ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Known..แค่รู้ว่ารัก - Lumin, Krisyeol - EXO

    ลำดับตอนที่ #11 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ เวลามีค่ายิ่งกว่าทอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 525
      16
      29 ธ.ค. 59



    สำหรับนักธุรกิจ
    เวลามีค่ายิ่งกว่าทอง..
    แต่สำหรับความรัก
    อะไรเล่าจะสำคัญไปกว่าการได้รักและได้รับความรักนั้นตอบแทน
    เวลาไม่เคยคอยท่า 
    ถ้ารู้ตัวว่าเจอความรักเมื่อไหร่ ก็จงอย่ายอมแพ้
    รุกเข้าไป บุกเข้าไป
    สักวันจะเป็นวันของเรา
                                                                                                 - อู๋ฟาน ณ แฟนฟิค Known




    Known..แค่รู้ว่ารัก  ตอนที่ 10
    By :: เบบี้เยลโล่




    มาเล่นแท็ก #FicKnown กัน



     

                “โอ๊ะ คุณซิ่วหมินสวัสดีครับ นัดเจ้านายไว้หรอครับ” โดคยองซูวางมือจากเอกสารพร้อมกับลุกขึ้นกล่าวทักทายคนรักของเจ้านายที่เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับตะกร้าขนม ก่อนคนตัวเล็กกว่าจะมองเลยไปทางด้านหลังของซิ่วหมินที่มีบอดิการ์ดหน้าคุ้นเดินตามมาเงียบๆ

     

                “ไม่ได้นัดไว้หรอกครับ แต่เห็นลู่หานบอกว่าไม่ได้มีนัดที่ไหนเลยแวะมา” ซิ่วหมินตอบคยองซูยิ้มๆ มือบางกระชับตระกร้าในมือที่บรรจุไว้ทั้งขนมและอาหารเที่ยง เขาตั้งใจทำอาหารมาทานกับลู่หาน คยองซูยิ้มให้คนรักของเจ้านายจนตาปิด ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องของลู่หานให้อย่างรู้หน้าที่

     

                “เข้าไปรอในห้องเจ้านายได้เลยนะครับ คาดว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเจ้านายคงประชุมเสร็จ จะให้ผมโทรบอกให้เจ้านายทราบไหมครับว่าคุณซิ่วหมินมารอที่นี่แล้ว” คยองซูเดินตามซิ่วหมินเข้ามาทำงานในห้องของลู่หาน เพราะวันนี้มีเอกสารมากมายรอให้ลู่หานเซ็นและเป็นเอกสารที่รอไม่ได้

     

    ผู้เป็นเจ้านายเลยให้คยองซูอยู่ตรวจเอกสารและคัดแยกเอกสารรอให้ลู่หานเซ็น ใครๆ ก็รับรู้ว่าคยองซูเป็นลูกน้องคนสำคัญที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด ส่วนผู้เป็นนายก็เข้าประชุมพร้อมกับบอดี้การ์ดส่วนตัวคือฮันคยองและคิมบอมที่พ่วงตำแหน่งเลขาจำเป็น เพราะงานบางจุดก็จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากฮันคยองและคิมบอมในเรื่องของความปลอดภัย มีสองคนนี้เข้ามาช่วยแบ่งเบางานของเจ้านาย ดูเหมือนจะทำให้เจ้านายมีเวลามากขึ้น

     

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ หมินรอได้ นั่งดูเอกสารก็เพลินดีเหมือนกัน อ่อ นี่ขนมที่หมินแบ่งไว้ให้คุณเลขาคนเก่ง เก็บเอาไว้ทานนะครับหมินทำเอง ติชมได้อีกเหมือนกันนะไม่ต้องเกรงใจ” ซิ่วหมินส่ายหัวน้อยๆ พร้อมกับส่งถุงขนมที่แบ่งไว้ต่างหากให้เลขาของคนรัก คยองซูยิ้มรับความเอาใจใส่ของซิ่วหมิน

     

                “โอ้ย ใครจะกล้าวิจารณ์ล่ะครับขืนเจ้านายรู้เข้าเอาผมตายเลย โดนลดขั้นแถมโดนหักเงินเดือนขึ้นมา ลูกน้องตัวเล็กๆ อย่างผมจะเอาอำนาจที่ไหนมาคุ้มครองตัวเอง” กล่าวจบเสียงหัวเราะก็ตามมา

     

                “ใครบอกล่ะครับ ลู่หานน่ะขาดเลขาคนเก่งคนนี้ไปไม่ได้หรอก อีกอย่างบอดี้การ์ดหน้าเข้มบางคนคงไม่ยอมให้คุณโดนรังแกหรอก จริงไหม?” ซิ่วหมินเอ่ยกระเซ้าพลางมองเลยไปยังอดีตบอดื้การ์ดของลู่หานที่บัดนี้กลายมาเป็นบอดี้การ์ดของเขาอย่างถาวร จงอินยังยืนหน้านิ่งสนิทเหมือนเดิมแม้จะรู้ตัวว่านายหญิงเอ่ยเหย้าตัวเอง แต่คนเขินจริงๆ กลับเป็นโดคยองซูที่ยืนเกร็งอย่างผิดปกติ ตากลมโตแอบชำเลืองไปที่คนผิวเข้มที่ถึงแม้จะหน้านิ่งสนิทแต่สายตากลับจ้องมองคยองซูกลับอย่างอ่อนโยนราวกับอ่านความในใจของเขาออกจนหมดสิ้น คยองซูกระแอมในลำคอเบาๆ อย่างเก็บอาการแล้วหันมาขอตัวออกจากห้อง

