ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Known..แค่รู้ว่ารัก - Lumin, Krisyeol - EXO

    ลำดับตอนที่ #12 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ คำพูดไม่กี่คำกับการกระทำที่เผลอไป

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 458
      23
      9 ก.พ. 60






    Known..แค่รู้ว่ารัก  ตอนที่ 11
    By :: เบบี้เยลโล่








    #FicKnown

    - คำพูดไม่กี่คำกับการกระทำที่เผลอไป








               ปาร์คชานยอลหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าผับที่เคยมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งเป็นฝ่ายมาเที่ยวเอง (ตอนที่ยังไม่รู้ว่าใครคือเจ้าของ) และโดนเจ้าของผับลากมา หลังจากโทรหาอู๋ฟานหลายสายก็ไร้การตอบรับ ปาร์คชานยอลเลยทำได้เพียงหงุดหงิด ก่อนเจ้าของร่างสูงเพรียวจะหยิบกระเป๋าและกุญแจรถออกมาจากห้องทำงานแล้วขับรถมุ่งหน้ามาที่นี่โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสได้เจอร่างของเจ้าของผับหรือเปล่า

     

                เอาวะ ไม่เข้าถ้ำเสือจะเจอลูกเสือเหรอ..

     

                ไม่รู้เพราะความใจร้อนหรือร้อนใจจนไม่ทันมีเวลาได้คิดทำให้ปาร์คชานยอลลืมไปเสียสนิทว่า คนที่ตัวเองต้องการพบตัวนั้นหาใช่ลูกเสือ..ถ้าจะพูดให้ถูกควรจะเป็นพ่อเสือซะมากกว่า

     

                “ขอตรวจบัตรด้วยครับ” บอดี้การ์ดตรงประตูทางเข้ายกมือขึ้นขวางพร้อมกับเอ่ยปากขอตรวจเอกสารตามกฎของผับ ปาร์คชานยอลชะงักขาอย่างแปลกใจเพราะปกติที่เจ้าตัวมาก็ไม่เคยถูกขอตรวจบัตร

     

               

                ปาร์คชานยอลล้วงกระเป๋าออกมาจากกางเกงพร้อมกับล้วงเอาบัตรประชาชนของตัวเองออกมาโชว์ บอดี้การ์ดหน้าเข้มรับไปตรวจดูก่อนจะคืนบัตร ผายมืออนุญาตให้เจ้าของร่างสูงโปร่งเข้าไปในผับ

     

                “แล้วจะขอพบมันยังไงล่ะทีนี้ ไม่เจอคนที่รู้จักสักคน” ชานยอลบ่นอุบอิบ ก่อนจะมองหาที่นั่ง ตั้งแต่เดินเข้ามาเขายังไม่เห็นใครที่จะสามารถพาไปเจอกับไอ้มาเฟียขี้เก็กนั่นได้ ปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิด เรื่องจะโทรหาอีกฝ่ายนั้นตัดไปได้เลยเพราะไม่ว่าจะโทรไปกี่สาย ปลายสายก็ไม่มีท่าทีว่าจะกดรับ รู้อย่างนี้ขอเบอร์คุณจื่อเทาเอาไว้ก็ดีหรอก

     

                คนอุตส่าห์ลดตัวมาหาก่อน แทนที่จะดีใจ เห๊อะ!

     

                “รับอะไรดีครับ” พนักงานเดินเข้ามาถามด้วยความนอบน้อม

     

                “ลองไอซ์แลนด์” โปรดิวเซอร์มือทองตอบสั้นๆ มือเรียวยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อด้านบนสุดออกสองเม็ด ไม่รู้เพราะบรรยากาศข้างในผับร้อนเกินไปหรือเพราะความร้อนของอารมณ์ที่มันอัดแน่นอยู่ในใจ

     

                เจ้าของร่างโปร่งยังคงนั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่ตัวเองต้องการอยากพบนั้น นั่งมองตัวเองผ่านจอมอนิเตอร์ตั้งแต่เห็นรถของปาร์คชานยอลขับเข้ามาในผับแล้ว

     

    มีหรือที่เหตุการณ์ในผับโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับปาร์คชานยอลจะหลุดลอดสายตาของอู๋ฟานไปได้ ถึงแม้เขาจะทำเป็นเลิกสนใจอีกฝ่ายสั่งยกเลิกการติดตามปาร์คชานยอลตามที่คนร่างโปร่งต้องการก็จริง แต่ใครบอกให้อีกฝ่ายล้วงล้ำเข้ามาในเขตของอู๋อี้ฟานคนนี้เองเล่า สายตาคมเข้มจับจ้องไปที่ปาร์คชานยอลที่ยังนั่งดื่มเอาดื่มเอาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

     

                หวงจื่อเทายืนรอฟังคำสั่งของนายเหนือหัวตัวเองอยู่เงียบๆ ตั้งแต่ลูกน้องส่งเสียงรายงานมาว่ารถของปาร์คชานยอลขับเข้ามาในผับ ยืนรออยู่เป็นชั่วโมงนายก็ยังนั่งเงียบ กอดอกมองคุณชานยอลผ่านจอมอนิเตอร์ เขาเองก็ทำได้เพียงยืนรออย่างสงบนิ่งเท่านั้นแม้ในใจจะห่วงคนของนาย นั่งดื่มมาเป็นชั่วโมงไม่เมาก็คงคอทองคำเกินไปแล้ว หากเกิดว่าคุณชานยอลโดนใครหิ้วไปอยากรู้จริงๆ ว่านายจะนั่งนิ่งอยู่แบบนี้ไหม

