ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Blind Justice -Ristaccia-

    ลำดับตอนที่ #12 : แชมเชอร์

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 54


    ร่างของแชมเชอร์หยุดชะงักทันที ดาบในมือลดลงเรื่อย มือเรียวยกขึ้นช้าๆไล้รอยแผลเป็นทางยาวที่ท้องราบเรียบ เลือดสีแดงสดไหลเป็นทางยาวย้อมกระโปรงสีมรกต แต่ใบหน้ายังคงเฉยชาเช่นเดิม มีเพียงดวงตาคมปลาบเท่านั้นที่เหลือบมองผู้สร้างบาดแผล วาเรียทั้งสองที่รอดตายหวุดหวิดถึงกับตะลึง

    "แกทำได้ไง"

    สควอลโลถึงกับอ้าปากค้าง ไม่ต่างจากเหล่าวาเรียทั้งสองที่เหลือ

    เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่เด็กใหม่ตรงหน้าใช้วิชาดาบประหลาดๆ แต่พลังมหัศจรรย์

    "ทำอะไรล่ะ?"

    แต่คำถามย้อนฟังดูน่าถีบนี่สิทำเอาเส้นอารมณ์คนเป็นผบ.ขาดผึง สควอลโลตะโกนก้องอย่างไม่สนใจแชมเชอร์ที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

    "ก็ไอ้ที่แกฟันยัยนั่นโดยไม่ตวัดดาบน่ะสิวะ!"

    "อ้อ.."

    โฟลพยักหน้าอย่างกวนๆ แสร้งทำหน้าครุ่นคิด ในใจลอบยิ้มพลางมองดาบในมือที่ปักอยู่กับพื้น ริสทัชเชียส่องแสงเรืองๆให้ความรู้สึกแปลกๆ เธอหันมายิ้มกว้างตอบให้

    "ก็เพราะริสทัชเชียนี่แหละผบ. ตอนซ่อมกระจกก็เหมือนกัน"

    "...เจ้า....."

    เสียงเข้มของสตรีดังขึ้น แชมเชอร์กำโคลาดาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างเย็นชา

    "จักรพรรดินีแห่งโนอิกกลาโดใช่ไหม"

    "แผลท่านหายดีแล้วหรือไง ท่านแชมเชอร์"

    โฟลไม่ตอบ กลับย้อนถามไปอีกเรื่องทั้งหน้าตาย ทำให้แชมเชอร์ถึงกับขมวดคิ้ว

    "ข้าถามเจ้าอยู่ว่า เจ้าคือองค์จักรพรรดินีมาติน คาทอร์ซแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์โนอิกกลาโด ใช่หรือไม่"

    หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบ สายตาหลุบต่ำลง ก่อนหันไปมองพวกพ้องที่คงเฝ้ารอคำตอบที่แน่ชัดจากคำถามนี้เช่นกัน โฟลสูดลมหายใจลึก ก่อนตอบออกไปเสียงดังฟังชัด

    "ใช่"

    ดาบโค้งถูกยกขึ้นพาดบ่าของหญิงสาวทันที การเคลื่อนไหวที่รุนแรงและรวดเร็วของแชมเชอร์ทำให้หญิงสาวไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ถึงกระนั้น ดาบก็ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตวัดบั่นคอ

    "ข้าคงต้องทำลายท่าน เพื่ออัซูอัลแกต"

    "แล้วท่านลืมไปแล้วหรือ ว่าอัซูอัลแกตล่มสลายไปด้วยน้ำมือใคร"

    หญิงสาวสวน น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกถึงความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยแม้จะมีโคลาดาพาดบ่าอยู่ คำสวนทำให้ดวงตาที่เปล่งประกายสีแดงไหววูบ ประกายแสงเริ่มลดลง

    "ล่มสลาย?..อัซูอัลแกต..ล่มสลายงั้นหรือ"

    "ท่านจำไม่ได้หรือ ท่านแชมเชอร์"

    โฟลเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ...อะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลเอาเสียเลย

    คงเป็นเพราะเลอริเชีย

    "เมื่อไรกัน..ใคร...ใครเป็นคน..."

    น้ำเสียงเศร้าสลดราวกับดวงใจแตกสลายของแชมเชอร์ทำให้หญิงสาวลังเลใจที่จะกล่าวความจริงออกไป แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยออกไปอย่างแน่วแน่

    "ท่านเป็นผู้ลงมือเอง...กับอัซูอัลแกต แผ่นดินเกิดของท่าน"

    ดวงตาของแชมเชอร์ส่องประกายสีแดงอีกครั้งราวกับปิศาจ ชั่ววูบมันดับลงอย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นดวงตาสีหม้ายเช่นเดิม หญิงสาวทรุดตัวลง เบลกระโดดมาจับดาบไว้ทันก่อนที่มันจะผ่าร่างของเพื่อนร่วมงานที่กึ่งลูกน้องกึ่งเพื่อน มือสีแทนยกขึ้นกุมศีรษะเอาไว้

    "ไม่..ไม่จริง...ข้า....."

