คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ' มิ่ง : 07.2
แบคฮยอนไข้ขึ้นสูงตอนตีสาม ตอนที่รู้ตัวว่าไม่ไหวแน่ๆแล้ว เขาฝืนลุกจากเตียงลงไปยังห้องครัว หวังจะหายาถอนพิษไข้และแก้อักเสบจากบาดแผล เพราะยาที่เลย์ทิ้งไว้ให่อนเข้าไปทำธุระในเมือง 3-4 วัน หมดลงแล้ว
โชคดีที่สัตวแพทย์หนุ่มนอนไม่หลับพอดี จึงได้บังเอิญพบกันที่ห้องรับแขก
“ท่าทางคุณไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่า” มองปราดเดียวเซฮุนก็พอเดาอาการได้ ใบหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาดอย่างที่ไม่เคยเป็น ดวงตาเรียวแดงฉ่ำน้ำเหมือนคนโดนไข้รุมเร้า ตัวก็สั่นริกๆดูแล้วน่าสงสาร กระนั้นก็ยังปากแข็งตามเคย
“ผมไม่เป็นอะไรเลยครับหมอโอ” ฝืนยิ้มอย่างที่ชอบทำจนคนมองต้องส่ายหน้าเอือมระอา เขาลูบเส้นผมสีอ่อนแล้วโอ๋ในใจว่าเด็กหนอเด็ก ทั้งที่ตัวเองก็อายุไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน
เขาจับจูงมือบางให้ตามมานั่งที่โซฟาสีเลือดนก ก่อนจะทาบฝ่ามือลงกับหน้าผากเนียน ซึ่งก็แทบจะชักมือออกไม่ทัน
“ตัวร้อนขนาดนี้ไม่เป็นไรได้ยังไง” เขาดุอยู่ในที ลึกๆแล้วทั้งน้อยใจทั้งผิดหวังที่แบคฮยอนที่ทำตัวโสดมาโดยตลอด แต่อยู่ดีๆก็ตกลงปลงใจกับลูกชายเจ้าของไร่เสียอย่างนั้น
แบคฮยอนไม่เถียง เขาเจ็บคอหนักและไม่อยากฝืนอะไรอีก หลอกตาคนในวงการแพทย์ไปก็เท่านั้น เซฮุนลุกขึ้นไปหาหยูกยากับน้ำดื่มมาให้ ก่อนอาสาส่งเข้านอน
“เดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว ให้ผมไปส่งเถอะ”
คนตัวเล็กรู้ดีว่าไม่สมควร ถึงเขาจะแต่งงานกับเลย์ด้วยเงื่อนไขอื่นที่ไม่ใช่ความรัก แต่เขาก็ยังอยากให้เกียรติอีกฝ่าย ถึงตัวเองจะถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม
เหมือนอ่านใจคนตัวเล็กออก หมอโอจึงรีบดักคอไว้ “คุณป่วย ผมจึงดูแลตามหน้าที่และน้ำใจ ไม่มีใครอคติคิดแง่ร้ายหรอก ก็เห็นๆกันอยู่ว่าคุณไม่สบายหนักขนาดนี้”
ไตร่ตรองแล้วก็จริงอย่างที่หมอโอพูด เขาบริสุทธิ์ใจและหลักฐานทุกอย่างก็พิสูจน์ได้ ที่สำคัญ เขาปวดหัวเกินกว่าจะยืนเถียงกับคุณหมออีกแล้ว
เซฮุนประคองร่างที่ร้อนเหมือนไฟขึ้นไปยังชั้นสอง ดูท่าแบคฮยอนอาการหนักจนเขาอยากจะพาส่งโรงพยาบาลในเมืองเลยด้วยซ้ำ แต่เจ้าของไข้กลับแย้ง ขอแค่กินยากับนอนพักผ่อน ให้เหตุผลติดตลกสั้นๆว่า
