คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9
Chapter 9
“เท่าที่กูเล่ามานี่ มึงพอจะนึกอะไรออกบ้างยัง”
ทันใดนั้นในกระดาษก็เริ่มมีข้อความปรากฏขึ้นมาทีละตัว ซึงฮุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว มินโฮกำลังสื่อสารกับเขาอยู่ผ่านกระดาษ
จริงๆ ถึงทุกอย่างจะดูกะทันหันไปสักหน่อย แต่เอาเข้าจริงระยะเวลาสามปีมันช่างเนิ่นนาน ซงมินโฮช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆที่มีเพื่อนที่จริงใจกับเขา
แบบอีซึงฮุน
อาจเรียกได้ว่าเป็นมิตรภาพที่หาไม่ได้จากโลกใบนี้อีกแล้ว
กูจำได้หมดทุกอย่างแล้วตั้งแต่ที่มึงเอารูปพ่อแม่
ทุกๆคนที่กูเคยรู้จักให้ดู เรื่องนอกเหนือจากนี้ก็พอจะจำได้ละ
“’งั้น..มึงพอจะจำได้ไหมว่าช่วงบ่ายมึงฝากรถไว้กับใคร?”
“…”
“รถคันนั้นของมึงที่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแหละ”
มินโฮพยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุเป็นวันสำคัญของทางตระกูลซง พิธีจะถูกจัดขึ้นในช่วงกลางคืนซึ่งรถของมินโฮเกิด
อุบัติเหตุในช่วงค่ำ ซึงฮุนบอกว่ารถของเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป สายเบรกของมินโฮถูกตัดก่อนหน้าที่เขาจะขับมัน มีใครบางคนจงใจให้เขาไม่ได้ไป
ร่วมงานนั้น แต่นั่นยังคงเป็นปริศนาว่าใครเป็นผู้กระทำ เพราะผู้ตายอย่างมินโฮไม่สามารถลุกขึ้นมาตอบคำถามได้และเขาเองก็อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
ว่าใครเป็นคนทำ
เบาะแสที่ยังหาไม่ครบทำให้ต้องปิดข่าวเงียบลงเพื่อความปลอดภัยของมินโฮ
ไม่อย่างนั้นเขาอาจถูกจ้องทำร้ายซ้ำสองก็ได้
‘วันนั้นกูฝากรถไว้กับยุนฮยอง เพราะตอนเช้ากูไปหามึงหนิ ใช่ไหม?’
“ใช่ มึงมากินข้าวกับกูแล้วมึงก็บอกว่าช่วงเย็นมีงานใหญ่ที่บ้าน..แน่ใจนะว่าฝากไว้กับยุนฮยอง?”
‘ใช่ ยุนบอกว่าจะให้คนเอารถไปล้างให้ แล้วให้กูไปเอาที่อู่เอง แล้วตอนเย็นเจอกันที่งาน..’ มินโฮพยายามนึกต่อ ‘ตอนแรกก็ไม่มีอะไรหรอก แต่พอกูจะ
เบรกเท่านั้นแหละ ทุกอย่างก็เลยจบ’
“อ่าห๊ะ มึงเล่าเหมือนยุนฮยองเป๊ะเลย แสดงว่าใช่” เขาพูดต่อ “ยุนบอกว่าไม่ได้ติดต่อกับมึงอีกหลังจากที่โทรคุยกันช่วงบ่าย แต่ในโทรศัพท์ของมึงที่
เก็บในรถมันมีสายโทรเข้าอยู่..เป็นเบอร์ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ก็เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนโทรหามึง มันโทรมาก่อนที่รถมึงจะคว่ำนิดเดียวเอง ถ้าเทียบเวลา
ตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้อ่ะนะ”
‘เบอร์สาธารณะ..?’
….
‘ขอให้มึงโชคดี แล้วเจอกันชาติหน้า..’
!!!
