(โครงการเหงือกแห้งอารมณ์ดี) หวัง
เรื่องขบขันเรื่องแรกที่พยายามเขียน พยายามเขียนให้ขำ ก็พยายามอ่านให้ขำกันหน่อยแล้วกันครับ ^ ^'
ผู้เข้าชมรวม
665
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หวัง
เด็กชายหวัง อายุ 11 ปี เขาประทับใจในอาชีพตำรวจจากก้นบึ้งของหัวใจ ความประทับใจครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นจากการดูละครหลังข่าว พระเอกของเรื่องเป็นสารวัตรตำรวจที่ต่อสู้กับขบวนการชั่วร้ายของเศรษฐีสุดโฉด พระเอกจัดการกับผู้ร้ายอาวุธครบมือนับสิบตามลำพัง เขายังสามารถช่วยเหลือตัวประกันได้โดยไม่มีใครบาดเจ็บ
ในสายตาของเด็กน้อย พระเอกละครเรื่องนั้นช่างสง่างามและชนะใจทั้งคนดูและนางเอกในเวลาเดียวกัน เด็กชายหวังบอกกับตัวเองว่า วันหนึ่งเขาจะต้องเป็นตำรวจและสร้างวีรกรรมเฉกเช่นพระเอกในละครให้ได้
เมื่อเขาเติบโตขึ้น นายหวังได้เตรียมตัวมาหลายปี เขาถามจากรุ่นพี่ที่เข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ถึงการสอบสมรรถภาพทางกาย และเขาก็ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแรงกำยำเกินวัย เขาสามารถซิตอัพได้ 34 ครั้งภายใน 30 วินาที เขาสามารถดึงข้อได้14 ครั้ง เขาสามารถวิ่ง 1 กิโลเมตรได้ใน 4 นาที 32 วินาที พุ่งตัว 50 เมตรได้ใน 7 วินาที เขายังสามารถว่ายน้ำ 50 เมตรได้ในเวลาไม่ถึง 1 นาที
และนาทีที่กำลังจะถึงนี้คือนาทีที่เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ นั่นคือ การสอบนายร้อย ก้าวแรกสู้การเป็นนายตำรวจ
“สู้ ๆ นะหวัง” พ่อของหวังตบไหล่
“ม้าเอาใจช่วยนะหวัง” แม่ของเขาลูบหัวอย่างเอ็นดู
“ไม่ต้องห่วงครับนะครับ อาป๊า อาม้า หวังฟิตเอาไว้เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ หวังไม่พลาดแน่!”
หวังเดินเข้าไปในสถานที่สอบอย่างองอาจ พ่อและแม่ของเขานั่งรอใต้ต้นไม้ ดูลูกชายคนเดียวที่กำลังเดินตามความฝันของตนเองด้วยน้ำตาแห่งความภูมิใจ
การสอบดำเนินไปอย่างเคร่งเครียดจนถึงช่วงเย็น แล้วหวังเดินออกมาจากสถานที่สอบ
หวังคอตกและมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“เป็นไงมั่งหวัง ทำได้ไหม?” แม่ของหวังถามด้วยความเป็นห่วง
“ได้ทำมากกว่าครับม้า ตอนแรกก็แปลกใจว่าทำไมเขาให้ไปรวมกันในห้องเล็ก ๆ นึกว่าต้องออกไปที่สนาม ที่ไหนได้ มันดันเป็นสอบข้อเขียนซะงั้น! ขนาดดินสอหวังยังไม่ได้เตรียมไปเลย!”
ตอนหวังถามรุ่นพี่ ดูเหมือนรุ่นพี่จะบอกข้ามขั้นตอน ไม่ได้บอกว่าก่อนทดสอบร่างกายจะมีสอบข้อเขียนก่อน
“เอาน่ะ ๆ หวังอย่าเสียใจไปเลยนะ เดี๋ยวม๊าให้อาป๊าคุยกับเพื่อนให้ อาจจะพอเข้าไปได้ล่ะ” แม่ของหวังปลอบใจ
“แต่นั่นมันไม่ถูกต้องนะม้า แบบนั้นมันโกงนะ ผมไม่อยากโกง ผมอยากจะสอบเข้าได้ด้วยตัวเอง” หวังยืนยัน
สุดท้าย หวังก็ไม่ได้ใช้เส้นสาย เขามั่นใจว่าพระเอกต้องไม่โกง และเขาตัดสินใจเรียนต่อมัธยมปลายและเข้ามหาวิทยาลัยเอกชน รีบเรียนให้จบโดยเร็วเพื่อที่จะเข้ารับราชการตำรวจ จะได้เป็นตำรวจสมใจ
เมื่อมีการรับสมัครตำรวจ เขาจึงเข้าสมัครและได้รับยศร้อยตรี ทำงานสำนักงานภายในสถานีตำรวจท้องที่ ร้อยตรีหวังขยันทำงานหลังสู้ฝ้าหน้าสู้แฟ้ม จนวันเวลาของเขาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางกองเอกสารเบิกจ่ายของสถานีตำรวจ
