คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การพบกันของเธอกับเขา
ในป่าสีเขียวอันกว้างใหญ่ แสงแดดทอดส่องผ่านมาได้เพียงเล็กน้อยอันเนื่องมาจากต้นไม้ใบไม้ทีมีอยู่เต็มไปหมด ทำให้ป่าแห่งนี้ดูมืดมนและน่ากลัวจนไม่ค่อยมีใครกล้าเหยียบย่ำเข้ามาในป่าแห่งนี้เท่าไรนัก
แต่ได้มีชายหญิงอยู่คู่หนึ่งที่กล้าเข้ามาในป่าผืนนี้โดยไม่เกรงกลัวต่อความมือที่ป่าแห่งนี้แสดงออกมาเลย เสียงของเหล่าปีศาจชั้นต่ำหรือที่ปีศาจทั่วไปจะเรียกกันว่าอสูรกาย ร้องโหวกเหวกเสียงดังก้องไปทั่วทั้งป่า แต่นั้นก็ไม่ทำให้ชายหญิงสองคนนี้เกิดความกลัวได้เลย
ชายหนุ่มเดินดึงแขนเด็กสาวให้เดินตามเขาไปด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายกับตันหาของตน ผิดกลับฝ่ายหญิงที่ดูถ้าจะไม่ได้อยากเข้ามาในป่าผืนนี้เลย เธอเพียงแค่เดินตามแรงดึงของชายหนุ่มที่ลากเธอเข้ามาเพียงเท่านั้น
เด็กสาวที่ถูกลากเข้ามาในป่านั้น เธอเป็นเจ้าของเรือนผมสีทองประดุจทองคำแท้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ นัยน์ตาสีฟ้าเหมือนท้องนภายามฟ้าใส แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าและเสื้อแจ็คเก็ตทับไว้อีกตัว ซึ่งไม่ว่าจะดูยังไงมันก็ไม่น่าที่จะใส่มาเพื่อเดินเข้าป่าเลย
“รีบๆเดินมาเร็วๆ”ชายหนุ่มเริ่มออกคำสั่ง แต่นั้นก็มิได้ทำให้เด็กสาวสนใจเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังเดินเตะดินไปใส่ชายหนุ่มอีกต่างหาก“อยากจะตายมากใช่รึเปล่า”
ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วปล่อยมือที่จับแขนของเด็กสาวเอาไว้ จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบปืนพกที่เหน็บเอาไว้ข้างเอวเล็งไปที่หน้าของเด็กสาว
“ในที่สุดก็หยุดเดินซะที เมื่อยจะตายอยู่แล้ว”
เธอบ่นออกมาพร้อมๆกับบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่สนใจปืนที่ชายหนุ่มกำลังเล็งอยู่เลย และนั้นก็ทำให้ความโมโหของมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเข้าไป
ปัง!
กระสุนปืนวิ่งออกจากกระบอกด้วยความเร็วสูงมันวิ่งตรงเฉียดหน้าของเด็กสาวไปเพียงนิดเดียว แต่นั้นก็ทำให้เด็กสาวที่ไม่ได้สนใจอะไรหันมามองหน้าชายหนุ่มตา แววตาดุดันเหมือนอสูรร้ายที่พร้อมขย้ำเหยื่อได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
“เมื่อกี้เราเล็งที่หน้าผากไม่ใช่หรือไง ทำไมเป้าหมายถึงผิดพลาดไปได้”
ชายหนุ่มในตอนนี้เริ่มแสดงความตื่นกลัวออกมา สีหน้าของมันเริ่มซีดเผือก แต่นั้นก็ทำให้สายตาของเด็กสายดูสนใสขึ้นมาบางเล็กน้อย
เด็กสาวค่อยๆเดินเข้ามาหาชายหนุ่มช้าๆ และทุกก้าวที่เธอเดินเข้ามาชายหนุ่มจะมีอาการเมื่อคนขาดอากาศหายใจ แล้วเธอก็หยุดเดินจ้องมองหน้าชายหนุ่มที่กำลังทุรนทุราย
“ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายต้องตอบฉันมาตามจริงทุกประการ เข้าใจรึเปล่า”เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว “ข้อแรกนายมีความเกี่ยว...”