“แม่บอกผมดวงแข็งครับหมอโอ รอดจากการคลอดก่อนกำหนดตอนเด็กมาได้ มาตอนนี้คงไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เห็นสีหน้าตัวเองตอนนี้ คุณก็พูดได้” แต่เขาเห็น เห็นเต็มสองตาเลยว่าแบคฮยอนที่ปกติก็ดูบอบบางราวแก้วใสอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งดูอ่อนแอจนน่าหวั่นใจมากขึ้นไปอีก
แบคฮยอนไม่เถียง เขายิ้มขอบคุณในน้ำใจของคุณหมอแล้วซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่ใช่คนใจเสาะอย่างใครว่า แต่เถียงไปตอนนี้ใครจะอยากเชื่อ
“ไข้สูงจนผมกลัวคุณจะช็อคเอา” เขาพูดตามจริง “คืนนี้ผมขออยู่เฝ้าคุณแล้วกัน ถ้าอาการทรุด อะไรๆจะได้ทันท่วงที”
แววตาคมเข้มที่สะท้อนความจริงจังอย่างกล้าแกร่งทำให้แบคฮยอนไม่กล้าเอ่ยค้าน ทั้งยังเห็นว่าอีกประเดี๋ยวจะเช้าแล้วด้วย หากอีกฝ่ายไม่เดือดร้อนอะไร เขาก็ขี้เกียจถกเถียงอีก
ไม่นานฤทธิ์ยาก็ฉุดให้คนทำงานหนักมาทั้งวันทั้งยังเครียดสะสมนอนหลับสนิท เซฮุนลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วจดจ้องใบหน้าขาวซีดด้วยสายตาที่ปิดบังความห่วงใยเอาไว้ไม่มิด เขาอาจจะห่วงแบคฮยอนตามประสาคนร่วมงานกันหรือมากกว่านั้นเขาก็สุดปัญญาจะคิดคำตอบ
แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้แน่ๆคือความสงบร่มเย็นในใจที่เกิดขึ้นทุกยามที่ได้ใกล้ชิดกันอย่างนี้ แบคฮยอนมีอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่รูปร่างหน้าตาที่โอบรัดหัวใจเขา อาจเป็นกิริยานุ่มนวล คำพูดที่แฝงไปด้วยความเกรงอกเกรงใจ ดวงตาใสซื่อเหมือนน้ำเย็น นิสัยยืดหยุ่น อะลุ่มอะล่วยไม่แข็งกระด้างกับใคร
นานเข้า ยิ่งได้เห็นความอ่อนโยนที่บางครั้งก็เปล่งประกายความสดใสร่าเริง ความต้านทานของเขาก็ยิ่งแผ่วบางลงทุกขณะ เดี๋ยวเดียวก็ยอมรับกับตัวเองได้เต็มปากว่าแบคฮยอนช่างน่ารักเหลือเกิน
เขาจ้องแพขนตาที่ขยับยุกยิกเหมือนกำลังฝันร้ายอย่างนึกเป็นห่วง ก่อนจะลูบศีรษะกลมเบาๆเพื่อปลอบให้เด็กน้อยในฝันที่มีแต่การจากลากับพี่ชานยอลของเขาในวันนั้นให้สงบลง
อุณหภูมิร่างกายที่ขึ้นสูงทำให้เขาถือวิสาสะเช็ดตัวให้คนตัวเล็กด้วยความปรารถนาดี และความลับประการแรกของคู่แต่งงานก็ประจักษ์แก่เขา
หมอโอนิ่งไปอย่างตกตะลึง จากนั้นเขาก็ใช้เวลาที่เหลือทั้งคืนไปจนถึงเช้า ครุ่นคิดถึงที่มาของบาดแผลและการแก้ปัญหาที่จะไม่ทำให้พวกมันเหล่านั้นเกิดขึ้นบนร่างกายของแบคฮยอนอีก
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“ก็บอกแล้วว่าจะไปรับ จะมาเองให้ลำบากทำไม”
เหล่าแม่บ้าน, คนงาน พากันชะโงกหน้าคอแทบหลุดจากบ่า เพื่อจะแอบมอง ‘คนเมืองหลวง’ เพื่อนของคุณชานยอลที่ยกโขยงกันมาเที่ยวไร่กันตั้งแต่ยังไม่ทันเช้าดี