     

                “เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้คุณซิ่วหมินดีกว่า” ซิ่วหมินมองตามร่างเล็กของเลขาตัวขาว ก่อนจะหัวเราะคิกที่แกล้งอีกคนได้ จงอินมองตามหลังผอมของคยองซู คนผิวเข้มหันมาส่งสายตาเชิงขออนุญาตกับซิ่วหมินพร้อมกับก้าวตามคยองซูออกไป

     

                ซิ่วหมินอมยิ้มเพราะเขาเองก็แอบเชียร์คนทั้งคู่อยู่ในใจ คยองซูเป็นคนเปิดเผยชอบก็บอกว่าชอบ สายตาของคยองซูไม่เคยมองใครอย่างลึกซึ้งเหมือนกับที่มองคิมจงอิน ส่วนคิมจงอินบอดี้การ์ดมือหนึ่งของตระกูลเสี่ยวก็ไม่เคยมองใครด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนที่มองโดคยองซู

     

                ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเกิดจากความผูกพันมาตั้งแต่วัยเยาว์แล้วค่อยๆ ถักทอมาเป็นความรักแม้ไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งแต่กลับผูกมัดคนทั้งสองไว้อย่างแน่นหนา

     

                ซิ่วหมินลุกขึ้นเดินสำรวจห้องทำงานของลู่หาน มือเรียวหยิบกรอบรูปบนโต๊ะทำงานของลู่หานขึ้นมา ริมฝีปากเรียวยกยิ้มอย่างอบอุ่นในหัวใจ

     

    ...รูปของเขากับลู่หาน

     

    รางวัลต่างๆ มากมายที่ตั้งโชว์ไว้ในห้องทำงานของคนรักทั้งในฐานะของนักธุรกิจและผู้ที่ส่งเสริมการพัฒนาสังคม บ่งบอกได้ถึงความสามารถที่ไม่ธรรมดาของผู้ได้รับรางวัล และแน่นอนว่ากว่าที่ผลลัพท์ออกมาได้ขนาดนี้ก็ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดของลู่หานอีกเช่นกัน ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ยิ่งต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องทุ่มเทไปหมดหน้าตักทั้งเงินทอง ความสามารถ และความสุขส่วนตัว

     

    “หื้ม ยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ” ซิ่วหมินหันกลับไปยังทิศทางของเสียง คิ้วเรียวเลิกขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ วางกรอบรูปลงไว้ตามเดิมและขยับปากยกยิ้มให้ผู้มาใหม่อย่างเป็นมิตร

     

    “ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะครับ” ซิ่วหมินตอบกลับ คิมแทยอนก้าวเข้ามาในห้องอย่างวางท่า หยุดยืนอยู่ตรงข้ามกับซิ่วหมิน มีเพียงโต๊ะทำงานตัวเดียวคั่นกลาง ริมฝากปากสีแดงสดยิ้มเย๊าะราวดูหมิ่น

     

    “ฉันนับถือนายจริงๆ เลยน่ะซิ่วหมิน โดนคนรักนอกใจแท้ๆ แต่ก็ยังยอมกล้ำกลืนฝืนทนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นยังไงล่ะการกินน้ำใต้ศอกน่ะ สนุกหรือเปล่า?” แทยอนทำแสร้งท่าทางสงสารซิ่วหมินจากใจ มือเรียวยกขึ้นมาวางทับที่อกด้านซ้าย ก่อนจะยิ้มพรายถามซิ่วหมินอย่างสะใจในตอนท้ายประโยค

     

    “....”

     

    “อ่อ ฉันคงจะลืมไปว่าแค่รูปมันคงยังไม่ชัดเจนพอ งั้นคราวหน้าฉันจะส่งให้เป็นคลิปพร้อมเสียงเอาแบบเอชดีเลยเป็นไง นายจะได้รู้ว่าตอนที่ลู่หานกับฉันสนุกกันน่ะต่างจากตอนที่เขาอยู่กับนายยังไง” คิมแทยอนพูดต่อเพื่อย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ของตัวเองและลู่หาน ยิ่งเมื่ออีกคนเม้มริมฝีปากแน่นก็ยิ่งนึกสะใจ ด้วยความมั่นใจว่าวิธีการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อแทรกเข้ามาทำลายความเชื่อใจของซิ่วหมินนั่นประสบความสำเร็จ แม้จะแปลกใจที่เห็นซิ่วหมินอยู่ในห้องทำงานของลู่หาน แต่ข่าวที่เธอได้ยินมาคือซิ่วหมินไม่ยอมกลับไปนอนที่คฤหาสน์ตระกูลเสี่ยวก็ทำให้คิมแทยอนหมายมั่นอยู่ในใจว่าจะต้องรีบดำเนินการต่อแผนสอง

     

    จะตีเหล็กต้องตีตอนที่เหล็กกำลังร้อน

     

    “ครับ ผมเองก็นับถือคุณมากเหมือนกัน” ซิ่วหมินถอนหายใจหลังจากที่ยอมเงียบปล่อยให้อีกคนพูดจาร้ายกาจกับตัวเอง เขารู้ว่าคิมแทยอนต้องการเข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ของเขากับลู่หาน และที่ซิ่วหมินยอมก็เพียงเพราะเห็นใจคิมแทยอน ผู้หญิงที่น่าสงสาร ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

     

    แม้จะน่ากลัวแต่ก็น่าเห็นใจไปพร้อมๆ กัน

     

    “หมายความว่ายังไง” คิมแทยอนเลิกคิ้วแล้วถามกลับ เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ซิ่วหมินตอบ ใบหน้าสวยจ้องซิ่วหมินอย่างมีโทสะ

