ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Winner {Namsong} ►Ghost Man◄

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 198
      7
      28 ม.ค. 61



    Chapter 9




    เท่าที่กูเล่ามานี่ มึงพอจะนึกอะไรออกบ้างยัง


         ทันใดนั้นในกระดาษก็เริ่มมีข้อความปรากฏขึ้นมาทีละตัว ซึงฮุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว มินโฮกำลังสื่อสารกับเขาอยู่ผ่านกระดาษ

    จริงๆ ถึงทุกอย่างจะดูกะทันหันไปสักหน่อย แต่เอาเข้าจริงระยะเวลาสามปีมันช่างเนิ่นนาน ซงมินโฮช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆที่มีเพื่อนที่จริงใจกับเขา

    แบบอีซึงฮุน อาจเรียกได้ว่าเป็นมิตรภาพที่หาไม่ได้จากโลกใบนี้อีกแล้ว


    กูจำได้หมดทุกอย่างแล้วตั้งแต่ที่มึงเอารูปพ่อแม่ ทุกๆคนที่กูเคยรู้จักให้ดู เรื่องนอกเหนือจากนี้ก็พอจะจำได้ละ

    “’งั้น..มึงพอจะจำได้ไหมว่าช่วงบ่ายมึงฝากรถไว้กับใคร?”

    “…”

    รถคันนั้นของมึงที่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแหละ


         มินโฮพยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุเป็นวันสำคัญของทางตระกูลซง พิธีจะถูกจัดขึ้นในช่วงกลางคืนซึ่งรถของมินโฮเกิด

    อุบัติเหตุในช่วงค่ำ ซึงฮุนบอกว่ารถของเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป สายเบรกของมินโฮถูกตัดก่อนหน้าที่เขาจะขับมัน มีใครบางคนจงใจให้เขาไม่ได้ไป

    ร่วมงานนั้น แต่นั่นยังคงเป็นปริศนาว่าใครเป็นผู้กระทำ เพราะผู้ตายอย่างมินโฮไม่สามารถลุกขึ้นมาตอบคำถามได้และเขาเองก็อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

    ว่าใครเป็นคนทำ เบาะแสที่ยังหาไม่ครบทำให้ต้องปิดข่าวเงียบลงเพื่อความปลอดภัยของมินโฮ ไม่อย่างนั้นเขาอาจถูกจ้องทำร้ายซ้ำสองก็ได้


    วันนั้นกูฝากรถไว้กับยุนฮยอง เพราะตอนเช้ากูไปหามึงหนิ ใช่ไหม?’

    ใช่ มึงมากินข้าวกับกูแล้วมึงก็บอกว่าช่วงเย็นมีงานใหญ่ที่บ้าน..แน่ใจนะว่าฝากไว้กับยุนฮยอง?”

    ใช่ ยุนบอกว่าจะให้คนเอารถไปล้างให้ แล้วให้กูไปเอาที่อู่เอง แล้วตอนเย็นเจอกันที่งาน..’ มินโฮพยายามนึกต่อ ตอนแรกก็ไม่มีอะไรหรอก แต่พอกูจะ

    เบรกเท่านั้นแหละ ทุกอย่างก็เลยจบ

    อ่าห๊ะ มึงเล่าเหมือนยุนฮยองเป๊ะเลย แสดงว่าใช่เขาพูดต่อ ยุนบอกว่าไม่ได้ติดต่อกับมึงอีกหลังจากที่โทรคุยกันช่วงบ่าย แต่ในโทรศัพท์ของมึงที่

    เก็บในรถมันมีสายโทรเข้าอยู่..เป็นเบอร์ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ก็เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนโทรหามึง มันโทรมาก่อนที่รถมึงจะคว่ำนิดเดียวเอง ถ้าเทียบเวลา

    ตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้อ่ะนะ


    เบอร์สาธารณะ..?’


    ….



    ขอให้มึงโชคดี แล้วเจอกันชาติหน้า..’


    !!!


