คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 6 (1) หมาน้อยติดพ่อ
บทที่ 6
วันนี้ภาวินทร์ขลุกอยู่กับลูกทั้งวันจนกินมื้อค่ำร่วมกับภคนางค์และครอบครัวของป้าพัชรีเรียบร้อย จึงคิดว่าจะขอตัวกลับเพราะรบกวนมาทั้งวันแล้ว แม้ใจนั้นอยากจะอยู่ต่อ แต่แม่ของลูกที่มีท่าทีต่อต้านตลอดเวลานั้นคงไม่ยอมเป็นแน่ แค่นี้เธอก็เลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ราวกับเขาเป็นโรคร้ายแล้ว แน่นอนว่าภาวินทร์ได้คาดโทษเอาไว้เพื่อรอโอกาสจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันจะกลับแล้วนะนางค์ พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่”
ชายหนุ่มเอ่ยกับภคนางค์ที่อุ้มลูกเดินออกมาจากครัวพอดี หลังจากออกไปคุยธุระกับนวพรข้างนอกเกือบห้านาที ริมฝีปากได้รูปแต้มด้วยรอยยิ้มในยามหลุบเปลือกตาลงมองคนในอ้อมแขนแม่ที่ขยับแขนขาไปมาอย่างอารมณ์ดีรอให้พ่ออุ้ม ดูเอาเถอะ น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้เขาหลงหัวปักหัวปำได้อย่างไรกัน
“ค่ะ ค่ำแล้วขับรถกลับดีๆ นะคะ”
ภคนางค์คลี่ยิ้มให้เล็กน้อย เมื่อภาวินทร์พยักหน้ารับจึงอุ้มลูกเดินออกไปส่งที่หน้าประตูบ้าน แม้ไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ชิดเขาเท่าไรนัก แต่หญิงสาวก็แสดงความห่วงใยและหวังดีในฐานะแม่ของลูก ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนใจดำด้วย
“บ๊ายบายพ่อหน่อยเร็ว”
หญิงสาวจับมือลูกขึ้นให้บอกลาพ่อของแก ภาวินทร์ระบายยิ้มบางๆ แล้วขยับเข้าไปหอมแก้มลูกฟอดใหญ่ เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าพ่อกำลังจะกลับนั้นยังยิ้มร่า มือก็ไขว่คว้าหาจะให้อุ้มท่าเดียว
“บ๊ายบายครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อมาหานะ”
พอชายหนุ่มผละตัวออกห่างลูกก็โน้มตัวและยื่นแขนมาหาเพื่อจะให้อุ้ม ทว่ากลับถูกแม่รั้งเอาไว้ น้องพลินทร์จึงส่งเสียงคล้ายจะขอให้พ่ออุ้มพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วอย่างเว้าวอนเหมือนที่เคยทำ วันนี้หนูน้อยอ้อนให้พ่ออุ้มทั้งวัน ติดพ่อจนแทบจะไม่ยอมให้คลาดสายตา
“มา ม่ะ...”
“พ่อต้องกลับแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มาหาหนูแต่เช้านะครับ”
เมื่อภาวินทร์ไม่ยอมยื่นมือออกไปอุ้มเหมือนทุกครั้ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มของเด็กน้อยที่เริ่มติดบิดาหนึบก็เบะออก ดวงตากลมโตมองคล้ายจะตัดพ้อน้อยใจที่พ่อไม่ยอมอุ้ม
“แอ้…”
“ลูกเบะแล้วนางค์”
ดวงตาคมมองลูกสาวที่ทั้งเบะทั้งบีบน้ำตาแล้วใจอ่อนยวบ เป็นแบบนี้แล้วจะให้เขาตัดใจกลับไปได้อย่างไรกันล่ะ ยิ่งพอเขายืนนิ่งแกยิ่งเบะจนหน้าแดงไปหมด ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะจ๊ะ พ่อต้องกลับแล้วจ้ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาหาหนูอีกไงลูก”
ภคนางค์กอดและโอ๋ลูกสาวที่ดูเหมือนจะติดบิดาจนแทบไม่ยอมให้ห่างตัวไปไหนแล้ว วันนี้น้องพลินทร์แทบไม่ร้องหาเธอเลยนอกจากตอนหิวนม อยู่เล่นกับพ่อ ให้พ่อกล่อมนอน ไม่งอแงเลยสักนิด สงสัยลูกคงกลัวภาวินทร์จะหายไปถึงได้จะร้องตามเขา แม้ยังไร้เดียงสาแต่แกคงรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ
“แอ้...”