     

                แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครกล้าแยมเข้าไปยุ่งกับปาร์คชานยอล เพราะหวงจื่อเทาคนนี้เป็นคนสั่งให้ลูกน้องคุ้มกันโต๊ะที่เจ้าของร่างสูงโปร่งจับจองเป็นเจ้าของไม่ให้มีใครเล็ดลอดเข้าไป กวนใจ เจ้าของโต๊ะได้ นอกจากพนักงานเสิร์ฟที่ได้รับอนุญาตจากเขา หวงจื่อเทาก็อดแช่งนายในใจไม่ได้ แต่ในเมื่อนายไม่ได้สั่งเขาจะทำอะไรมากไปกว่านี้ได้

     

                ..หวงจื่อเทามันก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย ไหนเลยจะกล้าฝ่าฝืนทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของคนเป็นเจ้าชีวิตล่ะ

     

                ในที่สุดคำภาวนาในใจของหวงจื่อเท่าก็ส่งผล เมื่อปาร์คชานยอลฟุบหน้าลงกับโต๊ะนิ่งไม่ขยับ หวงจื่อเทาเบนสายตากลับมาโฟกัสที่อู๋อี้ฟานเพื่อสังเกตปฏิกิริยา มีเพียงคิ้วเข้มของนายเท่านั้นที่ย่นเข้าหากันแต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    อู๋อี้ฟานเคาะนิ้วลงกับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เด็กนั่นเป็นฝ่ายเอ่ยปากไล่เขาเองแท้ๆ เขาตั้งใจไม่โทรกวนอีกฝ่ายและหันมาตั้งใจทำงานใหญ่อย่างเอาจริงเอาจัง ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆ อีกฝ่ายจะโผล่มาหาถึงที่

     

    แถมยังเป็นฝ่ายโทรหาเขาก่อนอีก หึ เดี๋ยวได้รู้กันเด็กน้อย คิดจะปั่นหัวคนอย่างเขาน่ะง่ายไปมั้ง ในเมื่ออยากจะวิ่งตามหาเขากันนักก็จะปล่อยให้วิ่งเล่นสมใจ..

     

    ครืด ด ด

     

    “คุณฮันครับนาย” หวงจื่อเท่ายื่นโทรศัพท์ให้ผู้เป็นนาย ปกติฮันคยองกับคิมบอมจะได้รับอนุญาตให้ต่อสายหานายได้โดยตรงแต่เพราะตอนนี้ มาเฟียใหญ่กำลังประสบปัญหาเรื่องหัวใจ จึงปิดโทรศัพท์หนี...เด็ก

     

    ...ทุกสายที่ต้องการติดต่อหานายจึงต้องเปลี่ยนการติดต่อมาที่เบอร์ของหวงจื่อเทาแทน

     

    “เรียบร้อยไหม” คำถามแรกจากอู๋อี้ฟาน เขาต้องการรู้แค่ผลลัพท์ของงาน ส่วนวิธีการนั้นล้วนแล้วแต่ผู้ปฏิบัติทั้งสิ้น ก็อย่างที่บอกว่าคนที่ทำงานกับอู๋อี้ฟานได้นั้นมีแต่ระดับแนวหน้าของวงการ งานแต่ละชิ้นไร้ร่องรอยให้สืบหาต้นตอ ต่อให้มีข่าวลือหนาหูว่าคนของตระกูลอู๋อาจจะมีเอี่ยว แต่ใครหน้าไหนล่ะจะกล้าตรวจสอบ

     

    ...เงินหนัก เส้นใหญ่

    ใครที่ไหนที่ยังรู้จักรักชีวิตจะกล้าก้าวขาเข้ามายุ่ง

     

    “วางกำลังไว้อย่าให้พวกมันรู้ตัว ที่เหลือให้ถอนกำลังออกมาก่อน รอคำสั่งต่อไป” สั่งการเสร็จ อู๋ฟานก็ตัดสาย ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้หวงจื่อเทา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหยิบสูทสีดำสนิทมาวางพาดไหล่ หวงจื่นเทาก้าวตามผู้เป็นนายยาวๆ เพราะนึกว่าอู๋ฟานจะลงไปหาคุณโปรดิวเซอร์หน้าขาว แต่ขายาวของผู้เป็นบอดี้การ์ดชะงักกึกเพราะทางที่นายเดินออกไปคือทางออกด้านหลังของผับที่มีเลย์บอดี้การ์ดคู่หูของเขายืนรอประจำการอยู่

     

    “นายครับ” หวงจื่อเทาเรียกผู้เป็นนายราวเสียงกระซิบ อู๋ฟานชะงักขาแล้วหันมาเลิกคิ้วหน้านิ่ง หวงจื่อเทากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามอย่างไม่กลัวตาย

     

    “แล้วคุณชานยอลล่ะครับ” ถามออกไปก็กลั้นใจรอคำตอบ พร้อมกับทำใจว่าอาจจะโดนลูกตีนเจ้านายเอาได้ที่กล้าถามถึงคนที่ทำให้นายไม่พอใจ

     

    “หึ เขามาเองได้ก็กลับเองได้ หรือถ้านายอยากไปส่งเขาก็ตามสบาย งานของฉันไม่รบกวนนายก็ได้นะหวงจื่อเทา” แม้น้ำเสียงจะสบายราวกับเล่าเรื่องปกติ แต่สายตากลับลุ่มลึกข่มขู่ว่าหากเขายังดึงดันก้าวขากลับไป อาจจะไม่มีคนชื่อหวงจื่อเทาอยู่บนโลกนี้อีก หวงจื่อเทาจึงได้แต่กุมมือสองข้างไว้ด้านหน้าแล้วโค้งหัวก้าวสิบองศา กล่าวเสียงดังฟังชัด

     

    “ขอโทษครับนาย!”

