คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ คำพูดไม่กี่คำกับการกระทำที่เผลอไป
By :: เบบี้เยลโล่
ปาร์คชานยอลหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าผับที่เคยมาหลายต่อหลายครั้ง
ทั้งเป็นฝ่ายมาเที่ยวเอง (ตอนที่ยังไม่รู้ว่าใครคือเจ้าของ) และโดนเจ้าของผับลากมา
หลังจากโทรหาอู๋ฟานหลายสายก็ไร้การตอบรับ ปาร์คชานยอลเลยทำได้เพียงหงุดหงิด ก่อนเจ้าของร่างสูงเพรียวจะหยิบกระเป๋าและกุญแจรถออกมาจากห้องทำงานแล้วขับรถมุ่งหน้ามาที่นี่โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสได้เจอร่างของเจ้าของผับหรือเปล่า
เอาวะ
ไม่เข้าถ้ำเสือจะเจอลูกเสือเหรอ..
ไม่รู้เพราะความใจร้อนหรือร้อนใจจนไม่ทันมีเวลาได้คิดทำให้ปาร์คชานยอลลืมไปเสียสนิทว่า
คนที่ตัวเองต้องการพบตัวนั้นหาใช่ลูกเสือ..ถ้าจะพูดให้ถูกควรจะเป็นพ่อเสือซะมากกว่า
“ขอตรวจบัตรด้วยครับ”
บอดี้การ์ดตรงประตูทางเข้ายกมือขึ้นขวางพร้อมกับเอ่ยปากขอตรวจเอกสารตามกฎของผับ
ปาร์คชานยอลชะงักขาอย่างแปลกใจเพราะปกติที่เจ้าตัวมาก็ไม่เคยถูกขอตรวจบัตร
ปาร์คชานยอลล้วงกระเป๋าออกมาจากกางเกงพร้อมกับล้วงเอาบัตรประชาชนของตัวเองออกมาโชว์
บอดี้การ์ดหน้าเข้มรับไปตรวจดูก่อนจะคืนบัตร ผายมืออนุญาตให้เจ้าของร่างสูงโปร่งเข้าไปในผับ
“แล้วจะขอพบมันยังไงล่ะทีนี้
ไม่เจอคนที่รู้จักสักคน” ชานยอลบ่นอุบอิบ ก่อนจะมองหาที่นั่ง ตั้งแต่เดินเข้ามาเขายังไม่เห็นใครที่จะสามารถพาไปเจอกับไอ้มาเฟียขี้เก็กนั่นได้
ปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
เรื่องจะโทรหาอีกฝ่ายนั้นตัดไปได้เลยเพราะไม่ว่าจะโทรไปกี่สาย
ปลายสายก็ไม่มีท่าทีว่าจะกดรับ รู้อย่างนี้ขอเบอร์คุณจื่อเทาเอาไว้ก็ดีหรอก
คนอุตส่าห์ลดตัวมาหาก่อน
แทนที่จะดีใจ เห๊อะ!
“รับอะไรดีครับ”
พนักงานเดินเข้ามาถามด้วยความนอบน้อม
“ลองไอซ์แลนด์” โปรดิวเซอร์มือทองตอบสั้นๆ มือเรียวยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อด้านบนสุดออกสองเม็ด
ไม่รู้เพราะบรรยากาศข้างในผับร้อนเกินไปหรือเพราะความร้อนของอารมณ์ที่มันอัดแน่นอยู่ในใจ
เจ้าของร่างโปร่งยังคงนั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่ตัวเองต้องการอยากพบนั้น
นั่งมองตัวเองผ่านจอมอนิเตอร์ตั้งแต่เห็นรถของปาร์คชานยอลขับเข้ามาในผับแล้ว
มีหรือที่เหตุการณ์ในผับโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับปาร์คชานยอลจะหลุดลอดสายตาของอู๋ฟานไปได้
ถึงแม้เขาจะทำเป็นเลิกสนใจอีกฝ่ายสั่งยกเลิกการติดตามปาร์คชานยอลตามที่คนร่างโปร่งต้องการก็จริง
แต่ใครบอกให้อีกฝ่ายล้วงล้ำเข้ามาในเขตของอู๋อี้ฟานคนนี้เองเล่า
สายตาคมเข้มจับจ้องไปที่ปาร์คชานยอลที่ยังนั่งดื่มเอาดื่มเอาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
หวงจื่อเทายืนรอฟังคำสั่งของนายเหนือหัวตัวเองอยู่เงียบๆ
ตั้งแต่ลูกน้องส่งเสียงรายงานมาว่ารถของปาร์คชานยอลขับเข้ามาในผับ
ยืนรออยู่เป็นชั่วโมงนายก็ยังนั่งเงียบ กอดอกมองคุณชานยอลผ่านจอมอนิเตอร์
เขาเองก็ทำได้เพียงยืนรออย่างสงบนิ่งเท่านั้นแม้ในใจจะห่วงคนของนาย
นั่งดื่มมาเป็นชั่วโมงไม่เมาก็คงคอทองคำเกินไปแล้ว หากเกิดว่าคุณชานยอลโดนใครหิ้วไปอยากรู้จริงๆ
ว่านายจะนั่งนิ่งอยู่แบบนี้ไหม
แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครกล้าแยมเข้าไปยุ่งกับปาร์คชานยอล
