ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Blind Justice -Ristaccia-

    ลำดับตอนที่ #11 : เลอริเชีย

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 54


    เคร้ง!!

    "แกไม่มีวันได้ริสทัชเชียไปง่ายๆหรอก นังหนู"

    มีดสั้นกระทบกับดาบเรียวที่ตวัดออกมารับได้ทันท่วงที เอจิโอนานามมาเธียสจ้องเขม็งที่โฟล ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะการต้านแรงของดาบ มือหนาสากกำมีดสั้นแน่นขึ้น กดแรงเพิ่ม

    "ความเร็วสูงมาก" มาม่อนวิจารณ์ ความกังวลแฝงอยู่ในน้ำเสียง ทำท่าจะเข้าไปช่วย ทว่า..

    "เฮ้ย"

    อยู่ดีๆทั้งเบลและสควอลโลก็อุทานออกมาเมื่อวงเวทย์ประหลาดถูกวาดขึ้นใต้ร่างของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ มันส่องแสงสีแดงประหลาดออกมาเหมือนริสทัชเชีย และร่างกายของพวกเขาก็ไม่อาจขยับได้อีกต่อไป มาม่อนถอนหายใจก่อนกล่าวตำหนิ

    "ไม่ไหว แค่นี้ก็โดนกับดักมนต์ซะแล้วเหรอ"

    "จะบ้าเรอะ พวกฉันไม่ใช่นักใช้เวทย์นักใช้มายาอย่างแกนะโว้ยย"

    สควอลโลสวนขวับ เบลสบถอุบอย่างหงุดหงิด เมื่อสามารถทำได้แค่ขยับปาก กลอกตาไปมา มาม่อนพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาตัวการ

    หรือจะเป็นเอจิโอนา?

    ดวงตาว่างเปล่าที่ถูกปกปิดไว้เบือนไปทางโฟลและเอจิโอนาที่รับมือกันอยู่

    ถ้าใช่ มันก็น่ากลัวเกินไป

    ใช้เวทย์ทั้งที่ยังสู้ได้งั้นเหรอ?

    "ช้าไปแล้วล่ะ"

    เสียงใสแต่เย็นชาดังขึ้นจากฟากฟ้า มาม่อนชักสีหน้า แต่เมื่อรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ร่างเล็กๆถูกวงเวทย์ดึงลงมากระแทกกับพื้นดังลั่น และตกอยู่ในสภาพเดียวกับเบลและสควอลโลที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

    "โฟล!"

    เบลพยายามเรียกหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา ถ้าเธอตกอยู่ในกับดักมนต์ขึ้นมา หนทางรอดของพวกเขาก็หมดลง แต่ดูเหมือนว่าเสียงของเขาไม่อาจส่งไปถึง เธอเบิกตากว้าง เอจิโอนาที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอแสยะยิ้ม ดวงตาสีดำคู่นั้นฉายแววระริก ไม่นาน แรงของเธอก็หมดลง ดาบในมือถูกสะบัดไปในทิศทางอื่น มีดสั้นคมกริบถูกเงื้อขึ้น

    "โฟล!!!!!!!!"

    "จบกันแค่นี้ล่ะ! มาติน คาทอร์ซ!!!"

    ช่วยสิ...ช่วยนาง

    เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นใกล้ริมหูของวายุแห่งวาเรีย เขาอยากหันหน้าไป แต่ไม่อาจทำได้ ที่สำคัญ เขาไม่อาจละสายตาจากภาพน่าระทึกใจตรงหน้าได้ ภายในใจส่งเสียงร่ำร้องขัดกัน ทั้งสุขสมที่จะได้รับเลือดอุ่นๆที่กระเซ็นมาโดนเขา ทั้งเศร้าใจที่จะสูญเสียเพื่อนร่วมงานที่น่าเสียดายไป

    "พอแค่นั้นล่ะ มาเธียส"

    เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งจากฟากฟ้า มาเธียสถูกหมอกหนาคลุมร่างและเลือนหายไปทันที มีดที่ถูกชะงักอยู่ที่ดวงตาหล่นลงกับพื้น กรีดแก้มนวลให้เป็นรอยตำหนิอย่างน่าเสียดาย ร่างบางฟุบลงกับพื้นอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง

    "เฮ้ย! ลุกขึ้นมาสิวะไอ้เบ๊งี่เง่า!" สควอลโลตวาดออกไป แต่น้ำเสียงยังบอกถึงความกังวล

    พื้นอิฐว่างเปล่าปรากฏเส้นสีแดงสว่างขึ้น มันลากไปเรื่อยๆเป็นวงเวทย์ ส่องแสงประหลาดไปทั่ว สว่างเสียยิ่งกว่าวงเวทย์ที่กักขังวาเรียเอาไว้

    "อะไรน่ะ"

    เบลหลุดเสียงออกมาอย่างตกใจ มาม่อนพยายามเพ่งไปที่วงเวทย์ที่กำลังถูกวาดอย่างพิศวง ก่อนจะอุทานออกมา

    "วงเวทย์นี่มัน.."