     

    หวงจื่อเทาได้แต่รำพึงรำพันในใจแล้วก้าวไวๆ ตามร่างสูงใหญ่ของนาย เฮ้อ คุณชานยอลไม่น่าทำให้นายโกรธเลยจริงๆ

     

    สองวันต่อมาถึงกำหนดที่ซิ่วหมินและลู่หานจะเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักส่วนตัวติดชายทะเลที่ลู่หานเป็นฝ่ายควักเงินซื้อเก็บไว้เองจากเจ้าของที่ ที่ชราภาพลงไปมากแล้ว เจ้าของพื้นที่เดิมไม่มีลูกหลานเกรงว่าหากตายไปแล้วบ้านและที่ดินจะถูกปล่อยร้าง

     

    โชคดีที่ญาติห่างๆ แนะนำให้รู้จักกับลู่หาน ทำให้ชายชราเอ่ยปากขอร้องให้ลู่หานดูแลที่ดินผืนนี้ที่เขารักดั่งชีวิตแทนหากเขาตายไป เมื่อได้ที่ดินมาลู่หานก็ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่และสร้างบ้านขนาดกลางขึ้นใหม่ไว้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว

     

    “ไม่ได้มานานแล้ว แต่ที่นี่ยังไม่เปลี่ยนไปเลย” ลู่หานหันไปพูดกับคนรัก มุมปากยกยิ้มอ่อนโยนทั้งสองคนจูงมือกันออกมาเดินเล่นที่ชายหาด หลังจากเดินทางมาถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ลู่หานจึงสั่งให้ลูกน้องแยกย้ายกันไปพักผ่อนเมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ ลู่หานจึงชวนซิ่วหมินออกมาเดินเล่นโดยมีจงอินเดินตามรักษาความปลอดภัยอยู่ห่างๆ เพราะที่ดินข้างๆ รายล้อมไปด้วยรีสอร์ตมากมายแม้จะพอวางใจได้บ้างแต่คิมจงอินก็ไม่ประมาทเนื่องจากวันนี้ฮันคยองและคิมบอมติดภารกิจสำคัญทำให้เดินทางมาด้วยไม่ได้

     

    “คิดถึงตอนเราสองคนคบกันใหม่ๆ คุณก็พาหมินมาที่นี่” ซิ่วหมินพยักหน้ารับ ปากเล็กขยับยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ลู่หานพาเขามาเที่ยว ในบรรยากาศที่เงียบสงัด อยู่ดีๆ ลู่หานก็เอ่ยปากขอเขาเป็นแฟนเอาทื่อๆ ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ

     

    ...คืนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องสว่างเหมือนกับความรักของคนทั้งคู่

     

    “หลังจากนี้เราคงต้องระวังตัวกันมากขึ้น” ลู่หานกระชับมือของซิ่วหมินให้แน่นขึ้น พร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มปรากฎแสงดาวจางๆ หลังจากนี้ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะอันตราย เพราะแผนของเขาดำเนินมาถึงช่วงสำคัญ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ยิ่งเข้าใกล้สู่ความสำเร็จมากเท่าไหร่ ทุกย่างก้าวก็ยิ่งเต็มไปด้วยอันตราย

     

     “คุณต้องระวังตัวนะ” ซิ่วหมินกระชับมือตอบคนรัก สิ่งเดียวที่ซิ่วหมินพอจะทำให้ลู่หานได้ก็คือระมัดระวังตัวและคอยอยู่เคียงข้างลู่หาน แม้จะอันตรายแต่ซิ่วหมินกลับเต็มใจที่จะยืดอกรับ

     

    “ผมสัญญาว่าจะระวังตัว จะไม่ยอมตายจนกว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ผมจะไม่ยอมทิ้งคุณไว้บนโลกนี้คนเดียวจนกว่าจะแก่เฒ่าแล้วตายจากกัน แต่หากมันเกิดอะไรผิดพลาด..”

