บันทึกจากดอกแก้ว - บันทึกจากดอกแก้ว นิยาย บันทึกจากดอกแก้ว : Dek-D.com - Writer

    บันทึกจากดอกแก้ว

    ครอบครัวของฉันไม่ได้อบอุ่นนัก ฉันจึงอุ่นหัวใจของฉันด้วยการมีความรักให้กับครอบครัว

    ผู้เข้าชมรวม

    113

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    113

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ย. 49 / 02:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


                    เรื่องราวอย่างนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ฉันจำความได้ และมันยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ครอบครัวของฉัน ครอบครัวของฉันมีพ่อที่เป็นคนแสนจะเฮฮาในหมู่เพื่อนฝูง คุณแม่ก็เป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลาที่อยู่กับเพื่อนบ้าน น้องของฉันก็เป็นที่ชื่นชอบในหมู่เพื่อนด้วยความที่เธอเป็นคนมีน้ำใจและสนุกสนาน
      แต่ไม่ใช่...สำหรับฉัน ใครๆก็คิดว่าฉันเป็นคนเฮฮา ตลก เปิดเผย คิดอะไรก็ทำอย่างนั้น เปล่า... ไม่ใช่อย่างนั้นเลย มีเรื่องเดียวที่ทำให้ฉันเป็นคนอ่อนไหวและอ่อนแอที่สุดก็คือ ...ปัญหาของครอบครัว
                    ฉันใช้เวลากลางดึกของคืนหนึ่งนั่งพิมพ์ไดอารี่ออนไลน์ด้วยอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจ นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันต้องทนกับความรู้สึกอย่างนี้
      กี่ครั้งกันที่ฉันต้องทนเก็บความรู้สึกเอาไว้ข้างใน โดยไม่มีใครรู้



                     ฉันกำลังเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดบนพื้นบ้านขึ้นวางบนโต๊ะเพื่อที่จะได้กวาดบ้านได้สะดวกหลังจากที่แม่รีดผ้าเสร็จแล้วออกไปนั่งคุยกับพวกป้าๆข้างบ้าน แน่นอนว่าฉันหมดแรงไปกับมันเยอะมาก มากพอกับอาการหงุดหงิดของการเดินลอยชายไปมาของน้องสาวที่ไม่ยอมช่วยหยิบจับงานบ้านอะไรเลยสักอย่าง
                     "บัว แกมาช่วยพี่เก็บของหน่อยซิ พี่จะได้รีบๆกวาดถูบ้านให้เสร็จ"
                     น้องสาวมองด้วยหางตาชนิดที่ว่า อะไร เรื่องแค่นี้ทำไมต้องมาใช้กันด้วย "ทำเองดิ เค้าต้องขึ้นไปอ่านหนังสือ"
                     "อ่านหนังสือ!?" ฉันทวนเสียงแหลม ใครๆก็รู้ว่านั่นคือสิ่งสุดท้ายที่น้องสาวแสนขี้เกียจของฉันจะทำ "ไม่ใช่ว่าขึ้นไปคุยโทรศัพท์เรอะ"
                     "แล้วมันเรื่องอะไรของแก"
                     "จะช่วยกันหน่อยไม่ได้รึไง งานบ้านน่ะช่วยกันมั่งดิ พี่ทำเหนื่อยนะเว่ย ที่ทำคิดว่าอยากทำนักรึไง พี่สงสารแม่ที่ต้องมารับจ้างซักรีดเหงื่อตกทั้งวันแล้วยังต้องมาทำงานบ้านเพื่อเรา บัวไม่ใจดำไปหน่อยเหรอวะ แทนที่จะช่วยแบ่งเบาแม่บ้าง"
                     "เค้าไม่ใช่ลูกคนโปรดเหมือนแกนี่ เรียนก็เก่ง งานบ้านก็ทำคล่องไปหมด"
                     อะไรกันนี่ ฉันเนี่ยนะลูกคนโปรด ฉันก็เห็นพ่อกับแม่เอาใจเธอสารพัด แต่ถึงจะโมโหในคำค่อนขอดฉันก็ยังทนตอบเสียงเรียบ สะกดอารมณ์โกรธ
                     "บัวก็รู้พี่ไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่พี่ขยันอ่าน พี่ทำงานบ้านก็เพราะพี่อยากช่วยแม่ บางทีพี่อาจคิดผิดที่เวลาแม่ใช้งานบัวแล้วบัวไม่ทำ พี่ต้องเสนอหน้ามาทำเพราะกลัวแม่จะต้องมาทำเองให้เหนื่อย"
                    "เออๆ เรื่องของแกเหอะแก้ว อย่าบ่นได้ป่ะ รำคาญ!" สิ้นเสียงบัว น้องสาวก็เดินลงส้นขึ้นบ้านไป คนเป็นพี่สาวอารมณ์โกรธแต่ก็ต้องพยายามก้มหน้าก้มตากวาดบ้านต่อไป

