ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dear Dark Lord. ยอดรักเจ้ารัตติกาล(snsd/tvxqยุนฟานี่)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 -----ผู้เป็นอมตะ-----

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 56


    Chapter 1

    -----ผู้เป็นอมตะ-----

     

     

     

    “เธอเองเหรอ!?
     

    คำถามที่ดังกึ่งก้องกลางป่าทึบ ภาพที่ปรากฏชัดอยู่ด้านหน้าของหญิงสาว ที่แอบเดินตามบางคนมาอย่างเงียบๆ ภาพนี้มันช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก กวางป่าที่โดนหักคอจนหมุนได้รอบ นักล่าร่างบางที่แสนคุ้นเคย แต่ตอนนี้ในตาแดงก่ำ กำลังเอร็ดอร่อย ปากบางที่เต็มอิ่มไปด้วยเลือด!!

    “ไม่นะ!!ได้โปรด..ฉันไม่ฆ่าคน ฉันล่าเพียงสัตว์ในป่านี้เท่านั้น”

    “ไม่มีทาง..เธอเป็นแวมไพร์ เธอเป็นตัวบาปต้องโดนกำจัดทิ้ง จะมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้”

    ปลายกริชเงิน จ่อไปที่อกซ้ายของร่างบาง

              “ขอล่ะ..ขอฉันไปบอกลาเขาก่อนจะได้ไหม..”

     

              “เธอไม่ควรได้พบเขาเลยนั่นแหละดีที่สุด ลาก่อน...”

     

     

    @กรุงโซล ประเทศเกาหลี ปี2012
     

    “พี่ค่ะ..พี่ฟานี่... พี่ทิฟ-ฟานี่!!!
     

    “หือ..ว่าไงเรียกซะตกใจหมด” ทิฟฟานี่ได้สติเมื่อเสียงเพื่อนรักฉุดเธอจากภวังค์
     

    “ตั้งใจอ่านหนังสือหน่อยสิค่ะ พี่จะใจลอยไปไหนพรุ่งนี้จะสอบแล้วนะคะ” ซอฮยอนบ่นกระปอดกระแปด
     

    “ก็เรื่องฝันเมื่อคืน..”
     

    “พี่ยังฝันเรื่องเดิมอยู่อีกหรอค่ะ”ซอฮยอนปิดตำราเรียนหันมาจ้องเขม่ง
     

    “อืม..แต่เรื่องราวมันเริ่มปะติดปะต่อชัดเจนขึ้นมาก” ทิฟฟานี่ท่าทีมีความหวังกับเรื่องที่อยากรู้มานาน
     

    “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็เห็นใบหน้าผู้ชายคนนั้นแล้วสิค่ะ เป็นยังไง..หล่อไหม?”
     

    “ฉันก็ยังมองใบหน้าเขาไม่ชัดอยู่ดี แต่แหม...ยายซอดูพูดเข้าได้ข่าวว่าเธอเป็นคุณหนูเรียบร้อยไม่ใช่เหรอจ้ะมาเอื้อนเอ่ยเรื่องผู้ชาย” ดวงตายิ้มทำหน้าล้อเรียน
     

    “เออ!! จริงสิเกือบลืมไปเลย วันนี้น้องซอมีนัดทานข้าว แล้วพี่ต้องไปกับน้องซอด้วยนะคะ”
     

    “แล้วมันเรื่องอะไรของฉันด้วยเล่า ไม่เอา..ไม่เห็นจะอยากไปเลย”
     

    “ไม่ได้ค่ะ... เพราะน้องซอบอกคุณพ่อแล้วว่าจะไปกับพี่ ถ้าคุณพ่อรู้ว่าน้องซอไปทานข้าวกับพี่ชางมินสองต่อสองน้องซอต้องแย่แน่” ซอฮยอนกับสายตาอ้อนวอนที่ทำให้ทิฟฟานี่ใจอ่อนทุกที

     

     

