ด้วยลิขิตเสน่หา - นิยาย ด้วยลิขิตเสน่หา : Dek-D.com - Writer
×

    ด้วยลิขิตเสน่หา

    ผู้เข้าชมรวม

    245

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    245

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 มี.ค. 65 / 13:06 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ปฐมบท

    คืนนี้ฝนตกหนักฟ้าแลบแปลบปลาบสว่างจ้ากึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด แรงลมพายุพัดเอาฉากของเวทีงิ้วปลิวหายไปกับแรงของมันทั้งนักแสดงและคนงานในโรงงิ้วต่างก็พากันวิ่งเก็บโต๊ะเก้าอี้ให้วุ่นวาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เรียบร้อยก็ทำเอาเนื้อตัวเปียกปอนจนหนาวสั่น 
    “ เจ๊ซินอั๊วว่าเราปิดโรงงิ้วกันเลยดีไหม ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครเขาออกมาดูงิ้วกันหรอก ” อาสงเด็กในโรงิ้วออกความเห็น 
    “ นั้นสิอาซินเฮียก็เห็นด้วยกับอาสงมันนะ ” คังซีพระเอกงิ้วหน้าหยกประจำคณะพูดขึ้นบ้าง 
    ซินซินกวาดตามองออกไปยังสายฝนที่กระหน่ำจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นแล้วถอนหายใจ “ คืนนี้เป็นการแสดงคืนแรกของเราแท้ ๆ ฝนดันตกลงมาได้ ” 
    “ ไม่เห็นต้องถอนหายใจเลยเจ๊ถึงจะไม่ได้แสดงแต่เราก็ได้เงินค่าจ้างจากเถ้าแก่เล้งมาแล้วนี่ คืนนี้เล่นไม่ได้คืนพรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ก็ได้เถ้าแก่คงเข้าใจก็ฝนมันตกหนักจริง ๆ ” อาสงพูดไปก็ช่วยเก็บข้าวของประกอบฉากบนเวทีไปด้วย 
    “ เอาหน่าซินคืนพรุ่งนี้เราค่อยเริ่มกันใหม่ ตอนนี้เฮียว่าลื้อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะนะ ” คังซีมองนางเอกคู่ขวัญของเขาอย่างเอ็นดู เพราะตอนนี้ชุดงิ้วที่เธอสวมใส่เปียกน้ำฝนจนเจ้าตัวปากคางสั่นด้วยความหนาวเย็น 
    “ ถ้าอย่างนั้นอั๊วเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ฝากเฮียกับอาสงดูความเรียบร้อยทางนี้ด้วย ” พูดจบซินซินก็เดินเข้าไปด้านหลังของเวทีแสดง 
    ฟ้าฝนยังคงตกหนักลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสียงลมพายุพัดประตูหน้าต่างของเรือนพักดังปึงปังน่ากลัว แต่ในเสียงฝนที่ครืนครั่นยังมีเสียงโหวกเหวกของคนจำนวนหนึ่งดังแทรกอยู่เป็นระยะ ๆ 
    “ เจ๊ได้ยินเสียงข้างนอกไหม เสียงเหมือนคนมีเรื่องกัน ” อาสงวิ่งออกไปเอาหูแนบประตูเรือนพัก 
    “ ไม่ใช่มั้งอาสง เสียงลมพายุมากกว่า ” ซินซินสีหน้าหวาดกลัว 
    “ ไม่ใช่เสียงลม เจ๊ลองฟังดี ๆ ซิเสียงคนตีกันจริง ๆ” อาสงวิ่งกางร่มจากเรือนพักออกไปยังหน้าประตูศาลเจ้าที่ไม่ไกลกันมาก 
    “ อาสงลื้อจะไปไหน!? ” ซินซินตะโกนตาม 
