ตอนที่ 29 : บทที่ 10 : สงสัย (60%)
ห่างจากโรงเรียนมาประมาณสองกิโลเมตรเท่านั้น รถยนต์สีดำคันใหญ่ก็แล่นจอดลงหน้ารั้วบ้านชั้นเดียวขนาดกะทัดรัด บริเวณหน้าบ้านมีพื้นที่เล็กน้อยให้ตั้งโต๊ะและเก้าอี้นั่งสำหรับนั่งเล่นได้ รอบๆ บ้านปลูกต้นไม้และดอกไม้ประปราย
“ลุงภัทรเข้ามาดูบ้านของพอร์ชสิค้าบ”
พอถึงบ้าน เด็กชายก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แถมยังกระตือรือร้นจูงมือแขกคนใหม่ให้เดินเข้าไปข้างในบ้าน ขณะที่แพรริศากำลังไขกุญแจด้วยความไม่เต็มใจจะต้อนรับแขกนัก
“เชิญค่ะ”
เธอจำต้องเอ่ยชวนชายหนุ่มเข้าบ้านตามมารยาท ติณภัทรก้าวเท้าเข้าไปในบ้านหลังค่อนข้างเล็ก ทว่าภายในจัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบ และมีของไม่มากนัก จึงทำให้ไม่รกและช่วยให้บ้านดูกว้างกว่าที่เห็นจากภายนอก
“น้ำค่ะ”
เจ้าของบ้านหายแวบเข้าไปในครัว ก่อนออกมาพร้อมกับน้ำเย็นๆ ในมือ
“ขอบคุณครับ”
เขารับไว้และจิบเพียงนิด พลางเดินสำรวจรอบๆ ห้องนั่งเล่นซึ่งมีรูปถ่ายของเด็กชายตั้งแต่ยังแบเบาะ และจัดวางเรียงไปตามพัฒนาการอายุของแก และไม่ว่าจะเป็นรูปไหน เด็กชายก็ดูคล้ายกับเขาตอนเด็กทุกมุม แพรริศาเย็นสันหลังวาบเมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้องมองพิจารณารูปถ่ายของลูกชายเธอ
“น้องพอร์ชคงหน้าเหมือนพ่อสินะ”
เขาหันมาถามเธอ หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน
“ไม่ค่ะ ไม่เหมือนเลย”
“แต่น้องพอร์ชก็ไม่เหมือนคุณเท่าไหร่ ถ้าไม่เหมือนพ่อแล้วแกจะเหมือนใคร”
“คงจะเหมือนปู่ย่าตายายของแกมั้งคะ”
เธอพูดพลางเดินหนีไปทางอื่น กลัวว่าจะถูกจับพิรุธได้
“ลุงภัทรไปดูห้องนอนของพอร์ชสิค้าบ มีตุ๊กตาไปเย่อแมนด้วย”
คนตัวเล็กจับจูงมือของคนร่างสูงให้เข้าไปในห้องนอนของตัวเองกับแม่ ทีแรกชายหนุ่มก็สงสัยว่า ‘ไปเย่อแมน’ ของเด็กชายคืออะไร พอเข้ามาเห็นตุ๊กตาที่วางอยู่บนเตียงเล็กเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าแกหมายถึงสไปเดอร์แมน เด็กชายหยิบตุ๊กตาตัวฮีโร่ที่แกชอบมาให้เขาดู
“นี่ค้าบ พอร์ชชอบไปเย่อแมน”
เขาหัวเราะเบาๆ กับความไร้เดียงสาของเด็กชาย แกเป็นคนช่างพูดทั้งที่ยังพูดไม่ชัด
“สไปเดอร์แมนครับ ไหนลองพูดใหม่สิ สไปเดอร์แมน”
“ฉะไปเย่อแมน”
คราวนี้ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะพรืด เด็กชายก็พลอยหัวเราะส่งเสียงเอิ๊กอ๊ากไปด้วย แพรริศาเดินตามเสียงเข้ามาในห้องและเห็นคนตัวโตกำลังเล่นตุ๊กตาอยู่กับเจ้าตัวเล็ก เมื่อเห็นว่าลูกชายมีความสุขที่ได้อยู่กับติณภัทร เธอก็อดสะท้อนใจไม่ได้ที่แกจะไม่มีโอกาสรู้เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ก็คือปะป๊าของแกเอง
น้องพอร์ชกำลังเล่นปล่อยใยแมงมุมใส่ชายหนุ่ม เขาแกล้งทำเป็นล้มลงนอนบนเตียงเพื่อให้เด็กชายหัวเราะชอบใจ เธอเพิ่งได้เห็นชายหนุ่มในอีกมุมหนึ่งที่ขี้เล่นและผ่อนคลาย ราวกับเป็นคนละคนกับท่านประธานสุดเนี้ยบที่ใครๆ ก็ต่างหวั่นเกรงและเคารพ