เพราะหวงจื่อเทาคนนี้เป็นคนสั่งให้ลูกน้องคุ้มกันโต๊ะที่เจ้าของร่างสูงโปร่งจับจองเป็นเจ้าของไม่ให้มีใครเล็ดลอดเข้าไป
‘กวนใจ’ เจ้าของโต๊ะได้ นอกจากพนักงานเสิร์ฟที่ได้รับอนุญาตจากเขา
หวงจื่อเทาก็อดแช่งนายในใจไม่ได้ แต่ในเมื่อนายไม่ได้สั่งเขาจะทำอะไรมากไปกว่านี้ได้
..หวงจื่อเทามันก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย
ไหนเลยจะกล้าฝ่าฝืนทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของคนเป็นเจ้าชีวิตล่ะ
ในที่สุดคำภาวนาในใจของหวงจื่อเท่าก็ส่งผล
เมื่อปาร์คชานยอลฟุบหน้าลงกับโต๊ะนิ่งไม่ขยับ
หวงจื่อเทาเบนสายตากลับมาโฟกัสที่อู๋อี้ฟานเพื่อสังเกตปฏิกิริยา มีเพียงคิ้วเข้มของนายเท่านั้นที่ย่นเข้าหากันแต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
อู๋อี้ฟานเคาะนิ้วลงกับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด
เด็กนั่นเป็นฝ่ายเอ่ยปากไล่เขาเองแท้ๆ
เขาตั้งใจไม่โทรกวนอีกฝ่ายและหันมาตั้งใจทำงานใหญ่อย่างเอาจริงเอาจัง
ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆ อีกฝ่ายจะโผล่มาหาถึงที่
แถมยังเป็นฝ่ายโทรหาเขาก่อนอีก หึ
เดี๋ยวได้รู้กันเด็กน้อย คิดจะปั่นหัวคนอย่างเขาน่ะง่ายไปมั้ง ในเมื่ออยากจะวิ่งตามหาเขากันนักก็จะปล่อยให้วิ่งเล่นสมใจ..
ครืด ด ด
“คุณฮันครับนาย”
หวงจื่อเท่ายื่นโทรศัพท์ให้ผู้เป็นนาย ปกติฮันคยองกับคิมบอมจะได้รับอนุญาตให้ต่อสายหานายได้โดยตรงแต่เพราะตอนนี้
มาเฟียใหญ่กำลังประสบปัญหาเรื่องหัวใจ จึงปิดโทรศัพท์หนี...เด็ก
...ทุกสายที่ต้องการติดต่อหานายจึงต้องเปลี่ยนการติดต่อมาที่เบอร์ของหวงจื่อเทาแทน
“เรียบร้อยไหม” คำถามแรกจากอู๋อี้ฟาน
เขาต้องการรู้แค่ผลลัพท์ของงาน ส่วนวิธีการนั้นล้วนแล้วแต่ผู้ปฏิบัติทั้งสิ้น
ก็อย่างที่บอกว่าคนที่ทำงานกับอู๋อี้ฟานได้นั้นมีแต่ระดับแนวหน้าของวงการ
งานแต่ละชิ้นไร้ร่องรอยให้สืบหาต้นตอ ต่อให้มีข่าวลือหนาหูว่าคนของตระกูลอู๋อาจจะมีเอี่ยว
แต่ใครหน้าไหนล่ะจะกล้าตรวจสอบ
...เงินหนัก เส้นใหญ่
ใครที่ไหนที่ยังรู้จักรักชีวิตจะกล้าก้าวขาเข้ามายุ่ง…
“วางกำลังไว้อย่าให้พวกมันรู้ตัว
ที่เหลือให้ถอนกำลังออกมาก่อน รอคำสั่งต่อไป” สั่งการเสร็จ อู๋ฟานก็ตัดสาย
ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้หวงจื่อเทา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหยิบสูทสีดำสนิทมาวางพาดไหล่
หวงจื่นเทาก้าวตามผู้เป็นนายยาวๆ เพราะนึกว่าอู๋ฟานจะลงไปหาคุณโปรดิวเซอร์หน้าขาว
แต่ขายาวของผู้เป็นบอดี้การ์ดชะงักกึกเพราะทางที่นายเดินออกไปคือทางออกด้านหลังของผับที่มีเลย์บอดี้การ์ดคู่หูของเขายืนรอประจำการอยู่
“นายครับ” หวงจื่อเทาเรียกผู้เป็นนายราวเสียงกระซิบ
อู๋ฟานชะงักขาแล้วหันมาเลิกคิ้วหน้านิ่ง หวงจื่อเทากลืนน้ำลายลงคอ
ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามอย่างไม่กลัวตาย
“แล้วคุณชานยอลล่ะครับ”
ถามออกไปก็กลั้นใจรอคำตอบ
พร้อมกับทำใจว่าอาจจะโดนลูกตีนเจ้านายเอาได้ที่กล้าถามถึงคนที่ทำให้นายไม่พอใจ
“หึ เขามาเองได้ก็กลับเองได้
หรือถ้านายอยากไปส่งเขาก็ตามสบาย งานของฉันไม่รบกวนนายก็ได้นะหวงจื่อเทา”
แม้น้ำเสียงจะสบายราวกับเล่าเรื่องปกติ
แต่สายตากลับลุ่มลึกข่มขู่ว่าหากเขายังดึงดันก้าวขากลับไป
อาจจะไม่มีคนชื่อหวงจื่อเทาอยู่บนโลกนี้อีก หวงจื่อเทาจึงได้แต่กุมมือสองข้างไว้ด้านหน้าแล้วโค้งหัวก้าวสิบองศา
กล่าวเสียงดังฟังชัด
“ขอโทษครับนาย!”
