OMG! สวรรค์บอกฉันทีว่าเขารักฉัน!! - นิยาย OMG! สวรรค์บอกฉันทีว่าเขารักฉัน!! : Dek-D.com - Writer
×

    OMG! สวรรค์บอกฉันทีว่าเขารักฉัน!!

    จะทำอย่างไรเมื่อจู่ๆมนุษย์เดินดินธรรมดา ดันต้องมาเรียนรู้เวทมนต์เพื่อนำมาป้องกันตัว!!

    ผู้เข้าชมรวม

    88

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    88

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 มี.ค. 57 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

     
        บ้านขนาดเล็กรายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด บรรยากาศร่มรื่นเปรียบเสมือนแดนสวรรค์ ดินแดนเหล่านี้มีท้องฟ้าที่สดใสสายลมที่พัดพากลิ่นดอกไม้นานาชนิดเรียกความชุ่มชื่นหัวใจให้กับผู้ที่ได้มาเยือน นกน้อยร้องเจื้อยแจ้วสร้างความเพลิดเพลิน แต่....มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป ที่นี่ไม่มีพระอาทิตย์! แต่ต้นไม้และดอกไม้สามารถเติมโตขึ้นดวยดวงจัทร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดวงฉันจะแบ่งเป็นสองสี คือสีน้ำเงินลึกล้ำ และสีขาวสว่างสดใส ดวงฉันสีน้ำเงินจะโผล่มาในยามค่ำคืน และดวงจัทร์สีขาวจะโผล่มาในยามเช้าแทนที่ดวงตะวัน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกมนุษย์! แต่จะเป็นดินที่อยู่กึงกลางระหว่างโลก และ......ปีศาจ!


        เสียงชาวบ้านพูดกันเจื้อยแจ๊ว ผู้อยู่อาศัยในกระท่อมแห่งนี้คือหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ตัวเล็กน่ารักผิวขาวดุจดวงตะวัน บากแดงระเรื่ออย่างเย้ายวน ดวงตาสีฟ้ากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ แก้มแดงระเรื่อ และลักยิ้มสองข้างทำให้เมื่อเวลาหญิงสาวยิ้มก็เหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุนในทันที ผมดำยาวถึงกลางหลังถูกมัดเป็นจุกอย่างน่ารัก หญิงสาวออกมารดน้ำต้นไม้ด้วยความสบายใจ แม้ว่ารอบตัวเธอจะเต็มไปด้วยเหล่าทหารองครักษ์!


         "องค์หญิงครับ ได้โปรดเสด็จกลับปราสาทเถอะขอรับ พระองค์มาอยู่ที่กระถ้อมนี้เปนเวลา3วันแล้วนะขอรับ"ทหารสูงอายุคนหนึ่งกล่าวอย่างนอบน้อย หลังจากการพยายามกล่อมเจ้าหญิงองค์น้อยให้กลับปราสาท ถ้าหากครั้งนี้เขาทำไม่สำเร็จ พวกเขาทั้งหมดได้ตกงานระนาวแน่!


        หญิงสาวที่ได้ยินก็ยังคงทำเป็นหุทวนลมและรดน้ำต้นไม้ด้วยท่าทีดี๊ด๊าเช่นเคย แม้สายตาจะปรากฏรอยตลกขบขันมากก็ตามที


         "องค์หญิงหรือ นี่เจ้าพูดถึงใครกัน ข้ามีนามว่าพราวต่างหาก"หญิงสาวทำเสียงยียวนและกลับไปรกน้ำต้นไม้ต้นโปรดต่อ
         "โถ่..องค์หญิงครับ อย่าทำให้พวกผมลำบากใจเลยนะครับ ได้โปรดเสด็จกลับวังเถอดขอรับ"นายทหารสูงอายุยังคงไม่ยอมแพ้พยายามตามตื้อให้องหญิงแสนซนกลับไปให้ได้


        แน่นอนว่าคนอย่างพราวครุสเบล่าน่ะหรือจะเชื่อฟัง นานๆทีจะได้ออกมาจากวังที่แสนจะคับแคบและแออัด วันๆก็ต้องเรียนแต่เวทมนตืจนเธอเอียนจะตาย แม้ว่าระดับของเธอจะเก่งกาจกว่าทหารพวกนี้ด้วยซ้ำ การเรียนเวทมนต์ของที่นี่เป็นอะไรที่ยากมหาโหด แน่นอนว่าน้อยคนที่จะได้ไปอยู่บนจุดสูงสุดซึ่งเจ้าหญิงองค์น้อยนี้ก็ได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดแล้วแต่....ใครว่าพอได้ก้าวข้ามเวทมนตขั้นสูงแล้วจะหยุดละ จะต้องแสดงการคิดค้นเวทมนต์หรือศาสตร์แปลกๆขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งอย่าง และ.....อย่างสุดท้ายที่เธอเกลียดที่สุดนั่นก็คือ....