ภาพบางอย่างเริ่มผุดขึ้นมาในหัวของมินโฮ เหมือนกับจะเริ่มจำเหตุการณ์ในตอนนั้นขึ้นมาได้ เสียงทุ้มต่ำจากในสายตอนนั้นเป็นเสียงที่เขาไม่คุ้น
เลย
และสายเรียกเข้าในตอนนั้นเป็นสายสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไป มินโฮนึกคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขียนลงกระดาษอีกครั้ง
‘จำได้ว่าเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ไม่คุ้นเลย เหมือนจะไม่ใช่เสียงคนปกติด้วย
มันพูดว่าขอให้โชคดี เจอกันชาติหน้า อะไรนี่แหละ’
“อำพรางเสียง งั้นสินะ..” ซึงฮุนถอนหายใจ “แต่ว่านะ ตอนนี้คนที่กูกับยุนฮยองสงสัยมาพักใหญ่คือ จุนฮเว”
‘จุนฮเว? ได้เด็กเมื่อวานซืนนั่นอ่ะเรอะ?’
“มึงมีศัตรูอยู่หลายที่ก็จริง แต่มันมีหลายๆที่ทำให้คิดว่าใช่..มันอาจจะหวังฮุบสมบัติตระกูลมึงก็นะ”
‘น้ำหน้าอย่างมันเป็นแค่ญาติ จะเอาตรงไหนมาเทียบกับกูวะ’
มินโฮเริ่มมีอารมณ์ฉุนขึ้นมานิดหน่อย อันที่จริงพอมานึกดูดีๆและ กูจุนฮเว ลูกชายของตระกูลกูที่จิกกัดกับเขามาตั้งแต่เด็กก็ดูน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย
แต่ตระกูลกูเป็นตระกูลใหญ่ มีอันจะกินล้นเหลือไม่ต่างจากตระกูลของเขา ถ้าจะคิดเรื่องทรัพย์สมบัติก็ไม่น่าจะใช่ ถ้าเป็นจุนฮเวจริงๆน่าจะคิดเรื่องอื่น
มากกว่า
‘กูว่าไม่น่าใช่เรื่องนั้น ไอเวมันก็มีฐานะ
ชื่อเสียงทางวงการไม่ต่างจากกูเท่าไหร่เลยนะ’
“แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรได้วะ..เออมึง
ยุนบอกกูว่าไอเชี่ยนี่นะ ถามถึงมึงบ่อยสุดละ ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่ามึงตายไปแล้ว
น่าสงสัยชิบเป๋ง”
‘แต่เราก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดีนี่ อาจจะไม่ใช่มันก็ได้’
“ยังไงกูก็คิดว่ามัน มึงรู้ไหมว่าช่วงนี้มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับกูบ่อยมาก” ซึงฮุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เหมือนกับว่ามีคนสะกดรอยตามกูอยู่ตลอด
เวลา
ช่วงนี้ยิ่งหนักมากขึ้น ยุนฮยองก็บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน
ล่าสุดเจอไอจุนมาดักก่อนเข้าห้องประชุมด้วย”
‘แล้วมันทำไรน้องกูไหม!’
“ไม่นะ..ยุนบอกว่ามันก็พูดกวนตีนทั่วไป
แต่มันถามถึงมึงด้วยเนี่ยดิ อย่างกับ..มันรู้ว่ามึงยังไม่ตายจริงๆ..”
มินโฮเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี ถ้าเรื่องทั้งที่ซึงฮุนเล่าให้ฟังเป็นความจริง เขาควรจะระวังตัวเอาไว้อย่างมาก ไม่ใช่แค่เขา แต่เป็นซึงฮุนและยุนฮยองด้วย
ตะหาก ถ้าทั้งสองเป็นอะไรขึ้นมาโดยที่เขาเป็นต้น เขาคงไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต เขาไม่อยากให้ใครต้องมารับเคราะห์เพราะเขาอีกแล้ว เขาไม่
อยากให้ประวัติซ้ำร้อย..
เหมือนกับเรื่องของแทฮยอน..
‘มันคงเชื่อว่ากูยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นศพกูล่ะมั๊ง..’
