ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เลอริเชีย
เคร้ง!!
"แกไม่มีวันได้ริสทัชเชียไปง่ายๆหรอก นังหนู"
มีดสั้นกระทบกับดาบเรียวที่ตวัดออกมารับได้ทันท่วงที เอจิโอนานามมาเธียสจ้องเขม็งที่โฟล ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะการต้านแรงของดาบ มือหนาสากกำมีดสั้นแน่นขึ้น กดแรงเพิ่ม
"ความเร็วสูงมาก" มาม่อนวิจารณ์ ความกังวลแฝงอยู่ในน้ำเสียง ทำท่าจะเข้าไปช่วย ทว่า..
"เฮ้ย"
อยู่ดีๆทั้งเบลและสควอลโลก็อุทานออกมาเมื่อวงเวทย์ประหลาดถูกวาดขึ้นใต้ร่างของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ มันส่องแสงสีแดงประหลาดออกมาเหมือนริสทัชเชีย และร่างกายของพวกเขาก็ไม่อาจขยับได้อีกต่อไป มาม่อนถอนหายใจก่อนกล่าวตำหนิ
"ไม่ไหว แค่นี้ก็โดนกับดักมนต์ซะแล้วเหรอ"
"จะบ้าเรอะ พวกฉันไม่ใช่นักใช้เวทย์นักใช้มายาอย่างแกนะโว้ยย"
สควอลโลสวนขวับ เบลสบถอุบอย่างหงุดหงิด เมื่อสามารถทำได้แค่ขยับปาก กลอกตาไปมา มาม่อนพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาตัวการ
หรือจะเป็นเอจิโอนา?
ดวงตาว่างเปล่าที่ถูกปกปิดไว้เบือนไปทางโฟลและเอจิโอนาที่รับมือกันอยู่
ถ้าใช่ มันก็น่ากลัวเกินไป
ใช้เวทย์ทั้งที่ยังสู้ได้งั้นเหรอ?
"ช้าไปแล้วล่ะ"
เสียงใสแต่เย็นชาดังขึ้นจากฟากฟ้า มาม่อนชักสีหน้า แต่เมื่อรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ร่างเล็กๆถูกวงเวทย์ดึงลงมากระแทกกับพื้นดังลั่น และตกอยู่ในสภาพเดียวกับเบลและสควอลโลที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
"โฟล!"
เบลพยายามเรียกหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา ถ้าเธอตกอยู่ในกับดักมนต์ขึ้นมา หนทางรอดของพวกเขาก็หมดลง แต่ดูเหมือนว่าเสียงของเขาไม่อาจส่งไปถึง เธอเบิกตากว้าง เอจิโอนาที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอแสยะยิ้ม ดวงตาสีดำคู่นั้นฉายแววระริก ไม่นาน แรงของเธอก็หมดลง ดาบในมือถูกสะบัดไปในทิศทางอื่น มีดสั้นคมกริบถูกเงื้อขึ้น
"โฟล!!!!!!!!"
"จบกันแค่นี้ล่ะ! มาติน คาทอร์ซ!!!"
ช่วยสิ...ช่วยนาง
เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นใกล้ริมหูของวายุแห่งวาเรีย เขาอยากหันหน้าไป แต่ไม่อาจทำได้ ที่สำคัญ เขาไม่อาจละสายตาจากภาพน่าระทึกใจตรงหน้าได้ ภายในใจส่งเสียงร่ำร้องขัดกัน ทั้งสุขสมที่จะได้รับเลือดอุ่นๆที่กระเซ็นมาโดนเขา ทั้งเศร้าใจที่จะสูญเสียเพื่อนร่วมงานที่น่าเสียดายไป
"พอแค่นั้นล่ะ มาเธียส"
เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งจากฟากฟ้า มาเธียสถูกหมอกหนาคลุมร่างและเลือนหายไปทันที มีดที่ถูกชะงักอยู่ที่ดวงตาหล่นลงกับพื้น กรีดแก้มนวลให้เป็นรอยตำหนิอย่างน่าเสียดาย ร่างบางฟุบลงกับพื้นอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง
"เฮ้ย! ลุกขึ้นมาสิวะไอ้เบ๊งี่เง่า!" สควอลโลตวาดออกไป แต่น้ำเสียงยังบอกถึงความกังวล
พื้นอิฐว่างเปล่าปรากฏเส้นสีแดงสว่างขึ้น มันลากไปเรื่อยๆเป็นวงเวทย์ ส่องแสงประหลาดไปทั่ว สว่างเสียยิ่งกว่าวงเวทย์ที่กักขังวาเรียเอาไว้
"อะไรน่ะ"
เบลหลุดเสียงออกมาอย่างตกใจ มาม่อนพยายามเพ่งไปที่วงเวทย์ที่กำลังถูกวาดอย่างพิศวง ก่อนจะอุทานออกมา
"วงเวทย์นี่มัน.."