เจ้าบ้านที่ปกติชอบทำหน้าดุ ตาขวาง เหมือนมีเรื่องขุ่นเขืองใจตลอดเวลา พอเจอกลุ่มเพื่อนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสจนกลับมามีเค้ารางของปาร์คชานยอลคนเดิมกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
“ก็ไม่เห็นลำบากตรงไหนเลยด๊อกเตอร์ แต่ทีหลังถ้าจะให้สะดวกกว่านี้ ขอความกรุณาด๊อกเตอร์แวะเข้าเมืองหลวงก่อนเข้าไร่ก็จะดีมาก จะได้ฉลองเวลคัมโฮมกันทีนั่น ไม่ต้องถ่อมาถึงไร่กังยู” หญิงสาวที่ดูจะฝีปากกล้าที่สุดในกลุ่มเอ่ยแซว ทั้งกลุ่มเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตอนมหาลัย พอจบก็กลับมาทำงานที่โซลกันซะส่วนใหญ่ มีแต่ชานยอลที่เรียนต่อจนจบปริญญาเอกที่อังกฤษ
“แต่ก็ดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้มาพักผ่อนกลางป่ากลางเขา” ชายอีกคนพูดพลางยกสัมภาระลงจากท้ายรถ ชานยอลทำสัญญาณให้คนงานที่เอาแต่เกาะเสาแอบมองออกมาช่วยขนของเข้าบ้าน
ใช้เวลาไม่นานเพื่อนสมัยเรียน อันประกอบด้วยชายห้า หญิงสาม ก็เข้ามานั่งรวมกันอยู่ในห้องรับแขก เจ้าบ้านแจกจ่ายกุญแจห้องพักที่ทำไว้เผื่อแขกค้างคืนอยู่แล้วพร้อมระบุพิกัด
“ไปพักผ่อนเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวแปดโมงค่อยลงมา ฉันจะให้แม่ครัวเตรียมข้าวเช้าไว้ให้” ชานยอลสรุปสิ่งที่ต้องทำกันต่อไป หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบคร่าวๆกันได้ซักพักจนเสียงดังไปทั้งบ้านแล้ว
เพื่อนสมัยเรียนพากันพาเหรดขึ้นชั้นสอง หน้าตาและท่าทางแสดงถึงความตื่นเต้นผสมกับเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง
พอเพื่อนทั้งกลุ่มลับสายตา ทายาทเบอร์สองของพ่อเลี้ยงก็กลับมาตีหน้ายักษ์ หันขวับมาจดจ้องบรรดาแม่บ้านที่เอาแต่ยืนหลบมุมอยู่หลังเสา ไม่รู้จะกลัวคนเมืองหลวงทำไมนักหนา
“ทำกับข้าวทันไหมแขกเก้าคน ฉันกับคนในบ้านอีกสอง” รวมๆแล้วเป็นสิบ แม่บ้านที่มีกันอยู่สามคนยิ้มแห้ง
“ก็ทันค่ะคุณ แต่คงได้แค่ข้าวต้มธรรมดาๆ”
ร่างสูงฟังแล้วนิ่งไปเพื่อครุ่นคิด ไม่ใช่ความผิดแม่บ้านเพราะเพื่อนเขาไม่ได้แจ้งก่อนว่าจะมาวันนี้ แต่เขาก็อยากให้เพื่อนได้สิ่งที่ดีที่สุด
“งั้นไปเกณฑ์คนงานผู้หญิงที่ทำครัวเป็นมาช่วย ...อ่อ ไปปลุกไอ้แบคฮยอนด้วย” เขาสั่ง ทำท่าจะหันหลังเดินออกจากเรือน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหมุนร่างกลับมาสั่งห้ามแม่บ้านไว้
“ไม่ต้อง ...เดี๋ยวฉันไปเอง”