“คงงั้น แต่ว่าร่างมึงปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง มันน่าจะน่าเป็นห่วงก็ตรงที่ถ้าตอนนี้กูไปเยี่ยมร่างมึงที่บ้านพัก
ต้องมีคนตามกูไปแหงๆ”
‘แบบนี้กูก็ยังกลับเข้าร่างตัวเองไม่ได้อ่ะดิ’
“ก็มันจำเป็น ถ้าเกิดร่างมึงเป็นอะไรขึ้นมา มึงได้ไปโลกหน้าจริงๆแน่ไอมิ”
ทั้งสองถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ช่างเป็นเรื่องที่น่าหนักใจเกินไปจริงๆ ความเป็นความตายเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ อุตส่าห์ใช้เวลาตั้งสามปีก
ว่าจะตามหาสิ่งต่างๆเจอ มินโฮไม่มีทางยอมแพ้ ตราบใดที่ร่างกายของเขายังคงมีลมหายใจ เขาไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด ไม่มีทางยอมแพ้ต่อโชค
ชะตาแน่นอน
พรึ่บ!
ซึงฮุนหยิบกระดาษที่ใช้สื่อสารกับมินโฮเมื่อครู่ขึ้นมา มืออีกข้างหนึ่งจุดไฟแช็กและจัดการเผาทิ้งทันที มินโฮเข้าใจว่าซึงฮุนเผากระดาษใบนี้ทำไม
การทำลายหลักฐานเป็นสิ่งที่รอบคอบซึ่งเพื่อนของเขาเป็นแบบนั้นเสมอ มินโฮกระตุกยิ้มมองกระดาษใบนั้นที่ค่อยๆถูกไฟลามไปจนเหลือเพียงเศษขี้
เถ้าเล็กน้อย
“ตอนนี้กูไม่ไว้ใจใครหรอก ไม่รู้ว่ามันจะส่งใครเข้ามาสืบในโรง’บาลบ้าง..เพราะงั้นก็เผาแม่งโต้งๆงี้แหละ”
ถึงจะไม่รู้ทั้งหมดว่าซึงฮุนผ่านอะไรมาบ้าง แต่มินโฮก็พอจะเดาได้ว่ามีมากกว่านี้แน่ เพื่อนของเขาต้องเข้มแข็งขนาดไหนถึงผ่านเรื่องราวแบบนี้มา
ได้เพียงลำพัง ที่สำคัญต้องไว้ใจเขาแค่ไหนถึงรอการกลับมาของเขาตั้งสามปี ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณจนไม่รู้จะชดใช้คืนให้หมดยังไงดีแล้ว..แต่อยู่ๆ
ซึงฮุนก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาทำเอาความคิดของมินโฮเปลี่ยนไป
“หลังจากทุกอย่างผ่านไปแล้วเรื่องนี้จบลงจริงๆ.. กูขอ
Porsche คันนึงนะ เคปะ?”
เพิ่งชมแม่งอยู่แหม่บๆเนี่ย...
‘แต่ถ้าผ่านไปได้จริงๆ..’
‘สิบคันกูก็ให้มึงได้ไอตี๋ J’
At 21:35 PM
ตึ๊ง!
“…”
ตื๊อดือ ตื๊อดือ..
“….”
ตื๊อดือๆๆๆ!
“โอ๊ยยย จะเด้งอะไรนักหนาวะ”
ร่างบางที่นอนคลุมโปรงอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ด้วยความฉุนเฉียว นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะเห็นชื่อคนที่ส่งข้อความรัวๆมา
หาเขา
ไอเตี้ยจิน: ทำไมวันนี้มึงกลับไม่รอกูเลย
ไอเตี้ยจิน: มึงเป็นไรปะวะ?
แทฮยอนนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่นานสองนาน วันนี้เขากลับบ้านมาโดยไม่รอจินวูทั้งๆที่ปกติจะกลับด้วยกันตลอดแท้ๆ เจ้าตัวรู้ดีว่าตัวเองเป็นอะไร
ความจริงวันนี้เขาไม่ควรไปเรียนกีตาร์ด้วยซ้ำเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายมันทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว การเรียนในวันนี้จึงไม่
ดีเท่าที่ควร เหมือนไปนั่งจับกีตาร์ถอนหายใจทิ้งแทน
T: กูเหนื่อยๆว่ะ เลยกลับก่อนอ่ะ
: โทษที่ไม่ได้บอกก่อน
ไอเตี้ยจิน: คิดว่ากูเป็นใคร คิดว่ากูโง่มากมะ
: มีไรก็บอกดิวะ
กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย
….
