เรื่องจริงที่น่าเบื่อของเหล่าคนที่เรียกตัวเองว่าปกติชน 1
ผู้เข้าชมรวม
263
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กรุณาใช้วิจราณญานในการอ่าน
(สำหรับนักเรียน อ.ท.ว. ที่เข้ามาเห็นบทความนี้ ก่อนอ่าน คุณต้องคิดว่าคุณไม่เคยรู้จักผม หรือเพื่อนๆ ของคุณ สูดลมหายใจลึกๆ ทำใจให้เป็นกลาง)
วันหนึ่งนาย A กับเพื่อนๆ B,C,D,E,F นัดกันมาทำงาน นาย B คนเก่งบอกว่าเรานัดกัน 8.00 นาฬิกา ที่โรงเรียนวันพรุ่งนี้ และทุกคนตกลง วันต่อมานาย A มาโรงเรียนตามนัด 7.00 นาฬิกา ด้วยรอยยิ้มรอเพื่อนๆ ไปฮัมเพลงไปจนถึงเวลานัด 8.00 นาฬิกา นาย A เริ่มผิดหวังแกมหงุดหงิด ว่า “มันหายไปไหนก็หมด” เวลาผ่านไปจนถึง 9.00 นาฬิกา เพื่อนๆ เริ่มทยอยมาพร้อมคำขอโทษที่พวกเขามาสาย แต่ปรากฏว่านาย F ไม่ยอมมาตามนัด เวลาล่วงเลยไปจนถึง 10.00 นาฬิกา นาย F โทรมาบอกว่า “เพื่อนๆ เราติดธุระมาไม่ได้”
สถานการณ์ที่ 1 นาย A ผู้ที่กำลังหัวเสียจึงตอบกลับไปว่าแล้วทำไม่เพิ่งมาบอก
นาย F “เราขอโทษ คือเราติดเรียนพิเศษอะ คือทีแรกก็กะว่าจะโดดแหละแต่วันนี้ครูดันจะมีงานใหญ่ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าวันนี้จะมีเรื่องแบบนี้”
นาย A ฉุนกึกกำลังคิดว่า ‘ก็แล้วทำไม่มึงไม่คิดล่วงหน้าไอ้โง่ มึงต้องรอให้มันเจอก็ใช่ไหม สมองมันถึงจะเดิน’
นาย A เดินวนไปมาก่อนบอกว่าไม่เป็นไรโดยมองไปที่เพื่อๆ ที่เหลือ
จบการสนทนาอย่างน่าภาคภูมิ นาย A เริ่มแบ่งงาน บอกว่า “เอานะ พรุ่งนี้เช้าทุกคนต้องเอามานะ เพราะวันต่อไปต้องส่งแล้ว” ทุกคนทำหน้ามุ่ยๆ เพราะงานโคตรเยอะแต่ก็จำใจตอบ
“ตกลง” เพราะเลือกไม่ได้
และแล้วทุกคนก็จากไปด้วยรอยยิ้ม นาย C,D นัดกันไปทานอาหารก่อนกลับบ้านส่วนคนที่เหลือก็บ้านใครบ้านมัน
พอไปถึงบ้าน นาย A ก็เริ่มปั่นงานทันทีจนเสร็จเป็นผลอย่างสมบูรณ์แบบ หรือออกแนวเวอร์ไปบ้าง แล้วนาย A ก็นอนหลับอย่างสบายใจพรุ่งนี้จะได้ซ้อมพีเซนต์กับเพื่อนๆ ซ้ะที
เช้าวันต่อมานาย A หอบเอางานมาที่โรงเรียนด้วยความภาคภูมิอย่างเต็มที่ แต่ปรากฏว่า ‘เพื่อนๆ ที่แสนดีทำงานกันยังไม่เสร็จ’ “ยอดเยี่ยม” นาย A พูดประชด
เพื่อนๆ ทุกคนหันมามองนาย A ก่อนที่นาย D จะเอ่ยปากต่อว่านาย A ว่า
“เองจะบ้าหรอ เค้าจะไปทำเสร็จได้ยังไง ทั้งหาข้อมูลและก็ปรินซ์อีกตั้งหลายหน้า” ก่อนที่นาย C จะเอ่ยเสริมอีกว่า
“ใช่ มึงให้กูไปหาส่วนท้ายมา แล้วบ้านกูไม่มีเน็ต กูจะไปหามาได้ไง” ก็แล้วมึงรับปากทำไม ตอนกูถามมึงทำหน้ายังกับปลาบู่ ไม่รู้ไม่ชี้ผะงึกหน้าหงึกๆ แล้วบอกว่ากูจะพยายามหามาให้ได้ นาย A คิด
