คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ริสทัชเชีย และแผ่นดินลอยฟ้า I
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ"
ร่างบางในชุดสูทสีดำสนิทก้าวเข้ามาในห้องทำงานใหญ่ของบอสแห่งวาเรียเอ่ยทักเสียงใส แม้ในใจที่นึกออกมาหลังกวาดตามองไปทั่วห้องจะบอกว่า 'เรียกรวมพลคนยอดมนุษย์วาเรียหรือไง'
"เฮ้ย มีอะไรก็พูดๆมาซะที เสียเวลา"
สควอลโลโพล่งขึ้นมาหลังประตูปิดลง สายตาดุดันจากแซนซัสจึงปราดมาที่เขาทันที แต่อีกฝ่ายหาสนใจไม่ ได้แต่กัดฟันกรอดๆอย่างหงุดหงิดอย่างคนทั่วไปยากจะเข้าใจ
"มีคนจ้างงานมา"
คำเปรยสั้นๆที่สร้างความงุนงงให้กับทุกคน มาม่อนทำเสียงเหมือนขัดใจก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ชอบใจ
"แล้วที่ให้พวกเรายกเลิกภารกิจกันหมดนี่ ภารกิจนี้เงินดีแค่ไหนกันบอส"
"ดีพอจะซื้อประเทศหนึ่งได้3/4ประเทศด้วยซ้ำ" คำตอบสั้นๆยังคงถูกเอ่ยออกมา แม้สีหน้าจะเริ่มไม่ชอบใจ
"..น่าสน..." มาม่อนพึมพำเบาๆก่อนเริ่มหยิบเครื่องคิดเลขออกมาคำนวณ
"แล้วใครเป็นคนจ้างครับ เงินเยอะขนาดนี้ คงไม่ธรรมดา"
เลวี่(ที่มันเพิ่งจะมีบท)ถามออกมา คราวนี้สายตาไม่ชอบใจที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆแข็งกร้าวมากกว่าเดิมอย่างรำคาญใจ
"พวกแกไม่ต้องรู้ เอาเป็นว่าภารกิจนี้ ต่อให้ใช้คนทั้งหมดในวาเรียก็ยังเสี่ยง"
"เฮ้ยไอ้บอสเวร แกลืมแล้วเหรอไงว่าพวกเรารับเฉพาะภารกิจที่มันมีโอกาสสำเร็จมากกว่า 90 %"
"..คนว่าจ้างมีข้อเสนอน่าสนใจ ฉันก็แค่รับมา พวกแกมีหน้าที่ไปทำ อย่าพูดมาก ไอ้สวะผมยาว"
"เอ่อ..ขอโทษ แต่เงินที่เราจะเอามาล่ะ..คะ"
หญิงสาวเพียงคนเดียวในวาเรียเอ่ยถามคิ้วขมวดมุ่น แต่บอสใหญ่แห่งวาเรียกลับตบโต๊ะดังปังก่อนจะลุกขึ้นยืน
"ทำภารกิจสำเร็จ มันก็ให้ ไม่สำเร็จ มันก็ไม่ให้ เรื่องง่ายๆแค่นี้อย่ามาถามให้มันขัดหูนัก ไอ้สวะ!!! พวกแกเอารายละเอียดในเอกสารไปดูแล้วไปทำภารกิจซะ!"
สิ้นเสียงไล่อย่างแล้งไมตรีจากแซนซัส ทุกคนก็แทบจะออกจากห้องไม่ทัน สควอลโลที่หงุดหงิดยังโวยวายเสียงดังที่ฟังดูดังเป็นพิเศษแกว่งดาบไปมาอย่างขัดใจ ทว่าก่อนที่โฟลจะใช้ความคิดหรืออ่านเอกสารภารกิจ มือของใครบางคนก็ลากคอเสื้อเธอไปอีกด้านมุมคฤหาสน์จนเธอแทบจะขาดใจตาย
"แค่ก..แค่ก!"
