คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 2 (2)
ภคนางค์พาลูกสาวไปอาบน้ำจนตัวหอมหลังจากตื่นนอนกลางวัน ก่อนจะอุ้มมาปล่อยลงไว้ในคอกกั้นบุนวมสีครีมที่มีเบาะรองคลานในมุมหนึ่งของบ้าน ซึ่งกว้างขวางพอที่จะทำให้เด็กซนอย่างน้องพลินทร์รู้สึกมีอิสระ พอถูกแม่ปล่อยลงเด็กน้อยในชุดบอดี้สูทสีฟ้าอ่อนโชว์ขาอวบๆ ก็คลานไปทั่ว ช่วงนี้ลูกเริ่มคลานเก่งขึ้น หญิงสาวจึงต้องจำกัดพื้นที่ เกรงว่าหากคลาดสายตาแล้วอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เพราะน้องพลินทร์น่ะเป็นนักสำรวจตัวยงเลยละ
“น้านางค์จ๋า น้องตื่นหรือยัง”
เสียงใสๆ ที่ดังมาจากหน้าบ้านทำให้ภคนางค์ชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง แล้วเผยยิ้มบางๆ เมื่อเห็นกลุ่มผมสีดำของหลานสาวที่กำลังถอดรองเท้าอยู่หน้าประตู
“ตื่นแล้วลูก”
คนเป็นน้าสาวตอบกลับ ส่วนเด็กน้อยที่จำเสียงของพี่ได้ดีนั้นก็เลิกสนใจของเล่นในมือ รีบคลานปุบปับไปเกาะคอกกั้นยืนด้วยอาการกระดี๊กระด๊า มือเล็กๆ จับขอบที่กั้นแน่น เท้าน้อยๆ เขย่งขึ้นพร้อมย่ำไปมาราวกับจะเดินไปหาพี่น้อยหน่า จนภคนางค์ต้องขยับเข้าไปช่วยประคองด้านหลังเอาไว้เพราะกลัวลูกจะหงายหลังล้ม เนื่องจากแกยังยืนไม่เก่งนัก
“ดีใจมากเลยเหรอลูกที่พี่น้อยหน่ามาหา”
หญิงสาวขยับใบหน้าเข้าไปหอมแก้มย้วยๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่พยายามจะปีนคอกกั้นไปหาพี่ด้วยการใช้เท้าน้อยๆ ยันตักแม่ด้วยความมันเขี้ยว ก่อนมองไปยังเด็กหญิงนิรดาที่กำลังถอดกระเป๋าเป้ออกจากไหล่วางไว้บนโซฟา แล้วรีบเดินมาเปิดคอกกั้นเพื่อเข้ามาหาน้อง ขณะที่น้องพลินทร์ก็มองตามพี่ตลอด ภคนางค์จึงช้อนใต้รักแร้ลูกแล้วจับหันไปหา พอเห็นพี่น้อยหน่าเข้ามาใกล้ๆ เท่านั้นละ ก็ทำท่าจะโถมตัวเข้าไปหาเต็มที่จนแม่ต้องยึดตัวเอาไว้
“พลินทร์จ๋า คิดถึงจังเลย คิดถึงพี่น้อยหน่าไหม”
เด็กหญิงวัยสี่ขวบขยับเข้ามากอดมาหอมแก้มน้องฟอดใหญ่ด้วยความรักใคร่ ตามด้วยจุ๊บที่พุงป่องๆ ที่ใครๆ ในบ้านต่างก็ชอบฟัดแล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อย หนูน้อยคิดถึงน้องจะแย่ พอพ่อไปรับกลับมาจากบ้านเพื่อนก็รีบขอมาหาน้องที่บ้านเลย
“น้องอาบน้ำแล้วเหรอจ๊ะ หอมจังเลย”
“อาบแล้วลูก”
“แอ้ แอ้” น้องพลินทร์อ้อแอ้ราวกับอยากจะคุยด้วยพร้อมยิ้มร่า โน้มตัวไปข้างหน้า มือก็ไขว่คว้าหาพี่ จนน้อยหน่าต้องขยับเข้ามาหาใกล้ๆ มือน้อยแสนน่ารักก็คว้าหมับเข้าที่ตัวพี่สาว
“น้องบอกว่าคิดถึงพี่น้อยหน่าเหมือนกัน”