“มาหาพ่อมา ไม่ร้องนะครับคนเก่ง”
เห็นลูกจะร้องภาวินทร์ก็ทนยืนมองเฉยๆ ไม่ได้ ใจรุ่มร้อนเมื่อเห็นน้ำตาที่คลอหน่วยและแววตาที่เว้าวอน จนต้องขยับเข้าไปรับมาอุ้มแนบอกเพื่อปลอบโยนให้หายงอแง กลัวว่าหากเขากลับไปตอนนี้จะทำให้ร้องหนักขึ้นจนภคนางค์ต้องลำบาก อยู่ให้เวลากับแกอีกสักนิดค่อยกลับก็ไม่เป็นไร บ้านพักตากอากาศของเขาก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไรนัก
“แอ…แอ้”
เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนพ่อสมใจแล้วน้องพลินทร์ก็ค่อยๆ สงบลง ซุกใบหน้าน่ารักกับอกกว้าง แถมมือน้อยๆ นั้นยังกำเสื้อโปโลของภาวินทร์แน่นราวกับกลัวจะหาย มิหนำซ้ำยังบ่นอืออาราวกับจะฟ้องว่าเสียใจที่พ่อไม่ยอมอุ้ม ทำให้คนเป็นแม่ที่ยืนมองอยู่นั้นได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ไม่ทันไรหมาน้อยของแม่ก็ติดพ่อแจ เก้าเดือนยังขนาดนี้ ถ้ารู้เรื่องมากกว่านี้จะขนาดไหนกัน ภคนางค์ไม่อยากจะคิดเลย
“เดี๋ยวฉันอยู่จนลูกหลับแล้วค่อยกลับก็ได้”
เอ่ยขึ้นพลางขย่มตัวเบาๆ พร้อมลูบแผ่นหลังเล็กด้วยสัมผัสอ่อนโยน ก่อนจะลดใบหน้าลงหอมกระหม่อมบางของเด็กขี้อ้อน โอบกอดเนื้อตัวนุ่มๆ ด้วยความถนอม หัวใจของคนเป็นพ่อฟูฟ่องเมื่อรู้ว่าลูกเริ่มติดตัวเอง ซึ่งภาวินทร์เองก็เริ่มติดลูกแล้วเช่นกันหลังจากได้กอดได้หอมและอุ้มมาทั้งวัน
“ค่ะ”
ภคนางค์รับคำแล้วเปิดทางให้ภาวินทร์เข้ามาในบ้าน ดวงตาหวานซึ้งที่หม่นลงนั้นทอดมองลูกสาวที่ซุกอยู่ในอ้อมอกพ่อ หนูน้อยเริ่มขยี้หูขยี้ตาหนักขึ้นจนภาวินทร์ต้องจับมือเล็กของลูกเอาไว้เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มแดง ยายหนูจึงซุกหน้าเข้าหาอกกว้างแล้วบ่นงึมงำบ่งบอกว่าง่วงเต็มทีแล้ว สงสัยวันนี้จะเล่นมากไปหน่อย พอถึงเวลานอนเลยทำให้งอแงกว่าปกติ
“สงสัยจะง่วงค่ะเลยงอแง”
หญิงสาวกล่าวขึ้นเมื่อเห็นภาวินทร์พยายามปลอบลูกสาวที่เริ่มจะแผลงฤทธิ์ ภคนางค์พยายามไม่มองเขาด้วยแววตาชื่นชมในยามที่อยู่กับลูก แต่ก็เผลอไผลจนต้องคอยเตือนตัวเองอยู่ในใจทุกคราว่าภาวินทร์มีผู้หญิงคนใหม่แล้ว ส่วนเธอเป็นแค่อดีตภรรยาและแม่ของลูกเท่านั้น
“พาลูกไปนอนเถอะ”
ภาวินทร์เดินตามหลังเจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นไปยังห้องนอนของเธอและลูก ห้องนอนสีฟ้าพาสเทลที่ถูกตกแต่งอย่างน่ารักนั้นทำให้รู้สึกสบายตาเมื่อเข้ามา ขณะที่น้องพลินทร์ที่ง่วงงุนเต็มทีนั้นก็เริ่มโยเยหนักขึ้นเรื่อยๆ จนต้องรีบวางลงบนที่นอนที่ภคนางค์ปูเตรียมเอาไว้แล้วเอานมให้กินจึงค่อยๆ สงบลง เวลายายตัวน้อยแผลงฤทธิ์ก็เอาเรื่องเหมือนกันแฮะ เพราะเขาไม่เคยรับมือกับเด็กในยามร้องไห้เลย
ประสบการณ์การเลี้ยงลูกครั้งแรกนั้นทำให้ภาวินทร์มีความสุขมาก ยายหนูน่ารัก ช่างอ้อน ช่างประจบ ยอมให้กอดให้หอมโดยไม่งอแงเลยสักนิด บางคราก็หอมกลับคืนพร้อมทั้งฝากรักเป็นรอยน้ำลายเอาไว้ แถมยังได้กล่อมแกนอนกลางวัน ได้เฝ้ามองภคนางค์ในยามดูแลลูก เวลาอยู่ในบทบาทของแม่ดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น ทว่ากลับชวนมองจนไม่อยากละสายตา เธอดูอ่อนโยน อ่อนหวานและค่อนข้างใจเย็นเป็นพิเศษเมื่ออยู่กับลูก อีกทั้งใบหน้าเรียวสวยนั้นก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกใจเลยสักนิดที่น้องพลินทร์เป็นเด็กอารมณ์ดีถึงเพียงนี้ วันนี้ทั้งวันสายตาของเขาแทบไม่ห่างจากผู้หญิงสองคนนี้เลย ทำให้รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ถ้าได้ทำแบบนี้ทุกวันคงดีไม่น้อยเลยละ