    “ เจ๊เกิดอะไรขึ้น อั๊วได้ยินเสียงเจ้ตะโกน ” อาไทวิ่งหน้าตาตื่นออกมาพร้อมกับเหง็กน้องสาว 
    “ อาสงน่ะซิวิ่งออกไปดูคนมีเรื่องกันที่นอกศาลเจ้า” ซินซินบอกทำท่าจะรีบออกไปดูบ้าง 
    “ จริงเรอะเจ๊!? ” อาไททำหน้าตื่นเต้น
    “ อาไทลื้อรีบไปบอกเฮียคังซีให้รู้ทีนะ เจ๊จะออกไปดูอาสงข้างนอก” พูดจบซินซินก็เดินเลาะไปตามกำแพงที่มีหลังคายื่นออกมาพอจะกันฝนได้ 
    ที่ถนนด้านหน้าศาลเจ้ามีชายกลุ่มหนึ่งวิ่งโวยวายเสียงดังลั่น แต่ละคนท่าทางเหี้ยมเกรียมทั้งยังถืออาวุธครบมือเหมือนกำลังตามเอาชีวิตของใครอยู่ 
    อาสงแง้มประตูศาลเจ้าออกแค่พอมีช่องให้พอมองเห็นแล้วมองรอดช่องว่างออกไป ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างด้วยความกลัว 
    “ อาสง! ลื้อดูอะไร? ” 
    อาสงหันควับมาหาซินซินพลางเอามือขึ้นบอกให้เธอเงียบ 
    ซินซินค่อยๆ ย่องเข้ามานั่งข้างอาสงแล้วชะเง้อมองออกไปที่ด้านหน้าถนน “ ตายแล้ว! ” เธอเผลอตัวร้องออกมา 
    “ เจ๊! ” อาสงรีบเอาขึ้นมามือปิดปาก ซินซินทันที 
    “ ผู้ชายคนนั้น ” ซินซินเสียงและเนื้อตัวสั่นไปหมด 
    “ รอให้ไอ้พวกห้าคนนั้นมันไปก่อน เจ๊อย่างเพิ่งออกไปนะ ” สองคนจับจ้องร่างที่นั่งหมดสติอยู่ตรงซอกข้างกำแพงตลาด โชคดีที่ชายฉกรรจ์ห้าคนนั้นมองไม่เห็นเขา 
    “ เราต้องช่วยเขานะอาสงทิ้งเอาแบบนี้ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่ ๆ ” 
    “ ช่วย? ช่วยใครกันซิน ” คังซีถามขึ้น 
    ซินซินชี้ไปทางที่ชายหนุ่มสลบอยู่ “ ผู้ชายคนนั้นไงเฮีย ” 
    “ จะไปยุ่งเรื่องของพวกอันธพาลแบบนั้นทำไม ปล่อยมันไปเถอะซิน ” 
    “ จะปล่อยให้เขาตายได้ยังไงล่ะเฮียทีหมาแมวเจ็บมาเรายังช่วยพวกมันเลย นี่คนทั้งคนนะจะไม่ช่วยได้ยังไง” เธอพูดอย่างไม่พอใจ 
    “ มันเป็นใครก็ไม่รู้ อาก๋งก็ไม่อยู่ด้วยขืนพามันเข้ามาแล้วไอ้พวกที่ตามมันอยู่แห่เข้ามาด้วยเราจะทำยังไงกัน” 
    “ มันไปหมดแล้วเจ๊! ” อาสงร้องขึ้น 
    ซินซินไม่ฟังเสียงคังซีเธอรีบลุกขึ้นเปิดประตูศาลเจ้าวิ่งฝ่าสายฝนออกไปกับอาสง สองคนช่วยกันหิ้วปีกชายแปลกหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเข้ามาในศาลเจ้า 
    “ อาสงลื้อไปเอาลังเก็บสมุนไพรของอาก๋งมาให้เจ้ อาไทลื้อช่วยไปหยิบผ้าขาวสะอาด ๆ กับอ่างน้ำมาทีนะ” ซินซินสั่ง 
    “ แล้วอั๊วล่ะเจ๊ ” เหง็กถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น 
    ซินซินยิ้ม “ ลื้อมาช่วยเจ๊ทางนี้ ” 
    สองคนช่วยกันถอดเสื้อผ้าของชายแปลกหน้าออกอย่างทุลักทุเลเพราะเขาตัวใหญ่และหนักเกินกว่าที่หญิงสาวร่างเล็กบางสองคนจะจัดการได้
    “ พวกลื้อหลบไปอั๊วจัดการเอง ” สุดท้ายคังซีที่ตัวสูงใหญ่พอ ๆ กันก็ต้องเข้ามาช่วย 
    ซินซินมองคังซีแล้วยิ้มให้เขาอารมณ์หงุดหงิดของชายหนุ่มจึงเบาบางลง 