    “ขอโทษค่ะ พี่ชางมินมารอนานหรือยังค่ะ” ซอฮยอนรู้สึกผิดมากที่ตัวเองมาเลยเวลานัดไป กลัวว่าเขาคอยนานแล้วต้องหิวมากแน่ๆ
     

    “งั้นเราสั่งอาหารทานกันเลยนะคะ” ซอฮยอนพูดไปพร้อมก้มหน้าก้มตาเลือกเมนูอาหาร
     

    “ไม่เป็นไรครับแค่นี้เอง” ร่างหนาที่ขาวจนซีด เงยหน้าขึ้นมองผู้ร่วมโต๊ะทั้งสอง
     

    “ต่อให้นานกว่านี้ผมก็จะรอ ไม่ว่านานมาก..เท่าไรแล้ว...ที่ผมรอ” ชางมินพบสิ่งที่ตามหามานานแสนนาน นานกว่าชีวิตคนคนหนึ่งเพราะเป็นชีวิตอมตะ การที่เขาเดินทางท่องไปทั่วโลก ใช่เป็นเพราะความชอบ แต่ก็เพราะเธอ เธอคนนี้...
     

    ซอฮยอนเงยหน้าขึ้นจากเมนู เพราะฟังไม่ถนัด คำพูดแปร่งๆของร่างหนาจะทำเธอดีใจหรือเสียใจดีชักไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆสายตาของเขาทำเธอเจ็บ เจ็บที่เอาแต่จ้องมองทิฟฟานี่
     

    “เออ..ขอโทษนะคะ น้องซอลืมแนะนำ นี่พี่ทิฟฟานี่ค่ะ แล้วนี่พี่ชางมิน” ซอฮยอนพูดขึ้นเพราะชางมินจะมองทิฟฟานี่นานไปแล้ว
     

    เวลาผ่านไปได้สักพักชางมินแทบไม่แตะอาหารบนโต๊ะเลย จะมีก็แต่จิบน้ำเย็นพร่องไปนิดหน่อย
     

    “คุณชางมินไม่ทานอะไรเลย อาหารไม่ถูกปากหรือค่ะ” ทิฟฟานี่ถามขึ้นเพราะเธอสังเกตได้
     

    “จริงด้วย..เดี๋ยวน้องซอสั่งให้พี่ชางมินใหม่ละกันนะคะ”
     

    “ไม่เป็นไร พี่ไม่ค่อยหิว”
     

    “ว่าแต่คุณทิฟฟานี่อายุเท่าไรครับ ขอโทษด้วยที่เสียมารยาทเพราะเห็นน้องซอเรียกคุณว่าพี่”
     

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฟานี่ไม่ถือ ฟานี่อายุ20มากกว่ายัยซอปีหนึ่งค่ะ” ทิฟฟานี่เป็นคนน่ารักพูดจาให้ความเป็นกันเองแม้แต่คนที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก
     

    “อายุคุณมากขึ้นด้วยเหรอ..”
     

    “คุณชางมินล่ะก็.. พูดแปลกจัง” ทิฟฟานี่นึกขำในใจ
     

    “อย่าใส่ใจเลยครับ..ไม่มีอะไรมาก คุณเหมือนใครคนหนึ่งที่ผมรู้จักแต่เขาอายุแค่19เท่านั้น” ชางมินพูดไปยิ้มไปตอนนี้ร่างบางตรงหน้าเขาจะมองดูอย่างไงก็ใช่เธอ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ หน้าตา กลิ่นตัวที่หอมในแบบเดิมหรือน้ำเสียง แต่แปลกมากเธอกลับจำอะไรไม่ได้เลย แถมเลือดอุ่นฝาดจนแก้มและริมฝีปากเป็นสีแดงระเรื่อ เจ้ากลายเป็นมนุษย์ไปแล้วสินะ...

     

     

              “ขอฉันไปบอกลาเขาก่อนจะได้ไหม”

              “เธอไม่ควรได้พบเขาเลยนั่นแหละดีที่สุด ลาก่อน...”

