธยมปลาย ความจริงแล้วเค้าเป็นพวกหนุ่มป๊อบปูล่าหน้าตาดีเว่อร์ในโรงเรียนเหมือนๆ กับพี่พัฒแต่เพราะเค้ามีนิสัยเงียบขรึมไม่ชอบสุงสิงกับใครซึ่งแตกต่างกับนิสัยเฟรนลี่ร่าเริงช่างเอาใจของพี่โดยสิ้นเชิง (โดยเฉพาะกับสาวๆ พี่จะเอาใจมากเป็นพิเศษแต่ทีกับน้องกับนุงนี่ดุเป็นบ้าแถมยังขยันบ่นฉันจนหูชาไปสามบ้านแปดบ้าน) พี่พัฒและพรรคพวกพยายามตีสนิทเพื่อดึงให้เค้าคนนั้นเข้ามาอยู่ในกลุ่ม เพราะมองว่าเค้าคนนั้นเป็นมนุษย์หน้าตาดีพรรค์เดียวกัน แต่เค้าคนนั้นไม่เล่นด้วยเลยถูกทุกคนมองว่าเค้าเป็นมนุษย์หน้าตาดีที่แสนจะเย่อหยิ่งจองหอง พี่กับพรรคพวกก็เลยพานไม่ชอบขี้หน้าเค้าคนนั้นเอาซะดื้อๆ แค่เพียงเพราะว่าเค้าไม่ยอมเข้าร่วมกลุ่มของพี่ (จะว่าไปพี่ชายฉันดูจะไม่ค่อยมีเหตุผลเลยแฮะ =_=;) ทั้งที่ความจริงแล้วเค้าไม่ใช่คนหยิ่งยโสอะไรเลย เพียงแต่ว่าเค้าเงียบขรึมมากถึงมากที่สุดก็เท่านั้นเอง (แต่ไม่ใช่กับฉันนะกับฉันเค้าจะใจดีด้วยมากๆ แล้วก็ไม่ตีหน้านิ่งทำตัวขรึมใส่ฉันด้วย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรสินะเค้าถึงปฏิบัติกับฉันแตกต่างออกไป) และที่สำคัญคือเค้าก็ชอบเล่นดนตรีมากๆ เค้าเองก็มีเพื่อนๆ ที่เล่นดนตรีด้วยกันอยู่หลายคนไม่ได้เป็นมนุษย์แสนเย่อหยิ่งอย่างที่พี่กล่าวหาซะหน่อย >.<
ครั้งหนึ่งจะมีการจัดงานโรงเรียนขึ้นและวงของเค้าก็ได้ขึ้นแสดงในงานครั้งนี้ด้วย ฉันซึ่งเป็นคณะกรรมการนักเรียนจึงมีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีและทำความรู้จักกับเค้าและวงดนตรีของเค้า นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสองคนเริ่มรู้จักและสนิทสนมกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่พวกเราเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเค้าบังเอิญรู้ความลับเรื่องอาการป่วยประหลาดๆ ของฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ เค้าถึงได้คอยดูแลฉันเป็นอย่างดีดีเกินกว่าที่คนที่เป็นเพื่อนกันจะทำด้วยซ้ำไป มันจึงไม่แปลกเลยสักนิดถ้าพวกเราจะถูกคนอื่นมองว่าเป็นแฟนกัน...
พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเค้าก็เริ่มจริงจังกับการทำงานทางด้านดนตรีมากขึ้น ด้วยความที่เค้าเป็นคนหน้าตาดีและมีฝีไม้ลายมือเก่งกาจเทียบเท่ากับพวกมืออาชีพทั้งๆ ที่ยังเป็นแค่มือสมัครเล่น ทำให้เค้ากลายเป็นดาวเด่นและได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่และคนอื่นๆ ในวงการเดียวกัน บ่อยครั้งที่ฉันมักจะมีโอกาสได้ไปนั่งดูเค้าซ้อมดนตรีจนถึงเช้า ทำให้ฉันรู้จักและคุ้นเคยกับคนอื่นๆ ในวงของเค้าเป็นอย่างดี และเพราะความสนิทคุ้นเคยที่พวกเรามีต่อกันนั่นเอง ที่ทำให้ทุกคนในวงมักจะล้อเลียนฉันกับเค้าว่าพวกเราสองคนต้องมีซัมติงกันแน่นอน ในตอนแรกมันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรจริงๆ เพราะฉันแทบจะไม่ได้ใส่ใจ ลืมเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้ไปเลยด้วยซ้ำ ฉันคิดแค่ว่าคบเพื่อนผู้ชายมันสบายใจดี ดีกว่าคบเพื่อนผู้หญิง ไม่ต้องมานั่งเรื่องมาก พอว่างก็จับกลุ่มนินทาชาวบ้านหรือไม่ก็คุยซุบซิบเรื่องก็อซซิบของดาราซึ่งแบบนั้นไม่ใช่วิสัยที่ฉันทำชอบเลย ฉันจึงไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันนัก แล้วเพื่อนที่มีส่วนมากก็มักจะเป็นเพื่อนผู้ชายแบบเค้า (แต่จริงๆ แล้วเค้าเรียนรุ่นเดียวกับพี่พัฒนะเท่ากับว่าเค้าเป็นรุ่นพี่ของฉันหนึ่งปี)
แต่พอนานวันฉันโดนกรอกหูอยู่บ่อยๆ ฉันเองก็เริ่มที่จะหวั่นไหวและฉุดคิดขึ้นมาได้ว่าบางทีความรู้สึกที่มีอยู่ในใจของฉัน... มันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่เป็นแค่เพียงเพื่อนธรรมดาๆ เท่านั้นก็เป็นได้... หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่ความรักแบบเพื่อนมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ฉันสนใจในตัวเค้ามากขนาดนั้น และไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เค้าอมเปิดใจให้ฉันไปยืนอยู่เคียงข้างเค้าเช่นกัน แรงดึงดูดบางอย่างมันดึงดูให้เราเข้ามาใกล้ชิดกัน เพียงแค่พวกเราอาจจะไม่รู้ตัวก็เท่านั้นเอง...
ฉันเริ่มรู้สึกตัวว่าฉันเอาแต่สนใจและคิดถึงแต่เรื่องของเค้ามากขึ้น ไม่ว่าเรื่องไหนๆ หรือทำอะไรก็ต้องมีเค้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่เสมอไม่มากก็น้อย ฉันมาคิดได้และเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเอาก็ตอนที่ฉันแทบจะไม่ได้เจอกับเค้าเพราะเค้ากำลังวุ่นๆ อยู่กับเรื่องการเซ็นสัญญากับค่ายเพลง และกำลังเตรียมตัวทำอัลบั้มของตัวเองกับเพื่อนร่วมวงคนเดิมภายใต้ชื่อวงที่ใช้มาตั้งแต่ตอนมัธยมปลาย
Blackness คือชื่อวงดนตรีของเค้านอกจากเค้าที่เป็นหัวหน้าวงและมีหน้าที่เล่นเบสแล้ว ในวงยังมีเพื่อนๆ ของเค้าอีกสองคน ที่สำคัญสองคนนั้นหน้าตาหล่อเว่อร์และเท่ห์มากๆ เสียก็แต่นิสัยของพวกเค้าที่คนนึงเรียกได้ว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลยก็ว่าได้ ส่วนอีกคนนึงก็เอาแต่ใจแล้วก็ป่าเถื่อนสุดๆ หล่อร้ายทำนองนั้นเลย (แต่ไม่ใช่สเปกฉัน) แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นพวกเค้าก็ดีกับฉันและให้ความสนิทสนนกับฉันอย่างไม่ถือตัว ฉันแอบเคลิ้มไปกับความหล่อดึงดูดใจของพวกเค้าทั้งสองคนอยู่บ่อยๆ แต่ถึงยังไงที่สุดแล้ว...ฉันก็ยังต้องแพ้ทางให้กับคนที่เป็นลีดเดอร์ผู้เคร่งขรึมของวงอยู่ดี >///<
