NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 6 (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63.07K
      290
      20 เม.ย. 67




    “ยายจ๋า พ่อของน้องจะมารับน้องไปอยู่ด้วยเหรอจ๊ะ” 

    พัชรีที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาในโถงรับแขกมองหลานสาวที่หอบตุ๊กตาวิ่งเข้ามาซบที่ตักแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ สงสัยคงจะรู้แล้วว่าพรุ่งนี้ภคนางค์กับน้องพลินทร์จะต้องไปกรุงเทพฯ มืออวบอูมลูบศีรษะเล็กของคนที่ซบหน้าอยู่กับตักแล้วเริ่มหนักใจ เพราะน้อยหน่ารักและติดน้องมาก อีกทั้งยังไม่เคยห่างจากน้องพลินทร์เลย คงกลัวว่าน้องจะไปกับพ่อแล้วไม่กลับมาหา

    “แค่มารับไปกรุงเทพฯ เฉยๆ ลูก ไม่ได้ไปอยู่เลยหรอก” 

    “น้อยหน่าไม่ให้น้องไปได้ไหม น้อยหน่าอยากให้น้องอยู่ที่นี่” 

    หนูน้อยถามเสียงอู้อี้ ทำท่าจะร้องไห้เพราะไม่อยากให้น้องไปไหน กลัวน้องจะไม่กลับมาอยู่ด้วย กลัวจะไม่มีเพื่อนเล่น 

    “ไม่ได้หรอกลูก” 

    คนเป็นยายว่าอย่างอ่อนใจ น้อยหน่าเป็นเด็กว่าง่ายก็จริง แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด

    “แล้วน้องจะไปนานไหมจ๊ะ น้องจะกลับมาหาน้อยหน่าไหม ถ้าน้องไม่อยู่แล้วน้อยหน่าจะเล่นกับใคร 

    เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นถามยายอย่างตัดพ้อพลางมองตาละห้อย พยายามฮึบเอาไว้ไม่ร้องไห้ออกมา ขณะที่น้ำตานั้นคลอหน่วยเรียบร้อยแล้ว

    คำพูดไร้เดียงสาและแววตาเศร้าๆ นั้นทำให้พัชรีถึงกับขอบตาร้อนผ่าวด้วยความสงสารหลาน เมื่อวานยังเพิ่งจะดีใจกับน้องอยู่เลยที่มีพ่อเหมือนตัวเองแล้ว วันนี้ต้องมาเสียน้ำตาเพราะรู้ว่าน้องพลินทร์จะต้องไปกรุงเทพฯ กับพ่อ

    “เดี๋ยวฉันคุยกับหลานเองจ้ะป้า”

    ภคนางค์เดินออกมาจากห้องแล้วเอ่ยกับป้าด้วยสีหน้าติดจะเครียดไม่น้อย เพราะพอเด็กน้อยเข้าไปเห็นเธอจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง รวมถึงเห็นข้าวของของน้องพลินทร์ที่ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยก็ถามซักไซ้ใหญ่ว่าจะไปไหน พอคนเป็นแม่อย่างนิชดาตอบว่าน้องจะไปกรุงเทพฯ กับพ่อก็ทำท่าจะร้องไห้แล้ววิ่งออกจากห้องมา

    “น้อยหน่ามาหาน้า”

    หญิงสาวทรุดนั่งที่โซฟาแล้วพยักหน้าเรียกหลานเข้ามาหา หนูน้อยจึงผละจากตักยายแล้วเดินเข้าไปให้น้าอุ้มขึ้นนั่งบนตักอย่างว่าง่าย แต่ยังทำหน้างอง้ำเพราะอยากให้น้องอยู่ด้วย ขณะที่พัชรีนั้นทนมองไม่ได้ รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องหาน้องพลินทร์ที่อยู่กับนิชดาในห้อง เพราะกลัวจะร้องไห้ตามหลาน

    “น้านางค์ ให้น้องอยู่ที่นี่ได้ไหม เดี๋ยวน้อยหน่าจะเลี้ยงน้องเอง” 

    เด็กน้อยว่าอย่างไร้เดียงสา แล้วทำหน้าจริงจังเพื่อจะบอกว่าตัวเองสามารถเลี้ยงน้องได้จริงๆ แม้จะอุ้มน้องไม่ได้ แต่น้อยหน่าเอานมให้น้องกินได้ เล่นกับน้องก็ได้ แถมจะยอมให้น้องนอนทับโดยที่ไม่บ่นเลย ขอแค่น้องพลินทร์ไม่ไปไหนก็พอแล้ว 