    หยุดนะ!!!

    “ปล่อยนางเดี๋ยวนี้” ร่างสูงโกรธจัดจนตัวสั่นเทา

    “แต่นังนี้มันเป็นแวมไพร์ ผีดิบดูดเลือด บาปที่พระเจ้าลงโทษ พวกท่านควรจะเลิกรักมันได้แล้ว.. ตายซะ

    “!!!!!


     

     30%

     

     

     

    1ปี ผ่านไป (ไวเพราะโกหก)
     

              “ฟานี่เอ๋ย... อยากจะทำงานอย่างคนอื่นเขา กลับมัวแต่นอนฝันเรื่องบ้าๆอยู่ได้ นี่ก็ปาเข้าไปเก้าโมงแล้วจะทันสัมภาษณ์ไหม..” ทิฟฟานี่วิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์ รีบคว้ากุญแจรถพอร์ชสีขาวคันงามคู่ใจ
     

                “ให้คนขับรถ ขับไปส่งไหมลูก” ท่านทูตรีบถามลูกสาวคนสวยเมื่อเห็นเธอรีบเร่งขนาดนั้น กลัวจริงๆยิ่งเป็นคนขับรถเร็วอยู่
     

                “ไม่ค่ะแด๊ด ฟานี่รีบมากก..เลย.” ร่างบางหน้าทะเล้นพูดจบไม่ลืมที่จะจุ๊บแก้มท่านทูตก่อนไป

     

     

     Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
     

    “ว่าไง...   อืมรู้แล้ว...   ฉันก็อยู่เกาหลีแล้วไง...   จะกลับบ้านก่อนช่วงเย็นถึงเข้าไป...  ถ้ามันด่วนมากนักแกก็สำภาษณ์ไปเองเลยสิจะมารอฉันทำไม...  แต่ถ้าฉันเข้าไปแล้วไม่ประหลาดใจอย่างที่แกบอกล่ะ เตรียมตัวตายอีกครั้งได้เลย”  เจ้าชางมินทำตัวแปลกๆไม่รู้ว่าเป็นอะไรของมัน ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาพยามรบเร้าให้ผมมากรุงโซล
     

    “กลับรถ...ฉันจะเข้าบริษัท” ยุนโฮหันหน้าไปสั่งคนขับรถ


     

     

     

     ประเทศโรมาเนีย ในช่วงทศวรรษที่ 12

    “เอ่อ... หมออยากให้นายท่านทำใจ อาการของเธอมันหนักกว่าที่หมอคิดไว้ เธอจะอยู่ได้อีกแค่2วันเท่านั้น”

    “ไม่มีทาง!!  ได้โปรด..หมอต้องช่วยคู่หมั้นผม ต้องช่วยให้ได้ ได้ยินไหม!!  ไม่เช่นนั้น..คุณก็เตรียมตัวตายได้เลย!! ฮึก..” ยุนโฮทั้งช็อก ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ อารมณ์ตอนนี้มันประสมประเสกันไปหมดเกินกว่าจะควบคุมได้

    “นายท่าน... ถึงแม้เธอจะไม่แสดงอาการออกมาให้นายท่านเห็น แต่ขอให้นายท่านรู้เอาไว้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดทรมานมาก ร่างกายและจิตใจของเธอสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว หมออยากให้นายท่านปลดปล่อยเธอไป เธอจะได้ทรมานน้อยที่สุด หมอวางยารักษาที่ดีที่สุดไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง เธอได้ตัดสินใจแล้ว ขอให้นายท่านเข้าใจ และเธอยากจะบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย เชิญข้างในเถอะครับ”

    ผมค่อยๆผลักประตูบานใหญ่ก้าวเข้าไปในห้องอย่างช้าๆก็เพื่อประวิงเวลา ให้เธออยู่กับผมให้นานที่สุด...   ภาพตรงหน้าตอนนี้ทำให้ผมต้องพยายามเก็บอาการให้เป็นปกติ ไม่อยากให้เธอเป็นกังวลไปมากกว่านี้  ร่างบางที่ผอมโกรกไร้เรี่ยวแรง นั่งพิงเหยียดยาวอยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาคู่สวยมองเหม่อไปนอกหน้าต่าง