เมื่อวงเวทย์ถูกวาดเสร็จ มันส่องแสงสว่างจ้า ร่างของหญิงสาวผิวขาวละเอียดปรากฏขึ้น เส้นผมสีแดงสดเช่นเดียวกับชุดที่ใส่อยู่ราวกับชโลมด้วยเลือดปลิวไสวด้วยแรงลมจากวงเวทย์
ขนนกสีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นกระจายไปทั่ว พร้อมๆกับปีกที่กำลังสยายออกช้าๆ
และดวงตาสีเข้มราวกับปิศาจที่ทำให้ผู้จ้องมองแทบลืมหายใจ
"เลอ..ริเชีย..?"
ทุกคนหันไปมองที่ตัวต้นเสียงทันที ดวงตาสีนภาเบิกกว้าง บ่งบอกความคาดไม่ถึง หญิงผู้ถูกเรียกเพียงแต่เหลือบสายตามาทางเธอเท่านั้น ใบหน้าเรียบเฉยราวกับรูปปั้นให้ความรู้สึกเย็นชายิ่งนัก
เธอก้าวมาหาโฟลที่ยืนค้างอยู่ หญิงสาวล้มพับลงไปทันที จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอคนนั้นเพียงแต่หลุบตาลงมองเธอเท่านั้น ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยอง ประสานตาสีนภาที่ฉายแววหวาดกลัวเอาไว้ และค่อยๆแสยะยิ้มออกมา พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ มือสองข้างกำลังถูกอีกฝ่ายพันธนาการไว้ด้วยมือเช่นกัน ความหวาดกลัวแล่นเข้ากลางจิตใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าที่โน้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆแทบทำให้เธอหยุดหายใจ
ริมฝีปากอิ่มประทับลงบนรอยแผลที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่ ก่อนจะไล้เลียเลือดราวกับแดร็กคิวลาผู้กระหาย ความเจ็บแสบที่แก้มพลุ่งพล่านปลุกให้สติของเธอตื่น โฟลถีบหญิงสาวออกไปทันที เธอกระเด็นชนโครมเข้ากับตัวสะพานทันที อิฐไม่อาจคงสภาพเดิมไว้ได้ด้วยแรงปะทะที่รุนแรง พังตัวลงทับหญิงสาวที่หล่นลงกระแทกพื้นอิฐเบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงโลก
"คิก....คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ"
เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงดังมาจากร่างภายใต้กองอิฐแตกหัก ฉับพลัน อิฐเหล่านั้นก็ลอยออกไปคนละทิศช้าๆ ร่างของหญิงสาวลุกขึ้นมา เศษอิฐมากมายลอยวนช้าๆอยู่รอบตัวเธอ ส่องแสงสีแดงประหลาดไม่หยุด
"เลอริเชีย..เลอริเชียใช่ไหม"
โฟลเอ่ยทวนอีกครั้งหลังจากสติกลับมา เบลที่หลุดจากเขตมนต์พร้อมๆกับสควอลโลและมาม่อนกระโจนไปหยิบไทรเซเจียนก่อนจะโยนมาให้ทันที ซึ่งเธอก็รับได้อย่างสวยงาม
"ทั้งที่ข้าช่วยเจ้าแท้ๆ"
ประโยคตอบกลับจากหญิงสาวปริศนาที่ดูไม่กระทบกระเทือนอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่บาดแผลเต็มตัว เลือดไหลย้อยอย่างสยดสยอง สร้างความฉงนให้กับเหล่าวาเรีย โฟลไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแต่กระชับดาบแน่นขึ้นเท่านั้น
"ข้าไม่ได้อยากสู้กับเจ้า"
เสียงใสเย็นชากล่าวขึ้นอีก แต่อีกฝ่ายไม่ยี่หระใดๆ ถามกลับอย่างไม่มีความหวาดกลัว ต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง
"แล้วเจ้าต้องการอะไร"
"ริสทัชเชีย"
"หากไม่สู้ เจ้าคิดว่าจะได้ไปอย่างไร"
คราวนี้เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นอีก เป็นเสียงที่น่าสะอิดสะเอียน ต้นเสียงเพียงแต่มองตรงๆมาที่หญิงสาวที่จับดาบแน่นในมือ ก่อนจะชูมือขึ้นกลางอากาศ
ก้อนอิฐที่รายล้อมรอบตัวพุ่งมาทางทิศเดียวกันทันที ก่อตัวเป็นร่างๆหนึ่ง ส่องแสงสีแดงสว่างจ้าออกมา ปรากฏร่างหญิงผิวแทนในชุดสีเขียวมรกตสไตล์ตะวันออก ประดับด้วยเครื่องประดับทองอร่าม ดวงตาสีหม้ายที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงช้าๆประดับอยู่บนดวงหน้ารูปไข่เรียว ดาบเงินในมือส่องประกายแวววับ ขัดกับทับทิมแดงสดที่ส่องประกายอยู่ตรงด้ามจับ ลักษณะราวกับเป็นนักรบทางภาคตะวันออก
"แชมเชอร์..?"