    ภคนางค์ฟังแล้วได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ หญิงสาวเข้าใจว่าน้อยหน่ารักและหวงน้องพลินทร์มาก แทบไม่เคยห่างจากน้องเลย แต่เธอจำเป็นต้องพาลูกกลับไปที่กรุงเทพฯ กับภาวินทร์

    “ไม่ได้หรอกลูก แต่น้าสัญญาว่าจะไปไม่นานแล้วพาน้องกลับมาหาน้อยหน่านะ”

    หญิงสาวพยายามอธิบายให้หลานเข้าใจอย่างใจเย็น หากเป็นไปได้เธอก็ไม่ได้อยากจะไป อยากจะอยู่ที่บ้านหลังนี้เหมือนเดิม แต่ในเมื่อปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเธอ ภคนางค์จึงต้องเดินทางไปรับผิดชอบความผิดของตัวเอง

    แล้วน้องจะไปกี่วันจ๊ะ” 

    ถามแล้วมองอย่างมีความหวัง ไม่อยากให้น้องไปนานๆ เพราะกลัวจะคิดถึง แถมพี่มะเฟืองยังเคยบอกว่ากรุงเทพฯ อยู่ไกลจากเชียงใหม่มาก พ่อคงพาขับรถไปหาน้องไม่ไหวแน่ๆ ต้องขึ้นเครื่องบินไป แต่เงินในกระปุกออมสินคงไม่พอซื้อตั๋ว

    “ยังไม่รู้เลยลูก แต่ไม่นานแน่นอน” 

    ภคนางค์ไม่อาจระบุเวลาได้ เพราะน้อยหน่าเป็นเด็กช่างจดจำ กลัวว่าจะจำคำพูดเธอแล้วเอาแต่รอ ถ้าน้องพลินทร์ไม่ได้กลับตามสัญญาแล้วจะทำให้เด็กน้อยเสียใจ แค่เธอเห็นแววตาเศร้าสร้อยของหลาน ใจของคนเป็นน้าก็แทบจะขาดรอนแล้ว

    “งั้นน้อยหน่าไปด้วย เดี๋ยวน้อยหน่าให้พ่อไปลาคุณครูให้”

    จากที่เศร้าๆ อยู่นั้นภคนางค์ถึงกับหลุดยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างนึกขันเพราะความช่างพูดของหลานสาว รักน้องมากถึงขั้นจะให้พ่อไปลาคุณครูให้เลย ทั้งที่รักคุณครูรักเพื่อนๆ ที่โรงเรียนมากจนไม่ยอมขาดเรียนเลยสักวัน แม้จะไม่สบายแต่ก็ยังร้องจะไปโรงเรียน

    “แล้วคุณครูเอมจะไม่คิดถึงน้อยหน่าแย่เหรอ”

    “ครูเอมโตแล้ว ครูเอมทนได้ แต่น้อยหน่ายังไม่โต น้อยหน่าทนคิดถึงน้องไม่ได้หรอก น้อยหน่าต้องนอนร้องไห้แน่ๆ เลย” 

    เด็กน้อยช่างเจรจาว่าเสียงเครือปนสะอื้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย มองน้าตาละห้อยอย่างน่าสงสาร พานทำให้ภคนางค์ขอบตาร้อนผ่าว

    “ให้น้อยหน่าไปด้วยนะจ๊ะน้านางค์ น้อยหน่าจะไม่ดื้อไม่ซนเลยจ้ะ”

    “น้อยหน่าฟังน้านะ น้าแค่พาน้องไปหาย่ากับย่าทวด เดี๋ยวก็จะพาน้องกลับมาอยู่บ้านเราเหมือนเดิม ถ้าน้อยหน่าคิดถึงน้อง ให้แม่ก้อยโทร.หาน้า แล้วน้าจะให้คุยกับน้อง คุยแบบเห็นหน้าเลย โอเคไหม” 