       วืด....วูบ!


         "ว๊าย! อะไรเนี่ย!"เจ้าหญิงน้อยร้องอย่างตกใจเมื่อพบบางอย่างคล้ายเชือก แต่ก็คล้ายโซ่ลอยมาคล้องตัวเธออย่างรวดเร็นจนเธอจับสัมผัสแทบไม่ทัน
         "ครุสเบล่า หมดเวลาเล่นสนุกของลูกแล้วกลับไปที่วังกับพ่อเดี๋ยวนี้"สิ่งอันทรงอำนาจดังมาจากชายร่างสูงที่มีร่ายกายกำยำสมความเป็นชาม ไปหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราทำให้หน้าของพระองค์ดูอ่อนกว่าวัย ในมือนั้นถือหนังสือเล่มหนา และบนศรีษะนั้นสวมใส่ของรูปร่างคล้ายมงกุฏที่มีลวดลายแปลกตา


        เมื่อสิ้นเสียงของชายร่างสูงเหล่าทหารองครักษ์ต่างพากันก้มหัว และเอามือแนบบนศรีษะเพื่อบดบังสายตา "จักรพรรดิ เคราคริสสตฟ พระองค์มาทำอะไรที่นี่ขอรับ"นายทหารสูงอายุอีกหนึ่งคนก้าวออกมาจากในวงล้อม แม้ว่าจะยืนแต่หัวของเขานั้นยังคงก้มลงอย่างน้อมนอบต่อพิดาของแผ่นดิด้วยความเคารพ นายทหารที่เงยหน้ามองไปอีกด้านเห็นชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่หน้าตาคมเข้ม ผิวสีขาวสดใสเข้ากับเรือนผมสีทองวอยสั้นระต้นคอซึ่งอยู่ในชุดที่ดูสุงศักดิ์ เมื่อเห็นผู้มาเยือนอีกคนพวหทหารองครักษ์จึงต้องรีบก้มหน้าอีกครั้งและถวายเคารพเช่นเคย แม้ว่าจะไม่ได้เอามือปิดตาก็ตามที "เจ้าชายบริสครุสสโตฟ สวัสดีครับ!"แม้การทักทายจะดูธรรมดา แต่พวกเขาก็กล่าวอย่างจริงจังไม่แพ้บิดาของแผ่นดิน


         "พ่อ...พี่ มาทำอะไรที่นี่"เจ้าหญิงองคืน้อยกล่าวอย่างตกใจ แต่ก็ไม่ลืมโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
         "ก็มาตามน้องสาวสุดรักกลับวังน่ะสิ ใช่ไหมครัยเสด็จพ่อ"ผู้เป็นพี่ตอบเสียงยียวน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็นดูยามมองน้องสาวตัวดีที่อ้อนเสด็จแม่ออกมาอยู่นอกวัง
         "ใช่ เจ้านี่มันน่านักชอบแม่ของเจ้าออกมานอกวังอยู่เรื่อย แล้วพ่อบอกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพ่อว่าเสด็จพ่อ"พระราชากล่าวเสียงระอาพลางส่ายหน้า ไม่รู้ลูกสาวตัวดีไปติดเชื้อเรียกแบบนี้มาจากใคร เรียกแบบนี้ทีไรกษัตริย์จากแดนอื่นมาเยือนเป็นอันต้องขำทุกที ไม่รู้จักสงสารผู้เป็นพ่อบ้างเลย
         "โถ่ เสด็จพ่อละก็"เมื่อสิ้นเสียงเจ้าหญิงตัวดีก้เข้ามาทำท่าออดอ้อนจนผู้เป็นพ่อจำต้องใจอ่อน
         "เอาเถอะ แต่ตอนนี้เจ้าต้องกลับวังได้แล้ว ได้เวลาออกเดินทางของเจ้าแล้วนะ"ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น