                    โทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้น ฉันเดินไปรับพยายามไม่ใส่ความหงุดหงิดลงไปในเสียง "สวัสดีค่ะ"
                    "เรียกแม่แกมาพูดหน่อยดิ๊" เสียงของพ่อเธอนั่นเอง
                    "พ่อเหรอ เดี๋ยวไปตามให้นะ แม่ไม่รู้ไปไหนสิ สงสัยไปนั่งโต๊ะสมาคม" (บรรดาเพื่อนบ้านละแวกนั้นจะออกมานั่งโต๊ะหินอ่อน เพื่อคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปที่บ้านป้าใหญ่)ฉันวางหูโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ เดินออกไปตามแม่ไม่เจอก็กลับมา "พ่อ... ไม่ไปไหนไม่รู้อ่ะ ไม่นั่งอยู่หน้าบ้านป้าใหญ่ มีอะไรฝากไว้ป่าว เดี๋ยวหนูบอกแม่ให้"
                    "เออๆ งั้นบอกแม่แกให้โทรกลับด้วยละกัน เร็วๆด้วยนะ"
                    "จ้ะพ่อ ทำงานดีๆนะ กลับบ้านไวๆล่ะคิดถึง..." ฉันลากเสัยงยาวแหลมสูงหยอกล้อพ่อตามปกติ (จริงๆแล้วเพิ่งจะกล้ามาหยอกเล่นกับพ่อเอาตอน 3-4ปีหลัง พ่อเป็นคนดุ เลยไม่กล้าแหย่เล่นเท่าไหร่ แหย่ทีไรก็โดนตะเพิดไล่กลับมาทุกที)
                    ฉันกลับมาใส่ใจกับการกวาดบ้านอีก เนื่องจากข้าวของเฟอร์นิเจอร์ที่วางเต็มไปหมด ทำให้ฉันต้องก้มๆเงยๆกวาดใต้โต๊ะตู้ให้สะอาดให้หมด และโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ
                    "สวัสดีค่ะ"
                    "ขอสายพี่ปรางหน่อยค่ะ"
                    "แม่ไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าออกไปไหน"
                    "พี่ปรางไปไหนคะ"
                    'เอ๊ะ ยัยคนนี้นี่ ก็บอกไปอยู่หยกๆว่าไม่รู้ไปไหนยังจะมาถามซ้ำทำไม' "ไม่ทราบค่ะว่าออกไปไหน"
                   "อีกนานมั้ยกว่าจะกลับ"
                   "ไม่ทราบค่ะ แม่ไม่ได้บอกไว้ มะ... อ้าว?" กำลังจะถามว่ามีธุระอะไรฝากไว้มั้ย วางหูหนีซะได้ เสียมารยาท
      อีกสิบนาทีต่อมาฉันก็กวาดบ้านจนเสร็จ ฉันเลยยกไม้ถูพื้นเตรียมถูบ้าน เริ่มถูจากประตูมาได้หน่อยเดียว โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นอีก 
                   "มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย...! คนจะทำงานโทรมาอยู่ได้" ฉันตะโกนบ่น หวังจะให้น้องฉันเห้นใจนึกลงมาช่วยกันบ้าง
                  "สวัสดีค่ะ"
                  "ปรางเหรอ"
                  "ไม่ใช่ค่ะ แม่ไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าไปไหน"
                  "ไปไหนล่ะ ไปต่างจังหวัดรึเปล่า"
                  'ตาลุงคนนี้นี่ ถ้าแม่ไปต่างจังหวัดฉันก็ต้องไปด้วยสิ' "เปล่าค่ะ แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปไหน ไว้แม่กลับมาจะบอกให้โทรกลับนะคะ"
                  "เออๆได้ๆ บอกปรางให้โทรกลับมาด้วยแล้วกัน แค่นี้นะ" กริ๊ก! เสียงวางหู
                   อ้าว เฮ้ๆ ลุงยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นใคร แล้วฉันจะบอกแม่ให้โทรกลับไปหาหมูที่ไหนล่ะเนี่ย นึกแล้วก็หงุดหงิดใจ จะทำงานบ้านก็มีโทรศัพท์ตามมากวนอยู่นั่นแหละ ไอ้น้องก็ขี้เกียจสันหลังยาว ไม่ช่วยอะไรเลย เซ็ง!
                   ฉันใส่อารมณ์ไปกับการถูบ้านโดยการกระแทกไม้ถูลงบนพื้น ไม้ถูพื้นสภาพเปียกทำให้คราบน้ำกระเซ็นไปเลอะเสื้อสีครีมของบัวเป็นจุดวงๆเล็กๆ
                  ' ตายล่ะฉัน ทำไงดี? ช่างเหอะ คิดไปคิดมาก็สมน้ำหน้า'

