"พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว" 17,155 วัน สั้นเหมือนแค่กระพริบตา - "พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว" 17,155 วัน สั้นเหมือนแค่กระพริบตา นิยาย "พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว" 17,155 วัน สั้นเหมือนแค่กระพริบตา : Dek-D.com - Writer

    "พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว" 17,155 วัน สั้นเหมือนแค่กระพริบตา

    ผู้เข้าชมรวม

    320

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    320

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 พ.ย. 53 / 17:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    § 
           
     มีคนเคยพูดว่า ชีวิตนี้มันสั้นนัก จะทำอะไรก็ให้รีบ อืม...จริงนะ
    §  แต่...ถึงชีวิตมันจะยาวยืดเป็นร้อยปี ถ้าคิดจะทำอะไรก็ต้องรีบอยู่ดี
    § เพราะถึงชีวิตจะยาว แต่ "โอกาสมันสั้น"
    § 
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       มีคนเคยพูดว่า ชีวิตนี้มันสั้นนัก จะทำอะไรก็ให้รีบ อืม...จริงนะ

       

      แต่...ถึงชีวิตมันจะยาวยืดเป็นร้อยปี ถ้าคิดจะทำอะไรก็ต้องรีบอยู่ดี

       

      เพราะถึงชีวิตจะยาว แต่ "โอกาสมันสั้น"

       

      แต่ปกติ ทั้งชีวิตและโอกาสมันก็สั้นพอกัน 

       

      มีคนเคยพูดไว้(อีกละ) ประมาณว่า "สองสิ่งที่เสียไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ คือ เวลา กับคำพูด" 

       

      พูดอีกก็ถูกอีก ยิ่งเวลานี่ ไปขุดหาที่ไหนก็ไม่มี ไอ้เงินที่ว่ารังสรรค์ได้ทุกอย่างดังใจนึกยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเวลา

       

      ต่อให้มีเงินเป็นพันล้านหรือเส้นสายใหญ่มาจากไหนคุณก็ไม่สามารถเดินดุ่มๆไปขอซื้อเวลาตามห้าง
      สรรพสินค้าได้

       

      และที่สำคัญไม่ว่าจะรวยหรือจนมีบุญวาสนาหรือชีวิตตกต่ำแค่ไหนสิ่งที่ทุกคนมีเท่ากันโดยไม่ต้องพึ่ง
      บุญบารมีเก่า

       

      คือ เวลา เนี่ยแหล่ะ (แหมมม มันแน่จริงๆ) คราวนี้ก็อยู่ที่ฝีมือการบริหารของแต่ละคน คงไม่ต้องไปเรียนบริหาร เอาใบปริญญา เพราะการบริหารเวลาต้องใช้จิตใต้สำนึก จะทำอะไร ยังไง ก็ตระหนักรู้เอง 

       

      แต่บางอย่างที่ทำไปแล้วคิดว่าผิดพลาดไปก็ไม่ต้องเสียใจหรือคิดว่าเสียเวลา คิดซะว่าเป็นประสบการณ์

       

      อย่างน้อย ถ้าเราไม่ทำก็ไม่รู้ ชอบท่อนนึงในเพลง อย่างน้อย ของพี่แด๊ก Big ass มาก ที่ว่า

       

      "อาจเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา อาจต้องผิดหวังก็ไม่เป็นไร..."

       

      ทุกอย่าง มีสองด้านเสมอ แม้แต่กระดาษ ที่ว่าบางสุดๆ ยังมีสองด้าน แต่ผิดบ่อยก็ไม่ดี เอาพอเป็นบทเรียน

       

      ที่ผ่านมา เคยคิดเสียดาย....