     

    “ไม่นะ!” ซิ่วหมินกระตุกมือจนหลุดจากมือลู่หานเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายพูดจนจบ ตากลมโตสั่นระริก แค่คิดว่าต้องอยู่บนโลกนี้คนเดียว หัวใจของเขาก็บีบรัดไปหมด แค่บาดเจ็บ หรือปล่อยให้คนรักทำอะไรเสี่ยงๆ ก็มากพอแล้ว ถ้าถึงกลับต้องตายจากกันมันโหดร้ายเกินไป

     

    “หึหึ ขี้แยอีกแล้ว” ลู่หานฉีกยิ้ม ยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มคนรักอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยกมือขึ้นจับไหล่ซิ่วหมินทั้งสองข้างดึงอีกคนให้หันมาเผชิญหน้าตัวเองแล้วบีบเบาๆ

     

    “บอกแล้วไงว่าผมจะไม่ทำอะไรในสิ่งที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะ ไม่ไว้ใจผมเหรอ เดี๋ยวอย่าเพิ่งขัด ที่ผมพูดก็แค่เผื่อเอาไว้ก็เพราะไม่รู้ว่าหากเกิดกรณีผิดพลาด ผมหมายถึงเรื่องที่ไม่คาดฝัน ผมก็อยากให้คุณอยู่ให้ได้..อยู่เพื่อผม” ลู่หานบอกเสียงจริงจัง ดวงตาทั้งสองคู่สบตากันนิ่ง ซิ่วหมินเม้มปาก สองมือกำเข้าหากันแน่นอย่างอดกลั้น เขาเข้าใจในสิ่งที่ลู่หานต้องการจะบอก ลู่หานจะระวังตัวและจะทำให้ได้ตามสัญญาแต่หากเกิดอะไรขึ้น ซิ่วหมินต้องไม่ทำร้ายตัวเอง ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ เพราะข้างหลังนั่นยังมีอีกหลายคนที่เป็นห่วงและมีอีกหลายชีวิตที่เขาต้องรับผิดชอบแทนลู่หาน

     

                “หมิน...” ซิ่วหมินเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบ ลู่หานหัวเราะเบาๆ เพราะจับได้ถึงกระแสความไม่พอใจจากคนรัก ก่อนจะดึงซิ่วหมินเข้ามากอดหลวมๆ มือหนายกขึ้นลูบผมคนรักแล้วกระซิบข้างหู

     

                “ผมรักคุณ”

     

                คำสามคำสั้นๆ แม้จะฟังมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเบื่อ ประโยคพื้นๆ แต่กลับสร้างกำลังใจได้อย่างเหลือเชื่อ

     

                ลู่หานผละออก ก่อนจะสอดนิ้วประสานเข้ากับนิ้วเรียวของซิ่วหมินไว้ตามเดิม เพราะพวกเขาสองคนเดินออกมาไกลจากที่พักพอสมควร และท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงตั้งใจจะพาซิ่วหมินเดินกลับ อีกทั้งทริปนี้ยังมีชานยอลและแขกพิเศษที่แอบตามมาด้วย ขืนออกมานานกลับไปคงโดนชานยอลแขวะเข้าอีก

     

                ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันหลังกลับ หางตาของลู่หานเหลืบไปเห็นประกายไฟแว็บๆ เสี้ยววินาทีสองมือก็รั้งกอดซิ่วหมินมาไว้แนบอกเพื่อปกป้อง ก่อนที่ทั้งคู่จะทิ้งตัวลงกับพื้นทราย เสียงปืนนัดเดียวที่ถูกปล่อยออกมา ยังไม่ทันได้ยิงซ้ำเป็นนัดที่สองมือปืนก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อคิมจงอินที่ปฏิกิริยารวดเร็วสาดกระสุนกลับไปยังทิศทางที่มาของกระสุนทันทีอย่างไม่รีรอก่อนจะรีบตามไปยังทิศทางของป่ามะพร้าวอย่างรวดเร็ว เพราะจากที่นี่อีกประมาณสองร้อยเมตรเป็นถนนหากช้าคนร้ายอาจจะหนีไปได้

     

                ลู่หานเงยหน้ามองทิศทางของลูกปืนอย่างระมัดระวัง ร่างสูงกว่าทาบทับร่างของซิ่วหมินไว้ทั้งตัวอย่างปกป้อง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเมื่อบรรยากาศกลับเข้าสู่สภาวะปกติและช่วยพยุงซิ่วหมินขึ้นยืน สองมือปัดทรายออกจากลำตัวของซิ่วหมินพร้อมมองสำรวจหาร่องรอยการบาดเจ็บอย่างถี่ถ้วน

     

                “บาดเจ็บตรงไหนไหม?” ลู่หานเอ่ยปากถามคนรักเพื่อความแน่ใจแม้จะมองสำรวจอีกฝ่ายแล้วว่าไม่มีบาดแผล ซิ่วหมินส่ายหัว ใบหน้าขาวยังซีดเป็นกระดาษเพราะความตกใจ แต่ยังมีสติรีบมองสำรวจคนรักของตัวเองก่อนตาโตจะเบิกกว้างเมื่อเห็นรอยเลือดที่กำลังซึมไหลตรงบริเวณแขนขวาของคนรัก

     

                “คุณโดนยิง!” ลู่หานเลิกคิ้วเพิ่งจะรู้สึกตึงๆ ที่แขนก็ตอนซิ่วหมินทักนี่แหละ ร่างสูงก้มมองดูรอยแผลตามสายตาคนรักที่บัดนี้มือขาวค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะเลือดที่ไหลซึมออกมาจากแขนเสื้อ ด้วยอาการสั่นเทา ลู่หานพับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นเพื่อสำรวจบาดแผล

     

    “แค่ถากๆ น่ะ”

     

    “นายครับ!” คิมจงอินวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนายหลังจากวิ่งตามมือปืนไป ก่อนสายตาจะสบเข้ากลับมาเฟียคนสนิทที่เดินนำหน้ากลุ่มลูกน้องของตัวเองตามจงอินกลับมาสมทบกับเขา

