รักนี้ของเหมียวๆ
องค์หญิงเลซ่าผู้เลอโฉมของอาณาจักรแคทรีซา(แมว) ต้องมาพบกับองค์ชายผู้เก่งกาจอย่างองค์ชายควอเรียม อุบัดรักก็เกิดขึ้น แต่องค์ชายดันมีคนรักแล้ว องค์หญิงจอมซ่าจะทำอย่างไร มาเปงกำลังใจให้องค์หญิงกันเถอะ
ผู้เข้าชมรวม
122
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ยินดีต้อนรับ องค์หญิงลาเซ่ แห่งอาณาจักรแคทรีซ่า” เสียงของราชาองค์หนึ่งได้กล่าวคำเชื้อเชิญองค์หญิงแห่งอาณาจักรแมวผู้ปราดเปรื่อง องค์หญิงลาเซ่หัวเราะร่าก่อนจะกระโดดนั่งลงที่เก้าอี้นวมที่แสนสุดจะหรูหรา องค์หญิงลาเซ่ยังเด็กจึงยังไม่ค่อยรู้มารยาทเท่าที่ควร แม้ว่าจะได้รับการอบรมสั่งสอนมาแต่มันก็ไม่ได้ทำองค์หญิงลาเซ่ได้ปฏิบัติตัวดีขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่
“ขออภัยด้วยนะคะ องค์หญิงลาเซ่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ทั้งที่โตพอที่จะมีคู่บารมีได้แล้ว ผิดที่เราเองไม่ได้เลี้ยงดูอบรมมา ขอพระราชาอย่าได้เคืองเลย” ราชินีแห่งอาณาจักรแมวผู้เพรียบพร้อมไปด้วยความงามและมารยาทอันอ่อนช้อยได้พูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล พระราชาแห่งดินแดนพระอาทิตย์ 9 ดวง หรืออาณาจักรไทมีนฟังแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ และก็เอามือลูบหนวดสีขาวอันบ่งบอกถึงประสบการณ์มันได้ยาวย้อยลงมาถึงอก
“องค์หญิงนั้นแม้จะเจริญเติบโตมากแล้วก็จริง แต่ยังดูซุกซนเหมือนเด็กๆไม่มีผิด คงสร้างสีสันให้นครแคทรีซ่าไม่น้อยทีเดียว องค์หญิงองค์นี้ดูไม่เหมือนเลย ดูแกร่งและแก่นแก้วตามประสาคนหัวดื้อ ออกจะห้าวหาญซะด้วยซ้ำไป แต่มีอยู่อย่างเดียวที่เหมือนองค์ราชินี แห่งแคทรีซ่า ก็คือความงามงดที่หาที่ตำหนิได้ยาก องค์หญิงเลซ่าได้รับมาจากท่านโดยตรงทีเดียว ไม่แน่ถ้าโตขึ้นอีกหน่อย องค์หญิงอาจจะมีศิริโฉมงดงามจนเป็นที่กล่าวขานก็ได้” ราชินีแห่งไทมีนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวขององค์ราชา
“ถูกต้องแล้ว ความงามขององค์หญิงลาเซ่นั้นไม่นานคงจะได้ประจักษ์และกล่าวขาน” ราชินีแห่งไทมีนพูด
องค์ราชาและองค์ราชินีมองหน้ากันและก็ยิ้มอย่างเจื่อนๆก่อนจะเล็งสายตาไปที่องค์หญิงที่นั่งไม่สนใจกับคำพูดใดๆ
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ นี่เราก็ยังมองไม่เห็นความงามขององค์หญิงเลย เห็นก็แต่ลิงค่างที่ชอบเล่นซุกซน” องค์ราชาพูด
ณ ห้องนอนขององค์ราชาและองค์ราชินี “ข้าไม่น่าให้องค์หญิงมาด้วยเลย” องค์ราชาพูดกับองค์ราชินี
“อย่าพูดเช่นนั้นเลย การที่เราพาองค์หญิงมาในครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการเปิดตัวลูกของเราเลยทีเดียว ไม่เห็นหรือว่าพระราชาและพระราชินีแห่งไทมีนยังไม่เคยรับรู้ว่าเรายังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน”