T:
เออ กูรู้ แต่กูแค่อยากรีบกลับมานอน
ไอเตี้ยจิน: หรอ
: ครูยองเบที่สอนมึงอ่ะ เขาเดินมาหากูก่อนกลับบ้าน เขาบอกว่าวันนี้มึงดูเหมือนคนตายเลย ดูไม่มีอารมณ์ร่วม
ถามคำตอบคำ เหมือนไม่ใช่มึงอ่ะ
: จะบอกได้ยังว่ามึงเป็นอะไร?
“…”
แทฮยอนคาห้องแชทของจินวูไว้อย่างนั้น เขาอยากที่จะบอกจินวู อยากกดปุ่ม Call หาตอนนี้ แต่เขายังรู้สึกอึดอัด กลัวและยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไร
ออกไป
ตอนนี้เขาต้องการทบทวนเรื่องราวทั้งหมด’คนเดียว’ อยากอยู่คนเดียวเงียบๆตามลำพัง
นี่อาจจะเป็นวิธีที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงก็ได้
แต่มันก็แค่อาจจะล่ะนะ..
T: ไว้กูจะเล่าทุกอย่างให้ฟังนะ
: ขอบใจมึงมากๆว่ะ กูรักมึงนะ
วูบบ..
แสงไฟจากจอโทรศัพท์ดับลงหลังจากที่เขาได้จัดการเปลี่ยนเป็นโหมดปิดเสียงเรียบร้อยแล้ว มือบางเอื้อมมือไปวางโทรศัพท์ที่เดิม เขาถอนหายใจ
ออกมาอีกรอบด้วยความเหนื่อยแสนเหนื่อย ทำเรื่องเรื่องนี้มันช่างกวนใจเขาเสียเหลือเกิน เรื่องที่ผ่านมาในอดีตเขาทำใจยอมรับมันได้มากขึ้นแล้ว แต่
พอมีเรื่องนี้เข้ามา มันทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนไปเสียหมด..ซงมินโฮคนนั้นคนที่ทำให้เขาทุกข์ใจได้ขนาดนี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันนะ ตั่งแต่กลับมาที่
บ้านเขาเองก็ยังไม่เห็นมินโฮเลย
อีกคนคงจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรมาให้เขาเห็นหน้าในตอนนี้..
“ฮึก..”
น้ำตาแห่งความเจ็บปวดถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้หนักหน่วงกว่าครั้งก่อนๆ เสียงสะอื้นไห้ที่ในเวลานี้ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป
ยอมรับว่าเสียใจกับเรื่องที่ได้รับรู้มาทั้งหมดแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับเรื่องของซงมินโฮเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องร้องไห้ขนาดนี้เพียงเพราะวันนี้ไม่เห็นหน้า
คนๆนั้น ไม่รู้ว่าปล่อยให้อีกคนมามีอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกมากมายขนาดนี้ได้ยังไง ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถึงจะโกรธ
มินโฮมากแค่ไหนแต่เขาก็ยังอยากเห็นหน้าอีกคนอยู่ดี อยากให้ตอนนี้คนๆนั้นมาอยู่ข้างๆเขามากที่สุด..
“ถ้าร้องไห้ไปมากกว่านี้ คุณจะตาบวมเอานะ..”
?
เสียงที่คุ้นเคยของใครบางคนทำให้เขาสะดุ้งเขาหยุดสะอื้นไห้ไปชั่วขณะก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงทุ้มต่ำที่เขาอยากได้ยิน
มันมากที่สุดในตอนนี้ เสียงที่เขาจะได้ยินมันในทุกๆวันเวลาที่ขึ้นมาบนห้องนอน
และเสียง..ของคนที่ทำให้เขากำลังทุกข์ใจในเวลานี้..
