ในรอยแห่งรัก - นิยาย ในรอยแห่งรัก : Dek-D.com - Writer
×

    ในรอยแห่งรัก

    เธอเฝ้ารอคอยการกลับมาของชายอันเป็นที่รักผ่านกาลเวลาที่แสนจะยาวนานเพื่อฟังคำว่ารักจากเขาอีกสักครั้งก่อนต้องจากกันชั่วนิรันดร์

    ผู้เข้าชมรวม

    7,166

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    68

    ผู้เข้าชมรวม


    7.16K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    64
    จำนวนตอน :  24 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.ย. 63 / 16:47 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สีขาวนวล อวลกลิ่น มะลิวัลย์
    หอมเหมือนฝัน พันใจไว้ ไม่ยอมห่าง
    ทั้งกิ่งก้าน ก็อ่อนโอน ดั่งนวลปราง
    มีใครบ้าง ไม่รักเจ้า...... เฝ้าเคลียคลอ
    : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : : :
    กรุงเทพมหานครปีพุทธศักราช 2488
    :
    :
    :
    ณ ตำหนักเสด็จพระองค์ชายวรภัทร
    เสียงร้องไห้ด้วยความเสียใจดังระงมไปทั่วตำหนักประภากร เมื่อต้องสูญเสียธิดาเพียงพระองค์เดียวของเสด็จพระองค์ชายวรภัทรประภากร หญิงสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของทุกคนในวังอย่างหม่อนเจ้าหญิงชณชนก ประภากร เนื่องจากทรงประชวรด้วยโรคร้าย ด้วยพระชันษาเพียง 23 ชันษาเท่านั้น
    การสิ้นชีพิตักษัยของท่านหญิงน้อยในครานี้สร้างความเสียพระทัยให้แก่เสด็จพระองค์ชายเป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ทรงรักธิดาองค์นี้เป็นที่สุด เนื่องจากพระองค์ทรงเลี้ยงดูท่านหญิงมาด้วยพระองค์เองเหตุเพราะท่านหญิงได้สูญเสียท่านแม่ไปตั้งแต่ยังทรงเยาว์วัย
    หลังจากการจากไปของท่านหญิงน้อยได้ไม่นานนักเสด็จพระองค์ชายเองก็ทรงประชวรอย่างหนักเหตุเพราะทรงตรอมพระทัยที่ต้องสูญเสียธิดาสุดที่รักของพระองค์ไปอย่างไม่มีวันกลับและทรงสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา ทำให้ตำหนักของพระองค์ถูกทิ้งร้างตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเนื่องจากเจ้าของตำหนักทั้งสองพระองค์ไม่อยู่แล้วเสียแล้ว เหลือก็เพียงแต่ผู้ดูแลที่เป็นคนเก่าคนแก่ของวังเท่านั้นที่ทำใจทิ้งวังแห่งนี้ไปไม่ได้
    :
    :
    :
    กรุงเทพมหานครปีพุทธศักราช 2562
    ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดูหล่อเหลา ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในชุดลำลองแต่ก็ยังคงดูสง่าและน่ามอง กำลังจะเดินเข้าไปที่หน้าประตูทางเข้าของบ้านหลังหนึ่งซึ่งเคยเป็นวังเก่าของเจ้านายชั้นสูงพระองค์หนึ่ง เขาตั้งใจที่จะซื้อที่นี้เพื่อทำเป็นแกลอรี่ไว้จัดแสดงรูปภาพและงานนิทรรศการต่างๆที่เกี่ยวกับงานศิลปะและภาพถ่ายที่เขาชอบด้วยสถาปัตยกรรมของบ้านที่เป็นแบบยุโรปและอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพียงแค่ซ่อมแซมและตกแต่งอีกนิดหน่อยก็คงเปิดได้ทันตามกำหนดที่เขาตั้งใจเอาไว้