“ใช่สิ เมืองเรานั้นเป็นเมืองปิดมานานมาก คนในไม่เคยออกคนนอกไม่ย่างกราย ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงรู้จักแต่ชื่อเมืองเรา แต่ไม่เคยสัมผัสเมืองเราเลย ลูกเลซ่านั้นถูกเอาแต่ใจมาแต่เด็ก เอาแต่เที่ยวซุกซนเล่นไปวันๆ สอนอะไรก็ไม่เคยจะจดจำ ทำให้เราระอาเหลือเกิน ผิดกับลูกคนโตของเรา ทั้งเรียบร้อยเป็นแบบฉบับเดียวกัน ทั้งคู่นี่ไม่น่าจะเป็นพี่น้องกันได้ ทุกครั้งที่เราพาเคที่ออกมาเยี่ยมเยียนหลายอาณาจักร ต่างก็เป็นที่กล่าวขานในเรื่องของมารยาทและความเรียบร้อย ทำให้เป็นที่โจษจันไปทั่ว” องค์ราชาพูดและมองมาที่องค์ราชินี
“เลซ่าเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดีนะคะ นอกจากจะซุกซนไปวันๆแล้ว เลซ่านั้นยังมีความเฉลียวฉลาดเป็นที่รักยิ่งของคณาจารย์ที่เคยสอนมา เคยมากล่าวชมกับเราตั้งหลายครั้งหลายหนในเรื่องนี้ ผิดก็ตรงที่มักจะทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายชอบวิ่งเล่นและสนุกสนานเยี่ยงชาย” องค์ราชินีพูดในด้านที่ดีของเลซ่าและก็เดินไปที่หน้าต่างมองออกไปยังโลกภายนอกที่กว้างใหญ่
“น่าเบื่อชะมัด ท่านแม่บอกว่าออกมาข้างนอกจะได้เที่ยวที่ที่สนุกแต่ตอนนี้ข้าเศร้าหมองยิ่งกว่าดอกไม้ที่กำลังขาดน้ำเป็นเดือนก็ว่าได้ เหตุใดท่านแม่จึงกล่าวเท็จกับลูก” องค์หญิงพูดเมื่ออยู่ในที่พักตามลำพังกับองค์ราชินี
“ลูกรัก แม่ไม่ได้กล่าวเท็จหรือโกหกลูกแต่อย่างใด วันพรุ่งนี้ลูกอยากจะไปที่แห่งใดก็ได้ในไทมีน แต่ลูกต้องระวังตัวเองให้ดี อาณาจักรแห่งนี้เป็นอาณาจักรของนักรบผู้กล้าหาญ ในตำนานได้เคยพูดถึงนายทหารที่มาจากเมืองนี้หลายครั้งในเรื่องของความเก่งในด้านสู้รบ นักรบแมวได้ถูกจารึกไว้ในตำนาน” องค์ราชินีหันหน้ามาพูดกับองค์หญิงอย่างเป็นห่วง
“อาณาจักรแห่งนี้เป็นเมืองของนักรบผู้กล้าหาญ เหตุอันใดลูกต้องกลัวอันตราย” องค์หญิงหันหน้าไปทางอื่น
“ไม่มีที่ใดที่จะปลอดภัยเสมอหรอกนะ ตามตำรารอมโรซ่าได้กล่าวไว้ว่า “ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะได้รับคำกล่าวขานในเรื่องของความกล้าหาญของนักรบ แต่ก็เป็นที่เล่าลือเป็นยิ่งนักเกี่ยวกับกองโจรที่คิดแผนร้ายเสมอ” คำกล่าวนี้เป็นจริงเสมอ”องค์ราชินีเดินเดินมาประจันหน้ากับองค์หญิง
“ลูกเข้าใจแล้วท่านแม่ เหมือนเช่นกับคำกล่าวของอาจารย์นารุสที่เคยพูดมาครั้งหนึ่งว่า “ที่ใดที่อันตรายมากเท่าไหร่ที่นั่นมักจะมีวีรบุรุษผู้ปราดเปรื่องที่จะคอยกอบกู้สถานการณ์ เช่นกันกับ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” ลูกจำมันได้ดี ท่านแม่วางใจได้ ลูกเอาตัวรอดได้เสมออย่าเป็นกังวลเลย ลูกดีใจยิ่งนักที่ได้ออกมาเปิดโลกกว้างครั้งนี้ มันทำให้ลูกได้เห็นถึงอารยธรรมที่แตกต่างไปจากอาณาจักรเรา ทุกเวลาที่ท่านอาจารย์ได้เล่าประสบการณ์การออกไปผจญภัยในต่างแดน ลูกมักจะรู้สึกตื่นเต้นและก็เพลิดเพลินในเป็นที่สุด และเมื่อลูกได้มีโอกาสออกมาเช่นนี้ ลูกจะเก็บความแปลกใหม่ไปเล่าให้ท่านอาจารย์ฟังบ้าง” องค์หญิงพูดและก็ซบอกขององค์ราชินี และทั้งคู่ก็โอบกอดกันด้วยความรัก องค์ราชินีโล่งใจกับคำพูดขององค์หญิงแต่ก็อดไม่ได้ว่า ทุกทีนั้นองค์หญิงเป็นเด็กดื้อ และมักจะพูดให้สบายใจอยู่เรื่อยไป แต่ทุกครั้งที่องค์หญิงได้รับปากว่าจะทำตัวดี ครานั้นก็เกิดเรื่องวุ่นวายทุกครั้งไป