ครั้นมองหน้าผู้ต้องหา ความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มทวีคูณ นิ้วชี้ถูกยกขึ้นชี้หน้าเหลอหลาโดยที่ลืมไปสนิทว่าคนๆนั้นเป็นผู้บังคับบัญชาของเธอ
"อะไรเล่า! จะเอาให้ขาดอากาศหายใจตายมันไปซักวันเลยใช่ไหม!?"
"ชิชิชิ คุยตรงนั้นพวกสควอลโลเสียงดังน่ารำคาญจะตาย คิดอะไรไม่รู้เรื่องหรอก"
"เอาเป็นว่าแยกกันทำภารกิจนั่นแหละ ขืนทำกับพวกนั้น เงินหายไปกับหมอกแน่ๆ"
เสียงเด็กๆที่เหมือเก๊กให้เรียบฟังน่าขันดังขึ้นเหนือหัวของทั้งคู่ ดวงตาสีนภาช้อนขึ้นมองทันที
"..ผบ.มาม่อนสินะคะ"
"ไม่ต้องพูดให้มันสุภาพมาก ฉันฟังแล้วน่าเบื่อ แต่ถ้าเธอยอมจ่าย 3,000 เยนต่อคำบ้าๆพวกนั้น ฉันอาจจะยอมให้เธอพูดก็ได้"
เบลและโฟลมองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้านิดๆ โฟลรู้ซึ้งทันทีว่าผบ.มาม่อนมีความงกที่ร้ายเป็นอันดับหนึ่งจากใจ ไม่ผิดเพี้ยนกับลักษณะที่ผบ.เบลเคยเล่าให้ฟังบ้างสักนิด
"อืม..ดูเอกสารซิ...ชิชิ อัญมณี...ริสทัชเชีย??"
"ริส..ทัชเชีย..."
น้ำเสียงที่เคยฟังดูนุ่มนวลแม้จะถูกปรับให้ฟังห้าวบัดนี้อ่อนระโหยดังไม่เกินกระซิบ ดวงตาพลันเบิกกว้าง บ่งบอกถึงความตกใจที่คละเคล้าไปด้วยความหวาดกลัว
"เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเจ้านี่งั้นเหรอ"
มาม่อนเลื่อนตัวต่ำลงมา อยู่ในระดับเดียวกับสายตาของโฟล ใบหน้าซีดเผือดของเธอกำลังทำให้เพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้บังคับบัญชาทั้งสองรู้สึกกังวลใจแปลกๆ
...ภารกิจนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่ๆ
ร่างบางทรุดฮวบอย่างทรงตัวไม่อยู่ มือทั้งสองกุมศีรษะเอาไว้ก่อนจะเริ่มแน่นขึ้น เหงื่อกาฬผุดพรายบนใบหน้า ทำให้เบลรีบคุกเข่าลงดูอาการของลูกน้องตรงหน้าทันที
"ริสทัชเชีย เป็นอัญมณีศักดิ์ศิทธิ์ มันมีลักษณะสีแดง คล้ายๆกับทับทิมนั่นแหละ.."
หญิงสาวเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นหลังจากถูกซักไซ้เรื่องภารกิจและอาการเริ่มดีขึ้น ทั้งสามนั่งอยู่ในห้องโล่งกว้างขวางที่มีเพียงโซฟาและโต๊ะเตี้ยอย่างละตัวสองตัวเท่านั้น
"...มาถึงตรงนี้ ปิดไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาสินะ....พวกนายจะเชื่อหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้ตัดสินใจกันเอง อย่าซักไซ้อะไรมากไปกว่านี้ สิ่งที่ฉันกำลังจะเล่าทั้งหมด..เป็นทุกอย่างที่ฉันรู้และตัดสินใจบอกกับพวกนาย"
ใบหน้านิ่งเรียบเฉยของทั้งสองดูจะเครียดขึ้น ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ โฟลถอนหายใจก่อนเอ่ยปากเล่าถึงความหลัง
"ในตอนที่โลกนี้ได้เกิดขึ้นมา... ธรณีที่เชื่อมต่อกันเริ่มถูกแบ่งแยกโดยมหาสมุทร ทุกอย่างบนพื้นผิวโลกเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่มีอยู่ ณ ที่หนึ่งที่เปลี่ยนแปลงต่างออกไปจากแผ่นดินบนพื้นผิวโลก" เธอหยุดเล็กน้อย มองหน้าผู้ฟังทั้งสองก่อนจะเรียบเรียงถ้อยคำเอ่ยออกมา "แผ่นดินลอยฟ้า พูดไป..พวกนายอาจจะว่าฟังเหลือเชื่อ แต่มันมีอยู่จริง การมีอยู่ของแผ่นดินลอยฟ้านั้น เป็นผลมาจากอัญมณี ริสทัชเชีย ที่มีอำนาจศักดิ์ศิทธิ์มากล้น"
เมื่อนามริสทัชเชียถูกเอ่ยออกมา บรรยากาศตึงเครียดก็เริ่มกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โฟลกลับไม่สนใจ
"บนแผ่นดินลอยฟ้านั้น เรามีเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมอยู่ 8 เผ่าพันธุ์ แต่ละเผ่าพันธุ์จะมีริสทัชเชียไว้ในครอบครองอย่างละหนึ่ง ซึ่งได้ปริแตกออกมาเป็น 8 ชิ้นเมื่อสิ่งมีชีวิตได้ถือกำเนิดบนแผ่นดินลอยฟ้า ทว่าไม่นาน เผ่าพันธุ์ทั้งหกก็สูญสิ้นไป เหลือเพียงเผ่าพันธุ์แห่งสติปัญญา รูฟินา และเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ได้รับฉายาว่าคนบาป ฮิวมินา"
เรื่องราวที่ราวกับถูกเรียบเรียงในนวนิยายแฟนตาซีถูกเอื้อนเอ่ยออกมา มันฟังดูน่าขัน ทว่าทั้งเบลและมาม่อนไม่อาจหัวเราะได้ทั้งคู่อย่างน่าแปลกใจ
"รูฟินานั้นมีความชาญฉลาดสูงมาก เมื่อเผ่าพันธุ์ทั้งหกสูญสิ้นไป ฮิวมินาและรูฟินาตัดสินใจแบกแย่งเขตที่อยู่อาศัย ไม่นาน รูฟินาก็รู้ว่าเผ่าพันธุ์กำลังจะสูญสิ้นไปเช่นกัน แต่อารยธรรมนานาของพวกเขา รวมไปถึงปัญญาล้ำเลิศที่เป็นเอกลักษณ์นั้น พวกเขาไม่ต้องการให้มันเลือนหายไปกับพวกเขา รูฟินาตัดสินใจสร้างสิ่งมีชีวิตหนึ่งขึ้นมา ราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งสติปัญญา"
กล่าวถึงตรงนี้ คิ้วของคนฟังขมวดมุ่น (ขัดนิด มันเห็นได้ด้วยเรอะ) คนเล่ารีบเอ่ยขึ้นก่อนทันที " ไม่ต้องทำหน้างง วางใจเถอะ ไม่ใช่เทพีมิเนอร์วาแน่ เทพีองค์นี้ชื่อ ซิกมา"
