ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [GOT7 Markbam] Love Announcement รักก็บอก

    ลำดับตอนที่ #27 : EP24 Im here (100%) - NC

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.28K
      34
      14 ม.ค. 58

    Youngjae’s Part

     

    อะไรๆมันก็ดูชัดเจนขึ้นเยอะเลย ตั้งแต่ผมตัดสินใจเลิกกับเจบีฮยองไป จนบางทีผมก็รู้สึกว่ามันชัดเจนเกินไปด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เป็นคนบอกเลิกเองแท้ๆ แต่กลับเสียใจมากยิ่งกว่าอีก

     

    ฮยองผมว่าเราเลิกกันเถอะ

     

    ‘…..’

     

    ฮยอง..ฟังผมอยู่รึเปล่า

     

    ทำไม..’

     

    ขอโทษฮะ..แต่เราเป็นแค่พี่น้องกันดีกว่านะครับ

     

    นายหมดรักฮยองแล้วหรอ

     

    ผมขอโทษฮะ..ฮึก..แต่..ก็ต้องพูด..ฮึกๆๆ ว่า ใช่

     

    อ่า..ฮยองคงดูแลนายไม่ดีใช่ไหมหล่ะ อื้มม ฮยองขอโทษนะ เรากลับมาเป็นพี่น้องกันก็ได้นะครับ

     

    ไม่ครับ..ผม..ผิดเอง ขอโทษนะครับ

     

    แต่ก็ถือว่าดีแล้วที่ผมตัดสินใจแบบนั้นไป ผมจะได้ทิ้งความรู้สึกผิดออกไปจากใจสักที ถึงแม้มันจะไม่ออกไปหมดก็ตามเถอะ ซึ่งมันก็ไม่น่าเชื่อว่าผมจะตัดใจทิ้งเจบีฮยองลง..และไม่อยากจะเชื่ออีกว่าผมกลับเลือก..เอ่อ..แจ็คสันฮยอง

     

    หลังจากวันนั้นสองสามวันแบมแบม ผม และยูคยอม ตัดสินใจไปกินไอติมกันที่ห้าง แล้วกะว่าจะเดินเล่นกันต่อ แต่ก็เป็นเพราะผมเองที่ทำให้แผนมันล่มหมดเลย อาจจะเป็นเพราะผมเหม่อลอยมัวแต่คิดถึงไอ้บ้าที่อยู่ฮ่องกงตลอดเวลา แถมยังกังวลอีกด้วยว่าคนตรงนู้นมันอยากจะลืมผมไปรึยัง ติดต่อก็ไม่ได้ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ..

     

    เพราะเป็นแบบนั้นแบมแบมเลยเลือกที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านแทนที่จะไปเดินเล่นกันต่อ อ่าผมพาทำบรรยากาศเสียสินะแต่มันก็ทำให้ผมเห็นบางคนที่ผมยังไม่พร้อมจะเจอ

     

    เจบีฮยองกับจูเนียร์ฮยอง..

     

    รู้สึกเฮิร์ทแปลกๆแฮะที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ เหมือนกับว่าเค้ากำลังสบายใจมากกว่าที่ต้องเลิกกับผม อยู่ๆมันก็รู้สึกเจ็บ ก็นะผมก็เคยรักฮยองเค้ามากนิพอเห็นพวกเค้าสองคนดูมีความสุขมันพลอยทำให้ใจหวิวหวิวไปด้วย แต่ทำไงได้มันไม่ใช่เรื่องของผมแล้วนี่หน่า วันนั้นผมเลยเลือกที่จะรีบออกมาจากตรงนั้น เพราะทำใจที่จะยืนดูสองคนนั้นไม่ได้

     

     

     

    Jackson’s Part

     

    จริงๆผมแค่อยากไปพักใจที่บ้านเกิดผม พอเหงาๆก็เลยสไกป์หาเนียร์น้อยบ้าง ไอ้มาร์คบ้าง แต่คนที่ผมไม่กล้าสไกป์หาที่สุดก็คือไอ้บี ไม่รู้สิครับคนมันมีความผิดติดตัว ผมทำเลวกับมันไว้มากมันก็เลยไม่กล้า

     

    ว่าแล้วผมสไกป์หาไอ้มาร์คดีกว่า เพราะนั่งๆนอนๆอยู่บ้านมันก็เหงาเป็นธรรมดา รอสักพักมันก็กดรับ

     

    “ไอ้มาร์ค!!!