ชานยอลให้เหตุผลว่า เพราะแม่บ้านปลุกไม่ได้ดั่งใจเขา ปลุกแล้วแบคฮยอนไม่ยอมตื่น แถมกว่าจะตื่น กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ชักช้า เขาต้องนั่งรอเกือบเป็นชั่วโมง ฉะนั้นวันนี้เขาจะปลุกเอง ดูซิว่าจะกล้าท้าทายอำนาจกันอีกไหม
คิดแล้วเขาก็ก้าวยาวๆขึ้นชั้นสอง เลี้ยวไปยังปีกซ้ายที่เป็นที่ตั้งของห้องนอนพี่ชายต่างสายเลือด ทว่าไม่ทันเดินไปถึงตัวห้อง ประตูไม้ฉลุลายมังกรก็เปิดผ่างออก
ขาทั้งสองข้างหยุดเดินโดยอัตโนมัติเมื่อเขาเห็นว่าคนที่เดินออกมาจากห้องนอนไม่ใช่แบคฮยอนที่สมควรจะอยู่ในห้องตามลำพัง แต่กลับเป็นสัตวแพทย์หนุ่มประจำไร่ของเขาแทนเสียอย่างนั้น
ฉับพลัน ภาพที่โอเซฮุนสวมสร้อยคอให้แบคฮยอนและพลอดรักกันอย่างหวานชื่นที่หน้าบ้านก็ผุดพรายขึ้นในสมอง ...ชานยอลกำหมัดแน่น ครั้งแรกที่เห็นภาพบาดตานั่นเขาเพียงแต่โกรธและโทษว่าเป็นความผิดของโอเซฮุนอยู่ฝ่ายเดียว ทว่าเมื่อมาคิดดูดีๆแล้ว ...ก็ตัดสินได้ว่าชั่วช้าพอกัน
ฝ่ายหมอโอ พอเห็นลูกชายพ่อเลี้ยงยืนปั้นหน้าโหดอยู่ตรงทางเดิน เขาก็ยกยิ้มให้ตามมารยาท ตั้งใจจะเดินผ่านไปเฉยๆ
แต่ชานยอลไม่ใช่พวกเห็นความผิดแล้วจะปล่อยให้ลอยตามน้ำ
“นึกว่าพวกหมอจะมีจิตใจสูงกว่าคนปกติ ที่ไหนได้...” เขาจงใจพูดแดกดันโดยละท้ายประโยคไว้
“ผมเป็นหมอสัตว์” หมอโอเองก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเขารู้ว่าถูกว่ากระทบ จึงสวนเข้าให้ แล้วก็แน่ใจด้วยว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด “คำพูดมันก็เป็นกระจกสะท้อนของจิตใจนั่นแหละครับ พูดยังไง ใจก็มีแต่เรื่องนั้น”
“หรอครับ...แต่เวลาที่ผมเห็นพวกแมลงสกปรกๆแล้วอุทานออกมา ผมก็ไม่เห็นเคยหมกมุ่นกับพวกมันมาก่อนเลยนี่ครับ เพราะเห็นถึงพูด ...คุณทำให้เห็น ผมถึงได้พูด”
“งั้นคุณคงเข้าใจผิดแล้วครับ เมื่อคืนคุณแบคฮยอนป่วยหนัก ผมเลยอยู่เฝ้าไข้ก็เท่านั้น”
“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดเองไม่ใช่หรือครับว่าคุณเป็นหมอสัตว์ ...ถ้าอย่างนั้นพี่สะใภ้ผมเป็นตัวอะไรล่ะ คุณถึงต้องออกหน้ามารักษา”
หมอโอถึงกับตัวชา โกรธจนอุณภูมิไต่ระดับโดยและแสดงให้เห็นทางสีหน้าที่แดงขึ้นเรื่อยๆ เขากำลังอ้าปากจะต่อว่าที่อีกฝ่ายพูดจาไม่ดีกับแบคฮยอน แต่แล้วก็ถูกเบรกไว้
“เอาเถอะ” ชานยอลยกมือขึ้นกอดอก ยักไหล่ทำเหมือนขี้เกียจฟังและขี้เกียจถกเถียงอะไรต่ออีกแล้ว เขาแสร้งยิ้มให้หมอหนุ่มตามมารยาทอย่างที่อีกฝ่ายทำให้เขาตอนที่เพิ่งออกจากห้องของอี้ชิง
“ทำหน้าที่ในไร่ของคุณให้ดีก็แล้วกัน เพราะถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียว...”