                   "ไปไหนมาล่ะคุณนาย ชาวบ้านเขาดทรกระหน่ำจนสายจะไหม้อยู่แล้วนะ" ฉันค่อนประชดแม่ซึ่งเดินเข้าบ้านมาด้วยอารมณ์ชนิดที่ว่าหัวเราะร่าจนน่าหมั่นไส้ แต่ถึงกระนั้นฉันก็ยังยิ้มออกไปเพราะฉันแค่ประชดเล่นๆเท่านั้น
                    "ใครโทรมาบ้างล่ะ"
                    "ก็มีพ่อ พ่อบอกให้โทรกลับด้วยนะ แล้วก็ผู้หญิงคนนึง แล้วก็ผู้ชายอีกคนนึง ไม่รู้ว่าใคร"
                    "แล้วทำไมไม่ถามล่ะว่าใคร เผื่อเป็นลูกหนี้ที่เอาเงินมาให้ เป็นไง พอบอกว่าไม่อยู่เขาก็ไม่มาเลย อดกันพอดี" แม่ขึ้นเสียง หน้าดุ
                    "ก็หนูกำลังจะถามว่าใครเขาก็วางหูไปก่อน ให้หนูทำไงล่ะ" ฉันขึ้นเสียงอย่างลืมตัว ทำงานมาเหนื่อยแล้วยังมาโดนดุเรื่องไร้สาระอีก
                    "มึงก็อย่างนี้ทั้งปี ทำไมไม่ถามเขาก่อนล่ะว่าชื่ออะไร"
                    "แล้วหนูผิดรึไงแม่ หนูยังไม่ทันได้ถามเขาก็ตัดบทวางหูน่ะ หนูผิดเหรอ"
                    "มัวแต่ชักช้า จะทำห่าอะไรทันเขา"
                    "แม่! ทำไมแม่ต้องว่ากันด้วย หนูทำงานหนูก็เหนื่อยเหมือนกันนะ ทำไมแม่ไม่อยู่กับบ้านแล้วคอยนั่งรับโทรศัพท์เสียเองแทนที่จะออกไปนั่งแชทกับพวกป้าๆล่ะ" ฉันเถียงกลับ ดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้แม่โกรธหนักขึ้น ฉันก็ไม่ยอมหรอกนะ จะมาว่าอะไรไร้เหตุผล ฉันไม่ใช่คนผิดสักหน่อย
                    "มึงเถียงกูเหรอ เดี๋ยวนี้มึงกล้าเถียงรึไง เดี๋ยวเถอะนะๆ"
                    "ไอ้บัว! ลงมานี่ซิ หายหัวขึ้นไปทำไมบนบ้านน่ะ ห๊ะ?! ลงมาช่วยกันมั่งดิ๊" ฉันตะโกนเรียกบัวอยู่หลายครั้งจนบัวทนไม่ไหว เดินกระแทกส้นลงมาจากข้างบน ในขณะเดียวกันแม่ก็โทรศัพท์หาพ่อ
                    "เรียกทำไม" บัวกระชากเสียงถาม
                    "เรียกลงมาให้ล้างจาน งานในครัวยังมีอยู่ ไปทำซะด้วยนะ"
                    "ไม่! ไม่ทำเว่ย" บัวทำหน้าตาย ยั่วอารมณ์แก้วให้โกรธหนักขึ้นอีก
                   ฉันแทบอกจะระเบิด เกลียดหน้าน้องสาวตัวเองจริงๆ เคยนึกว่าถ้าตัวเองเป้นนางร้ายในละคร ฉันคงจะเดินไปทึ้งหัว!จิกตบ น้องสาวน่าหมั่นไส้ของฉันคนนี้แน่ๆ แต่ฉันไม่อยากทำอย่างนั้น เพราะฉันสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า จะไม่ทะเลาะกับน้องต่อหน้าแม่ ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ
                   ขณะที่ฉันกำลังทำสงครามกันกับน้องสาว แม่ก็ทะเลาะกับพ่อ เสียงพ่อลอยมาว่าจะขอเงินสามพันบาท ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร แต่เชื่อเถอะ ไม่ใช้หนี้ก็เอาไปกินเหล้าเลี้ยงเพื่อน โว้ยย... ทำไมครอบครัวฉันถึงเป็นแบบนี้...!!!