และในที่สุดฉันก็ตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป ท่าทางในตอนนั้นของเค้าดูสับสนอยู่ไม่น้อย สีหน้าของเค้าในตอนนั้นฉันยังจำมันได้ดี สีหน้าที่เหมือนจะดีใจที่ได้รู้ว่าใจของพวกเราตรงกัน (อันนี้ฉันเดาไปเอง แฮะๆ =_=; แถมยังมีรสสัมผัสที่ทั้งร้อนแรงสลับกับเยือกเย็นสุขุมแต่ดุดันของเค้าที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของฉันมาจนทุกวันนี้ อย่าคิดมากสิค่ะ!!! มันก็แค่จูบเอง -///- เฟริสคิสของฉันกับเค้าที่ฉันไม่มีวันลืม หลังจากนั้นเค้าก็เปลี่ยนท่าทีทำเหมือนว่าเค้าไม่เคยรู้สึกอะไรใดๆ กับฉัน นอกจากคำว่า เพื่อน ฉันดูไม่ออกจริงๆ ว่าความจริงแล้วเค้ารู้สึกยังไงกับฉันกันแน่ และจูบที่เค้ามอบให้มันหมายความว่าอย่างไร เค้าพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่แอบแฝงไปด้วยความเย็นชา ที่ฉันฟังแล้วรู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจอย่างที่สุด
ตอนนี้ฉันยังไม่คิดจะสนใจเรื่องพวกนี้...ฉันอยากจะทุ่มเทให้กับงานดนตรีที่ฉันรักมากกว่าจะไปนั่งสนใจความรู้สึกจอมปลอมพวกนั้น ฉันไม่อยากเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนไปเป็นคนรักกับเธอ เพราะฉันกลัวว่าการที่เราเปลี่ยนสถานะไปเป็นคนรัก บางที...ในวันหนึ่งข้างหน้าถ้าฉันดูแลเธอได้ไม่ดี เราก็อาจจะต้องเลิกกัน ทะเลาะกันผิดใจกัน จนมองหน้ากันไม่ติด และสุดท้ายพวกเราก็จะไม่เหลืออะไรเลย ฉันไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเรามันกลายเป็นเรื่องแย่ๆ แบบนั้น ฉันยังอยากให้เธอเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันแบบนี้ตลอดไป เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะมีความรักไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น...
คำพูดตรงๆ แต่บาดลึกลงไปในใจของเค้า ทำเอาฉันหัวใจแตกสลายไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินคำพูดที่หลุดออกจากปากของเค้า ทุกอย่างมันไม่ได้สวยงามอย่างที่ฉันวาดหวังไว้ ฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง น้ำในตาของฉันมันไหลรินออกมาเองอย่างไม่รู้จักเหน็บเหนื่อย ถึงแม้ว่าเค้าจะพยายามปลอบโยนฉันอย่างมากก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดหวังในใจของฉันไปได้เลยสักนิด กลับกันยิ่งเค้าทำดีกับฉันมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ฉันตัดใจไปจากเค้าได้ยากมากขึ้นเท่านั่น ทั้งๆ ที่เค้าคือคนที่ฉันคิดว่าดีที่สุดสำหรับฉัน แต่เค้ากลับทำร้ายฉันอย่างร้ายกาจโดยที่เค้าเองไม่รู้ตัว