เสียงของซงมินโฮ..
“คุณ..มาทำไม”
“มาหาคุณ”
“มาหาผม? ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
“แต่ผมมี”
แทฮยอนยังคงนอนคลุมโปรงอยู่ไม่กระดิกกระเดี้ยไปไหน มีเพียงเสียงจมูกบี้ของคนร้องไห้ที่เล็ดรอดออกไปให้มินโฮได้ยิน มินโฮรู้ว่าแทฮยอนกำลัง
ร้องไห้อยู่และมันจะเป็นเรื่องอะไรไม่ได้เลยนอกจากเรื่องของเขา ร่างสูงค่อยๆเดินมานั่งลงบนเตียงเบาๆข้างๆร่างเล็กที่คลุมโปรงอยู่ แทฮยอนรู้สึกถึง
แรงยวบของเตียง จึงกระเถิบหนีให้ไกลจากมินโฮ
“ผมบอกว่า..ผมไม่มีอะไรจะ..คุยกับคุณ..”
“..คุณจะไม่ฟังที่ผมพูดก็ได้นะ แต่ผมอยากพูด” แทฮยอนนิ่งเงียบ
ทำให้มินโฮพูดออกมา
“ผมอยากจะขอโทษเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ผมเข้าใจว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน ผมไม่ขอให้คุณมาให้อภัยผมแม้แต่นิดเดียว..ถึงมันจะเป็นอุบัติเหตุ
แต่การตายของคุณแม่คุณมันเป็นเรื่องจริง ผมไม่รู้จะชดใช้ให้คุณได้ยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่ มาอยู่กับคุณตรงนี้..เพราะว่าผม
ต้องการที่จะชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป
”
“…”
“ผมอยากทำอะไรก็ได้เพื่อให้เด็กที่ร้องไห้แล้วตัดพ้อตัวเองว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ในวันนั้น มีรอยยิ้มในวันนี้ มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม มีอนาคตที่สดใส มีสิ่งดีๆ
รอเขาอยู่..”
ทุกๆประโยคทุกๆคำพูดของมินโฮ ทำเอาแทฮยอนร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างบางกำลังพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้นไห้เอาไว้ไม่ให้อีกคน
รู้ว่าเขาเจ็บปวดมากเพียงใด
“ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าผมตัดสินใจบ้าๆแบบนี้มาได้ยังไงที่มาอยู่กับคุณ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง ชีวิตต่อจากนั้นจะเป็นยังไง คนรอบตัว
มากมาย แต่ผมก็ทำมัน คิดแค่ว่าถ้ามา ผมอาจจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง ผมรู้สึกผิดกับเขามาก มากจนไม่อยากจะโผล่หน้ามาให้เห็น แต่ผมก็ทำไม่ได้
เพราะว่า..เพราะว่าผม..เป็นห่วงคุณ..แทฮยอน..”
“…”
“ผมเป็นห่วงคุณ”
ในที่เขาก็ไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นไห้ที่น่าอายได้อีกต่อไป แทฮยอนปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก เสียงร้องไห้ของคนตัวเล็กมันทำให้เขาเจ็บปวดราวกับ
มีมีดมากรีดที่หัวใจของเขาจนเลือดท่วมอก การที่เขาได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็ทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจบ้าบิ่นในตอนนั้น เขาไม่ต้องการให้
แทฮยอนร้องไห้เหมือนวันนั้นอีกแล้ว แต่เขาก็คิดผิด นี่มันไม่ต่างอะไรกับวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้วเลย มินโฮกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธตัวเองจนแทบบ้า
อยากจะตายๆชดใช้ให้กับชีวิตอีกคนที่เสียไปแต่เรื่องราวทั้งหมดมันก็ทำให้เขารู้ว่า..
เขามีชีวิตอยู่เพื่อแทฮยอน...
“แล้ว..ทำไม..ทั้งๆที่คุณเริ่ม..จำทุกอย่างได้..อึก..ทำไม..คุณ ไม่บอกผม..ฮึก..”
