ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [GOT7 Markbam] Love Announcement รักก็บอก

    ลำดับตอนที่ #20 : EP18.5 Faraway 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.73K
      30
      16 พ.ย. 57



    Youngjae’s Part

     

     

    ที่รัก....”เสียงกระซิบเบาๆดังที่ข้างหูของผม มันทำให้ผมขนลุกซู่ทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น

     
     

    “แจ็คสันฮยอง!!! เมื่อไหร่จะหยุดเรียกแบบนี้สักที ผมไม่ชอบเลยนะ” ผมตีแขนคนร่างหนาไปทีนึงก่อนจะทำหน้ายู่...จริงๆแล้วมันก็ชอบแหละ แต่ผมกับเค้าไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะแสดงออกได้มากมายสักเท่าไหร่ ตอนนี้ผมว่าผมถลำลึกมามากพอแล้วแหละ ช่วงนี้ผมแทบจะไม่ค่อยได้เจอเจบีฮยองเลยด้วยซ้ำ พอว่างก็กลับมาหาอีกคนที่ไม่ได้ชื่อว่าแฟนอย่างหน้าตาเฉย

     
     

    “ก็ฮยองชอบนี่ คิคิ”

     

     

    ครืด ครืด ครืด

     

    ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมสั่น ทำให้ตอนแรกที่ผมกำลังจะหันไปเถียงกับร่างหน้าต้องชะงักลงทันที

     

    เจบีฮยอง<3’

     

    เห็นปลายสายที่โทรเข้ามาผมก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบที่ปากของตัวเองเพื่อบอกให้คนที่กำลังพูดคุยกับผมอยู่ตอนแรกเงียบๆเอาไว้อย่างเคยชิน

     

    “ฮะ ฮยอง”ผมเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อไม่ให้อีกคนได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับแฟนของผม ก็นะผมก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ต้องมาเห็นแจ็คสันฮยองนั่งหน้าเศร้าเป็นหมาหงอยหรอก

     

    (อยู่ไหนครับ)

     

    “เอ่ออยู่บ้านแล้วครับ” บ้านแจ็คสันฮยองนะ

     

    (ออกมาเดินเล่นกันมั้ย) น้ำเสียงเหนื่อยๆปนขอร้องนิดๆทำให้ผมเป็นห่วงขึ้นมา เป็นอะไรรึเปล่า

     

    “ฮยอง เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

     

    (ฮยองแค่….อยากออกไปสูดอากาศหน่ะ แต่ก็ไม่รู้จะไปกับใครดี ตอนนี้ฮยองแค่ไม่อยากอยู่คนเดียวหน่ะ)

     

    ต้องเป็นอะไรแน่ๆเลย ถึงผมจะเป็นแค่แฟนเลวๆคนนึง แต่ตลอดระยะเวลาสองปีที่เราคบกันมา ผมก็พอจะรู้ว่าเวลาที่ฮยองพูดว่าไม่อยากอยู่คนเดียว นั่นหมายความว่าเจบีฮยองกำลังรู้สึกเครียด หรือเศร้าใจอะไรบางอย่าง เพราะอย่างนั้นเจบีฮยองถึงต้องการเพื่อนที่จะระบายสิ่งต่างๆให้ฟังจริงๆ ….ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแค่ครั้งเดียวในรอบ 2 ปีก็เถอะ

     

    “เดี๋ยวผมไป”

     

    (ฮยองไปรอหน้าบ้านนะ)

     

    “ไม่ต้องฮยอง!! เราไปเจอกันที่สวนฮันซานกันเลยดีกว่า” ผมรีบบอกปัด

     

    (ครับ..แล้วเจอกันนะ)

     

    ผมกดวางสายก่อนจะเดินเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ ผมเป็นห่วงเจบีฮยองจริงๆนะ พอได้ยินเสียงเศร้าๆนั่นทำให้ผมรู้สึกปวดใจแปลกๆ เป็นเพราะผมรึเปล่าที่มามีความสุขกับคนอื่น แต่ทิ้งแฟนของตัวเองให้เศร้าอยู่คนเดียว..

     

    ทั้งๆที่แต่ก่อนกลับเรียกร้องการเอาดูแลเอาใจใส่มาตลอด รู้สึกน้อยใจทุกครั้งที่เจบีฮยองให้ความสำคัญกับจูเนียร์ฮยองอยู่เสมอแต่พอวันนึงมีคนอื่นเข้ามาผมกลับทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าด้วยการคบกับคนอื่นลับหลัง โดยเฉพาะคนคนนั้นดันเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนของตัวเองด้วย เพราะความหวั่นไหว ความสุขเพียงชั่ววูบทำให้ความสัมพันธ์แบบผิดๆนี้มาไกลขนาดนี้เลยหรอ ทั้งๆที่เจบีฮยองไม่เคยทำเรื่องเลวๆแบบนี้กับผมด้วยซ้ำ….