         ภาพบางอย่างเริ่มผุดขึ้นมาในหัวของมินโฮ เหมือนกับจะเริ่มจำเหตุการณ์ในตอนนั้นขึ้นมาได้ เสียงทุ้มต่ำจากในสายตอนนั้นเป็นเสียงที่เขาไม่คุ้น

    เลย และสายเรียกเข้าในตอนนั้นเป็นสายสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไป มินโฮนึกคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขียนลงกระดาษอีกครั้ง


    จำได้ว่าเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ไม่คุ้นเลย เหมือนจะไม่ใช่เสียงคนปกติด้วย มันพูดว่าขอให้โชคดี เจอกันชาติหน้า อะไรนี่แหละ

    อำพรางเสียง งั้นสินะ..” ซึงฮุนถอนหายใจ แต่ว่านะ ตอนนี้คนที่กูกับยุนฮยองสงสัยมาพักใหญ่คือ จุนฮเว

    จุนฮเว? ได้เด็กเมื่อวานซืนนั่นอ่ะเรอะ?’

    มึงมีศัตรูอยู่หลายที่ก็จริง แต่มันมีหลายๆที่ทำให้คิดว่าใช่..มันอาจจะหวังฮุบสมบัติตระกูลมึงก็นะ

    น้ำหน้าอย่างมันเป็นแค่ญาติ จะเอาตรงไหนมาเทียบกับกูวะ


         มินโฮเริ่มมีอารมณ์ฉุนขึ้นมานิดหน่อย อันที่จริงพอมานึกดูดีๆและ กูจุนฮเว ลูกชายของตระกูลกูที่จิกกัดกับเขามาตั้งแต่เด็กก็ดูน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย 

    แต่ตระกูลกูเป็นตระกูลใหญ่ มีอันจะกินล้นเหลือไม่ต่างจากตระกูลของเขา ถ้าจะคิดเรื่องทรัพย์สมบัติก็ไม่น่าจะใช่ ถ้าเป็นจุนฮเวจริงๆน่าจะคิดเรื่องอื่น

    มากกว่า


    กูว่าไม่น่าใช่เรื่องนั้น ไอเวมันก็มีฐานะ ชื่อเสียงทางวงการไม่ต่างจากกูเท่าไหร่เลยนะ

    แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรได้วะ..เออมึง ยุนบอกกูว่าไอเชี่ยนี่นะ ถามถึงมึงบ่อยสุดละ ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่ามึงตายไปแล้ว น่าสงสัยชิบเป๋ง

    แต่เราก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดีนี่ อาจจะไม่ใช่มันก็ได้

    ยังไงกูก็คิดว่ามัน มึงรู้ไหมว่าช่วงนี้มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับกูบ่อยมากซึงฮุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหมือนกับว่ามีคนสะกดรอยตามกูอยู่ตลอด

    เวลา ช่วงนี้ยิ่งหนักมากขึ้น ยุนฮยองก็บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน ล่าสุดเจอไอจุนมาดักก่อนเข้าห้องประชุมด้วย

    แล้วมันทำไรน้องกูไหม!’

    ไม่นะ..ยุนบอกว่ามันก็พูดกวนตีนทั่วไป แต่มันถามถึงมึงด้วยเนี่ยดิ อย่างกับ..มันรู้ว่ามึงยังไม่ตายจริงๆ..”


         มินโฮเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี ถ้าเรื่องทั้งที่ซึงฮุนเล่าให้ฟังเป็นความจริง เขาควรจะระวังตัวเอาไว้อย่างมาก ไม่ใช่แค่เขา แต่เป็นซึงฮุนและยุนฮยองด้วย

    ตะหาก ถ้าทั้งสองเป็นอะไรขึ้นมาโดยที่เขาเป็นต้น เขาคงไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต เขาไม่อยากให้ใครต้องมารับเคราะห์เพราะเขาอีกแล้ว เขาไม่

    อยากให้ประวัติซ้ำร้อย..

    เหมือนกับเรื่องของแทฮยอน..


    มันคงเชื่อว่ากูยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นศพกูล่ะมั๊ง..’