“พระเอกมาแล้ว”
การถามปัญหาทั้งหมดของเด็กสาวต้องหยุดชะงักลง ให้กับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้เป็นเจ้าของนาวว่าคอส เขากระโดดลงมาจากต้นไม้ ลงมายืนอยู่ข้างหน้าเด็กสาวและชายหนุ่ม
ชายหนุ่มที่กำลังทุรนทุรายอยู่นั้นรีบใช้จังหวะที่คอสโผล่ออกมาวิ่งหนีเข้าป่าไป
“นายทำบ้าอะไรของนาย รู้รึเปล่าว่าทำอะไรลงไป”
“ก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ไง เอ๊ะ! หรือฉันเข้ามาขัดจังหวะพวกเธอที่กำลังจะทำเรื่องแบบนั้นกัน”
“เรื่องแบบนั้นมันแบบไหนกันยะ”เด็กสาวเริ่มแสดงท่าทีที่แสดงถึงความไม่พอใจ แต่เพียงไม่กี่วินาทีเธอก็กลับไปอยู่ในสภาพสงบตามเดิม “นายเป็นพวกเดียวกันกับเจ้านั้นสินะ”
คอสทำหน้ามึนงงเล็กน้อยกับคำถามของเด็กสาว
“เจ้านั้น? พวกเดียวกัน?”คอสหัวเราะออกมา “อะไรของเธอ”
ร่างของคอสจู่ๆก็หล่นลงมานอนกับพื้น สติของเขาก็เริ่มจะหายไปเรื่อยๆ
“น่าสงสัยต้องจับตัวไว้ก่อน”
“เธอ....ทำ....อะไร””แล้วคอสก็สลบไปทันที
“โดนไปขนาดนี้ยังพูดต่อได้อยู่ น่าสนใจจริงๆ”
คอสที่สลบไปเริ่มได้สติขึ้นมา เขาค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง แล้วมองไปรอบๆด้วยความมึนงง
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วที่นี่คือที่ไหน
สถานที่ที่คอสกำลังอยู่ตอนนี้เป็นเพียงห้องทรงสี่เหลี่ยมโทรมๆขนาดเล็ก ที่เต็มไปด้วยข้าวของที่ถูกทำลายจนแทบจะนำกลับไปใช้ใหม่ไม่ได้เต็มไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มสนใจไม่ใช่สิ่งของเหล่านั้นเลย แต่เป็นบุคคลสามคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา
“ได้สติซักทีนะเจ้าขาวดำ ทำให้ข้าต้องมาทนรอตั้งนาน”เสียงที่บ่งบอกถึงความเซ็งสุดจะบรรยายของชายผู้เป็นเจ้าของเรือนผมและดวงตาสีแดงดังขึ้น
“ใจเย็นลงหน่อยเรฟ”คราวนี้ชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มกับดวงตาสีฟ้าอ่อนๆหันหน้าไปพูดตักเตือนใส่ชายผมแดงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วจึงหันหน้ากลับมามองที่คอสอีกครั้ง “เจ้าเป็นใคร แล้วเข้าไปทำอะไรในป่า”
คอสไม่ได้ตอบคำถามอะไร เขายังคงนั่งงัวเงียอยู่กับที่ แต่มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาคิดอยู่ในหัวนั้นก็คือเรื่องที่เจ้าผมแดงมันน่าหมันไส้เป็นบ้าเลย
สิ่งที่ทำให้คอสรู้สึกไม่ถูกกับเจ้าผมแดงก็คงจะเป็นการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าขาดๆกับท่าทางการพูดที่กวนประสาทจนอยากจะกระโจนเข้าไปต่อย
ผิดกับชายคนที่อยู่ข้างๆเขา แต่งการด้วยชุดสบายๆแต่ดูเรียบร้อยและใบหน้าที่นิ่งๆไม่ได้สื่อถึงอารมณ์ใดๆ ผิดกับเจ้าผมแดงซะไม่มี
แต่พอคอสได้หันมามองเด็กสาวคนสุดท้าย สายตาของคอสต้องเปิดกว้าง ความงัวเงียทั้งหลายต้องสลายหายไป ใบหน้าแบบนี้เขาคงจดจำไปได้อีกนาน นั้นก็เพราะเธอคนนี้คือเด็กสาวที่เขาเจอในป่าและน่าจะเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้
เธอคนนั้นกำลังยืนกอดอกและมองมาหาคอสด้วยใบหน้าเซ็งๆ
“นี่เธอ”คอสพูดขึ้นเสียง “เมื่อตอนนั้นทำอะไรกับฉันและที่นี่มันที่ไหน”
ปัง!