เธอปล่อยให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ส่วนตัวเองไปเก็บของที่ตั้งไว้ไม่เป็นระเบียบด้วยความรีบเร่งในตอนเช้า กำลังจะจัดของเล่นของเด็กชายเข้าตู้ให้เป็นระเบียบ เธอก็ได้ยินเสียงกดกริ่งเรียกจากหน้าบ้าน หญิงสาวชะเง้อมองดู แล้วพบว่าเป็นป้านุ้ย หญิงมีอายุวัยหกสิบกว่าๆ เจ้าของบ้านเช่าหลังนี้นั่นเอง เมื่อก่อนนางเคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ภายหลังลูกสาวได้ปลูกบ้านหลังใหม่ที่อยู่ถัดไปอีกหน่อยและชวนให้นางไปอยู่ด้วยกัน จึงปล่อยบ้านนี้ให้คนอื่นเช่า เธอเป็นผู้เช่าคนแรกตั้งแต่ห้าปีก่อนและอยู่ยาวจนกระทั่งถึงตอนนี้
เธอเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้ามา “สวัสดีค่ะป้านุ้ย เอาอะไรมาด้วยคะเนี่ย”
ป้านุ้ยยิ้มกว้าง เห็นได้ชัดว่าฟันหลายซี่เริ่มหายไปแล้ว “ป้าเอาขนมมาให้ พอดีว่ายัยปุ๊กเพิ่งกลับมาจากเที่ยวอยุธยาแล้วซื้อมาฝากจ้ะ”
นางยื่นถุงขนมที่ลูกสาวซื้อมาให้แพรริศา หญิงสาวรับไว้และเอ่ยขอบคุณนาง แต่สายตาของนางกลับมองไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“แล้วนี่รถของใครเหรอหนูแพร คันใหญ่เชียว”
“อ๋อ...รถของเจ้านายแพรเองน่ะค่ะ คือว่าแพรติดรถเขาไปรับน้องพอร์ชที่โรงเรียน เขาก็เลยอาสามาส่งที่บ้านด้วยค่ะ”
“เจ้านายหนูแพรนี่ใจดีจังเลยเนอะ นั่นใช่เขาหรือเปล่าน่ะ”
ป้านุ้ยพยักเพยิดไปทางด้านหลังของเธอ แพรริศาหันไปและเห็นชายหนุ่มกำลังจูงมือลูกชายเธอเดินออกมา
“ยายนุ้ย!”
เด็กน้อยร้องเรียกนางพร้อมกับวิ่งมาหาอย่างรู้จักเอาใจคนแก่ นางกอดร่างเล็กพร้อมกับหอมแก้มแกอย่างมันเขี้ยว นางเห็นเด็กชายมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ยังเคยมาช่วยเลี้ยงช่วยอุ้มและพลอยคิดว่าแกเป็นลูกหลานคนหนึ่งไปด้วย
“ป้านุ้ยคะ นี่เจ้านายของแพรเองค่ะ ท่านประธานคะ นี่ป้านุ้ยเจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ” เธอแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันในทีเดียว
“สวัสดีครับ” เขาทักทายก่อนเพราะเป็นผู้น้อย
“หวัดดีจ้ะพ่อคุณ” นางมองใบหน้าของเขาอย่างพินิจพิจารณา แล้วเลื่อนสายตาไปมองเด็กน้อย แพรริศาเดาได้ทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ จึงรีบทำทีเปลี่ยนเรื่องคุย
“ยายนุ้ยเอาขนมมาให้ด้วยล่ะลูก ขอบคุณยายนุ้ยด้วยนะลูก”
“ขอบคุณค้าบ” มือป้อมพนมไหว้หญิงสูงวัย
“ท่านประธานกำลังจะกลับแล้วใช่มั้ยคะ”
เธอถือโอกาสเชิญเขากลับทางอ้อม ติณภัทรปรายตามองคนรู้ทัน แต่ก็พยักหน้า
“ใช่ ผมจะกลับแล้ว ลุงไปก่อนนะครับพอร์ช” เขาลูบผมของเด็กชายเบาๆ “ผมไปนะคุณ สวัสดีครับคุณป้า”
เขาบอกหญิงสาวและไหว้ลาป้านุ้ยอีกครั้งก่อนเดินไปขึ้นรถ โดยมีเด็กชายตามไปส่งเขาถึงประตูรถ จนหญิงสาวต้องตามไปด้วยและดึงแกไว้ไม่ให้เข้าใกล้รถยนต์มากเกินไป
“บ๊ายบายค้าบลุงภัทร”
ชายหนุ่มโบกมือกลับมาให้ และมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะเลื่อนกระจกปิดและเคลื่อนรถออกไป