     

    “คุณยอมที่จะทำร้ายตัวเอง ยอมทำลายชื่อเสียงที่พ่อคุณอุตส่าห์พยายามสร้างมันมากับมือ เพื่อลู่หานไม่สิเพื่อแยกคนรักของผมขนาดนี้ จะไม่ให้ผมนับถือคุณได้ยังไงล่ะครับ แม้จะเสี่ยงแต่ก็นับว่ากล้าหาญ ผมถึงได้บอกว่าคุณน่านับถือ” ซิ่วหมินอธิบายคำพูดของตัวเองอย่างใจเย็น ช้าๆ เน้นๆ ด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แต่ปฏิกิริยาของคนฟังกลับโกรธจัด คิมแทยอนโมโหจนตัวสั่น หมายความว่ายังไง! ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ สิ่งที่หล่อนทำไปทั้งหมดแทนที่อีกฝ่ายจะโมโหจนถึงขนาดต้องขอเลิกกับลู่หาน แต่กลับกลายเป็นทั้งสองกลับยังเข้าใจกันดี ไม่มีร่องรอยของคนหวาดระแวงอยู่ในสายตาของซิ่วหมินเลยสักนิด

     

    หรือว่านี่จะเป็นแผนการทำให้เธอตายใจ หึ อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมแพ้นายคิมมินซอก!!!

     

    “จุ๊ๆๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าลู่หานเขาบอกกับนายว่ายังไง แต่นายจะมั่นใจได้ยังไงว่าสิ่งที่เขาบอกนายเป็นเรื่องจริง นายมันก็แค่คนที่เข้ามาในช่วงที่ลู่หานอ่อนแอ ที่เขาทนอยู่กับนายก็เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณของนายและตระกูลของนายต่างหาก คนที่น่าสงสารจริงๆ น่ะมันคือนาย!” ซิ่วหมินยืนนิ่งจ้องมองใบหน้าสวยของคิมแทยอนแล้วนำคำพูดของเธอมาช่างน้ำหนักในใจเงียบๆ และก็ได้คำตอบ...เขาควรเชื่อใจคนรักมากกว่าเชื่อใจคนที่จ้องคิดแต่จะแย่งคนรักของเขา

     

    “คิดดูสิ นอกจากเงินและความรักโง่ๆ ของนายแล้ว นายให้อะไรเขาได้อีกบ้าง แม้แต่ทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเสี่ยวนายยังทำไม่ได้ แล้วนายยังจะกล้ายืนอยู่ข้างกายของนายใหญ่แห่งเสี่ยวกรุ๊ปได้ยังไง” แทยอนพยายามดึงเอาจุดอ่อนของซิ่วหมินขึ้นมาตอกย้ำ เธอรู้ดีกว่าจุดอ่อนนี้จะเป็นจุดอ่อนที่ทิ่มแทงใจของซิ่วหมิน ใครล่ะจะกล้าปฏิเสธความจริงที่ผู้ชายไม่สามารถมีลูกได้ข้อนี้

     

    “ถึงแม้ว่าเขาจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าในใจของลู่หานจะคิดยังไง โถๆ ลู่หานที่น่าสงสารของฉัน” คิมแทยอนยังไม่หยุดรุก ใบหน้าสวยแสร้งคร่ำครวญสงสารในโชคชะตาของลู่หาน เป็นการตอกย้ำกลายๆ ว่าเธอมีในสิ่งที่ซิ่วหมินไม่มี และไม่สามารถมีได้

     

    ผลั่ก!

     

    ประตูห้องทำงานของลู่หานถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับใบหน้าถมึงของคยองซู เขายืนฟังมานานแล้ว แม้จะอยากเปิดผลั่วเข้ามาในห้องตั้งแต่ที่มือแอบเรียวแง้มประตูเปิดแล้วเผลอได้ยินถ้อยคำดูถูกและคำพูดแสนร้ายกาจของคิมแทยอนแต่เพราะคิมจงอินส่ายหน้าห้ามไว้ทำให้ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน แต่พอเห็นว่าเสียงของซิ่วหมินเงียบไปโดคยองซูก็ไม่สามารถทำเป็นใจเย็นได้อีก ต่อให้โดนดุก็จะยอมก้มหน้านิ่งรับฟัง ในใจแอบต่อว่าคิมแทยอนอย่างโมโห หน๊อยช่างเลือกเวลามาในตอนที่เขาไปเตรียมของว่างให้ซิ่วหมินซะจริงๆ

     

    เป็นไงเป็นกัน!

     

    “เชิญออกไปจากห้องเจ้านายด้วยครับคุณคิมแทยอน วันนี้ในตารางนัดไม่มีชื่อของคุณคิมแทยอนเป็นแขก จึงเป็นการไม่เหมาะสมหากคุณคิมแทยอนจะอยู่ในห้องท่านประธาน” คยองซูกดเสียงต่ำออกปากไล่เจ้าของชื่อช้าๆ และชัดๆ คิมแทยอนหันขวับมามองศัตรูคู่อาฆาตของตัวเองอีกคนที่มักจะแส่จนเกินหน้าที่ของตัวเองอยู่บ่อยครั้งอย่างคาดโทษ

     

    ช่างไม่เจียมกะลาหัวตัวเองบ้างเลยนะโดคยองซู

     

    “แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”

     

