ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Blind Justice -Ristaccia-

    ลำดับตอนที่ #8 : เปิดเผย

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 54


    ค่ำวันมะรืนต่อมา


    ตึก...

    โฟลพยายามลงพื้นให้เงียบที่สุด�เนโอ เวโรนา เริ่มร้างราผู้คน ด้วยเพราะกาลเวลาที่เริ่มดึกดื่น ทั้งยังสวมเสื้อคลุมปิดบังใบหน้ากันแทบทุกคน

    ...เข้าใจเลือกที่

    เธอสาวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ระแวดระวังอย่างถึงที่สุด มือจับด้ามดาบที่มีผ้าพันเอาไว้อยู่เสมอ

    เดินไปอีกนิดจะถึงจุดนัดพบ

    เธอสวนกับคนอีกสองสามคน และคนสุดท้ายที่เดินสวนด้วยในถนน สวมเสื้อคลุมสีแดง ดวงตาอำมหิตแวววับในความมืดใต้หมวกฮูด โฟลสะดุ้งก่อนจะชะงักกึก เผลอเหลียวหลังไปมองทันที มือมีเหงื่อชื้นเหนอะหนะ

    "เฮ้~~ โฟล มาสายนะ"

    อยู่ดีๆเบลก็โผล่พรวดหน้ามาทันที หญิงสาวเป็นต้องสะดุ้งอีกรอบ ก่อนจะมองไปรอบตัว สควอลโล มาม่อน ก็ยืนอยู่ข้างๆโดยที่ไม่รู้ตัว เธอทำหน้าเหมือนประหลาดใจ แต่ก็ต้องหันกลับมาสบตากับเบลอีกทีเมื่อเจ้าตัวใช้มือหนาดันหน้าให้หันมาทางเขา

    "ว่าไง ไม่มีคำแก้ตัวเหรอ ชิชิชิชิ"

    "เอ่อ ไว้ค่อยว่ากันนะผบ."

    โฟลว่าพลางดีดมือเบล คนโดนดีดมือรีบชักมือกลับทันที หญิงสาวพยายามชะเง้อมองหาบุคคลชุดคลุมแดงคนนั้น แต่เขากลับหายไปกับสายหมอกที่เริ่มโรยตัวในเมืองเสียแล้ว

    "หาใครน่ะ"

    มาม่อนถามขึ้น โฟลจึงรีบหันหน้ากลับมาและส่ายหน้า "ไม่มีอะไรหรอก" เธอยิ้มเจื่อนๆ แต่ไม่วายหันไปอีกครั้ง "ฉันคงจะสับสน"

    "เหอะ แล้วแกได้อะไรมาบ้าง อ้อ.. ลืมไป แกคงกลับมามือเปล่าอีกล่ะสิ" สควอลโลว่าพลางกัดเข้าไปอีกท้ายประโยค คนฟังแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะเหยียดยิ้ม

    "แหมๆ อย่ามาดูถูกกันดีกว่านะผบ. ฉันน่ะได้ของเด็ดมาเชียวนะ"

    "เฮอะ! จะเจ๋งเท่าที่ฉันได้มาเร้อ"

    "ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก"

    มาม่อนมองทั้งคู่แล้วก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเข้าไปขัด เธอหยิบอัญมณีสีแดงออกมาจากเสื้อคลุม ทุกคนเบิกตากว้างทันที พร้อมกับพูดชื่อออกมาพร้อมกัน

    "มาม่อน..!?"

    คนถูกเรียกชื่อขยับรอยยิ้มแห่งชัยชนะเล็กน้อย แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่ออีกสามคนก็นำอัญมณีสีแดงแบบเดียวกันเป๊ะออกมาจากเสื้อคลุมเช่นกัน

    "อะไรกัน นายด้วยเหรอสควอลโล" เบลพูดเสียงสูง บ่งบอกความประหลาดใจถึงขีดสุด ไม่แพ้โฟลที่จ้องอัญมณีในมือของผบ.ทั้งสามไม่กระพริบ

    "ทุกคน..มีริสทัชเชียหมดงั้นเหรอ!?"