    “หิมะตกแล้ว... ผมปิดหน้าต่างดีกว่าเดี๋ยวคุณจะหนาว”

    “ชางมินยังไม่กลับอีกเหรอค่ะ”

    “ไม่ต้องเป็นห่วง..เขาเอาเสื้อกันหนาวติดไปแล้ว”  เธอเจ็บจนไม่มีแรงจะพูดอยู่แล้ว แต่เธอยังเป็นห่วงคนอื่นอีก คิดแล้วมันน่าโมโหจริงๆเลย

    “ไม่ให้ห่วงได้ยังไงค่ะ วันๆชางมินเอาแต่ตะลอนตามหาหมอมารักษาฉันจนไม่เป็นอันกินอันนอน”

    “..................”

    “ยุนโฮค่ะ...” เธอเอื้อมมืออุ่นนั้นมาจับมือผม

              “ฉันฝากบอกชางมินด้วยว่าอย่าเสียใจ.. โรคระบาดแบบนี้ไม่มีใครรักษาได้หรอก ” คำพูดนี้ทำผมก้มหน้านิ่ง

    “ฉันเหนื่อยมาก อยากพักแล้วค่ะ ขอน้ำให้ฉันทานยาหน่อยได้ไหม...”

    ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกต่อไป โผเข้ากอดร่างบางไว้แน่นกลัวว่าเธอจะหายไปกับอากาศ ทิฟฟานี่ร้องไห้ตัวสั่นเทาในอ้อมกอดของผม

    “ฟานี่... ผมเกลียดตัวเองเสมอที่ไม่สามารถให้ความอบอุ่นคุณได้ ผมเสียใจฟานี่..แต่ได้โปรดคุณต้องอยู่กับผม เราจะแต่งงานอยู่ด้วยกันตลอดไป ความตายจะไม่สามารถพรากคุณไปจากผมได้”

    “อย่านะคะยุนโฮ คุณก็รู้ว่าฉันไม่ต้องการ การมีชีวิตที่เหลืออย่างทรมานตายทั้งเป็น อย่าทำให้ฉันต้องเกลียดตัวเอง”

    “...........................”

    “ ฉันหวังว่าคุณจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป..”

    “........................”

    “ต่อจากนี้ฉันจะไม่เป็นอะไรแล้ว ได้โปรด..ปล่อยฉันไป โปรดจำไว้ ฉันรักคุณมากยุนโฮ..”

    “ได้โปรด  ทำไม..ฟานี่”  ผมไม่เข้าใจ เธอรักผม แต่เลือกที่จะหยิบความตายเม็ดนั้นเข้าปากกลืนลงคอไป คนที่ผมรักมากที่สุดกำลังจะจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมช้อนตัวเธอจากที่นอนเข้ามากอดไว้ที่อกรู้สึกได้ถึงลมหายใจรวยริน

    “ขอโทษนะทิฟฟานี่ ผมทำใจไม่ได้จริงๆ”  คุณอยู่อย่างเกลียดผมมันยังดีเสียกว่า และนี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้

    กัด!! เข้าที่ลำคอขาวของเธอ

      

     

    “สวัสดีครับ/ค่ะ ยินดีต้อนรับครับ/ค่ะ”
     

    “เชิญครับ...”  พนักงานต้อนรับของบริษัทมาเปิดประตูรถมายบัคสีดำเงาสุดหรู พร้อมโค้งเก้าสิบองศา
     

    “..............”
     