    “แน่นอนว่ามีร้อยเปอร์เซ็นเพราะผมเป็นเลขาของเจ้านาย” โดคยองซูเชิ่ดหน้าตอบ ไม่มีร่องรอยของความเกรงกลัวเลยบนใบหน้า เอาสิ ใครหน้าไหนกล้าพูดจาล่วงเกินนายหญิง โดคยองซูคนนี้แหละจะขอสู้ตาย  คิมจงอินขยับเข้าไปยืนข้างซิ่วหมินปล่อยให้คยองซูจัดการคิมแทยอน ด้วยรู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่ตัวเองต้องยื่นมือเข้าไปยุ่ง บางครั้งเรื่องของผู้หญิงก็ซับซ้อนมากเกินไป แต่ถ้าเมื่อไหร่คิมแทยอนมีท่าทีคุกคามต่อคนของนาย ต่อให้เป็นผู้หญิงคิมจงอินก็ไม่มีทางอ่อนข้อให้ ตอนนี้สายตาคมจึงทำได้เพียงจ้องมองน้องคนสนิทของตัวเองอย่างขบขัน

     

    “ความจริงผมก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคุณ แต่ในบทบาทของความเป็นเลขาแล้ว นายหญิงก็คือเจ้านายอีกคนของผมการที่คุณมายืนว่านายหญิงปาวๆ แบบนี้ไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะถึงหูเจ้านายเหรอครับ?” คยองซูทำหน้าซื่อ

     

    “แกขู่ฉันงั้นหรอไอ้ขี้ข้า!” คิมแทยอนชี้หน้าคยองซูด้วยความโมโหที่โดนอีกคนข่มขู่ แต่มีหรือที่คนมีประสบการณ์การเป็นเลขามาหลายปีจะสะเทือนกับคำพูดถากถางพวกนี้ โดคยองซูยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แถมยังยื้มกว้างกว่าเดิมหลายเท่า

     

    “ลองดูไหมละครับ ระหว่างคุณกับนายหญิง เจ้านายของผมจะเชื่อใคร?” โดคยองซูเอ่ยท้า คิมแทยอนกัดปากกรี้ดในลำคอจนตัวสั่น เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะเสียท่าให้กับเลขาร่างเล็กแต่ยะโสโอหังไม่ไว้หน้าหล่อนทั้งที่เป็นแค่ลูกจ้างกระจอก คิมแทยอนสะบัดหน้ามาจ้องใบหน้าขาวของซิ่วหมินที่ยืนมองเธออยู่นิ่งๆ ไม่ออกอาการ ผู้ชายคนนี้มองเธอด้วยความเห็นอกเห็นใจด้วยซ้ำไป กล้าดียังไง!

     

    “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไปด้วยอาการฟึดฟัด ซิ่วหมินมองตามหลังของแทยอนจนแผ่นหลังขาวนั่นหายไป หลงเหลือไว้เพียงประตูที่ปิดสนิทก่อนจะถอนหายใจออกมา

     

    “คุณซิ่วหมินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” คยองซูขยับเข้ามาใกล้ ซิ่วหมินส่ายหน้าช้าๆ พลางส่งยิ้มให้คนใจกล้าที่เอ่ยปกป้องเขาอย่างไม่นึกกลัว

     

    “ขอบคุณนะครับ” คยองซูฉีกยิ้มรับคำ ก่อนจะก้มหน้าเขินๆ เมื่อมองเลยไปยังจงอินแล้วได้รับรอยยิ้มล้อเลียนจากบอดี้การ์ดผิวเข้ม พร้อมกับหันหลังกลับออกไปจากห้องไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนล้อเลียนทางสายตาไปมากกว่านี้ แต่มีหรือที่คิมจงอินจะยอมปล่อยน้องน้อยของตัวเองไป ร่างสูงก้าวยาวๆ ตามหลังคยองซูออกไปทันที อีกทั้งยังต้องการให้ความเป็นส่วนตัวกับซิ่วหมินด้วย

     

    ซิ่วหมินมองตามบอดี้การ์ดของตัวเองยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่นที่โซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะจมอยู่กับนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะจนผลอยหลับไป ลู่หานเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับรายงานจากคยองซูว่าซิ่วหมินมารออยู่แล้วที่ห้อง อีกทั้งยังโดนคิมแทยอนต่อว่าอย่างละเอียดยิบจากผู้เป็นเลขา ใบหน้าหล่อเคร่งขรึมขึ้นอย่างไม่พอใจแทนผู้เป็นภรรยา ขายาวเดินไปหยุดนิ่งอยู่ที่คนรัก ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ คนหลับลึก

     

    วันนี้เขามีประชุมหลายฝ่ายเกี่ยวกับโครงการใหม่ที่ประมูลได้มา ทำให้ต้องรีบจัดประชุมเพื่อติดตามงาน แม้จะมั่นใจในฝีมือของลูกน้อง แต่คนเป็นนายคนก็ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลยงานในมือได้ กว่าการประชุมจะแล้วเสร็จก็ใช้เวลาร่วมสี่ชั่วโมง จนบัดนี้เกือบบ่ายโมงเข้าไปแล้วแม้เขาจะเร่งการประชุมแค่ไหนแล้วก็ตาม

     

    มือหนาค่อยๆ ส่งไปแตะที่ใบหน้าเนียนใสของคนรักอย่างอ่อนโยนเป็นการปลุก ร่างของซิ่วหมินค่อยๆ ขยับก่อนตาโตจะลืมขึ้นช้าๆ ลู่หานส่งยิ้มให้ซิ่วหมิน เมื่อเห็นว่าคนที่ปลุกเป็นใครซิ่วหมินก็ส่งยิ้มหวานกลับให้พร้อมกับลุกขึ้นนั่ง ทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน ลู่หานยื่นมือไปช่วยปัดปอยผมซิ่วหมินให้เข้าที่ หากใครมาเห็นคงเป็นต้องยิ้มเขินกับการกระทำที่แสนอ่อนโยนนี้