ชานยอลจงใจละท้ายประโยคไว้อีกครั้ง แต่แววตาเขาบอกชัดว่า ...หากพลาด เขาไม่เอาไว้แน่
เซฮุนมองตามลูกชายเจ้านายที่ฉายแววเอาแต่ใจด้วยสายตาเคืองขุ่น อีกฝ่ายก้าวเร็วๆแต่มั่นคงเข้าไปในห้องนอนของแบคฮยอนแล้วปิดประตูกระแทกดังปัง
พายุที่เล่นงานโอเซฮุนเป็นแค่ออร์เดิร์ฟเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ถ้าเทียบกับลูกใหญ่และรุนแรงกว่าที่กำลังถาโถมมาสู่คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง
ร่างสูงกอดอกมองคนตัวเล็กที่ขดตัวนอนซุกหน้าลงกับหมอนใบโตด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิม ...ไร้เดียงสางั้นหรือ ...ถ้ายังเชื่อเช่นอยู่ก็โง่เต็มที
“ไอ้แบคฮยอน!” เขาใช้เสียงดังกัมปนาทเป็นอันดับแรก พอเจ้าของชื่อยังไม่ได้สติจึงกระชากผ้าห่มผืนหนาออกแล้วตรงเข้าขย้ำต้นแขนเล็กด้วยฝ่ามือหยาบกระด้าง
แบคฮยอนเจ็บแผลจนสะดุ้งตื่น แต่เมื่อลืมตามาแล้วเห็นว่าเป็นใบหน้าของชานยอลที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเขาจึงนึกว่าฝันไป อีกฝ่ายที่เห็นคนตัวเล็กตื่นแล้วแต่ดันหลับตาลงไปอีก ก็โกรธจัดที่ถูกท้าทาย เขาเขย่าร่างของแบคฮยอนอย่างแรงจนศีรษะกระแทกหัวเตียงในที่สุด
“โอ๊ย” ร่างเล็กโอดครวญ รู้แล้วว่าไม่ได้ฝัน แต่ที่ไม่รู้คือชานยอลจะมาทำร้ายร่างกายเขาแต่เช้าทำไม
ฝ่ายชานยอลที่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคนตัวเล็กให้เจ็บปวดก็รีบผละฝ่ามือออก หน้าม้านและอยากจะขอโทษแต่ความโมโหก็ถ่วงปากเอาไว้
“คุณเข้ามาในห้องผมทำไม มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” แบคฮยอนถามหาเหตุผลอย่างสุภาพ แต่คนกำลังโกรธก็ตีความไปแล้วร้อยแปด
“ฉันเป็นเจ้าของบ้านจะเข้าออกห้องไหนต้องรายงานแกด้วยหรือ... ทีไอ้หมอสัตว์นั่นยังเข้าห้องแกได้เลย แกได้ถามมันรึเปล่าล่ะว่าเข้ามาทำไม หรือจริงๆแล้วแกเป็นคนเรียกมันมาเอง”
ร่างบางขมวดคิ้วมุ่นพลางถดตัวนั่งชิดหัวเตียงเพื่อระวังภัยคุกคาม ...ในใจพอจะรู้แล้วว่าชานยอลมาหาเรื่องอะไรกันแต่เช้า แต่ถ้าตอบไปตามจริงว่าหมอโอมาขอเฝ้าไข้เขา ก็กลัวหมอโอจะเดือดร้อน สุดท้ายแบคฮยอนจึงตอบไปว่า “ผมเรียกเขามาเองครับ”
“ทำไม? ติดสัดหรือ ถึงได้ให้ไอ้หมอสัตว์มันมาบำบัดความใคร่ให้ถึงที่นี่”
“คุณชานยอล!” แบคฮยอนเบิกตากว้าง ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าวาจาร้ายกาจขนาดนั้นจะหลุดมาจากปากผู้ชายที่เขาเคารพนับถือ แก้วตาใสสั่นระริก ความโกรธ ความน้อยใจตีตื้นขึ้นมาจนฝีปากกล้าจะต่อกร
