ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC - EXO] Why Do I Love You So?! [TAOHUN Ft.EXO]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter : 4 [50%]

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 57











    Chapter : 4







    ความพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมคือการยอมให้ไอ้แพนด้าเถื่อนจากชิงเต่าจูบอีกครั้ง ฮือออ ทำไมผมถึงใจง่ายแบบนี้ ผมมันคนไม่ดี ใจง่าย ใช้ปากเปลือง ผมทอดสะพานให้มานนนน T^T

    บอกตรงๆ ผมยังทำใจไม่ได้ ผมใช้ห้องเป็นที่หลบภัยไปก่อนตอนนี้ วันนี้ไม่ไปเรียนอ้างกับคยองซู และแบคฮยอนว่าไม่ค่อยสบาย ตอนแรกสองคนนั่นทำท่าไม่เชื่อ ถ้าผมไม่แสดงละครเก่ง(สตอเก่งนั่นแหละ) อาจจะเป็นเพราะผมดูเหมือนคนป่วยจริงๆ(โทรมมากนอนไม่หลับ) สุดท้ายสองคนนั่นยอมเชื่อ แล้วออกไปเรียนตามปกติ ส่วนผมขอสงบสติอารมณ์ให้เต็มที่ก่อน ยังไม่พร้อมไปเผชิญโลกในรั้วโรงเรียนชายที่โหดร้ายแห่งนี้

    ข่าวลือรักสามเศร้าของผม เทา และลู่หาน ไหนจะข่าวบ้าบอที่บอกว่าเทาย้ายโรงเรียนมาเรียนที่เกาหลีก็เพราะผม อยากจะต่อยคนปล่อยเรื่องบ้าๆ นี่จริงๆเลย แล้วไหนจะ...เรื่องที่ผมกับไอ้เทาจูบกันกลางโรงอาหาร

    อา... เทากับว่าผมกับมันจูบกันสองครั้งแล้วสิ -/////- ไม่สิ! สามครั้งต่างหากถ้านับตอนอยู่ที่จีนด้วยนะ จูบกันแล้วสามครั้ง...

    อ๊ากกกกกก!!! ผมคิดอะไรอยู่ ฮรื่อออออออ ภาพเมื่อสองปีก่อนยังไม่จางหายไปไหนเลย ทำไมภาพเมื่อวานก่อน กับเมื่อวานถึงได้ตามหลอกหลอนจังเลย ฮืออออออออ T____T

    ว่าพลางมือจิกหัวตัวเอง ขยี้อย่างบ้าคลั่ง

    ผมไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องของมันซักนิด บอกตัวรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วเนี่ย! ฟหกด่าสวฟหกด่าสว เอาหัวโขกกับหมอนแม่ง

    ขณะที่ผมโขกหัวสีสวยอยู่กับหมอนอยู่บนเตียงอย่างบ้าคลั่ง โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นท่ามกลางอารมณ์ที่ขุ่นมัวจนแทบจะรับประทานหัวของไอ้แพนด้าได้อยู่แล้ว เอาล่ะ! หยุดบ้าสองวิ มองเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาก่อนตัดสินใจกดรับสาย

    “ฮัลโหล?”

    [นี่ห่าว]

    เสียงเหมือนเด็กสามขวบปัญญาอ่อนแบบนี้ สำเนียงภาษาจีนแบบนี้ ไอ้เชี่ยเทา!!!

    ตายยากตายเย็น ตายมืดตายค่ำจริงๆ



    “มึงโทรมาทำไม?!” ผมถามด้วยอารมณ์โมโห ตอนนี้ผมโกรธมันอยู่นะ โกรธมากจนจะกินหัวมันได้เลยล่ะ :(

    [คิดถึงมึงไม่ได้เหรอคร้าบ]

    “...”  อะ! ...ไอ้บ้า!!

    พลันภาพตอนจูบกับหมอนี่ก็โผล่ขึ้นมาในสมองไร้รอยหยักของผม งือออออ เอามันออกไปที T___T






    [เฮ้! เงียบเลย เขินกูรึไง]

    “มึงไปเอาเบอร์กูมาจากไหน” เปลี่ยนเรื่องแม่งเลย ใช่มันไปเอาเบอร์ผมมาจากไหน

    [แบคฮยอนไม่ให้กูบอกมึงว่าเอาเบอร์มึงมาจากแบคฮยอน แต่คยองห้ามไว้บอกว่าไม่ให้บอก แต่แบคฮยอนก็ไม่บอกคยองซูก็เลยให้เองแล้วบอกว่าแบคฮยอนไม่ให้บอกมึงว่ากูไปเอาเบอร์มึงมา]

    เชี่ยอะไรของมันวะ =______=




    “กูไม่เข้าใจ”

    [โง่]