        เมื่อสิ้นคำสั่งผู้เป็นเจ้าหญิงถึงกับต้องทำหน้าหงอ แม้ว่าจะรุ้อยู่แล้วว่าเมื่อเรียนจบเวทมนต์ขั้้สูงจะต้อง....ออกไปใช้ชีวิตอย่ในโลกมนุษย์เป็นเวลา 2 ปี โดยต้องใช้ชีวิตคนเดียวแต่สามารถใช้เวทมนต์ทำอะไรก็ได้แต่..มีข้อแม้คือห้ามใช้กับมนุษย์โดยตรง และห้ามให้ใครรู้ โดยเงินในการดำรงชีวิตทางราชสำนักจะออกให้ แต่...ใครมันอยากจะออกไปให้ลำบากละ! หญิงสาวพยายามออดอ้อวนผู้เป็นบิดา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ผลจนสุดท้ายจึงต้องยอมขึ้นรกม้าคันหรูที่มีพื้นที่กว้างขวาง


        ภายในรถม้าเต็มไปด้วยของใช้จำเป็นมามาก เช่น โต๊ะ เครื่องชงชา ขนมว่าง น้ำเปล่า แจกันดอกไม้ แม่ว่าของพวกนี้สามารถเสกได้เอก แต่การเอามาตั้งมันก็ทำให้สะดวกกว่าการเสก หญิงสาวเดินไปขวดดหลหยิบลูกอมสีแดงสดมาอมเล่น ผู้เป็นพ่อก็ได้แต่นั่งคุยราชกาลกับพี่ชายอย่างออกรส ทั้งการเงิน เศรฐกิจ หรือเวทมนต์ใหม่ๆ จนหญิงสาวต้องทำหน้าย่นเพราะไม่เข้าใจในความสุนทรีของเรื่องพวกนี้นัก


        รถม้าเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆตัดผ่านทุ่งหญ้าที่ใช้ปลูกข้าว หรือไร่ผัก และผลไม้ ทุกคนที่เห็นรถม้าที่เป็นเอกลักษณ์นี้ต่างพากันก้มหัวและส่งยิ้มให้องค์หญิงน้อยที่นั่งมองอยู่อย่างดีใจ องค์หญิงน้อยได้ขอให้ผู้เป็นบิดาสร้างบ้านในชนบทให้ด้วยเหตุผลว่า การอยู่ในวังมันเครียดทำให้เธอคิดเวทมนตืใหม่ๆไม่ออก แต่สุดท้ายเมื่อเธอคิดออก เธอก็ยังเลือกที่จะมาอยู่ที่นี่อยู่ดีนั่นแหละ เพราะที่นี่มันดอกไม้ที่เธอชอบ และมีความเป็นส่วนตัว บรรยากาศก็สุดแสนจะดี แม้ว่าในวังก็อาจจะดีเหมือนกัน แต่การได้อยุ่แบบไม่ต้องมีนางกำนัลมันเป็นอะไรที่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะมีทหารองครักษ์ตามมาด้วยก็ตามที


        เมื่อพ้นเขตชนบทก็เข้าสู่เมืองหลวงซึ่งเป็นศุนย์การค้ากับอาณาจักรอื่น แม้ว่าจะดูม่ความเจริญแต่ผู้คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนมีฐานะและเงินในกระเป๋าเท่ากันทุกคน แต่มีบางกลุ่มที่ทางวังให้เงินเพิ่มเพื่อให้ในการปลูกพืช ผัก ผลไม้ และข้าว เรื่องพวกนี้สำหรับชาวเวทมนต์ไม่ใช่เรื่องยากเพราะอยากทำอะไรก็เสกได้ทันใจอยู่แล้ว แถมการอยู่ชนบทมันเป็นอะไรที่สร้างความสงบสุขถึงขนาดมีหลายคนที่อยากจะไปทำไร่ทำนาแทบทั้งเมืองเลยก็ตามที รถม้าเดินมาเรื่อยๆจนเข้าเขตพระราชวังประชาชนก็เริ่มบางตาขึ้น และเต็มไปด้วยเหล่าทหารชั้นผู้น้อย และเหล่าทหารองครักษ์เดินกันขวักไขว่ รถม้ามาจอกที่หน้าประตูวังเหล่านางกำนัลรีบเดินมารับสัมภาระ อันเล็กน้อยจากเชื้อพระวงศ์ทั้งสาม