    “ท่านประธานครับ.. ถึงบริษัทแล้วครับ”
     

    “อืม..” ยุนโฮสวมแว่นกันแดดสีดำสนิทยืนตระหง่านอยู่หน้าตึกของบริษัท
     

    “คุณผู้หญิงครับ!! จอดรถตรงนี้ไม่ได้นะครับต้องไปที่ลานจอดรถ” เสียงรปภ.ดังมาจากข้างหลังเขา
     

    “แล้วทำไมอีคันข้างหน้าถึงจอดได้ล่ะ ฉันรีบ!! นี้กุญแจรถ เลื่อนไปเก็บให้หน่อยละกัน”
     

     “เดี๋ยวสิครับคูณ!!”รปภ.


     

    เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายของชอง ยุนโฮ ร่างสูงที่ยืนนิ่งกำลังประมวลภาพที่เห็น
     

    “ฟานี่.. ฟานี่ รอผมด้วย!!”  ผมวิ่งตามเธอไม่ทันประตูลิฟท์นั้นปิดไปเสียก่อน
     

    “มีอะไรหรือเปล่าค่ะท่านประธาน?” พนักงานประชาสัมพันธ์ตกใจวิ่งกูเข้ามาถาม
     

    “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เธอเป็นใคร??”
     

    “คุณทิฟฟานี่ เธอเป็นแขกของคุณชางมินค่ะ”
     

    “งั้นคุณช่วยตามคุณชางมินมาพบผมที่ห้องด้วย”


     

    60%
     

    ชางมิน!! แกกำลังจะทำอะไร?” ยุนโฮกระแทกเสียงถามทันทีที่ประตูปิดลง
     

    “ก็ให้รีบมาสัมภาษณ์เลขาส่วนตัวของพี่ไง ไม่เห็นต้องโมโหเลย ถ้าไม่อยากสัมภาษณ์เดี๋ยวผมสัมภาษณ์เองก็ได้”
     

    “ทำไม?? แกถึงไม่บอกฉันเรื่องทิฟฟานี่..”
     

    “พี่รู้แล้ว..”
     

    “ฉันเห็นทิฟฟานี่อยู่ที่นี่!! “ ยุนโฮกระชากคอสูทหรูจนหน้าชางมินโน้มเข้ามาใกล้
     

    “ผมก็พยายามมาเป็นปีที่ให้พี่มาโซล..แต่พี่เลือกไม่มาเองนะ” ชางมินเริ่มมีอารมณ์บ้าง
     

    “แกไม่บอกฉันตั้งแต่แรกล่ะว่าเจอทิฟฟานี่แล้ว ฉันจะได้มาทันที”
     

    “..................................”
     

    “ทำไม?? บอกฉันสิชางมิน”
     

    “ทิฟฟานี่ไม่เหมือนเดิมแล้ว.. ลืมไปหมด.. จำอะไรไม่ได้เลย ผมเหมือนเป็นเพื่อนใหม่สำหรับเธอ”
     

    “ตอนนี้ทิฟฟานี่อยู่ไหน ฉันจะไปหาเธอ” ยุนโฮเป็นกังวลกับสิ่งที่ชางมินบอก
     

    “อยู่ในห้องทำงานของผม พี่รออยู่ที่นี้ดีกว่าผมจะไปพาเธอมา แต่พี่ต้องระวังหน่อย ถ้าไม่อยากจะเสียเธอไปอีกเข้าใจไหม”

     

      

    ประตูบานใหญ่เปิดออกต้อนรับร่างบางที่กำลังก้าวไปข้างในช้าๆ นับว่าเป็นการสัมภาษณ์งานครั้งแรกและมันสำคัญกับทิฟฟานี่มาก เธอจึงมีอาการตื่นเต้นเป็นพิเศษ
     

    “ส..สวัสดีค่ะ ดิฉันทิฟฟานี่ ฮวัง มิยอง...”  ทิฟฟานี่สบตากับยุนโฮที่จ้องมาที่เธอเขม่ง
     

    “..............................”  ยุนโฮ /เสียงหัวใจเต้น..นี่เธอเป็นมนุษย์?!?
     