หวงจื่อเทาได้แต่รำพึงรำพันในใจแล้วก้าวไวๆ
ตามร่างสูงใหญ่ของนาย เฮ้อ คุณชานยอลไม่น่าทำให้นายโกรธเลยจริงๆ
สองวันต่อมาถึงกำหนดที่ซิ่วหมินและลู่หานจะเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักส่วนตัวติดชายทะเลที่ลู่หานเป็นฝ่ายควักเงินซื้อเก็บไว้เองจากเจ้าของที่
ที่ชราภาพลงไปมากแล้ว เจ้าของพื้นที่เดิมไม่มีลูกหลานเกรงว่าหากตายไปแล้วบ้านและที่ดินจะถูกปล่อยร้าง
โชคดีที่ญาติห่างๆ แนะนำให้รู้จักกับลู่หาน
ทำให้ชายชราเอ่ยปากขอร้องให้ลู่หานดูแลที่ดินผืนนี้ที่เขารักดั่งชีวิตแทนหากเขาตายไป
เมื่อได้ที่ดินมาลู่หานก็ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่และสร้างบ้านขนาดกลางขึ้นใหม่ไว้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว
“ไม่ได้มานานแล้ว แต่ที่นี่ยังไม่เปลี่ยนไปเลย”
ลู่หานหันไปพูดกับคนรัก มุมปากยกยิ้มอ่อนโยนทั้งสองคนจูงมือกันออกมาเดินเล่นที่ชายหาด
หลังจากเดินทางมาถึงช่วงบ่ายแก่ๆ
ลู่หานจึงสั่งให้ลูกน้องแยกย้ายกันไปพักผ่อนเมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ
ลู่หานจึงชวนซิ่วหมินออกมาเดินเล่นโดยมีจงอินเดินตามรักษาความปลอดภัยอยู่ห่างๆ
เพราะที่ดินข้างๆ
รายล้อมไปด้วยรีสอร์ตมากมายแม้จะพอวางใจได้บ้างแต่คิมจงอินก็ไม่ประมาทเนื่องจากวันนี้ฮันคยองและคิมบอมติดภารกิจสำคัญทำให้เดินทางมาด้วยไม่ได้
“คิดถึงตอนเราสองคนคบกันใหม่ๆ
คุณก็พาหมินมาที่นี่” ซิ่วหมินพยักหน้ารับ
ปากเล็กขยับยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ลู่หานพาเขามาเที่ยว ในบรรยากาศที่เงียบสงัด
อยู่ดีๆ ลู่หานก็เอ่ยปากขอเขาเป็นแฟนเอาทื่อๆ ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ
...คืนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องสว่างเหมือนกับความรักของคนทั้งคู่
“หลังจากนี้เราคงต้องระวังตัวกันมากขึ้น”
ลู่หานกระชับมือของซิ่วหมินให้แน่นขึ้น
พร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มปรากฎแสงดาวจางๆ
หลังจากนี้ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะอันตราย เพราะแผนของเขาดำเนินมาถึงช่วงสำคัญ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ยิ่งเข้าใกล้สู่ความสำเร็จมากเท่าไหร่ ทุกย่างก้าวก็ยิ่งเต็มไปด้วยอันตราย
“คุณต้องระวังตัวนะ”
ซิ่วหมินกระชับมือตอบคนรัก
สิ่งเดียวที่ซิ่วหมินพอจะทำให้ลู่หานได้ก็คือระมัดระวังตัวและคอยอยู่เคียงข้างลู่หาน
แม้จะอันตรายแต่ซิ่วหมินกลับเต็มใจที่จะยืดอกรับ
“ผมสัญญาว่าจะระวังตัว
จะไม่ยอมตายจนกว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
ผมจะไม่ยอมทิ้งคุณไว้บนโลกนี้คนเดียวจนกว่าจะแก่เฒ่าแล้วตายจากกัน
แต่หากมันเกิดอะไรผิดพลาด..”
“ไม่นะ!”