ส่วนนาย B ทำงานมาเสร็จเรียบร้อยๆ เยี่ยมยอดสมเป็นหัวหน้ากลุ่ม และสุดท้ายก็จบลงด้วยคำว่ากลุ่มเริ่มมีการทะเลอะเบอะแว้ง อุปสงค์อุปทาน ขอแต่ละท่านก็เริ่มส่งให้บุคคลเริ่มมองหน้ากันไม่ติด แต่นาย B,C,D,F ยังรักกันดีในฐานะเพื่อนสนิท แต่ด้วย IQ นาย B รู้ดีว่าเพื่อนของตนทำผิด แต่ก็ไม่ยอมค้านเพราะกลัวเพื่อนๆ ของตนว่า เลยปล่อยเลยตามเลย
และแล้ววันพรีเซยต์ก็มาถึง นาย A พูดสดคนเดียวแบบโคตรสุดยอดในสายตามของทุกคน แต่คุณครูให้คะแนนแค่ 15 เต็ม 20 ข้อหางานกลุ่มแต่ดันแสดงเพียงแค่คนเดียว เวลาผ่านไปหลังจากการพรีเซนต์จบลงนาย A เดินลงจากเวที มองหน้าเพื่อนๆ ที่แสนหน้ารักของตนก่อนติเตียนแบบปัญญาชน แต่ไม่ทันจบคำ นาย F ก็โพล่งขึ้นว่า
“ก็แน่ล่ะ ใครจะไปอัจฉริยะเท่าเองล่ะ” นาย F พูดประชด
“เองน่าจะให้พวกเค้าพรีเซนต์ด้วยดิ” นาย B ที่นิ่งอยู่นานเอ่ยอย่างไม่พอใจ แต่หารู้ไม่ว่านาย A อ่านเกมส์ขาดทะลุไปแปดตลบ ว่า ‘ถ้าให้คุณพรีเซนต์ กลุ่มจะแย่กว่านี้ แทนที่จะโดนหักเรื่องไม่ทำงานเป็นทีมจะกลายเป็นโดนหักเรื่อง ไม่มีความพร้อม ขาดความชัดเจน พรีเซนต์ได้ห่วย’
ส่วนนาย D ก็บอกเสริมว่า
“เค้าก็อยากจะมีส่วนร่วมหมือนกันนะ”
‘นี่กูผิดใช่ไหมเนี่ย’ นาย A คิดอย่างหงุดหงิดสุดๆ ก่อนตอบกลับด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า
“เราจะมาลองแรกกันก็ได้นะ สำหรับงานทั้งหมดน่ะ เค้าจะไม่เกี่ยงเลย” ทุกคนเงียบหมดเพราะรู้ว่างานเกินกว่าครึ่งแบบยังไม่ทันได้แบ่ง นาย A ก็เป็นคนทำไปหมดแล้ว แถมทำเยอะที่สุดอีกด้วย
“ใช่ซี้ ใครจะไปเก่งเหมือนเองล่ะ” เท่านั้นเองนาย A ก็หันหลังขวับอย่างไม่ใส่ใจ ไปนั่งอ่านหนังสือวิชาต่อไปคล้ายกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ประสาทขณะนี้ไม่ได้รับรู้ข้อความบนหน้ากระดาษ แต่เป็นเสียงนินทาจากเพื่อนๆ ของตน และก่อนหมดชั่วโมง อาจารย์ประจำวิชาก็เอ่ยขึ้นว่าจะบอกคะแนนที่สอบไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก่อนให้งานโปรเจคนี้มา และแน่นอนเสียงฮือฮาเริ่มดัง
“นาย A ได้ทอป 29/30 คะแนน” แมร่งโครตเก่ง
‘กุว่ามันโกงว่ะ’ เสียงหนึ่งดังมาจากมุมห้อง
‘ไอ้เหี้ยเนี่ย (ขออภัยครับ) ทอปแมร่งเกือบทุกวิชา หมั่นไส้หวะ’
‘ไอ้เหี้ยเนี่ยอีกแล้ว กุว่าจะทอปสักหน่อย มันแย่งกูอีกแล้ว’
ขณะเดียวกัน นาย A ที่รู้ตัวว่าตัวเองทอปเพิ่มอีกหนึ่งวิชาก็ร้องลั่นว่า
