คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่02 :: ห้องตรงข้าม
สองเท้าย่างก้าวออกจากหอชายทรามวัยใจกระเต้าะ พร้อมกระเป๋านักเรียนยี่ห้อจาคอบราคาหลายพันที่คุณแม่ซื้อเพื่อต้อนรับการเข้าโรงเรียนชายล้วนชื่อดังได้ ก่อนที่ผมจะเกือบสะดุดล้มหน้าคะมำเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากใครบางคน
“ จะเข้าเรียนอยู่แล้ว เพิ่งออกไปเรียนหรือไง “ แน่นอน คนๆนั้นคือพี่ไคทรามวัยใจของน้องฮุนสุดที่รักที่กำลังเดินติดกระดุมเสื้อมาสภาพหลุดลุ่ยเหมือนเพิ่งโดนรุม … รุมต่อยอะ ไม่ใช่รุมโทรม อย่าคิดลามกกันสิ
“ ก็ .. ก็ผมตื่นสายนิดหน่อย “ ตอบเสร็จก็เอามือเกาผมให้มันน่ารักน่าหยิกน่าเอ็นดู
.” อยู่สายอะไรล่ะ “
สายใยรักทักถอใจถึงพี่ไคอะครับ
คิดว่าผมกล้าตอบปะวะ ไม่กล้าไง 555555555555555555555555555555555555555
“ สายวิทย์ห้อง 4-A อะพี่ “ นั่นบอกห้องไปด้วย เผื่ออยากแวะมาหา ห้องคิงซะด้วย คนอะไรวะ หน้าตาดี แล้วเสือกฉลาด นี่ไม่มีใครชม ชมตัวเองก็ได้ เก่ง
“ อืม งั้นก็เดินไปกับกูละกัน กูเรียนห้องตรงข้ามมึง “
เหยดโด่ว ! เจ้าพระคุณรุนลอดช่องสิงคโปร์ บนอินโทรตอนเดียวนี่ส่งผลยาวมาถึงตอนนี้เลยหรอ ว้าว แม่เจ้าเอ้ย
หลังจากที่พี่ไคชวนผมเดินเคียงข้างไปตึกเรียนแล้วผมก็เดินข้างๆพี่ไคตัวดำคมเข้ม กับมองสีผิวตัวเองที่ขาวเหมือนแดกกลูต้ามาสิบขวด ช่างเหมาะสมเหมือนทางม้าลายอะไรอย่างนี้นะ ถ้าเดินกับคนอื่น พี่ไคจะไม่รับรู้ถึงความรู้สึกทางม้าลายเท่าตอนนี้นะ นี่อยากบอกมากเลย แต่ก็ได้แต่สงบปากสงบคำมองพี่ไคหาวรอบที่สิบร้อยพัน
จะง่วงอะไรหนักหนาวะห้ะ อยู่กับผมพี่ต้องคึกคักสิ !
“ จะมองกูอีกนานมั้ย “ นั่น รู้ตัวด้วยว่าผมแอบมอง ดังนั้นตามฉบับละครไทยเมื่อรู้ว่าพระเอกแอบมอง เราจะต้องพูดว่า
“ก็อีกนานอะครับ หันหน้ามาให้ดูชัดๆหน่อย “ พอพูดจบไอพี่ไคก็เซหน้าไปอีกทางหนึ่ง เห้ย ผมสิต้องเป็นคนที่เขิน ไม่ใช่มึงนะพี่ไค ไม่ใช่เว้ยไม่ใช่ นีมันผิดบทละ เปลี่ยนชื่อฟิคเป็น HUNKAI เลยดีมั้ย
“ มึงชื่ออะไรนะ โอเยซุน ? “ เยซุน เยซุน เยซุนอะไรวะพี่ นี่ชื่อผมเซฮุนนะ แม่เคยบอกว่ามันมีที่มาจากเซมากูเตะ แต่คุณแม่เปลี่ยนคำท้ายเป็นเซมากูฮุน สักพักชื่อมันยาวเกินเลยเป็นเซฮุน
อืม ตามนั้นละแต่พอได้เป็นแฟนกับพี่ไคอาจจะมีชื่อว่า เซมากูจูบก็ได้