องค์ราชินีได้กลับไปยังห้องของตนเอง “มาทั้งทีลูกจะเฉยได้อย่างไร เมืองนี้ทั้งแปลกตาและก็น่าผจญภัยเป็นที่สุด ลูกจะอดใจได้อย่างไรกัน” องค์หญิงพูดเป็นนัยๆ
รุ่งเช้าของอีกวันหนึ่งที่สดใส องค์หญิงเลซ่าได้ออกมาจากปราสาทตั้งแต่เช้าตรู่โดยที่ยังไม่มีใครตื่นนอน นอกจากเหล่าทหารกล้าที่ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตากันทำงานจนลืมหลับลืมตื่น องค์หญิงเลซ่านั้นออกมาจากปราสาทโดยแต่งกายเหมือนพลเมืองแมวทั่วไป และก็แอบออกมาจากปราสาทโดยไม่ให้ใครเห็น เมื่อองค์หญิงเดินออกมานอกเขตปราสาทแล้วก็กระโดดขึ้นไปยืนบนกำแพงที่สูงชันอย่างคล่องแคล่ว องค์หญิงไม่รอช้ากระโดดลงไปสู่พื้นทันทีก่อนที่จะมีทหารแมวลาดตระเวนมาเจอซะก่อน องค์หญิงลงมาสู่พื้นโดยปลอดภัย และก็กระโดดโลดเต้นด้วยความสดชื่นแจ่มใส และร้องเพลงร่าด้วยความอารมณ์ดี จนองค์หญิงมาถึงตลาดที่มีพลเมืองแมวเดินจ่ายตลาดกันคับคั่ง องค์หญิงนั้นเดินดูของที่วางขายกันเกลื่อนกลาดมากมาย ต่างก็น่าสนใจทั้งนั้น “ของที่ตลาดที่นี่ ดูดีกว่าตลาดที่แคทรีซ่าเยอะเลยแฮะ” องค์หญิงคิดในใจ และทันใดนั้น องค์หญิงก็ได้เห็นหยกอันหนึ่งที่แปลกมาก องค์หญิงไม่เคยเห็นหยกแบบนี้มาก่อน จึงหยุดดูด้วยความสนใจ ถามไถ่จากพ่อค้าแมว
“หยกอันนี้ มาจากที่ใดกัน ทำไมเราไม่เคยจะได้เห็นมาก่อน” องค์หญิงเป็นฝ่ายถามพร้อมกับหยิบหยกอันนั้นชูขึ้น
“สตรีที่สายตาแหลมคมเช่นท่าน ข้าไม่ได้เจอมานานแล้ว หยกอันนี้สูงค่ายิ่งนัก เดิมทีข้าไม่คิดว่าจะนำออกมาขาย หากไม่เป็นเพราะต้องการเงินด่วน ข้าก็ไม่มีทางขายมันเด็ดขาด” พ่อค้าแมวตอบ
“ท่านมีความประสงค์จะใช้เงินมากไปทำอันใดกัน”
“ภรรยาของข้ากำลังป่วยด้วยโรคที่ต้องใช้เงินในการรักษามาก ข้ารักนางเหลือเกิน ชีวิตของนางมีค่ามากกว่าชีวิตของข้าเองเสียอีก” พ่อค้าแมวพูด องค์หญิงฟังดังนั้นก็พยักหน้าเข้าใจและไม่เคยคิดว่า ความรักของพ่อค้าหนุ่มคนนี้ที่มีต่อคนรักนั้นมันจะมากมายเช่นนี้
“หยกชิ้นนี้เป็นหยกที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธ์ผ่านกระแสน้ำจากขั้วมหาสมุทรกลอสซี ดูดดื่มแสงจันทราในคืนเพ็ญมาแล้ว 300000 วัน เป็นหยกในตำนานที่ได้เล่าขานกันมา
..”
พ่อค้าแมวยังไม่ทันพูดจบ องค์หญิงเลซ่าก็ทำตาโตทันทีที่ได้ยินพ่อค้าคนนี้เล่าถึงที่มาของหยกดังกล่าว
“ท่านกำลังจะบอกข้าว่า หยกอันนี้คือหยก “ฟาซีรอส” หยกในตำนานที่เล่าขานต่อๆกันมา หรือว่าท่านจะเป็นคนที่อยู่ในตำนาน ที่สามารถรบชนะมังกรแห่งหุบเขาเทเลซอสได้และ ภรรยาของท่านก็คือ องค์ปาลาเทพที่ยอมผิดกฎของสวรรค์เพื่อพิสูจน์ความรักของตัวเอง จนถูกลงโทษให้กลายมาเป็นมนุษย์” องค์หญิงพูด
“ถูกต้องแล้ว สตรีผู้ปราดเปรื่องพูดถูกทุกอย่าง หยกอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นหยกที่มาจากสวรรค์ องค์ปาลาเทพคนรักของข้าได้ให้ข้าไว้ ในวันที่พวกเราสาบานรักกันต่อหน้าจันทราและดวงดาวนับหมื่นพันล้านดวง” พ่อค้าพูด
“หากที่ท่านพูดเป็นความจริง หยกอันนี้ก็คงจะเป็นของจริง แล้วเราจะเชื่อท่านได้อย่างไรว่าหยกอันนี้เป็นของจริง” องค์หญิงถาม