     

    “จับได้ไหม” ลู่หานถามเสียงนิ่ง

     

    “โชคดีที่คนของคุณอู๋สะกัดจับเอาไว้ได้ครับ” คิมจงอินพยักหน้ารับ ลู่หานหัวเราะในลำคอเสียงเหี้ยมแม้แต่ลูกน้องยังลอบสบตากันแล้วกลืนน้ำลาย

     

    “อย่าเพิ่งซักไซ้อะไรกันตอนนี้เลย ไปทำแผลก่อนเถอะครับ” ซิ่วหมินเป็นฝ่ายตัดบทอย่างร้อนรน โดยไม่ลืมหันไปโน้มหัวทักทายรุ่นพี่ของคนรัก ทั้งหมดจึงเดินกลับที่พักของลู่หาน

     

    “เกิดอะไรขึ้น!?” ร่างโปร่งของชานยอลผละเข้ามาถามทันทีที่เห็นซิ่วหมินพยุงลู่หานเข้ามาในบ้านพัก แถมอีกคนยังมีเลือดอาบแขนอีกด้วย หลังจากที่ชานยอลนั่งๆ นอนๆ อยู่บนห้องพัก พอเห็นอาทิตย์ตกดินก็เดินออกมาเดินเล่นบริเวณบ้านพักใครจะไปคิดว่าแค่ลงไปเล่นน้ำแป็บเดียวจะซวยโดนแมงกระพรุนต่อย ลำบากลูกน้องของลู่หานวิ่งวุ่นกันหาน้ำส้มสายชูมาปฐมพยาบาลให้เขา เจ้าของร่างโปร่งจึงเริ่มหมดสนุกทันที

     

    หลังจากนั่งดูทีวีอยู่สักพักในบ้านก็เกิดความวุ่นวายเมื่อมีคนส่งข่าวมาว่าเกิดเรื่อง เขาเลยเอ่ยถามด้วยความร้อนใจก็ได้รับคำตอบว่าลู่หานกับซิ่วหมินเกิดเรื่อง เขาจึงนั่งรอเพื่อนรักอยู่ในห้องรับแขกอย่างร้อนรน ในใจเผลอนึกไปถึงมาเฟียบางคน หากมีอีกคนอยู่ด้วยเขาคงอุ่นใจกว่านี้ สู้เก่งไม่เก่งไม่รู้แต่เอาจำนวนคนเยอะเข้าข่มไว้ก่อน

     

    “แค่ถากๆ น่ะเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง” ซิ่วหมินช่วยพยุงลู่หานไปนั่ง คิมจงอินเดินเลี่ยงไปหยิบชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาให้อย่างรู้หน้าที่

     

    “ฉันโทรไปเชิญตัวหมอมาที่นี่ให้แล้ว” ร่างโปร่งของชานยอลแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินเสียงของใครบางคนที่ไม่ได้ยินมาหลายวัน อู๋ฟานปรากฏตัวขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ชานยอลจ้องหน้าผู้มาใหม่นิ่ง อู๋ฟานเพียงแค่ปรายตาไปมองชานยอลเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเบือนกลับมาที่คนเจ็บ ชานยอลเม้มปากทันทีที่โดนเมิน

     

    เมื่อหมอมาถึงก็รีบทำแผลให้ลู่หานโดยไม่ปริปากถามอะไรอย่างเข้าใจสถานการณ์ พอทำหน้าที่เสร็จหวงจื่อเทาก็ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายให้พาหมอไปดูแผลของชานยอลทันที เพราะเขาเรียกลูกน้องของลู่หานมาสอบถามแล้วว่าขาของชานยอลไปโดนอะไรมา แม้จะโกรธอีกคนอยู่ลึกๆ ว่าไม่ระวังตัวแต่ก็ข่มใจรู้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เขาจึงเอ่ยปากกับหมอไปสั้นๆ

     

    “ถ้ารักษาให้หายเป็นปกติไม่ได้ก็อย่าอยากมีอีกเลยชีวิตน่ะ” ผู้เป็นหมอจึงได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย หน้าซีด มือสั่นเดินตามหลังผู้นำทางของตัวเองไปอย่างรนๆ

     

                อู๋ฟานเดินขึ้นไปบนห้องพักของลู่หาน ก่อนจะเคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจึงเดินเข้าไปในห้องของลู่หาน เจ้าของฉายามาเฟียส่งยิ้มมุมปากให้ซิ่วหมินที่นั่งอยู่ข้างเตียง มีลู่หานนั่งอยู่ข้างๆ เปลือยร่างกายท่อนบน แขนโดนพันไว้ด้วยผ้าสีขาว มีเลือดซึมจางๆ อู๋ฟานเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้มุมห้อง

     

                “เดี๋ยวหมินไปดูไอ้ชานยอลก่อนนะ ได้ยินว่ามันโดนแมงกระพรุนต่อย” ซิ่วหมินกระซิบบอกคนรัก ก่อนจะส่งยิ้มให้อู๋ฟานอีกที มือเล็กหยิบกะละมังติดมือออกมา เปิดโอกาสให้คนรักกับรุ่นพี่ได้ปรึกษากัน

     

                “โชคดีที่จับพวกมันได้” ลู่หานเปิดปากแล้วยิ้มเหี้ยม หากเขาไม่อยู่ตรงนั้น หากพวกมันจงใจทำร้ายคนที่เขารัก หากคนที่โดนยิงเป็นซิ่วหมิน เขาจะทำยังไง พวกมันต้องชดใช้!