     

    (เป็นเชี่ยไรไอ้เฮีย) อยากด่าก็ด่ามาเหอะ อย่ามาแอ๊บเรียกเฮีย

     

    สงสัยโดดเรียนไปนั่งอยู่ห้องชมรมใช่ไหมเนี่ย ผมจำสีโซฟาได้ พอเห็นหน้ามันแล้วอยากนึกแกล้งวุ้ย..เข้าใจหน่อยนะเพื่อนมาร์ค กูอยู่นี่กูเหงา

     

    “สาสไม่คิดถึงกูหรอครับ น้องแบมของกูเป็นไงบ้าง”

     

    (เสือก!!) มันตอบกลับมาแทบจะทันที แถมดึงคนที่ผมเพิ่งกล่าวถึงเข้ามาร่วมเฟรมอีก โอ้โหๆ มีโอบด้วย

     

    “โอ๊ะ!! น้องแบม เดี๋ยว!!!ตกลงปลงใจกันแล้วหรอวะ เห้ยไอ้มาร์ค ปล่อยกูตกข่าวได้ไงวะ ไอ้เพื่อนเลว” ผมเอามือทึ้งหัวตัวเอง ทำท่าทีว่ารับไม่ได้ หมั่นไส้แม่งครับ

     

    (เออ แฟนกู)

     

    โอ้โหมึง เดี๋ยวนี้ประกาศโจ่งแจ้ง ยอมรับได้อย่างหน้าไม่อาย แต่ก็ดีแล้วที่ได้กันสักที เอ่อ ผมหมายถึงได้เป็นแฟนหน่ะครับ อย่าคิดลึก ผมนี่สงสารน้องมันหน่ะครับ ปักใจกับไอ้มาร์คมาหลายปีพอน้องมันสมหวังก็อดดีใจด้วยไม่ได้

     

    “แม่งกูไม่อยู่ มีข่าวดีก็ไม่บอกกู” แบมแบมกับไอ้มาร์คหัวเราะ แต่สักพักแบมแบมทำหน้าชั่งใจก่อนจะเอ่ยปากถามผมออกมา

     

    (ลืมเรื่องที่แบมคบกับมาร์คฮยองก่อนเถอะครับ มีเรื่องน่าช็อคกว่านั้นอีกคือฮยองพอจะรู้ไหมว่ายองแจ..)

     

    เมื่อมีชื่อคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายวัน พร้อมกับใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างนั้นมันก็ทำให้ผมอดตกใจไม่ได้

     

    “ยองแจทำไม!!!! เกิดอะไรขึ้น ยองแจเป็นอะไร”

     

    (เห้ยฮยองใจเย็นดิ แบมแค่จะถามว่าฮยองรู้ไหมว่ามีเรื่องอะไร ที่ทำให้ยองแจบอกเลิกเจบีฮยอง)

     

    “ห้ะ” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะตัดสายไม่สนใจคู่สนทนาด้วยทันที

     

    บอกเลิก?

     

    ทั้งๆที่มันไม่ใช่ข่าวที่ควรจะยินดีเลยสักนิด แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกหัวใจมันพองโต ตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกทุกอย่างต่างเข้ามารุมเร้าผมไปหมดจนไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผมควรจะทำต่อไปดี

     

    ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ แล้ววิ่งออกจากห้องตัวเองทันที

     

    “แจ็คมีอะไรลูก”ม๊าที่นั่งอยู่ที่โซฟาเอ่ยถามผมเมื่อเห็นว่าผมวิ่งหน้าตาตื่นออกมา

     

    “ม๊าแจ็คจะกลับเกาหลีจองตั๋วให้ผมหน่อยฮะ”