    จึ้ก! เหมือนมีเขาควายนับร้อยพุ่งชนกลางกะบาล



    “มึงสิโง่ อธิบายยังไม่รู้เรื่องเลยกลับจีนไปไป๊” ไล่แม่งเลย

    [ไม่สบายเหรอ]

    แหม่ะ! พอไล่กลับจีนแล้วเปลี่ยนเรื่องได้เลยนะไอ้แพนด้า ชริ! ถึงจะมีน้ำเสียงห่วงใยปนอยู่หน่อยๆ ก็เถอะ ผมไม่ใช่คนเชื่อคนง่ายหรอกนะ โดยเฉพาะฮวางจื่อเทาแล้วยิ่งเชื่อไม่ได้

    “เออ ไม่เป็นไรมากหรอก”

    [แล้วหยุดเรียนทำไม]

    “ไม่เป็นไรมากก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เป็นซักหน่อย มีอะไรอีกมั้ยกูจะวางแล้วปวดหัว!” รีบๆพูดมาสิ จะได้วาง

    [เปล่า... แค่เป็นห่วง]


    “...” -//////-  อยู่ดีๆ หน้าก็ร้อน ฮู้ววววว~

    [ … ]

    “...เอ่อ”

    ลิ้นพันกันพูดไม่ออกเลยอ่า...







    [อาจารย์ฮยอนซึงเข้าสอนแล้วแค่นี้นะ]

    “อะ...อืม”

    พูดจบจื่อเทาก็วางสายไปเลย เป็นการคุยโทรศัพท์ที่เกร็งจนฉี่จะปริบเลยจริงๆ คิดจะตัดบทวางสายยังไงก็ได้งะ โด่ววววววว



    เปล่า... แค่เป็นห่วง



    ทำไมรู้สึกหน้าร้อนๆแฮะ อาจจะไม่สบายจริงๆก็ได้ ผมคงไม่ได้เขินไอ้บ้านั่นหรอก ยังไงผมก็ยังชอบจงอินอยู่ ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆหรอก ถึงจะเป็นแฟนเพื่อนก็เหอะ

    ไม่ได้คิดจะแย่ง แค่แอบแช่งให้เลิกกันเร็วๆ #เลว

     

     












     

     

    หลังจากพักฟื้นสติมาสองวันเต็ม ตอนแรกก็ว่าจะหยุดวันเดียวหรอกพอตื่นมาอีกวันดันปวดหัวจริงๆเสียได้ ทำไมคำว่าซวยมันถึงติดตามตัวผมเหมือนกับความดำที่ติดผิวไอ้จื่อเทาก็ไม่รู้ นี่พาลนะครับพาล

    วันนี้ก็เหมือนเดิม สายเหมือนเดิม บางทีผมควรทำตัวให้ชินกับสายตาอาจารย์ฮยอนซึงสุดสวยที่จิกตั้งแต่ผมเดินอยู่ทางเดินหน้าหอมาถึงหอประชุม นับถืออาจารย์แกนะ ขนาดผมผูกเนกไทสั้นไปหนึ่งเซ็นต์แกยังสังเกตได้ แต่ที่ผมไม่ชินคือสายตาเกือบทั้งหอประชุมที่มองอย่างกบผมเป็น เทเลอร์ สวิฟ หรือ จัสติน บีเบอร์ นะ ไม่ต้องมองกันเยอะหรอก

    “ยืนให้มันดีๆหน่อย”

    เสียงเด็กปัญญาอ่อนข้างหลังผมพูดขึ้น ถึงผมจะมาสายแต่ไม่สายเท่าจื่อเทา เข้าสำนวนที่ว่า ‘เหนือโอเซฮุนก็ยังมีฮวางจื่อเทา

    ดูเหมือนจะจริงนะ เพราะตอนนี้มือดำๆเขียวของมันผลักหัวผมจนหน้าแทบจะทิ่มไปโดนคนข้างหน้าแล้ว ฮึ่ย!

    “อย่าผลักหัว ไม่ชอบ!” จับหัวที่ยุ่งๆจากการโดนผลัก

    “เสียงมึงหนวกหูจัง” ไอ้ท่าแคะขี้หูแบบนั้นมันหมายความว่าไงวะ แม่งงงงงงง

    “อะ..ไอ้...ไอ้เขียว! มึงมันมารยาททราม ไอ้ความดีเข้าไม่ถึงจิตใจ ไอ้ขี้หมาเปียก ไอ้พยาธิใบไม้ตับ”

    มันคือเสียงในใจของผมเองแหละ ใครจะไปกล้าพูดล่ะ ไม่ได้กลัวนะ ผมแค่ไม่อยากโดนอาจารย์ฮยอนซึงที่ยืนเพ่งสายตาจิกกัดอยู่ตรงมุมมืด(ที่เห็นเพราะผิวเรืองแสงได้)ทำโทษหรอกนะ


    ชิส์!