โฟลอุทานออกมาอีกครั้ง มองหญิงสาวในชุดแดงที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหญิงนักรบผิวแทน
ร้ายกาจ..
"เจ้ารู้จัก?" หญิงผู้นั้นเอ่ยทวนมา โฟลจึงเหยียดยิ้มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ไม่มีใครไม่รู้จักแชมเชอร์ ท่านแม่ทัพแห่งอัซูอัลแกตผู้นำชัยแก่แผ่นดินแม่หรอก เลอริเชีย"
"แชมเชอร์..จะใช่คนที่โฟลเล่าให้พวกเราฟังไหม"
มาม่อนถามเบาๆกับอีกสองคนที่ยืนอยู่ถัดไป ซึ่งดูจะเป็นปกติกันแล้ว เบลยิ้มโชว์ฟันเหมือนเดิมก่อนตอบแบบขอไปที
"คงงั้นมั้ง ชิชิชิ"
"ไอ้บอสเฮงซวยนั่น..ให้แต่ภารกิจบ้าๆ" สควอลโลสบถ
ขณะนี้ทั้งสามเตรียมออกศึกได้ทุกเมื่อ พวกเขาก้าวเข้าไปเทียบทัดกับหญิงสาวที่ยืนเตรียมรับมืออยู่ข้างหน้า เบลไม่วายส่งยิ้มกวนๆให้มาม่อน สมกับเป็นเพื่อนสนิทด้วยกัน
"อย่าพึ่งตีตั๋วไปยมโลกซะล่ะมาม่อน"
"ขอค่าจ้างมีชีวิตต่อไปด้วยได้ไหม" น้ำเสียงเด็กๆต่อรอง คนฟังหัวเราะร่วนก่อนว่าต่อพร้อมกับโผนทะยานไปข้างหน้า พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว
"งั้นไปไหนก็ไปเถอะไป๊"
มีดรูปทรงประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งดิ่งเข้าสู่เป้าหมาย แต่เมื่อเข้าใกล้ในรัศมี 1 เมตรของแชมเชอร์ มีดทั้งหมดก็กระเด็นออกไปทั่วทิศทาง ส่งผลให้พวกพ้องที่ยืนอยู่ข้างหลังต้องรีบหลบเป็นพัลวัน
"เจ้าบ้า บุกไม่ดูทิศดูทาง"
โฟลแยกเขี้ยวพลางต่อว่าคนใจร้อนเข้าให้ มือกุมศีรษะอย่างห่วงๆ แต่คนถูกว่ากลับยังยิ้มร่าเหมือนเดิม
"ว่าเจ้าชายที่เป็นถึงเจ้านายได้อย่างงี้ ถือว่าพร้อมรบล่ะนะ"
"แหงอยู่แล้ว"
ทุกคนลุกขึ้นยืน เลอริเชียมองพวกเขาทั้งสี่เงียบๆ มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย
เล่นได้ทุกสถานการณ์ จะว่าใจกล้าหรืองี่เง่าดีนะ
"เอาเถอะ เจ้าจะทำยังไงกับแชมเชอร์ก็ได้ ข้ายังมีโอกาสได้เจอพวกเจ้าอีกเยอะ"
คำพูดชวนฉงนจากอีกฝ่ายทำให้ทั้งสี่หันไปมอง แต่ร่างเล็กกลับเลือนหายไปแล้ว สมการเลขลึกลับซับซ้อนมากมายวนอยู่รอบตัวเธอพักหนึ่งก่อนจางหายไปพร้อมๆกับร่าง แชมเชอร์เคลื่อนไหวขึ้นบ้างทันทีที่เลอริเชียหายไป