คำตอบจากคำถามนี้ที่เป็นดั่งกิโยตินรอสับคอเขาให้ขาดสะบั้นได้มาถึง เขาตอบมันไม่ได้ เขาเลือกที่จะไม่บอกแทฮยอนจนสุดท้ายแทฮยอนก็ต้อง
ไปรับรู้พร้อมๆกันกับเขา รู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ขี้ขลาด ไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกเหตุผลของการมีอยู่ของตัวเอง แต่เขาทำใจที่จะเห็นรอยยิ้มของ
แทฮยอนหายไปไม่ได้จริงๆ..
เขารักรอยยิ้มนั่น..
“ทำไมไม่ตอบเล่า!! เพราะว่าคุณกลัวผมจะเสียใจใช่ไหมล่ะ
เลยไม่กล้าบอกจนให้ผมไปรู้เอง!”
“…”
“ผมไม่ได้โกรธที่คุณเป็นเหตุวันนั้นแล้ว แต่ผมโกรธ..”
“…”
“โกรธที่คุณไม่ยอมมาสารภาพกับผมตรงๆไง!!!”
แทฮยอนตะเบ็งเสียงใส่มินโฮดังลั่น ขาที่ขดอยู่นานยกขึ้นถีบร่างสูงที่ไม่ได้ทันได้ตั้งตัวเต็มแรงจนมินโฮเซถลาล้มลงไปนั่งกับพื้น แทฮยอนกำลัง
เดือดดาล ความโกรธและความเสียใจกำลังปะทุขึ้นในใจของเขา ต่อให้มินโฮพูดอะไรไปมากกว่านี้เขาก็คงไม่ฟัง มีแต่โมโหกับโมโหเท่านั้น คนที่ตก
เตียงค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน เขามองไปยังก้อนผ้าห่มที่ในเวลานี้สั่นเทาและมีเสียงสะอื้นไห้ออกมา แรงถีบจากแทฮยอนไม่ได้สะทกสะท้านเขาเลย
แม้แต่น้อย
สิ่งที่ทำให้รู้สึกเจ็บจริงๆก็คือร่างเล็กที่กำลังร่ำไห้
ถ้าการที่แทฮยอนถีบเขาแล้วมันดีขึ้น..
เขาก็ยอมให้ถีบจนตายได้..
“ผม..ไม่อยากเห็นหน้าคุณตอนนี้..ออกไปจากห้องผมได้แล้ว..”
มินโฮไม่ได้ขัดขืนคำสั่งของแทฮยอนแต่อย่างใด เขายอมเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี ถ้าในตอนนี้มีอะไรที่ทำให้แทฮยอนสบายใจขึ้น เขายอมทำ
มันทั้งหมด เพียงแค่แทฮยอนเอ่ยปากขอ..
ต่อให้หายไปจากโลกนี้ ก็ย่อมได้...
________________________________________________________50%____________________________________________________________
“โถ่เว้ย เป็นอะไรของมึงเนี่ย”
จินวูกำลังรัวสติกเกอร์ไลน์ไปอย่างต่อเนื่อง หัวเสียกับการกระทำของเพื่อนตัวแสบที่ตอนนี้หนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นิ้วเล็กยังคงรัวแชทไปอย่างไม่
ลดละความพยายาม เขาถอนหายใจไปหลายรอบจนแทบจะหมดธนาคารอยู่แล้ว(?) สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้กับความดื้อแพ่งของเพื่อนคิ้วตก ร่างเล็ก
วางโทรศัพท์ลง ถ้าแทฮยอนพร้อมจริงๆก็คงตัดสินใจบอกเขาเองแน่ๆ
“ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันที่โรงเรียนอยู่ดี”
ตอนนี้เรื่องของแทฮยอนได้ถูกสะบัดออกจากหัวของจินวูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาสะบัดมันออกไปจากความคิดไม่ได้
เลย..การกระทำและคำพูดของเขาในวันนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งหน้าร้อนผ่าว
ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงตัดสินใจพูดอะไรแบบนั้นออกไป
หลังจากที่ซึงยุนเดินออกไปจากห้องซ้อมตอนนั้น เมื่อเย็นเขาก็มีท่าทางไม่เหมือนเดิม ครูซึงยุนไม่ค่อยเข้าใกล้จินวูเหมือนแต่ก่อน แต่การเรียนการ
สอนยังเป็นปกติดี ทำให้จินวูเรียนได้อย่างเข้าใจแค่ไม่สบายใจ..ซึงยุนไม่กล้าถึงเนื้อถึงตัว เพียงแค่แตะตัวยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ นั่นทำให้จินวูกังวลอยู่
ไม่ใช่น้อย ถ้าการที่พูดความรู้สึกออกไปแล้วทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เขายอมเก็บมันไว้ในใจยังดีเสียกว่า..แต่ที่เขาพูดทั้งหมดมันเป็น
ความจริง
เขารู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ จนบางทีก็เผลอใจเต้นไปโดยไม่รู้ตัว
เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันเลยพิเศษ..