“หยกฟาซีรอสของจริงนั้น เมื่อหล่นลงสู่พื้นมันจะต้านอำนาจโน้มถ่วงของโลก มันจะไม่หล่นสู่พื้น เมื่อตำแหน่งใกล้พื้นมันจะหยุดอยู่ไม่กระทบพื้น”
“เราก็เคยได้ยินท่านอาจารย์พูดเหมือนกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นกัน”
“หยกฟาซีรอสเป็นของสวรรค์ มีอิทธิฤทธิ์อยู่ ของสวรรค์ไม่สมควรที่จะตกลงสู่พื้นดินที่สกปรกและไร้ค่าที่มนุษย์แมวอย่างพวกเราเหยียบย่ำ” พ่อค้าแมวอธิบาย
“งั้นเราขอทดสอบจะได้ไหม” องค์หญิงถาม พ่อค้าพยักหน้าและก็ยื่นหยกนั้นให้องค์หญิง องค์หญิงเลซ่ารับไว้ในมือและก็ปล่อยมือจากหยกนั้นให้หล่นลงสู่พื้นดิน ทันทีที่หยกหลุดออกจากมือขององค์หญิงนั้นก็พลันหล่นลงตามแรงโน้มถ่วง แต่เมื่อระใกล้ถึงพื้นดินหยกนั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวทันทีทั้งที่ยังไม่ถึงพื้น องค์หญิงเห็นดังนั้นก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง และก็ก้มตัวลงไปดูว่าหยกนั้นไม่ได้ถึงพื้นจริงๆ องค์หญิงเก็บหยกอันนั้นทั้งที่ยังลอยอยู่มาไว้ในมือ
“เป็นจริงอย่างที่ท่านพูดจริงๆ เราอยากได้หยกอันนี้ท่านจะขายให้เราเท่าไหร่ ว่ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” องค์หญิงพูดและก็เอามือกำหยกฟาซีรอสไว้แน่น
“ข้าขายให้ท่านแน่ แต่โปรดบอกข้าเถิดว่าท่านเป็นใครกัน หากจะบอกว่าเป็นคนที่นี่และก็เป็นคนธรรมดาสามัญเช่นทั่วไป ข้าก็ไม่อยากเชื่อแน่นอน คนทั่วไปนั้นไม่เคยมีใครรู้เรื่องตำนานนี้ละเอียดเช่นท่านและก็เคยมีใครอยากจะถามถึงหยกอันนี้ซึ่งข้าได้วางขายมาเกือบ 2 สัปดาห์ โปรดบอกทีว่าท่านเป็นใครกัน” พ่อค้าถาม
“ท่านเป็นพ่อค้าที่ฉลาด สมแล้วที่เป็นอดีตเจ้าชายองค์โตแห่งอาณาจักรไทมีน”องค์หญิงพูดออกมา พ่อค้าถึงกับตกใจที่มีคนรู้ฐานะที่แท้จริงของตนเอง
“ท่านคือใครกันแน่ ทำไมรู้เรื่องตำนานได้ โดยทั่วไปแล้ว คนที่จะรู้เรื่องตำนานนี้ได้โดยละเอียดก็จะเป็นพวกนักปราชญ์แต่ข้าว่าท่านไม่ใช่ โปรดชี้แนะข้าที” พ่อค้าพูด
“องค์ชายอย่าได้พูดถ่อมตนเลย ท่านเองก็เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด ข้าอยากให้ท่านเดามากกว่า” องค์หญิงคิดสนุกไม่ยอมบอกฐานะของตัวเองบ้าง
“หากจะให้ข้าทาย สตรีผู้ปราดเปรื่องที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้าตรงนี้ต้องไม่ใช่แมวสาวชาวบ้านธรรมดาแน่นอน หากแต่เป็นผู้มียศศักดิ์มีอำนาจ แต่จะเป็นอันใดนั้นข้าเองก็สุดที่จะคาดได้”
องค์หญิงหัวเราะร่าด้วยความชอบใจ เอามือกอดอกขำอย่างที่ไม่ได้ขำแบบนี้มานาน
“ทำไมทุกคนชอบชมเราว่า เราปราดเปรื่องกันดีนักนะ เราไม่เห็นว่าเราจะฉลาดตรงไหนเลย เมื่อท่านบอกราคาและพาเราไปหาองค์ปาลาเทพคนรักของท่านแล้วเราจะบอกว่าเราเป็นใคร” องค์หญิงยื่นข้อเสนอ องค์ชายแห่งไทมีนได้นิ่งคิดอยู่