ภคนางค์ยิ้มเอ็นดูเมื่อลูกสาวตัวน้อยคว้าศีรษะพี่เข้ามากอดพร้อมหอมสะเปะสะปะบนหน้าหรือจะกินก็ไม่รู้ ฝากรักเป็นรอยน้ำลาย ทั้งยังส่งเสียงอืออาอย่างอารมณ์ดี จนคนเป็นแม่ต้องดึงตัวออกห่างเพราะหัวพี่น้อยหน่ายุ่งหมดแล้ว แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับไม่ถือสาน้องเลยสักนิด แถมยังหยอกล้อด้วยการขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ พอน้องยื่นมือจะมาจับก็ขยับออกห่าง ทำให้น้องพลินทร์หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ จนภคนางค์อดยิ้มตามไม่ได้
“แล้วไปงานวันเกิดเพื่อนมาเป็นยังไงบ้างลูก สนุกไหม”
ปกติถ้าไม่ได้ไปโรงเรียนเด็กหญิงนิรดาจะมาขลุกอยู่ที่นี่กับน้องทั้งวัน แต่วันนี้เด็กน้อยไปงานวันเกิดเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันเลยเพิ่งได้มาหาน้อง เมื่อวานก็มาคุยอวดใหญ่ว่าจะใส่ชุดสวยๆ ไปงานวันเกิดเพื่อน แถมยังชวนเธอกับน้องพลินทร์ไปด้วยกันอีกต่างหาก
“สนุกจ้ะน้านางค์ เค้กของนานาสวยมากด้วยจ้ะ แต่น้อยหน่าไม่ชอบกินเลยห่อกลับมาให้พี่เฟืองกินแทน”
ฟังแล้วภคนางค์ได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของหลานสาว น้อยหน่าเป็นเด็กชอบแบ่งปัน รักพี่รักน้อง ตอนเธอย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ เด็กน้อยติดเธอแจ ไปไหนก็ขอไปด้วย เดินตามหลังต้อยๆ ไม่ห่าง พอน้องคลอดก็ขยันมาเฝ้าที่บ้านทุกวัน จนตอนนี้ไม่รู้ว่าพี่กับน้องใครติดใครมากกว่ากัน
“แล้วนานาชอบของขวัญที่น้อยหน่าให้ไหม”
“ชอบจ้ะ นานาบอกว่าเดี๋ยวถึงวันเกิดน้อยหน่า นานาจะซื้อของเล่นแบบที่น้อยหน่าชอบให้”
หนูน้อยว่าพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขณะที่น้องพลินทร์ที่ถูกแม่จับให้ยืนก็มองพี่สาวพูดตาแป๋วด้วยความสนใจ พลอยทำให้ใบหน้าหวานหยดของภคนางค์แต้มไปด้วยรอยยิ้มในยามทอดมองลูกด้วยแววตาอ่อนโยน
“น้อยหน่าเอาการบ้านมาให้น้านางค์สอนด้วยนะจ๊ะ แม่บอกว่ายังไม่มีเวลาสอนให้”
“ได้จ้ะ เล่นกับน้องก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยทำ”
คราแรกก็แปลกใจที่เห็นสะพายกระเป๋านักเรียนมาด้วย ที่แท้เอาการบ้านมาให้สอนนี่เอง คงรู้ว่าวันหยุดแบบนี้พ่อกับแม่จะยุ่งอยู่กับร้านอาหาร เนื่องจากวันหยุดสุดสัปดาห์คนจะเยอะเป็นพิเศษ ถ้าวันไหนยายหนูนอนตื่นเร็วภคนางค์ก็จะเข้าไปช่วยที่ร้าน แต่ส่วนใหญ่จะโดนป้าห้ามเสียมากกว่า เพราะที่ร้านจ้างพนักงานเสิร์ฟเอาไว้อยู่แล้ว เธอเลยคอยช่วยดูบัญชีเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่จะทำได้ ครั้นจะเข้าไปช่วยในครัวก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องทำอาหารเท่าไรนัก
“อา!”