"เฮ้ย แล้วปล่อยมันชิ่งไปง่ายๆอย่างงี้เนี่ยนะ"
สควอลโลโวย คิ้วเรียวกระตุกเป็นระยะๆ มาม่อนลอยตัวขึ้นสูงเล็กน้อยก่อนเอ่ย
"ศัตรูยังอยู่ข้างหน้า สควอลโล อีกอย่าง เจ้านั่นก็บอกแล้วนี่ว่ามีโอกาสได้เจออีกเยอะ"
และแล้ว ภาพมายาก็ปรากฏขึ้น สิ่งประหลาดยั้วเยี้ยน่าขยะแขยงผุดขึ้นจากผืนดิน พันร่างของแชมเชอร์เอาไว้ ดวงตาของนางส่องประกายสีแดงจ้า ไม่นาน ภาพมายาก็เลือนหายไป
"อำนาจของริสทัชเชีย.." โฟลพึมพำ
"ที่ดาบใช่ไหม" มาม่อนเอ่ยพลางจ้องเขม็งไปที่ทับทิมที่ดาบในมือแชมเชอร์ที่กำลังย่างก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
"โคลาดา มีประสิทธิภาพร้ายกาจจริงๆด้วย แต่เราจะโจมตียังไง แชมเชอร์มีกระทั่งบาร์เรียของเลอริเชีย"
โฟลกล่าวอย่างกังวล แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรทั้งสิ้น โคลาดาก็ถูกตวัดเป็นแนวกว้าง ระลอกคลื่นแห่งความตายพัดมาที่ทั้งสี่ทันที
"ก้มหัว!!!"
สควอลโลตะโกนก้อง ทุกคนหลบได้อย่างหวุดหวิดเพราะคำเตือน ความเร็วของลมดาบไวมากจนแทบมองด้วยสายตาไม่ทัน
มาม่อนพยายามใช้ภาพมายาอีกครั้ง เบลเองก็โจมตีอีกครั้งเช่นกัน สควอลโลเองก็วาดเพลงดาบ การโจมตีทั้งสามพุ่งเข้าสู่เป้าหมาย แต่พลังทั้งหมดกลับกระจายไปทั่วทุกทิศอย่างเดิม
ร่างของแชมเชอร์ร่ายรำอยู่กลางหมู่ศัตรู
"ยังไงก็ไม่มีทางทำลายบาร์เรียได้ง่ายๆแน่ ต้องหาทางอื่น.. ยิ่งแชมเชอร์เริ่มรำแล้วด้วย"
คนๆเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ว่าเสียงเครียด สควอลโลหันกลับมาทวน
"รำ?"
โฟลพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะปักไทรเซเจียนลงกับพื้นและกล่าวอธิบาย
"ฉันคงไม่ได้บอกพวกนาย การร่ายรำของแชมเชอร์ คืออาวุธที่ทำให้กองทัพของอาณาจักรโนอิกกลาโดพ่ายแพ้อย่างหมดสารรูป ความสามารถในการร่ายรำอย่างพลิ้วไหวที่ได้มาจากมารดาผู้เป็นถึงนักระบำระดับโลก บวกกับฝีมือดาบยอดเยี่ยมที่ได้มาจากบิดาผู้เป็นถึงแม่ทัพกองพลทหาร สร้างวิชานี้ขึ้นมา แถมยังพลังของริสทัชเชียในโคลาดาอีก"
คำอธิบายทำให้ทั้งสามที่บุกเข้าไปถอยกลับแทบไม่ทัน ทว่าแชมเชอร์กลับพุ่งตัวมาข้างหน้าเข้าฟาดฟันพวกเขาอย่างรวดเร็ว!