    “..............................”  ชางมิน /ใช่!! เพราะเหตุนี้ไงผมถึงให้พี่มาโซล แทนที่จะพาเธอกลับโรมาเนีย
     

    “.............................”  ยุนโฮ / เป็นไปไม่ได้..ทุกอย่างในตัวเธอคือทิฟฟานี่ ยกเว้นแต่ความเป็นมนุษย์
     

    “............................”  ชางมิน /ทิฟฟานี่ของพี่เธอตายไปนานแล้ว
     

    “............................”  ยุนโฮ/ ฉันไม่เชื่อ..

     

          5นาทีผ่านไป
     

    “จะคิดแบบนี้กันอีกนานไหมค่ะ” ทิฟฟานี่ทนไม่ไหวหลุดปากออกมา ไม่ถามอะไรจ้องหน้ากันอยู่ได้
     

    “ฟานี่.. คุณได้ยินผมด้วยเหรอ” ชางมินตกใจหันควับมาถาม
     

    “เปล่าค่ะ แต่เห็นเงียบไปนานไม่สัมภาษณ์สักที” ทิฟฟานี่จับปากตัวเองที่หลุดมาเป็นครั้งที่สอง ” ต้องขอโทษนะคะดิฉันใจร้อนไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะก้าวร้าวคุณจริงๆนะคะ”
     

     “คุณออกไปได้แล้ว..” ยุนโฮเสียงแข็ง
     

    “โอ๊ะ!! อย่าเพิ่งโกรธดิฉันเลยนะคะ ฟานี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” 
     

    “ชางมิน..ช่วยฟานี่ด้วยสิ”
     

    “พี่ก็...” ชางมินยังไม่ทันที่จะพูด
     

    “แกก็ด้วย!! ออกไปให้หมดนั้นแหละ..”  ยุนโฮไม่ได้โกรธใครทั้งนั้น เขาเพียงกำลังเจ็บปวดและสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
     

     ทิฟฟานี่ T^T
     

     ชางมิน :)
     

    “จะยิ้มอะไรนักหนาคนกำลังกลุ้มใจ พี่นายนี่ก็แปลก คนอะไรดุเกิน.. ไม่ฟังเหตุผลคนอื่นเลย”
     

    ชางมิน :)
     

    “ แล้วอย่างนี้เขาเรียกว่าตกสัมภาษณ์งานใช่ไหมเนี้ย??” ทิฟฟานี่ T^T
     

    555 ซะที่ไหน เธอได้งานเป็นเลขาส่วนตัวของฉันต่างหาก  ดีใจไหม??”
     

    “จริงเหรอชางมิน ฟานี่ทำได้ใช่ไหม” เพราะการได้ทำงานทำ เป็นการพิสูจน์ให้พ่อของเธอเห็นเสียทีว่าเธอโตเป็นผู้ใหญ่สามารถดูแลตัวเองได้แล้ว  ทิฟฟานี่ยิ้มร่าใส่ชางมิน จนเขาลืมตัวเอื้อมมือไปจับหัวคนน่ารักตรงหน้าโยกไปมาอย่างมีความสุข

      

    “ชางมิน.. ที่ไม่บอกฉันเพราะอย่างนี้มากกว่า คิดว่าทิฟฟานี่คนนี้เกิดมาเป็นของแกสินะ”

     

    ทุกสิ่งที่รวมเป็นเจ้าช่างงดงามเหลือเกิน แม้แต่รัตติกาลอันมืดมิด ก็ยังไม่สามารถจะบดบังความงาม ที่สะท้อนแข่งแสงจันทร์  ร่างหนานั่งลงข้างเตียงนุ่ม มือหยาบปัดปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้าสวยได้รูป หลายครั้งแล้วที่เขาแอบเข้ามาเพ่งมองทิฟฟานี่ในยามหลับแบบนี้

     

    “ฝันร้ายหรือครับคนดี..”  มือหนากุมมือเธอไว้แน่นอย่างห่วงแหน และอดไม่ได้ที่จะจุมพิตมือนุ่มนั้น


     

     


     



     

    :) Shalunla

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×