ซิ่วหมินกระตุกมือจนหลุดจากมือลู่หานเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายพูดจนจบ
ตากลมโตสั่นระริก แค่คิดว่าต้องอยู่บนโลกนี้คนเดียว หัวใจของเขาก็บีบรัดไปหมด
แค่บาดเจ็บ หรือปล่อยให้คนรักทำอะไรเสี่ยงๆ ก็มากพอแล้ว
ถ้าถึงกลับต้องตายจากกันมันโหดร้ายเกินไป
“หึหึ ขี้แยอีกแล้ว” ลู่หานฉีกยิ้ม
ยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มคนรักอย่างอ่อนโยน
ก่อนจะยกมือขึ้นจับไหล่ซิ่วหมินทั้งสองข้างดึงอีกคนให้หันมาเผชิญหน้าตัวเองแล้วบีบเบาๆ
“บอกแล้วไงว่าผมจะไม่ทำอะไรในสิ่งที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะ
ไม่ไว้ใจผมเหรอ เดี๋ยวอย่าเพิ่งขัด ที่ผมพูดก็แค่เผื่อเอาไว้ก็เพราะไม่รู้ว่าหากเกิดกรณีผิดพลาด
ผมหมายถึงเรื่องที่ไม่คาดฝัน ผมก็อยากให้คุณอยู่ให้ได้..อยู่เพื่อผม”
ลู่หานบอกเสียงจริงจัง ดวงตาทั้งสองคู่สบตากันนิ่ง ซิ่วหมินเม้มปาก
สองมือกำเข้าหากันแน่นอย่างอดกลั้น เขาเข้าใจในสิ่งที่ลู่หานต้องการจะบอก
ลู่หานจะระวังตัวและจะทำให้ได้ตามสัญญาแต่หากเกิดอะไรขึ้น
ซิ่วหมินต้องไม่ทำร้ายตัวเอง ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ เพราะข้างหลังนั่นยังมีอีกหลายคนที่เป็นห่วงและมีอีกหลายชีวิตที่เขาต้องรับผิดชอบแทนลู่หาน
“หมิน...”
ซิ่วหมินเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบ ลู่หานหัวเราะเบาๆ
เพราะจับได้ถึงกระแสความไม่พอใจจากคนรัก ก่อนจะดึงซิ่วหมินเข้ามากอดหลวมๆ
มือหนายกขึ้นลูบผมคนรักแล้วกระซิบข้างหู
“ผมรักคุณ”
คำสามคำสั้นๆ
แม้จะฟังมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเบื่อ ประโยคพื้นๆ
แต่กลับสร้างกำลังใจได้อย่างเหลือเชื่อ
ลู่หานผละออก
ก่อนจะสอดนิ้วประสานเข้ากับนิ้วเรียวของซิ่วหมินไว้ตามเดิม
เพราะพวกเขาสองคนเดินออกมาไกลจากที่พักพอสมควร และท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
จึงตั้งใจจะพาซิ่วหมินเดินกลับ อีกทั้งทริปนี้ยังมีชานยอลและแขกพิเศษที่แอบตามมาด้วย
ขืนออกมานานกลับไปคงโดนชานยอลแขวะเข้าอีก
ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันหลังกลับ
หางตาของลู่หานเหลืบไปเห็นประกายไฟแว็บๆ
เสี้ยววินาทีสองมือก็รั้งกอดซิ่วหมินมาไว้แนบอกเพื่อปกป้อง
ก่อนที่ทั้งคู่จะทิ้งตัวลงกับพื้นทราย เสียงปืนนัดเดียวที่ถูกปล่อยออกมา
ยังไม่ทันได้ยิงซ้ำเป็นนัดที่สองมือปืนก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อคิมจงอินที่ปฏิกิริยารวดเร็วสาดกระสุนกลับไปยังทิศทางที่มาของกระสุนทันทีอย่างไม่รีรอก่อนจะรีบตามไปยังทิศทางของป่ามะพร้าวอย่างรวดเร็ว
เพราะจากที่นี่อีกประมาณสองร้อยเมตรเป็นถนนหากช้าคนร้ายอาจจะหนีไปได้
ลู่หานเงยหน้ามองทิศทางของลูกปืนอย่างระมัดระวัง
ร่างสูงกว่าทาบทับร่างของซิ่วหมินไว้ทั้งตัวอย่างปกป้อง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเมื่อบรรยากาศกลับเข้าสู่สภาวะปกติและช่วยพยุงซิ่วหมินขึ้นยืน
สองมือปัดทรายออกจากลำตัวของซิ่วหมินพร้อมมองสำรวจหาร่องรอยการบาดเจ็บอย่างถี่ถ้วน
“บาดเจ็บตรงไหนไหม?” ลู่หานเอ่ยปากถามคนรักเพื่อความแน่ใจแม้จะมองสำรวจอีกฝ่ายแล้วว่าไม่มีบาดแผล
ซิ่วหมินส่ายหัว ใบหน้าขาวยังซีดเป็นกระดาษเพราะความตกใจ
แต่ยังมีสติรีบมองสำรวจคนรักของตัวเองก่อนตาโตจะเบิกกว้างเมื่อเห็นรอยเลือดที่กำลังซึมไหลตรงบริเวณแขนขวาของคนรัก
“คุณโดนยิง!”
ลู่หานเลิกคิ้วเพิ่งจะรู้สึกตึงๆ ที่แขนก็ตอนซิ่วหมินทักนี่แหละ
ร่างสูงก้มมองดูรอยแผลตามสายตาคนรักที่บัดนี้มือขาวค่อยๆ
ยกมือขึ้นแตะเลือดที่ไหลซึมออกมาจากแขนเสื้อ ด้วยอาการสั่นเทา
ลู่หานพับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นเพื่อสำรวจบาดแผล
“แค่ถากๆ น่ะ”
“นายครับ!”
คิมจงอินวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนายหลังจากวิ่งตามมือปืนไป
ก่อนสายตาจะสบเข้ากลับมาเฟียคนสนิทที่เดินนำหน้ากลุ่มลูกน้องของตัวเองตามจงอินกลับมาสมทบกับเขา
“จับได้ไหม” ลู่หานถามเสียงนิ่ง
“โชคดีที่คนของคุณอู๋สะกัดจับเอาไว้ได้ครับ”
คิมจงอินพยักหน้ารับ
ลู่หานหัวเราะในลำคอเสียงเหี้ยมแม้แต่ลูกน้องยังลอบสบตากันแล้วกลืนน้ำลาย
“อย่าเพิ่งซักไซ้อะไรกันตอนนี้เลย
ไปทำแผลก่อนเถอะครับ” ซิ่วหมินเป็นฝ่ายตัดบทอย่างร้อนรน
โดยไม่ลืมหันไปโน้มหัวทักทายรุ่นพี่ของคนรัก ทั้งหมดจึงเดินกลับที่พักของลู่หาน
“เกิดอะไรขึ้น!?”
ร่างโปร่งของชานยอลผละเข้ามาถามทันทีที่เห็นซิ่วหมินพยุงลู่หานเข้ามาในบ้านพัก
แถมอีกคนยังมีเลือดอาบแขนอีกด้วย หลังจากที่ชานยอลนั่งๆ นอนๆ อยู่บนห้องพัก
พอเห็นอาทิตย์ตกดินก็เดินออกมาเดินเล่นบริเวณบ้านพักใครจะไปคิดว่าแค่ลงไปเล่นน้ำแป็บเดียวจะซวยโดนแมงกระพรุนต่อย
ลำบากลูกน้องของลู่หานวิ่งวุ่นกันหาน้ำส้มสายชูมาปฐมพยาบาลให้เขา
เจ้าของร่างโปร่งจึงเริ่มหมดสนุกทันที
หลังจากนั่งดูทีวีอยู่สักพักในบ้านก็เกิดความวุ่นวายเมื่อมีคนส่งข่าวมาว่าเกิดเรื่อง
เขาเลยเอ่ยถามด้วยความร้อนใจก็ได้รับคำตอบว่าลู่หานกับซิ่วหมินเกิดเรื่อง
เขาจึงนั่งรอเพื่อนรักอยู่ในห้องรับแขกอย่างร้อนรน ในใจเผลอนึกไปถึงมาเฟียบางคน
หากมีอีกคนอยู่ด้วยเขาคงอุ่นใจกว่านี้ สู้เก่งไม่เก่งไม่รู้แต่เอาจำนวนคนเยอะเข้าข่มไว้ก่อน
“แค่ถากๆ น่ะเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”
ซิ่วหมินช่วยพยุงลู่หานไปนั่ง
คิมจงอินเดินเลี่ยงไปหยิบชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาให้อย่างรู้หน้าที่
“ฉันโทรไปเชิญตัวหมอมาที่นี่ให้แล้ว”
ร่างโปร่งของชานยอลแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินเสียงของใครบางคนที่ไม่ได้ยินมาหลายวัน
อู๋ฟานปรากฏตัวขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ชานยอลจ้องหน้าผู้มาใหม่นิ่ง
อู๋ฟานเพียงแค่ปรายตาไปมองชานยอลเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเบือนกลับมาที่คนเจ็บ
ชานยอลเม้มปากทันทีที่โดนเมิน
เมื่อหมอมาถึงก็รีบทำแผลให้ลู่หานโดยไม่ปริปากถามอะไรอย่างเข้าใจสถานการณ์
พอทำหน้าที่เสร็จหวงจื่อเทาก็ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายให้พาหมอไปดูแผลของชานยอลทันที
เพราะเขาเรียกลูกน้องของลู่หานมาสอบถามแล้วว่าขาของชานยอลไปโดนอะไรมา แม้จะโกรธอีกคนอยู่ลึกๆ
ว่าไม่ระวังตัวแต่ก็ข่มใจรู้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เขาจึงเอ่ยปากกับหมอไปสั้นๆ
“ถ้ารักษาให้หายเป็นปกติไม่ได้ก็อย่าอยากมีอีกเลยชีวิตน่ะ”
ผู้เป็นหมอจึงได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย หน้าซีด มือสั่นเดินตามหลังผู้นำทางของตัวเองไปอย่างรนๆ
อู๋ฟานเดินขึ้นไปบนห้องพักของลู่หาน
ก่อนจะเคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจึงเดินเข้าไปในห้องของลู่หาน
เจ้าของฉายามาเฟียส่งยิ้มมุมปากให้ซิ่วหมินที่นั่งอยู่ข้างเตียง
มีลู่หานนั่งอยู่ข้างๆ เปลือยร่างกายท่อนบน แขนโดนพันไว้ด้วยผ้าสีขาว
มีเลือดซึมจางๆ อู๋ฟานเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้มุมห้อง
“เดี๋ยวหมินไปดูไอ้ชานยอลก่อนนะ
ได้ยินว่ามันโดนแมงกระพรุนต่อย” ซิ่วหมินกระซิบบอกคนรัก
ก่อนจะส่งยิ้มให้อู๋ฟานอีกที มือเล็กหยิบกะละมังติดมือออกมา
เปิดโอกาสให้คนรักกับรุ่นพี่ได้ปรึกษากัน
“โชคดีที่จับพวกมันได้”
ลู่หานเปิดปากแล้วยิ้มเหี้ยม หากเขาไม่อยู่ตรงนั้น หากพวกมันจงใจทำร้ายคนที่เขารัก
หากคนที่โดนยิงเป็นซิ่วหมิน เขาจะทำยังไง พวกมันต้องชดใช้!