                   "ไอ้แก้ว! แกทำเสื้อเขาเปื้อนใช่มั้ย" บัวถือเสื้อสีครีมพร้อมชี้ลายจุดที่เปื้อนเป็นดวงๆไม่ใหญ่นัก
                   "อ๋อ เออ ทำไม" ฉันตอบ
                   "ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย เค้าเพิ่งซื้อมาใหม่ด้วยนะ"
                   "แล้วไง?"
                   น้องสาวฉันเม้มริมฝีปากแน่น แสดงว่าโกรธ 'เฮอะ! สมน้ำหน้า ทีตัวเองทำชาวบ้านเค้าโกรธจะได้รู้สึกเสียมั่ง' แต่นึกไปนึกมาฉันก็รู้สึกผิด ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย เดี๋ยวไว้ให้บัวอารมณ์ดีแล้วค่อยไปขอโทษก็ได้
       
                    พักใหญ่ หลังจากที่ฉันอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ฉันกะจะนั่งทำรายงานที่ทำไว้ให้เสร็จ รายงานนี้ฉันใช้เวลาทุ่มเทกับมันเกือบเดือนครึ่ง กว่าจะหาข้อมูล รูปภาพประกอบ แล้วกว่าจะแปลแล้วสรุปออกมาเป็นภาษาฝรั่งเศสแทบทำฉันลมจับ แต่แล้ว...
                    เฮ่ย! ไม่นะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ฉันเซฟเอาไว้ในนี้นี่นา หายไปไหนล่ะ "บัว... บัวย้ายไฟล์ของเขาไปรึเปล่า" ฉันตะโกนถามน้องสาวซึ่งอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ และฉันแน่ใจว่าเธอได้ยินที่ฉันพูด เพียงแต่เธอไม่ยอมตอบกลับ "ว่าไงล่ะบัว เห็นของพี่มั้ย"
                    "..."
                    "ไอ้บัว! แกลบรายงานของพี่ไปใช่มั้ย"
                    "ใช่ ทำไม สมน้ำหน้า" บัวจ้องหน้าอย่างสะใจ
                    "ทำไมแกทำอย่างนี้!" ฉันตวัดข้อมือลงบนแก้มของน้องสาวไม่แรงนัก "รู้มั้ยว่าพี่ใช้เวลาทำมานานเท่าไหร่"
                    บัวยืนอึ้ง "ทำไมต้องตบเค้าด้วย" บัวผลักร่างพี่สาวตอบ
                    "ผลักพี่ทำไม ตัวเองผิดแท้ๆ" ฉันผลักบัวกลับ จากนั้นมาเราก็เริ่มตบตี จิก ทึ้งหัวกันเต็มที่ ฉันโกรธ และโกรธมากจริงๆถึงได้ลงไม้ลงมือกับบัว
                    จังหวะเดียวกันกับที่แม่เดินเข้าบ้านมาพร้อมกับป้าจิ๋ม ลุงพัทรซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อ แม่ร้องอย่างตกใจ แล้วรีบปราดเข้ามาห้าม
                    "ทำไมทะเลาะกันแบบนี้ โตๆกันแล้วนะ เห็นมั้ยว่าลุงพัทรกับป้าจิ๋มก็อยู่ที่นี่ ไม่อายบ้างรึไง" แม่ตวาดใส่ฉัน
                    "แม่ก็ว่าบัวสิ บัวมันลยรายงานหนูทิ้ง"
                    "แก้วมันทำเสื้อหนูเปื้อนก่อนนะแม่"
                    "พอทั้งคู่เลย ขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน" แม่ไล่ฉันกับน้องขึ้นไปบนห้อง ก่อนจะเชิญลุงพัทรกับป้าจิ๋มให้กลับไปก่อน ซึ่งทั้งคู่ก็เข้าใจสถานการณ์ดี
                    ระหว่างนั้นฉันเริ่มรู้สึกเจ็บตามรอยเล็บจิกของน้องสาว ฉันช้อนตาขึ้นมองบัว บัวเองก็คงจะเจ็บไม่แพ้กัน ฉันได้ยินเสียงบัวสะอื้นเล็กๆ ฉันนึกสงสารในใจ และวามรู้สึกผิดแล่นขึ้นมาจุกคอ ไม่น่าอารมณ์ร้อนเลย ฉันพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งเพื่อหันมาเข้าข้างตัวเอง