     

    “หิวรึยัง” ลู่หานเอ่ยถามคนรักอย่างเป็นห่วง ซิ่วหมินกระพริบตาสองสามทีเพื่อไล่ความง่วง ตาโตกลมใสเปร่งประกายดั่งเดิม ก่อนจะส่ายหัวยิ้มๆ

     

    “หมินทำอาหารเที่ยงมา ทานด้วยกันที่นี่เลยนะ” ซิ่วหมินใช้สายตามองไปที่ตะกร้าอาหารที่ตัวเองเตรียมมา ลู่หานจึงหันไปมองบ้าง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างดีใจ แม้งานที่แบกรับอยู่บนบ่าจะทำให้เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่แค่ได้เห็นหน้าคนรักและได้กินอาหารที่ซิ่วหมินเป็นคนทำ ก็ทำให้เขามีแรงที่จะทำอะไรได้อีกมหาศาล

     

    ทั้งคู่ทานอาหารด้วยกันเงียบๆ ผลัดกันตักกับข้าวส่งให้กัน ซิ่วหมินเป็นฝ่ายป้อนบ้าง ลู่หานเป็นฝ่ายป้อนบ้าง จวบจนมื้ออาหารผ่านพ้นไปอย่างเรียบง่ายพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของทั้งคู่ คยองซูจึงเดินเข้ามาเก็บของออกไปให้แม่บ้านจัดการ

     

    “จะกลับเลยเหรอ” ลู่หานเดินออกมาจากห้องน้ำ พลางเอ่ยถามคนรักที่กำลังนั่งกดมือถือหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างภรรยาของตัวเอง ซิ่วหมินเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แล้วพยักหน้าแรงๆ

     

    “อื้อ แต่หมินจะแวะเข้าไปหาไอ้ชานยอลที่บริษัทก่อนกลับ เหมือนมันกำลังมีปัญหาอะไรอยู่ในใจ ไม่ได้เจอมันมาหลายวันแล้วด้วย” ซิ่วหมินตอบพลางเก็บมือถือลงกระเป๋า ลู่หานคว้าเอามือข้างหนึ่งของซิ่วหมินมากุมไว้ก่อนจะสอดนิ้วเข้ากับมืออีกคนพร้อมกับกระชับไว้หลวมๆ โดยใช้มืออีกข้างหนึ่งวางรองมือของซิ่วหมินไว้

     

    “อย่าเก็บเอาเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูดมาใส่ใจเลยนะ” ลู่หานมองหน้าซิ่วหมิน แววตาคมเจือความเป็นห่วงแฝงอยู่เต็มเปี่ยม ซิ่วหมินฉีกยิ้มกว้างรับ ความอบอุ่นและความเอาใจใส่ของลู่หานทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวและมีพลังขึ้นมาอย่างประหลาด

     

    “หมินรู้”  ซิ่วหมินตอบพร้อมกับกระชับมืออีกคนเป็นการยืนยันคำตอบว่าเขาจะหนักแน่นและเชื่อใจลู่หาน แต่เรื่องลูกที่เขาไม่สามารถมีให้ลู่หานได้ก็ยังคอยตามมากวนใจ แม้จะเคยตัดเรื่องนี้ทิ้งไปแล้วแต่พอโดนจี้ใจดำขึ้นมาอีกก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ ลู่หานเคยยืนยันว่ายอมรับว่าอยากมีแต่เพราะซิ่วหมินไม่สามารถท้องได้เรื่องลูกจึงไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บมาใส่ใจ

     

    ...เขาต้องการแค่ซิ่วหมิน

     

    แต่ซิ่วหมินกลับรู้สึกผิดอยู่ในใจ

     

    “คุณรักเด็กไหม?” ลู่หานเลิกคิ้วมองคนรัก ร่างสูงทำท่าคิดก่อนจะเข้าใจใบหน้าที่แสดงความกังวลออกมาของซิ่วหมิน ที่แท้ก็คิดมากเรื่องนี้อีกแล้ว

     

    “ไม่ ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ” คำตอบนี้เรียกรอยยิ้มจากซิ่วหมิน ด้วยรู้ว่าโดนคนรักรู้ทันเข้าซะแล้ว ทั้งที่ซิ่วหมินพยายามเก็บอาการแล้วแท้ๆ

     

    “เอาไว้เจอกันที่บ้าน คืนนี้ผมจะสอนหมินเองว่าแบบไหนคือความสุขของผม เตรียมตัวตั้งรับไว้ให้ดีด้วยล่ะ” ลู่หานแกล้งยื่นหน้าเข้าไปกระซิบชิดหูซิ่วหมินจนคนโดนกระซิบขนลุกซู่ ใบหน้าขาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อเข้าใจในสิ่งที่ลู่หานจะสื่อ แล้วดึงมือที่โดนเกาะกุมไว้กลับพร้อมกับเม้มปากฉับลุก

     

    “บ้า!” ว่าจบก็ฉวยมือถือของตัวเองมาถือไว้แล้วจ้ำอ้าวออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามองหน้าหล่อที่ยิ้มขำอยู่ด้านหลังอีกเลย ลู่หานมองหลังคนรักที่หายไปกลับประตูห้องทำงานของตัวเองพลางยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะตัดใจลุกขึ้นไปเคลียงานที่โต๊ะต่อด้วยใบหน้าจริงจังอีกครั้ง