    อาสงและอาไทเอาสิ่งของต่าง ๆ ที่ ซินซินต้องการมาครบหมดแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มทำความสะอาดตามเนื้อตัวของชายแปลกหน้าก่อนจะใส่ยาสมุนไพรที่แผลของเขา 
    “ แผลที่หลังกับแขนซ้ายลึกน่ากลัวจังเลยเจ๊ ” เด็กสามคนพากันทำหน้าสยดสยอง 
    “ ที่แก้มขวานี่ด้วยทำไมคนพวกนั้นถึงได้ใจร้ายนักนะ ” ซินซินทายาอย่างเบามือที่แก้มขวาของชายหนุ่มแปลกหน้า บาดแผลนั้นยาวและลึกลงมาถึงเหนือ ริมฝีปากเลือดยังคงไหลซึมไม่หยุด
    “ อีจะรอดไหมเจ๊ ” อาไทถามขึ้น 
    ซินซินถอนใจ “ คงต้องรอดูคืนนี้ถ้าอีผ่านคืนนี้ไปได้ก็คงจะรอดนะ ” 
    “ ไปทำอะไรมาหนอถึงได้ถูกเล่นงานจนปางตายอย่างนี้ ” อาไทรำพึงรำพัน 
    ซินซินมองดูชายแปลกหน้าที่เธอช่วยเอาไว้อย่างเวทนา “ ไม่มีอะไรแล้วพวกลื้อไปนอนกันเถอะนะ ” 
    “ แล้วลื้อล่ะอาซิน?” คังซีถามขึ้น 
    “ อั๊วจะอยู่เฝ้าอีที่นี่แหละเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน ” 
    “ ทำไมต้องเป็นลื้อเฝ้าด้วยให้อาไทหรือไม่ก็อาสงเฝ้าไปสิ ” คังซีพูดอย่างหงุดหงิด
    “ ไม่ได้หรอกเฮียสองคนนั้นทำอะไรไม่เป็นอั๊วเฝ้าอีเองดีกว่า เฮียไปนอนเถอะนะพรุ่งนี้เช้าต้องไปรับอาก๋งนี่ ” 
    คังซีทำหน้าบึ้งตึง “ ให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่เป็นเพื่อนลื้อด้วย ” เขาจ้องเด็กชายหญิงที่นั่งหน้าสลอนอยู่
    “ เดี๋ยวอั๊วอยู่เป็นเพื่อนเจ๊ซินเอง ” เหง็กเสนอตัว 
    “ ถ้ามีอะไรก็ไปเรียกอั๊วได้ตลอดเวลาเข้าใจไหม ” คังซีย้ำชัด
    “ เข้าใจแล้วเฮียรีบไปนอนเถอะนะ ” ซินซินพูดขึ้นอย่างอ่อนใจ
    ชายทัั้งสามคนจึงพากันเดินไปยังเรือนนอนด้านหลังศาลเจ้าปล่อยให้หญิงสาวอยู่พยาบาลชายแปลกหน้าที่ยังสลบไสลไม่ได้สติ
    เวลาผ่านไปกว่าครึ่งคืนฝนข้างนอกก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกแต่ยังดีที่พากันซาเม็ดลงบ้าง อากาศยามนี้จึงหนาวสะท้านจนจับขั้วหัวใจ
    ซินซินขนผ้าในห้องเก็บของที่ซักสะอาดแล้วมาคลุมตัวให้ชายแปลกหน้าเพราะเขาตัวสั่นสะท้านด้วยหนาว 
    “ อาเหง็กลื้อ…” ซินซินหันมามองเหง็กที่ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว เธอโคลงศีรษะน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเอาผ้าไปห่มให้ 
    “ เข้ามา! พวงมึงเข้ามาเลยกูไม่กลัว…” ชายแปลกหน้าละเมอโวยวาย ท่าทางของเขายิ่งกระสับกระส่ายหนักขึ้น 
    “ นี่ นี่นาย…” ซินซินพยายามเขย่าปลุกเขาให้รู้สึกตัว 
    “ ม่าม๊า อย่าทิ้งอั๊วไป…” เสียงเขาครวญคราง 
    “ ตัวร้อนเหลือเกิน ” เธอเอามือวางที่แก้มและลำคอของเขา ก่อนจะรีบร้อนลุกขึ้นไปเอาผ้าสะอาดมาเช็ดตามแขนพับและซอกคอเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย 