                    'ไม่สิ ฉันไม่ผิด ฉันแค่.. สิ่งที่ฉันทำ ฉันแค่...' และพอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ต้องยอมรับผิดอีก ทำไมฉันต้องเป็นคนอย่างนี้ด้วยนะ มีเรื่องทีไรก็ต้องยอมรับผิดคนเดียว ฉันเดินออกจากห้องเพราะไม่อยากได้ยินบัวร้องไห้ ตอนนี้ฉันเองก็นั่งน้ำตาตกในอยู่เหมือนกัน
                    ห้านาทีต่อมาบัวก็เดินออกมา เสียงร้องไห้สะอื้นก้อนโตของเธอไม่ได้ทำให้ฉันตกใจมากเท่ากับเห็นเลือดที่เปื้อนข้อมือของเธอ
                    ตายแล้ว! นี่เธอกรีดข้อมือตัวเองหรือนี่!!!
                   "ทำไมถึงทำแบบนี้" ฉันถาม ถลาตัวใช้ชายเสื้อตัวเองห้ามเลือดที่ข้อมือของบัว
                   "แกอยากให้เค้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่รึไง อยากให้เค้าเจ็บตัวนักนี่ นี่ไง เค้าก็ทำให้ดูแล้ว"
                   "บัว..." ฉันครางออกมาอย่างนึกสะท้อนใจ เหตุใดน้องสาวจึงมองฉันเป็นคนใจร้ายใจดำแบบนั้นได้ "พี่ไม่เคยคิดร้ายกับบัวเลยนะ ไม่เคยเลย"
                   บัวยังคงร้องไห้สะอื้น ฉันเองก็น้ำตาไหลออกมา หลายอารมณ์ที่สะท้อนออกมาระคนปนเปจนฉันสับสนจับอารมณ์ไม่ถูก ทันที่แม่ขึ้นมาเห็น เสียงกรีดร้องของแม่ยิ่งทำให้ฉันใจหาย
                   "ทำอะไรน้องห๊ะแก้ว! แกทำอะไรน้อง"
                   "มะ..หนูเปล่า หนูไม่ได้ทำ"
                   บัวทรุดตัวลงอย่างช้าๆเพราะหมดแรง
                   "พาส่งโรง'บาลเร็ว" 
                   แม่เรียกอาข้างบ้านให้เอารถออกพาไปส่งโรงพยาบาล โชคดีที่เรามาทัน บัวไม่เป็นอะไรมากนัก หมอให้นอนค้างโรงพยาบาลต่ออีกคืนเพื่อให้คนไข้ได้พักฟื้น พ่อรีบแล่นมาโรงพยาบาลเพื่อดูอาการบัว แม่ต่อว่าฉันว่าเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด ฉันนั่งร้องไห้ น้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุด พ่อไม่ยอมพูดกับฉันสักคำ ไม่แม้กระทั่งจะ
      มองหน้าฉัน


                    ฉันกลับบ้านมาคนเดียวอย่างเศร้าและเสียใจที่สุด เสียใจในสิ่งที่ฉันทำ เสียใจที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน ฉันไม่น่าอารมณ์ร้อน ฉันน่าจะฟังคนรอบข้างบ้าง หากเพียงแต่ฉันฉุกคิดถึงผลที่จะตามมา ฉันคงจะไม่พลาด และคงจะไม่มีวันนี้ วันที่ฉันต้องมายืนร้องไห้ฟูมฟาย ส่งพี่สาวอันเป็นที่รักของฉันขึ้น
      สวรรค์
                    หลังจากเหตุการณ์วันนั้น วันที่เราทะเลาะกันรุนแรงที่สุดจนถึงขั้นเลือดตกยางออก พี่สาวของฉันกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่อ่อนล้า เธอนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตเป็นปกติเช่นทุกคืน และหลังจากที่พ่อ แม่หลับแล้ว ฉันยังคงนอนสลึมสลือ ฉันเห็นเงาพี่สาวของฉันก้มลงกราบ พร้อมแนบศรีษะของเธอแทบปลายเท้าของท่านทั้งสอง ฉันแกล้งหลับตาตอนที่เธอเดินเข้ามาหาฉัน เสียงกระซิบที่แหบพรากของเธอฟังดูโหวงเหวงเหลือเกินแต่ฉันกลับได้ยินมันชัดเจน 
                    "...พี่ขอโทษ..."