    - 3%








     

    -ต่อ-





             “มึงบอกพวกกูมาดีกว่า มึงคบกับไอ้จื่อเทาจริงๆใช่มั้ย”

    ทำไมชีวิตของผมถึงได้ซวยซ้ำซ้อน หลังจากเลิกแถวแล้วผมก็โดนเพื่อนรักสองคนตามด้วยคนรักของเพื่อนอีกคนหนึ่งจับนั่งเก้าอี้นักเรียนตัวประจำ พร้อมกับคาดคั้นเสียงดุ

    เสียงคาดคั้นของแบคฮยอนทำให้ผมอัดอัดน้อยๆ ผมไม่ชอบให้ใครมาคาดคั้น แล้วยิ่งต่อหน้าคิมจงอินแล้วด้วย อย่าหวังว่าผมจะบอก

    อีกอย่างนะ ผมไม่ได้คบกับจื่อเทาซักหน่อยเข้าใจกันไปผิดๆใหญ่แล้ว

    แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะแก้ข่าวหรอกนะ ยิ่งแก้ก็เหมือนแก้ตัวทำให้ยิ่งแย่ลงๆ หลักฐานพร้อมขนาดนั้นต่อให้ไปปีนต้นไม้แก้ข่าวยังไม่มีใครเชื่อเลย ปล่อยให้เวลามันพาข่าวไร้สาระนี้ออกจากระบบชีวิตของผมไปเองดีกว่า

    “เดี๋ยวนี้มึงมีความลับกับพวกกูเหรอ” เสียงตัดพ้อของคยองซูดังขึ้นใบหน้าหวานแสร้งทำหน้าเศร้า

    แต่ขอโทษนะ มันใช้ไม่ได้ผลกับผมหรอก เอ่อ... จะว่าไงดีล่ะ ถ้าถามว่าเรื่องความลับ ผมมีความลับเยอะจะตายไปแต่ถ้ามันสองตัว(?) ได้รู้ความลับสุดยอดเรื่องที่ผมชอบคิมจงอินแฟนมันนะ รับรองได้ว่าช็อก หึหึ!

    Every day I shock!   Every night I shock!!




    แต่เรื่องนั้นมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือผมไม่รู้จะตอบสามคนนี้อย่างไรดีไง ลองนึกสภาพดูนะถ้าผมเล่าเรื่องในอดีตที่โชกเลือดและนองน้ำตาให้สามคนนี้ฟัง ผมจะไม่โดนแบคฮยอนล้อเลียนยันลูกบวชเลยเรอะ! แล้วไหนจะเสียงหัวเราะของคนรอบข้างอีก ไม่เอาอ่ะ ยอมเก็บไว้เป็นความลับดีกว่า ความชั่วร้ายของฮวางจื่อเทาให้ผมเป็นคนเดียวที่รับรู้ดีกว่า


    ปัง!!’


    “ย่า! โอเซฮุน! กูถามว่ามึงคบกับไอ้จื่อเทารึไง?!!

    เสียงแบคฮยอนดังชนิดปรอทแตก ประเภทพูดอยู่ที่ห้องเรียนดังไปถึงห้องพักครู คือมึงจะเสียงดังทำไมครับ รู้มั้ยว่าเสียงแหลมๆของคุณมึงทำให้ขี้หูกูเต้นระบำเป็นเพลงเบบี้ด้อนท์ครายได้ แล้วกิริยาที่เอามือสวยๆที่บำรุงอย่างดีมาทุบโต๊ะ อีกข้างชี้ไปหาได้ตัวต้นเรื่องที่ทำหน้าดำจนเขียวอยู่ คือมันไม่งามนะ ไม่สมควรด้วย

    ผมเกลียดจริงๆ เวลาแบคฮยอนทำเสียงดังแล้วกลุ่มตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งห้อง คือมันไม่เป็นตัวเองอ่ะ มองทำไม ไม่รักแล้วมองทำไม~ (ใช่เวลามั้ย)

    “....” แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะเงียบมากกว่า

    “เอาน่าไอ้แบค ไอ้เซฮุนมันอาจจะยังไม่พร้อมก็ได้”

    โอ้ววว คิมจงอินมาโปรด T T  อย่าทำน้ำเสียงแบบนี้ได้โปรด ไอ้คยองซูเอาแฟนมึงไปไกลๆ กูกำลังคิดไม่ดีกับมึงสองโคน~

    “จงอินเงียบไปเลยนะ” เสียงเรียบของคยองซูทำให้จงอินคนดีถึงกับหุบปากไปเลย

    ผมไม่อยากภาพบาดตาซะเท่าไหร่เลยเสมองไปทางอื่นซะ แต่ดันไปสบตาคมๆของไอ้จื่อเทาซะได้ มองทำไม ไม่รักแล้วมองทำไม~ (ยังไม่จบ) แต่อย่ามารักเลยถ้าผมกับมันคบกันรักกันจริงๆ คงไม่ต้องเลี้ยงกันด้วยลำแข้งเลยเรอะ ดูแล้วน่าจะแข็งด้วย เอ่อ.. หมายถึงลำแข้งนะ

    ผมพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากมัน แต่ดู๊ดูดูมันทำ ทำไมถึงทำกับผมได้ โต๊ะ ตึก ตึก (ซาวด์มา) มันส่งสายตากวนอวัยวะเบื้องล่างกลับมาแทน อยากจะส่งสายตากวนทีนกลับไปนะ แต่คิดไปคิดมาสายตาของผมคงกวนทีนสู้มันไม่ได้ อย่าเลยดีกว่า นี่ไม่มีความกลัวเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น สาบานเลย...

    “โอเซฮุน กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ!” แบคฮยอนกล่าวเสียงดังอีกครั้ง

    อุ้ย! ตกใจหมด ผมกำลังส่งโทรจิตหาไอ้แพนด้าอยู่นะ



    “เออ กูก็หมดความอดทนกับมึงเหมือนกัน!

    ไม่ใช่เสียงผมนะสาบานได้ แต่เป็นเสียงของหนุ่มชาวจีนอีกคนของห้อง ลู่หานนั่นเอง ฮิ้ววว~ ปรบมือให้รัวๆ ในที่สุดก็มีคนมาทำให้แบคฮยอนหุบปากได้แล้ว ดีใจจนน้ำตาจะไหล T v T  เพราะลู่หานคือคู่ปรับ...

    “เสือก กูไม่ได้ขอความเห็น” ...ของแบคฮยอน

    “มึงก็เลิกถามเซฮุนซักทีสิวะ เซฮุนมันไม่อยากตอบมึงจะคาดคั้นทำไม”



    ใช่ๆ กูไม่อยากตอบเว่ย เอาเลยไอ้ลู่ด่ามันเลย #สาบานได้ว่าแบคฮยอนคือเพื่อนรัก







    “เพื่อนกู มึงเสือกอะไร” แบคฮยอนตอกลู่หานกลับด้วยคำเดิม

    “เซฮุนก็เพื่อนกู มึงเลิกคาดคั้นเซฮุนได้แล้วไอ้เหี้ยเตี้ย”




    จี๊ดดดดดด! แอบเจ็บแทนอิแบค หุหุ โดนด่าเตี้ยเป็นไงล่ะ แต่อย่างว่าคนอย่าง บยอนแบคฮยอน ฆ่าได้แต่ด่าเตี้ยไม่ได้



    “โหย ไอ้เควี่ย!! มึงสูงตายล่ะ ไอ้สาด ไอ้...@#%*_$%(@(%^%_!_@#%($_!%^*%



    ผมรีบเอามือปิดหูทันทีที่แบคฮยอนเริ่มพ่นภาษาต่างดาว ปล่อยสัตว์สงวนออกมาเพ่นพ่านในห้อง วันนี้ทำไมอาจารย์ดูจุนถึงได้เข้าสอนสายนักห้ะ รู้มั้ยว่าชีวิตของเด็กนักเรียนที่สดใสในห้องกำลังจะเปลี่ยนเป็นสวนสัตว์อยู่แล้วเนี่ย

    ฮืออออออออออ  /T___T\








    ปัง!! โครม!!!’



    เสียงดังกว่าช่วยชีวิตของแก้วหูที่กำลังจะใกล้แตก ต้นเสียงมาจากนักเรียนจีนคนใหม่ที่เป็นหัวข้อในตอนนี้ ไอ้มารยาททราม! นายกล้าถีบในห้องเรียนได้ยังไงห้ะ

    อยากจะเดินเข้าไปตบกะบาลซักที...

    แต่เอาฝากเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้มันคือคนที่ช่วยชีวิตแก้วหูของผม และคนในห้อง





    “โทษที...ฉันแค่ไม่ชอบเสียงดังน่ะ”

    อื้อหือ! พระเอกมากครับบอกเลย แล้วที่คุณมึงถีบเมื่อกี้ล่ะ แล้วซากโต๊ะที่ระเนระนาดอยู่ล่ะ ไม่ใช่ฝีมือมึงง้ะ?!