    คงงั้น แต่ว่าร่างมึงปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง มันน่าจะน่าเป็นห่วงก็ตรงที่ถ้าตอนนี้กูไปเยี่ยมร่างมึงที่บ้านพัก ต้องมีคนตามกูไปแหงๆ

    แบบนี้กูก็ยังกลับเข้าร่างตัวเองไม่ได้อ่ะดิ

    ก็มันจำเป็น ถ้าเกิดร่างมึงเป็นอะไรขึ้นมา มึงได้ไปโลกหน้าจริงๆแน่ไอมิ


         ทั้งสองถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ช่างเป็นเรื่องที่น่าหนักใจเกินไปจริงๆ ความเป็นความตายเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ อุตส่าห์ใช้เวลาตั้งสามปีก

    ว่าจะตามหาสิ่งต่างๆเจอ มินโฮไม่มีทางยอมแพ้ ตราบใดที่ร่างกายของเขายังคงมีลมหายใจ เขาไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด ไม่มีทางยอมแพ้ต่อโชค

    ชะตาแน่นอน


    พรึ่บ!


         ซึงฮุนหยิบกระดาษที่ใช้สื่อสารกับมินโฮเมื่อครู่ขึ้นมา มืออีกข้างหนึ่งจุดไฟแช็กและจัดการเผาทิ้งทันที มินโฮเข้าใจว่าซึงฮุนเผากระดาษใบนี้ทำไม 

    การทำลายหลักฐานเป็นสิ่งที่รอบคอบซึ่งเพื่อนของเขาเป็นแบบนั้นเสมอ มินโฮกระตุกยิ้มมองกระดาษใบนั้นที่ค่อยๆถูกไฟลามไปจนเหลือเพียงเศษขี้

    เถ้าเล็กน้อย


    ตอนนี้กูไม่ไว้ใจใครหรอก ไม่รู้ว่ามันจะส่งใครเข้ามาสืบในโรงบาลบ้าง..เพราะงั้นก็เผาแม่งโต้งๆงี้แหละ


         ถึงจะไม่รู้ทั้งหมดว่าซึงฮุนผ่านอะไรมาบ้าง แต่มินโฮก็พอจะเดาได้ว่ามีมากกว่านี้แน่ เพื่อนของเขาต้องเข้มแข็งขนาดไหนถึงผ่านเรื่องราวแบบนี้มา

    ได้เพียงลำพัง ที่สำคัญต้องไว้ใจเขาแค่ไหนถึงรอการกลับมาของเขาตั้งสามปี ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณจนไม่รู้จะชดใช้คืนให้หมดยังไงดีแล้ว..แต่อยู่ๆ

    ซึงฮุนก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาทำเอาความคิดของมินโฮเปลี่ยนไป


    หลังจากทุกอย่างผ่านไปแล้วเรื่องนี้จบลงจริงๆ.. กูขอ Porsche คันนึงนะ เคปะ?”


    เพิ่งชมแม่งอยู่แหม่บๆเนี่ย...


    แต่ถ้าผ่านไปได้จริงๆ..’

    สิบคันกูก็ให้มึงได้ไอตี๋ J
















    At 21:35 PM


    ตึ๊ง!

    “…”

    ตื๊อดือ ตื๊อดือ..

    “….”

    ตื๊อดือๆๆๆ!


    โอ๊ยยย จะเด้งอะไรนักหนาวะ

         ร่างบางที่นอนคลุมโปรงอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ด้วยความฉุนเฉียว นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะเห็นชื่อคนที่ส่งข้อความรัวๆมา

    หาเขา


    ไอเตี้ยจิน: ทำไมวันนี้มึงกลับไม่รอกูเลย

    ไอเตี้ยจิน: มึงเป็นไรปะวะ?


         แทฮยอนนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่นานสองนาน วันนี้เขากลับบ้านมาโดยไม่รอจินวูทั้งๆที่ปกติจะกลับด้วยกันตลอดแท้ๆ เจ้าตัวรู้ดีว่าตัวเองเป็นอะไร 

    ความจริงวันนี้เขาไม่ควรไปเรียนกีตาร์ด้วยซ้ำเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายมันทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว การเรียนในวันนี้จึงไม่

    ดีเท่าที่ควร เหมือนไปนั่งจับกีตาร์ถอนหายใจทิ้งแทน


    T: กูเหนื่อยๆว่ะ เลยกลับก่อนอ่ะ

      : โทษที่ไม่ได้บอกก่อน

    ไอเตี้ยจิน: คิดว่ากูเป็นใคร คิดว่ากูโง่มากมะ

                  : มีไรก็บอกดิวะ กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย


    ….