“ถือว่าโชคยังเข้าข้างนาย
ที่ฉันกำลังจะแวะเข้าไปหานายพอดี
แค่ได้ยินเสียงปืนกับร่างของจงอินที่วิ่งตามคนร้ายมาฉันก็รู้แล้วว่าคงเกิดเรื่อง
เลยสั่งให้ลูกน้องขับรถตาม” อู๋ฟานเปิดปากบอกยิ้มๆ
โดยเลี่ยงที่จะกล่าวถึงความตั้งใจแรกที่เขาจะแอบแวะเข้ามาหาปาร์คชานยอล
“ผมประมาทเอง”
“ไม่มีใครคิดหรอกว่าพวกมันจะชิงลงมือ
ฉันเรียกลูกน้องมาเพิ่ม ให้ช่วยวางกำลังรอบๆ บ้านของนาย
คิดว่าที่นี่คงพอจะมีห้องว่างให้ฉันซุกหัวนอนสักห้อง”
หากลู่หานลงไปเห็นจำนวนคนที่อู๋ฟานเรียกมาคงไม่เห็นด้วยที่อีกคนใช้คำว่าเรียกลูกน้องมาเพิ่ม
ต้องบอกว่าตรึงกำลังแน่นหนากว่าที่บ้านพักส่วนตัวของเขาซะอีก
กองกำลังของตระกูลอู๋มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญยิ่งกว่านักรบเดนตายของกองทัพซะอีก
ในแต่ละหน่วยจะประกอบไปด้วยจำนวนนักรบเจ็ดคน มีทั้งหมดสิบหน่วยกระจายกำลังทำงานไปทั่วโลก
หน่วยที่ดีที่สุดของกองกำลังคือหน่วยมังกรพยัคฆ์มีหัวหน้าหน่วยคือเลย์
“คงไม่ใช่กองกำลังตระกูลอู๋?”
ลู่หานเลิกคิ้วถามกลับ
“แน่นอนว่าใช่”
“ผมว่าผมเห็นเลย์ที่นี่” อู๋ฟานไม่ตอบ
ทำเพียงยักไหล่สบายๆ เหมือนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา กองกำลังของตระกูลอู๋
มีเขาคนเดียวที่สามารถออกคำสั่งได้
ทุกหน่วยขึ้นตรงต่อเขาโดยมีเลย์ที่เป็นทั้งหัวหน้าหน่วยกองกำลังและหัวหน้าหน่วยมังกรพยัคฆ์กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสิบหน่วยเป็นผู้รับคำสั่ง
เมื่อได้รับคำตอบลู่หานก็หัวเราะหึหึ
อย่างไม่เชื่อหู แค่คนของตระกูลธรรมดาก็หาตัวจับได้ยากแล้ว
นี่ถึงกับเรียกใช้งานกองกำลังของตระกูล!
“ฉันส่งคนให้คุมตัวมันไปไว้ที่เซฟเฮ้าท์ที่โซลแล้ว
เอาไว้นายพักผ่อนให้เต็มที่กลับกรุงเทพค่อยติดต่อหาฉันก็แล้วกัน
ที่นั่นมีคนของฉันดูแลอยู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้าไม่ถึงถ้าฉันไม่อนุญาต” อู๋ฟานลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกจากห้องไปเมื่อบอกในสิ่งที่ต้องการบอกไปหมดแล้ว
ลู่หานพยักหน้ารับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคิมบอมให้ส่งคนแทรกซึมเข้าไปในเอ็กซ์คอร์ปเรชั่น
..ในเมื่อชอบทำตัวเป็นหมาลอบกัดดีนัก
เสี่ยวลู่หานคนนี้ก็จะจัดให้อย่างสาสมใจเชียวล่ะ
หลังจากออกจากห้องของลู่หาน
หางตาของอู๋ฟานก็เห็นร่างเล็กของซิ่วหมินเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินลงบันไดไป
อู๋ฟานลอบยิ้ม คืนนี้คงมีเรื่องอะไรสนุกให้ทำแก้เบื่อแล้ว
ร่างสูงเดินเลี่ยงลงไปด้านล่างเพื่อสำรวจบริเวณรอบๆ และอีกประเด็นสำคัญก็คือเดินเล่น..เพื่อฆ่าเวลา
ตกดึก
เสียงก็อกแก็กหน้าห้องส่งผลให้ชานยอลใจหายวาบ
ก่อนสายตาจะโฟกัสไปที่หน้าห้อง มือเรียวรีบยื่นไปเปิดไฟตรงหัวเตียงอย่างระวังภัย
พร้อมกับเงี้ยหูฟัง
เมื่อเห็นทุกอย่างยังปกติมือเรียวจึงปิดไฟแล้วล้มตัวนอนลงอีกครั้งและรอฟังเสียง
เขาตื่นมาสักพักแล้วเพราะนอนไม่หลับ เมื่อเย็นชานยอลทานได้น้อยตกดึกจึงหิวโซ
จะลงไปข้างล่างก็ไม่ถนัดกลัวว่าจะทำให้คนอื่นลำบากจึงฝืนหลับตานอนต่อ
แต่นอนยังไงก็นอนไม่หลับ
หมับ
“เห้ย อื้อ!”
