ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Blind Justice -Ristaccia-

    ลำดับตอนที่ #10 : ความทรงจำของริสทัชเชีย

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 54


    ชิ้นส่วนความทรงจำ :

    โนวาริสตา
     
    บทที่สาม : จักรพรรดินีมาติน
    ตอนที่สาม ~ จิตใจที่แข็งกระด้างแห่งนิโอกลาโด

     
    ลมเหนือซึ่งพัดพาความหนาวเย็นจากป่าน้ำแข็ง แคนทอล สร้างความเยือกเย็นให้แก่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ทะเลสาบเซนทริสส่องสะท้อนแสงตะวันซึ่งแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเช่นตัวตนที่เคยเป็นมา
     
    อีกไม่นาน จะเป็นเทศกาลเคเลียส
     
    ถนนหลักในโนวาริสตาล้นคลั่งไปด้วยผู้คนที่รีบเร่ง แลดูคึกคัก เช่นเดียวกับในราชวัง ไม่ว่าจะเป็นอาร์คบิชอป อีเลโอโนรา ต่างเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด เพราะอีกไม่นานจะมีการประชุมสำคัญ รวมไปถึงพิธีศักดิ์สิทธิ์ของไทรเซเจียน
     
    องค์จักรพรรดินีประทับบนบัลลังก์ สดับฟังรายงานจากรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร แม้ภายในจิตใจจะไม่สงบนิ่งนัก คงเพราะปัญหามากมายที่รบกวนจิตใจนางมาพักหนึ่ง
     
    ‘ฟาโล..’ หญิงสาวรำพึง ‘เจ้าทำอะไรอยู่? เหตุใดข้าจึงไม่อาจได้รับการติดต่อจากเจ้าแม้แต่น้อยในหลายวันมานี้ เกิดอะไรขึ้นกัน..’
     
    ดูท่าจะผ่านมาได้ราวสามเดือนกว่านับแต่นางได้ให้คำสั่งแก่ฟาโล คำสั่งที่สั่งให้ตามหาน้องชายฝาแฝดที่ห่างหายไป แต่พระองค์กลับไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าจากฟาโลอีกเลย แม้แต่จดหมายสักฉบับ
     
    “..รายงานของกระหม่อมมีเพียงเท่านี้ ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านมาติน จะเป็นการองอาจไปหรือไม่หากหม่อมฉันประสงค์จะทราบถึงความกังวลของท่าน?”
     
    ฉับพลัน ดวงตาสีนภาก็เบิกกว้าง สติที่เลื่อนลอยกลับมาทันทีพร้อมกับความร้อนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ธีโอ รัฐมนตรีผู้เป็นถึงอาจารย์ขององค์จักพรรดินีนั้น ขยับรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ความชราบนใบหน้าไม่ได้ทำให้ความใจดีของเขาดูลดลงแม้แต่น้อย
     
    “ท่านมาติน หม่อมฉันเข้าใจว่าพระองค์กลุ้มพระทัยมากแค่ไหนเรื่องฟาโล” เขาเปรยขึ้น “แต่หม่อมฉันก็แน่ใจอีกเช่นกันว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ขอพระองค์โปรดอย่ากังวล หม่อมฉันขอรับรองว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยกระหม่อม”
     
    “เรารู้ และขอบใจท่านมาก ท่านธีโอ เราเชื่อใจฟาโล…แต่เราทำอะไรไม่ได้นอกจากกังวล อีกทั้งเรื่องกบฎ…”
     
    ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โนอิกลาโดที่แสนสงบสุข นับวันเริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ ทั้งไม่นานมานี้สถานการณ์ระหว่างประชาชนชั้นต่ำและเหล่าขุนนางก็รุนแรงขึ้นทั้งที่เกิดจากการเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน ปัญหายืดเยื้อเรื่อยมาจนกระทั่งเรื่องไปถึงราชสำนักและกระทั่งโบสถ์ศักดิ์สิทธ์ ไทรเซเจียนิด สุดท้าย อัศวินหลวงจำนวนหนึ่งจึงถูกส่งไปเพื่อแก้ไขปัญหา แม้จะเกิดจากเรื่องเล็กน้อย แต่กลับถูกบันทึกลงประวัติศาสตร์ในฐานะเหตุการณ์ใหญ่เหตุหนึ่ง
     
    การเสด็จสวรรคตของกษัตริย์องค์ก่อนหน้า เคราห์กรรมอันทารุณของอาณาจักรอัซูอัลแกต และการขึ้นครองราชย์ขององค์จักรพรรดินีมาติน..
     
    เหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นมากเหลือเกินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงกระนั้น ชาวเมืองก็รู้สึกได้ว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งกว่านี้ยังรอคอยอยู่ไม่ไกลนัก และจะมาถึงในอนาคตภายภาคหน้าอันใกล้
     
    “ธีโอ เราไม่เข้าใจ…ทำไมเหล่าประชาถึงต้องต่อต้านไทรเซเจียนิดกัน?” มาตินเอ่ยถามด้วยพระเนตรใสซื่อบริสุทธิ์ “ไทรเซเจียนิดนำพาทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีมาแก่โนอิกลาโด มันเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ของความสงบสุขที่หาได้ยากนัก ทำไม..ทำไมพวกเขาถึงต่อต้านที่จะรับความสงบสุขเหล่านี้กัน”

    “..หม่อมฉันไม่อาจตอบได้อย่างชัดเจน” ธีโอเว้นช่วงไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบใหม่อีกครั้ง “บางที..คำตอบอาจเป็นคำพื้นๆอย่าง พวกเขาคือ ‘ปิศาจ’ “
     
    “ปิศาจ..”
     
    ด้วยเพราะไร้ซึ่งประสบการณ์ของโลกภายนอก มาตินผู้เยาว์วัยนั้นได้มีจิตใจที่อ่อนโยนเกินไป และไร้เดียงสาเกินไปพอที่จะเข้าใจคำว่า ปิศาจ
     
    เธอทุ่มเทความเชื่อถือทั้งหมดที่เธอมีให้แก่ไทรเซเจียนิดอย่างไม่ลืมหูลืมตา เธอเชื่อว่าทุกคนต่างรักใคร่กันและใช้ชีวิตอย่างรื่นเริงสงบสุขภายใต้การปกครองของไทรเซเจียนิด เธอไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับโลกภายนอกราชวัง ทำไมพวกเขาถึงไม่กระทำตามกฎระเบียบ? ไม่ว่าเธอจะพยายามทำความเข้าใจสักแค่ไหน เธอก็ยังไม่อาจเข้าใจได้อยู่ดี
     
    “ขอประทานอภัย องค์จักรพรรดินี”
     
    ชายผู้หนึ่งย่างก้าวเข้ามาในห้องบัลลังก์ ดวงตาคมปลาบให้ความรู้สึกเย็นชาต่อคนทั่วไปยิ่งนัก
     
    “ธีโอ เจ้ามัวแต่ทำอะไรอยู่” เขาตวาดและชี้ไปที่เอกสารรายงานของธีโอซึ่งอยู่ในมือที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาแต่ยังอุดมสมบูรณ์ของธีโอ “รายงานพวกนั้นน่ะหรือ ที่เจ้าเรียกว่าเอกสารรายงาน”
     
    เขาคือมาเธียส แน่นอนว่าเขาคือเอเยนต์ใหญ่ยักษ์ของเอจิโอนา องค์กรที่ควบคุมโนอิกกลาโดไว้ทั้งอาณาจักร
     
    “ไม่แปลกที่เจ้าจะได้ยินข่าวไร้ยางอายพวกนั้นในแคว้นฟาลิวน์ พวกนั้นกำลังต่อต้านอัศวินหลวงของพวกเรา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”
     
    ธีโอยืนสงบนิ่งเช่นเคย ไม่มีร่องรอยการไม่พอใจหรืออะไรใดๆทั้งสิ้นบนใบหน้า แม้เขาจะพยายามปกครองแคว้นฟาลิวน์อย่างเป็นธรรมและพยายามให้ดีที่สุดตามหน้าที่ แต่สิ่งใดก็ไม่อาจดีขึ้นได้ สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายขึ้นหรือน้อยลง เขารู้ดีว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
     
    มาตินเห็นดังนั้นจึงกล่าวต่อว่ามาเธียส
     
    “มาเธียส การที่เจ้าโหวกเหวกโวยวายราวกับบ้าคลั่งเช่นนี้ไม่อาจแก้ไขปัญหาใดๆได้ทั้งสิ้นทั้งนั้น เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าการแก้ไขปัญหานั้น สำคัญที่สุดคือหาสาเหตุและทำให้ทุกอย่างถูกต้อง”
     
    “สาเหตุ?” น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากมาเธียส “เจ้าพูดถึงอะไรกัน ทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้าไร้ความสามารถทั้งนั้น มันเป็นความรับผิดชอบของเจ้าที่จะต้องคอยตรวจตราความเรียบร้อยไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น! ถ้าเจ้ายังไม่ปรับปรุงให้ดีขึ้นก่อนการประชุม H4 ล่ะก็ ข้าจะประหารเจ้าด้วยกิโยตินด้วยมือข้านี่ล่ะ!”
     