    “ ใคร! ” มือใหญ่กำข้อมือเล็กเอาไว้แน่นจนซินซินรู้สึกเจ็บ 
    “ นี่อั๊วกำลังช่วยลื้ออยู่นะ ปล่อยมือก่อน ” เธอพยายามจะดึงข้อมือออกแต่มือใหญ่ก็ยังกำแน่นราวกับคีมเหล็ก 
    “ มึงเป็นใคร!? ” ดวงตาที่บอบช้ำด้วยถูกทำร้ายค่อยๆ เปิดขึ้น ภาพตรงหน้าเลือนลางจนไม่รู้ว่าคือความฝันหรือความจริงกันแน่ 
    “ นี่ปล่อยอั๊วเถอะ อั๊วกำลังช่วยลื้ออยู่นะ ” เธอพยายามพูดอย่างอ่อนโยน 
    มือใหญ่ค่อย ๆ คลายออกก่อนจะเจ้าของมือจะหมดสติไปอีกครั้ง 
    “ ทำไมถึงแรงเยอะขนาดนี้นะ ” ซินซิน ยกข้อมือขึ้นมาดูรอยแดงช้ำที่เขาทำเอาไว้ 
    เธออยู่เช็ดตัวให้เขาจนไข้ลดลงจึงผล็อยหลับไปข้าง ๆ เขา มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อคังซีเดินออกมาเรียก 
    “ นี่ลื้อนอนข้าง ๆ มันทั้งคืนเลยเรอะ? ” คังซีถามอย่างไม่พอใจ 
    ซินซินงัวเงียขยับตัวบิดขี้เกียจ “ ก็อีไข้ขึ้นสูง แถมยังละเมออีกอั๊วก็เลยต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืนเลย ” 
    คังซีมองร่างที่ไร้สติตาขวางก่อนจะหันกลับมามองซินซิน หญิงสาวที่เขาแอบรัก “ ลื้อไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ ป้าจูอีเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว ”
    “ จ้ะ ฝากเฮียดูผู้ชายคนนี้เอาไว้ด้วยนะ ” 
    “ ทำไม? ลื้อกลัวอีจะหนีไปหรือไง ”
    “ ไม่ใช่เสียหน่อย เผื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมาจะได้ถามไถ่ว่าเป็นใครมาจากไหนไงเฮีย เราจะได้พาเขาไปส่งที่บ้านถูกไง” ซินซินพูดนำเสียงอ่อนหวาน 
    คังซีสีหน้าคลายโกรธลง “ อือ เดี๋ยวอั๊วเฝ้าให้เองลื้อรีบไปอาบน้ำอาบท่าซะ ” 
    “ จ้ะเฮีย ” สิ้นเสียงซินซินก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปยังเรือนพัก 
    “ ตื่น! ตื่นได้แล้วเหง็ก” คังซีเขย่า เหง็กแรง ๆ 
    “ โอ้ย! จะปลุกทำไมยังเช้าอยู่เลย” เหง็กโวยวาย 
    “ เช้าอะไรกันนี่สายแล้วนะ ” 
    เหง็กงัวเงียลืมตาดูรอบตัว “ พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่เต็มฟ้าเลยเฮียจะรีบปลุกอั๊วทำไม ” 
    “ หรือลื้อจะให้อี๊จูมาปลุกลื้อแทน ” 
    เหง็กทำหน้าขยาดเมื่อนึกถึงหญิงวัยกลางคนหน้าตาบึ้งตึงรูปร่างใหญ่โตราวชายอกสามศอกแล้วทำท่าขนพองสยองเกล้า
    “ ไม่เอาๆ อั๊วตื่นก็ได้ แล้วเจ๊ซินล่ะ” 
    “ อีไปอาบน้ำแล้ว ” 
    “ ไปก็ไม่เรียกกันเลยเจ๊ซินเนี่ย ” เหง็กลุกขึ้นเดินอ้าปากหาวไปตลอดทาง 
    คังซีนั่งลงที่เก้าอี้ข้างชายคนเจ็บ “ อั๊วไม่ชอบขี้หน้าลื้อเลยจริง ๆ ” เขาส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูศาลเจ้า 