     

    “เดี๊ยวสิตาแจ็ค ไปบอกป๊าก่อนมั้ยลูก”

     

    พอผมได้ยินม๊าตัวเองพูดอย่างนั้น ผมก็รีบวิ่งเข้าไปหาป๊าที่ห้องทำงานทันที เพราะตอนนี้ใจผมมันร้อนรุ่มเหลือเกิน

     

    พลัก

     

    “อ้าว ตาแจ๊ค แกมาพอดีเลย พ่อมีเรื่องจะวานหน่อย”

     

    “ป๊า!! ผมจะกลับเกาหลีพรุ่งนี้” ผมโพลงออกมา ไม่ทันฟังที่ป๊าบอกก่อนหน้านี้

     

    “อะไรกัน ตั๋ววันกลับไม่ใช่พรุ่งนี้นิ ยังไม่ต้องกลับหรอก พอดีพรุ่งนี้จะมีลูกค้ารายใหญ่จากเกาหลีมาดูงานที่บริษัท ป๊าจะให้แกช่วยอยู่ดูแลพวกเค้าหนึ่งอาทิตย์ แล้วแกก็ค่อยกลับตอนนั้น”

     

    สิ้นสุดคำสั่งของป๊า ความหวังที่จะกลับเกาหลีก็หมดลงในทันทีอะไรที่ป๊าบอกให้ช่วย มันก็หมายความว่าต้องทำ ผมไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้สักนิด

     

    “ครับ”

     

     

     

    สนามบินอินชอน

     

    หลายวันผ่านไปเป็นอาทิตย์ในที่สุดผมก็กลับมาสักที บอกเลยว่าโคตรเหนื่อยที่ต้องมานั่งดูแลคน ต้องทำตัวเคร่งขรึมตลอดเวลา เก๊กหน้าจนตึงไปหมดเลยครับ

     

    แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะมันก็ทำให้ผมคิดอะไรดีดีเกี่ยวกับเรื่องของผมกับยองแจได้ ผมคิดว่าผมขอเป็นฝ่ายรอบ้างดีกว่า ขอเป็นคนที่ถูกรักบ้างเถอะ เพราะอย่างนั้นผมจะทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ยองแจเลิกกับไอ้บีไปก็แล้วกัน

     

     

    “แจ็คกี้”ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็เห็นจูเนียร์ยืนโบกมือให้ผม พร้อมกับไอ้มาร์คแล้วก็แบมแบม.. แต่ไม่ทันมองว่ามีใครอีกคนลอบมาข้างหลังตัวเอง

     

    ป๊าบบบ

     

    แรงกระทบจากฝ่ามือใครสักคนตีมาที่หลังของผมอย่างแรง..สัด ใครวะ

     

    “ไอ้หวัง!! กลับมามึงบอกสองคนนั้นแต่ไม่บอกกูเนี่ยนะ” ทันทีที่ผมหันไปก็เห็นไอ้เจบียืนอยู่

     

    “อ่อ..เอ่อ โทดทีหว่ะ” ผมหลุบสายตาตาต่ำลง เพราะอึดอัดและรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นหน้ามัน แต่ไอ้คนข้างๆกลับคล้องคอผมแล้วลากผมเดินไปหาพวกไอ้มาร์คที่ยืนอยู่อีกที่

     

    “ของฝากด้วยนะมึง” ไอ้มาร์คพูดขึ้นมา

     

    “นั่นสิฮยอง แบมมารับฮยองเพราะอยากได้ของฝากนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ”

     

    “นี่ตัวเล็ก อยากได้อะไรก็บอกดิ เดี๋ยวฮยองซื้อให้เอง..ไม่ต้องเอาของมันหรอก”

     

    “มึงนี่หึงแม้กระทั่งของฝากนะเนี่ย” ผมหัวเราะให้กับความขี้หึงของไอ้มาร์ค แปลกตาดีเหมือนกันแฮะ

     