“โอ เซ ฮุน “ เออ นี่ผมสะกดชื่อให้พี่ละนะ พี่ต้องจำชื่อผมให้ได้นะเว้ย แบบเราต้องรู้จักกันไปตลอดชีวิตเว้ยพี่
ผมกับพี่ไคเดินขึ้นไปบันไดชั้นสอง จากอาคารเรียน 12 ชั้น และห้องเรียนผมกับพี่ไคอยู่ชั้น 6 ซึ่งไม่เข้าใจโรงเรียนเหมือนกันว่าทำไมไม่ให้ใช้ลิฟท์ คือไม่งั้นมึงจะสร้างมาทำเพื่ออะไรครับ นี่ค่าเทอมกูเอาไปทำไรหมดเนี่ย ค่าเทอมก็แพงแต่ให้พวกผมเดินขึ้นบันได ถ้าวันนึงน่องโป่งขึ้นมาต้องทำการผ่าตัดน่อง โรงเรียนมันจะรับผิดชอบผมมั้ยวะ
“ ถึงละ เข้าห้องเรียนไป “ พี่ไคบอกผมหลังจากเราเดินน่องโป่งมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างห้องเขาเราสองคน แต่ไม่ไล่เปล่า พี่ไคเสือกเอามือมาผลักหัวผมเบาๆ
คิดว่าทำงี้เมะมากปะวะ เออครับ เมะชิบหายเลย …
“ พี่ก็ตั้งใจเรียนนะ “ คำสั่งจากน้องฮุนสุดหล่อ ผมฉลาดละพี่ต้องฉลาดตามผม แต่จากการที่พี่อยู่ห้อง 5-A สายวิทย์ อันนี้ก็ฉลาดพอสมควร ยกเว้นพี่ไคจะยัดเงินใต้โต๊ะให้ผอ. โรงเรียนนั่นแหละ
หลังจากผมเข้าห้องเรียนไป ผมก็เจอไอแบคหมาน้อยสุดที่รัก เมทสุดที่รัก ที่ตื่นก่อนแต่ไม่ปลุกผม แล้วโผล่มาอยู่ในห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเลิศประเสริฐอะไรเยี่ยงนี้นะ
“ ทำไมมึงมากับพี่ไคได้วะ “ นั่น เรื่องเสือกขอให้บอก แบคพร้อมเสือกสินะ
“ เจอกันหน้าหอว่ะ แล้วตอนเช้ามึงหายไปไหน “
“ ก็กูตื่นมาฉี่แล้วขี้เกียจนอนต่อ เห็นมึงนอนอยู่ ขี้เกียจปลุก “ ตอแหลมากว่ะ สายตาลุกลิกงี้ โกหกชัดๆ อยากจะเอาตีนถีบหน้ามันสักทีข้อหาโกหกผม แต่เป็นคนดีพอว่ะ
“ สวัสดีทุกคน เราชื่อคิมจงแด แต่ที่บ้านเรียกเฉินเฉิน เราอยากให้ทุกคนเรียกเราว่าเฉินเฉินด้วย ซึ่งคุณครูมอบหมายให้เราเป็นหัวหน้าห้อง ดังนั้น เราขอมาแจ้งกิจกรรมที่รุ่นพี่บอกให้เรามาบอกต่อ “ ผู้ชายตัวขนาดปานกลาง หน้าคล้ายๆคนธรรมะธรรมโม สงสัยอยากได้บทสวดมนต์ต้องไปหามัน เผื่ออาจจะมี
“ กิจกรรมแรกคือเรื่องสภานักเรียนมอสี่ ใครจะเป็นมาลงชื่อไว้ตรงนี้เลย “ ว่าแล้วเฉินเฉินก็เอากระดาษเปล่าตั้งไว้ตรงโต๊ะแรก ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ลงสภานักเรียนแน่ๆ ทุกวันนี้ผมยังจัดการปัญหาในหัวสมองผมยังไม่ได้เลย ที่ผมเวิ่นๆ ผมยังจัดการมันไม่ได้เลย ให้ผมจัดการคนอื่น บัยส์
“ มึงจะลงมั้ยฮุน “ แบคหันมาถามผม ซึ่งแน่นอนดูจากสีหน้าแบคละ มันกับผมไม่ค่อยต่างกันเท่าไรหรอก จัดการความเวิ่นเว้อในหัวสมองตัวเองยังไม่ค่อยได้