    เมื่อวงเวทย์ถูกวาดเสร็จ มันส่องแสงสว่างจ้า ร่างของหญิงสาวผิวขาวละเอียดปรากฏขึ้น เส้นผมสีแดงสดเช่นเดียวกับชุดที่ใส่อยู่ราวกับชโลมด้วยเลือดปลิวไสวด้วยแรงลมจากวงเวทย์

    ขนนกสีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นกระจายไปทั่ว พร้อมๆกับปีกที่กำลังสยายออกช้าๆ

    และดวงตาสีเข้มราวกับปิศาจที่ทำให้ผู้จ้องมองแทบลืมหายใจ

    "เลอ..ริเชีย..?"

    ทุกคนหันไปมองที่ตัวต้นเสียงทันที ดวงตาสีนภาเบิกกว้าง บ่งบอกความคาดไม่ถึง หญิงผู้ถูกเรียกเพียงแต่เหลือบสายตามาทางเธอเท่านั้น ใบหน้าเรียบเฉยราวกับรูปปั้นให้ความรู้สึกเย็นชายิ่งนัก

    เธอก้าวมาหาโฟลที่ยืนค้างอยู่ หญิงสาวล้มพับลงไปทันที จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

    เธอคนนั้นเพียงแต่หลุบตาลงมองเธอเท่านั้น ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยอง ประสานตาสีนภาที่ฉายแววหวาดกลัวเอาไว้ และค่อยๆแสยะยิ้มออกมา พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ มือสองข้างกำลังถูกอีกฝ่ายพันธนาการไว้ด้วยมือเช่นกัน ความหวาดกลัวแล่นเข้ากลางจิตใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าที่โน้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆแทบทำให้เธอหยุดหายใจ

    ริมฝีปากอิ่มประทับลงบนรอยแผลที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่ ก่อนจะไล้เลียเลือดราวกับแดร็กคิวลาผู้กระหาย ความเจ็บแสบที่แก้มพลุ่งพล่านปลุกให้สติของเธอตื่น โฟลถีบหญิงสาวออกไปทันที เธอกระเด็นชนโครมเข้ากับตัวสะพานทันที อิฐไม่อาจคงสภาพเดิมไว้ได้ด้วยแรงปะทะที่รุนแรง พังตัวลงทับหญิงสาวที่หล่นลงกระแทกพื้นอิฐเบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงโลก

    "คิก....คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ"

    เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงดังมาจากร่างภายใต้กองอิฐแตกหัก ฉับพลัน อิฐเหล่านั้นก็ลอยออกไปคนละทิศช้าๆ ร่างของหญิงสาวลุกขึ้นมา เศษอิฐมากมายลอยวนช้าๆอยู่รอบตัวเธอ ส่องแสงสีแดงประหลาดไม่หยุด

    "เลอริเชีย..เลอริเชียใช่ไหม"

    โฟลเอ่ยทวนอีกครั้งหลังจากสติกลับมา เบลที่หลุดจากเขตมนต์พร้อมๆกับสควอลโลและมาม่อนกระโจนไปหยิบไทรเซเจียนก่อนจะโยนมาให้ทันที ซึ่งเธอก็รับได้อย่างสวยงาม

    "ทั้งที่ข้าช่วยเจ้าแท้ๆ"

    ประโยคตอบกลับจากหญิงสาวปริศนาที่ดูไม่กระทบกระเทือนอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่บาดแผลเต็มตัว เลือดไหลย้อยอย่างสยดสยอง สร้างความฉงนให้กับเหล่าวาเรีย โฟลไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแต่กระชับดาบแน่นขึ้นเท่านั้น

    "ข้าไม่ได้อยากสู้กับเจ้า"

    เสียงใสเย็นชากล่าวขึ้นอีก แต่อีกฝ่ายไม่ยี่หระใดๆ ถามกลับอย่างไม่มีความหวาดกลัว ต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง

    "แล้วเจ้าต้องการอะไร"

    "ริสทัชเชีย"

    "หากไม่สู้ เจ้าคิดว่าจะได้ไปอย่างไร"

    คราวนี้เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นอีก เป็นเสียงที่น่าสะอิดสะเอียน ต้นเสียงเพียงแต่มองตรงๆมาที่หญิงสาวที่จับดาบแน่นในมือ ก่อนจะชูมือขึ้นกลางอากาศ

    ก้อนอิฐที่รายล้อมรอบตัวพุ่งมาทางทิศเดียวกันทันที ก่อตัวเป็นร่างๆหนึ่ง ส่องแสงสีแดงสว่างจ้าออกมา ปรากฏร่างหญิงผิวแทนในชุดสีเขียวมรกตสไตล์ตะวันออก ประดับด้วยเครื่องประดับทองอร่าม ดวงตาสีหม้ายที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงช้าๆประดับอยู่บนดวงหน้ารูปไข่เรียว ดาบเงินในมือส่องประกายแวววับ ขัดกับทับทิมแดงสดที่ส่องประกายอยู่ตรงด้ามจับ ลักษณะราวกับเป็นนักรบทางภาคตะวันออก

    "แชมเชอร์..?"

    โฟลอุทานออกมาอีกครั้ง มองหญิงสาวในชุดแดงที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหญิงนักรบผิวแทน

    ร้ายกาจ..

    "เจ้ารู้จัก?" หญิงผู้นั้นเอ่ยทวนมา โฟลจึงเหยียดยิ้มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    "ไม่มีใครไม่รู้จักแชมเชอร์ ท่านแม่ทัพแห่งอัซูอัลแกตผู้นำชัยแก่แผ่นดินแม่หรอก เลอริเชีย"

    "แชมเชอร์..จะใช่คนที่โฟลเล่าให้พวกเราฟังไหม"

    มาม่อนถามเบาๆกับอีกสองคนที่ยืนอยู่ถัดไป ซึ่งดูจะเป็นปกติกันแล้ว เบลยิ้มโชว์ฟันเหมือนเดิมก่อนตอบแบบขอไปที

    "คงงั้นมั้ง ชิชิชิ"

    "ไอ้บอสเฮงซวยนั่น..ให้แต่ภารกิจบ้าๆ" สควอลโลสบถ

    ขณะนี้ทั้งสามเตรียมออกศึกได้ทุกเมื่อ พวกเขาก้าวเข้าไปเทียบทัดกับหญิงสาวที่ยืนเตรียมรับมืออยู่ข้างหน้า เบลไม่วายส่งยิ้มกวนๆให้มาม่อน สมกับเป็นเพื่อนสนิทด้วยกัน

    "อย่าพึ่งตีตั๋วไปยมโลกซะล่ะมาม่อน"

    "ขอค่าจ้างมีชีวิตต่อไปด้วยได้ไหม" น้ำเสียงเด็กๆต่อรอง คนฟังหัวเราะร่วนก่อนว่าต่อพร้อมกับโผนทะยานไปข้างหน้า พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว

    "งั้นไปไหนก็ไปเถอะไป๊"

    มีดรูปทรงประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งดิ่งเข้าสู่เป้าหมาย แต่เมื่อเข้าใกล้ในรัศมี 1 เมตรของแชมเชอร์ มีดทั้งหมดก็กระเด็นออกไปทั่วทิศทาง ส่งผลให้พวกพ้องที่ยืนอยู่ข้างหลังต้องรีบหลบเป็นพัลวัน

    "เจ้าบ้า บุกไม่ดูทิศดูทาง"

    โฟลแยกเขี้ยวพลางต่อว่าคนใจร้อนเข้าให้ มือกุมศีรษะอย่างห่วงๆ แต่คนถูกว่ากลับยังยิ้มร่าเหมือนเดิม

    "ว่าเจ้าชายที่เป็นถึงเจ้านายได้อย่างงี้ ถือว่าพร้อมรบล่ะนะ"

    "แหงอยู่แล้ว"

    ทุกคนลุกขึ้นยืน เลอริเชียมองพวกเขาทั้งสี่เงียบๆ มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย

    เล่นได้ทุกสถานการณ์ จะว่าใจกล้าหรืองี่เง่าดีนะ

    "เอาเถอะ เจ้าจะทำยังไงกับแชมเชอร์ก็ได้ ข้ายังมีโอกาสได้เจอพวกเจ้าอีกเยอะ"