    หลังจากนั้นพวกนั้นก็ช่วยผมถือของก่อนจะพาไปที่รถเพื่อไปส่งผมที่บ้านบ้านครับ ไม่ใช่คอนโดที่ผมกับยองแจอยู่หรอกครับ ส่วนใหญ่เวลาที่เพื่อนๆจะสังสรรค์กันก็จะมาบ้านผม เพราะเหตุผลที่ว่าคอนโดผมมันเล็ก ทำอะไรก็ไม่สะดวก 555555 แต่ไม่ใช่ว่าพวกเพื่อนๆไม่เคยไป เคยครับ แต่นานๆๆๆๆทีหน่ะ พอพูดถึงคอนโดที่ผมอยู่ประจำ มันทำให้ผมกำลังนึกถึงใครอีกคนแล้วสิครับไม่เจอกันสองอาทิตย์ นายจะเป็นไงบ้างนะยองแจ

     

     

    วันสอบ

     

    “ไอ้แจ็คมึงจะทำได้อ่อวะ” ไอ้มาร์คถามขึ้นมา

     

    “ได้ดิวะ มึงก็รู้ว่ากูเดาเก่ง” ผมหันไปหัวเราะกับไอ้มาร์ค พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนที่จะเพิ่งเดินเข้าโรงเรียน

     

     

    ยองแจ

     

    ทันทีที่เห็นใบหน้านั้นผมอยากวิ่งเข้าไปกอดในทันที แต่ก็ทำได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ น้องดูผอมลงไปเยอะมากเลย ไม่รู้ว่าได้กินอะไรบ้างรึเปล่า หน้าตอบๆของน้องทำให้ผมไม่สบายใจเลยสักนิดยองแจเห็นหน้าผมก็ยิ้มออกมาเตรียมจะเดินเข้ามาหา แต่ผมเบือนหน้าหนีก่อนจะหันไปบอกไอ้มาร์ค

     

    “มึงกูไปอ่านหนังสือทบทวนบนห้องนะ”

     

    “อะไรวะทำมาเป็นขยัน”

     

    “เออน่า เผื่อกูจะได้เพิ่มอีกสักสองสามคะแนน”

     

    ผมลุกขึ้นยืนพร้อมจะเดินออกไปแต่จูเนียร์ก็ทักผมขึ้นมาก่อน

     

    “แจ็คสันจะไปไหนอะ”

     

    “อ่อ เราจะขึ้นไปอ่านหนังสือบนห้องหน่ะ”

     

    “อ่อว่าแต่นายเห็นหนังสือเล่มที่เราชอบอ่านรึเปล่าอ่ะ คือเราจำไม่ได้ว่าเอาไปลืมที่คอนโดแจ็คกี้รึเปล่าอะ”

     

    “อยู่ดิ โหยเนียร์นี่เราก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย ลืมไว้เป็นปีเนอะ” ผมหัวเราะก่อนจะส่งมือไปขยี้หัวเพื่อนขี้ลืม

     

    “งั้นสอบเสร็จเราไปเอานะ”

     

    “อื้อ ไปดิ” ผมส่งยิ้มไปให้เพื่อนตัวเอง ก่อนจะเหลือบตาไปมองคนที่ผมตั้งใจเบือนหน้าหนี

     

    ยองแจยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองผมอยู่อย่างนั้น ผมหลบสายตาก่อนที่จะโบกมือลาเพื่อนเพื่อหนีขึ้นไปบนห้องเรียนจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้อยากใจร้ายหรอกนะ

     

    ผมแค่อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้นเอง

     

     

    50%

     

     

    พักกลางวัน

     

    “มึงนี่มันหมอเดาจริงๆ” ไอ้มาร์คตบไหล่ผม หลังจากที่พวกเราคุยถึงเรื่องข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษจบไป เมื่อผมตอบตรงกับมันแทบทุกข้อ ก็เงี่ยแหละครับคนมันเก่ง อิอิ

     

    “กูเทพเว้ย”

     