       

      ที่ไปกินข้าวร้านแพงๆแต่รสชาตไก่ไม่รับประทาน(เหตุผลที่เลือกไก่แทนน้องหมา เพราะไก่มันกินดะไม่เลือกทั้งผักทั้งเนื้อบางครั้งหมายังเลือกกินกว่าไก่ เพราะฉนั้นขนาดที่ไก่ไม่รับประทานนี่คงต้องพิจารณา) แต่ตอนนี้ไม่เสียดายแล้ว

       

      เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่า ร้านนี้ชาตินี้ ได้กินเงินตูครั้งเดียวเกินพอ

       

      เคยเสียดายที่เดินหลงทาง แต่ตอนนี้ไม่เสียดาย เพราะอย่างน้อย ก็ได้รู้ว่าทางที่หลงมันมีอะไรซ่อนอยู่บ้างจะได้ไม่ต้องเดินมาทางนี้อีก (เพราะถ้าคนเราเดินเฉพาะทางลัด หรือ ทางลาดยางที่สวยหรูคงไม่ได้มีโอกาสสัมผัสรสชาติของทางดินลูกลัง>>น่าสงสารจัง)

       

      เคยเสียดายที่สละสิทธิ์ที่จะไปเล่นไวโอลินบนเวทีคอนเสริตเพราะติดอ่านหนังสือสอบ แต่ตอนนี้ไม่เสียดาย เพราะเรามีหน้าที่สำคัญกว่าที่ต้องรับผิดชอบและน้องๆที่เค้าเก่งๆจะได้ขึ้นไปโชว์ความสามารถแทนเราที่เล่นพอกิ๊กก๊อก

       

      เคยเสียดายหลายๆอย่างและคิดว่า ถ้าย้อนเวลาได้ เราจะทำให้ดีกว่านี้ ตั้งใจกว่านี้ แต่ตอนี้เลิกคิด และทำวันนี้ให้ดีที่สุดแทน
       
      เพราะ "พรุ่งนี้" กับ "เมื่วานนี้" ไม่มีจริง เป็นแค่นามประธรรม
       จะมีก็แค่ "วันนี้" เผลอหลับคาคอมตื่นเช้ามา

       

      พระอาทิตย์แยงตาไอ้คำว่าพรุ่งนี้ที่เคยพูดกันก็แปลงร่างเป็น วันนี้ ซะแล้ว  แล้วจะรออะไร เสียดายอะไร

       

      อะไรจะมีค่าแค่ไหน อยู่ที่ว่าสิ่งที่เสียไปกับเวลา มันให้อะไรเราบ้าง อยู่ที่เราจะคิด

       

      ถ้าเมื่อวานทะเลาะกันต่อยกัน วันนี้เจ็บตัว หาหมอ พรุ่งนี้เอาใหม่ วกวนในวงจรเดิมๆ สิ่งที่เสียไปก็คงไม่มีค่าอะไร

       

      อืม  แล้วแต่จะคิด.... 

       

      เวลาเดินเร็ว ต้องเดินเร็วให้ทันเวลา

       

      แข่งเรือ แว๊นรถบนท้องถนน ความเร็วหลายกิโลเมตรต่อชั่วโมงคนเรายังทำมาแล้ว

       

      นับประสาอะไรกับการแข่งกับเวลาที่ใช้เวลาตั้ง 1 ชั่วโมงในการเดิน 60 ก้าว(อุปมา 1 ก้าว/1นาที)

       

      แต่บางครั้งการสงบนิ่ง ทำจิตให้สงบ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้เวลาฟุ่มเฟือยเสมอไป เพราะนั่น คือการหยั่งรู้ ตระหนัก  ระลึก การเท่าทันในจิตใจ ซึ่งสิ่งที่ได้มามีประโยชน์มีค่ามหาศาล นับว่าเวลาที่เสียไปคุ้มค่ามากมาย...