         "ครุสเบล่า ครุสสโตฟ พวกเจ้าไปรอพ่อที่ห้องทำงาน เดี๋ยวพ่อขอไปหาพวกขุนนางก่อน"สิ้นคำสั่งเจ้าหญิงตัวน้อยต้องทำหน้าเซ็ง จนผู้เป็นพี่ชายต้องกลั้นขำและถามไถ่แม่น้องสาวตัวดี
         "พราวเป็นอะไรอีกละเรา"เมื่ออยู่กันตามลำพังผู้เป็นพี่จึงเรียกชื่อเล่นของน้องสาว
         "พี่บริส พราวไม่อยากไปอยู่โลกมนุษย์ พราวไม่อยากไปเรียนหนังสืออะไรนั่น
    เหมือนที่พวกมนุษย์เรียนกัน"ผู้เป็นน้องกล่าวพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน


        เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ พี่ชายแสนดีดีดนิ้วหนึ่งที่พร้อมกับบานตระตูที่เปิดออก ภายในห้องแทบไม่ต่างไปจากห้องทำงานธรรมดา แต่ติดตรงที่ว่ามันมีหนังสือถึง3,500 เล่ม ทำให้มันดูใหญ่และเต็มไปด้วยหนังสือ ทั้้งหนีงสืออ่านเล่น หนังสือการรบ และหนังสือการเมืองเศรฐกิจของประเทส บนโต๊ะไม้ฮอกกาณีมีแกะสลักอย่างประณีต มีกองเอกสารอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังแบ่งเป็นโซนๆ ตรงกลางมีไว้รับแขก มุมของห้องจะมีพวกชา และของกินยามว่าง หยิงสาวเดินไปในมุมเพื่อหยิบบราวนี่ออกมากิน ผู้เป็นพี่ก็ไม่แพ้กันเดินไปหยิบขนมกรุบกรอบมากินอย่างหมดสภาพราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์


