Pai Love ตอนที่ 1
การพบกันอีกครั้งของกิ๊กเก่า ปมปริศนาของการเลิกลาในอดีต ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกของ"เมืองปาย" การรอคอยจะสิ้นสุดลง
ผู้เข้าชมรวม
106
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปายยามค่ำพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่ออกมาเดินเล่น ถนนสำหรับรถรากลายร่างเป็นลานเจรจาซื้อขาย แสงไฟสะท้อนสีสันจากข้าวของพื้นเมืองและเสื้อผ้าของพ่อค้าแม่ค้าชาวเขา
ร้านโปสการ์ดและเสื้อยืดสกรีนยังคงเป็นแหล่งรวมตัวของผู้คนเช่นเดียวกับทุกคืนในเทศกาลท่องเที่ยว
ค่ำนี้ ปายยังไม่หลับ เช่นเดียวกับฉันที่เดินดูภาพทิวทัศน์และภาพผู้คนที่แสดงในแกลอรี่โล่งๆ ตรงกันข้ามกับร้านขายโปสการ์ด หยุดพินิจบางภาพที่สะดุดความรู้สึก กระทั่งสะดุดจนแทบหัวคะมำกับภาพเสี้ยวหน้าของหญิงหนึ่งที่นั่งริมฟุตบาทกลางแดดเช้า
"ภาพเต็มตัวที่เห็นเพียงใบหน้าด้านข้าง สันจมูก และริมฝีปากที่พ้นหมวกออกมา
ไม่อยากคิดก็ต้องคิด ใครบางคนยังวนเวียนอยู่ที่นี่"
.
.
.
.
เจ้าของแกลลอรี่เหลือบตาขึ้นมองเมื่อฉันถามถึงคนถ่ายภาพนั้น
"อ่อ เมื่อเช้าผมเจออยู่นะครับ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันไปไหนแล้ว"
"................"
" คุณอยากเจอเหรอครับ.....ซัก 2 - 3 ทุ่มมันน่าจะมานะ เดี๋ยวผมบอกมันให้เอามั้ยครับ"
เจ้าของแกลลอรีเอ่ยอย่างมีน้ำใจเมื่อเห็นฉันยังยืนนิ่งอยู่
"เอ่อ...........ไม่เป็นไรค่ะ"
ฉันพึมพำก่อนจะเดินจากแกลอรี่มาอย่างเฉื่อยชา
สีสันของแสงไฟและสินค้าที่สดใสเมื่อครู่หม่นลงทันตา...............เพราะเริ่มมืดมากแล้วหรือเพราะอะไร
เสียงดนตรีเร้กเก้ดังออกจากร้านเหล้าริมถนน ค่ำนี้ คงหลับตาโดยปราศจากสุราไม่ได้
ขณะกำลังลังเลว่าจะเข้าผับเร้กเก้หรือร้านเหล้าปั่นฝั่งตรงข้าม ใครบางคนก็เดินเบียดแซงเข้าร้านเร้กเก้ไปต่อหน้าต่อตา
"ขอโทษครับ......................................................อ้าวว" คนแซงคงรู้ตัวว่าทำให้ฉันเซไปจึงหันมาเอ่ยคำขอโทษ ก่อนจะนิ่งอึ้งไป
"หวัดดี........" ฉันเอ่ยออกมาเบาแสนเบาพยายามทำสีหน้าให้สดชื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
"โอ้ยยย โชคดีจังเลยแพร มาเที่ยวเหรอ ดีจัง มากะใครอ่ะ นั่งโต๊ะเราสิ นั่งด้วยกัน" คนตรงหน้าพูดออกมายืดยาว สีหน้าดีใจไม่ปิดบัง
พลางคะยั้นคะยอให้เข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ
"เอ้อ...........มาคนเดียว ไม่ดีกว่าจะไปกินเหล้าปั่น ร้านนู่น...."
"ทำไมล่ะ กินคนเดียวไม่สนุกหรอก มานั่งกับเราดีกว่าเพื่อนเพียบเลย"
"ไม่อ่ะจ่ะ ขอบคุณนะ เดี๋ยวเราไปแล้ว"
ยังเพื่อนเยอะ ชอบปาร์ตี้ รวมถึงไม่แยแสกับเรื่องเก่าๆ เหมือนเดิม ฉันอดที่จะค่อนขอดในใจขณะหันหลังเดินหนี
"แพร .........ไม่ได้รีบใช่ไหม? มานั่งด้วยกันก่อนเถอะ มีเรื่องคุยด้วยเยอะเลย"
เอาล่ะสิ T^T มามุกนี้ ถึงอยากเดินหนีก็คงทำไม่ได้
"มาสิ กินด้วยกัน" แล้วคนพูดก็เดินมาจับข้อมือฉันลากเข้าไปในร้านเร้กเก้
.