    “อ้าวพวกมึงมานั่งๆๆ” ไอ้มาร์คตบเก้าอี้ข้างๆตัวเรียกเนียร์กับไอ้บีมานั่ง….บอกหน่อยเถอะว่าไอ้บีเพิ่งเลิกกับยองแจ ไอ้ถึงเนื้อถึงตัวเนียร์เนี่ยมันคืออะไรครับรู้สึกหงุดหงิด ทั้งๆที่มันไม่น่าจะรู้สึกแบบนี้ แต่มันเหมือนกับว่า มันไม่แคร์ที่เลิกกับยองแจเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้แต่สะบัดหัวไล่ความคิดนี้ออกไปก่อนจะส่งยิ้มให้พวกมันสองคน

     

    “แล้วน้องแบมไม่มานั่งกับมึงอ่อวะไอ้มาร์ค” ไอ้บีพูดขึ้นมา

     

    “ไม่หล่ะ วันนี้แบมจะนั่งกับเพื่อน มึงก็น่าจะรู้นะไอ้บี ถ้าน้องมาก็ต้องมากันทุกคน เข้าใจ๋”

     

    พอพูดเสร็จ บรรยากาศบนโต๊ะกลับเงียบขึ้นมาทันที เห็นอย่างนั้นผมเลยพูดขึ้นมาเพื่อขัดบรรยากาศอึดอัดนี้

     

    “มึงปวดขี้ กูไปขี้และ” ผมพูดขึ้นมา ทำให้จูเนียร์ยู่หน้ารับไม่ได้ที่ผมพูดออกมาตรงๆ

     

    ผมเลี่ยงออกจากวงสนทนาเพื่อจะไปเดินสูดอากาศในสวนสักหน่อย พลันสายตาเหลือบไปเห็นอีกคนที่เดินตามผมออกมาด้วย รอยยิ้มผุดตรงมุมปากของผมอย่างห้ามไม่ได้

     

    ผมเดินไปเรื่อยๆ ส่วนยองแจก็เดินตามผมมาจนเกือบจะถึงสวน อยากจะรู้จริงๆว่าน้องจะพูดอะไรกับผม

     

    “แจ็คสันอ่า”ยองจีเพื่อนร่วมชั้นจากห้องซีเดินเข้ามาขวางทางผม..ผมหยุดชะงัก เพราะสงสัยว่าเธอจะมาคุยกับผมทำไม

     

    “หืม”

     

    “นายหายไปไหนมาตั้งสองอาทิตย์ ป่วยรึเปล่า เราเป็นห่วงนะ”

     

    ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจที่จู่ๆเพื่อนร่วมชั้นก็มาพูดเชิงแบบนี้จำได้ว่าผมเคยอยู่กลุ่มเดียวกันตอนเข้าค่ายตอนก่อนจบเกรด 11 จากนั้นก็มีมาทักบ้างเวลาเจอกัน หรือมาเม้นในเฟสบุ๊คผม แต่วันนี้มาแปลก

     

    “เธอหมายความว่าไง”

     

    “คือนายจู่ๆก็หายไป เราเรา” คนตรงหน้ากัดริมฝีปากตัวเอง ชั่งใจไม่รู้ว่าจะพูดออกมาดีมั้ย

     

    “เราไปคุยตรงอื่นมั้ย”ผมพูดขึ้นมาโปรยยิ้มไปให้คนตัวเล็ก พร้อมกับเบนสายตาหันไปมองบุคคลด้านหลังที่เดินตามผมมาเงียบๆตั้งแต่เมื่อกี๋นี้ ทำให้ยองจีเอี้ยวตัวไปมองด้านหลัง เห็นยองแจยืนอยู่ก็พยักหน้าหงิกๆเข้าใจ แต่แทนที่จะเป็นพวกผมที่ต้องเดินไปที่อื่น กลับเป็นยองแจเองที่หันหลังเดินออกไปแทน

     

    ไอ้เชี่ยแจ็คสัน มึงทำอะไรวะ

     

    ผมไม่ชอบสายตาน้องที่มองมาแบบนั้นเลยสักนิด เหมือนมีคำว่า เจ็บ และ เสียใจ ทอดผ่านสายตานั้นออกมา ผมอยากวิ่งตามน้องออกไปตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

     

    “แจ็คสัน..คือว่าเราชอบ..