    กีรติ อรรถพันธ์ บุตรชายคนเล็กของพลเอกพีรพลและคุณหญิงแสงโสม อรรถพันธ์ หนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งเรียนจบด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกามาหมาดๆ หนุ่มเนื้อหอมที่ได้รางวัลหนุ่มในฝันจากนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง
    คุณติ เป็นคนที่สนใจในงานศิลป์มาตั้งแต่ยังเล็กๆเขามักจะชอบวาดภาพ ถ่ายภาพและสะสมงานศิลปะของศิลปินหลายๆคนจนสามารถนำมาจัดแสดงนิทรรศการได้ ชายหนุ่มถูกใจบ้านเก่าหลังนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาขับรถผ่าน ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงไปดูด้านในเลยด้วยซ้ำเขาก็ตั้งใจว่าจะต้องซื้อที่นี้ให้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสวยงามของตัวบ้านที่ดูโดดเด่นถึงแม้จะถูกทิ้งร้างมานาน หรือมีอะไรบางอย่างดลใจให้ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับสถานที่แห่งนี้อย่างหน้าประหลาด เพียงแค่ก้าวแรกที่เขาได้เดินเข้าไปในบ้านหลังนี้ความทรงจำในอดีตก็หวนคืนมาอีกครั้งเมื่อเขาได้พบกับเธอ หม่อมเจ้าหญิงชณชนก ประภากร
    :
    :
    บ้านอรรถพันธ์
    “ เค้าจะขายให้เราจริงๆใช่ไหมครับคุณแม่ “ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
    “ จริงสิลูก แม่ไปคุยกับคุณฉวีเจ้าของบ้านหลังนั้นมาแล้ว “
    “ แล้วเขาจะขายให้เราราคาเราเท่าไหร่ครับ “
    “ เห็นว่าเค้าจะให้ธนาคารมาประเมินราคาอีกทีนะลูก “
    “ ขอบคุณคุณแม่มากนะครับ ขอบคุณจริงๆ” ชายหนุ่มโผเข้าไปกอดแม่ของเขาด้วยความดีใจ
    “ บ้านเก่าขนาดนั้นจะเอาไปทำไมก็ไม่รู้ “ กัลยาพี่สาวของเขาพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
    “ ก็เอามารีโนเวทแล้วก็ทำแกลอรี่ไง “ ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    “ คงขาดทุนแน่ๆคนไทยนะไม่ได้ชอบงานศิลปะอะไรขนาดนั้นนะ เอามาทำเป็นห้างสรรพสินค้ายังจะทำกำไรเสียมากกว่า หรือไม่ก็ขายต่อคงได้ราคาดีไม่น้อย “ หญิงสาวยังคงคัดค้านการทำแกลอรี่ของน้องชายเสียงแข็ง
    “ เอาล่ะๆหยุดเถียงกันสักที แม่ตั้งใจจะซื้อที่นั้นให้เป็นของขวัญวันเรียนจบของน้อง แกก็อย่าอิจฉาน้องนักเลยนะยายหนึ่ง “ คุณหญิงแสงโสมพูดตัดบทด้วยความรำคาญ
    “ คุณแม่อ่ะ เห็นตาติดีกว่าหนึ่งทุกทีเลย “ กัลญาพูดด้วยความน้อยใจที่รู้สึกว่าแม่รักน้องมากกว่าตน
    “ แม่ไม่เคยเห็นว่าใครดีกว่าใครนะยายหนึ่ง แต่นี้น้องเรียนจบมาด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยมขนาดนี้ ก็ควรได้รับรางวัลกันบ้างสิ เหมือนตอนที่เราได้รถคันใหม่จากคุณพ่อยังไง “ น้ำเสียงที่ดูมีอำนาจของคุณหญิงทำให้ลูกสาวคนโตยอมสงบปากสงบคำไปได้
    หญิงสาวเดินกะฟัดกระเฟี้ยดออกไปทันทีอย่างไม่พอใจนักที่แม่ของตนไม่เคยเขาข้างเธอเลย เอาแต่เข้าข้างน้องชายของเธออยู่เสมอ
    หลังจากการสนทนาจบลง ชายหนุ่มก็ขอตัวเข้าไปทำงานในสตูดิโอของตนทันที
    พอเดินเข้ามาด้านในห้องก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้บางอย่างที่มากระทบกับปลายจมูกของเขา ชายหนุ่มสูดดมเอากลิ่นหอมนั้นเข้าไปจนเต็มปอด ก็ทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างกระทันหัน