    T: เออ กูรู้ แต่กูแค่อยากรีบกลับมานอน

    ไอเตี้ยจิน: หรอ

                  ครูยองเบที่สอนมึงอ่ะ เขาเดินมาหากูก่อนกลับบ้าน เขาบอกว่าวันนี้มึงดูเหมือนคนตายเลย ดูไม่มีอารมณ์ร่วม

                    ถามคำตอบคำ เหมือนไม่ใช่มึงอ่ะ

                  : จะบอกได้ยังว่ามึงเป็นอะไร?


    “…”

         แทฮยอนคาห้องแชทของจินวูไว้อย่างนั้น เขาอยากที่จะบอกจินวู อยากกดปุ่ม Call หาตอนนี้ แต่เขายังรู้สึกอึดอัด กลัวและยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไร

    ออกไป ตอนนี้เขาต้องการทบทวนเรื่องราวทั้งหมดคนเดียว อยากอยู่คนเดียวเงียบๆตามลำพัง นี่อาจจะเป็นวิธีที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงก็ได้


    แต่มันก็แค่อาจจะล่ะนะ..


    T: ไว้กูจะเล่าทุกอย่างให้ฟังนะ

      : ขอบใจมึงมากๆว่ะ กูรักมึงนะ


    วูบบ..


         แสงไฟจากจอโทรศัพท์ดับลงหลังจากที่เขาได้จัดการเปลี่ยนเป็นโหมดปิดเสียงเรียบร้อยแล้ว มือบางเอื้อมมือไปวางโทรศัพท์ที่เดิม เขาถอนหายใจ

    ออกมาอีกรอบด้วยความเหนื่อยแสนเหนื่อย ทำเรื่องเรื่องนี้มันช่างกวนใจเขาเสียเหลือเกิน เรื่องที่ผ่านมาในอดีตเขาทำใจยอมรับมันได้มากขึ้นแล้ว แต่

    พอมีเรื่องนี้เข้ามา มันทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนไปเสียหมด..ซงมินโฮคนนั้นคนที่ทำให้เขาทุกข์ใจได้ขนาดนี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันนะ ตั่งแต่กลับมาที่

    บ้านเขาเองก็ยังไม่เห็นมินโฮเลย อีกคนคงจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรมาให้เขาเห็นหน้าในตอนนี้..


    ฮึก..”


         น้ำตาแห่งความเจ็บปวดถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้หนักหน่วงกว่าครั้งก่อนๆ เสียงสะอื้นไห้ที่ในเวลานี้ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป 

    ยอมรับว่าเสียใจกับเรื่องที่ได้รับรู้มาทั้งหมดแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับเรื่องของซงมินโฮเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องร้องไห้ขนาดนี้เพียงเพราะวันนี้ไม่เห็นหน้า

    คนๆนั้น ไม่รู้ว่าปล่อยให้อีกคนมามีอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกมากมายขนาดนี้ได้ยังไง ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถึงจะโกรธ

    มินโฮมากแค่ไหนแต่เขาก็ยังอยากเห็นหน้าอีกคนอยู่ดี อยากให้ตอนนี้คนๆนั้นมาอยู่ข้างๆเขามากที่สุด..



    ถ้าร้องไห้ไปมากกว่านี้ คุณจะตาบวมเอานะ..”


    ?


         เสียงที่คุ้นเคยของใครบางคนทำให้เขาสะดุ้งเขาหยุดสะอื้นไห้ไปชั่วขณะก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงทุ้มต่ำที่เขาอยากได้ยิน

    มันมากที่สุดในตอนนี้ เสียงที่เขาจะได้ยินมันในทุกๆวันเวลาที่ขึ้นมาบนห้องนอน และเสียง..ของคนที่ทำให้เขากำลังทุกข์ใจในเวลานี้..