และเลือดสีแดงฉานก็สาดกระเซ็นลงบนพื้นอิฐ ละเลงสีเข้มลงกับพสุธา
"แกไม่มีวันได้ริสทัชเชียไปง่ายๆหรอก นังหนู"
มีดสั้นกระทบกับดาบเรียวที่ตวัดออกมารับได้ทันท่วงที เอจิโอนานามมาเธียสจ้องเขม็งที่โฟล ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะการต้านแรงของดาบ มือหนาสากกำมีดสั้นแน่นขึ้น กดแรงเพิ่ม
"ความเร็วสูงมาก" มาม่อนวิจารณ์ ความกังวลแฝงอยู่ในน้ำเสียง ทำท่าจะเข้าไปช่วย ทว่า..
"เฮ้ย"
อยู่ดีๆทั้งเบลและสควอลโลก็อุทานออกมาเมื่อวงเวทย์ประหลาดถูกวาดขึ้นใต้ร่างของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ มันส่องแสงสีแดงประหลาดออกมาเหมือนริสทัชเชีย และร่างกายของพวกเขาก็ไม่อาจขยับได้อีกต่อไป มาม่อนถอนหายใจก่อนกล่าวตำหนิ
"ไม่ไหว แค่นี้ก็โดนกับดักมนต์ซะแล้วเหรอ"
"จะบ้าเรอะ พวกฉันไม่ใช่นักใช้เวทย์นักใช้มายาอย่างแกนะโว้ยย"
สควอลโลสวนขวับ เบลสบถอุบอย่างหงุดหงิด เมื่อสามารถทำได้แค่ขยับปาก กลอกตาไปมา มาม่อนพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาตัวการ
หรือจะเป็นเอจิโอนา?
ดวงตาว่างเปล่าที่ถูกปกปิดไว้เบือนไปทางโฟลและเอจิโอนาที่รับมือกันอยู่
ถ้าใช่ มันก็น่ากลัวเกินไป
ใช้เวทย์ทั้งที่ยังสู้ได้งั้นเหรอ?
"ช้าไปแล้วล่ะ"
เสียงใสแต่เย็นชาดังขึ้นจากฟากฟ้า มาม่อนชักสีหน้า แต่เมื่อรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ร่างเล็กๆถูกวงเวทย์ดึงลงมากระแทกกับพื้นดังลั่น และตกอยู่ในสภาพเดียวกับเบลและสควอลโลที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
"โฟล!"
เบลพยายามเรียกหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา ถ้าเธอตกอยู่ในกับดักมนต์ขึ้นมา หนทางรอดของพวกเขาก็หมดลง แต่ดูเหมือนว่าเสียงของเขาไม่อาจส่งไปถึง เธอเบิกตากว้าง เอจิโอนาที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอแสยะยิ้ม ดวงตาสีดำคู่นั้นฉายแววระริก ไม่นาน แรงของเธอก็หมดลง ดาบในมือถูกสะบัดไปในทิศทางอื่น มีดสั้นคมกริบถูกเงื้อขึ้น
"โฟล!!!!!!!!"
"จบกันแค่นี้ล่ะ! มาติน คาทอร์ซ!!!"
ช่วยสิ...ช่วยนาง
เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นใกล้ริมหูของวายุแห่งวาเรีย เขาอยากหันหน้าไป แต่ไม่อาจทำได้ ที่สำคัญ เขาไม่อาจละสายตาจากภาพน่าระทึกใจตรงหน้าได้ ภายในใจส่งเสียงร่ำร้องขัดกัน ทั้งสุขสมที่จะได้รับเลือดอุ่นๆที่กระเซ็นมาโดนเขา ทั้งเศร้าใจที่จะสูญเสียเพื่อนร่วมงานที่น่าเสียดายไป
"พอแค่นั้นล่ะ มาเธียส"
เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งจากฟากฟ้า มาเธียสถูกหมอกหนาคลุมร่างและเลือนหายไปทันที มีดที่ถูกชะงักอยู่ที่ดวงตาหล่นลงกับพื้น กรีดแก้มนวลให้เป็นรอยตำหนิอย่างน่าเสียดาย ร่างบางฟุบลงกับพื้นอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง
"เฮ้ย! ลุกขึ้นมาสิวะไอ้เบ๊งี่เง่า!" สควอลโลตวาดออกไป แต่น้ำเสียงยังบอกถึงความกังวล
พื้นอิฐว่างเปล่าปรากฏเส้นสีแดงสว่างขึ้น มันลากไปเรื่อยๆเป็นวงเวทย์ ส่องแสงประหลาดไปทั่ว สว่างเสียยิ่งกว่าวงเวทย์ที่กักขังวาเรียเอาไว้
"อะไรน่ะ"
เบลหลุดเสียงออกมาอย่างตกใจ มาม่อนพยายามเพ่งไปที่วงเวทย์ที่กำลังถูกวาดอย่างพิศวง ก่อนจะอุทานออกมา
"วงเวทย์นี่มัน.."