    “ ทำไมง่วงนอนแบบนี้นะ “ เขาพึมพำกับตัวเองแล้วพยายามสะบัดศรีษะเอาความรู้สึกง่วนั้นออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล
    ไม่นานนักก็ทนกับความง่วงที่มีไม่ไหว เปลือกตาของเขาคอยๆปิดลงจนสนิททั้งสองข้าง ลมหายใจเข้าออกลึกสม่ำเสมอ เขาได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    :
    :
    :
    ในความฝัน
    กีรติค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พอดวงตาเปิดเต็มที่ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ชายหนุ่มลุกขึ้นมายืนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ที่ถูกตกแต่งสไตล์ยุโรป ในห้องถูกทาด้วยสีขาวนวลดูสะอาดตา ตรงกลางห้องโถงก็มีแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกจัดอย่างสวยงามตั้งอยู่ เขามองดูบนเพดานของห้องที่ถูกประดับแชนเดอเลียนดูวิจิตรงดงาม ตรงหน้าของชายหนุ่มเป็นบันไดที่แบ่งออกเป็นสองข้าง เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวา เขาได้แต่หันไปดูรอบๆก็ไม่เจอใครสักคน ชายหนุ่มเดินไปรอบบริเวณนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
    ถึงเขาจะเคยเห็นสถานที่ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามมามากแต่ก็ไม่น่าประทับใจเท่าที่นี้ ที่เขายืนอยู่ตรงนี้
    “ เดินขึ้นไปด้านบนดีไหมนะ “ ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง
    เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินขึ้นไปด้านบน แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกไปก็ได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลังเขาของเขา คนถูกเรียกจึงต้องหันกลับไปตามเสียงนั้น
    “ พี่ชายใหญ่ กลับมาหาหญิงแล้วใช่ไหมค่ะ “
    น้ำเสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความดีใจปนความเศร้า ที่ทำให้คนฟังรู้สึกเศร้าตามอย่างหน้าประหลาด
    ชายหนุ่มจองมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจ เธอดูงดงามราวกับภาพวาด หญิงสาวสวมชุดเดรสลายลูกไม้สีชมพูอ่อนยาวคลุมเขา ดวงตากลมโตนั้นดูเป็นประกายแต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้า ผิวขาวนวลของเธอนั้นดูราวกับหิมะ ริมฝีปากอิ่มสวยบวกกับพวงแก้มที่แดงระเรื่อชวนให้น่ามองจนไม่อาจจะละสายตาไปได้ ผมสีน้ำตาลเข้มที่หยักศกเล็กน้อยยิ่งทำให้เธอดูราวกับตุ๊กตาที่มีชีวิต เธอเป็นใครกันทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนเขาต้องเคยพบกับเธอมาก่อนแน่ๆแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกันชายหนุ่มก็เริ่มได้ยินเสียงคนเรียกจากที่ไกลๆ
    “ ติลูก !! “
    “ ตาติตื่นลูก “
    ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆก็เห็นแม่ของเขานั่งอยู่ที่ข้างๆตัว
    “ อะไรกันเดี๋ยวนี้นอนกลางวันด้วยหรอเรา “
    “ แค่พักสายตาน่ะครับคุณแม่ “
    “ พักสายซะสนิทเลยนะ แม่เรียกตั้งนานแล้ว เพิ่งจะรู้สึกตัว “
    “ คุณแม่มีอะไรครับ “
    “ แม่จะมาตามไปกินของว่างน่่ะ “
    “ ครับคุณแม่ไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป “
    “ เร็วๆนะลูก “
    ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งและนึกถึงความฝันที่เพิ่งจะผ่านมาเมื่อครู่นี้
    “ ฝันกลางวันสินะ ถึงได้เจอนางฟ้าแบบนั้น “ เขานึกถึงหญิงสาวที่เห็นในความฝันก็ทำให้ยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
    :
    :
    :
    เช้าวันต่อมา คุณหญิงแสงโสมได้นัดเจอกับคุณฉวีเจ้าของวังเก่าที่ลูกชายคนเล็กของเธอหมายตาเอาไว้ ทั้งสองคนตกลงกันเรื่องราคาเรียบร้อยแล้วก็ได้ทำสัญญาซื้อขายกันทันที
    “ ขอบพระคุณคุณหญิงมากนะค่ะที่สนใจจะซื้อที่นี้ไป “
    “ ไม่เป็นไรค่ะ พอดีลูกชายของฉันเขาชอบที่นี้มากฉันเลยอยากจะให้เป็นของขวัญกับเค้า “
    “ วังริมน้ำจะได้มีคนมาดูแลสักที “
    “ วังริมน้ำหรือค่ะ ที่นี้เคยเป็นวังมาก่อนหรอค่ะ“ คุณหญิงแสงโสมถามด้วยความสนใจเพราะไม่เคยรู้ประวัติของบ้านหลังนี้มาก่อน
    “ ใช่ค่ะที่นี้เป็นวังค่ะ “
    “ ของเจ้านายพระองค์ไหนกันค่ะ “
    “ เป็นพระตำหนักของเสด็จพระองค์ชายวรภัทรประภากรค่ะ “
    “ เอ่ แล้วทำไมถึงได้มาเป็นของคุณฉวีได้ล่ะค่ะ”
    “ เพราะราชสกุลประภากรไม่เหลือผู้สืบทอดแล้วทางพระญาติที่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนนี้จึงได้ขายให้ตระกูลของดิฉันและคุณย่าของดิฉันก็เป็นคนดูแลวังนี้มาโดยตลอดน่ะค่ะ”
    “ แล้วพระองค์ชายวรภัทร ไม่มีโอรสหรือธิดาเลยหรือค่ะ “
    “ มีค่ะ แต่ก็สิ้นไปตั้งแต่ชันษายังน้อย “
    “ น่าเศร้าจังเลยนะคะ “
    “ แต่เอ๊ะ คุณหญิงนามสกุลอรรถพันธ์ “
    “ ใช่ค่ะนามสกุลของสามีดิฉัน ทำไมหรือคะ”
    “ เท่าที่ดิฉันทราบมาราชสกุลประภากรและอรรถพันธ์เคยได้เกี่ยวดองกันมาก่อนนะคะ “
    “ ดิฉันไม่ค่อยรู้เรื่องราวในอดีตสักเท่าไหร่หลอกค่ะ เพราะท่านนายพลไม่เคยเล่าเรื่องอะไรของบรรพบุรุษของท่านให้ฟังมากนัก “
    ในระหว่างการสนทนาของคนทั้งคู่ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาคั้นการสนทนานี้
    คุณฉวีหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าของเธอและกดรับทันที
    “ ขอโทษนะคะ “
    “ ตามสบายค่ะ “
    หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จคุณฉวีก็ขอตัวกลับก่อน เพราะเธอต้องรีบไปทำธุระต่อที่อื่นอีก
    “ ดิฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะคะคุณหญิง “
    “ ตามสบายค่ะ “
    “ ลานะคะ “
    “ ค่ะ “
    :
    :
    :
    บ้านอรรถพันธ์
    กีรติกำลังวาดภาพของหญิงสาวในความฝันของเขาจากความทรงจำ
    ชายหนุ่มใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงภาพของเธอก็เสร็จสมบูรณ์ ชายหนุ่มยืนดูภาพวาดนั้นด้วยความรู้สึผูกพันกับหญิงสาวในภาพอย่างน่าประหลาดทั้งๆที่เขาเจอเธอเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นและก็เจอในความฝันอีกด้วย แต่ทำไมถึงได้คุ้มเคยราวกับว่ารู้จักกันมาแสนนาน
    “ ติ!! “ เสียงคุณหนึ่งพี่สาวของเขาเรียกขึ้นทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์
    “ อะไรครับพี่หนึ่ง เรียกซะเสียงดังตกใจหมด “
    “ ฉันเรียกแกตั้งหลายครั้งแล้วนะไม่ได้ยินรึไง”