“อย่าคิดนานได้ไหม เรามีเวลาไม่มากนัก อย่ารีรออยู่เลย เก็บของและพาเราไปพบองค์ปาลาเทพ ข้าอยากจะเห็นพระศิริโฉมขององค์ปาลาเทพใจจะขาดอยู่แล้ว” องค์หญิงเลซ่าเร่งองค์ชายโตแห่งไทมีนที่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นพ่อค้าขายหยก องค์ชายโตแห่งไทมีนรีบเก็บหยกชิ้นอื่นทันที เมื่อเก็บเสร็จก็เดินนำหน้าองค์หญิงไปในป่าแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาได้นอกจากพวกเขา เพราะว่ามันเป็นป่าในเขตอันตราย ตลอดการเดินทางไปที่อยู่ขององค์ปาลาเทพ องค์หญิงต้องวิ่งต้องกระโดดหลบกิ่งไม่ที่เกะกะขวางทางอยู่ และก็ต้องเจอสัตว์ร้ายบ้างแต่องค์ชายก็พาองค์หญิงผ่านพวกมันไปได้ “สุดยอดเลยองค์ชาย เราเชื่อสนิทเลยว่าท่านเคยปราบมันกรสิบหัวได้ โอ...เรานับถือจริงๆ” นี่เป็นคำชมจากองค์หญิงเลซ่าเมื่อองค์ชายได้พาตัวเองกระโดนข้ามโขลงช้างตกมันนับร้อยตัว ในที่สุดก็มาถึง ภาพที่องค์หญิงเลซ่าเห็นนั้นมันไม่ใช่ปราสาทหากแต่เป็นเพียงกระท่อมกลางป่าที่มีด้านหลังติดกับธารน้ำและกระท่อมแห่งนี้ก็อยู่ในเขตปลอดภัยจากสัตว์อันตรายทั้งปวง บริเวณบ้านนั้นมีอาณาเขตกว้างขวาง ข้างๆของบ้านฟากหนึ่งเห็นมีสัตว์เลี้ยงมากมาย ส่วนอีกฟากหนึ่งนั้นก็มีการปลูกพืชสมุนไพรและก็ผักสวนครัว ดูแล้วก็เหมือนชาวบ้านปกติทั่วไป องค์ชายพาองค์หญิงเลซ่าเข้ามาในกระท่อม และเมื่อองค์หญิงเลซ่าเดินเข้ามาพ้นประตูกระท่อม องค์หญิงเห็นองค์ปาลาเทพที่นอนอยู่ที่ที่นอนไม่รู้สึกตัว ใบหน้านั้นยังคงสวยงามไม่เคยเปลี่ยน หากแต่ไม่มีชีวิต องค์ชายก้มตัวลงจูมพิศที่หน้าผากอันขาวผ่องขององค์ปาลาเทพ เหมือนนางจะรู้แต่ก็ไม่ได้มีกิริยาตอบสนองอันใด องค์ชายได้เดินออกมาจากเตียงของคนรักและก็มองออกไปยังนอกหน้าต่าง สายตานั้นแฝงไปด้วยความเศร้าที่ไม่อาจจะบรรยายได้ คนที่ตัวเองรักต้องป่วยโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจได้
“องค์ชายท่านคงจะลำบากมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาท่านคงเคยคิดว่า หากท่านยังคงฐานะองค์ชายท่านคงช่วยองค์เทพได้ใช่ไหม เรานับถือในความรักของท่านทั้งคู่มากนัก ที่ผ่านมาพวกท่านคงลำบาก ท่านต้องทรมานใจมากมายเพียงใดเราพอจะเดาได้ แต่จากนี้ไป เราจะช่วยท่าน หากท่านต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ขอให้บอก หากเราช่วยได้เราจะให้ความช่วยเหลือท่านเต็มที่”องค์หญิงพูด และก็เดินไปนั่งที่ขอบเตียงขององค์ปาลาเทพ องค์หญิงเอามือสัมผัสมือขององค์ปาลาเทพที่วางนิ่งอยู่ข้างๆลำตัว “องค์ปาลาเทพ ท่านดูสวยงามมากว่าที่บันทึกไว้ในตำราเสียอีก ท่านไม่เพียงแต่สวยอย่างเดียว ท่านยังเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดคนหนึ่ง ที่ท่านมีความรักที่สมบูรณ์แบบ มีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างท่าน พร้อมจะตายแทนท่าน และที่สำคัญพวกท่านมีอิสระ” องค์หญิงพูดกับองค์ปาลาเทพ
“องค์ชายท่านบอกเราได้ไหมว่าองค์ปาลาเทพเป็นโรคใดกัน” องค์หญิงถาม
“คำถามนี้ข้าไม่ขอตอบเพราะว่า มันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของท่าน หากท่านต้องการให้ข้าบอก ท่านก็ต้องบอกฐานะของท่านแก่ข้า” องค์ชายคิดจะเอาคืนบ้าง องค์หญิงนั้นก็หัวเราะชอบใจ