“ ไม่ว่ะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก …
เสียงเคาะประตูทำให้คนทั้งห้องหันไปทางประตูตามแบบฉบับนักเรียนทุกห้องทุกโรงเรียน และผมกำลังจะเอ่ยปากบ่นกับแบคว่าถ้ามึงจะเคาะประตูแล้วเข้ามาเล มึงไม่จำเป็นต้องเคาะก็ได้นะ
“ โทษที ชานยอลมันสั่งให้มาอธิบายเรื่องสภานักเรียน “ อือหือ เสียงหล่องี้มีแค่คนเดียว พี่ไคของผม จากกันไม่ถึง 30 นาที มาเจอกันอีกแล้วประหนึ่งจุดธูปเชิญ
พี่ไคพูดจบพี่ไคก็เดินมาหน้าห้องมาพูดอะไรบลาๆๆ คิดว่าผมจะฟังเหรอไงละ เพราะยังไงผมก็ไม่สนใจไอพวกสะพานนักเรียนอยู่ แต่ที่ผมจ้องพี่ไคเหมือน ดังนั้นผมจึงขอจ้องมองพี่ไคแทนที่จะฟังละกันนะครับ ซึ่งพี่ไคดูเป็นมือโปรในเรื่องแบบนี้มากผิดจากวันเข้าหอวันแรกที่แทบจะเดินหลับมาแนะนำตัว พ่อคนหล่อ พ่อเงาะถอดรูปของฮุน
“ ตามนี้ละ ใครสนใจก็ลงชื่อหน้าห้องด้วย เข้าใจมั้ย “ คนอะไรก็ไม่รู้ พูดจาก็ห้วน แต่มีเสน่ห์ที่สุด ทำอะไรก็ดีในสายตาผมหมดละ ตดกลิ่นยังหอมเลยมั้ง
“ เข้าใจครับ “ เสียงตอบรับคนในห้องพร้อมเพรียงกัน แล้วพี่ไคก็ยิ้มบางๆ มองคนที่เดินไปลงชื่อเป็นสภานักเรียน โถ่ หล่อละเกิน พ่อคุณ
“ แล้วนั่นไม่มาลงชื่อด้วยเหรอไง “
หืม
นั่นไหน
มองมาที่ผมทำไม เรียกผมหรอวะ
คิดยังไม่ทันฉี่เสร็จพี่ไคก็เดินตรงมาที่โต๊ะผมพร้อมกระดาษสีขาวที่มาวางอยู่ตรงหน้าทาบทับด้วยปากกาน้ำเงิน ผมจึงเงยหน้าไปมองคนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ตอนนี้
“ ลงด้วยสิ “ นั่น อยากให้ลงก็บอก ไม่ต้องมาทำตีหน้าโหดใส่ คิดว่าเท่หรอไง
“ ผมขี้เกียจ “ ต่อให้ผมจะรักพี่แค่ไหน แต่ความขี้เกียจมันชนะทุกอย่างนะพี่ไค ทุกวันนี้ความสูงที่ได้มันไม่ใช่ความสูงจากขาหรอก มันคือความสูงจากสันหลังเอง
“ ลงๆไป มาอยู่กับกู … เราด้วยชื่ออะไรนะ ? แบคเปล่า ? พี่ลู่สั่งมาว่าให้ลงด้วย “
อืม .. ก็บอกแล้วไงไม่อยู่
ไม่อยู่ก็บ้าละ มาพูดแบบนี้ ยังไงก็ต้องอยู่
เรื่องจัดการตัวเองไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ขอจัดการหัวใจก่อน มันสั่นแบบไม่ไหวแล้วว่ะ
ตอนพักเที่ยงผมกับแบคมากินข้าวที่โรงอาหาร ซึ่งมันก็คนเยอะเหมือนกับหมดเจอเหยื่อนั่นละ ซึ่งแน่นอนว่าผมทั้งเบียดทั้งแซงกว่าจะได้ข้าวมาสองจานคือคะน้าหมูกรอบไข่ดาวทั้งคู่ ก่อนจะหาโต๊ะว่างและกว่าจะหาได้ก็เอาแทบเหงื่อไหลเอาไปทำเกลือถุงได้สักสองสามโล
