ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Blind Justice -Ristaccia-

    ลำดับตอนที่ #6 : ริสทัชเชีย และแผ่นดินลอยฟ้า II

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 54


    "ผบ. แก้เรื่องมารยาทที่แอบฟังหน่อยก็ดีนะคะ"

    โฟลทักคนเป็นผบ.อีกคนหน้าตาย มาม่อนถอนหายใจเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมาบ้าง

    "หงุดหงิดเป็นหมาบ้าไปได้ นายทำให้ฉันหงุดหงิดบ้างแล้วเหมือนกัน อย่าลืมค่าชดใช้ล่ะ"

    "ชิชิชิ สควอลโลนี่น้า ถึงโฟลจะพูดวกวนไปหน่อย แต่ก็เมคเซนส์บ้างไม่ใช่หรือไง"

    ในประโยคแอบแฝงความเอาไว้ ทำเอาคนพูดวกวนถึงกับตัวสั่นกึกด้วยความรู้สึกฉุนเล็กน้อย ถึงเธอจะพูดวนจริงๆก็เถอะ

    พูดกันตรงๆอย่างนี้..เห็นทีคนที่ต้องแก้มารยาทก่อนเป็นคนแรกก็คงเป็นเจ้าชายวิปริตนี่

    "เฮอะ! สรุปว่าริสทัชเชียแปดอันอยู่ในมือของฮิวมินากับรูฟินา พอรูฟินาจะหมดโลก มันหวงอะไรสักอย่างของมันเลยสร้างซิกมาสืบทอดเจตนารมณ์งี่เง่าของพวกมัน พอมันไป ฮิวมินาก็เอาริสทัชเชียใส่อาวุธดาบคทาหอกเหวอะไรนั่น ก่อนหน้านั้นก็มีไอ้บ้าซอมบี้ถูกส่งลงเรือไปเกยตื้น เจอน้ำอภิมหามหัศจรรย์ อยู่บนเกาะไป ส่วนไอ้ลิงค์(ลีเอน แปลว่า ลิงค์ หรือตัวเชื่อมต่อ ในภาษาฝรั่งเศษค่ะ : ไรเตอร์)กับยัยเทพีอักษรตัวที่สิบแปดของกรีกนั่น(สควอลโลหมายถึงซิกมา)เป็นตัวปัญญาของเรื่อง ตรงนี้ก็ทิ้งไป โนอิกอิ๊กอะไรนั่นก็เริ่มบ้าอำนาจ อัซูอัลแกตก็เก็บตกดาบริสทัชเชียได้ มันก็ชนะ แต่ตอนหลังโดนสิงทำลายอาณาจักรทิ้ง พอถึงช่วงนี้ซิกมาเลยให้ลิงค์ไปล้วงควาบลับริสทัชเชีย แชมเชอร์ที่ทำลายอาณาจักรก็ตามมาฆ่า ว่างั้น??"

    คนหงุดหงิดที่สาธยายอย่างยาวทั้งที่พยายามสรุปย่อๆลงบ้างปิดประตูดังปังพลางเดินมาทิ้งตัวลงที่โซฟาฝั่งมาม่อนกับเบลนั่งอยู่ มาม่อนจึงทำเมินก่อนจะย้ายไปนั่งโซฟาอีกตัว ทำให้โฟลเผลอดึงมากอดเสียอย่างนั้น

    "แล้วฮันเนสล่ะ?"

    เบลถามขึ้น โฟลจึงนึกขึ้นได้ก่อนจะต่อเรื่องที่ค้างไว้

    "คนบนเกาะน่ะ นับถือฮันเนสเป็นแม่ชี เป็นคนศักดิ์สิทธิ์เพราะเกิดจากลอร์ดส์ วันนึง ชีวิตสบายๆของพวกคนบนเกาะก็เริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนเริ่มรู้จักความทุกข์ ลอร์ดส์กำลังเหือดแห้งไป ฮันเนสเดินไปรอบๆเมืองและเจอยายแก่นั่นร้องไห้อยู่มุมถนน เข้าไปถามก็ไม่ได้ยินอะไรเพราะแกพูดเบามาก รู้แต่ว่าเกี่ยวกับลอร์ดส์ ฮันเนสก็ฟังแล้วปลอบใจหญิงชราโดยการสวดมนต์ให้ แล้ววิ่งไปดูที่ลอร์ดส์ที่เหือดแห้ง กระโดดลงไปในบ่อ ซักพักก็ได้ยินเสียงปริศนา ฉันไม่รู้ว่าฮันเนสเรียกมันว่าอะไร แต่สำหรับฉัน มันคือ อโพคาลิปส์"