     

    ทางด้านชานยอล หลังจากวันนั้นผ่านไป อู๋ฟานก็เหมือนจะหายออกไปจากสารระบบของปาร์คชานยอลทันที โปรดิวเซอร์คนเก่งได้แต่นั่งเคาะปากกากับโต๊ะทำงานนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือของตัวเองนิ่ง

     

    แม้จะเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดค้างไว้ แต่เพราะไม่สามารถสลัดสายตาที่อู๋ฟานใช้มองตัวเองในวันนั้นออกไปจากใจได้ จึงไม่สามารถทำงานต่อได้อย่างใจต้องการ ทั้งๆ งานก็ด่วนแสนด่วน แต่หัวสมองกลับตื้อสนิทคิดอะไรไม่ออก

     

    ปาร์คชานยอลก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงต้องเก็บมาใส่ใจ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้มาเฟียนั่นสักหน่อย แต่ทำไมนะ เขาถึงต้องเป็นกังวล หรือนี่อาจจะเป็นเพราะความเคยชินในตลอดหลายเดือนเพราะปกติแล้วไอ้มาเฟียนั่นจะโทรหาเขาสามเวลาหลังอาหารแต่นี่ผ่านมาหลายวันยังไม่มีวี่แววว่าจะโทรเข้ามาสักสาย ทำให้เขาเริ่มหงุดหงิดจนพลอยกระทบกับงาน เพราะดันไม่มีกระจิตกระใจจะทำ!

     

    ปาร์คชานยอลขอนิยามอาการนี้ของตัวเองว่าคงเป็นเพราะความหงุดหงิด ใช่แน่ๆ เขาเพียงแค่หงุดหงิดเท่านั้น ไอ้มาเฟียนั่นนึกอยากจะตอแยก็ตามติดเขาไม่ห่วง แต่พอเบื่อก็หายหัวไปเลย พอนึกถึงจุดนี้ชานยอลก็ชะงักกึก

     

    เบื่อเหรอ..

     

    ทำไมเขาต้องรู้สึกเศร้าด้วยล่ะ เขาต้องดีใจเสียอีกที่สลัดหมอนั่นออกไปจากวงจรชีวิตได้แล้ว ซิ่วหมินบอกว่าจะแวะมาหา เรื่องนี้สิเขาต้องดีใจ ตื่นเต้น แต่ทำไม..

     

    เขากลับไม่กระตือรือร้นเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดหลายปี ชานยอลยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างสับสน ท่าจะบ้าไปใหญ่แล้วโว้ย!

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    แกร้ก

     

    เสียงเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้เจ้าของห้องมองไปยังเด็กสาวที่คุ้นตายืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตากร้าวอย่างต้องการตำหนิ เพราะตัวเขาสั่งแบคฮยอนไว้ว่าวันนี้งดรับแขกยกเว้นซิ่วหมินเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาต

     

    “นี่เธอ ฉันบอกว่าเข้าไม่ได้ไม่ได้ยินรึยังไง!” เสียงของเลขาของเขาร้องไล่ตามหลังมา เด็กเทรนสาวสวยของบริษัทที่เขาเป็นคนชักชวนให้เธอเข้าวงการ หันไปมองแบคฮยอนอย่างหงุดหงิดเพราะโดนแบคฮยอนร้องห้ามตั้งแต่เห็นเธอเปิดประตูเข้ามา นีน่าอุตส่าห์รอเวลาที่แบคฮยอนหายไปจากโต๊ะทำงานเพื่อลอบเข้าห้องของชานยอลแท้ๆ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกลับมาเร็วขนาดร้องตามไล่หลังหล่อนมาได้

     

    “ขอโทษครับบอส ผมพยายามห้ามเธอแล้ว” บยอนแบคฮยอนทำสีหน้าลำบากใจหันมาขอโทษขอโพยชานยอล ชานยอลถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่เอาความ

     

    “ออกไปทำงานต่อเถอะฮยอน ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง” ชานยอลบอกเลขาของตัวเอง แบคฮยอนหันไปมองแม่นีน่าเด็กเทรนที่คิดจะยกตัวเองขึ้นมาเป็นเจ้านายของเขาอีกคนอย่างตำหนิ

     

    “ให้รู้บ้างว่าใครเป็นใคร” แต่มีหรือที่นีน่าจะเกรงกลัวหล่อนยักไหล่และยิ้มใส่แบคฮยอนอย่างเป็นต่อ พร้อมกระซิบรอดไรฟันใส่แบคฮยอน ทางด้านแบคฮยอนแม้จะคันปากยิบๆ อยากสั่งสอนแม่เด็กคนนี้แค่ไหนก็ต้องตัดใจเพราะสายตาปรามแล้วอาการส่ายหัวเบาๆ จากคนเป็นเจ้านายส่งมา แบคฮยอนได้แต่ทอดถอนในหัวใจส่งเสียงพึมพำกับตัวเอง

     

    ..ขนาดยังไม่เดบิวท์ยังทำตัวสูงกว่าคนอื่นขนาดนี้ ถ้าได้เดบิวท์จริงๆ แล้วบอสสามารถส่งหล่อนไปถึงฝั่งฝันดันหล่อนให้ดังได้ คงมองไม่เห็นหัวใครนอกจากตัวเอง คราวนี้แหละเขาคงจะซวยคูณสอง!!