"ซิกมา" เบลเอ่ยทวน เอียงคอเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ โฟลพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเล่าต่อ
"เมื่อรูฟินาสูญพันธุ์ไป ซิกมาจึงตัดสินใจผสมยีนส์ของรูฟินาที่หลงเหลืออยู่และฮิวมินาเข้าด้วยกัน เพื่อที่จะให้เกิดความสมบูรณ์แบบ ทั้งความสมบูรณ์แบบในความเป็นรูฟินา และความสมบูรณ์แบบในความเป็นฮิวมินา หลังจากนั้นเธอก็หลับไปตลอด 100 ปี จนกระทั่งเกิดสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอต้องการ ชื่อของเขาคือ ลีเอน"
"หลับ 100 ปี" มาม่อนพึมพำนิดหน่อย แต่ดังพอจะให้ทุกคนได้ยิน เบลจึงรีบเสริมอย่างทีเล่นทีจริง
"สงสัยจะน่าเบื่อจัด"
"เลิกเล่นน่าไอ้พวกผบ.ก๊องแก๊งนี่" คราวนี้คนเล่าว่าคนฟังเข้าให้ สายตาคมปลาบจากทั้งใต้ม่านผมสีทองที่เข้มกว่าของเธอเล็กน้อยกับจากใต้ฮูดดำทิ่มแทงทันที แต่คนโดนหมั่นไส้ยังทำทองไม่รู้ร้อน รีบว่าเรื่องต่อทันที
"ลีเอนเติบโตมาในเมืองแห่งการศึกษา เขามีความเป็นเลิศทางด้านคณิตศาสตร์ วันหนึ่ง เขากำลังแก้ปริศนาของเลขจำนวนเฉพาะ ระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงขององค์เทพี ใช่ ซิกมาต้องการสื่ออะไรบางอย่างให้ลีเอน แต่เสียงนั้นเงียบหายไปทันทีที่ลีเอนหยุดแก้ปริศนา เขาจึงแก้ปริศนาเลขจำนวนเฉพาะจนสำเร็จ ซิกมาจึงปรากฏตัวต่อหน้าลีเอน และถามคำถามที่ยากที่สุด 7 ข้อให้กับลีเอน"
หญิงสาวเว้นช่วงหายใจ มาม่อนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะบ่น
"ริสทัชเชีย เกี่ยวอะไรกับพวกนี้"
"น่าๆ ผบ.มาม่อน ฉันเองก็เริ่มไม่ถูก จบไม่ถูก เอาเป็นว่าถือว่านั่งฟังประวัติศาสตร์แผ่นดินลอยฟ้าเล่นไปแล้วกัน จะจดเลคเชอร์ก็ได้นะ ไม่ว่า" คนสอนวิชาประวัติศาสตร์แผ่นดินลอยฟ้าว่าพลางยิ้ม เป็นยิ้มที่ลูกศิษย์ที่ถูกอาจารย์แนะให้จดเลคเชอร์รู้สึกอยากจะเตะนักแม้จะเป็นผู้หญิง
"ลีเอนแก้ปริศนาทั้ง 7 เพื่อไขข้อข้องใจที่ว่าเขาคือชิ้นส่วนที่สมบูรณ์แบบที่ซิกมาหวังไว้ในใจของซิกมา ซิกมายอมรับลีเอน และบอกความลับของโลกและเรื่องที่ฮิวมินาไม่มีวันรู้ทั้งหมดให้ฟัง ลีเอนรู้สึกเหมือนเขาอยู่ท่ามกลางทะเลดารา มือของเขาถือดวงอาทิตย์เอาไว้ รอบข้างมีดาวเคราะห์มากมายรายล้อม ฉับพลันดวงดาวทั้งหลายก็แตกสลายไป ก่อนจะเกิดแสงใหม่ขึ้น ถ้าให้ฉันคิด มันคือบิกแบง ก่อกำเนิดจักรวาลใหม่ขึ้นมา หลังจากนั้น ซิกมาสั่งให้ลีเอนเดินทางไปที่โบราณสถานริสทัชเชีย เพื่อหาความลับของริสทัชเชีย แต่ระหว่างที่เขากำลังแก้ปริศนาในโบราณสถานแห่งนั้น แชมเชอร์ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามแดนเพื่อตามหาลีเอนก็ฆ่าเขาตามคำสั่งของริสทัชเชียที่เข้าควบคุมจิตใจ ลีเอนจึงจบชีวิตลงที่นั่น"
"แชมเชอร์? ริสทัชเชียควบคุมจิตใจ?"