ร่างของชานยอลสะดุ้งโหย่งเมื่อโดนกอดรวบรัดอีกทั้งยังโดนมือมืดปิดปากเอาไว้แน่น
ชานยอลดิ้นสุดแรงใช้สองมือปลดพันธะรอบเอว เจ้าของร่างโปร่งพึมพำในใจทำไมเขาไม่ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องล่ะ
จะมาตายที่นี่ไม่ได้นะเว้ย เขาไม่ยอม สองขาออกแรงถีบดิ้นเพื่อให้เกิดเสียงดังแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งโดนรัดมากขึ้นไปอีก
“ชู่วว ฉันเอง”
เสียงกระซิบอยู่ที่ริมหูทำให้ชานยอลตัวแข็งทื่อ อาการขัดขืนก่อนหน้านั้นชะงักงันเพราะเจ้าของร่างกำลังตกตะลึง
แม้ภายในห้องจะมืดแต่ยังมีแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง
และด้วยสายตาที่ดีกว่าคนธรรมดาของอู๋ฟานก็ทำให้เขาเห็นทุกการกระทำของชานยอลได้ชัดเจน
มุมปากหยักของโจรลักลอบเข้าห้องคนอื่นจึงยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะประทับลงบนแก้มนุ่มของอีกฝ่ายหนักๆ
“อื้อ!!”
เมื่อตั้งสติได้ชานยอลจึงส่งเสียงร้องประท้วงอีกฝ่ายทันที
หลังจากโดนขโมยหอมแก้มไปแล้วโดยไร้ทางต่อสู้ อู๋ฟานหัวเราะในลำคอ
ก้มลงกอดอีกคนแน่นขึ้น ปากหยักโน้มลงชิดใบหูขาว
“สัญญามาก่อนว่าถ้าปล่อยจะไม่ร้องให้คนช่วยหรือส่งเสียงดัง”
อู๋ฟานยื่นข้อเสนอ ชานยอลเอี้ยวหน้ามาถลึงตาใส่ไอ้โจรราคะอย่างโกรธจัด
หายหน้าไปหลายวันแถมยังจงใจควงผู้หญิงให้เขาเห็นอีก
อย่าหวังเลยว่าปาร์คชานยอลจะยอม ไอ้มาเฟียนิสัยเสีย จะไปตายที่ไหนก็ไป
ชานยอลได้แค่เค้นเสียงด่าอีกคนอู้อี้ เอาหัวทุบอกอีกคนไม่สนใจว่าตัวเองจะเจ็บ
“ไม่งั้นก็อยู่อย่างนี้แหละจนกว่าจะเช้า”
คำขู่นี้ได้ผลชะงัก เมื่อชานยอลหยุดทุกการกระทำอย่างจำยอม
ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ขืนปล่อยให้อีกคนอยู่ในสภาพนี้จนถึงเช้า
ถ้ามีคนเห็นอู๋ฟานออกจากห้องของเขาในตอนเช้าจะคิดยังไง
รอให้ลูกบวชก่อนเถอะ!
“เข้ามาทำไม” ชานยอลเอ่ยปากถามเคืองๆ
ตาโตมองร่างสูงที่ทิ้งตัวพิงหัวเตียงเขียวปั๊ด
พร้อมกับพยายามขยับไปจนชิดขอบเตียงอีกฝั่ง อู๋ฟานหรี่ตามองคนหวงตัวขำๆ
“แค่เข้ามาหาคนนอนไม่หลับ” ชานยอลเลิกคิ้ว
หมอนี่รู้ได้ยังไงเขาไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้สักหน่อย
“ไม่ต้องแปลกใจหรอก ได้ยินเสียงพลิกตัวไปมาเลยเข้ามาดูสักหน่อย
เป็นอะไรปวดแผลรึไง” อู๋ฟานยิ้มพร้อมกับเฉลยความสงสัยของอีกคน
เขาเป็นพวกประสาทสัมผัสไว แค่เสียงขยับตัว เสียงเดินแม้กระทั่งลมหายใจเขาก็ได้ยิน
ของแบบนี้นอกจากการฝึกแล้วพรสวรรค์ก็ถือว่าสำคัญ เขาเป็นมาเฟีย ประกอบธุรกิจมืด
หากประสาทสัมผัสช้าคงหมดสิ้นลมหายใจตายไปนานแล้ว
“เปล่า”
“แล้วเป็นอะไรทำไมถึงนอนไม่หลับหรือว่ากลัวผี?”
อู๋ฟานเอ่ยเหย้าอีกคน ชานยอลร้องเห๊อะในลำคอ แค่ผีน่ะเด็กๆ เรื่องหลอกเด็กทั้งนั้น
ผีจริงๆ มีที่ไหนกัน
“แล้ว.../โคร้ก ก ก ก ก”
“....”