เมื่อวงเวทย์ถูกวาดเสร็จ มันส่องแสงสว่างจ้า ร่างของหญิงสาวผิวขาวละเอียดปรากฏขึ้น เส้นผมสีแดงสดเช่นเดียวกับชุดที่ใส่อยู่ราวกับชโลมด้วยเลือดปลิวไสวด้วยแรงลมจากวงเวทย์
ขนนกสีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นกระจายไปทั่ว พร้อมๆกับปีกที่กำลังสยายออกช้าๆ
และดวงตาสีเข้มราวกับปิศาจที่ทำให้ผู้จ้องมองแทบลืมหายใจ
"เลอ..ริเชีย..?"
ทุกคนหันไปมองที่ตัวต้นเสียงทันที ดวงตาสีนภาเบิกกว้าง บ่งบอกความคาดไม่ถึง หญิงผู้ถูกเรียกเพียงแต่เหลือบสายตามาทางเธอเท่านั้น ใบหน้าเรียบเฉยราวกับรูปปั้นให้ความรู้สึกเย็นชายิ่งนัก
เธอก้าวมาหาโฟลที่ยืนค้างอยู่ หญิงสาวล้มพับลงไปทันที จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอคนนั้นเพียงแต่หลุบตาลงมองเธอเท่านั้น ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยอง ประสานตาสีนภาที่ฉายแววหวาดกลัวเอาไว้ และค่อยๆแสยะยิ้มออกมา พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ มือสองข้างกำลังถูกอีกฝ่ายพันธนาการไว้ด้วยมือเช่นกัน ความหวาดกลัวแล่นเข้ากลางจิตใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าที่โน้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆแทบทำให้เธอหยุดหายใจ
ริมฝีปากอิ่มประทับลงบนรอยแผลที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่ ก่อนจะไล้เลียเลือดราวกับแดร็กคิวลาผู้กระหาย ความเจ็บแสบที่แก้มพลุ่งพล่านปลุกให้สติของเธอตื่น โฟลถีบหญิงสาวออกไปทันที เธอกระเด็นชนโครมเข้ากับตัวสะพานทันที อิฐไม่อาจคงสภาพเดิมไว้ได้ด้วยแรงปะทะที่รุนแรง พังตัวลงทับหญิงสาวที่หล่นลงกระแทกพื้นอิฐเบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงโลก
"คิก....คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ"
เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงดังมาจากร่างภายใต้กองอิฐแตกหัก ฉับพลัน อิฐเหล่านั้นก็ลอยออกไปคนละทิศช้าๆ ร่างของหญิงสาวลุกขึ้นมา เศษอิฐมากมายลอยวนช้าๆอยู่รอบตัวเธอ ส่องแสงสีแดงประหลาดไม่หยุด
"เลอริเชีย..เลอริเชียใช่ไหม"
โฟลเอ่ยทวนอีกครั้งหลังจากสติกลับมา เบลที่หลุดจากเขตมนต์พร้อมๆกับสควอลโลและมาม่อนกระโจนไปหยิบไทรเซเจียนก่อนจะโยนมาให้ทันที ซึ่งเธอก็รับได้อย่างสวยงาม
"ทั้งที่ข้าช่วยเจ้าแท้ๆ"
ประโยคตอบกลับจากหญิงสาวปริศนาที่ดูไม่กระทบกระเทือนอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่บาดแผลเต็มตัว เลือดไหลย้อยอย่างสยดสยอง สร้างความฉงนให้กับเหล่าวาเรีย โฟลไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแต่กระชับดาบแน่นขึ้นเท่านั้น
"ข้าไม่ได้อยากสู้กับเจ้า"
เสียงใสเย็นชากล่าวขึ้นอีก แต่อีกฝ่ายไม่ยี่หระใดๆ ถามกลับอย่างไม่มีความหวาดกลัว ต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง
"แล้วเจ้าต้องการอะไร"
"ริสทัชเชีย"
"หากไม่สู้ เจ้าคิดว่าจะได้ไปอย่างไร"
คราวนี้เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นอีก เป็นเสียงที่น่าสะอิดสะเอียน ต้นเสียงเพียงแต่มองตรงๆมาที่หญิงสาวที่จับดาบแน่นในมือ ก่อนจะชูมือขึ้นกลางอากาศ
ก้อนอิฐที่รายล้อมรอบตัวพุ่งมาทางทิศเดียวกันทันที ก่อตัวเป็นร่างๆหนึ่ง ส่องแสงสีแดงสว่างจ้าออกมา ปรากฏร่างหญิงผิวแทนในชุดสีเขียวมรกตสไตล์ตะวันออก ประดับด้วยเครื่องประดับทองอร่าม ดวงตาสีหม้ายที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงช้าๆประดับอยู่บนดวงหน้ารูปไข่เรียว ดาบเงินในมือส่องประกายแวววับ ขัดกับทับทิมแดงสดที่ส่องประกายอยู่ตรงด้ามจับ ลักษณะราวกับเป็นนักรบทางภาคตะวันออก
"แชมเชอร์..?"