กระสุนปืนวิ่งเฉียดหน้าของคอสไปเพียงเล็กน้อย โดยชายหนุ่มผมแดงผู้อารมณ์ร้อน แล้วโยนปืนที่ใช้ยิงคอสทิ้งไป
“ก่อนจะถามคำถามของตัวเอง แกควรตอบคำถามของทางนี้ที่ถามไปก่อนนะเฟ้ย”
คอสเริ่มตั้งสติจากอาการเอ๋อ เพราะถูกเจ้าคนเถื่อนนั้นยิงปืนใส่ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะอดสงสัยได้เลยว่าปืนที่ใช้ยิงมาที่เขา เจ้าผมแดงนั้นเอามาจากไหน ไม่ว่าจะดูยังไงเสื้อผ้าแบบนั้นก็ไม่น่าที่จะซ่อนปืนเอาไว้ได้
“ผมก็เป็นแค่ชนเมืองที่ได้ยินเสียงปืนเลยวิ่งตามเข้าไปก็แค่นั้นเอง”
“งั้นเจ้าทำไม...”
“ก่อนจะถามคำถามของทางนั้น ช่วยตอบคำถามที่กระผมถามไปก่อนด้วยนะครับ”
คอสรีบพูดแทรกคำถามที่สองของชายผมสีน้ำเงินที่กำลังจะตั้งคำถามอยู่ พร้อมหันหน้าไปยักคิ้วกับส่งใบหน้ากวนๆให้กับชายผมแดงที่อยู่อยู่ข้างๆ
ชายหนุ่มผมแดงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างสะใจ
“แกนี่กล้ามากนะ ข้าชักถูกใจซะแล้ว”
“อ้อเหรอ ขอบคุณก็แล้วกัน ฉันดีใจมากเลย”
“กวนนะแก”
“เจ้านี่กล้าและกวนดีนิ ขนาดอยู่ในสภาพนี้ แถมยังอยู่ต่อหน้าเรฟอีกด้วย”ชายหนุ่มผมน้ำเงินหัวเราะในลำคอเบาๆเล็กน้อย“ขอข้าแนะนำตัวซักนิดแล้วกัน ข้ามีนามว่าลุค ส่วนเจ้าผมแดงที่กำลังจะปามีดใส่เจ้า นั้นชื่อเรฟ และผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าเนว และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นเพียงแค่ห้องโทรมๆธรรมดาในเมืองทราคเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย”
“จะไปแนะนำตัวให้เจ้าบ้านี้รู้ทำไมลุค”
เด็กสาวที่เงียบมาตลอดเริ่มแสดงทางท่าทีไม่พอใจกับการกระทำของลุค
ลุคหันไปมาเนวแล้วใช้สายตาที่ดุดันทำให้เนวที่กำลังไม่พอใจต้องสงบเก็บอารมณ์ทั้งหลายนั้นเอาไว้
“คนที่พาเจ้าหนุ่มนี่มาก็คือเธอ เพราะฉะนั้นวันนี้เธอก็ไปเป็นเพื่อนเที่ยวให้กับเจ้านี่ก็แล้วกัน”
“ว่าไงนะ”เนวตะโกนขึ้นมา “อีตาบ้านี่ ไม่มีวันซะหลอกที่ฉันจะต้องเป็นเพื่อนเที่ยวให้กับมัน”
“แล้วเธอละ”คอสพูดขึ้นมาทันที “คิดว่าผู้ชายระดับฉันที่มีแต่สาวๆเดิมเข้ามา จะต้องไปเดินร่วมทางกับผู้หญิงบ้าแถมหื่นอย่างเธอด้วย คิดแล้วขนลุก”
“นายว่าใครหื่นกัน”
“ก็เธอไงผู้หญิงจอมหื่นที่ใส่ชุดกระโปร่งแล้วเดินเข้าป่าไปกับผู้ชายสองต่อ”
“ก็บอกแล้วไงมันไม่ใช่แบบนั้น เจ้าบ้า”
“เจ้าบ้าๆอยู่ได้ผมมีชื่อว่าคอสนะ อย่าเรียกว่าเจ้าบ้าสิ”
“อีตาบ้าผมสองสี”
ในระหว่างที่ชายหญิงทั้งสองกำลังทะเลาะกันราวกับเด็กๆอยู่นั้น เสียงหัวเราะจากชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนดูพวกเขาอยู่ได้ซักระยะก็ดังขึ้นมา ทำให้พวกเขาต้องพักรบแล้วหันไปมองที่ต้นเสียงด้วยอารมณ์ที่พร้อมจะต่อยหน้าคนได้ทุกเมื่อ
“สนิทกันเร็วจังนะ”ลุคพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่พยายามอดกลั้นการหัวเราะแบบสุดชีวิต