     

    “โทษนะยองจี ไม่ว่าเธอกำลังจะพูดอะไรหรือคิดอะไรอยู่ ลืมมันเถอะนะ” ได้ยินดังนั้นยองจีก็ส่ายหน้าไม่เข้าใจ ก่อนจะวิ่งออกไปแทน

     

    ผมเดินทึ้งหัวตัวเองอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นห้องไปเพื่อเตรียมตัวสอบวิชาที่เหลือ

     

    .

    .

    .

    “แจ็คสันคอนโดนายถ้านั่งจากบ้านเรานี่ต้องนั่งไปห้าป้ายใช่ไหมอ่ะ”

     

    จูเนียร์ถามผมขณะที่ผมกำลังนั่งติวสอบของวันพรุ่งนี้กับมันอยู่

     

    “อื่อ”

     

    “อย่าลืมนะว่าเดี๋ยวสอบพรุ่งนี้เสร็จ วันเสาร์ตอนเช้าเราไปเอาหนังสือที่คอนโดแจ็คกี้เลยนะ”

     

    “เนียร์จะมาอยากอ่านอะไรตอนนี้ นี่ลืมเป็นปียังจำได้อีกอ่อ”

     

    “ได้ดิ ก็พอสอบเสร็จก็ปิดเทอมใช่ไหมหล่ะ เราจะได้มีอะไรอ่านไง จู่ๆเราก็รู้สึกอยากอ่านเล่มนั้นอีกรอบอ่ะ”

     

    “อื่อได้ เดี๋ยววันนี้สอบเสร็จ กลับไปเตรียมไว้ให้เลยครับน้องหนู”

     

    พูดเสร็จผมก็หันมาจดจ่อกับหนังสือตัวเองที่เปิดไว้ แต่ใจผมมันกลับนึกถึงอีกคน ผมอยากจะรู้ว่าน้องมันรักผมจริงรึเปล่า ถ้ารักกันจริงๆ ยองแจก็ควรจะทำอะไรบางอย่างให้ผมมั่นใจและรู้สึกชัดเจนให้มากกว่านี้ บอกแล้วว่าผมอยากเป็นคนรอรับความรักกลับมาบ้าง พวกคุณก็รู้ใช่ไหมว่าผมทำอะไรมากมายเพื่อน้องมาตลอด ทั้งที่คิดว่าขอแค่ได้รักก็พอแล้ว แต่พอนานๆไปมันก็ต้องมีความหวัง อยากเป็นคนเดียวที่ถูกรัก

     

    .

    .

     

    หลังจากสอบเสร็จแล้วผมก็เตรียมตัวเก็บของกลับบ้าน เพราะอยากจะพักผ่อนเต็มที แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปไหนไกลเสียงเพื่อนรักก็ดังมาซะก่อน

     

    “ไอ้เฮีย มึงจะกลับบ้านใช่ไหม ติดรถกูไปป่าว”

     

    ผมหันไปหาไอ้มาร์ค ที่ไม่ได้มแค่มันคนเดียวที่ยืนอยู่ แต่มีแบมแบม ยูคยอม และ ยองแจอยู่ด้วย อ่าพอสบตากับคนที่ผมคิดถึงมาตลอดแล้วใจมันเต้นแรง คล้ายกับว่ากำลังตื่นเต้นอยู่อย่างนั้นแหละ แววตาเจ็บปวดยังเห็นได้ชัดจากคนตรงหน้า ผมหลบสายตานั้นก่อนจะหันไปตอบเพื่อนตัวเอง

     

    “ไม่หว่ะมึง วันนี้กูจะกลับคอนโด” ผมพูดออกมา พร้อมเลื่อนสายตาไปมองอีกคนในคำสุดท้าย

     

    “อ่อ งั้นเดี๋ยวกูไปส่งคอนโดมึงก็ได้”ไอ้มาร์คพูดออกมาอย่างหวังดีอีกครั้ง แต่ผมกลับส่ายหน้าปฏิเสธไป