“โอเคจ้ะ แม่ปล่อยไปหาพี่น้อยหน่าก็ได้”
ภคนางค์เอ่ยเสียงอ่อนหวานแกมขบขันเมื่อลูกสาวประท้วงเสียงแหลมเพราะพยายามจะใช้ขาป้อมๆ ก้าวเข้าไปหาพี่แต่ถูกรั้งเอาไว้ พอแม่จับให้นั่งลงหนูน้อยก็คลานเข้าไปโถมตัวใส่พี่จนน้อยหน่าแทบหงายหลัง เพราะตัวของน้องและพี่นั้นต่างกันนัก เหมือนลูกหมูกับลูกแมวไม่มีผิด
“ไม่เอาจ้ะ เดี๋ยวพี่น้อยหน่าจะล้มนะลูก ตัวหนูโตกว่าพี่แล้วนะเห็นไหม”
หญิงสาวจับช้อนตัวลูกขึ้นเพื่อให้นั่งดีๆ ก่อนจะหยิบคีย์บอร์ดของเล่นสีสันสดใสที่กดแล้วมีเสียงเพลงมาวางตรงหน้าให้ พอได้ยินเสียงเพลงที่พี่น้อยหน่ากด น้องพลินทร์ก็โยกตัวดุ๊กดิ๊กไปมาตามเสียงดนตรีอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มตามกับท่าทางแสนน่ารักของลูก
“น้อยหน่าเล่นกับน้องไปก่อนนะลูก เดี๋ยวน้าไปล้างขวดนมให้น้องก่อน แล้วค่อยทำการบ้านกัน”
พอน้องพลินทร์มีคนอยู่ด้วยภคนางค์ก็จะปลีกตัวไปจัดการงานบ้านที่ทำค้างเอาไว้ตั้งแต่ตอนแกหลับ พอลูกตื่นก็เลยต้องวางมือทั้งที่ยังไม่เสร็จ เพราะถ้าตื่นมาแล้วไม่เห็นหน้าเธอเด็กน้อยติดแม่จะร้องโยเย
“ได้จ้า เดี๋ยวน้อยหน่าจะดูน้องเอง” เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นรับคำอย่างแข็งขัน ก่อนจะเล่นกับน้องต่อ พร้อมทั้งสอนให้น้องรู้จักกดปุ่มให้มีเสียง เพราะน้องพลินทร์เอามือทุบ กลัวว่าของเล่นจะพังซะก่อน
“แล้วยายบอกไหมว่าเย็นนี้จะทำกับข้าวมาให้น้องหรือเปล่า”
ภคนางค์เปิดประตูเดินออกไปนอกคอกกั้น พลันนึกขึ้นได้จึงหันกลับไปถามหลาน เพราะเมื่อเช้าป้าพัชรีบอกว่าจะทำกับข้าวเย็นให้หลานสาว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ทำหรือเปล่า เนื่องจากวันหยุดลูกค้าที่ร้านเยอะ เลยบอกว่าเดี๋ยวจะฝากน้อยหน่ามาบอก
น้อยหน่าหันไปมองน้าแล้วทำหน้าครุ่นคิดว่ายายบอกอะไรก่อนตัวเองจะออกมาจากร้าน “อ๋อ ยายบอกว่าเดี๋ยวจะทำไข่ตุ๋นมาให้น้องจ้ะ พ่อเก็บตำลึงมาจากบ้านย่าพอดี”
ภคนางค์พยักหน้าให้ก่อนมองเด็กน้อยแก้มกลมที่ชอบกินไข่ตุ๋นใส่ยอดตำลึงเหมือนแม่แล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนจะละสายตาจากเด็กน้อยทั้งสองแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อจัดการทำความสะอาดขวดนมที่ทำค้างไว้ โดยไม่ลืมที่จะโผล่หน้าออกไปดูสองพี่น้องที่เล่นกันอยู่เงียบๆ เป็นระยะ