สองเสียงเอ่ยเพรียงพร้อม โฟลพยักหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยต่อ
"แชมเชอร์เป็นลูกแม่ทัพพลทหารของอัซูอัลแกต จริงๆฉันลืมบอกรายละเอียดไปว่า หลังจากที่รูฟินาสูญพันธุ์ไป ริสทัชเชียก็เท่ากับอยู่ในมือของฮิวมินาทั้งหมด ทุกคนต่างก่อสงครามแย่งชิงริสทัชเชีย พวกเขาฝังริสทัชเชียชิ้นที่พวกเขามีอยู่ลงในอาวุธเพื่อที่จะใช้เข่นฆ่ากัน ดาบที่แชมเชอร์ใช้อยู่ก็เหมือนกัน ดาบแชมเชอร์ที่ชื่อว่า โคลาดา มีริสทัชเชียฝังไว้หนึ่งชิ้น"
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเล่าต่อ "ตอนที่พวกฮิวมินารู้ถึงการมีตัวตนของริสทัชเชีย พวกเขาคลั่งไคล้ถึงขั้นก่อตั้งลัทธิศาสนาของริสทัชเชีย และอาณาจักรที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาริสทัชเชีย คือ อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ โนอิกกลาโด ดาบที่เป็นสัญลักษณ์ประจำศาสนาริสทัชเชียคือ ไทรเซเจียน ดาบแห่งความหวัง แน่นอนว่ามันก็มีริสทัชเชียฝังอยู่"
พูดถึงตรงนี้โฟลกำดาบข้างตัวที่มีผ้าพันตั้งแต่ด้ามดาบลงมาจนเกือบถึงครึ่งหนึ่งของคมดาบไว้แน่นขึ้น แต่ทั้งเบลและมาม่อนไม่ได้สังเกต โฟลดำเนินเรื่องต่อ
"ในช่วงหลัง โนอิกกลาโดต้องการจะขยายอาณาเขตของอาณาจักรให้กว้างไกล รุกรานทุกอาณาจักรชิดใกล้ จนกลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีป แต่มีเพียงอาณาจักรเดียวที่โนอิกกลาโดไม่สามารถยึดครองได้ นั่นคืออาณาจักร อัซูอัลแกต"
"เพราะแชมเชอร์เป็นลูกแม่ทัพ ยามมีศึกก็ต้องออกศึก ดาบโคลาดามีอานุภาพมากถึงทำให้โนอิกกลาโดรุกรานไม่ได้สินะ"
มาม่อนสรุปสั้นๆ โฟลพยักหน้า
"แชมเชอร์ขอตำแหน่งแม่ทัพจากพ่อของเธอ ออกรบกับพวกโนอิกกลาโดและเอาชนะพลทหารของโนอิกกลาโดที่มีจำนวน 40,000 พลทหารได้ด้วยกำลังทหารเพียง 4,000 คน แต่ว่าหลังจากนั้นไม่กี่วันเมื่อเธอและพลทหารของเธอกลับไปที่อัซูอัลแกต พระราชาเกรงกลัวอำนาจของแชมเชอร์ จึงตัดสินใจจับสั่งประหาร แต่ระหว่างที่กำลังจะตัดสินโทษ โคลาดาก็ส่องแสงสว่างขึ้นและลอยมาตัดเชือกที่มัดแชมเชอร์อยู่ขาดสะบั้น แชมเชอร์ร่ายรำเพลงดาบทันทีที่จับโคลาดาไว้ได้ วันต่อมา อัซูอัลแกตก็ล่มสลายไป"
"พอฆ่าแผ่นดินเกิดตัวเองแล้วก็เลยชิ่งไปฆ่าลีเอนด้วยสินะ วิปริตดีแฮะ"
เบลว่าพลางทำท่าครุ่นคิด แต่อีกสองคนกลับสวนทันควันเป็นเสียงเดียว "แกสิวิปริตกว่า!"