     

    ผมเดินเข้าไปหาแจ็คสันฮยองอย่างลังเลหวังจะพูดบางอย่างออกมาก่อนที่จะไปหาเจบีฮยอง

     
     

     “ฮยอง...ผมว่า…..เราควรห่างกันมั้ย?” สีหน้ากับแววตาที่มีแต่ความขี้เล่นในตอนแรกสลดลงอย่างเห็นได้ชัด...มันทำให้ผมพลอยใจเสียไปด้วย ทำไมถึงต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ด้วยวะยองแจ

     
     

    “ทำไม..ถึงพูดแบบนั้นหล่ะ”

     
     

    “ไม่ฮยอง...ผมแค่คิดว่า.....”

     

    “...?”

     

    “ผมคิดว่าผมกำลังถลำลึกลงไปเรื่อยๆ...ทั้งที่มันไม่ควรเลยด้วยซ้ำ ผมว่าเราควรจะทบทวนว่าอะไรถูกอะไรผิดกันดีๆนะ” ผมก้มหน้างุดๆรู้สึกแปลกๆที่พูดออกมาตรงๆให้คนตรงหน้าได้ฟัง

     

    …..

     

    “.....”

     

    ความเงียบปลกคลุมห้องของแจ็คสันฮยองอีกครั้ง….ไม่มีเสียงจากใครทั้งนั้น มีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ แต่จู่ๆคนร่างหนารวบตัวผมไปกอดแน่นก่อนจะหอมตรงซอกคอย้ำๆราวกับจะตอกย้ำว่าคอของผมเป็นของเค้าแค่คนเดียว

     
    "ฮยอง ทำอะไร" ผมดันร่างหนาออกไป แต่คำพูดของเขาในเวลาต่อมาก็ทำให้ผมตกใจจริงๆ


     

    เลิกกับไอ้บีเถอะนะ

     

    !!!!

     

    คำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากคนตรงหน้า ทำให้ผมใจกระตุกวูบไปแปปนึง ก่อนจะทบทวนมันอีกครั้ง ให้เลิกหรอ.. คำนี้ยังไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเลยนะ พอคนตรงหน้ามาพูดแบบนี้ก็เลยรู้สึกว่าใจหายแปลกๆ

     

     

    ให้เลิกกับเจบีฮยองแล้วมาคบกับฮยองอย่างเปิดเผยเนี่ยนะ..ทำได้หรอ

     

     

    “...” คำถามที่ผมถามไป กลับได้ความเงียบเป็นคำตอบ แน่ใจได้ว่าคนที่บอกให้ผมเลิก เมื่อได้ยินที่ผมพูดแบบนั้นก็หาคำตอบให้ไม่ได้อยู่ดี

     

     

    ถึงจะเลิกกับเจบีฮยองไป ซึ่งผมไม่คิดจะเลิกแน่ๆ...เราสองคนก็ไม่มีสิทธิ์รักกันอยู่ดี ให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงจะดีที่สุด ติดอยู่ตรงที่ความรู้สึกที่มากขึ้นเรื่อยๆนี้สิ ไม่รู้ว่าต่อไปมันจะเป็นยังไง...บอกไม่ได้เลยจริงๆ

     

     

     

    “ฮยอง...ผมต้องไปหาเจบีฮยอง”

     

     

     

    อย่าไปเลยนะ” ร่างหนารั้งแขนของผมไว้เมื่อผมกำลังจะหันหลังเดินออกไป

     

     

     

    “เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ ฮยองเป็นคนที่ยอมอยู่ในสถานะนี่เองนะ ได้โปรด อย่าทำให้ผมลำบากใจเลย ผมต้องไปหาเจบีฮยองจริงๆ” ผมดึงมือของเขาออกก่อนจะก้าวขาเดินอีกครั้ง ผมเปิดประตูห้องพร้อมจะออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนด้านหลังพูดขึ้นมาซะก่อน

     

     

     

    “ขอ 2 อาทิตย์”

     

     

     

     

    “หือ?” ผมหันกลับไปมองคนข้างหลังอย่างสงสัย

     

     

     