“เอ่อ” ชานยอลเสียงตะกุกตะกัก ให้ตายเถอะ
ขายหน้าชะมัด!! ชานยอลเลื่อนสายตาไปมองหน้าอู๋ฟาน
คิดว่ายังไงก็อีกฝ่ายก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเองแน่ๆ
แต่พอหันไปเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายแทนก็กัดปากฉับ แก้มร้อนขึ้นมากระทันหัน
“ป่ะ” อู๋ฟานเอ่ยเสียงเรียก
ก้าวลงจากเตียงอ้อมมาฝั่งของชานยอล มือหนายื่นไปตรงหน้าอีกคน ชานยอลเลิกคิ้ว
“ไปไหน” ปากถาม
แต่มือยื่นส่งให้อู๋ฟานไปแล้ว เจ้าของฉายามาเฟียไม่ส่งเสียงแซวหรือเอ่ยล้ออีกคน
“เดินไหวไหม” ชานยอลพยักหน้า
อู๋ฟานจึงทำเพียงช่วยพยุงอีกคนลงบันไดแทน
ร่างสูงส่งสายตาบอกหัวหน้าหน่วยมังกรพยัคฆ์ที่แฝงตัวอยู่ในบ้าน ว่าให้ทุกคนออกไป เลย์พยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะถอนตัวออกไปเงียบๆ
“จะทำอะไรให้กิน” อู๋ฟานหันมาตอบ
ก่อนจะพาชานยอลไปนั่งในครัว ร่างสูงเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขนมปัง ผัก มายองเนส
หมูหยองออกมาวาง คิดเอาไว้ว่าจะทำขนมปังง่ายๆ ให้ชานยอลแทนพร้อมกับนม
จะได้หลับสบาย ชานยอลมองการกระทำของอีกคนอย่างแปลกใจ
ใครจะคิดว่ามาเฟียก็ทำอาหารเป็น ที่สำคัญดูคล่องแคล่วสบายตาจนเผลอยิ้มออกมา
“ไม่เห็นต้องลงมือเองเลยใช้ลูกน้องมึงทำก็ได้”
ชานยอลเปิดปากถาม อู๋ฟานเงยหน้าขึ้นสบตากับชานยอล ร่างสูงหยุดคิด ก่อนจะยิ้มมุมปาก
“อาหารง่ายๆ ถ้าทำได้ก็อยากทำให้”
บึ้มมมม เสียงระเบิดในหัวของชานยอล
อู๋ฟานยิ้มทั้งปากทั้งตาเมื่อสังเกตเห็นอาการขัดเขินของชานยอล
แต่เก็บคำไม่เอ่ยเหย้า ก้มหน้าทำแซนวิสให้อีกคนอย่างตั้งใจ
พอทำเสร็จก็ยกออกมาวางให้ชานยอลพร้อมกับนมหนึ่งแก้ว
“ก่อนหน้านี้กูไปหามึงที่ผับด้วย”
ชานยอลเปิดปากพูด หลังจากจัดการแซนวิสและนมไปจนหมด
มือเรียวยื่นไปรับทิชชู่ที่อู๋ฟานส่งให้มาเช็ดปาก
อู๋ฟานไม่ตอบคำทำเพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้นเพราะอยากรู้ว่าชานยอลต้องการจะบอกอะไร
“ไม่สงสัยเหรอว่าไปหาทำไม” ชานยอลกัดปาก
ไม่สบตาอู๋ฟาน เจ้าของฉายามาเฟียยกยิ้มมุมปากบางๆ มือหนายื่นนิ้วไปเช็ดเศษขนมปังตรงมุมปากชานยอลก่อนจะส่งเข้าปากตัวเอง
ชานยอลมองการกระทำของมาเฟียตรงหน้าอึ้งๆ
เหมือนคนหาเสียงตัวเองไม่เจอ
“แล้วไปหาทำไม”
อู๋ฟานเป็นฝ่ายเรียกสติชานยอลให้กลับมา
มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาท้าวศรีษะของตัวเองเอียงหน้ามองชานยอล คนโดนมองถึงกับตาพร่า
เพราะหากมองจากมุมที่ชานยอลมอง ดวงตา จมูก ปากของอู๋ฟานช่างมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
ขนาดเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังใจสั่น ให้ตายเถอะ
“แค่อยากไปขอโทษ” ชานยอลเม้มปากรวบรวมความกล้า
แล้วเอ่ยปากขอโทษอู๋ฟานเสียงอ่อยด้วยความรู้สึกผิด เขาเองก็ไม่สบายใจ
เพียงแต่เพราะเป็นคนอีโก้สูงจึงทำใจยอมรับความจริงได้ยากเกินไปหน่อย
“ขอโทษทำไม”
อู๋ฟานนั่งตัวตรงเสียงขรึมขึ้น
“ก็ที่พูดไม่ดีวันนั้น”
อู๋ฟานสบตากับชานยอล ตากลมโตมองตอบเขาอย่างจริงใจ
มือหนาจึงยื่นไปหาอีกคนแล้วใช้หลังมือเกลี่ยแก้มขาวด้วยสัมผัสบางเบา
เจ้าของฉายามาเฟียเงียบไปอึดใจก่อนมือหนาจะผละออกจากแก้มขาวเลื่อนลงมาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากอมชมพูของชานยอลเบาๆ
แล้วดึงมือกลับ
“อื้ม อย่าพูดแบบนั้นอีกก็แล้วกัน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Talk :: คิดถึงกันไหม ^__^
ความคิดเห็น