    "ท่านแชมเชอร์..." โฟลลดตัวลง ยื่นมือไปจะปลอบ ทว่าเสียงกรีดร้องของแชมเชอร์ทำให้เธอชะงักทันที

    "ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

    "แชมเชอร์!!!"

    หญิงสาวทรุดลงไปทันที โฟลรับร่างนั้นเอาไว้อย่างทันท่วงที ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับเบลและสควอลโลเป็นเชิงให้เข้ามาใกล้

    "นายสองคน ใครก็ได้ ช่วยอุ้มแชมเชอร์กลับไปที่ปราสาทที"

    คำขอร้องที่ถูกไหว้วานมากึ่งแกมคำสั่งทำให้ทั้งสองรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

    "เจ้าชายถือโคลาดาอยู่ ไม่เอาหรอก นอกจากจะใช้ดาบนี่เสียบยัยนักรบนี่แล้วหิ้วกลับปราสาทแทนน่ะนะ"

    "ฉันก็ไม่เอาโว้ย!! เรื่องอะไรต้องทำตามแกฮึ ไอ้บ้า"

    คราวนี้โฟลไล่เบลออกไปโดยการใช้ขาเขี่ยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงจริงจังกับสควอลโล

    "ผบ. นี่ภารกิจนะ"

    "เออ!! ตราบใดที่ไอ้บอสบ้านั่นมันไม่จ่ายเงินเดือนให้ฉัน ฉันไม่มีวันทำภารกิจจริงจังเด็ดขาด!"

    "แล้วถ้าฉันไปพูดกับผบ.ใหญ่ให้ล่ะ"

    คราวนี้อีกฝ่ายชะงัก ก่อนจะรีบสวนกลับทันที "ได้ที่ไหน แกมันก็แค่ไอ้เบ๊ด๊อกแด๊ก"

    "ไม่แน่น่า"

    สควอลโลเริ่มกระสับกระส่าย มองเบลที มองแชมเชอร์ที มองโฟลที สุดท้ายจึงสบถออกมาดังลั่นก่อนจับแขนแชมเชอร์และเหวี่ยงไปทางหลัง คนขอร้องสำเร็จมองแล้วก็ยิ้ม แต่ออกจะเจื่อนๆหน่อย

    "เบาๆหน่อยก็ได้นะผบ. นั่นน่ะคนสำคัญนะ"








    "ภารกิจไม่สำเร็จ?"

    แซนซัสทวนอย่างไม่ชอบใจ มือเริ่มควานหาปืนเตรียมเป่าหัวคนเป็นลูกน้องทิ้งเรียงตัว แต่โชคดีว่าคนรู้ทันสั่งให้ลูกน้องเอาไปซ่อนอีกที จึงยังยิ้มร่าหน้าบาน สร้างความหงุดหงิดให้คนเป็นบอสขึ้นไปอีก

    "มันไม่ใช่ไม่สำเร็จหรอกค่ะผบ.ใหญ่ แต่มันทำไม่ได้ต่างหาก ริสทัชเชียเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเจ้าของครอบครอง เอาไปง่ายๆเขาจะหาว่าวาเรียเป็นไอ้โจรห้าร้อยเอา"

    "ทั้งที่ริสทัชเชียอยู่ในมือแท้ๆ ..แค่ส่งไปก็ได้ตังค์มาแล้ว...แอ๊ฟ!!!"

    มาม่อนกล่าวอย่างเสียดาย แต่ก็ต้องร้องอย่างลืมตัวเมื่อมือเรียวพุ่งเข้าบีบตัว ยิ่งร่างเล็กๆอย่างอัลโกบาเลโน การจะกุมร่างเอาไว้ด้วยฝ่ามือเล็กๆนั้นไม่ยากเลยแม้แต่น้อย

    "..."

    แซนซัสขมวดคิ้วมุ่นจนคนมองรู้สึกอึดอัด สุดท้ายก็ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนถามไปถึงเรื่องอื่น

    "แล้ว..ไอ้คนที่เอามาด้วยนั่น?"

    "ชื่อแชมเชอร์ค่ะ มีริสทัชเชียอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่ยังไงก็ให้ไม่ได้นะคะผบ."

    นภาผิวเข้มทุบโต๊ะดังปังทันที ทำให้วาเรียทั้งสี่ที่ออกไปทำภารกิจอย่างหุนหันพลันแล่นผู้อยู่ในห้องถึงกับสะดุ้งโหยงกันทุกคน

    "แล้วแกจะเอามาทำไมวะ!!!!"

    ทุกคนมองหน้ากันไปมา โฟลทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไปอีก คราวนี้คนเป็นบอสใหญ่ถึงกับลุกขึ้นยืน

    "ตอบมา! ไอ้สวะ!!!"

    "เอ่อ...แค่อาจต้องศึกษาอะไรนิดหน่อยในริสทัชเชียของแชมเชอร์ในดาบน่ะค่ะ..."