    แต่มันก็ใช้ได้ผลนะเพราะทุกคนต่างเงียบกริบ ลู่หานเดินกลับไปนั่งที่ตัวเอง เหมือนแบคฮยอนที่สะบัดหน้าใส่ผมแล้วกระแทกตูดนั่งลงเก้าอี้แรงๆ อย่างประชดประชัน เหอะ! เดี๋ยวขอให้ขาเก้าอี้หักแม่งเลย

    ไอ้จื่อเทาคนเขียวยังพอมีความดีเหลือติดตัว ช่วยเพื่อนในห้องที่มันถีบโต๊ะ เก้าอี้ข้างหลังที่ลงไปนอนกองอย่างไม่เหลือสภาพ เพื่อนร่วมคลาสคนอื่นที่จับกลุ่มนินทา ไม่สิ จับกลุ่ดเสือกเรื่องชาวบ้านยังต้องหุบปากไปทันทีที่จื่อเทาตวัดตามองไป เป็นไงล่ะ เด็กใหม่คนดีของทุกคนตอนนี้น่ากลัวสุดๆไปเลยใช่มั้ยล่ะ เหอะๆ นี่แค่นิสัยส่วนหนึ่งของฮวางจื่อเทาเท่านั้น ถ้าลองโดนแบบผมล่ะก็ได้มีคนร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดบ้างแหละ (เวอร์ไป)

    การเรียนช่วงเช้าจึงผ่านไปได้ด้วยดี....มั้ง แทบจะหลับทั้งชั่วโมงเลยก็ว่าได้

    พักกลางวันดูเหมือนแบคฮยอนจะโกรธผมอยู่ไม่น้อยเรื่องที่ผมไม่ตอบคำถามมันจนอารมณ์เสีย มันเดินไปหาคยองซูแล้วจับแขนให้เดินตามมันไป คยองซูมีท่าทีลังเลเล็กน้อยมองมาทางผมเป็นระยะๆ คงจะพูดเรื่องของอยู่น่ะสิ แต่สุดท้ายคยองซูก็ยอมเดินตามแบคฮยอนออไป

    คิมจงอินเก็บของเสร็จก็แทบจะวิ่งตามร่างน้อยของแฟนไปทันที ไม่คิดจะหันมามองตรงนี้บ้างเลยไง คนนอกสายตาสินะ ชิ!

    ผมถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ โดนคนรอบข้างมองเหมือนตัวตลก แล้วยังโดนเพื่อนสนิทที่มีอยู่แค่สองคนเมินใส่อีก ซวยกว่านี่มีอีกมั้ยเนี่ย เฮ้อ!

    “เซฮุน ไปกินข้าวกัน”

    เสียงทุ้มนิ่มเอ่ยชวน ผมหันไปทางชายจีนตัวเล็ก ...ลู่หาน

    ขอบใจนะที่ชวน คือตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วไง รู้สึกแย่มากๆ ไม่อยากยุ่ง อยากคุยกับใครเลย ต่อให้เอาขนมเค้กมาล่อผมตรงหน้าผมก็ไม่เอาอ่ะ อยากอยู่คนเดียว

    “ไม่อ่ะ กูอยากอยู่คนเดียว”

    สีหน้าของลู่หานเจื่อนไปนิดเมื่อผมปฏิเสธ นี่ผมคงไม่ได้ไปทำร้ายจิตใจเขาหรอกนะ ก็จริงนี่ผมอยากอยู่คนเดียว ตอนนี้ผมต้องการวัคซีนมาป้องกันตัวเองจากโลกภายนอกมาก ไม่สามารถอยู่รวมกับใครได้ แง่งงงงง!

    “เอ่อ... งั้นกูไปแล้วนะ”

    “อืม”

    ผมตอบไปแค่นั้นก่อนที่ลู่หานจะยืนเก้ๆกังๆแล้วเดินออกจากห้องไป แอบรู้สึกผิดที่เอ่ยปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยนะ ก็นะ ผมไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาส่วนตัวของผมนี่ ตอนนี้คือเวลาที่ผมต้องไปหาที่สงบๆมากกว่าจะมานอนอืดอยู่ในห้องเรียน ข้าวขนมไม่ต้องกินถือว่าลดน้ำหนักแล้วกัน เฮ้อ!

     





     

    ดินแดนลับแห่งนี้ผมเพิ่งค้นพบใหม่วันนี้นี่เองอยู่หลังอาคารเรียนนั่นแหละ แต่ลึกมากกว่าเดิมผมตัดสินใจเอาพื้นที่ตรงนี้เป็นหลุมหลบภัยตัวเองไปซักพักแล้วกัน แทนที่เก่าที่โดนไอ้ปีศาจแพนด้ามหาประลัยนั่นล่วงรู้ไปแล้ว ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะฉะนั้นการหาหลุมหลบภัยใหม่ครั้งนี้ถือว่าดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านหนึ่งตัว

    เพื่อที่จะไม่เหงาผมพกไดอารี่เจ้าปัญหามาด้วย ผมมีนิสัยชอบเขียนสิ่งรอบตัวของผมลงไป ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ ผิดหวัง เสียใจ หรือมีความสุข ทุกอย่างรวมกันอยู่ในไดอารี่ แม่เคยบอกไว้ว่าการเขียนไดอารี่มันคือความทรงจำอย่างหนึ่ง เหมือนๆกับการถ่ายรูป ซึ่งเราถ่ายทอดความรู้สึกผ่านตัวอักษร เมื่อถึงเวลานั้นยามเราหยิบมันขึ้นมาอ่านมันจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในจิตใจของเรา

    อ่า.... ว่าแล้วก็เขียนซักหน่อย

    หลุมหลบภัยที่ใหม่

    ผมยิ้มใส่หน้ากระดาษสีถนอมสายตาอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ไม่รู้กี่วันแล้วที่ไม่ได้เขียนมันเพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องของหัวใจ และหัวสมองอยู่ ตั้งแต่ฮวางจื่อเทาเข้ามา ชีวิตผมโคตรจะวุ่นวายอ่ะบอกเลย ขนาดตอนนี้มันยังมาวุ่ยวายในความคิดผมเลย ว่าแล้วก็เขียนเข้าไปๆ

    หึหึ ขอยิ้มชั่วร้ายให้กับความโกรธแค้นเคืองกันมาตั้งแต่สองปีที่แล้วจนถึงวันนี้ มองตัวอักษรที่บรรยายความแค้นของผมที่มีต่อไอ้มีแพนด้ามหาวายร้ายควายตะลึงฮวางจื่อเทา หนึ่งหน้ากระดาษเต็มๆสำหรับความชั่วร้ายของมัน ผมว่าถ้าผมเขียนถึงมันทุกวันมันอยากจจะเป็นมินิซีรี่ส์ชีวิตของเด็กหนุ่มโอเซฮุนผู้ถูกมารร้ายกลั่นแกล้งก็เป็นได้นะ ชื่อเรื่อง เด็กอินดี้ตัวร้ายกับหมีควายตัวหนึ่ง ฮิฮิ



    “มึงนี่ชอบเขียนไดอารี่จริงๆเนอะ”

    “เออ” ตอบรับไป

    เดี๋ยวนะ เสียงใคร?

    ผมรีบหันหน้าไปมองด้วยความตกใจ ใบหน้าเขียวของคนที่ผมเขียนใส่ลงไปในไดอารี่โน้มตัวยื่นเข้ามาใกล้จนน่าผวา ถ้าผมมองเห็นตัวเองในกระจกได้ผมคิดว่าตอนนี้ตาของผมคงจะเหลือกเท่าคยองซูไม่ก็มากกว่าก็ได้

    สภาพผมตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากตัวอะไรซักอย่างที่กำลังกระเถิบถอยหลัง เหมือนนางเอกในนิยายน้ำเน่าที่กำลังโดนพระเอกหื่นกามปล้ำ กรี๊ดดดดดดด(?) โอเซฮุนไม่ใช่นางเอกนะ และไอ้จื่อเทาก็ไม่ใช่พระเอกด้วย!

    “มะ...มาทำไม! ไม่ให้สุ้มให้เสียง!” ผมไม่ได้ตะโกนว่านะ แค่เอ่ยกระแทกเสียงเล็กๆเอง


    “ถ้ามาแบบมีเสียงก็ไม่ได้เห็นมึงเขียนด่ากูในไดอารี่ดิ”

    งั้นแสดงว่าเมื่อกี้มันอ่านหมดเลย ฮืออออออ ชีวิตของโผมมมมมมมม



    แต่เดี๋ยวนะ! นี่มันหลุมหลบภัยที่ใหม่ของผมนี่ แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แอบตามผมมารึไงกัน

    “มึงมาได้ไง ตามกูมาเหรอ” ถามออกไปทันที

    “เดินมาสิคร้าบ แล้วอีกอย่างนะกูไม่ได้ตามมึงมา แต่กูอยู่ที่นี่ก่อนแล้วมึงนั่นแหละที่เข้ามานั่งเขียนไดอารี่ด่ากูเนี่ย”

    ว่าผมไม่พอยังดีดหน้าผากของผมอีก เจ็บนะ แง่งงงงงง T___T



    ผมได้แต่ส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้จื่อเทา เพราะทำอะไรมากกว่านี่ไม่ได้แล้ว แต่ในใจผมน่ะเหรอคำด่า คำหยาบลอยวนเวียนกันไปมาอย่างบ้าคลั่ง ดีนะผมไม่ใช่คนคิดดัง ไม่งั้นไอ้หมาแพนด้าหมีควายนี่อาจจะหูดับไปแล้วก็ได้ ชริ!


    “แล้วเขียนด่ากูทำไม” เสียงง๊องแง๊งถามขึ้นมาอีก แถมตวัดสายตาชั่วร้ายมาหาผมอีกต่างหาก

    งืออออ จะให้ผมตอบว่าไงดี ตอบตามที่เขียนไว้เหรอ มันนิสัยไม่ดีชอบแกล้งชอบใช้กำลัง ป่าเถื่อน ดำจนเขียว บลาๆๆๆ อีกสารพัดที่ผมเขียนเข้าไป ฮืออออ


    “กะ...กู...”