.
.
.
สุนทรภู่ กล่าวไว้ว่า
"ไม่เมาเหล้า แต่เรายังเมารัก"
.
.
.
++++++
ดึกนี้บางร้านในเมืองปายยังเปิดอยู่และทำท่าว่าจะเปิดต่อไปจนรุ่งสาง ฉันกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นเข้าอีกนิดพลางยกมือกอดอก
ดึกๆ อย่างนี้อากาศหนาวนัก คนอาสาเดินมาส่งยังสาวเท้านำหน้าไปเรื่อยๆ
"ต้น รูปเราที่แกลอรี ขอซื้อได้มั้ย"
"แพรชอบเหรอ เดี๋ยวเราอัดให้" ยังพูดจาใจดีเหมือนเดิม
"ไม่ต้องลำบากหรอก เราขอซื้อรูปนี้แล้วกัน"
"ทำไม? เอารูปนี้มาโชว์ล่ะ"
"แสงมันสวยดี ไม่ต้องซื้อหรอก อยากได้เรายกให้"
"เอามาเลยได้มั้ย เราไม่อยากให้ติดโชว์"
"ทำไม? "
"เราอาย ไม่อยากให้ใครเห็น"
เขาหยุดเดินทันทีและหันหน้ามามองฉันอย่างจริงจัง
" คุณโกหกอีกแล้วนะแพร"
" ไม่ได้โกหก เราอายจริงๆ" ฉันพูดเสมองไปที่พื้นแทนการสบตาคนตรงหน้า
"อายอะไร มันเห็นหน้าคุณแค่เสี้ยวเดียว แล้วรูปนี้แสงมันก็สวยออกจะตาย"
.
.
.
.
".........................................................ขอได้มั้ยต้น"
"คุณไม่มีเหตุผล" เขาพูดอย่างอ่อนใจ
.
.
.
"จะคิดแบบนั้นก็ได้"
"คุณก็แบบนี้ มันจะอะไรกันหนักหนาแพร แค่รูป รูปเดียว" เขากระชากเสียง
"ถ้าแค่รูปๆ เดียว ต้นก็เอามาให้เราสิ " ฉันก็กระชากเสียงกลับไปทันทีเช่นกัน
"คุณเมาแล้วแพร วันหลังค่อยคุยได้มั้ย"
"เราไม่เมาต้น วันนี้ เราไม่ได้เมา เราอยากได้รูปนั้นจริงๆ ต้นจะเอาเท่าไหร่ บอกเราสิ เราขอซื้อไง"
"ไม่ขายแพร ถ้าอยากได้ เราจะอัดให้ใหม่" เขาย้ำช้าๆ แต่ทว่าชัดเจน
"สรุปจะไม่เอาออกจากแกลอรีนั่นใช่มั้ย"
"ช่ายยยยยยยย"
"ขอบใจ!" ฉันกระแทกเสียงประชด ก่อนจะเดินเข้าที่พักปิดประตูใส่หน้าเขาที่เดินมาส่ง
.
.
.
+++++++++++
"ผมขายให้ไม่ได้จริงๆ ครับ ถ้าคุณอยากได้ ก็ต้องคุยกับเจ้าของเค้าเอาเอง เหมือนที่ผมบอกนั่นแหละ"
เจ้าของแกลอรีปฏิเสธคำรบเร้าของฉันเป็นครั้งที่ห้าในรอบเช้านี้
"คุณคุยกับเค้าให้ได้มั้ยคะ ฉันจ่ายค่านายหน้าให้คุณด้วยก็ได้"
"คุณครับ ผมเปิดร้านแกลอรีเพราะผมรักนะครับ ไม่ใช่เพื่อธุรกิจเหมือนขายที่ดิน"
" ...................................."
" ฉันคุยกับเค้าแล้ว เค้าไม่ยอมขาย คุณช่วยคุยหน่อยไม่ได้เหรอ ฉันอยากได้รูปนั้นจริงๆ" เสียงอ่อนตั้งท่าอ้อนเต็มที่
"งั้นก็ต้องตามที่มันบอกล่ะครับ เจ้าต้นลองได้ตัดสินใจแล้ว คำไหน คำนั้นครับ"
"...................."
.
.
.