    ทุกคนที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าพ่อกวนอูพากันทำความสะอาดศาลรับวันใหม่ บางส่วนก็แยกย้ายไปทำความสะอาด โรงงิ้วที่อยู่ในบริเวณรั้วเดียวกัน จนสาย คังซีจึงขี่รถจักรยานยนต์ของเขาออกไปหัวลำโพงเพื่อรับอาก๋งที่กลับมาจากไปเยี่ยมญาติที่นครสวรรค์ 
    ซินซินทำโจ๊กมาให้กับคนเจ็บที่ไม่รู้ว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอวางถ้วยโจ๊กเอาไว้ที่โต๊ะไม้ข้างเขาก่อนจะเดินไปจุดธูปไหว้เจ้าพ่อกวนอูขอพรตามปรกติอย่างที่เคยทำ 
    “ โอ้ย….” เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น 
    ซินซินรีบปักธูปที่กระถางทันที เธอเดินกลับมาที่คนเจ็บนอนอยู่ “ นี่ลื้อรู้สึกตัวแล้วเหรอ ” 
    “ อั๊ว… อยู่ที่ไหน ” เขาถามเสียงแหบแห้ง 
    “ ลื้ออยู่ที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูหลังตลาดเก่า ” ซินซินตอบ
    ดวงตาช้ำ ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ ภาพตรงหน้าจึงชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้ รอยยิ้มสดใสและดวงหน้าหวานละมุนละไมทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้น 
    “ ลื้อเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม ” ซินซินถามด้วยความห่วงใย 
    “ เจ็บทั้งตัว ” เขากัดฟันตอบ 
    “ ก็แน่ละซิ ลื้อถูกฟันทั้งตัวเลยนี่หน่า ” เธอมองเขาอย่างเวทนาสงสาร 
    “ อั๊วจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
    “ เมื่อคืนนี้ลื้อวิ่งหนีพวกอันธพาลห้าคนมาหลบอยู่ที่ข้างกำแพงตลาดแล้วลื้อก็หมดสติไป ” 
    คิ้วหนาได้รูปขมวดมุ่น “ จำไม่ได้ ” 
    สีหน้าของซินซินยิ่งเป็นกังวลหนักขึ้น “ ลื้อจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ ” 
    “ จริง ๆ จำอะไรไม่ได้เลย ” เขาตอบพลางยกมือขึ้นทั้งทียังสั่น 
    “ อย่าเพิ่งขยับ ลื้อยังบาดเจ็บอยู่ ” ซินซินเข้าไปจับมือเขาลง 
    “ ขอบใจนะที่ช่วยอั๊วเอาไว้ ” เขามองหน้าเธออย่างซาบซึ้ง 
    “ ไม่เป็นไร ว่าแต่ลื้อจำได้ไหมว่าตัวเองชื่ออะไรแล้วอยู่ที่ไหน อั๊วจะได้ให้คนไปบอกที่บ้านลื้อให้มารับลื้อกลับไป ” 
    เขาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า “ จำไม่ได้ ” 
    ซินซินถอนหายใจอย่างเป็นกังวลใจ “ แล้วจะทำยังไงกันต่อล่ะทีนี่ ” 


    *** ถึงนักอ่านทุกท่านคะ เรื่องนี้ไรต์ตั้งใจจะเขียนต่อแล้วลงให้อ่านกันนะคะ เนื้อเรื่องเกิดขึ้นหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสามปี สถานที่ในเรื่องคือเยาวราชและบริเวณใกล้เคียงนะคะ ไรต์หวังว่าทุกคนจะชอบและสนุกไปกับทุก ๆ เหตุการณ์และทุกตัวละครในเรื่อง 
    ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น