    เอาแล้วไง งานลิ้นพันกันเริ่มมา อย่ามองแบบนี้ดิกลัวนะเว่ยกลัว ทำไมต้องเดินเข้ามาใกล้วะ ใกล้ไปแล้ว ใกล้ไปแล้ว ใกล้เกินไปแล้วโว้ยยยยยย

    ผมกระเถิบจนตัวติดต้นไม้ใหญ่ หลับตาปี๋เม้มปากแน่น มือจับสมุดไดอารี่ไว้แน่นพร้อมป้องกันตัวเอง ร่างสูงดำขอมันย่อตัวนั่งลง ยื่นหน้ามาจนใกล้ กลัวมันจะแกล้งอะไรอีกวันนี้ผมไม่ยอมนะเว่ย กำหมัดเตรียมต่อยแล้วนะ


    .....เงียบ?

    ........??




    ความเงียบปกคลุมอยู่นานไม่มีท่าทีว่าจะทำอะไรเลย ผมเลยค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ อ้ะ!

    ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าหล่อแต่เขียวอยู่ใกล้ สายตาคมกำลังมองผมอยู่ เลื่อนเข้ามาใกล้อีกแล้ว งือออออ ผมรับปิดตาปี๋อีกรอบ อย่าเข้ามาเซ่! ไอ้แพนด้าเขียว

    พรึ่บ

    เสียงมือเสียดสีกับปกกระดาษแข็ง ผมรีบลืมตาขึ้นดูอีกครั้ง เมื่อได้อารี่เล่มโปรดของผมอยู่ในมือของฮวางจื่อเทาไอ้แพนด้าอภิมหาวายร้ายความตะลึง เมื่อกี้นี่แกล้งกันใช่มั้ย เพราะเห็นผมกลัวเลยแกล้งเอาหน้ามาใกล้เพื่อแย่งไดอารี่ของผมใช่มั้ย?!

    “อ่ะ! ไอ้จื่อเทา เอาไดอารี่กูคืนมา”

    ผมลุกขึ้นเต็มความสูงกระโจนใส่ร่างหนาที่ชูเล่มไดอารี่จนสุดแขน แม้จื่อเทาจะตัวสูง  แต่ลืมไปแล้วเหรอว่าผมเองก็สูงพอๆกับจื่อเทา แต่ทำไมถึงแย่งไดอารี่ของผมจากมันไม่ได้ตอบ! กระโดดเย๊งๆ จนจุกท้องไปหมดแล้วเนี่ย มือมันทำด้วยกาวตราตีนตุ๊กแกไงวะ ทำไมถึงได้เหนียวขนาดนี้ T____T


    ไอ้แพนด้าขี้ขโมย T^T




    “เอามานะ!

    “แย่งให้ได้สิ หนูน้อยเซฮุน”

    เสียงง๊องแง๊งปัญญาอ่อนชิบ แต่กวนทีนมากกว่า

    “ย่าส์! เอามานี่นะ!

    ผมทั้งกระโดด ทั้งวิ่งไปวิ่งมารอบตัวมัน ทั้งขี่คอ แต่ก็ยังไม่ได้คืนเสียที ฮือออออออ

    เมื่อความอดทนสิ้นสุดลงผมก็จัดการ




    ตุบ!


    นี่ไม่ใช่เสียงผมทุบจื่อเทา หรือทำอะไรมันแต่อย่างใด แต่เป้นเสียงก้นอันสวยงามของผมทิ้งตัวนั่งลงพื้นอย่างแรงจนเจ็บไปหมด บังเอิญหรือเสือกนั่งผิดท่าแถมยังมีหินก้อนเล็กวางอยู่ด้วย เจ็บตูดฝรัส! แต่ต้องทน ฮืออออออ ขนาดจะงอนยังต้องเจ็บตัวเลย ไอ้เชี่ยจื่อเทามึงมันจิตใจโหดร้าย อึ๊บไว้เซฮุนอึ๊บไว้ อย่าให้มันเห็นว่าน้ำตากำลังจะไหล T______T

    “เฮ้ เหนื่อยแล้วเหรอน้องหนูเซฮุนนา”

    เสียงง๊องแง๊งไม่เข้ากับหน้าตาเขียวๆ กับหุ่นล่ำๆของมันแม้แต่นิดเดียวเอ่ยถาม ผมนะเหรอสะบัดหน้าหนีจนคอแทบเคล็ด งอนอ่ะงอน ผมเคยดูละครวิธีนี้มันใช้ได้ผลเวลานางเอกงอนพระเอก สุดท้ายพระเอกก็ต้องง้อนางเอก

    แต่ผมลืมอะไรไปรึเปล่า? ผมไม่ใช่นางเอก และไอ้จื่อเทามันก็ไม่ใช่พระเอกนะ!