    เสียงของซงมินโฮ..


    คุณ..มาทำไม

    มาหาคุณ

    มาหาผม? ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ

    แต่ผมมี


         แทฮยอนยังคงนอนคลุมโปรงอยู่ไม่กระดิกกระเดี้ยไปไหน มีเพียงเสียงจมูกบี้ของคนร้องไห้ที่เล็ดรอดออกไปให้มินโฮได้ยิน มินโฮรู้ว่าแทฮยอนกำลัง

    ร้องไห้อยู่และมันจะเป็นเรื่องอะไรไม่ได้เลยนอกจากเรื่องของเขา ร่างสูงค่อยๆเดินมานั่งลงบนเตียงเบาๆข้างๆร่างเล็กที่คลุมโปรงอยู่ แทฮยอนรู้สึกถึง

    แรงยวบของเตียง จึงกระเถิบหนีให้ไกลจากมินโฮ


    ผมบอกว่า..ผมไม่มีอะไรจะ..คุยกับคุณ..”

    “..คุณจะไม่ฟังที่ผมพูดก็ได้นะ แต่ผมอยากพูดแทฮยอนนิ่งเงียบ ทำให้มินโฮพูดออกมา

    ผมอยากจะขอโทษเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ผมเข้าใจว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน ผมไม่ขอให้คุณมาให้อภัยผมแม้แต่นิดเดียว..ถึงมันจะเป็นอุบัติเหตุ

    แต่การตายของคุณแม่คุณมันเป็นเรื่องจริง ผมไม่รู้จะชดใช้ให้คุณได้ยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่ มาอยู่กับคุณตรงนี้..เพราะว่าผม

    ต้องการที่จะชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป

    “…”

    ผมอยากทำอะไรก็ได้เพื่อให้เด็กที่ร้องไห้แล้วตัดพ้อตัวเองว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ในวันนั้น มีรอยยิ้มในวันนี้ มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม มีอนาคตที่สดใส มีสิ่งดีๆ

    รอเขาอยู่..”


         ทุกๆประโยคทุกๆคำพูดของมินโฮ ทำเอาแทฮยอนร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างบางกำลังพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้นไห้เอาไว้ไม่ให้อีกคน

    รู้ว่าเขาเจ็บปวดมากเพียงใด


    ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าผมตัดสินใจบ้าๆแบบนี้มาได้ยังไงที่มาอยู่กับคุณ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง ชีวิตต่อจากนั้นจะเป็นยังไง คนรอบตัว

    มากมาย แต่ผมก็ทำมัน คิดแค่ว่าถ้ามา ผมอาจจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง ผมรู้สึกผิดกับเขามาก มากจนไม่อยากจะโผล่หน้ามาให้เห็น แต่ผมก็ทำไม่ได้ 

    เพราะว่า..เพราะว่าผม..เป็นห่วงคุณ..แทฮยอน..”

    “…”

    ผมเป็นห่วงคุณ


         ในที่เขาก็ไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นไห้ที่น่าอายได้อีกต่อไป แทฮยอนปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก เสียงร้องไห้ของคนตัวเล็กมันทำให้เขาเจ็บปวดราวกับ

    มีมีดมากรีดที่หัวใจของเขาจนเลือดท่วมอก การที่เขาได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็ทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจบ้าบิ่นในตอนนั้น เขาไม่ต้องการให้

    แทฮยอนร้องไห้เหมือนวันนั้นอีกแล้ว แต่เขาก็คิดผิด นี่มันไม่ต่างอะไรกับวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้วเลย มินโฮกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธตัวเองจนแทบบ้า 

    อยากจะตายๆชดใช้ให้กับชีวิตอีกคนที่เสียไปแต่เรื่องราวทั้งหมดมันก็ทำให้เขารู้ว่า..


    เขามีชีวิตอยู่เพื่อแทฮยอน...


    แล้ว..ทำไม..ทั้งๆที่คุณเริ่ม..จำทุกอย่างได้..อึก..ทำไม..คุณ ไม่บอกผม..ฮึก..”