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!"

    สักพัก ทุกคนก็สงบลงหลังจากแตกตื่นมาชั่วครู่ พวกเขาเลือกที่จะไปที่ใต้สะพานเก่าๆแห่งหนึ่งในเวโรนาเพื่อสนทนา สายน้ำเอื่อยๆเย็นเฉียบเลื่อนไหลไปตามทางกว้าง

    "เป็นไปได้มั้ยถ้าทั้งหมดนี่จะไม่ใช่ริสทัชเชีย"

    โฟลเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก อัญมณีทั้งสี่ถูกเรียงไว้ที่พื้น คนสี่คนที่นั่งจุมปุ้กอยู่กับพื้นต่างทำท่าคิดหนักกัน

    "จะว่าได้ก็ได้ แต่ฉันว่ามันอาจจะมีของจริงปนอยู่"

    สควอลโลว่า นิ้วเรียวม้วนผมสีเงินเล่นๆไปมา มาม่อนจึงตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุด "แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนของจริงหรือของปลอม ฉันไม่อยากทำภารกิจฟรีให้บอสแล้วไม่ได้ค่าตังค์ทำภารกิจหรอกนะ"

    "มันต้องมีวิธีสิน่า" เบลพึมพำ มือเท้าคางกับเข่า กัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ

    หลงนึกไปได้ว่าแค่เขาคนเดียวที่เจอริสทัชเชีย ที่ไหนได้...

    งี่เง่า ไอ้คนคิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมานี่มันงี่เง่าสุดกู่จริงๆ

    โฟลมองทุกคนที่กำลังคิดอยู่อย่างหนักใจ มือเธอคลำดาบเอาไว้ไปมา บางครั้งก็ดูกระสับกระส่าย บางครั้งก็เผลอกำดาบแน่นจนผ้าที่พันไว้แทบหลุด แต่พอเธอรู้ตัวเธอจะรีบปล่อยและพันผ้าแน่นๆทันที

    "เป็นอะไรนักหนากันโฟล" มาม่อนเอ่ยขึ้นหลังจากมองปฏิกิริยาแปลกๆจากหญิงผู้มีศักดิ์เป็นลูกน้องมาอยู่พักหนึ่ง โฟลเบะปาก อีกครั้งที่เธอกำดาบแน่นขึ้น

    "ไม่ใช่ว่าแกปกปิดอะไรไว้นะไอ้โฟล"

    คราวนี้คนถูกกล่าวหาว่ามีความลับสะดุ้งเฮือก แต่ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอหลุดอารมณ์ออกไป คนที่นั่งข้างๆก็หัวเราะประหลาดๆที่ฟังจนแทบเป็นปกติออกมา

    "ชิชิชิ ปิดความลับไม่เก่งเลยนะโฟล~~~ล"

    นัยน์ตาสีฟ้าใสเบิกกว้างขึ้น ดวงหน้าขาวนวลบ่งบอกถึงความกังวลที่เจ้าตัวมีได้อย่างชัดเจน และเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นจากชายนักดาบ

    "แกเลิกอมพะนำซะทีเถอะน่า บอกมาเถอะ"

    โฟลมองหน้าทุกคนอย่างหนักใจ แต่เมื่อสบตาแน่วแน่ของผบ. (อีกสองคนมันมองไม่เห็น) เห็นรอยยิ้มประหลาดๆของผบ.อีกคน กับท่าทางคาดคั้นจากผบ.ร่างเล็ก เธอก็ถอนหายใจก่อนทำแสดงความอ่อนแอออกมาเป็นครั้งแรก

    "แน่ใจเหรอผบ. ถ้าฉันบอกออกไป..มันอาจจะแย่ลงก็ได้นะ"