    หญิงสาวตอบอ้อมๆแอ้มๆ พลางส่งสายตาอาฆาตไปให้เพื่อนร่วมงานที่พร้อมใจกันเงียบกริบ ปล่อยให้เธอออกโรงแก้ตัวอยู่คนเดียว และดูท่าก็นัดหมายกันหลบสายตาของเธอเสียด้วย

    "ศึกษาอะไร"

    แซนซัสยังคงคาดคั้น แต่น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย เขาทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้กำมะหยี่ให้ความรู้สึกเหมือนบัลลังก์ช้าๆ คราวนี้สาวหน้าใหม่แห่งวาเรียบีบร่างของอัลโกบาเลโนในมืออีก เป็นเชิงว่าให้พูด มาม่อนจึงไอค่อกแค่ก

    โฟลคลายมือออก มาม่อนจึงค่อยๆตอบออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

    "รู้สึกว่า ริสทัชเชียแต่ละชิ้นจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินลอยฟ้า บางทีอาจได้อะไรสำคัญมา ไม่แน่ก็อาจทำให้รวบรวมริสทัชเชียได้ทั้งหมด แล้วส่งให้นายจ้าง..แอฟ!!!!!"

    ยังไม่ทันจบประโยคดี โฟลก็บีบมาม่อนทันที แถมแน่นกว่าเดิม สีหน้าบ่งบอกความเครียดสุดขีด ก่อนหันไปยิ้มแหยๆให้คนเป็นบอสที่นั่งอยู่ข้างหน้า

    "งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะบอส"

    เบลว่าเรียบๆ อยากจะหัวเราะทำลายความอึดอัดนี่ซะแต่มันดันหัวเราะไม่ออก เขาที่ยืนอยู่ใกล้ประตูที่สุดค่อยๆเปิดประตู และทุกคนก็รีบจรลีออกจากห้องทำงานของบอสใหญ่อย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าหนีอะไรทั้งสิ้น

    "มาม่อน! บอกแล้วไงว่ายังไงๆก็ไม่มีทางให้ริสทัชเชียกับใครน่ะ!"

    ทันทีที่พ้นนอกห้อง หญิงสาวเอ่ยตำหนิร่างเล็กที่เพิ่งปล่อยให้เป็นอิสระทันที แต่คนถูกว่ากลับไอค่อกแค่กรุนแรงจนพูดไม่ออก สควอลโลที่เงียบไปถนัดจึงค่อยปริปากเอ่ยออกมาบ้าง

    "อย่าลืมว่าเรามีเรืองคุยกันยาว ฟลอเรนซ์ ไนล์"

    คนถูกเรียกชื่อเต็มยศชักสีหน้า ก่อนจะอ่อนลงทันที เบลที่ดูไม่ขี้เล่นเท่าไรแล้วจึงว่าต่อจากอีกคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "ถึงตอนนี้ เล่าให้มันหมดๆไปซะเถอะโฟล"

    "...ก็แค่...ฉันถูกอะไรบางอย่างนำพาฉันมาที่นี่...ที่ผ่านไปสองร้อยปีหลังอาเรีย เทอ ลาเรีย หรือแผ่นดินลอยฟ้าล่มสลายไป..."

    "เพื่อ..อะไร" มาม่อนที่หยุดไอถามขึ้นเหมือนลังเล ดวงตาสีฟ้านภาหลุบต่ำลงก่อนเอ่ยตอบเสียงเบา

    "เพื่อหยุดยั้ง..โศกนาฏกรรม"

    ทุกคนเงียบไปชั่วอึดใจ และโฟลก็เริ่มเอ่ยปากเล่า

    "ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกใครหรืออะไรหรอกนะ..แต่ใครบางคน...ที่แม้แต่หน้าก็นึกไม่ออกบอกฉันเอาไว้..ว่าให้ฉันใช้ชื่อนี้..บอกจุดประสงค์ บอกเล่าเรื่องราวของอาเรีย เทอ ลาเรียให้ฟัง บอกให้ฉันสมัครเข้ามาในวาเรีย อยู่ในวงการมาเฟีย โดยเฉพาะวองโกเล แฟมิลี...บอกกับฉันว่าให้ทำทั้งหมดนี้เพื่อให้ฉันไม่ต้องฆ่าน้องชายของฉัน..."

    ท้ายประโยคเสียงเบาลงเรื่อยๆ อยู่ดีๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตุบๆมาจากอีกฝั่งของทางเดิน ร่างของกะเทยบึกบึน ลุซซูเรีย และเลวี่ กำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น

    "ทุกคน..ทุกคน!! พวก..พวกอัลโกบาเลโนมารวมตัวกันที่นี่หมดเลย..!!!"

    "ที่ไหน?" ทั้งสี่ถามเป็นเสียงเดียวกัน ลุซซูเรียหอบหายใจแฮ่กเมื่อหยุดลงตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าตอบอย่างรวดเร็วเมื่อหายใจทัน

    "ที่ห้องดนตรี!! ทั้ง6คนเลย!!!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×