         คำตอบจากคำถามนี้ที่เป็นดั่งกิโยตินรอสับคอเขาให้ขาดสะบั้นได้มาถึง เขาตอบมันไม่ได้ เขาเลือกที่จะไม่บอกแทฮยอนจนสุดท้ายแทฮยอนก็ต้อง

    ไปรับรู้พร้อมๆกันกับเขา รู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ขี้ขลาด ไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกเหตุผลของการมีอยู่ของตัวเอง แต่เขาทำใจที่จะเห็นรอยยิ้มของ

    แทฮยอนหายไปไม่ได้จริงๆ..


    เขารักรอยยิ้มนั่น..


    ทำไมไม่ตอบเล่า!! เพราะว่าคุณกลัวผมจะเสียใจใช่ไหมล่ะ เลยไม่กล้าบอกจนให้ผมไปรู้เอง!”

    “…”

    ผมไม่ได้โกรธที่คุณเป็นเหตุวันนั้นแล้ว แต่ผมโกรธ..”

    “…”

    โกรธที่คุณไม่ยอมมาสารภาพกับผมตรงๆไง!!!”


         แทฮยอนตะเบ็งเสียงใส่มินโฮดังลั่น ขาที่ขดอยู่นานยกขึ้นถีบร่างสูงที่ไม่ได้ทันได้ตั้งตัวเต็มแรงจนมินโฮเซถลาล้มลงไปนั่งกับพื้น แทฮยอนกำลัง

    เดือดดาล ความโกรธและความเสียใจกำลังปะทุขึ้นในใจของเขา ต่อให้มินโฮพูดอะไรไปมากกว่านี้เขาก็คงไม่ฟัง มีแต่โมโหกับโมโหเท่านั้น คนที่ตก

    เตียงค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน เขามองไปยังก้อนผ้าห่มที่ในเวลานี้สั่นเทาและมีเสียงสะอื้นไห้ออกมา แรงถีบจากแทฮยอนไม่ได้สะทกสะท้านเขาเลย

    แม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้รู้สึกเจ็บจริงๆก็คือร่างเล็กที่กำลังร่ำไห้


    ถ้าการที่แทฮยอนถีบเขาแล้วมันดีขึ้น..

    เขาก็ยอมให้ถีบจนตายได้..


    ผม..ไม่อยากเห็นหน้าคุณตอนนี้..ออกไปจากห้องผมได้แล้ว..”


         มินโฮไม่ได้ขัดขืนคำสั่งของแทฮยอนแต่อย่างใด เขายอมเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี ถ้าในตอนนี้มีอะไรที่ทำให้แทฮยอนสบายใจขึ้น เขายอมทำ

    มันทั้งหมด เพียงแค่แทฮยอนเอ่ยปากขอ..


    ต่อให้หายไปจากโลกนี้ ก็ย่อมได้...






    ________________________________________________________50%____________________________________________________________



    โถ่เว้ย เป็นอะไรของมึงเนี่ย


         จินวูกำลังรัวสติกเกอร์ไลน์ไปอย่างต่อเนื่อง หัวเสียกับการกระทำของเพื่อนตัวแสบที่ตอนนี้หนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นิ้วเล็กยังคงรัวแชทไปอย่างไม่

    ลดละความพยายาม เขาถอนหายใจไปหลายรอบจนแทบจะหมดธนาคารอยู่แล้ว(?) สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้กับความดื้อแพ่งของเพื่อนคิ้วตก ร่างเล็ก

    วางโทรศัพท์ลง ถ้าแทฮยอนพร้อมจริงๆก็คงตัดสินใจบอกเขาเองแน่ๆ


    ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันที่โรงเรียนอยู่ดี


         ตอนนี้เรื่องของแทฮยอนได้ถูกสะบัดออกจากหัวของจินวูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาสะบัดมันออกไปจากความคิดไม่ได้

    เลย..การกระทำและคำพูดของเขาในวันนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงตัดสินใจพูดอะไรแบบนั้นออกไป