    “เหอะ! ทำงอน งั้นขอแล้วนะ” ไม่ว่าเปล่ายังเอามือเขียวๆของมันมาผลักหัวผมอีก

    “นี่! ทำไมชอบยุ่งกับไดอารี่ของกูนักห้ะ!

    “กูชอบอ่านนิยาย”

    นะ...นิยาย! มันว่าผมเขียนไดอารี่ให้เป็นนิยายเหรอ ฟ๊าคคคคคคค ไอ่ฝรั่ส หฟห้กกส่าเห่สก่ฟำบส แม่ง! ผมขอสาปให้มันดำเขียวกว่านี่ เขียวให้มันเหมือนพิโกโร่ฟิวชั่นกับเรดอายส์แบล็คดราก้อนเลย ฮืออออออ T_____T

    แต่คนอย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากคว่ำปากใส่

    “เอางี้มั้ย เรามาตกลงกันหน่อย” จื่อเทาย่อตัวนั่งลงอีกครั้ง ในมือถือไดอารี่ของผม

    หมับ!’

    ผมรีบใช้โอกาสนั้นคว้าไดอารี่กลับคืนมา แต่ทำไมถึงได้คว้าลมมาแทนล่ะ ไวไปไหนห้ะ ผมว่ามันคือลิงมากกว่าแพนด้าแล้วแน่ๆ

    “เด็กไม่ดีเลยนะ แย่งของจากมือผู้ใหญ่เนี่ย”

    “กล้าพูดนะมึง แย่งของกูไปเนี่ย ไอ้ขี้มโมย” ผมชี้หน้า

    “กล้าว่ากูเหรอ เดี๋ยวปั๊ด!

    แง๊!!!! อย่าทำกูววววววววววว์ T____T

    ผมเอามือกันตัวเองไว้ก่อนที่จื่อเทาจะลงมือจริง แต่เปล่าผมยังไม่ได้เจ็บตรงไหน ผมค่อยๆเอามือลงเผชิญหน้ากับแพนด้ากลายพันธุ์เป็นลิงขี้ขโมย น้ำตาบ้าก็คอยจะไหลอยู่เรื่อย

    “นี่อย่าร้องสิไอ้เด็กขี้แย”

    “กูยังไม่ได้รองเลย ไหนหลักฐาน”

    น้ำตาไม่มีซักหยดมาว่าผมร้องไห้ได้ไง แค่คลอเบ้าตาเว่ยไม่ถือว่าร้อง อย่ามาใส่ร้ายกันนะ T___T

    “ไม่ร้องก็ไม่ร้อง...” อะไรอีกล่ะ “เซฮุนนา เรามาตกลงอะไรกันดีมั้ย”

    “ตกลงอะไร” อยากสะบัดเสียงใส่นะ แต่ทำไมเสียงของผมถึงได้อ่อนขนาดนี้ล่ะ

              อาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้กินน้ำผึ้งผสมมะนาวมาก็ได้ ผมเลยไม่ค่อยมีเสียงมาเถียงหมอนี่เท่าไหร่ วันหลังผมจะไม่ลืมกินมันแล้วก็จะเพิ่มสูตรด้วยน้ำอุ่นๆจะได้ชุ่มคอ หาเสียงแข็งๆมาเถียงกับมันได้ #โพร่งส์!




    “ก็ตกลงกับกูดีๆแลกกับไดอารี่เล่มนี่”

    โชว์ไดอารี่ในมือที่ไม่ใช่ของตัวเอง หน้าด้าน!

    “ตกลงอะไรล่ะ” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ แหงล่ะ! ไอ้แพนด้าเถื่อนตัวนี้มันไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ!

    “เป็นแฟนกับกู”

               !!!






    -50%


     














    ::: Talk :::
    ง่ากกกกกกก ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาต่อ ยังจำกันได้มั้ยคะ T T
    ฮือออออออออ ขอโทษนะคะที่หายไปนานเลย
    ดองจนเกลือจะขึ้นเค็มละ 55555555555555555
    เพิ่งสอบเสร็จ #หรา ปิดเทอมแล้วฮริ้งงงง ><
    จะพยายามมาอัพบ่อยขึ้นนะคะ  ขึ้นอยู่กับความขี้เกียจ ฮาาาาาา #โพร่งส์
    แต่งเพื่อนสนองนี๊ดตัวเองเลยนะเนี่ย 555555555555555555555

    -

    ย่าส์!!! วันนี้มาอัพเพิ่มหน้าสิบเปอร์ งือออออออออ
    เป็นฟิคที่กากมาก 5555555555555555555555






                          ย่าส์!! แกล้งน้องนักเหรอ *ตีๆๆๆๆๆ




    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×