“ลัชชา อิกรากัมนาโตรเนียม” จึงมีเสียงหนึ่งดังมาว่า
“ไอ้สัสเอ้ย ทอปแล้วทำเป็นอวด” ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าที่เขาพูดนั้นแปลว่าอะไร สังเกตดูนะครับ จะมีถึงร้อยละสิบไหมที่คิดว่า ‘โอ้โห เก่งอะ ต้องเข้าไปถามมันว่ามันได้ทอปได้อย่างไง’ หรือจะคิดไปในทางที่มันสร้างสรรค์กว่านี้
นาย A หันซ้ายหันขวา ‘เอ้า กุได้เกรด 4 แล้วนิหว่า’ จึงหันกลับไปถามอาจารย์ตรงๆ ว่า
“อาจารย์ครับคะแนนรวมผมได้ 4 แล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่” เสียงสวรรค์ดังมาจากอาจารย์ใจดี ใช่และมันจบลงด้วยรอยยิ้มของนาย A
ณ โรงอาหาร
นาย A เดินมาต่อคิวซื้ออาหาร ณ ร้านไก่ป๊อบ ป้าไก่ป๊อปที่ขายของข้างๆ ร้านแม่นาย A ในตลาดนัดคลองถมจึงเอ่ยถามนาย A อย่างเคยชินว่าคะแนนเป็นไงบ้าง นาย A จึงตอบกลับไปว่า
“รู้คะแนนไปแล้วครับ 7 วิชา ผมทอปไปแล้ว 5” เท่านั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังมาจากเพื่อนๆ ของนาย A ที่ยืนอยู่ไม่ไกลว่า
“อย่าไปยุ่งกับมันเลย ไอ้พวกคนเก่งเนี่ย เบื่อหวะ” ใช่ครับ คำพูดนั้นทำให้ม่านตานาย A เบิกกว้าง ในใจกำลังคิดว่าไอ้พวกเวรนี่มันจะอะไรกันนักหนา ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างคนที่มีมารยาทเป็นเลิศ
“นาย A โดนเกลียดไปโดยปริยาย”
แล้วถ้าคุณเป็นนาย A คุณจะทำอย่างไร...
สำหรับผมแล้วนี่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจริงครับ ผมคิดว่าเพราะอคติงี่เง่าของพวกมันทำให้คิดไปต่างๆ นาๆ – ใช่ ผมอยากจะย้อนถามว่า ถ้าเพื่อนคนหนึ่งชื่อไอ้ Z มันทอปแบบผม (นาย Z เป็นป๊อปปูล่าตอน ม.5) คุณจะรังเกียจมันแบบผมไหม “ใจคุณเอียงหรือป่าว หรือว่าความสากลในใจไม่มีเหลืออยู่เลย” หากย้อนถามกลับไป สอบ 12 วิชา ตอน ม.5 ไอ้ Z ซัด ทอป ไป 9 แบบไม่แบ่งให้ใคร แล้วพวกมึงทำอะ ไห้เวรเอ้ย
ผมขอเดาว่าถ้าใครสักคนเข้ามาเห็นบทความนี้มันก็คงจะเริ่มเกลียดผมแล้วล่ะ แต่ท่านผู้อ่านครับ ไอ้คนๆ นั้นก็คงจะไม่ต่างจากนาย B,C,D,F ข้างต้นหรอกครับ “คนเรามันมีเหตุผลเสมอแหละ เก่งตลอด ทำอะไรก็ -- แต่ว่าเก่งของใครมันจะเหนือกว่าใครมันมาวัดกันที่คะแนนครับ เหตุผลใครจะยอดเยี่ยมที่สุดคงต้องมารอดูตอนเกรดเฉลี่ย”
ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ สวัสดีครับ จาก POLtemple คนขวางโลก
ผลงานอื่นๆ ของ POLtemple ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ POLtemple
ความคิดเห็น