ให้มันได้อย่างนี้สิ
ฉันเดินโผลเผลออกจากแกลอรีไปยังร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามเพื่อปรับกลยุทธ์ใหม่ การตัดสินใจของคนหนึ่งคนมักจะมีอิทธิพลต่อคนอื่นเสมอ
เช่น การตัดสินใจของนายต้นน้ำผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักคนนี้ เคยรู้จัก ใช่ แค่เคยรู้จัก
"จ้องมันเข้าไป แก้วกาแฟน่ะ จะเสกให้มันเป็นกระต่ายรึไง" เสียงกวนๆ ดังแทรกเข้ามาทำลายภวังค์
คนตัวโตยืนยิ้มเผล่ อยู่ข้างโต๊ะ
"นั่งด้วยสิ ได้มั้ย"
"......................"
"เฮียอู้ดบอกว่าคุณมาขอซื้อรูปแต่เช้า"
"บอกได้มั้ยทำไมถึงอยากได้ เอาเหตุผลจริงๆ ของคุณนะ บางทีผมอาจจะเดินไปปลดลงมาให้คุณตอนนี้เลยก็ได้"
"............................"
"............................"
"............................"
"แพร..........................."
คนพูดลากเสียงยาวอย่างอ่อนใจเมื่อเห็นฉันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และ ไม่ตอบ
"...................................เราอยากได้ ไม่มีเหตุผล อยากได้ตอนนี้ และจะเอาตอนนี้ และต้องรูปที่ร้านนี้ด้วย"
ฉันค่อยพูดทีละประโยค ช้าและชัด เจตนาย้ำคนฟังให้กระจ่างจะได้ไม่ต้องอธิบายเพิ่มอีก
"โอเค! เดี๋ยวเราเดินไปเอาลงมาให้"
ก็เท่านี้ ฉันคิดในใจ ก่อนจะส่งยิ้มอย่างผู้ชนะให้ต้นน้ำ
"แต่เราก็จะไปอัดรูปนี้ แล้วเอามาโชว์ที่นี่ใหม่" รอยยิ้มอย่างลิงโลดของฉันหุบลงทันที
"ไม่! อย่าโชว์ด้วย ได้มั้ย เราไม่อยากให้โชว์"
" พอแล้วแพร............กับความไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจของคุณ นานที่เราไม่ได้เจอกัน ผมดีใจมากรู้มั้ยที่เจอคุณอีกที่นี่
ผมตั้งใจว่าจะทำดีๆ กับคุณเพราะอย่างน้อยระหว่างเราผมก็อยากให้เหลือความรู้สึกดีๆ บ้าง พอรู้คุณอยากได้รูปนั้นผมก็ตั้งใจจะให้
แต่คุณก็ยังเป็นคนเดิมแพร เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผลเหมือนเดิม"
.
.
.
.
".....................ใช่เรายังเป็นคนเดิม"
"เพราะงั้น เข้าใจใช่มั้ย? ว่าต้นควรจะทำอะไรให้เรารู้สึกดี ถ้าไอ้ความรู้สึกดีๆ ที่ต้นว่ามันยังเหลืออยู่ซักนิดละก็
เอาภาพนั้นมาให้เรา แล้วไม่ต้องเอามาแสดงที่นี่หรือที่ไหนอีก ถ้าต้นทำได้ แค่นี้..................เราจะรู้สึกดีมาก"
ฉันพูดยืดยาว ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเจตนาให้ทุกคำพูดเสียดย้ำลงบนหัวใจคนตรงหน้า
ต้นน้ำยืนมองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งเฉยและปวดร้าว ราวกับว่าฉันได้ตอกตะปูตัวโตลงหัวใจเขาอีกหนึ่งดอก ก่อนจะผลุนผันข้ามถนนไปยังแกลอรีฝั่งตรงข้าม
ฉันนั่งมองเขาผ่านม่านน้ำตาที่รื้นขึ้นจนภาพตรงหน้าพร่าเบลอ ต้นน้ำเข้าไปกระชากภาพลงมาจากจุดที่แสดง ตะโกนบอกบางคำกับเฮียอู้ด
ก่อนจะเดินกระแทกเท้าข้ามถนนกลับมา
ฉันหันหน้าหลบทันทีเงยหน้าไม่ให้น้ำตาที่ทำท่าว่าจะหยด ไหลออกมาให้เขาเห็น เอ่ยคำขอบคุณเบาๆ
เขาวางภาพบนโต๊ะ ก่อนจะเดินจากไป
ผลงานอื่นๆ ของ คนึงนิจ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ คนึงนิจ
ความคิดเห็น