     

    “นีน่ามีอะไรกับพี่หรือเปล่า” ชานยอลเอ่ยปากถามเด็กสาวตรงหน้า นีน่าเป็นหนึ่งในห้าสาวของเกิร์ลกรุ๊ปที่เขากำลังจะเปิดตัว แม้จะเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็เป็นคนที่มีความสามารถ เธอเป็นเด็กกำพร้าที่เขาไปเจอโดยบังเอิญและชักชวนเข้ามาเป็นเด็กเทรนเพราะน้ำเสียงใสกังวานของเธอ และเพราะใบหน้าน่ารักของเธอทำให้เขานึกเอ็นดูอย่างน้องสาว

     

    “เพื่อนๆ ให้นีน่ามาถามว่าท่านโปรดิวเซอร์มือทองจะนัดพวกเราอัดเสียงเมื่อไหร่น่ะสิคะ พวกเราร้อนใจเพราะเห็นพี่เงียบแถมยังไม่เข้าไปดูพวกเราซ้อมเหมือนเดิมด้วย” นีน่าเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้มือค้ำกับโต๊ะทำงานของชานยอลแล้วแสร้งโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างจงใจ เพราะเธอสวมเพียงเสื้อกล้ามและไม่ได้ใส่เกาะอกทำให้ตอนนี้อะไรที่มันไม่ควรจะเห็นล้นทะลักออกมาแทบจะกระแทกตาเจ้าของห้องอยู่แล้ว ชานยอลเพียงเลิกคิ้วและเบนสายตาไปโฟกัสที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างรักษามารยาท ใช่ว่าของสวยๆ งามๆ แบบนี้จะทำให้เขาตื่นเต้นไม่ได้ แต่เพราะเขาเห็นอีกคนเป็นเหมือนน้องสาว จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

     

    “ทุกอย่างก็ยังเป็นไปตามแผนเดิม พี่แค่ส่งต่องานให้คนที่เขามีหน้าที่โดยตรงและมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญเขารับงานต่อไปแล้ว ช่วงนี้พี่งานยุ่งน่ะ” ชานยอลตอบ ก่อนจะผงะอย่างตกใจเมื่อคนที่เขาคิดว่ายืนอยู่อีกด้านของโต๊ะทำงานทิ้งตัวลงนั่งบนตักเขาแล้วใช้สองมือคล้องคอเขาไว้แน่น สะโพกกลมกลึงพยายามเบียดกับตักชายหนุ่มอย่างจงใจ ปาร์คชานยอลถึงกับกลั้นหายใจ

     

    “นีน่าคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวพยายามยื่นหน้าไปขบเม้มติ่งหูชานยอล ชายหนุ่มพยายามใช้สองมือจับสะโพกของอีกคนอย่างต้องการจะยกอีกคนออกจากตัว แต่หากใครเข้ามาเห็นในสภาพนี้จะปฏิเสธก็คงยากเพราะมันเหมือนกับเขากำลังประครองหญิงสาวเอาไว้มากกว่า

     

    “นีน่าคะ พี่บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้ ปล่อยพี่เถอะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน” ชานยอลกระซิบบอกหญิงสาวรอดไรฟัน ไม่ใช่เพราะหวั่นไหวไปกับสัมผัสของเธอ แต่เพราะชานยอลไม่อยากทำอะไรรุนแรง หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เขาก็ทำได้เพียงสั่งสอนเธออย่างใจดี แต่สงสัยจะใจดีมากเกินไปจนทำให้เธอไม่เกรงกลัวต่อคำเตือนของเขา

     

    “ไม่เห็นต้องอดทนเลยนี่คะ กว่านีน่าจะมีโอกาสอยู่กับพี่สองคนแบบนี้ไม่ง่ายเลยนะคะ นีน่ารักพี่ ยอมอดทนเป็นเด็กเทรนอย่างยากลำบาก ทำไมพี่ถึงใจร้ายกับนีน่าได้ลงคอ ความจริงนีน่าก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่เพราะข่าวของพี่กับนังแซนดี้ทำให้นีน่าทนอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว” นีน่าคร่ำครวญ ตัดพ้อชานยอลอย่างไม่นึกเสียใจในการกระทำของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้สะสางปัญหาความสัมพันธ์กันต่อ ร่างของซิ่วหมินก็ก้าวเข้ามาในห้องมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาอึ้งๆ

     

    “ไอ้-ชาน-ยอล” ซิ่วหมินเรียกเพื่อนสนิทของตัวเองตาโต เสียงเรียกของเพื่อนสนิทเรียกสติของชานยอลคืนมา ชานยอลรีบลุกขึ้นยืนทันที ส่งผลให้ร่างเล็กของนีน่าล้มลงไปกองกับพื้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยของหญิงสาว ทำให้ชานยอลทำสีหน้าปั้นยาก ร่างสูงยื่นมือไปกดอินเตอร์คอมเรียกเลขาคนสนิท รอไม่นานแบคฮยอนก็โผล่หน้าเข้ามา ไม่ต้องเอ่ยปากสั่ง เลขาคนรู้ใจก็ก้าวฉับๆ เข้ามาลากตัวนีน่าออกไปทันทีท่ามกลางเสียงโวยวายของเธอ

     

    “กูมาขัดจังหวะหรือเปล่า” ซิ่วหมินขยับเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเก้าอี้ทำงานของชานยอล เขาพอจะรู้ว่าอาชีพของเพื่อนสนิทจำเป็นต้องข้องแวะกับบรรดาสาวสวยมากมาย แต่ไม่คิดว่าในเวลางานมันก็ยังมีเวลามาทำอะไรแบบนี้อีก น่าฟาดกะบาลจริงๆ ไอ้เพื่อนคนนี้

     

    “เปล่า” ชานยอลหันมาเหล่มองซิ่วหมิน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม สายตาเริ่มกลับมาเหม่อมองโทรศัพท์ของตัวเองอีกครั้ง ไอ้มาเฟียบ้าเล่นตัวนัก!