เลิกงานวันหนึ่ง หวังเดินกับเพื่อนเพื่อไปขึ้นรถ
“วันนี้งานเยอะน่าดูเนอะ ไม่มีเวลาดูดบุหรี่เลยว่ะ” เพื่อนหวังชวนคุย
“เออสิ ก็ท่านรองยังไม่ถูกยิงนี่หว่า แกอยู่ทีไรงานท่วมโต๊ะทุกที” หวังตอบ
ฉับพลัน ภาพการนั่งทำงานบนเก้าอี้ที่ห้อมล้อมไปด้วยเอกสารก็ปรากฏขึ้นในจิตใต้สำนึก และเขาก็ได้สติ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่? เขาต้องตามความใฝ่ฝัน เขาต้องเป็นพระเอกสิ ไม่ใช่ทำงานเอกสารกองพะเนินแบบนั้น
“นี่มันไม่ใช่!” หวังคุกเข่าทั้งสองลงแหงนหน้ามองเพดาน กุมหัวแล้วร้องลั่น
“เฮ้ย เป็นเขียดอะไรวะไอ้หวัง” เพื่อนตำรวจถาม
“นี่มันไม่ใช่ ข้าไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้” หวังคร่ำครวญ
“อะไรของแกวะ ก็เห็นแกบอกว่าอยากเป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วถ้านี่ไม่ใช่อย่างที่แกอยาก แล้วแกอยากได้อย่างไงวะ?” เพื่อนตำรวจถาม
“ข้าอยากออกภาคสนาม...” หวังบอก
“เอาล่ะแก อยู่ดีไม่ว่าดี นั่งทำงานโต๊ะไม่ชอบสินะ” เพื่อนส่ายหัว
“แต่ข้าอยากออกภาคสนามจริง ๆ ข้าอยากออกไปข้างนอกไม่ใช่อยู่ในคุก A4 อย่างนี้” หวังบอกกับเพื่อน
“เออ ๆ พรุ่งนี้ลองขอสารวัตรดูสิ เห็นว่าขาดคนอยู่ด้วย พี่ยักษ์แกเพิ่งออกไป” เพื่อนแนะนำ
วันรุ่งขึ้น หวังหักปากกาโยนลงถังขยะ ชายตามองกองกระดาษบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี แล้วเข้าพบสารวัตรเพื่อขอร้องให้ตัวเองได้ออกภาคสนาม
สารวัตรถามย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า หวังก็ยังยืนยันว่าตัวเองอยากออกภาคสนาม แม้ว่าเงินเดือนที่ได้อาจจะต่ำกว่าที่หวังสามารถทำได้ในสถานีตำรวจและอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่ด้วยความตั้งใจจริงและความใฝ่ฝันจากวัยเด็ก หวังยืนยัน
“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้ให้นายไปหาดาบพริก” สารวัตรส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ต้องจำยอม
“ครับ สารวัตร” หวังยืนตรงแล้ววันทยหัตถ์ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปด้วยใจที่ยินดี
เขาได้ออกภาคสนามสมใจ แต่ยังไม่สมกับความฝันในวัยเด็ก เขาฝันอยากจะต่อสู้กับผู้ร้ายแล้วช่วยตัวประกัน ชนะใจนางเอกและผู้คนรอบกาย เขาอยากเป็นพระเอก แต่ทุกวัน ๆ สิ่งที่เขาทำมีแต่ตั้งคำถาม และตอบคำถาม
“มีใบขับขี่ไหม?” ป๋องจะต้องตั้งคำถาม
“จะจับอะไรกันนักกันหนา คนทำมาหากินเนี่ย” คนขับรถบรรทุกจะถามกลับ
“เออ นี่ก็กำลังทำมาหากินเหมือนกัน เอาใบขับขี่มาดูหน่อย” หวังก็ต้องตอบคำถาม
มันเป็นเช่นนี้ทุกวัน วันหนึ่ง ๆ จะเป็นเช่นนี้ไม่ต่ำกว่า 20 รอบ
เมื่อรถบรรทุกขับจากไป หวังก็เดินกลับมาที่ด่าน วันนี้เขาเดินไปเดินกลับนับสิบรอบ เรียกรถให้หยุด 47 ครั้ง รถที่หยุดมีแค่ 23 คัน และเขาได้ให้ใบสั่ง 2 ใบเท่านั้น
“ไรว้าฯ วันนี้ได้ไม่ถึง 2,000 เลย จะเอาไรส่งนายวะเนี่ย” หวังกลุ้มใจจากรายได้ที่ทำได้
“เออ ข้าก็เพิ่งเคยเจอเอ็งนี่แหละ อยู่สถานีดี ๆ ไม่ชอบ อยากออกมาเป็นจราจร” ดาบพริกแซวหวัง
“ผมไม่ได้อยากจะเป็นจราจรสักนิด ที่ว่าออกภาคสนามไม่ได้หมายความว่าออกมาจับรถแบบนี้” หวังยังไม่พอใจกับการได้ออกภาคสนาม