“เราไม่ได้เจอคนที่สามารถเอาคืนเราได้อย่างท่านมานานแล้ว วันนี้ช่างเป็นวันที่เรามีความสุขเสียจริง เราจะบอกท่านก็ได้ว่าเราเป็นใคร มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักหรอก แม้ท่านรู้ไป องค์ปาลาเทพก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาหรอก” องค์หญิงย้อนกลับไป องค์ชายนั้นก็หันหน้ากลับมาด้วยความเคืองเล็กน้อย
“โอเค เราบอกท่านก็ได้ ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลย เราคือองค์หญิงเลซ่า แห่งอาณาจักรแคทรีซ่า เราตามท่านพ่อกับท่านแม่มาเยี่ยมเยียนอาณาจักรไทมีน พอดีเราอยู่ว่างๆเราก็เลยอยากจะออกมาหาประสบการณ์ข้างนอกก็เลย........”องค์หญิงเลซ่าได้หยุดพูดเพราะไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรที่เหมาะสม
“ก็เลยแอบหนีมา” องค์ชายช่วยต่อให้
“เราไม่ได้หนีมานะ แต่มาโดยไม่ให้ใครรู้ก็เท่านั้นเอง” องค์หญิงพูด องค์ชายก็หัวเราะเบาๆ “ถ้าข้าเป็นท่านพ่อและท่านแม่ขององค์หญิงนะ ข้าว่าข้าต้องเป็นบ้าแน่นอน ที่มีลูกสาวที่.........”องค์ชายหยุดพูดไปปล่อยให้องค์หญิงเลซ่าคิดไปคนเดียว
“ลูกสาวที่เช่นไร” องค์หญิงเริ่มตอกกลับ
“ก็ลูกสาวที่เฉลียวฉลาดไง” องค์ชายหาวิธีเลี่ยงการถกเถียงได้เสมอ องค์หญิงจึงเงียบไป
“ตกลงท่านจะบอกเราได้หรือยังว่าองค์ปาลาเทพป่วยด้วยโรคอันใด” องค์หญิงถามซ้ำ
“องค์ปาลาเทพป่วยเป็นโรคที่ไม่มีหมอใดในโลกนี้รักษาได้”
“แล้วท่านบอกข้าว่าท่านต้องการเงินในการรักษา แต่ท่านกลับบอกว่า ไม่มีหมอใดในโลกที่สามารถรักษาองค์ปาลาเทพได้ ท่านทำให้เราสับสน”
“เราเพียงต้องการเงินไว้เป็นข้อแลกเปลี่ยน หากหมอเทวดาอยากได้ขึ้นมา ข้าก็จะได้ให้ได้ทันที” องค์ชายไทมีนตอบ องค์หญิงพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจ
“หมอเทวดาที่ท่านกล่าวถึงนั้น ท่านจะไปตามหาได้ที่ใดกัน”
องค์ชายไทมีนเงียบไปไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา องค์หญิงเลซ่านั้นก็พอจะเดาออกว่าเป็นเพราะเหตุใดกัน
“ท่านต้องการให้เราช่วยอันใดก็บอกเราได้ ไม่ต้องเกรงใจ ชีวิตของคนรักของท่านมีความสำคัญมาก เราก็รู้ดีแต่เราอยากให้ท่านรู้ว่า หากเราเป็นองค์ปาลาเทพ ขอแค่เราได้อยู่ใกล้ๆท่านอยู่อย่างทุกวันนี้ แม้ว่าจะต้องตกอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่นี้ ข้าก็ยินดี” องค์หญิงพูดเหมือนปลอบใจ องค์ชายไทมีนมองหน้าขององค์หญิงเลซ่าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเคย
“เราไม่ต้องการให้คนที่เรารักเป็นแบบนี้ หากเลือกได้เราจะขอเป็นเอง มันทรมานมากแค่ไหน ท่านไม่มีทางที่จะรู้ได้ องค์ปาลาเทพไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าข้าเลย ข้ารู้ดี”
“การที่ได้อยู่กับคนที่เรารักนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีก็จริงอยู่ แต่ว่าเราต้องอยู่โดยที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกนึกคิดอะไรออกไป เราไม่ได้บอกความในใจ เราไม่ได้พูดจาให้กำลังใจกันและกัน และอย่างนี้เราจะมีความสุขได้อย่างไรกัน” องค์ชายไทมีนพูดอย่างอดกลั้น
“เราจะช่วยท่านเท่าที่เราจะช่วยได้ ท่านต้องการเท่าไหร่ สำหรับหยกฟาซีรอส” องค์หญิงถามในที่สุด และก็มองออกไปที่นอกหน้าต่างดูแสงพระอาทิตย์ที่ตอนนี้ใกล้ที่จะลับขอบฟ้าแล้ว องค์ชายไทมีนเงียบไปเหมือนกำลังคำนวณหามูลค่าของหยกฟาซีรอส แต่มันก็ไม่ทันใจขององค์หญิงเลซ่าเอาเสียเลย