         หลังจากที่ซึงยุนเดินออกไปจากห้องซ้อมตอนนั้น เมื่อเย็นเขาก็มีท่าทางไม่เหมือนเดิม ครูซึงยุนไม่ค่อยเข้าใกล้จินวูเหมือนแต่ก่อน แต่การเรียนการ

    สอนยังเป็นปกติดี ทำให้จินวูเรียนได้อย่างเข้าใจแค่ไม่สบายใจ..ซึงยุนไม่กล้าถึงเนื้อถึงตัว เพียงแค่แตะตัวยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ นั่นทำให้จินวูกังวลอยู่

    ไม่ใช่น้อย ถ้าการที่พูดความรู้สึกออกไปแล้วทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เขายอมเก็บมันไว้ในใจยังดีเสียกว่า..แต่ที่เขาพูดทั้งหมดมันเป็น

    ความจริง เขารู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ จนบางทีก็เผลอใจเต้นไปโดยไม่รู้ตัว เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันเลยพิเศษ..


    ครูซึงยุนพิเศษกว่าใครๆ..


         เขามั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเขาไม่ได้คิดเองไปคนเดียว ถึงแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาสัมผัสมันได้ เขาเชื่อว่าอีกคนก็คิดเหมือนกัน เพียงแต่

    ระหว่างทั้งสองมีเส้นบางๆที่เรียกว่าสถานะขวางกั้นอยู่ จีงไม่สามารถคิดอะไรเกินเลยปมากกว่านี้ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึงยุนลำบากใจ ถ้าใน

    การแข่งขันดนตรีประจำปีครั้งนี้เขาสามารถคว้ารางวัลมาได้ เขาจะออกจากโรงเรียนสอนดนตรีทันทีเพราะเขาได้ทำตามความฝันอย่างหนึ่งที่วาดไว้ใน

    ตอนเด็กสำเร็จแล้ว การเล่นเปียโนที่ดี มีเสียงปรบมือชื่นชอบรายล้อม..เขาจะพอใจกับมันและเมื่อถึงตอนนั้นสถานะนักเรียนและครูจะจบลง มีเพียง

    สถานะของคนสองคนธรรมดาๆเท่านั้น


    ผมจะพิสูจน์ตัวเองให้ครูเห็น ผมจะทำมันให้ได้..’


    คอยดูเถอะ คุณครูคังซึงยุน











    At 22:20 PM

     

    คุณหนูคะ โทรศัพท์จากคุณหมออีค่ะ


         แม่บ้านวัยกลางคนหยิบโทรศัพท์สีขาวราคาแพงที่วางอยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆกับยุนฮยองที่ในตอนนี้กำลังอ่านหนังสือพักผ่อนหย่อนใจอย่างสบาย

    อารมณ์ หญิงสาวยื่นมันให้กับเขาก่อนที่ยุนฮยองจะรับไว้และรับสาย


    สวัสดีครับพี่ซึงฮุน

    [อ่า ขอโทษทีนะยุนฮยอง โทรมารบกวนดึกป่านนี้เลย]

    ไม่เป็นไรครับพี่ แหม คนกันเองนะครับ~ ว่าแต่ มีอะไรเหรอครับ?”

    [เอ่อ..ตรงนั้นมีใครอยู่รึเปล่า เรื่องนี้ไม่สะดวกให้คนอื่นได้ยินน่ะ เข้าใจพี่ใช่ไหม?]


         ยุนฮยองหันไปมองรอบตัว แม่บ้านคนเมื่อครู่นี้เองก็ยังอยู่ในห้องนี้ เขาจึงลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่เดินออกจากห้องรับแขกมา คงไม่เหมาะแน่ถ้าจะ

    พูดเรื่องลับๆในห้องนั้น แม้จะเป็นบ้านของตัวเองก็ตามแต่เขาก็ต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ไม่รู้ว่ามีใครแอบซุ่มดูหรือทำอะไรอยู่บ้าง ร่างเล็กเลยเดิน

    ขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของบ้านหลังนี้ เปิดประตูเข้ามาที่ห้องนอนซึ่งน่าจะเป็นห้องที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับเขา


    มาแล้วครับ ผมขึ้นมาบนห้องนอนแล้ว

    [อ่า โอเค..ที่พี่จะพูดก็คือเรื่องพี่ชายของเรานั่นแหละ]

    ..พี่มินโฮ? พี่มินโฮทำไมเหรอครับ!?”