โฟลอุทานออกมาอีกครั้ง มองหญิงสาวในชุดแดงที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหญิงนักรบผิวแทน
ร้ายกาจ..
"เจ้ารู้จัก?" หญิงผู้นั้นเอ่ยทวนมา โฟลจึงเหยียดยิ้มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ไม่มีใครไม่รู้จักแชมเชอร์ ท่านแม่ทัพแห่งอัซูอัลแกตผู้นำชัยแก่แผ่นดินแม่หรอก เลอริเชีย"
"แชมเชอร์..จะใช่คนที่โฟลเล่าให้พวกเราฟังไหม"
มาม่อนถามเบาๆกับอีกสองคนที่ยืนอยู่ถัดไป ซึ่งดูจะเป็นปกติกันแล้ว เบลยิ้มโชว์ฟันเหมือนเดิมก่อนตอบแบบขอไปที
"คงงั้นมั้ง ชิชิชิ"
"ไอ้บอสเฮงซวยนั่น..ให้แต่ภารกิจบ้าๆ" สควอลโลสบถ
ขณะนี้ทั้งสามเตรียมออกศึกได้ทุกเมื่อ พวกเขาก้าวเข้าไปเทียบทัดกับหญิงสาวที่ยืนเตรียมรับมืออยู่ข้างหน้า เบลไม่วายส่งยิ้มกวนๆให้มาม่อน สมกับเป็นเพื่อนสนิทด้วยกัน
"อย่าพึ่งตีตั๋วไปยมโลกซะล่ะมาม่อน"
"ขอค่าจ้างมีชีวิตต่อไปด้วยได้ไหม" น้ำเสียงเด็กๆต่อรอง คนฟังหัวเราะร่วนก่อนว่าต่อพร้อมกับโผนทะยานไปข้างหน้า พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว
"งั้นไปไหนก็ไปเถอะไป๊"
มีดรูปทรงประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งดิ่งเข้าสู่เป้าหมาย แต่เมื่อเข้าใกล้ในรัศมี 1 เมตรของแชมเชอร์ มีดทั้งหมดก็กระเด็นออกไปทั่วทิศทาง ส่งผลให้พวกพ้องที่ยืนอยู่ข้างหลังต้องรีบหลบเป็นพัลวัน
"เจ้าบ้า บุกไม่ดูทิศดูทาง"
โฟลแยกเขี้ยวพลางต่อว่าคนใจร้อนเข้าให้ มือกุมศีรษะอย่างห่วงๆ แต่คนถูกว่ากลับยังยิ้มร่าเหมือนเดิม
"ว่าเจ้าชายที่เป็นถึงเจ้านายได้อย่างงี้ ถือว่าพร้อมรบล่ะนะ"
"แหงอยู่แล้ว"
ทุกคนลุกขึ้นยืน เลอริเชียมองพวกเขาทั้งสี่เงียบๆ มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย
เล่นได้ทุกสถานการณ์ จะว่าใจกล้าหรืองี่เง่าดีนะ
"เอาเถอะ เจ้าจะทำยังไงกับแชมเชอร์ก็ได้ ข้ายังมีโอกาสได้เจอพวกเจ้าอีกเยอะ"
คำพูดชวนฉงนจากอีกฝ่ายทำให้ทั้งสี่หันไปมอง แต่ร่างเล็กกลับเลือนหายไปแล้ว สมการเลขลึกลับซับซ้อนมากมายวนอยู่รอบตัวเธอพักหนึ่งก่อนจางหายไปพร้อมๆกับร่าง แชมเชอร์เคลื่อนไหวขึ้นบ้างทันทีที่เลอริเชียหายไป
"เฮ้ย แล้วปล่อยมันชิ่งไปง่ายๆอย่างงี้เนี่ยนะ"