    "เออน่า!! บอกมาซะที"

    สควอลโลเผลอตะคอกใส่ ก่อนจะทำหน้าปั้นยาก หญิงสาวกลั้นหายใจไว้พักหนึ่งราวกับทำใจ ก่อนจะชักดาบออกจากฝักพร้อมๆกับที่ปล่อยลมหายใจออก ทุกคนทำสีหน้างุนงงทันที

    "ความลับที่ว่า มันสำคัญถึงขนาดต้องฆ่าพวกเราเลยเหรอไง" มาม่อนยังคงว่าเสียงเรียบ แต่เหงื่อที่ซึมชื้นบนใบหน้าบ่งบอกความเครียดที่ขัดกับน้ำเสียง

    แต่ก่อนที่ใครจะทำอะไรต่อจากนั้น มือเรียวก็ค่อยๆแก้ผ้าที่พันดาบเอาไว้ออก ลวดลายดาบที่ถูกปกปิดมาตลอดเริ่มเปิดเผยให้ทั้งสามเห็น มีสร้อยเส้นหนึ่งพันไว้กับด้ามดาบเช่นกัน�วาเรียเบิกตากว้างเมื่อผ้าแก้มาถึงส่วนที่ตัวดาบฝังอัญมณีสีแดงเอาไว้ และจี้สร้อยที่เป็นอัญมณีสีแดง

    ริสทัชเชีย

    ผ้าทั้งหมดกองอยู่ที่พื้น ดวงตาแน่วแน่สีนภาใสแจ๋วสะท้อนกับดาบคมปลาบที่เปล่งประกาย ริสทัชเชียสีแดงส่องแสงประหลาดออกมา ก่อนหนึ่งในสี่ชิ้นอัญมณีแดงที่วางเรียงไว้กับพื้นจะลอยขึ้น ส่องแสงประหลาดเช่นเดียวกัน สร้อยที่เมื่อผ้าที่พันดาบไว้ถูกแก้หลุดออกจากตัวดาบและทิ้งตัวลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก ทว่าก่อนจะถึงพื้นเย็นยะเยียบของเนโอ เวโรนา มันก็ส่องแสงออกมาและลอยตัวขึ้นช้าๆอีกครั้ง ริสทัชเชียทั้งสองลอยอยู่ในระดับเดียวกันกับริสทัชเชียอีกชิ้นที่ฝังไว้ในดาบ

    "ฮะ...เฮ้ๆ นี่มันอะไรเนี่ย"

    แม้แต่เบลเฟกอร์ที่ทำเล่นไปเสียทุกเรื่องยังยิ้มแทบไม่ออก คนที่ขยับรอยยิ้มบางออกมาจึงเป็นฟลอเรนซ์แทน

    "บอกแล้วนี่..ว่าอย่ารู้จะดีกว่า"

    เธอทำท่าจะเก็บดาบเข้าฝักโดยไม่สนผ้าที่กองไว้กับพื้น แต่สควอลโลกลับดึงมือของเธอเอาไว้ก่อน สายตาน่ากลัวที่ทำให้เธอขนลุกทิ่มแทงเธอจนแทบอยากตาย

    "ฉันว่าแกกับพวกเราต้องมีเรื่องคุยกันยาว ฟลอเรนซ์ ไนล์"

    "ไม่ใช่ฟลอเรนซ์ ไนล์ แต่เป็น มาติน คาทอร์ซ ต่างหาก"

    เสียงแหบแห้งดังขึ้นจากข้างตัวพวกเขา ชายผ้าสีแดงเข้มของเสื้อคลุมสะท้อนแสงจันทร์ปลิวไสวระเริงไปตามสายลมที่เริ่มพัดรุนแรงขึ้น การมาเยือนไร้ซึ่งการเตือนใดๆทั้งสิ้นของบุคคลปริศนาทำให้ทั้งสามถอยกรูด มีเพียงโฟลเท่านั้นที่รีบกำสร้อยและนำมาพันกับดาบ พร้อมกับหยิบผ้าขึ้นมาพันดาบอย่างรวดเร็ว เหมือนกับรู้ใจ เบลรีบคว้าริสทัชเชียชิ้นเปลือยมาเก็บไว้ในเสื้อโค้ททันที