                        

                                                                                    ~~~

      เมื่อวาน พ่อยังตื่นเช้าไปทำงาน

      เมื่อวานพ่อยังไปส่งที่โรงเรียน

      เมื่อวานยังนวดเท้าให้พ่อ

      เมื่ออวานพ่อยังอบรมสั่งสอนดุบ้างเล็กน้อย

      เมื่อวานพ่อตรวจเจอมะเร็ง

      เมื่อวานพ่อผ่าตัด

      เมื่อวานลูกน้องมาเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลพร้อมกระเช้าผลไม้ใบโต(เสร็จแก่ลูกๆเพราะป๊าป๋ากินไม่ได้)

      เมื่อวานพ่อนอนพักฟื้นบนเตียงพร้อมกับให้หนูอ่านหนังสือสอบให้ฟัง

      เมื่อวานพ่อหิ้วถุงน้ำเสียจากร่างกายที่เจาะรูระบายจากการผ่าตัดระโยงระยางไปหมดเพื่อไปสอบ

      เมื่อวานพ่อรับปริญญาด้วยอาการดีขึ้นพร้อมกับเกียรตินิยมที่คว้ามาได้

      เมื่อวานพ่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเป็นระเบียบพร้อมกับเขียนประวัติลงในสมุดบันทึกเพื่อเตรียมให้พิธีกรในงานศพของตัวเองอ่าน

      เมื่อวานพ่อไปอัดรูปตัวเองใส่กรอบใหญ่เพื่อเตรียมตั้งหน้าโลงศพ

      เมื่อวานพ่ออาการทรุดหนัก

      เมื่อวานพ่อเข้าไอซียู (หนูไปเยี่ยมพ่อ พอจะขอตัวเพื่อกลับไปสอบที่โรงเรียน หนูหันกลับมามองพ่อ สายตาอิดโรยของพ่อมองตามหนูทั้งๆที่ในจมูกยังมีเครื่องช่วยหายใจและสายระโยงระยางเต็มเตียงไปหมด เหมือนจะอวยพรให้หนูโชคดี ทั้งๆทีในหัวของหนูตอนนั้นมันไม่มีอะไรแล้วนอกจากเรื่องพ่อ)

      เมื่อวานตอนตี 4 แม่โทร์มาบอกว่าพ่อสิ้นใจ หนูแทบหมดสติ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หูร้อนผ่าว หน้าชา น้ำตาอย่างกับน้ำตก อยากให้เป็นแค่ฝันซ้อนฝัน แต่เท้าของพ่อตอนนี้เย็นเฉียบ หนูสัมผัสได้ หนูไม่ได้ฝันไป

      เมื่อวานนี้พ่อนอนอยู่ในโลงศพจากที่เคยจัดข้าวให้พ่อบนโต๊ะกินข้าว ตอนนี้เปลี่ยนมาวางไว้ข้างโลงศพแทน

      เมื่อวานนี้ร่างกายของพ่อโดนเผาไปเหลือแค่เถ้ากระดูก

       

      วันนี้.....ไม่มีพ่อ เก้าอี้ เตียงนอน ว่างเปล่า พ่อไม่มีวันกลับมาอีกแล้วว

      วันนี้หนูจะพยายามเป็นลูกที่ดีของแม่ ถึงหนูจะไม่ใช่คนดีหรือทำอะไรสำเร็จ 100% มีล้มบ้าง ห่วยก็เยอะแต่หนูจะไม่นอกลู่นอกทางและจะเป็นเด็กดีของแม่ เผื่อดวงวิญญาณมีจริงพ่อมองลงมาจากสวรรค์จะได้ภูมิใจ ว่าไอเด็กน้อยหน้าตืดๆ ตัวเล็กๆ นี่มันก็เข้าท่าอยู่นา สบายใจแล้ว ไม่ต้องมีห่วงว่ามันจะเหลวไหล

       

       

      17,155 วัน ที่ได้อยู่กับพ่อ มันสั้นเหมือนแค่กระพริบตา

       

      ตอนนี้หนูอยากเดินไปบอกใครๆที่เค้ายังมีโอกาสอยู่ว่า....

       

            ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะกับคนที่คุณรัก”

                                                                                                                    

        พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว>> อาจารย์  ศิลป พีระศรี

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×