“คุณพูดออกมาแบบนั้นได้ยังไง คุณเองก็รู้...” รู้ดีว่าหัวใจนี้เป็นของใคร ร่างกายนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของบยอนแบคฮยอนคนนี้ ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีก็เพื่อใคร
ถ้าจะไม่เอาแล้ว ก็ขอให้เดินหันหลังให้กันไปเฉยๆไม่ได้หรือ จะมาดูถูกในสิ่งที่เขาเก็บไว้รอมาโดยตลอดทำไม
“รู้อะไร.. รู้ว่าพี่ฉันมันไม่มีน้ำยา แกถึงได้เล่นชู้ข้ามหน้าข้ามตามันไปแบบนี้น่ะหรือ”
“สกปรก!” แบคฮยอนตะโกนด่าทออย่างลืมตัว “ทำไมคุณถึงได้คิดอะไรสกปรกนัก!”
อารมณ์ของชานยอลแทบขึ้นสุดสายป่านเมื่อถูกสวนอย่างนั้น เขาจ้องดวงตาเรียวรีที่ถือดีมองสบเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“แกคิดว่าตัวเองสะอาดนักรึไง”
“ยังไงก็สะอาดกว่าความคิดคุณแน่ๆ” คนตัวเล็กไม่ยอมหลบตาแม้เสียงจะเริ่มสั่น ชานยอลตามไปกระชากข้อมือบางไว้แล้วกำแน่นเพื่อระบายความขุ่นเคือง ใจหนึ่งเขาอยากจะด่าทอแบคฮยอนให้รุนแรงกว่านั้นจะได้รู้สำนึก แต่แล้วความคิดแผลงๆบางอย่างก็แล่นเข้ามา
“ถ้าแกจะมั่นใจนักหนาว่าแกสะอาดละก็นะ..” เขาพูดแค่นั้น ก่อนจะกระโจนลงไปบนเตียงจนน้ำหนักทำให้ขาเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด มือหนาจับแบคฮยอนให้พลิกคว่ำลงกับผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์
“คุณจะทำอะไรน่ะ! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!” คนตัวเล็กดิ้นอย่างตกใจ เรียกได้ว่าวินาทีที่ถูกร่างหนาเข้าประชิด หัวใจก็เหมือนกระเด็นหายออกจากอก
แรงดิ้นทำให้ยันตัวลุกขึ้นมานั่งได้ แต่ชานยอลที่ซ้อนอยู่ตรงแผ่นหลังก็พยายามเอาแผงอกที่แข็งแรงกดเขาให้นอนแนบลงไปกับเตียงอีกครั้ง ทั้งยังใช้หัวไหล่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกระแทกหลังเขาจนเจ็บแผลไปหมด
อยากจะร้องบอกให้พอเถอะ พอได้แล้ว เขาเจ็บเกินกว่าจะเจ็บเพิ่มได้อีก
อยากจะหยุดและยอมแพ้อยู่นิ่งๆ แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็สั่งให้ร่างกายกัดฟันขัดขืนต่อไป เขาไม่รู้ว่าชานยอลต้องการจะทำอะไร จะจับเขาคว่ำกับเตียงไปเพื่อการทรมานชนิดไหนก็สุดจะจินตนาการได้
เมื่อทำให้นอนคว่ำไม่ได้ คนได้เปรียบกว่าจึงจัดการยกร่างเล็กให้นั่งลงที่ตักแกร่งของตัวเอง ใช้ทั้งกายห้อมล้อมร่างสั่นระริกไว้ก่อนที่มือหยาบจะล้วงเข้าไปในกางเกงอย่างจาบจ้วง และเพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็แหวกปราการชั้นในเข้าไปกอบกุมของสำคัญในนั้นได้ทั้งหมด