“ มึงกับพี่ลู่เป็นไรกับแบค “ เมื่อผมนั่งลงบนเก้าอี้ละผมจึงหันถามแบคที่กำลังนั่งเขี่ยคะน้าในจานข้าวซึ่งผมก็เป็นเหมือนกัน การสั่งคะน้าหมูกรอบไม่แดกคะน้านี่คือสไตล์หนึ่งของผมเช่นกัน ช่างแม่งแถอะ อยากแดกไรก็แดกไปครับ โตๆกันแล้ว
“ เป็นไรวะ ไม่เป๊น “ นั่นเสียงสูงเป็นจังหวะโดเรมีฟาซอลลาซีเลยนะไอเพื่อนแอนิมอล
“ แล้วพี่ลู่จะสั่งให้มึงลงสภานักเรียนทำไม “
“ ก็ .. แบบ .. ไอเหี้ยยยยยยยยยย ! “
พวกมึงอ่านกันไม่ผิดหรอกครับ ไอเหี้ยนี่คำสบถของแบคที่ตกใจมากหลังจากไอคนที่พูดถึงมันโผล่มาด้านหลังแบคและยื่นหน้ามาหา
“ นินทาไรพี่กันหรอ “ โห หูไวชิบหาย อยากจะตบมือเป็นจังหวะลูกเสือชมเชยมึงละเกินพี่ลู่ นินทามึงสองบรรทัดละโผล่มาเนี่ย
“ โต๊ะว่างอีกสี่ที่ กูขอนั่งด้วยคนดิ “ ผมละสายตาจากพี่ลู่ไปมองคนพูด หืม .. ไอพี่ไคอีกละหรอ นี่มึงรู้ว่ากูแอบชอบมึงใช่มั้ยเนี่ย ถึงโผล่มาเช้าก่อนเที่ยงเที่ยงเนี่ย และการที่มึงขออนุญาตแล้วมึงนั่งเลยมึงไม่ต้องรอคำตอบจากกูเลยใช่มั้ยพี่ไค สงสัยรู้คำตอบอยู่ละว่าผมต้องตอบตกลง
แต่ประเด็นคือผมกับแบคนั่งตรงข้ามกัน
แล้วพี่ลู่ก็ไปนั่งข้างแบค
ส่วนพี่ไคก็เดินมานั่งข้างผม
โห ข้าวก็ข้าวเถอะ ผมเขินจนกินไม่ลงละชิท !
“แล้วไอยอลกับไอคริสไปไหน “
“ ไม่รู้ว่ะ ตอนจะลงมาจากห้องสภาเห็นเถียงกันเรื่องอะไรอยู่ไม่รู้ “ พูดไปเคี้ยวไปมารยาทไม่ดีเลยนะพี่ไค อยากจะตีมือให้บวม แต่ได้แค่คิด …
เพียะ
แค่คิดที่ไหนละ แง มือมันไวกว่าความคิดว่ะ
“ ตีมือกูทำไม “ ตัวเองทำไมต้องทำหน้าโหดใส่เก๊าด้วยอ่า … มือมันลั่นอะมือมันลั่น
“ ก็พี่พูดไปกินไป “ นั่น ขมวดคิ้วมองผมอีกละ นี่ทุกครั้งที่พี่คุยกับผมพี่จะขมวดคิ้วทุกเลยหรือเปล่าวะ คุยกับผมมันน่าเครียดขนาดนั้นใช่มั้ย ได้นะได้ อืมๆ
“ งั้นที่มึงนั่งเขี่ยข้าวเล่น กูควรทำไงวะ “
“ เขี่ยข้าวอะไรเล่า ผมกินอยู่ไง “
เพียะ
“กินข้าวให้หมด ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้วมั้ง “
อืม
ดีดเหม่งผม
คิดว่ามุ้งมิ้งมากเลยหรือไงพี่ไค
ก็พอสมควรว่ะ
จบเถอะ
กูฟินละวันนี้
สุขสันต์วันปีใหม่ครับๆๆ มีความสุขกันมากมากนะครับ
ตอนที่สองละ เรื่องมันเดินเร็วไปหรือเปล่าวะ 5555555555
จะเวิ่นจะบลาๆถึงฟิคในทวิตเตอร์ รบกวนติดแท็ก #ฟิคอะไรก็ไม่รู้สินะ
แล้วก็อย่าขำจนฟิคแหกนะครับ รัก T _ T
ความคิดเห็น