“นี่หนูแพร...” ป้านุ้ยเดินมาสมทบหลังจากรถของชายหนุ่มแล่นไปแล้ว เธอรู้เลยว่าอีกฝ่ายจะคุยกับเธอเรื่องอะไร “ป้าว่าเจ้านายของหนูแพรกับน้องพอร์ช หน้าคล้ายๆ กันเลยนะ เห็นทีแรกป้านี่ตกใจ นึกว่าเขาเป็นพ่อของน้องพอร์ชซะอีก”
หญิงสาวรีบก้มลงมองลูกชาย แกทำสีหน้างงๆ ส่งมาให้เธอ
“เป็นแค่ความบังเอิญน่ะค่ะป้านุ้ย คนที่ไม่ได้เป็นญาติกันแต่หน้าตาคล้ายกันก็มีเยอะแยะถมเถไป”
นางพยักหน้าคล้อยตาม เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมายืนยันสมมติฐานของตัวเอง
หลังจากที่ป้านุ้ยแยกย้ายกลับบ้านของตัวเองแล้ว เด็กชายก็เขย่ามือของมารดา เอ่ยถามในสิ่งที่แกสงสัย
“หม่ามี้ค้าบ ทำไมทุกคนบอกว่าลุงภัทรเป็นปะป๊าของพอร์ชอะค้าบ แล้วใช่อ๊ะป่าว”
เด็กน้อยถามอย่างใสซื่อ แต่เล่นเอาคนเป็นแม่ถึงกับกระวนกระวายใจ รีบปัดปฏิเสธ
“ไม่ใช่จ้ะลูก เขาแค่เข้าใจผิดกันไปเองเท่านั้นแหละจ้ะ”
เธอลูบศีรษะลูบแก้มของเด็กชายเป็นการเอาใจ เผื่อว่าแกจะได้เลิกถาม
“แล้ว...แล้วทำไมลุงภัทรหน้าเหมือนพอร์ชเลยอะค้าบ”
แพรริศาส่ายหน้ารัว “ไม่เหมือนสักหน่อยเลยจ้ะ แค่คล้ายๆ กันเท่านั้นเอง คนเราบังเอิญหน้าคล้ายกันได้จ้ะ”
“แต่ว่าพอร์ชอยากให้ลุงภัทรมาเป็นปะป๊าของพอร์ชจังเลย ได้มั้ยค้าบหม่ามี้”
คำขอของคนตัวเล็ก ทำเอาหญิงสาวใจหายวาบและจ้องหน้าแกอย่างตะลึง
“ทำไมพอร์ชพูดอย่างนั้นล่ะลูก ท่านประธานจะมาเป็นปะป๊าของพอร์ชได้ยังไงกันครับ”
“ทำไมไม่ได้เหรอค้าบ”
น้องพอร์ชกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ ปากเล็กสีแดงระเรื่อยื่นนิดๆ คล้ายกับจะงอนแล้ว
“ก็เพราะว่าหม่ามี้กับลุงภัทรไม่ได้รักกันน่ะสิ” เธอพยายามพูดให้ลูกเข้าใจ
“แล้วหม่ามี้รักลุงภัทรไม่ได้เหรอค้าบ พอร์ชชอบลุงภัทร ลุงภัทรใจดี”
“ไม่เอาแล้ว หม่ามี้ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว พอร์ชไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเดี๋ยวหม่ามี้จะทำข้าวไข่เจียวฟูๆ ร้อนๆ ให้กิน”
เด็กชายยกมือกอดอก ปั้นหน้างอๆ ทำท่างอน แม้แต่ข้าวไข่เจียวที่แกชอบมากก็ยังทำให้เด็กชายอารมณ์ดีไม่ได้ แพรริศาเห็นเด็กที่ทำเป็นงอนแล้วนึกอยากจะแกล้ง จึงคว้าร่างเล็กจ้ำม่ำเข้ามาจั๊กจี้เอวด้วยความมันเขี้ยว
“นี่แหนะๆ จะงอนหม่ามี้อีกมั้ย”
น้องพอร์ชไม่อาจทนความจั๊กจี้ไหว จึงหัวเราะเสียงดังผสมกับหวีดร้องลั่นบ้าน
“หม่ามี้ไม่เอา! คิกๆๆ”
เด็กชายหัวเราะจนเหนื่อย เธอจึงหยุดแกล้งลูกก่อนจะพาไปอาบน้ำ แล้วเด็กน้อยก็ลืมเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ไปเลย
✿◕ ‿ ◕✿
ตอนนี้มาแบบยาวๆ เลยค่า หวังว่าจะถูกใจทุกคนนะคะ
ลุงเขาเริ่มเอะใจสงสัยในตัวน้องพอร์ชแล้ว แล้วลุงจะทำยังไงต่อไปเพื่อให้ได้รู้ความจริง ฝากติดตามกันต่อน้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอe bookคะ
รออออออออ
เริ่ม ลำไย นางเอก. สร้างความสับสนให้เด็ก ไม่ลองบอกแล้วจะรู้เหรอ
น่ารักจัง เมื่อไรจะรู้กันนะ
รู้เถอะ ๆ อยากเห็นความเห่อลูกของคุณปะป๊า
_ชอบมาก มาเร็วๆๆๆนะคะ