     

                “ถือว่าโชคยังเข้าข้างนาย ที่ฉันกำลังจะแวะเข้าไปหานายพอดี แค่ได้ยินเสียงปืนกับร่างของจงอินที่วิ่งตามคนร้ายมาฉันก็รู้แล้วว่าคงเกิดเรื่อง เลยสั่งให้ลูกน้องขับรถตาม” อู๋ฟานเปิดปากบอกยิ้มๆ โดยเลี่ยงที่จะกล่าวถึงความตั้งใจแรกที่เขาจะแอบแวะเข้ามาหาปาร์คชานยอล

     

                “ผมประมาทเอง”

     

                “ไม่มีใครคิดหรอกว่าพวกมันจะชิงลงมือ ฉันเรียกลูกน้องมาเพิ่ม ให้ช่วยวางกำลังรอบๆ บ้านของนาย คิดว่าที่นี่คงพอจะมีห้องว่างให้ฉันซุกหัวนอนสักห้อง” หากลู่หานลงไปเห็นจำนวนคนที่อู๋ฟานเรียกมาคงไม่เห็นด้วยที่อีกคนใช้คำว่าเรียกลูกน้องมาเพิ่ม ต้องบอกว่าตรึงกำลังแน่นหนากว่าที่บ้านพักส่วนตัวของเขาซะอีก

     

    กองกำลังของตระกูลอู๋มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญยิ่งกว่านักรบเดนตายของกองทัพซะอีก ในแต่ละหน่วยจะประกอบไปด้วยจำนวนนักรบเจ็ดคน มีทั้งหมดสิบหน่วยกระจายกำลังทำงานไปทั่วโลก หน่วยที่ดีที่สุดของกองกำลังคือหน่วยมังกรพยัคฆ์มีหัวหน้าหน่วยคือเลย์

     

                “คงไม่ใช่กองกำลังตระกูลอู๋?” ลู่หานเลิกคิ้วถามกลับ

     

                “แน่นอนว่าใช่”

     

                “ผมว่าผมเห็นเลย์ที่นี่” อู๋ฟานไม่ตอบ ทำเพียงยักไหล่สบายๆ เหมือนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา กองกำลังของตระกูลอู๋ มีเขาคนเดียวที่สามารถออกคำสั่งได้ ทุกหน่วยขึ้นตรงต่อเขาโดยมีเลย์ที่เป็นทั้งหัวหน้าหน่วยกองกำลังและหัวหน้าหน่วยมังกรพยัคฆ์กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสิบหน่วยเป็นผู้รับคำสั่ง

     

                เมื่อได้รับคำตอบลู่หานก็หัวเราะหึหึ อย่างไม่เชื่อหู แค่คนของตระกูลธรรมดาก็หาตัวจับได้ยากแล้ว นี่ถึงกับเรียกใช้งานกองกำลังของตระกูล!

     

                “ฉันส่งคนให้คุมตัวมันไปไว้ที่เซฟเฮ้าท์ที่โซลแล้ว เอาไว้นายพักผ่อนให้เต็มที่กลับกรุงเทพค่อยติดต่อหาฉันก็แล้วกัน ที่นั่นมีคนของฉันดูแลอยู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้าไม่ถึงถ้าฉันไม่อนุญาต” อู๋ฟานลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกจากห้องไปเมื่อบอกในสิ่งที่ต้องการบอกไปหมดแล้ว ลู่หานพยักหน้ารับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคิมบอมให้ส่งคนแทรกซึมเข้าไปในเอ็กซ์คอร์ปเรชั่น

     

                ..ในเมื่อชอบทำตัวเป็นหมาลอบกัดดีนัก เสี่ยวลู่หานคนนี้ก็จะจัดให้อย่างสาสมใจเชียวล่ะ

     

    หลังจากออกจากห้องของลู่หาน หางตาของอู๋ฟานก็เห็นร่างเล็กของซิ่วหมินเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินลงบันไดไป อู๋ฟานลอบยิ้ม คืนนี้คงมีเรื่องอะไรสนุกให้ทำแก้เบื่อแล้ว ร่างสูงเดินเลี่ยงลงไปด้านล่างเพื่อสำรวจบริเวณรอบๆ และอีกประเด็นสำคัญก็คือเดินเล่น..เพื่อฆ่าเวลา

     

     

    ตกดึก

     

    เสียงก็อกแก็กหน้าห้องส่งผลให้ชานยอลใจหายวาบ ก่อนสายตาจะโฟกัสไปที่หน้าห้อง มือเรียวรีบยื่นไปเปิดไฟตรงหัวเตียงอย่างระวังภัย พร้อมกับเงี้ยหูฟัง เมื่อเห็นทุกอย่างยังปกติมือเรียวจึงปิดไฟแล้วล้มตัวนอนลงอีกครั้งและรอฟังเสียง เขาตื่นมาสักพักแล้วเพราะนอนไม่หลับ เมื่อเย็นชานยอลทานได้น้อยตกดึกจึงหิวโซ จะลงไปข้างล่างก็ไม่ถนัดกลัวว่าจะทำให้คนอื่นลำบากจึงฝืนหลับตานอนต่อ แต่นอนยังไงก็นอนไม่หลับ