สควอลโลโวย คิ้วเรียวกระตุกเป็นระยะๆ มาม่อนลอยตัวขึ้นสูงเล็กน้อยก่อนเอ่ย
"ศัตรูยังอยู่ข้างหน้า สควอลโล อีกอย่าง เจ้านั่นก็บอกแล้วนี่ว่ามีโอกาสได้เจออีกเยอะ"
และแล้ว ภาพมายาก็ปรากฏขึ้น สิ่งประหลาดยั้วเยี้ยน่าขยะแขยงผุดขึ้นจากผืนดิน พันร่างของแชมเชอร์เอาไว้ ดวงตาของนางส่องประกายสีแดงจ้า ไม่นาน ภาพมายาก็เลือนหายไป
"อำนาจของริสทัชเชีย.." โฟลพึมพำ
"ที่ดาบใช่ไหม" มาม่อนเอ่ยพลางจ้องเขม็งไปที่ทับทิมที่ดาบในมือแชมเชอร์ที่กำลังย่างก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
"โคลาดา มีประสิทธิภาพร้ายกาจจริงๆด้วย แต่เราจะโจมตียังไง แชมเชอร์มีกระทั่งบาร์เรียของเลอริเชีย"
โฟลกล่าวอย่างกังวล แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรทั้งสิ้น โคลาดาก็ถูกตวัดเป็นแนวกว้าง ระลอกคลื่นแห่งความตายพัดมาที่ทั้งสี่ทันที
"ก้มหัว!!!"
สควอลโลตะโกนก้อง ทุกคนหลบได้อย่างหวุดหวิดเพราะคำเตือน ความเร็วของลมดาบไวมากจนแทบมองด้วยสายตาไม่ทัน
มาม่อนพยายามใช้ภาพมายาอีกครั้ง เบลเองก็โจมตีอีกครั้งเช่นกัน สควอลโลเองก็วาดเพลงดาบ การโจมตีทั้งสามพุ่งเข้าสู่เป้าหมาย แต่พลังทั้งหมดกลับกระจายไปทั่วทุกทิศอย่างเดิม
ร่างของแชมเชอร์ร่ายรำอยู่กลางหมู่ศัตรู
"ยังไงก็ไม่มีทางทำลายบาร์เรียได้ง่ายๆแน่ ต้องหาทางอื่น.. ยิ่งแชมเชอร์เริ่มรำแล้วด้วย"
คนๆเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ว่าเสียงเครียด สควอลโลหันกลับมาทวน
"รำ?"
โฟลพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะปักไทรเซเจียนลงกับพื้นและกล่าวอธิบาย
"ฉันคงไม่ได้บอกพวกนาย การร่ายรำของแชมเชอร์ คืออาวุธที่ทำให้กองทัพของอาณาจักรโนอิกกลาโดพ่ายแพ้อย่างหมดสารรูป ความสามารถในการร่ายรำอย่างพลิ้วไหวที่ได้มาจากมารดาผู้เป็นถึงนักระบำระดับโลก บวกกับฝีมือดาบยอดเยี่ยมที่ได้มาจากบิดาผู้เป็นถึงแม่ทัพกองพลทหาร สร้างวิชานี้ขึ้นมา แถมยังพลังของริสทัชเชียในโคลาดาอีก"
คำอธิบายทำให้ทั้งสามที่บุกเข้าไปถอยกลับแทบไม่ทัน ทว่าแชมเชอร์กลับพุ่งตัวมาข้างหน้าเข้าฟาดฟันพวกเขาอย่างรวดเร็ว!
และเลือดสีแดงฉานก็สาดกระเซ็นลงบนพื้นอิฐ ละเลงสีเข้มลงกับพสุธา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น