    [อ่า จะพูดไงดี..ก็อย่างที่เคยบอก ก็ ตอนนี้พี่ได้คุยกับมันแล้วนะ]

    จริงเหรอครับพี่ฮุน!”

    [เฮ่อ..ใช่ ที่ปิดไว้แต่บอกว่ามันยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยโกหกเลยนะ แค่มันซับซ้อนจนไม่อยากอธิบาย]

    ไม่เป็นไรครับ..แค่รู้ว่าพี่ยังอยู่ ก็พอแล้ว


         ยุนฮยองพูดด้วยความดีใจ ดีใจจนรู้สึกเหมือนมีน้ำตาคลอปริ่มๆอยู่ที่ขอบตา เขายิ้มออกมาได้อย่างมีความสุข เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากทีเดียวในรอบ

    หลายปี..


    [แต่ตอนนี้ยังติดอะไรอยู่นิดหน่อย ทำให้ยังไปเจอนายไม่ได้น่ะ แล้วก็อย่างที่เคยบอกไว้..มันยังไม่ปลอดภัยหรอกนะ

    เรื่องจุนฮเวที่เราสงสัย คิดว่าต้องระวังตัวให้มากขึ้นน่ะ]

    ครับ ผมเข้าใจ ผมระวังทุกก้าวออกจากบ้านเลยนะ

    [ฮ่ะๆๆ..อ่า แต่ว่าที่โทรมาเนี่ย ก็มีเรื่องจะให้ช่วยนิดหน่อยล่ะนะ]

    มีอะไรครับ บอกยุนมาได้เลย

    [คืองี้ วันศุกร์นี้พี่จะขอยืมแรงคนของเราหน่อย เอาคนที่เราไว้ใจที่สุดสักสามสี่คนมารับพี่ เดี๋ยวพี่แชร์โลฯไปให้ ตอนช่วงบ่ายพี่จะลางาน เดี๋ยวพี่ไลน์ไป

    ย้ำอีกที เสร็จแล้วก็อปข้อความไว้นะแล้วลบแชททันที พี่ว่าไลน์มันไม่ปลอดภัยเผื่อโดนแฮคน่ะ]

    โอเคครับๆ ผมเข้าใจแล้ว ไว้ใจผมได้เลยพี่

    [โอเค ระวังตัวด้วยนะยุน]

    พี่เองก็เหมือนกันนะ


         ยุนฮยองวางสายจากซึงฮุน ก่อนจะดับหน้าจอโทรศัพท์และวางมันไว้บนเตียงนอน ดวงหน้าหวานถอนหายใจออกมา ไม่รู้เลยจริงๆว่าโล่งใจเรื่องพี่

    ชายได้หรือเปล่าเพราะเหตุการณ์ข้างหน้านี้อาจมีสิ่งที่อันตรายรอเขาอยู่ก็ได้ แต่พอได้รู้ความเคลื่อนไหวจากซึงฮุนก็ทำให้ใจเขาชื้นขึ้นมาได้บ้าง


    วันศุกร์นี้สินะ

    พระเจ้าโปรดคุ้มครองลูกด้วยเถิด

     



    #ฟิคผีคุณซง


    ___________________________________________________________________________________________________________


    อันยองค่ารีดเดอร์ทุกคนนน

    มาต่อกันแล้วนะค้า ดร่าม่าสุดๆเลย ฮือๆ ไรท์เขียนไปจะร้องไห้ T_T

    มาเอาใจช่วยพี่มิของหนูนยัมกันนะคะ ฮรุกกกก

    ***สองสามอาทิตย์หลังจากตอนนี้อาจจะต้องลาไปอ่านหนังสือสอบยาวๆนะคะ อย่าเพิ่งลืมฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ฮรุกก ;-;

    สอบเสร็จจะมาต่อให้แน่นอนเล้ย! รอกันก่อนนะคะ!


    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×