    ภคนางค์สัมผัสแก้มหลานในยามที่ลดใบหน้าลงคุยด้วยคำพูดที่มีเหตุผลมากขึ้น เด็กวัยนี้ต้องค่อยๆ เกลี้ยกล่อมและต้องหาอะไรมาหลอกล่อ ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมฟังง่ายๆ แน่ ยังดีที่น้อยหน่าไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจและค่อนข้างเชื่อฟังพอสมควร

    “จ้ะ” 

    คราวนี้เด็กหญิงนิรดาเชื่อฟังอย่างว่าง่าย แม้ใจจะไม่อยากให้น้องไป แต่คิดว่าย่ากับย่าทวดคงอยากเจอน้อง เหมือนที่ย่าอยากเจอตัวเองกับพี่สาว เพราะเวลาพ่อกับแม่พาไปหาย่าทีไร ย่าก็มักบ่นว่าคิดถึงตลอด

    “เก่งมากเลยจ้ะ แค่นี้ก็หายคิดถึงน้องแล้วเนอะ” 

    ว่าก่อนดึงร่างเล็กเข้ามากอดแล้วโยกตัวไปมาเบาๆ เห็นความอาลัยอาวรณ์ของหลานแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่หญิงสาวก็เข้าใจเพราะน้อยหน่ารักน้องมาตั้งแต่อยู่ในท้องของเธอ พอน้องพลินทร์คลอดออกมาเด็กน้อยก็ช่วยเลี้ยงน้องมาตลอด เวลาจะไปไหนมาไหนก็คิดถึงน้องเสมอ เลยมีความผูกพันกันมากเป็นธรรมดา

    “เดี๋ยวน้อยหน่าจะให้แม่โทร.หาน้านางค์ทุกวันเลย”

    เงยหน้าขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น น้ำตาที่เหือดแห้งเริ่มรื้น ริมฝีปากเริ่มเบะออกทีละนิด แม้จะยอมให้น้องพลินทร์ไปแล้วแต่หนูน้อยก็อดเสียใจไม่ได้เมื่อคิดว่าจะไม่ได้เล่น ไม่ได้กอด ไม่ได้หอมน้องเหมือนทุกวัน น้อยหน่าอยากให้น้องไปแค่วันเดียวจะได้ไม่ต้องคิดถึงมาก 

    “ไม่ร้องไห้นะลูก เดี๋ยวคืนนี้น้าให้นอนกับน้องดีไหม” 

    เห็นหลานยังมองตาละห้อยน้ำตาคลอเบ้าแล้วปวดใจเหลือเกิน ภคนางค์จึงทำได้แค่ยอมให้นอนกับน้องจะได้หายเศร้า เพราะไม่รู้ว่าอีกกี่วันถึงจะได้กลับบ้าน

    “ดีจ้ะน้านางค์” 

    น้อยหน่ายิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ พลอยทำให้ภคนางค์อดยิ้มตามไม่ได้ เด็กหนอเด็ก พอได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้วก็ลืมความเศร้าได้ง่ายดายจนน่าอิจฉา

    หญิงสาวหอมแก้มเพื่อให้รางวัลเมื่อหลานว่าง่าย เด็กน้อยจึงหอมแก้มน้ากลับคืนเหมือนกัน “ไปเล่นกับน้องเถอะลูก ป่านนี้น้องคงรอพี่น้อยหน่าไปเล่นด้วยจะแย่แล้ว”

    ว่าอย่างยิ้มๆ เอาน้องพลินทร์เข้ามาล่อหลอกให้เด็กน้อยอารมณ์ดีขึ้น มือบอบบางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ขอแค่ได้รู้ว่าน้องรออยู่ก็ทำให้คนเป็นพี่สาวยิ้มได้แล้ว

    เด็กหญิงนิรดาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มสดใส แต่ยังไม่ยอมไปในทันที หากแต่เอียงคอมองน้าแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง 

    “น้านางค์สัญญาแล้วนะว่าจะพาน้องกลับมาหาน้อยหน่า”

    “สัญญาสิลูก มาเกี่ยวก้อยกัน” 

    หลังจากเกี่ยวก้อยทำสัญญา เด็กหญิงตัวน้อยก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องไปหาน้องในทันที ทำให้คนเป็นน้าที่มองตามนั้นได้แต่ยิ้มบางๆ หวังว่าพรุ่งนี้คงจะไม่ร้องไห้ตามน้องหรอกนะ เพราะเธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย แค่นี้ก็สงสารหลานจะแย่แล้ว



    +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×