                    เช้าวันอาทิตย์ฉันตื่นนอนสายเช่นเคย ฉันเห็นร่างพี่สาวของฉันนอนนิ่ง ฉันรอจนถึงบ่ายโมงพี่สาวของฉันก็ยังนอนอยู่ท่าเดิม ฉันตัดสินใจจับร่างของเธอ ร่างของเธอยังอุ่นอยู่แต่ทว่า...กลับไร้ลมหายใจและจิตวิญาณ 
       
                    ฉันนั่งอ่านไดอารี่ออนไลน์ของพี่แก้วซ้ำไปซ้ำมา จนมาถึงบทสรุปสุดท้าย
                    แม่จ๋า... หนูขอโทษ หนูผิดอีกแล้วล่ะสิ หนูไม่สามารถเป็นลูกที่ดีสำหรับแม่ได้เลยนะ แย่จังที่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้ หนูเสียใจที่ทำให้แม่ร้องไห้ อนันตริยกรรมแท้ๆ ตายไปหนูคงตกนรกหมกไหม้ ทั้งๆที่อุตส่าห์สัญญากับตัวเองไว้แล้วเชียวว่าจะไม่ทะเลาะกับน้อง ไม่ทำให้แม่เสียใจ แต่สุดท้ายหนูก็ทำ หนูขอโทษนะคะแม่ ขอโทษที่หนูยังเป็นเด็กไม่ดีพอ ยังเถียงแม่คำไม่ตกฟาก ยังเอาแต่ใจตัวเอง คิดว่างานบ้านที่หนูทำเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา แต่มันสู้ในสิ่งที่แม่ทำเพื่อหนูไม่ได้เลย

                    พ่อจ๋า...หนูขอโทษ หนูไม่สามารถสัมผัสหัวใจของพ่อได้เลย ไม่เคยได้สัมผัสความอบอุ่นจากอ้อมกอดพ่อ ไม่เคยได้บอกรักพ่อ ทุกคำพูดที่หนูพูดกับพ่อ แม้จะอยู่ในน้ำเสียงล้อเล่น แต่พ่อเชื่อเถอะค่ะ ว่ามันมาจากหัวใจของหนูจริงๆ หนูกลัวเหลือเกินว่าหนูจะไม่ได้บอกรักพ่อ หนูกลัวว่าพ่อจะจากหนูไปเสียก่อน ก่อนที่หนูจะได้กอดพ่อ หนูเสียใจที่ทำให้พ่อร้องไห้

                    บัวจ๋า...พี่ขอโทษนะ พี่เสียใจที่ทำให้บัวร้องไห้ พี่พยายามเป็นพี่สาวที่ดีสำหรับบัวเสมอมา แต่ก็ไม่เคยได้ดั่งใจบัวเลยใช่มั้ย? บัวคงรำคาญเวลาที่พี่ไปวุ่นวายกับบัว พี่แค่พยายามที่จะเป็นทั้งพี่สาวที่ดีและเพื่อนที่น่ารักของบัว ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน พี่นึกโทษตัวเองทุกครั้ง ทั้งๆที่โตกว่าแต่กลับทำอะไรเด็กๆ เราดีกันนะ
      ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนั้นอีก พี่สัญญา อย่างน้อยพี่ก็จะพยายาม...

                    บันทึกนี้ฉันจะขอเก็บเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสุดท้ายของฉัน แล้วฉันจะลบมันไปจากความทรงจำ ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่รักฉันยิ่งกว่าใคร บัวก็รักฉันด้วย ก็ฉันออกจะน่ารักขนาดนี้นี่นะ ฮ่าๆ... หลงตัวเองจัง

                               

                                             เฮ่อ... ลาก่อน ความทรงจำของฉัน พรุ่งนี้ฉันจะยังมีลมหายใจที่สู้ต่อไป สู้ๆแม่ดอกแก้ว...
                                     







                   





       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×