     

    “ไม่เป็นไรมึงแค่นี้เอง มึงไปกับน้องแบมเหอะจะได้ไม่เสียเวลา กูกลับและ เหนื่อย”

     

    ผมโบกมือลาเพื่อนรักก่อนจะเดินไปเพื่อที่จะไปขึ้นรถเมล์

     

    “เอ่อ กูกลับก่อนนะ” เสียงที่ไล่หลังตามมา ทำให้ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

     

    ตลอดทางที่ขึ้นรถมา ยองแจก็เดินตามผมมาเรื่อยๆ ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ หลายครั้งที่เจ้าตัวพยายามจะเดินเข้ามาคุยกับผม แต่ผมกลับหยิบหูฟังขึ้นมาแล้วหลับตาลงตลอดทาง ทำให้เค้าไม่กล้าที่จะมาคุยด้วยพอถึงป้ายที่ผมจะลงผมก็รีบเดินโดยไม่รออีกคนเลยสักนิด

     

    ยองแจยังเดินตามผมมาเรื่อยๆอย่างเงียบๆจนกระทั่งถึงหน้าห้องของผม

     

    ติด ติ๊ด ติ๊ด ติ่ด

     

    ผมกดรหัสสี่ตัวของตัวเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไป..แต่ยังไม่ทันได้ปิดประตู เสียงสะอื้นก็ดังขึ้นมาสะก่อน ทำให้ผมต้องเปิดประตูค้างไว้อย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองคนที่ตามผมมาตลอดทาง

     

    “ฮึก..ฮึกก”ยองแจเดินเข้ามาเรื่อยๆจนอยู่หน้าห้อง เผชิญหน้ากับผมในตอนนี้

     

    ใจผมกระตุกวูบเมื่อเห็นใบหน้าคนรักเปื้อนไปด้วยน้ำตา อยากจะเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้ แต่กลับพูดแค่ว่า

     

    “มีอะไร ก็พูดมา”

     

     

     ฮึกๆ คนนิสัยไม่ดี” คนตรงหน้าใช้มือข้างนึงทุบอกผมเพื่อระบายออกมา
     


    "ยองแจ..." 


    "คนบ้า..ตั้งสองอาทิตย์ ไม่แคร์กันสักนิด กลับมาก็เมินกัน หลบหน้ากัน ไม่รักผมแล้วใช่ไหม"


    "ไม่เอาน่า.."


    "ไม่เคยติดต่อมาสักครั้ง.." 


    "ก็บอกไปแล้วไงว่าเราต้องทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนะ" 


    "รู้ไหม..."


    "หืม??" 


    "คิดถึงจนจะบ้าอยุ่แล้ว..." ไม่รอให้ผมสงสัยกับคำพูดนั้น แต่คนตรงหน้ากลับดึงคอเสื้อของผมลงมา แล้วพุ่งเข้ามาประกบริมฝีปากของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว..ตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะลองห่างๆกันดูสักพัก แต่พอคนข้างหน้ามาทำแบบนี้แล้ว ความคิดถึง ความโหยหาที่ผมต้องการมันตลอดเวลายิ่งเด่นชัดขึ้น ทำให้ผมตอบสนองกลับไปอย่างรุนแรงกว่าคนตรงหน้าเป็นเท่าตัว ทั้งๆที่เค้าเป็นคนเริ่มเองแท้ๆ 


    "อื่อ จะ..แจ็ค..แจ็คสัน" เสียงหอบถี่เรียกชื่อผมตอนที่ผมปล่อยให้เค้าพักหายใจ ทำให้ใจผมกระตุกวูบ รู้สึกว่าตัวเองจะข่มใจไม่ให้คิดตะเลิดเปิดเปิงก็ไม่ได้ 


    "อื่อ..พะ..พอก่อน" ผมพยายามดันคนตรงหน้าให้ออกห่างจากผม เพราะกลัวว่าตัวเองจะยับยั้งชั่งใจไม่ไหว อยากที่จะทำมากเกินกว่าจูบ 

     

    คนตรงหน้าขมวดคิ้วไม่พอใจก่อนจะปล่อยมือจากคอเสื้อผมข้างนึงเพื่อดันประตูปิดลง พลางหันมาช้อนตามองผมอีกครั้ง ทำให้ใจหวั่นๆ 


    เฮือก!!! 