     

    หมับ

     

    “เห้ย อื้อ!” ร่างของชานยอลสะดุ้งโหย่งเมื่อโดนกอดรวบรัดอีกทั้งยังโดนมือมืดปิดปากเอาไว้แน่น ชานยอลดิ้นสุดแรงใช้สองมือปลดพันธะรอบเอว เจ้าของร่างโปร่งพึมพำในใจทำไมเขาไม่ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องล่ะ จะมาตายที่นี่ไม่ได้นะเว้ย เขาไม่ยอม สองขาออกแรงถีบดิ้นเพื่อให้เกิดเสียงดังแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งโดนรัดมากขึ้นไปอีก

     

    “ชู่วว ฉันเอง” เสียงกระซิบอยู่ที่ริมหูทำให้ชานยอลตัวแข็งทื่อ อาการขัดขืนก่อนหน้านั้นชะงักงันเพราะเจ้าของร่างกำลังตกตะลึง แม้ภายในห้องจะมืดแต่ยังมีแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง และด้วยสายตาที่ดีกว่าคนธรรมดาของอู๋ฟานก็ทำให้เขาเห็นทุกการกระทำของชานยอลได้ชัดเจน มุมปากหยักของโจรลักลอบเข้าห้องคนอื่นจึงยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะประทับลงบนแก้มนุ่มของอีกฝ่ายหนักๆ

     

    “อื้อ!!” เมื่อตั้งสติได้ชานยอลจึงส่งเสียงร้องประท้วงอีกฝ่ายทันที หลังจากโดนขโมยหอมแก้มไปแล้วโดยไร้ทางต่อสู้ อู๋ฟานหัวเราะในลำคอ ก้มลงกอดอีกคนแน่นขึ้น ปากหยักโน้มลงชิดใบหูขาว

     

    “สัญญามาก่อนว่าถ้าปล่อยจะไม่ร้องให้คนช่วยหรือส่งเสียงดัง” อู๋ฟานยื่นข้อเสนอ ชานยอลเอี้ยวหน้ามาถลึงตาใส่ไอ้โจรราคะอย่างโกรธจัด หายหน้าไปหลายวันแถมยังจงใจควงผู้หญิงให้เขาเห็นอีก อย่าหวังเลยว่าปาร์คชานยอลจะยอม ไอ้มาเฟียนิสัยเสีย จะไปตายที่ไหนก็ไป ชานยอลได้แค่เค้นเสียงด่าอีกคนอู้อี้ เอาหัวทุบอกอีกคนไม่สนใจว่าตัวเองจะเจ็บ

     

    “ไม่งั้นก็อยู่อย่างนี้แหละจนกว่าจะเช้า” คำขู่นี้ได้ผลชะงัก เมื่อชานยอลหยุดทุกการกระทำอย่างจำยอม ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ขืนปล่อยให้อีกคนอยู่ในสภาพนี้จนถึงเช้า ถ้ามีคนเห็นอู๋ฟานออกจากห้องของเขาในตอนเช้าจะคิดยังไง

     

    รอให้ลูกบวชก่อนเถอะ!

     

    “เข้ามาทำไม” ชานยอลเอ่ยปากถามเคืองๆ ตาโตมองร่างสูงที่ทิ้งตัวพิงหัวเตียงเขียวปั๊ด พร้อมกับพยายามขยับไปจนชิดขอบเตียงอีกฝั่ง อู๋ฟานหรี่ตามองคนหวงตัวขำๆ

     

    “แค่เข้ามาหาคนนอนไม่หลับ” ชานยอลเลิกคิ้ว หมอนี่รู้ได้ยังไงเขาไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้สักหน่อย

     

    “ไม่ต้องแปลกใจหรอก ได้ยินเสียงพลิกตัวไปมาเลยเข้ามาดูสักหน่อย เป็นอะไรปวดแผลรึไง” อู๋ฟานยิ้มพร้อมกับเฉลยความสงสัยของอีกคน เขาเป็นพวกประสาทสัมผัสไว แค่เสียงขยับตัว เสียงเดินแม้กระทั่งลมหายใจเขาก็ได้ยิน ของแบบนี้นอกจากการฝึกแล้วพรสวรรค์ก็ถือว่าสำคัญ เขาเป็นมาเฟีย ประกอบธุรกิจมืด หากประสาทสัมผัสช้าคงหมดสิ้นลมหายใจตายไปนานแล้ว

     

    “เปล่า”

     

    “แล้วเป็นอะไรทำไมถึงนอนไม่หลับหรือว่ากลัวผี?” อู๋ฟานเอ่ยเหย้าอีกคน ชานยอลร้องเห๊อะในลำคอ แค่ผีน่ะเด็กๆ เรื่องหลอกเด็กทั้งนั้น ผีจริงๆ มีที่ไหนกัน

     

    “แล้ว.../โคร้ก ก ก ก ก”

     

    “....”