แบคฮยอนสะดุ้งวาบ ใจหาย หวาดหวั่น หากเลย์ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาด้วยการเฆี่ยนตี สิ่งที่ชานยอลกำลังทำอยู่ก็ไม่ได้ให้เกียรติเขามากไปกว่ากันเลย ซ้ำยังชวนให้สะอิดสะเอียนและเจ็บปวดมากกว่า เพราะชานยอลเคยเป็นพี่ชานยอล เคยเป็นคนที่แบคฮยอนวิ่งตามรถกระบะของเขาจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
คิดแล้วก็เกินกว่าจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
ร่างสูงนวดคลึงส่วนอ่อนไหวในอุ้งมือร้อนอย่างย่ามใจ แบคฮยอนดิ้นต่อซักพักก็งอตัวเกร็งท้องน้อย ด้วยเป็นไปตามความต้องการทางธรรมชาติ คนถูกกระทำรู้สึกอับอายและน้อยใจจนแทบหาค่าความเป็นคนของตัวเองไม่เจอในขณะนี้
ชานยอลแลบเลียใบหูบางราวกับจะกลั่นแกล้ง ทั้งยังทำเสียงพอใจในลำคอราวกับจะเยาะเย้ย อวัยวะนั้นของแบคฮยอนพองโตขึ้นตามการชักนำของเขา ยิ่งสิ่งนั้นขยายตัวเท่าไหร่ เจ้าของมันก็ยิ่งอยู่เฉยมากเท่านั้น แบให้เขาหาเศษหาเลยจนน่าสมเพช
เขาจัดการจับขาเรียวให้อ้ากว้างเพื่อให้ตัวเองได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมๆกับปรนเปรอด้วยน้ำมือให้คนตัวเล็กไม่ขาด
“น้องแบค..” เขาแกล้งเรียกเสียงกระเส่าข้างใบหู แบคฮยอนน้ำตาไหลพรากกับการกระทำนั้น ...ทำร้ายเขาแล้วสวมบทเป็นพี่ชานยอลอย่างนั้นหรือ? อยากจะให้เขาขาดใจตายลงตรงหน้าเลยหรือยังไง
แบคฮยอนอดกลั้นเสียงสะอื้นและเสียงน่ารังเกียจที่รังแต่จะหลุดออกมาเป็นระลอกๆเอาไว้ด้วยการกัดริมฝีปากจนช้ำเลือด ความรู้สึกอ่อนไหวไปกับรสมือกำลังทำให้เขาตายทั้งเป็นกับการขยะแขยงตัวเอง
ชานยอลขยับข้อมือต่ออีกหลายที จนกระทั่งได้น้ำขุ่นของแบคฮยอนมาครองสมใจ เขาจึงยอมผละออก
“จะประเสิรฐมาจากไหนพอทำให้มีอารมณ์แล้วก็เหมือนๆกันหมด อย่างกับพวก...”
เป็นอีกครั้งที่ชานยละท้ายประโยคไว้ แต่แบคฮยอนก็รู้ดีว่าเขาถูกเปรียบเทียบกับใคร อาชีพอะไร
ประตูห้องปิดลงพร้อมกับการหายตัวไปของของทายาทแห่งไร่กังยู แต่ความใจร้ายของเขายังคงทิ้งหลักฐานเอาไว้เต็มสองตาของแบคฮยอน ไม่นานหลักฐานนั้นก็กลิ้งไหลลงอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า ราวกับจะไม่มีวันเหือดแห้งไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
จริงๆแล้วเป็นตอนเดียวกัน คือตอน 7
แต่มันยาวไปดูเลอะเทอะเยอะแยะ
เลยตัดให้ขาดเลยแช้บๆๆ
ความคิดเห็น