ครูซึงยุนพิเศษกว่าใครๆ..
เขามั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเขาไม่ได้คิดเองไปคนเดียว ถึงแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาสัมผัสมันได้ เขาเชื่อว่าอีกคนก็คิดเหมือนกัน เพียงแต่
ระหว่างทั้งสองมีเส้นบางๆที่เรียกว่า’สถานะ’ขวางกั้นอยู่ จีงไม่สามารถคิดอะไรเกินเลยปมากกว่านี้ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึงยุนลำบากใจ ถ้าใน
การแข่งขันดนตรีประจำปีครั้งนี้เขาสามารถคว้ารางวัลมาได้ เขาจะออกจากโรงเรียนสอนดนตรีทันทีเพราะเขาได้ทำตามความฝันอย่างหนึ่งที่วาดไว้ใน
ตอนเด็กสำเร็จแล้ว การเล่นเปียโนที่ดี มีเสียงปรบมือชื่นชอบรายล้อม..เขาจะพอใจกับมันและเมื่อถึงตอนนั้นสถานะนักเรียนและครูจะจบลง มีเพียง
สถานะของคนสองคนธรรมดาๆเท่านั้น
‘ผมจะพิสูจน์ตัวเองให้ครูเห็น ผมจะทำมันให้ได้..’
คอยดูเถอะ คุณครูคังซึงยุน
At 22:20 PM
“คุณหนูคะ โทรศัพท์จากคุณหมออีค่ะ”
แม่บ้านวัยกลางคนหยิบโทรศัพท์สีขาวราคาแพงที่วางอยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆกับยุนฮยองที่ในตอนนี้กำลังอ่านหนังสือพักผ่อนหย่อนใจอย่างสบาย
อารมณ์
หญิงสาวยื่นมันให้กับเขาก่อนที่ยุนฮยองจะรับไว้และรับสาย
“สวัสดีครับพี่ซึงฮุน”
[อ่า ขอโทษทีนะยุนฮยอง โทรมารบกวนดึกป่านนี้เลย]
“ไม่เป็นไรครับพี่ แหม คนกันเองนะครับ~ ว่าแต่ มีอะไรเหรอครับ?”
[เอ่อ..ตรงนั้นมีใครอยู่รึเปล่า
เรื่องนี้ไม่สะดวกให้คนอื่นได้ยินน่ะ เข้าใจพี่ใช่ไหม?]
ยุนฮยองหันไปมองรอบตัว แม่บ้านคนเมื่อครู่นี้เองก็ยังอยู่ในห้องนี้ เขาจึงลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่เดินออกจากห้องรับแขกมา คงไม่เหมาะแน่ถ้าจะ
พูดเรื่องลับๆในห้องนั้น แม้จะเป็นบ้านของตัวเองก็ตามแต่เขาก็ต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ไม่รู้ว่ามีใครแอบซุ่มดูหรือทำอะไรอยู่บ้าง ร่างเล็กเลยเดิน
ขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของบ้านหลังนี้
เปิดประตูเข้ามาที่ห้องนอนซึ่งน่าจะเป็นห้องที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับเขา
“มาแล้วครับ ผมขึ้นมาบนห้องนอนแล้ว”
[อ่า โอเค..ที่พี่จะพูดก็คือเรื่องพี่ชายของเรานั่นแหละ]
“พ..พี่มินโฮ? พี่มินโฮทำไมเหรอครับ!?”