    สายตากับการกระทำแบบนี้แม่งยั่วกันชัดๆเลย


                   "ไม่เอา....แจ็คสันฮยอง...คืนนี้..อยู่กับผมนะ..." ยองแจดันผมให้นั่งลงบนโซฟาที่เดินมาถึงตอนไหนไม่รู้ ก่อนจะนั่งหันหน้าคร่อมมาที่ตัวผม..ยองแจคนเก่าหายไปไหนวะ แบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกไม่ชิน แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบเหมือนกัน

    พูดจบคนตรงหน้าก็ตวัดมือมาโอบรอบคอผมไว้ก่อนจะกดจูบลงมาที่ริมฝีปากอีกครั้งทั้งอ่อนโยน ทั้งรุนแรง..ผมชักจะชอบยองแจในโหมดนี้แล้วแหละครับ หรือว่าผมควรจะไปฮ่องกงอีกสักสองอาทิตย์ดีกลับมาแล้วจะเป็นแบบนี้ก็ดีสิ 


    ในตอนนี้ความคิดที่อยากจะพิสูจน์น้องมันสลายหายไปในพริบตา เฮียหวังไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ เป็นพยานด้วย..ครับ 



             "อื้มมม แจ็ค..สันฮยอง..ตรงนั้น..." ยองแจถอนจูบออกมาก่อนจะประคองหน้าผมเอาไว้ 



              "หืม?" ผมไม่มีสติแล้วครับบ 


                   "ตรงนั้นของฮยองมันทิ่มก้นผมอยู่..."

     

     

     

     

     

    CUT

    BIO TWITTER เลยเจ้าคะ

     

     

     

     

     

     

                   ผมรักฮยองนะ

     

     

    ยองแจที่ตอนแรกเหมือนจะหมดแรงสลบไปแล้ว พูดขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือมาสวมกอดผมเอาไว้ ใจของผมแทบจะระเบิดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำที่ผมรอมาตลอดจากปากของคนที่ผมรัก

     

     

                   “อืม” ผมกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นไปอีก ก่อนที่จะกดจูบลงไปที่ปลายจมูกของอีกคน

     

     

                   “ฮยองอย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ ผมคงอยู่ไม่ได้ ผมรักฮยองนะ รักมากๆด้วย

     

     

                   “ครับ ฮยองก็รักยองแจมาก รักมาตลอดเลยนะ”



    Talk
    แจ็คสัน comeback แล้วค่า คิดถึงกันมั้ยเอ่ย
    จริงๆอีแจ็คมันร้ายนะคะ ฮ่าๆๆๆ
    แล่วๆๆๆ เค้าไม่ได้ตั้งใจให้มีฉากคัท เชื่อป้ะ อิอิ
    เขินๆๆๆๆ
    จริงๆยองแจมันก็ร้ายเเหมือนกันแหละค่า ฮ่าๆๆๆๆ
    ส่วนอีแจ็คแกรู้แล้วใช่ไหมว่าน้องมันรักแกมาก
    อย่าทิ้งน้องมันหล่ะ

    นี่บอกตรงๆว่าแต่ไม่เป็นฮ่าๆ อย่าว่าเค้ากันนะ
    ใครหาไม่เจอ แปะเมลเลยค่า
    เค้าใจดี ไม่กัด แค่มาเม้นให้กันบ้างเน้ออออ

    รักนะแจ้ะรีดทุกคน
    เม้นๆให้กันด้วยนะแก อิอิ
    สกรีม #ฟิครกบ ให้ด้วย อยากอ่านนน

    ปล ใกล้จบแล้วนะแกรรรรร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×