แต่ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านไปนานแล้วและตอนนี้ฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาก หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านั้นไปแล้วถึงฉันจะเสียใจแต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะโกรธจะเกลียดเค้า ถึงฉันต้องร้องไห้เสียใจและซึมเศร้าจนทำให้พี่พัฒแทบคลั่งอยู่เป็นเดือนๆ ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะโทษเค้าเลยสักครั้ง และเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฉันสู้หน้าเค้าไม่ติด ฉันรู้อับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี บวกกับที่ฉันเองก็เอาแต่ซึมเศร้าเสียใจและเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เลยกลายเป็นว่าฉันค่อยๆ หายตัวไปจากวงโคจรชีวิตของเค้าโดยปริยายและเค้าเองก็คงจะยุ่งจนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระของฉันมากนัก ระยะห่างระหว่างพวกเราจึงเริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ จนสุดท้ายพวกเราแทบจะไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ฉันรู้ตัวดีว่าถึงยังไงฉันก็ตัดใจจากเค้าไม่ได้ ตอนนี้ฉันเลยทำได้แค่ติดตามผลงานของเค้าอยู่ในที่ไกลๆ หากว่าสักวันหนึ่งเค้านึกขึ้นมาได้ว่ายังมีฉันคนนี้อยู่ เค้าก็คงจะกลับมาหาฉันเอง ถึงแม้ว่าความหวังมันจะน้อยนิดนักก็ตาม จนป่านนี้ก็ผ่านมาหลายปีดีดักแล้วเค้าอาจจะลืมฉันไปแล้วจริงๆ ก็ได้นะ คิดแล้วก็เศร้าใจจัง U_U แต่ฉันก็ยังแอบหวังอยู่ในใจลึกๆ และเฝ้ารอคอยเค้าอยู่อย่างใจจดใจจ่อเพราะในตอนนั้นเค้าไม่ได้ปฏิเสธฉันจนสิ้นเชิงซะหน่อย เค้ายังไม่ได้พูดสักคำเลยว่าเค้าไม่ได้รักฉัน เค้าแค่ไม่อยากให้เราต้องมองหน้ากันไม่ติด ถ้าเกิดวันหนึ่งพวกเราต้องเลิกรากันไปก็เท่านั่นเองซึ่งมันเท่ากับว่าฉันยังพอมีหวังอยู่บ้าง ในวันหนึ่งข้างหน้าเค้าอาจจะยอมรับรักฉันก็เป็นได้ >_<
ช่วงเวลานั้นที่พวกเราอยู่ใกล้ชิดกันเป็นความทรงจำดีๆ ที่ทำให้ฉันมีความสุขสุดๆ เพราะฉันมีโอกาสได้เฝ้าดูการเจริญเติบโตของเค้า ที่ค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ทีละก้าว ได้มองดูเค้าทำในสิ่งที่ตัวเองรักและได้มองดูเค้าเดินไปตามทางแห่งความฝันของตัวเอง ในตอนนั้นฉันเชื่อมั่นอย่างมากว่าเค้าจะสามารถทำมันออกมาได้ดีอย่างแน่นอน ^^ และในตอนนี้เค้าก็ได้พิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วล่ะว่าเค้าทำมันได้จริงๆ วงของเค้าในตอนนี้มีชื่อเสียงระดับเอเชียแล้วน้า ทั้งๆ ที่ใช้เวลาแค่เพียงสี่ปีแต่พวกเค้ากลับก้าวหน้าไปได้ไกลถึงขนาดนั้น มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ เลยล่ะ!! ไม่น่าเชื่อเลยว่าเค้าในวันนั้นที่เคยอยู่เคียงข้างฉันจะกลายเป็นบุคคลที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝันถึง ฉันในตอนนี้คงจะไม่สามารถเอื้อมไปถึงเค้าได้อีกแล้วทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว แต่ถึงจะมีอะไรเปลี่ยนไปสิ่งหนึ่งที่ยังมั่นคงเหมือนเดิมและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงนั่นก็คือหัวใจของฉันคนนี้ที่ยังรักและรอให้เค้ากลับมาอยู่ตลอดเวลา...
ผลงานอื่นๆ ของ Lilith's ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Lilith's
ความคิดเห็น