[อ่า จะพูดไงดี..ก็อย่างที่เคยบอก ก็
ตอนนี้พี่ได้คุยกับมันแล้วนะ]
“จริงเหรอครับพี่ฮุน!”
[เฮ่อ..ใช่
ที่ปิดไว้แต่บอกว่ามันยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยโกหกเลยนะ แค่มันซับซ้อนจนไม่อยากอธิบาย]
“ไม่เป็นไรครับ..แค่รู้ว่าพี่ยังอยู่ ก็พอแล้ว”
ยุนฮยองพูดด้วยความดีใจ ดีใจจนรู้สึกเหมือนมีน้ำตาคลอปริ่มๆอยู่ที่ขอบตา เขายิ้มออกมาได้อย่างมีความสุข เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากทีเดียวในรอบ
หลายปี..
[แต่ตอนนี้ยังติดอะไรอยู่นิดหน่อย ทำให้ยังไปเจอนายไม่ได้น่ะ แล้วก็อย่างที่เคยบอกไว้..มันยังไม่ปลอดภัยหรอกนะ
เรื่องจุนฮเวที่เราสงสัย คิดว่าต้องระวังตัวให้มากขึ้นน่ะ]
“ครับ ผมเข้าใจ ผมระวังทุกก้าวออกจากบ้านเลยนะ”
[ฮ่ะๆๆ..อ่า แต่ว่าที่โทรมาเนี่ย
ก็มีเรื่องจะให้ช่วยนิดหน่อยล่ะนะ]
“มีอะไรครับ บอกยุนมาได้เลย”
[คืองี้ วันศุกร์นี้พี่จะขอยืมแรงคนของเราหน่อย เอาคนที่เราไว้ใจที่สุดสักสามสี่คนมารับพี่ เดี๋ยวพี่แชร์โลฯไปให้ ตอนช่วงบ่ายพี่จะลางาน เดี๋ยวพี่ไลน์ไป
ย้ำอีกที เสร็จแล้วก็อปข้อความไว้นะแล้วลบแชททันที
พี่ว่าไลน์มันไม่ปลอดภัยเผื่อโดนแฮคน่ะ]
“โอเคครับๆ ผมเข้าใจแล้ว ไว้ใจผมได้เลยพี่”
[โอเค ระวังตัวด้วยนะยุน]
“พี่เองก็เหมือนกันนะ”
ยุนฮยองวางสายจากซึงฮุน ก่อนจะดับหน้าจอโทรศัพท์และวางมันไว้บนเตียงนอน ดวงหน้าหวานถอนหายใจออกมา ไม่รู้เลยจริงๆว่าโล่งใจเรื่องพี่
ชายได้หรือเปล่าเพราะเหตุการณ์ข้างหน้านี้อาจมีสิ่งที่อันตรายรอเขาอยู่ก็ได้
แต่พอได้รู้ความเคลื่อนไหวจากซึงฮุนก็ทำให้ใจเขาชื้นขึ้นมาได้บ้าง
‘วันศุกร์นี้สินะ’
‘พระเจ้าโปรดคุ้มครองลูกด้วยเถิด’
#ฟิคผีคุณซง
___________________________________________________________________________________________________________
อันยองค่ารีดเดอร์ทุกคนนน
มาต่อกันแล้วนะค้า ดร่าม่าสุดๆเลย ฮือๆ ไรท์เขียนไปจะร้องไห้ T_T
มาเอาใจช่วยพี่มิของหนูนยัมกันนะคะ ฮรุกกกก
***สองสามอาทิตย์หลังจากตอนนี้อาจจะต้องลาไปอ่านหนังสือสอบยาวๆนะคะ อย่าเพิ่งลืมฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ฮรุกก ;-;
สอบเสร็จจะมาต่อให้แน่นอนเล้ย! รอกันก่อนนะคะ!
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ความคิดเห็น