    "อโพคาลิปส์?" คนในห้องถามเป็นเสียงเดียวกัน

    "อธิบายไปก็เข้าใจยาก ละไว้ก็แล้วกัน อโพคาลิปส์บอกให้ฮันเนสฆ่าคนบนเกาะเพราะที่ลอร์ดส์แห้งไป เป็นเพราะคนในหมู่บ้านใช้อย่างไม่ระวัง คนบนเกาะคือคนบาปหนา แล้วก็มอบดาบสีดำให้ฮันเนส ลวงเข้าไปอีกว่านี่เป็นภารกิจที่พระเจ้ามอบให้"

    "แล้วดาบก็มีริสทัชเชียฝังไว้อีกงั้นสิ?" มาม่อนถามทั้งในอ้อมกอดของคนเล่า

    "อื้ม ที่เล่ามาก็เกี่ยวกับริสทัชเชียทั้งนั้นแหละ ทำใจร้อนไปได้" ท้ายประโยคไม่ลืมจะเอ่ยแกมตำหนิไปนิดๆ แต่เบลและสควอลโลไม่สนใจ

    "รีบๆเล่าเรื่องเถอะน่าา" เบลร้องขอ

    "เออ..คนฟังมันไม่เหนื่อยนี่หว่า ฉันสิเล่า..เล่า..เล่า..เล่าจนน้ำลายแห้ง" หญิงสาวตัดพ้อ

    "เรื่องพึ่งจะไปได้นิดเดียว เล่าต่อเถอะน่า" มาม่อนขออีกคนอย่างหาได้ยาก ทำให้โฟลหลุดหัวเราะในลำคอออกมา

    "ฮันเนสขึ้นมาจากลอร์ดส์ คนในเกาะก็ทำความเคารพแล้วขอฮันเนสให้ช่วยเหลือ ฮันเนสก็ลำบากใจ เพราะตั้งแต่เกิดมา คนในเกาะเท่านั้นที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตลอด ยกย่องให้เป็นแม่ชี แน่นอนว่าฮันเนสร้องขอการให้อภัยต่อพระผู้เป็นเจ้า แต่อโพคาลิปส์มันเสนอหน้าตอบแทนว่าที่ทำไปนี่ดีที่สุดแล้ว เพราะหากปล่อยไป สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่าการตายของคนบนเกาะ สุดท้ายก็เลย...ซี้ม่องเท่งยกเกาะ ส่วนแม่เจ้าประคุณก็เผ่นมาที่แผ่นดินหลักแทน"

    คำเล่าที่เริ่มฟังดูไม่จริงจังเท่าแรกๆเอ่ยช้าลงเรื่อยๆ ความง่วงเริ่มกัดกินเพราะเมื่อคืนเดินต๊อกแต๊กตามเจ้าชายงี่เง่าไปแล้วมันก็พึ่งมาบอกตอนเดินมาไกลว่า 'ลืมไปว่าห้องอาบน้ำมันอยู่ฝั่งที่เจ๊งไปแล้ว' เป็นอันต้องเดินกลับห้องทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ แถมปราสาทที่ใหญ่จนน่ารำคาญก็ถ่วงเวลากลับห้องไปอยู่เสียเกือบเช้า เป็นอะไรที่โฟลต้องสบถอุบออกมาอย่างหลุดมาด

    "เฮ้ย จริงจังหน่อยสิวะ" สควอลโลเอ่ยเตือน ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงคงลุกไปเอาดาบจิ้มๆปลุกให้ตาสว่างเสียแล้ว

    "อืม...ก็...."

    พอจะเล่าต่อ น้ำเสียงของเธอก็เริ่มจริงจังขึ้นมาทันที ดวงหน้าเริ่มฉายแววความเจ็บปวดออกมา โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าที่ดูร้าวรานมากกว่าที่พวกเขาเคยเห็นมาในชีวิต

    "เอ่อ..บอกก่อนนะว่ามันสำคัญ ฝืนใจเล่าหน่อยเถอะ"

    เบลพูดเหมือนคล้ายจะเห็นใจ แต่พูดไปแล้วก็งงตัวเอง เรื่องที่ว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อนานมากแล้วแท้ๆ งั้นผู้หญิงคนนี้รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน

    ..หรือหล่อนเป็นแม่มดพันปีกันนะ

    ไม่ทันคิดถึงไหนก็แทบจะเอาหัวโขกกำแพงทันที..ความคิดแฟนตาซีนี่มันชักจะมากไปสำหรับเขา ว่าแล้วก็พาลโทษไปถึงเรื่องที่เจ้าหล่อนที่บัดนี้เป็นคนสำคัญชั่วคราวกำลังเล่า

    "อาณาจักรศักดิ์ศิทธิ์โนอิกลาโดน่ะ เดิมทีกษัตริย์จะสามารถปกครองแทบทั่วทวีปเพราะอาณาเขตของอาณาจักร แต่จริงๆแล้วมีองค์กรลับที่ชื่อว่า เอจิโอนา คอยควบคุมชักใยอยู่เบื้องหลัง แน่นอนว่าการคัดเลือกกษัตริย์ก็เป็นผลงานของเอจิโอนาเหมือนกัน" เธอว่าพลางลูบศีรษะมาม่อนเบาๆที่อยู่ในอ้อมกอด "ในยุคที่เกิดสงครามแย่งชิงริสทัชเชียอีกครั้ง หรือก็คือก่อนหน้าอัซูอัลแกตจะล่มสลาย ก่อนหน้าฮันเนสจะได้ยินเสียงของอโพคาลิปส์ องค์ราชินีแห่งอาณาจักรโนอิกลาโดได้ให้กำเนิดรัชทายาทออกมา ปัญหาอยู่ที่ว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝด เอจิโอนาจึงให้ดาบไทรเซเจียนตัดสินใจ และดาบไทรเซเจียนก็เลือกแฝดหญิง ส่วนดาบแห่งความสิ้นหวัง ไทร์ฟิง เลือดแฝดชายที่เป็นคนน้อง ทำให้ น็อกซ์ แฝดชายคนน้องต้องถูกทอดทิ้ง ส่วนมาติน กลายเป็นว่าที่องค์จักรพรรดินีแห่งอาณาจักร"

    ความเงียบบ่งบอกความตั้งใจฟังของทั้งสามได้เป็นอย่างดี โฟลทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ถอนหายใจออกมา เธอพยายามตั้งสติและพูดขึ้นใหม่

    "นักดาบฝีมือดีคนหนึ่ง อดิวค์ ที่คอยรับใช้เป็นอาจารย์สอนวิชาดาบให้ราชวงศ์มาช้านานเป็นคนมีจิตใจดีมาก ท่านมองเห็นน็อกซ์ถูกทอดทิ้งไปอย่างเลวร้ายไม่ได้ จึงตัดสินใจนำน็อกซ์มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมทั้งๆที่มีอยู่แล้วสองคน ก่อนจะหนีออกจากวัง ผ่านไปหลายปี มาตินได้เติบใหญ่ขึ้น ในระหว่างนั้นเธอได้รู้จากองครักษ์คนสำคัญชื่อ ฟาโล ว่าเธอมีน้องชายฝาแฝดอยู่คนหนึ่ง เธอจึงเพียรพยายามที่จะตามหาน็อกซ์ให้เจอให้ได้ ขณะเดียวกัน มาตินนั้นเป็นองค์จักรพรรดินีองค์แรกของโนอิกกลาโด เสียแต่เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างไม่เคยขาดความรัก เธอใสซื่อบริสุทธิ์มาก จนแทบไม่รู้จักวิธีเกลียดคนหรือสงสัยใคร ความอ่อนต่อโลกทำให้ผู้คนไม่ค่อยนับถือเธอเท่าใดนัก"

    "..อินโนเซนท์ไปมั้ง.."

    เบลปริปากขึ้น ซึ่งโฟลก็พยักหน้ารับ ก่อนจะพึมพำเบาๆที่คนอื่นได้ยินแต่ไม่รู้ว่าพูดอะไร เธอเล่าต่อ