    มาตินอึ้งไปกับคำพูดของมาเธียสพักหนึ่ง แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยปากโต้กลับ มาเธียสก็ได้หันตัวกลับและเดินจากไปจากห้องบัลลังก์เสียแล้ว
     
    การประชุม H4 คือชื่อของสภานิติบัญญัติสูงสุด ซึ่งมีเพียงสี่ชนชั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่มี่สิทธ์ร่วมประชุม (รัฐมนตรี , มหาดเล็กหลวง , อาร์คบิช็อป และ เอจิโอนา) ทว่า อำนาจสำคัญที่แท้จริงในตอนนี้กลับตกอยู่ในมือของหัวหน้าใหญ่แห่งเอจิโอนา เขามีฐานะศักดิ์ที่ยิ่งใหญ่เหนือใคร
     
    ดูเหมือนว่า..อาณาจักรแห่งนี้จะถูกควบคุมโดยเขาไปโดยปริยายเสียแล้ว…
     
    ‘หากทุกอย่างยังคงดำเนินไปเช่นนี้ สิ่งใดกันที่จะรอคอยพวกเราอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้กัน..’
     
    ธีโอครุ่นคิด เขาพยายามเก็บสีหน้าท่าทางให้เรียบเฉยเอาไว้ ทว่ามาตินกลับสามารถมองเห็นความกังวลใจในสายตาอ่อนโยนของผู้เป็นอาจารย์ได้
     
    “ท่านธีโอ ท่านสบายดีหรือเปล่า”
     
    เขาสบตากับองค์จักพรรดินี ก่อนจะตอบกลับอย่างเคอะเขิน “ท่านมาติน..ขออภัยที่หม่อมฉันมีสภาพไม่น่าดูเช่นนี้ต่อหน้าท่าน และได้โปรดให้อภัยเซอร์มาเธียสในความไร้มารยาทของเขาด้วย บางทีเขาอาจแค่เคร่งเครียดกับสถานการณ์ในตอนนี้” รอยยิ้มโศกเศร้าพร่างพรายบนใบหน้าของธีโอ “หม่อมฉันเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าพระองค์ หม่อมฉัน หรือ ใครๆก็ตาม ไม่ต้องการที่จะเห็นอาณาจักรอันเป็นที่รักยิ่งนี้ต้องตกอยู่ในห้วงปัญหาไร้ซึ่งทางแก้ คงจะเป็นเช่นนั้น…”
     
    นั่นคือสิ่งที่เขาพูดไปทั้งหมดต่อมาติน องค์จักรพรรดินีผู้น่าสงสารนั้นไม่ทราบถึงแม้แต่วิธีที่จะสงสัยผู้คน บางที..นั่นอาจเป็นเหตุผลทีว่าทำไมเอจิโอนาถึงได้เลือกเธอ
     
    ความคิดของเขาเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง
     
    ‘ท่านเรห์นแลนด์ กษัตริย์องค์ก่อนก็ถูกเลือกจากเอจิโอนาเช่นกัน พระองค์ถูกบังคับให้เริ่มสงครามกับอัซูอัลแกตและถูกประหารอย่างไร้ความเป็นธรรมและโหดเหี้ยม และในคราวนี้..อะไรกำลังจะเกิดขี้นกับท่านมาติน?’
     
    ความสงสารปกคลุมจิตใจของธีโอทันที ‘โอ..ซานตา ริสทัชเชีย ข้าไม่ต้องการเห็นสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเช่นนี้ แต่ข้าจะทำเช่นไรได้ ข้าชราเกินจะต่อต้านเอจิโอนาได้ด้วยกำลังของข้า..’
     
    ขณะที่เขากำลังจะบอกกล่าวความคิดของเขาแก่มาตินนั้นเอง..
     
    “ท่านมาติน หม่อมฉัน…” เขาเปรยขึ้น
     
    ทหารหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงทางเข้าห้องบัลลังก์ “องค์จักรพรรดินี ขอพระเมตตาจากพระองค์ในการปล่อยให้เวลาอันมีค่าของพระองค์ถูกทอดทิ้งด้วย”
     
    ..เขา คือทหารที่เธอไว้ใจมากที่สุดนั่นเอง

    [translate into thai version by writer (psb180199) from The Epic Of Zektbach -Ristaccia- for English Speaker]




    ฉับพลัน ภาพตรงหน้าเลือนหายไปทันที แสงสว่างสีแดงภายในทับทิมเม็ดงามที่แตกกระจายพุ่งออกมาก่อนจะถูกฝังลงในดาบไทรเซเจียนที่โฟลถืออยู่ ออราสีแดงอ่อนสว่างรอบตัวเธอ

    มันเป็นภาพที่ประหลาดสุดประหลาดเท่าที่วาเรียเคยพบมาแล้ว..

    "ฟะ..โฟล!"

    เบลเป็นคนทำลายความเงียบเป็นคนแรก เขาพุ่งเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว เธอหันมาสบตากับเบล แม้เส้นผมสีบลอนด์ทองนั่นจะปิดตาเขาอยู่ก็ตาม

    "...มันเป็นความรู้สึกที่...สุดๆจริงเลยๆแฮะ"

    และแล้ว เศษริสทัชเชียที่แตกกระจายทั้งหมดก็ประกอบรวมกันกับริสทัชเชียที่ฝังอยู่ในดาบไทรเซเจียนเป็นหนึ่งเดียว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×