“หลับซะนะเด็กดีของพ่อ”
เสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอกเบาๆ มือหนาตบตูดสลับกับเกาหลังให้เพื่อกล่อมนอน เริ่มรู้วิธีรับมือกับลูก ไม่นานนักเด็กน้อยแก้มย้วยของพ่อก็สิ้นฤทธิ์ หลับไปทั้งที่นมยังไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ ทำให้ภาวินทร์ได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ขยับใบหน้าเข้าไปหอมหน้าผากเล็กตามด้วยแก้มนุ่มเบาๆ ด้วยความรักใคร่ก่อนกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง
“ฝันดีนะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อมาหานะครับ”
ชายหนุ่มค่อยๆ ผละตัวออกห่างแล้วลุกจากเตียงอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะทำให้ลูกตื่น เฝ้ามองดวงใจน้อยๆ ที่หลับปุ๋ยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาแม่ของลูกที่นั่งเงียบๆ อยู่บริเวณปลายเตียง นึกขุ่นเคืองใจที่ภคนางค์พยายามที่จะทำตัวห่างเหินจากเขา แถมสีหน้าและแววตาราบเรียบเวลาอยู่ใกล้ๆ นั่นก็ทำให้ภาวินทร์นึกอยากซื้อมันแล้วเอาไปโยนทิ้งให้ไกลเหลือเกิน หรือเพราะเขาเป็นอดีตสามีเธอถึงได้พยายามทำตัวเหินห่างขนาดนี้
“ลูกหลับแล้ว เดี๋ยวฉันกลับเลยแล้วกัน ดึกแล้ว”
ภาวินทร์เดินออกมาจากห้องโดยมีภคนางค์เดินตามออกมาอย่างเงียบๆ ส่วนยายหนูนั้นไม่ต้องเป็นกลัวว่าจะตื่นขึ้นมางอแง เพราะถ้าหลับแล้วก็จะหลับยาว และไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ้งตกเตียงเมื่อต้องอยู่ลำพัง พอเธอเดินออกมาป้าก็เดินเข้าไปในห้องพอดีราวกับรออยู่แล้ว
“ไม่ต้องออกไปส่งหรอก เข้าบ้านไปอยู่กับลูกเถอะ”
ปรามเสียงนุ่มติดจะขรึมเมื่อภคนางค์ใส่รองเท้าแล้วทำท่าจะเดินตามออกไปส่งที่รถซึ่งจอดอยู่บริเวณร้านอาหาร ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความดื้อรั้นแล้วเดินนำหน้าออกมา ดื้อกว่าลูกก็แม่ของลูกสินะ
แม้จะถูกห้ามไม่ให้ออกมาส่งทว่าภคนางค์ก็เดินตามหลังภาวินทร์มาจนถึงประตูเชื่อมต่อกับร้านอาหาร เธอชะงักฝีเท้าเมื่อชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้า ดวงตาคู่งามช้อนขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่าอย่างช้าๆ ก่อนจะอุ่นวาบไปทั้งหัวใจแล้วยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งเมื่อภาวินทร์โน้มใบหน้าลงมาหาแล้วทาบทับจุมพิตร้อนผ่าวบนหน้าผากมนหนักๆ ก่อนผละเดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้เธอยืนมองตามหลังด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว ใจยังคงเต้นรัวแรงแม้เขาจะเดินลับตาไปแล้ว ภคนางค์อมยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสรอยจุมพิตอุ่นๆ ที่หน้าผากเบาๆ จากนั้นก็ตัดใจหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านไปหาลูก หญิงสาวไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมภาวินทร์จะต้องมาทำให้ใจเต้นโครมครามแบบนี้ด้วย
+++++
มีเด็กติดพ่อซะแล้ววววว
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น