     

    “เอ่อ” ชานยอลเสียงตะกุกตะกัก ให้ตายเถอะ ขายหน้าชะมัด!! ชานยอลเลื่อนสายตาไปมองหน้าอู๋ฟาน คิดว่ายังไงก็อีกฝ่ายก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเองแน่ๆ แต่พอหันไปเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายแทนก็กัดปากฉับ แก้มร้อนขึ้นมากระทันหัน

     

    “ป่ะ” อู๋ฟานเอ่ยเสียงเรียก ก้าวลงจากเตียงอ้อมมาฝั่งของชานยอล มือหนายื่นไปตรงหน้าอีกคน ชานยอลเลิกคิ้ว

     


    “ไปไหน” ปากถาม แต่มือยื่นส่งให้อู๋ฟานไปแล้ว เจ้าของฉายามาเฟียไม่ส่งเสียงแซวหรือเอ่ยล้ออีกคน

     


    “เดินไหวไหม” ชานยอลพยักหน้า อู๋ฟานจึงทำเพียงช่วยพยุงอีกคนลงบันไดแทน ร่างสูงส่งสายตาบอกหัวหน้าหน่วยมังกรพยัคฆ์ที่แฝงตัวอยู่ในบ้าน ว่าให้ทุกคนออกไป เลย์พยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะถอนตัวออกไปเงียบๆ  

     


    “จะทำอะไรให้กิน” อู๋ฟานหันมาตอบ ก่อนจะพาชานยอลไปนั่งในครัว ร่างสูงเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขนมปัง ผัก มายองเนส หมูหยองออกมาวาง คิดเอาไว้ว่าจะทำขนมปังง่ายๆ ให้ชานยอลแทนพร้อมกับนม จะได้หลับสบาย ชานยอลมองการกระทำของอีกคนอย่างแปลกใจ ใครจะคิดว่ามาเฟียก็ทำอาหารเป็น ที่สำคัญดูคล่องแคล่วสบายตาจนเผลอยิ้มออกมา

     


    “ไม่เห็นต้องลงมือเองเลยใช้ลูกน้องมึงทำก็ได้” ชานยอลเปิดปากถาม อู๋ฟานเงยหน้าขึ้นสบตากับชานยอล ร่างสูงหยุดคิด ก่อนจะยิ้มมุมปาก

     


    “อาหารง่ายๆ ถ้าทำได้ก็อยากทำให้”

     

    บึ้มมมม เสียงระเบิดในหัวของชานยอล อู๋ฟานยิ้มทั้งปากทั้งตาเมื่อสังเกตเห็นอาการขัดเขินของชานยอล แต่เก็บคำไม่เอ่ยเหย้า ก้มหน้าทำแซนวิสให้อีกคนอย่างตั้งใจ พอทำเสร็จก็ยกออกมาวางให้ชานยอลพร้อมกับนมหนึ่งแก้ว

     


    “ก่อนหน้านี้กูไปหามึงที่ผับด้วย” ชานยอลเปิดปากพูด หลังจากจัดการแซนวิสและนมไปจนหมด มือเรียวยื่นไปรับทิชชู่ที่อู๋ฟานส่งให้มาเช็ดปาก อู๋ฟานไม่ตอบคำทำเพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้นเพราะอยากรู้ว่าชานยอลต้องการจะบอกอะไร

     


    “ไม่สงสัยเหรอว่าไปหาทำไม” ชานยอลกัดปาก ไม่สบตาอู๋ฟาน เจ้าของฉายามาเฟียยกยิ้มมุมปากบางๆ มือหนายื่นนิ้วไปเช็ดเศษขนมปังตรงมุมปากชานยอลก่อนจะส่งเข้าปากตัวเอง

     

    ชานยอลมองการกระทำของมาเฟียตรงหน้าอึ้งๆ เหมือนคนหาเสียงตัวเองไม่เจอ

     


    “แล้วไปหาทำไม” อู๋ฟานเป็นฝ่ายเรียกสติชานยอลให้กลับมา มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาท้าวศรีษะของตัวเองเอียงหน้ามองชานยอล คนโดนมองถึงกับตาพร่า เพราะหากมองจากมุมที่ชานยอลมอง ดวงตา จมูก ปากของอู๋ฟานช่างมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ขนาดเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังใจสั่น ให้ตายเถอะ

     


    “แค่อยากไปขอโทษ” ชานยอลเม้มปากรวบรวมความกล้า แล้วเอ่ยปากขอโทษอู๋ฟานเสียงอ่อยด้วยความรู้สึกผิด เขาเองก็ไม่สบายใจ เพียงแต่เพราะเป็นคนอีโก้สูงจึงทำใจยอมรับความจริงได้ยากเกินไปหน่อย

     


    “ขอโทษทำไม” อู๋ฟานนั่งตัวตรงเสียงขรึมขึ้น

     


    “ก็ที่พูดไม่ดีวันนั้น” อู๋ฟานสบตากับชานยอล ตากลมโตมองตอบเขาอย่างจริงใจ มือหนาจึงยื่นไปหาอีกคนแล้วใช้หลังมือเกลี่ยแก้มขาวด้วยสัมผัสบางเบา เจ้าของฉายามาเฟียเงียบไปอึดใจก่อนมือหนาจะผละออกจากแก้มขาวเลื่อนลงมาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากอมชมพูของชานยอลเบาๆ แล้วดึงมือกลับ

     


    “อื้ม อย่าพูดแบบนั้นอีกก็แล้วกัน”





    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     Talk :: คิดถึงกันไหม ^__^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×