    “ มีอะไรครับ “
    “ ฉันจะมาบอกแกว่าคุณแม่กลับมาแล้ว นิแกวาดรูปใครน่ะ “
    “ ผู้หญิงในฝัน “
    “ ผู้หญิงในฝัน “ น้ำเสียงของพี่สาวดูจะขำน้องชายของเธอที่พูดคำนั้นออกมา
    “ น่าขำตรงไหนครับ “
    “ ก็ตรงที่แกพูดนะสิคนอย่างแกมีผู้หญิงในฝันด้วยหรอ เห็นจีบเค้าไปทั่ว “
    “ มีสิพี่หนึ่งไม่เห็นจะแปลกตรงไหน “
    “ เพ้อเจ้อจริงๆ “ หญิงสาวยังคงเย้าน้องชายของเธอ
    “ คุณแม่ให้มาตามใช่ไหม พี่ช่วยกลับไปบอกคุณแม่ทีนะว่าเดี๋ยวผมไปหา “
    “ นิแกใช้ฉันหรอ!! “
    “ ก็ใช้นะซิ “
    “ ไอติ !!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
    “ เออๆ เดี๋ยวผมไปหาคุณแม่เองก็ได้ “ ชายหนุ่มพูดปัดรำคาญ
    “ น้องบ้า “
    “ เฮ้อ!! “
    ชายหนุ่มรีบเดินหนีจากพี่สาวของเขาทันทีเพราะรู้ว่าขืนอยู่ตรงนั้นอีกแค่นิดเดียวคงจะต้องทะเลาะกันแน่ๆ
    กีรติเดินเข้าไปในบ้านก็เข้าไปอ้อนแม่ของเขาที่เพิ่งจะกลับมาจากเจรจาซื้อบ้านเก่าหลังนั้น
    “ คุณแม่ครับทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ “
    “ ตกลงกันเรียบร้อยแล้วลูกเหลือแค่เราจ่ายเงินให้เขาแล้วก็ทำสัญญาซื้อขาย “
    “ ขอบคุณนะครับรักคุณแม่ที่สุดเลยครับ” ชายหนุ่มกอดแม่ของเขาอย่างออดอ้อนแล้วก็หอกแก้มเธอ
    :
    :
    :
    ทางด้านคุณนายฉวีที่รับโทรศัพท์แล้วรีบออกมาเพราะลูกชายของเธอยังไม่พอใจในราคาของที่ดินที่วังริมน้ำจึงให้แม่ของเขากลับมาคุยกันก่อนที่จะทำสัญญาซื้อขาย
    “ พลแกเรียกแม่ออกมาทำไม “ คุณฉวีพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
    “ แม่ไปตกลงกับคุณหญิงนั้นไม่บอกผมสักคำ”
    “ แล้วทำไมฉันต้องบอกแกด้วย ในเมื่อที่ดินตรงนั้นมันเป็นของฉัน “
    “ แม่จะขายให้เค้าเท่าไหร่ “
    “ 60 ล้าน “
    “ อะไรนะแม่มันถูกไปรึป่าว “
    “ นี้ฉันก็ขายตามราคาประเมินที่ดินแล้วนะ”
    “ 100 ล้านแม่ ต้อง100ล้านเท่านั้น “
    “ แกจะบ้ารึไงแค่นี้เราก็กำไรมากแล้วนะ ที่ดินตรงนั้นเราก็ได้มาราคาถูกๆ ขายได้ราคานี้ก็ดีมากแล้ว “
    “ แม่เชื่อฉันถ้าพวกเขาอยากได้จริงๆเขาต้องยอมจ่ายเราสิ ไอตระกูลอรรถพันธ์นั้นใครๆก็รู้ว่ามันรวยจะตายเงินแค่100ล้านขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหลอก”
    “ แล้วถ้าเขาเปลี่ยนใจไม่เอาขึ้นมาเราจะไม่ได้อะไรเลยนะ ใครๆก็รู้ว่าที่วังนั้นน่ากลัวขนาดไหน”
    “ ถ้าเขาไม่เอาเราก็ค่อยลดราคาลงมา “
    “ นั้นสินะ “
    เมื่อความโลภเข้าครอบงำในจิตใจแล้วก็ย่อมส่งผลให้อยากได้ไม่สิ้นสุด คุณนายฉวีจึงเชื่อตามคำของลูกชายเพราะอยากได้เงินเพิ่มจากการขายที่ดินที่ตระกูลของเธอได้มันมาในราคาที่แสนจะถูก

    นิยายเรื่องนี้ถูกการคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดดัดแปลง ทำซ้ำหรือคักลอกเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ เพราะเป็นเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้สร้างสรรค์งานแต่เพียงผู้เดียวในการเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลง 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น