หวังไล่ตามความฝันของตัวเองมานานนับ 10 ปี และเขายังไปไม่ถึงฝั่งฝัน
เขาอยากเป็นตำรวจและเขาก็ได้เป็นตำรวจแต่เขายังไม่พอใจ เขาไม่ได้อยากเป็นแค่ตำรวจสำนักงาน เขาอยากเป็นตำรวจออกภาคสนามและเมื่อเขาได้เป็นตำรวจภาคสนาม เขาก็ยังไม่พอใจที่ได้เป็นตำรวจภาคสนามอย่างตำรวจจราจร ในเบื้องลึกที่สุดแล้ว เขาอยากเป็นฮีโร่ เขาอยากเป็นพระเอกในชีวิตของตัวเอง
เมื่อหวังใช้ชีวิตเป็นตำรวจจราจรไป เขาก็ค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลงอย่างช่วยไม่ได้ มันไม่ต่างจากขอทานเลยสักนิด หวังต้องเรียกรถบรรทุกหรือรถกระบะเพื่อเก็บเงินเล็กน้อยเพียงไม่กี่ร้อยบาทแลกกับคำด่าคำเหน็บแนม บ้างก็ต้องวิ่งเก็บเงินที่ขยำเป็นก้อนแล้วถูกโยนลงจากรถบรรทุกเป็นค่าผ่านทาง จะเรียกรถทุกคันก็ไม่ได้ ต้องคอยสังเกตสติ๊กเกอร์ เลขทะเบียน ตราหน่วยงาน เครื่องแบบคนนั่งและคนขับ หลายครั้งต้องดูให้ลุกไปถึงพ่อแม่คนขับว่าเส้นใหญ่แค่ไหน ที่สำคัญ ยิ่งนานวัน หวังยิ่งเหมือนเป็นผู้ร้ายมากกว่าเป็นพระเอก
วันหนึ่ง หวังก็รู้ว่าชีวิตที่ไล่ตามความฝันจบลงแล้ว
วันหนึ่ง หวังได้รู้ว่าในฐานะมนุษย์ยังมีบางอย่างที่สำคัญกว่าการเป็นพระเอกในชีวิตตนเอง
หวังหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วคุยกับพ่อและแม่ จากนั้นเขาก็ยื่นใบลาออก แล้วกลับบ้าน
บางครั้งการใช้ชีวิตตามความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงของตนเอง ก็ไม่อาจเทียบได้กับการใช้ชีวิตเพื่อทำให้ความฝันของผู้อื่นเป็นจริง โดยเฉพาะ ความฝันของคนที่รักเรามากที่สุด หวังจึงตัดสินใจให้ตนเป็นพระเอกในละครชีวิตของอาป๊า อาม้า
“อาป๊า อาม้า หวังกลับมาแล้วครับ” หวังกล่าวคำที่พ่อและแม่ของเขาอยากได้ยินที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ใต้หลังคาบ้านที่มีไฟส่องสว่าง ในสายตาของหวังแล้วไม่มีอะไรสว่างไปกว่าใบหน้าอันเบิกบานของพ่อและแม่ของเขาในเวลานั้นเลย
“หวัง! ม้าคิดถึงหวังเหลือเกิน” แม่ของหวังลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วกอดลูกชายสุดที่รัก
หวังร้องไห้ แม่ของหวังก็ร้องไห้
พ่อของหวังเดินเข้ามาอย่างใจเย็น และสบสายตาลูกผู้ชายกับหวัง
“ป๊า...หวังทำไม่สำเร็จ หวังเป็นตำรวจไม่ได้” หวังสารภาพพร้อมหลั่งน้ำตาแห่งความผิดหวัง
พ่อไม่พูดอะไร ท่านอ้าแขนออกแล้วโอบกอดลูกชายผู้ล้มเหลวในการไขว่คว้าความฝันเอาไว้ ไม่มีคำปลอบโยนใด ๆ จะรักษาแผลของหวังได้ไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม
“หวังเอ้ย ชีวิตยังไม่สิ้นมันก็ต้องดิ้นกันไปนะลูกนะ” พ่อของหวังให้กำลังใจ
“ครับป๊า” หวังตอบพ่อ
“แล้วหวังจะทำอะไรต่อ?” แม่ของหวังถาม
“หวังก็ยังคิดไม่ออกเลยครับม้า” หวังส่ายหัว
“หวังอยากลองดูบริษัทของป๊าก่อนไหม เผื่อจะถูกใจ เอ้า! เซบาสเตียน ไปถอยปอร์เช่ของอั๊วมาที เดี๋ยวอั๊วจะพาลูกชายไปบริษัทหน่อย!”
“ครับ เสี่ย” เซบาสเตียนรัดหูกระต่ายที่คอแล้วหยิบพวกกุญแจล้อมทองไปถอยรถสุดหรูตามคำสั่งเสี่ยใหญ่
จบ
ผลงานอื่นๆ ของ Prisma Dominatus ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Prisma Dominatus
ความคิดเห็น