**********
แววตาสีเข้มของภาวินทร์ทอดมองวิวจากธรรมชาติที่อยู่เบื้องหน้าจากระเบียงบ้าน ทุกอย่างที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์ไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ชายหนุ่มเดินทางมาถึงเชียงใหม่เมื่อช่วงเที่ยงพร้อมกับคมกริช โดยมีคนขับรถจากที่บ้านเดินทางไปรับ หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงที่ป้านงค์ แม่บ้านที่คอยอยู่ดูแลบ้านเตรียมไว้รอก็ออกมานั่งทอดอารมณ์ที่ริมระเบียงหลังบ้านพลางจิบเบียร์เย็นๆ
พรุ่งนี้ชายหนุ่มมีนัดกับนายหน้าที่ดินเพื่อไปดูพื้นที่จริงก่อนทำการเซ็นสัญญาซื้อขาย หลังจากได้ตรวจสอบที่มาที่ไปของที่ดินผืนนั้นแล้วว่าถูกต้องตามกฎหมายและลูกน้องก็ได้จัดเตรียมเอกสารทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตัวเอง ส่งคมกริชมาจัดการแทนเช่นทุกครั้งก็ยังได้ ทว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรภาวินทร์ถึงอยากมาที่นี่ด้วยตัวเองนัก เหมือนจิตใต้สำนึกมันบอกว่าเขาควรมา…
แต่ก็ถือว่าดีเหมือนกันได้เปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เพราะระยะหลังมานี้ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อๆ เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป ความจริงมันเกิดขึ้นนานแล้วเพียงทว่าเขาไม่ยอมรับมันเองต่างหาก แต่จนตอนนี้ก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่ขาดหายไปนั้นคืออะไรกันแน่...
“คุณวินทร์ครับ เอาเบียร์เพิ่มไหมครับ” คมกริชเดินเข้ามาถาม เห็นเจ้านายนั่งทอดอารมณ์อยู่ก็ไม่ได้อยากรบกวนนัก เพียงแต่ว่าเห็นเครื่องดื่มหมดแล้วเลยเข้ามาถาม
ภาวินทร์ละสายตาจากภาพเบื้องหน้าแล้วมองลูกน้องคนสนิทเล็กน้อย “อีกสักกระป๋องแล้วกัน”
ว่าก่อนจะหันกลับไปดังเดิม ปกติเขาไม่ใช่คนชอบดื่ม ถ้าดื่มก็จะเป็นตามงานเลี้ยงเสียมากกว่า อาจเป็นเพราะตอนนี้มีความขุ่นมัวในอกเลยอยากจะใช้แอลกอฮอล์ช่วยชะล้าง
คมกริชพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าบ้านไปหยิบเบียร์จากในตู้เย็นออกมาให้แล้วปล่อยให้เจ้านายอยู่เพียงลำพังตามเดิมโดยไม่เข้าไปรบกวนอีก เพราะคิดว่าภาวินทร์น่าจะอยากนั่งทอดอารมณ์อยู่เงียบๆ มากกว่า ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้เจ้านายจะเครียดมากกว่าปกติ บางวันถึงขั้นชวนเขาไปดื่มต่อหลังเลิกงาน ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนชอบดื่ม อาจเป็นเพราะเครียดกับปัญหาที่บริษัทก็เป็นได้ แต่ความจริงเขาก็อยากคิดเป็นอย่างอื่น เพราะตั้งแต่วันนั้นที่นวพรบอกว่าเล่าเรื่องอดีตภรรยาให้เจ้านายฟัง ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเจ้านาย
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น