    "ฟาโลถูกมาตินใช้ให้ออกตามหาน็อกซ์ เขาตามหาไปเรื่อยๆจนพบน็อกซ์ที่หมู่บ้านกลางป่า หมู่บ้านนี้ไม่ได้ถูกวางตำแหน่งไว้ในแผนที่ ไม่แปลกที่ฟาโลจะใช้เวลาถึงหลายเดือนในการตามหาน็อกซ์ แต่เมื่อพบ เขาก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าน็อกซ์อาศัยอยู่กับกลุ่มคนที่ต่อต้านอาณาจักรโนอิกกลาโด จริงๆคือช่วงนั้นโนอิกกลาโดเหลิงอำนาจมากขึ้นจนผู้คนไม่พอใจ ทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านขึ้นมา และน็อกซ์ไม่เพียงแต่อาศัยอยู่กับคนพวกนั้น แต่เป็นถึงหัวหน้ากลุ่มเสียด้วยซ้ำ ซักพัก ฟาโลก็พบอดิวค์ที่หายไป คิดๆดูก็น่าช็อคไม่หยอก อาจารย์สอนดาบคนสำคัญกลับกลายเป็นพ่อเลี้ยงของหัวหน้าก่อการกบฎ ส่วนน้องชายฝาแฝดขององค์จักรพรรดินีกลายเป็นหัวหน้าพรรคต่อต้านอาณาจักร สำหรับฟาโล เขาคงหนักใจที่จะเรียบเรียงเรื่องเหล่านี้ยังไงให้มาตินฟัง"

    โฟลแสดงความคิดเห็นออกมาเล็กน้อย

    "ก่อนจะกลับไปที่วัง แน่นอนว่าเขาพยายามจะพาน็อกซ์ไปพบมาติน แต่อดิวค์ได้ขอร้องเอาไว้ น็อกซ์ได้ฝากคำพูดถึงมาตินแก่ฟาโล น็อกซ์กล่าวว่า ไม่นาน เขาจะทำลายอาณาจักรขององค์จักรพรรดินีที่เป็นได้แค่หุ่นเชิดนี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง และหล่อนจะเป็นคนต่อไปที่ถูกทำลาย"

    "แรง"

    คำสั้นๆง่ายๆแต่ฟังเครียดๆออกจากปากคนพูดเสียงดังโหวกเหวกที่บัดนี้กลับเป็นเสียงธรรมดาๆ คนในห้องหันขวับมองเป็นตาเดียวจนคนเป็นเป้าสนใจต้องโบกมือไปมา

    "ไม่ต้องสนใจฉันๆ เล่าต่อ"

    "สุดท้าย ฟาโลก็ตัดสินใจที่จะบอกมาติน แน่นอนว่ามาตินต้องช็อคกับเรื่องนี้พอควร น้องชายฝาแฝดที่รักมากที่สุดคือคนที่เกลียดเธอมากที่สุด เพราะสงครามที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ทำให้พี่สาวบุญธรรมของน็อกซ์ต้องตายในสงคราม ใช่ เขาเกลียดเธอที่ทำให้พี่สาวที่เขารักตาย ทั้งที่เธอเป็นพี่สาวแท้ๆของเขา แต่สุดท้าย มาตินก็ทำใจยอมรับได้ ในกรณีนี้ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย แต่มาตินเป็นคนที่มีความยุติธรรมสูงมาก เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อประชาชน แม้จะต้องสละชีวิตตัวเองหรือคนที่เธอรัก ประกอบกับความไม่เข้าใจโลกภายนอกทำให้เธอคิดว่า สิ่งที่ถูกต้องที่สุดในยามนั้นคือการจับดาบหันเข้าหาน้องชายที่เธอรักที่สุดเพื่อกำจัดความวุ่นวายในอาณาจักร น็อกซ์ก็เช่นกัน เขายินดีจะหันคมดาบใส่องค์จักรพรรดินีเพื่อเหล่าคนจนที่น่าสงสาร และคนที่ต้องตายในสงคราม ทั้งสอง..ต่างก็ยินยอมจะสู้กันเพียงเพื่อคนอื่น เป็นดังผู้ผดุงความยุติธรรมที่บอดซึ่งแสงแห่งสัจธรรม"

    ทุกคนเงียบไปอีกครั้ง ถึงตรงนี้ ตัวของโฟลสั่นขึ้นมา ทุกคนสังเกต แต่พยายามไม่พูดออกมา พวกเขาทุกคนเห็น..

    เห็นน้ำตาที่ไหลอาบหน้านั่น ไหล่สั่นสะท้ายจนน่าสงสารเหลือใจ แม้เจ้าตัวจะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ แต่่ก็เป็นไปอย่างยากเย็น มือที่กอดมาม่อนกอดแน่นมากขึ้น แต่มาม่อนไม่คิดจะบ่น สุดท้าย สควอลโลจึงเป็นคนเอ่ยเสียงเครียดขึ้น

    "โฟล อย่าบอกฉันกับไอ้พวกเวรนี่ล่ะว่าเธอคือ มาติน คาทอร์ซ ที่กำลังพูดถึงนี่"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×