     

    “เห็นแบคฮยอนบอกว่ามึงชอบเหม่อ ไม่ทำการทำงาน เป็นอะไรหรือเปล่า บอกกูได้นะ” ซิ่วหมินถามต่อ พลางลอบสังเกตอาการของเพื่อนรัก ชานยอลเลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่ใบหน้าขาวใสของเพื่อนสนิทร่างเล็กแล้วถอนหายใจ

     

    “กูไม่รู้จะเริ่มยังไงว่ะ”

     

    “มึงกำลังมีความรักเอ้ยความลับเหรอ” ซิ่วหมินแกล้งแหย่ ก่อนจะหัวเราะลั่นเพราะขำปฏิกิริยาโต้ตอบของชานยอล ตากลมโตของมันยิ่งโตเขาไปอีกแล้วรีบร้องปฏิเสธอย่างมีพิรุธ

     

    “เห้ยบ้า!”

     

    “เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์เหรอ?” ชานยอลทำเสียงฮึดฮัดกับคำถามของซิ่วหมิน มันไม่ยอมรับโทรศัพท์ที่ไหนกัน ก็เขายังไม่ได้โทรไปเลยสักสาย เฮอะ!

     

    “กูไม่ได้เป็นอะไร” ซิ่วหมินมองคนปากแข็งตรงหน้า แล้วส่ายหัวหน่ายๆ มันรู้บ้างไหมว่าตามันโคตรหาเรื่อง ถ้ามันกัดคนได้ป่านนี้เขาคงโดนกัดไปแล้ว

     

    “กูถามแล้วนะ แล้วอย่ามางอนว่ากูไม่สนใจ” ซิ่วหมินกอดอก เริ่มแกล้งงอนบ้าง มีเหรอว่าคนอย่างปาร์คชานยอลจะไม่หลงกล ก็ไอ้หน้าแบบนี้กับสายตาแบบนี้แหละที่ทำให้ปาร์คชานยอลยอมแพ้มาตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา

     

    “เฮ้อ กูยอมแพ้” ชานยอลยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้

     

    “ถ้ามึงเผลอทำให้คนอื่นไม่พอใจ เพราะความไม่ได้ตั้งใจจะทำยังไงดี” ชานยอลเอ่ยปากถาม ซิ่วหมินเลิกคิ้ว อะไรกันปัญหาง่ายๆ แค่นี้เพื่อนเขามันถึงกับไปไม่เป็นเลยเหรอ

     

    “ยังไง”

     

    “ก็แบบพูดแรงๆ อ่ะ”

     

    “เช่น?”

     

    “ไม่ใช่เรื่องของมึง”

     

    “โอ้ว ด่าว่าเสือกเลยนะนั่น” ซิ่วหมินอุทานในลำคอแล้ววิเคราะห์ความเห็น ยิ่งทำให้ชานยอลรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ ไอ้มาเฟียนั่นมันคิดเล็กคิดน้อยกับอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ จิ๊

     

    “มึงก็แค่ขอโทษ” ซิ่วหมินแนะนำ

     

    “แต่เราไม่ได้ทำอะไรผิด” ชานยอลค้าน ซิ่วหมินมองหน้าเพื่อนตัวเองนิ่งอย่างกดดันเพราะพอจะรู้นิสัยของเพื่อนตัวเอง กับซิ่วหมินชานยอลเย็นได้ปานน้ำแข็งแต่กับคนอื่นชานยอลก็เหมือนวัตถุไวไฟดีๆ นี่เอง

     

    “มึงแน่ใจ?” กลายเป็นชานยอลที่ปิดปากตัวเองสนิท พึมพำกับตัวเอง หรือว่าเราจะผิดจริงๆ วะ

     

    “ก็...” ชานยอลทำท่าจะตอบแต่ก็หาเหตุผลมาแย้งไม่เจอ ร่างโปร่งจึงได้แต่ทำหน้ายุ่ง จนซิ่วหมินหลุดขำ อย่างน้อยมันก็ยังสบายดี ที่มาวันนี้ก็แค่อยากมาเจอเท่านั้น เรื่องของหัวใจใครก็ต้องแก้ปัญหาเอาเอง เอาไว้มันเอ่ยปากขอความช่วยเหลือเมื่อไหร่ เขาก็พร้อมจะลงมือช่วยเหลือ

     

    “คิดให้ดีๆ นะ แล้วที่มาวันนี้ กูจะชวนไปเที่ยวทะเลด้วย ทำตัวให้ว่าง อยากชวนใครไปเที่ยวด้วยก็ตามใจ แต่ช่วยกรุณาบอกกูเนิ่นๆ ด้วยจะได้เตรียมที่พัก เข้าใจหรือเปล่า” ชานยอลทำหน้าหงิก พลางบ่นเพื่อนสนิทอยู่ในใจ จะไปเที่ยวกับแฟนแต่ดันจะลากเขาไปด้วยอีก

     

    “กูไปละ”

     

    เมื่อซิ่วหมินกลับไป ชานยอลก็ได้แต่นั่งนิ่งมองโทรศัพท์ ก่อนจะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาสายที่โทรหาเขาเป็นประจำ..

     

    “ไอ้ขี้เก็ก”

     

     

     

     

     

     

     

     

     Talk :: หายไปนานเลยใช่ไหมคะ ^__^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×