“ไม่เลยซักนิด”คอสและเนลพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“เห็นมัย สนิทกันออก”
“นี่ลุค ข้าจะออกไปเดินเล่นซักหน่อยนะเฟ้ย”
พูดจบเรฟก็เดินออกไปจากห้องนี้ แถมยังปิดประตูเสียงดังจนทำให้แก้วที่วางอยู่บนขอบโต๊ะตกลงมาแตก แต่ก็ไม่มีใครสนใจเลยนอกจากคอสเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในห้องนี้
“นี่แก้วแตกแล้วนะทำไมไม่มีใครสนใจเลย”
คำถามของคอสดูถ้าจะไม่เป็นที่สนใจในหมู่คณะเอาซะเลย ลุคเดินหันหลังกลับไปนั่งบนโซฟาที่มีแต่รอยขาดเหวอะหวะ ส่วนเนวก็เดินไปนั่งบนเบาะที่อยู่ติดมุมห้อง
“ก็ชินแล้วนะสิ”เนวพูดขึ้นห้วนๆ
คำตอบของเนวทำให้คอสรับรู้ได้ในทันทีเลยว่าข้าวของที่ถูกทำลายจนเละเทะแบบนี้เป็นฝีมือของใคร
“จริงด้วยสิ”ลุคเดินกลับมาหาคอสอีกครั้ง แล้วยืนกระดาษแผ่นเล็กให้ “เพื่อนของนายที่ชื่อแกรรี่ฝากมาให้”
“แกรรี่”
คอสถ้วนชื่นเพื่อนรักของเขา แล้วจู่ๆเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเขานั้นลืมเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งไปเสียแล้ว
คอสรีบหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านทันที
“ฉันมีธุระสำคัญให้นายเที่ยวงานเทศกาลให้สนุกไปก่อนนะ งั้นเหรอ”คอสทำหน้างงแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองลุค
“ข้าว่าได้เวลาที่เจ้าต้องไปแล้ว เนว”
“รู้แล้ว”เด็กสาวลุกออกมาจากที่ออกมาจากที่แล้วเดินไปยืนข้างๆคอส “หลับตาซะ”
คอสยืนหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของเด็กสาวที่ยืนอยู่ใกล้เขาจนเกือบจะแนบชิดติดกัน
“ให้ให้หลับตาแล้วมายืนใกล้ๆแบบนี้ คิดจะทำเรื่องแบบนั้นกับฉันหรือไง”
ตุบ!
หมัดของเนวพุ่งเข้ากลางลำตัวของคอสอย่างรวดเร็ว เล่นเอาเขาถึงกับจุกลงไปนั่งคุกเข่ากองกับพื้น
“บ้าสิ ใครจะไปคิดอะไรบ้าๆแบบนั้นกันนายกัน”
“ทำตามที่บอกดีกว่าเจ้าหนุ่ม เราก็มีบ้างอย่างที่ไม่อยากให้เจ้ารับรู้ แล้วถ้าเกิดรู้ขึ้นมาเจ้าก็ต้องลำบาก”
คอสถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วค่อยลุกขึ้นมายืนพร้อมกับหลับตา เพียงเสี้ยววินาทีนั้นหัวของเขาก็รู้สึกเหมือนกับจะปลิวหลุดออกจากบ่า
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาได้มายืนอยู่หน้าชายป่าที่เขาวิ่งเข้าไป แล้วได้เจอกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตอนนี้ ผู้เป็นเจ้าของนามว่าเนวนั้นเอง
หนุ่มสาวทั้งสองไม่รู้เลยว่ามีชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งกำลังแอบมองพวกเขาอยู่หลังต้นไม้ภายในป่า ชายคนนั้นมองไปหัวเราะไปด้วยความพอใจ
“เท่านี้ก็ก้าวเข้าไปถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้พลังที่อยู่ในตัวของท่านตื่นขึ้นมาเท่านั้น ท่านฮาเดส”
ความคิดเห็น