         "ทำไมพราวถึงไม่อยากไอยู่โบกมนุษย์ละ พี่ว่าสนุกดีออก"เมื่อเข้ามาในห้องผู้เป็นพี่จึงเริ่มถามต่อจากประโยคที่น้องสาวพูดเมื่อครู่
         "พราวไม่ได้อยากไปใช้ชีวิตในสภาพสังคมที่วุ่นวายและแออัดแบบนั้น พราวได้เครียดตายพอดี แถมพราวยังไปถามแม่..เอียท่านแม่มาแล้ว ท่านแม่บอกว่าการเรียนที่นั่น เวลาสอบสอบตั้ง12วิชาแหนะพี่ พราวได้อ้วกตายพี่ดี!"ผุ้เป็นน้องสาวกล่าวพลางทำสีหน้าสยองจนผู้เป็นพี่ต้องหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
         "เอาน่าๆ เราไม่ได้ไปคนเดียวซะหน่อยพี่ก็ไปด้วยนะ"ผู้เป็นพี่ที่อายุห่างกันแค่2ปี ตอบอย่างอารมณ์ดี ความจริงเขาเรียนจบตั้งแต่สองปีที่แล้ว แต่ด้วยความที่รักน้องสาวมากจึงพอเสด็จพ่อว่าอยากไปพร้อมน้องสาว แต่ใครจะคิดละว่าแค่สองปีน้องสาวตัวดีของเขาก็เรียนจบเวทมนต์ขั้นสูงซะแล้ว
         "ก็มัน....."
         "พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่หรือ"เสียงกังวาลใสของหญิงสาวร่างบางระหงส์ที่อยู่ในชุดเดรสสีขาวและมีโบว์สีฟ้าผูกอยู่รอบเอวบาง แม้ว่าอาจจะมีร่องรอบของความแก่ชราให้เห็นแต่ก็ไม่อาจบดบังความสวยที่ดูทรงอำนาจของเธอได้เลย
         "เสด็จแม่!"เจ้าหญิงน้อยรีบวิ่งเข้าไปโผกอดผู้เป็นมารดาด้วยความรักใคร่ พลางทำสายตาออดออ้น
         "เสด็จแม่เพคะลูกไม่อยากไปอยู่โลกมนุษย์เลย ไม่ไปไม่ได้เหรอเพคะ"เจ้าหญิงองคืน้อยกล่าวอย่างออดอ้อนจนผู้เป็นมารดาต้องส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู
         "ถ้าเจ้าหญิงผิดกฏซะเองประชาชนจะเชื่อถือทางราชสำนักได้อย่างไรละลูก"ผู้เป็นพ่อกล่าวอย่างระอาพลางลูบหัวลูกสาวตัวน้อย ใครว่าเขาอยากจะให้ลุกสาวไปละ น่ารักขนาดนี้ใครจะปล่อยลง แต่เพื่อประชาชน และเพื่อตัวแม่ลูกสาวตัวดีแล้วคงต้องหักดิบกันบ้าง
         "โถ่เสด็จพ่อ แต่ลุกไม่อยากแยกจาก จากเสด็จพ่อและเสด็จแม่นี่นาเพคะ" เนะมาไม้นี้อีกแล้ว ผุ้เป็นพ่อคิดพลางสายหน้า พอเล่นไม้นี้ทีไรพระบิดา และมารดาของแผ่นดินจำต้องใจอ่อนยวบ พระมารดาของแผ่นดินจึงต้องส่งสายตาช่วยเหลือไปหาลุกชายตัวดีที่ได้แต่ยืนยิ้มหน้าระรื่น
         "เอาน่าพราว มันไม่ได้ละบาดขนาดนั้นหรอกเชื่อพี่สิ เอางี้ ถ้าเราไปนะเสด็จพ่อจะให้เงินค่าขนมไปซื้อการ์ตูนได้เป็นพันเล่มเลยน๊าา"และไม้นี้ได้ผล เจ้าหญิงน้อยทำสีหน้าเป็นประกายระยิบระยับ ตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อที่ต้องเตรียมสั่งทำตุ้เพิ่มอีกแล้ว นี่ขนาดเจ้าตัวไม่ชอบโลกมนุาย์ยังติดการตูนที่มนุษยืแต่งซะจนถอนตัวไม่ขึ้น นี่มีมากกว่า1,000แล้วมั้ง
         "จริงเหรอเพคะเสด็จพ่อ"ผู้เป็นลูกทำหน้าตาเป็นประกาย
         "จริงสิ แต่..ลุกต้องทำคะแนนสอบที่โลมนุษย์ให้ดีๆนะ อย่าให้เสียชื่อประเทศเรา"ผุ้เป็นพ่อยิ้มอย่างระอาในความใจอ่อนของตน จนมารดาแห่งแผ่นดินต้องขอค้าน
         "คุณคะ จะดีเหรอคะ"มารดาของแผ่นดินถามขึ้นอย่างนึกเป็นห่วง จนผู้เปนลูกสาวต้องตอบแทนพ่อ และด้วยความเป็นเอกฉันเจ้าหยิงตัวน้อย และเจ้าชายจึงต้องลงไปยังโลกมนุาย์ภายในคืนนี้ เพราะทุกสิ้นเดือนดวงจัทรืทั้งสองดวงจะรวมเปนหนึ่งทำให้กลางวันและกลางคืนเท่กัน และประตูเชื่อมมิติก็จะเปิดออก
         "งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ/ครับ"เมื่อลุกๆทั้งสองเดินเข้าไปในป่าสีรุ้งซึ่งเป็นทางเชื่อมหายลับไปกับตาแล้ว พระราชาและพราชินีจึงเสด็จกลับ แต่พระราชินียังมิวายเป็นห่วงลูกๆทั้งสอง
         "คุณคะ พวกเขาจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ"ผุ้เป้นพระราชินีกล่าวอย่างกังวล
         "ต้องไม่เป้นไรแน่นอน เพราะอีก2ปี โลกมนุษยืจะได้รับรู้การมีตัวตนของพวกเรา"พระราชากล่าวเสียงเข้ม
         "อะไรนะคะ!"พระราชินีกล่าวอย่างตกใจ
         "พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ตอนนี้พวกเราต้องรีบแล้วละ"
        เสียงของผุ้ปกครองแผ่นดินทั้งสองค่อยๆเบาลง พร้อมๆกับที่รถม้าเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ
    อีกไม่นานมันกำลังจะมาถึง....

     

    #เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สนุกไหม ถ้ายังไงช่วยกันติชมด้วยนะคะ
     

     














    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น