“เร็วๆหน่อยได้ไหม เรามีเวลาไม่มากนักนะ เราต้องกลับปราสาทไปรายงานตัวต่อท่านแม่อีกนะ ไม่งั้นเราอาจจะถูกลงโทษได้” องค์หญิงเร่งองค์ชายไทมีน
แต่องค์ชายไทมีนก็ยังคิดไม่ออก
“10000 ขนทอง” องค์หญิงเลซ่าพูด องค์ชายไทมีนฟังแล้วถึงกับตาค้าง
“มันอาจจะฟังดูมากมายนัก แต่เมื่อเทียบกับความวิเศษของหยกฟาซีรอสแล้ว เรายอมแลก” องค์หญิงเลซ่าพูด
องค์ชายกลับมาอยู่ในท่าทีเหมือนเดิม
“ข้าขาดทุน” องค์ชายไทมีนพูดขึ้นมา
“ท่านต้องการเท่าไร ท่านก็บอกมา เราไม่ขัดท่าน หากมันไม่มากจนเกินไป”
“20000 ขนทอง” องค์ชายไทมีนยื่นข้อเสนอ
“มากไปรึเปล่าองค์ชาย เราขอ 1500 ขนทอง” องค์หญิงต่อรอง
“ถึงแม้ว่าเราจะเป็นถึงองค์หญิงก็จริงอยู่ แต่ว่าการที่เราใช้เงินมากมายขนาดนั้นในคราเดียวหมด มันก็ต้องเป็นที่น่าสงสัยของท่านพ่อและท่านแม่ได้ ข้าไม่อยากให้ท่านทั้งสองสอบถามถึงที่มาของหยกฟาซีรอส เพราะว่ามันจะทำให้เราถูกลงโทษ ในความผิดแอบหนีเที่ยว” องค์หญิงพูด
“จริงสิ ตามตำนานของเมืองข้าที่เพิ่งอัพเกรดมา มันบอกว่า องค์ชายควอเรียมแห่งไทมีนได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย โดยมีข้อถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับการหายตัวไปขององค์ชายควอเรียม ซึ่งเป็นองค์รัชทายาทอันดับหนึ่งของไทมีน แต่จู่ๆกลับหายตัวใจอย่างปริศนา ทำให้ภายในวุ่นวายชลมุน”
“แล้วท่านไม่คิดที่จะกลับไปปกครองบ้านเมืองบ้างหรือ บางทีท่านพ่อกับท่านแม่ของท่านอาจจะหายเคืองท่านแล้วก็ได้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ดูใจดี ยิ้มแย้มอารมณ์ขัน แม้ว่าเราจะทำอะไรที่ผิดหรือเสียมารยาม ท่านทั้งสองก็มักจะมองข้ามและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ภายใต้เสียงหัวเราะนั่น เราก็รู้ว่าท่านทั้งสองนั้นได้เก็บงำความเจ็บปวดไว้ลึกๆ โดยไม่ให้ใครรับรู้ คนเป็นบิดามารดา เมื่อลูกหลงผิดหรือกระทำผิดไป ยังไงก็ให้อภัยได้อยู่แล้ว”
“นี่ท่านกำลังเกลี้ยกล่อมให้ข้ากลับไปใช่ไหม”
“ท่านก็ไม่ลองคิดดูหล่ะ หากท่านกลับไป ท่านพ่อและท่านแม่ของท่านจะต้องดีใจมากเพียงใด และก็จะมีแต่เรื่องน่ายินดี ทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ มันบาปมากนะ ยิ่งเป็นผู้บังเกิดเกล้ายิ่งไม่ควรทำ อีกอย่างหากท่านพาองค์ปาลาเทพไปด้วย องค์เทพก็จะได้นอนในที่ที่ดีกว่านี้ องค์เทพก็จะได้อยู่ในฐานะที่เหมือนเทพ มีที่ประทับที่เป็นส่วนตัว ท่านลองคิดดูให้ดีแล้วกัน แต่อย่าคิดนานนะ เพราะเรามีเวลาไม่นาน”
“ทำไมท่านถึงนึกอยากจะชวนข้ากลับไปด้วย”
“เดิมทีเราไม่ต้องเช่นนั้น แต่ว่าเราอยากเห็นรอยยิ้มของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งไทมีน ยิ้มที่ออกมาจากใจ ที่ดูแล้วรู้สึกถึงความสุขได้ ไม่ใช่ยิ้มแบบให้เห็นว่าดีใจในภายนอก ท่านเองก็จะได้กลับไปกอดและบอกว่ารัก เหมือนที่ท่านได้เคยคิดไว้ไง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าข้า....”