    คำพูดชวนฉงนจากอีกฝ่ายทำให้ทั้งสี่หันไปมอง แต่ร่างเล็กกลับเลือนหายไปแล้ว สมการเลขลึกลับซับซ้อนมากมายวนอยู่รอบตัวเธอพักหนึ่งก่อนจางหายไปพร้อมๆกับร่าง แชมเชอร์เคลื่อนไหวขึ้นบ้างทันทีที่เลอริเชียหายไป

    "เฮ้ย แล้วปล่อยมันชิ่งไปง่ายๆอย่างงี้เนี่ยนะ"

    สควอลโลโวย คิ้วเรียวกระตุกเป็นระยะๆ มาม่อนลอยตัวขึ้นสูงเล็กน้อยก่อนเอ่ย

    "ศัตรูยังอยู่ข้างหน้า สควอลโล อีกอย่าง เจ้านั่นก็บอกแล้วนี่ว่ามีโอกาสได้เจออีกเยอะ"

    และแล้ว ภาพมายาก็ปรากฏขึ้น สิ่งประหลาดยั้วเยี้ยน่าขยะแขยงผุดขึ้นจากผืนดิน พันร่างของแชมเชอร์เอาไว้ ดวงตาของนางส่องประกายสีแดงจ้า ไม่นาน ภาพมายาก็เลือนหายไป

    "อำนาจของริสทัชเชีย.." โฟลพึมพำ

    "ที่ดาบใช่ไหม" มาม่อนเอ่ยพลางจ้องเขม็งไปที่ทับทิมที่ดาบในมือแชมเชอร์ที่กำลังย่างก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

    "โคลาดา มีประสิทธิภาพร้ายกาจจริงๆด้วย แต่เราจะโจมตียังไง แชมเชอร์มีกระทั่งบาร์เรียของเลอริเชีย"

    โฟลกล่าวอย่างกังวล แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรทั้งสิ้น โคลาดาก็ถูกตวัดเป็นแนวกว้าง ระลอกคลื่นแห่งความตายพัดมาที่ทั้งสี่ทันที

    "ก้มหัว!!!"

    สควอลโลตะโกนก้อง ทุกคนหลบได้อย่างหวุดหวิดเพราะคำเตือน ความเร็วของลมดาบไวมากจนแทบมองด้วยสายตาไม่ทัน

    มาม่อนพยายามใช้ภาพมายาอีกครั้ง เบลเองก็โจมตีอีกครั้งเช่นกัน สควอลโลเองก็วาดเพลงดาบ การโจมตีทั้งสามพุ่งเข้าสู่เป้าหมาย แต่พลังทั้งหมดกลับกระจายไปทั่วทุกทิศอย่างเดิม

    ร่างของแชมเชอร์ร่ายรำอยู่กลางหมู่ศัตรู

    "ยังไงก็ไม่มีทางทำลายบาร์เรียได้ง่ายๆแน่ ต้องหาทางอื่น.. ยิ่งแชมเชอร์เริ่มรำแล้วด้วย"

    คนๆเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ว่าเสียงเครียด สควอลโลหันกลับมาทวน

    "รำ?"

    โฟลพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะปักไทรเซเจียนลงกับพื้นและกล่าวอธิบาย

    "ฉันคงไม่ได้บอกพวกนาย การร่ายรำของแชมเชอร์ คืออาวุธที่ทำให้กองทัพของอาณาจักรโนอิกกลาโดพ่ายแพ้อย่างหมดสารรูป ความสามารถในการร่ายรำอย่างพลิ้วไหวที่ได้มาจากมารดาผู้เป็นถึงนักระบำระดับโลก บวกกับฝีมือดาบยอดเยี่ยมที่ได้มาจากบิดาผู้เป็นถึงแม่ทัพกองพลทหาร สร้างวิชานี้ขึ้นมา แถมยังพลังของริสทัชเชียในโคลาดาอีก"

    คำอธิบายทำให้ทั้งสามที่บุกเข้าไปถอยกลับแทบไม่ทัน ทว่าแชมเชอร์กลับพุ่งตัวมาข้างหน้าเข้าฟาดฟันพวกเขาอย่างรวดเร็ว!

    และเลือดสีแดงฉานก็สาดกระเซ็นลงบนพื้นอิฐ ละเลงสีเข้มลงกับพสุธา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×