"มาว่าเจ้าชายทำไม...เจ้าชายวิปริตตรงไหน"
"อย่าให้สาธยายเถอะผบ. เอาเป็นว่าต่อเรื่องริสทัชเชีย เมื่อนานมาแล้วตอนที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์โนอิกกลาโดกำเนิดขึ้นไม่นาน มีเหล่าผู้คนบ้าคลั่งจำนวนหนึ่งที่จู่ๆก็เสียสติไปอย่างไร้สาเหตุ ซึ่งถ้าให้ฉันเดาอีก ก็คงเป็นผลของริสทัชเชียอีกเหมือนกัน แต่จะทำไม นั่นฉันก็ไม่รู้" โฟลยักไหล่ "เอาเป็นว่าพระราชาหมดหนทางจะช่วยเหลือ จึงสั่งให้จับคนพวกนี้ลงเรือและล่องทะเลหงส์ไป เรือบังเอิญไปติดเกาะที่ไม่ได้มาร์คไว้ในแผนที่เข้า มีคนๆหนึ่งเดินเรื่อยเปื่อยไปจนตกลงไปในบ่อน้ำหมดสติไป พอฟื้นขึ้นมาก็กลับมาเป็นปกติ แต่ความทรงจำที่ถูกลบตอนบ้าคลั่งไม่กลับมา เขาเห็นคนอื่นที่บ้าคลั่งอย่างนั้นจึงหาโอกาสนำน้ำในบ่อนั่นรด(สาด)ตัวทุกคน ทุกคนกลับมาเป็นปกติ และเริ่มชีวิตใหม่ขึ้นที่เกาะนี้ โดยไม่รับรู้ถึงความเป็นไปโลกภายนอก ไม่รู้ถึงเรื่องริสทัชเชีย แต่พวกเขากลับนับถือน้ำศักดิ์สิทธิ์ในบ่อ มันมีความมหัศจรรย์ที่เหลือเชื่อ ที่สำคัญคือมันไม่เคยเหือดแห้งไป"
"ฟังดูนอกเรื่องไปทุกที..."
เสียงพึมพำนอกห้องที่คนในห้องไม่ได้ยินดังออกมาเล็กน้อย สควอลโลตีหน้าตายพยาพยามเก็บเสียงให้เบาที่สุด แอบฟังการสนทนาโดยการแนบหูกับประตูต่อไปโดยที่คนในห้องไม่รับรู้
"ร้อยปีผ่านไป ผู้คนบนเกาะตั้งชื่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ว่า ลอร์ดส์ เขาเชื่อว่าใต้บ่อน้ำนี้มีเทพธิดาสถิตอยู่ และนับถือจนเกิดเป็นศาสนาขึ้น ใช่ บนเกาะแห่งนี้ ลอร์ดส์ คือสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น แต่โลกภายนอก ริสทัชเชีย คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่น่านับถือ เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกถึง 700 กว่าปี มหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นอีกครั้งบนเกาะ ผู้หญิงคนหนึ่งได้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เข้าไปและตั้งท้อง ทั้งที่ไม่ได้แต่งงานและเป็นสาวบริสุทธิ์ ทุกคนเชื่อทันทีว่าเด็กที่จะมาเกิดนั้นต้องเป็นเทพธิดาของลอร์ดส์แน่ๆ หลังจากนั้นหนึ่งปี หญิงคนนั้นก็ให้กำเนิดเด็กผู้หญิงออกมาและตายไป ชาวเกาะแห่งนั้นให้สมญานามแก่เด็กผู้หญิงคนนั้นว่า บุตรสาวศักดิ์ศิทธิ์ ชื่อของเธอคือ ฮันเนส"
"โว้ยยยยยยยยยยยย!!!!! มันเกี่ยวอะไรกับริสทัชเชียวะน่ะ!"
สุดท้ายคนแอบฟังก็ทนแอบต่อไปไม่ไหว เตะประตูห้องออกมาประจักษ์สายตาสามบุคคลในห้อง
ความคิดเห็น