“เอาเถอะ เรารู้ก็แล้วกัน เรามองตาของท่านเวลาที่เราพูดถึงองค์กษัตริย์และองค์ราชินีไทมีนแล้วเราก็พอจะเดาได้ เราไม่โง่ขนาดเดาไม่ออกหรอก”
“โอเค เจ้าฉลาด ฉลาดมาก เป็นบุญของอาณาจักรไทมีนที่ได้ต้อนรับองค์หญิงผู้ฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้ นี้หากไม่เป็นการเสียน้ำใจ ข้าจะขอตามท่านไปเพื่อคืนตำแหน่งและปกครองประชาแมวต่อไป”
“ดีมาก ท่านคิดอ่านได้ถูกต้อง”
“ตลอดเวลาที่ข้าได้อยู่ที่นี่ ข้าต้องอดทนกับความยากลำบากมากมาย ทำให้ข้าได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของประชาชน ข้าได้ฟังเรื่องเล่ามากมายจากประชาชน ได้ฟังคำนินทาจากหลายๆที่ ล้วนแล้วแต่บอกว่า ข้างในปราสาทนั้นมีแต่คนที่เป็นสุขสำราญแต่เราเป็นไพร่ฟ้าหน้าแห้งต้องตกระกำรำบาก ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่เคยที่จะได้นอนเต็มตื่น หนำซ้ำยังต้องมาคอยก้มหัวให้กับเหล่าราชบาล(แมวที่ทำหน้าที่เหมือนขุนนาง) ข้าคิดว่าเมื่อข้ากลับไปคงจะต้องปรับปรุงระบบการปกครอง ระบบพาณิชย์เสียใหม่ ไม่ให้คนที่โตกว่ารังแกคนที่ด้อยกว่าได้”
“เป็นบุญแก่ไทมีนโดยแท้ ข้านับถือท่าน”
เมื่อองค์ชายควอเรียมยอมเดินทางกลับปราสาทพร้อมกับองค์หญิงเลซ่า องค์ชายควอเรียมก็ลุกไปอุ้มองค์ปาลาเทพมาจากที่นอนที่ซอมซ่อ และก็มุ่งหน้าออกจากกระท่อมนั้นไปยังเส้นทางที่จะไปยังปราสาท ในขณะที่ตะวันก็ใกล้จะลับของฟ้า ใจขององค์หญิงเลซ่านั้นก็สั่นเป็นกระดิ่ง กลัวว่าจะถูกกล่าวโทษ ทำให้องค์หญิงนั้นรีบเดินมากจนบางทีก็เกือบสะดุดกับเถาวัลย์ที่ย้อยลงมาถึงพื้น
ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงประตูหน้าปราสาท องค์หญิงเลซ่านั้นได้เคาะประตูสามครั้ง แต่ก็ยังไม่มีทหารมาเปิด จนองค์หญิงต้องเคาะอีกครั้งหนึ่ง จนมีทหารแมวที่เหมือนจะเพิ่งตื่นออกมาเปิดประตู เมื่อเห็นองค์หญิงเลซ่ากับองค์ชายควอเรียมที่อุ้มหญิงที่นอนไม่ได้สติ แต่งกายด้วยชุดแบบชาวบ้านและก็เก่าขาด ก็ถึงกับอารมณ์เสีย
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน ไม่กลัวความผิดหรือไร” ทหารอารมณ์เสีย
“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องตื่นจากการหลับในเวลาเฝ้ายาม เดี๋ยวข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกแก่ท่านพ่อของข้า และให้ท่านพ่อข้าลงโทษแก่ข้าที่ทำให้เจ้าต้องตื่น” องค์หญิงเลซ่าพูดเสียงก้องและก็ชูตราประจำตัวขององค์หญิงที่ทุกองค์หญิงทุกคนต้องมี
เมื่อทหารยามเห็นดังนั้นก็ถึงกับตาค้าง เพราะว่าเขานั้นได้ทำผิด
“ข้าทำผิด องค์หญิงโปรดยกโทษและโปรดลงโทษข้าด้วย” ทหารแมวพูดเสียงสั่นและก็ก้มลงหมอบกับพื้นและก็พับขาหน้าลงกับพื้นและก็สำนึกผิด องค์หญิงเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ
“ข้าไม่เอาผิดเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าจงจำไว้อย่างหนึ่งว่า เวลางานเจ้าไม่ควรที่จะแอบหลับเช่นวันนี้ เพราะหากวันใดที่เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมา พวกท่านคือกลุ่มคนกลุ่มแรกที่จะเห็นเหตุการณ์และต้องนำไปรายงานยังหน่วยต่อไป ดังนั้น จะทำตามอำเพอใจไม่ได้ หากพวกเจ้ายังไม่สำนึกอีก ข้าจะสั่งให้เนรเทศพวกเจ้าออกไปเป็นขอทานแมวที่หน้าประตูปราสาท คราวนี้พวกเจ้าจะได้ไปเฝ้ายามข้างนอก” องค์หญิงเลซ่าพูดเสียงเข้มจนทหารแมวผู้นั้นกลัวจนตัวสั่น
“องค์หญิงพอเหอะ เรารีบไปดีกว่า แค่นี้มันคงไม่กล้าละเลยหน้าที่อีกแล้ว” องค์ชายควอเรียมทัก ทำให้องค์หญิงนึกขึ้นได้
“เอาหล่ะ วันนี้ข้ามีธุระ ไว้คราวหน้าถ้าเห็นพวกเจ้าทำแบบนี้อีก คงไม่ต้องบอกนะว่าจะโดนอะไร” องค์หญิงทิ้งท้ายได้แสบมาก ก่อนจะเดินนำหน้าองค์ชายควอเรียมไปในปราสาท
ผลงานอื่นๆ ของ องค์หญิงแมวน้อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ องค์หญิงแมวน้อย
ความคิดเห็น