    "ไม่พบกันนาน องค์จักรพรรดินี"

    มันกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าประหลาดใจของโฟลทำให้มันหัวเราะหึๆ ก่อนจะถอดฮูดออก เผยใบหน้าโหดเหี้ยมสีเข้ม หนวดเครายาวสีดำสนิท นัยน์ตาสีแดงฉาน แดงยิ่งกว่าเสื้อคลุมที่มันกำลังใส่อยู่เสียอีก

    "เอ..จิโอนา...."

    เสียงเบาหวิวดังเล็ดลอดออกมาจากหญิงคนงาม ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด เอจิโอนาหัวเราะขึ้น ความเงียบในราตรีกาลถูกปกคลุมด้วยเสียงหัวเราะที่ราวกับผู้เสียสติเป็นผู้เปล่งเสียงออกมา

    "ไม่ว่ากี่ปีผ่านไป ไม่ว่าท่านจะหนีซักแค่ไหน ท่านก็ยังเป็นได้แค่องค์จักรพรรดินีผู้แสนอ่อนแอไร้ประชาชนรักใคร่เช่นเดิม ท่านมาติน"

    "นายเป็นใคร"

    มาม่อนลอยมาข้างหน้า เทียบกับโฟลที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ น้ำเสียงราบเรียบเคร่งเครียดทำให้อีกฝ่ายเพียงแต่หัวเราะออกมาเท่านั้น

    "ไม่เลว ไม่เลว ขอความช่วยเหลือจากอัลโกบาเลโนเรอะ ฮ่าๆๆๆๆ"

    "ตอบมาสิวะ!!!!"

    เสียงตวาดลั่นของสควอลโลไม่ได้กระทบกระเทือนเอจิโอนาแม้แต่น้อย รอยยิ้มยังคงผุดพรายแม้จะมีดาบเงินคมปลาบจ่ออยู่ที่คอ

    "ไอ้เด็กนี่ยังไม่ได้เล่าให้พวกแกฟังอีกรึไงว่าข้าเป็นใคร"

    "โฟล"

    เสียงนุ่มกระซิบริมหู มือหนาวางลงบนไหล่มนภายใต้ชุดสูทสีดำสนิท เธอสะดุ้ง ก่อนจะเหลียวกลับมามองเบลที่ยังคงยืนนิ่ง

    "หมอนั่น..เอจิโอนาที่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหม" เบลพยักเพยิดไปทางบุคคลในชุดคลุมแดง ใบหน้าขาวซีดของโฟลเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง เธอพยักหน้าเบาๆ

    "งั้นเจ้าชายขอถามอีกอย่างนะ"

    ดวงตาสีนภาฉายความฉงนเล็กน้อย รอคอยคำถามที่ทำให้ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ สุดท้าย เบลก็ถามออกมา

    "โฟลคือมาติน คาทอร์ซจริงๆใช่ไหม"

    ราวกับโลกถูกแยกออกเป็นสองใบ ในความมืด มีเพียงแค่เบลเฟกอร์และฟลอเรนซ์ยืนอยู่ด้วยกันเท่านั้น สีหน้าของหญิงสาวแสดงความรู้สึกแย่ออกมาแม้จะยิ้มบางๆ

    "ขอโทษนะ"

    คำขอโทษที่ตอบคำถามของเขาทำให้เบลยิ้มกว้าง ก่อนจะตบไหล่หญิงสาวเบาๆ

    "บอกแล้วไง ว่าโฟลน่ะ ปิดความลับไม่เก่งเลย ชิชิชิชิ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×