ตอนที่ 30 : บทที่ 10 : สงสัย (100%)
ติณภัทรยังไม่คลายจากความสงสัยเรื่องเด็กชาย เหตุการณ์ที่เกิดในวันนี้หลายๆ อย่างทำให้เขานิ่งนอนใจและคิดว่าทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องบังเอิญต่อไปไม่ได้ เขาต้องการรู้เรื่องของหญิงสาวและลูกมากกว่านี้
เขาไม่ได้ตรงกลับบ้าน แต่กลับไปยังโรงแรมอีกครั้งเพราะต้องการอะไรบางอย่าง เมื่อมาถึงห้องทำงานชายหนุ่มก็ยกหูโทรศัพท์ไปยังแผนกบุคคล
“คุณช่วยเอาแฟ้มประวัติของแพรริศาเข้ามาให้ผมอีกที”
ไม่นานเกินรอ สิ่งที่เขาต้องการก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ หัวหน้าฝ่ายบุคคลเป็นคนนำเอกสารมาให้เขาด้วยตัวเอง และด้วยความที่ทำงานที่นี่มานานนับสิบปี อีกฝ่ายจึงกล้าเอ่ยถามตามตรง
“ท่านประธานต้องการดูข้อมูลของแพรริศาไปทำไมเหรอคะ หรือว่าเขาทำผิดกฎของบริษัทหรือเปล่า ดิฉันจะได้เรียกมาตักเตือนค่ะ”
“เปล่าหรอก ผมแค่อยากดูข้อมูลว่าเขาเคยทำงานที่บริษัทไหนมาก่อน พื้นเพเป็นคนที่ไหน เรียนจบอะไรมา”
ฝ่ายนั้นยืนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจบอกกับเขา
“ท่านประธานคะ ถ้าหากท่านประธานอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับงานเก่าของแพรริศาล่ะก็ ดิฉันรู้จักอยู่คนหนึ่งที่พอจะให้ข้อมูลได้ค่ะ เพราะเขาเคยทำงานที่เดียวกันมาก่อน”
คิ้วเข้มขมวดน้อยๆ “หืม...ใคร แพรริศาเขามีคนรู้จักทำงานในโรงแรมของเราด้วยหรือ”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“มีค่ะ เป็นพนักงานแผนกบัญชีค่ะ เพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อเดือนก่อน เห็นมาพูดให้ฟังว่ารู้จักกับแพรริศาค่ะ”
“งั้นคุณให้เขาเข้ามาพบผมหน่อยก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
ฝ่ายนั้นหายไปครู่ใหญ่ คงกำลังไปอยู่คุยกับอีกราย เขาอ่านประวัติของเลขานุการสาวอีกครั้ง แต่ไม่มีส่วนไหนที่จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องลูกของเธอได้เลย
เขากำลัง สงสัยเรื่องอะไรอยู่งั้นหรือ?
เขากำลังคิดว่าน้องพอร์ชอาจจะเป็นลูกตนเองอย่างไรล่ะ แพรริศาอาจจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเคยความสัมพันธ์กับเขามาก่อน ทว่าเขาจำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร เคยเจอกันที่ไหน แต่เขาจะต้องรู้เรื่องนั้นให้ได้
ติณภัทรนั่งรอจนใจร้อน ในที่สุดก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเสียที ก่อนที่พนักงานสาวคนหนึ่งซึ่งเขาเพิ่งเคยเห็นหน้าเพราะไม่เคยคุยกับเธอโดยตรง เดินเข้ามาหาด้วยความไม่มั่นใจนัก
“เชิญนั่ง” ชายหนุ่มผายมือให้เธอนั่งลงตรงข้ามเขา “คุณชื่ออะไร ทำงานแผนกไหน”
“ดิฉันกรกนกค่ะ อยู่ฝ่ายบัญชี”
“ผมรู้มาว่าคุณเคยทำงานที่เดียวกับแพรริศา”
“ใช่ค่ะท่านประธาน”
กรกนกตอบแล้วก็หลบสายตาของเขา เขามักจะชินกับท่าทีแบบนี้จากพนักงานของตนเองแล้ว
“คุณสนิทสนมกับแพรริศามากน้อยแค่ไหน”
“ก็ไม่ค่อยสนิทกันหรอกค่ะ ตอนอยู่ที่เก่าเคยคุยกันบ้าง กินข้าวร้านเดียวกันบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน”
“ตอนออกจากบริษัทเก่า แพรริศามีลูกหรือยัง”
“มีลูก?” กรกนกแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง “ไม่นี่คะ ดิฉันเพิ่งทราบเดียวนี้เองว่าแพรมีลูกแล้ว”
นั่นหมายความว่าหญิงสาวลาออกจากบริษัทเก่าก่อนที่เธอจะตั้งท้อง แล้วเธอไปเจอกับพ่อของเด็ก ซึ่งอาจจะเป็นตัวเขาเองได้อย่างไร
“แล้วคุณรู้มั้ยว่าแพรเขาลาออกจากที่เก่าเพราะอะไร”
อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไม่ทราบเลยค่ะท่าน อยู่ๆ เขาก็หายไปไม่บอกไม่กล่าว หลังจากที่ไปทำงานกับเจ้านายที่เชียงใหม่”
“เชียงใหม่งั้นหรือ”
เขาจำได้ว่าตนเองเคยไปเชียงใหม่ครั้งล่าสุดเมื่อเกือบสี่ปีก่อน เขาจำมันได้ดีเพราะไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่ตนเองถูกแฟนสาวหักอกครั้งนั้น และหากนับอายุของน้องพอร์ชดูแล้ว บวกกับที่เธอต้องอุ้มท้องอีกเก้าเดือน นั่นก็เป็นเวลาเกือบสี่ปีเช่นกัน
ทันใดนั้นหัวใจของเขากระตุก หรือว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนนั้น
เขาจำได้เพียงเลือนรางว่าตนเองนั่งดื่มอยู่ในร้านอาหารกึ่งผับ ก่อนจะได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง เหมือนว่าเขากับเธอจะนั่งดื่มด้วยกัน หลังจากนั้นก็ให้คนขับรถของเขาพาไปยังโรงแรม หลังจากนั้นก็จำได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นเพราะว่าเขาเมา รู้เพียงว่าเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้น แล้วเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่พร้อมกับศีรษะที่ปวดตุบๆ เขาก็ไม่พบเธออีกเลย มีเพียงแค่ร่องรอยคราบสีแดงบนเตียงที่บ่งบอกว่าเมื่อคืนเขาได้พรากเวอร์จิ้นไปจากผู้หญิงคนหนึ่ง และนอกจากนั้นก็ยังมีเสื้อที่เลอะไปด้วยคราบอาเจียนของเธอในห้องน้ำที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า แต่เขากลับจำหน้าเธอไม่ได้เลย คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ในเมื่อเธอก็หนีหายไปจากชีวิตของเขาแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นอีกเลยจนกระทั่งมานึกขึ้นได้ในวันนี้
‘ผู้หญิงคนนั้นคือคุณเองหรือแพรริศา’
เขาครุ่นคิดในใจ แล้วน้องพอร์ชล่ะ น้องพอร์ช...เป็นลูกชายของเขาด้วยหรือเปล่า
“ท่านประธาน...มีอะไรจะถามดิฉันอีกหรือเปล่าคะ” กรกนกเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบไป
ชายหนุ่มสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไรแล้ว ผมถามแค่นี้แหละ คุณไปได้แล้ว”
หญิงสาวงุนงงว่าเขาเรียกเธอมาถามเพียงแค่นี้เองงั้นหรือ ได้แต่เก็บซ่อนความอยากรู้เอาไว้ในใจแล้วออกไปตามที่เขาสั่ง
ติณภัทรคิดอย่างหนักใจ ว่าเขาจะทำอย่างไรจึงจะได้รู้ความจริงเรื่องพ่อของน้องพอร์ช ครั้นจะถามจากเด็กชาย แกก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเพราะยังไร้เดียงสาเกินไป
มันต้องมีวิธีสิน่า!
ชายหนุ่มมุ่งมั่นที่จะหาคำตอบให้ได้ เขาคิดถึงการตรวจดีเอ็นเอ แต่คิดว่าแพรริศาคงไม่ยอมให้เขาพาลูกของเธอไปตรวจง่ายๆ แน่ และนั่นยังเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น เขาไม่อยากให้เธอไหวตัวทันเสียก่อนว่าเขากำลังจะทำอะไร
ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความคิดที่ดูเหมือนจะเข้าท่าอย่างหนึ่งก็ผุดวาบในหัวของเขาราวกับมีใครมาเปิดสวิตซ์ไฟข้างในนั้น
“เห็นทีจะต้องใช้วิธีนี้แหละ”
เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนลุกขึ้นแล้วหยิบชุดสูทที่พาดเอาไว้บนพนักติดมือเดินออกจากห้องทำงานด้วยหัวใจที่ลิงโลดด้วยความหวัง
✿◕ ‿ ◕✿
ท่านประธานจะใช้วิธีไหนกันนะ แล้วจะสำเร็จหรือเปล่า มาลุ้นกันต่อในตอนต่อๆ ไปนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะแอบถอนผมน้องพอร์ชไปตรวจดีเอ็นเอรึป่าว
ออกอีบุ๊คตอนนี้ก็ดีนะ
เอาละสิลุงปาทานจะทำงัยนะ
ตามๆๆลุ้นๆท่านประทานจะจัดการกับเมียยังไง