    “ฮยองต้องไปฮ่องกง 2 อาทิตย์..ระหว่างนี้ก็ถือว่าเรา...ห่างกันสักพักไปละกัน ใช้เวลานี้เพื่อทบทวนเรื่องของเรา พอฮยองกลับมาเรามาทำอะไรให้มันถูกต้องกันเถอะนะ” แจ็คสันฮยองถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่ายอมแพ้สิ่งที่ผมเสนอออกมาในตอนแรก แต่ถึงแม้ว่าตอนแรกผมพูดว่าต้องการแบบนั้น พอมาได้ยินฮยองคนนี้พูดใจกลับหวิวแปลกๆ ถึงตอนนั้นคำตอบมันจะคืออะไร ถ้าเกิดจะทำให้ถูกต้อง เราต้องเลิกรากันไปใช่ไหม

     

     

    “ฮยอง

     

     

    “ตอนนี้นายไปเถอะ..แล้วเดี๋ยวอีก 2 อาทิตย์เจอกัน”

     

     

    แล้วคำตอบมันจะเป็นยังไงหล่ะ?

     

     

    คำถามเกิดขึ้นในใจของผมอีกครั้งมีบางอย่างบอกผมว่าผมไม่ควรก้าวขาออกจากห้องนี้เลย เพราะถ้าเดินหันหลังออกไป อีกหนึ่งอาทิตย์บางอย่างมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ความถูกต้อง มันสั่งให้ผม ก้าวขาออกไปหาคนที่อยู่ข้างๆผมมานานถึง 2 ปี

     

     

    ผมหันหลังให้แจ็คสันฮยองอีกครั้ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาคนที่กำลังรอเจอผมอยู่ด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย

     

     

     

    มันถูกแล้วใช่ไหมที่ผมทำแบบนี้....



    40%
    ++++++++++++++++++++++++

     

     

     

    JB’s Part

     

     

    เช้านี้ผมเดินเข้าห้องเรียนมาอย่างเนือยๆ

     

    จริงๆแล้วเมื่อวานอยู่ๆผมก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆจนต้องออกมาเดินเล่นคนเดียว แต่เดินได้แปปเดียวก็อยากมีเพื่อนเพื่อระบายสิ่งที่อึดอัดอยู่ในใจ ก็เลยเลือกที่จะโทรหายองแจเป็นคนแรก พอมาเจอกันเราสองคนก็เงียบใส่กันซะงั้น เหมือนต่างคนต่างมีเรื่องให้คิด จนสุดท้ายก็แยกกันกลับบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนกับว่าเขากำลังคิดมากกับอะไรบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ถามออกไป

     

    “เห้ย ไอ้มาร์ค มึงมานานยัง”ผมกล่าวทักทายไอ้หล่อที่นั่งอยู่ก่อนแล้วขึ้น หลังจากวันนั้นที่ทะเลาะกับน้องแบมแบมไป สภาพมันก็เป็นอย่างเนี่ยแหละ ผ่านมาสี่วันแล้วมันก็ยังไม่ได้คุยกันสักที ใครๆก็ดูออกว่าชอบไปมากแค่ไหนแล้วเหอะ

     

     

     

    “อืมมม” มันตอบกลับมาแค่นั้นก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วหันมาบอกผมอีกที

     

     

    “เอ้อ!!! ไอ้บี๋ ไอ้แจ็คมันบอกว่ามันต้องไปฮ่องกง 2 อาทิตย์นะ” ไอ้มาร์คคนหล่อหันมาบอกผมก่อนจะกลับไปนั่งจ้องโทรศัพท์เหมือนเดิม....นี่ถ้าโทรศัพท์มันท้องได้คงท้องไปแล้ว

     

    “ไอ้มาร์ค แล้วเนียร์อ่ะ” ผมหันไปถามมันเมื่อเห็นว่าคนข้างๆตัวเองยังไม่มาที่ห้องเรียน...ช่วงนี้หมอนั่นคอยหลบหน้าผมตลอดเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองคิดไปเองนะ แต่พอนานวันเข้าผมกลับมั่นใจว่าไม่ใช่อย่างนั้น

     

    ยิ่งเห็นหมอนั่นสนิทกับไอ้เด็กยักษ์ยูคยอมมากขึ้นเท่าไหร่ ผมกลับหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะแต่ก่อนผมจะเป็นคนเดียวที่หมอนั่นสนิทด้วยที่สุด เราคุยกันทุกเรื่อง หัวเราะด้วยกันมาตลอด แต่จะเริ่มมาเปลี่ยนไปก็ตอนที่ผมเริ่มคบกับยองแจ เอาจริงๆถึงแม้ผมมีแฟนผมก็ยังดูแลเนียร์ดีเหมือนเดิม ดีกว่ายองแจด้วยซ้ำ แม้กระทั่งผมเคยทะเลาะกับยองแจเรื่องเนียร์ด้วยซ้ำ ช่วงแรกก็ทะเลาะกันหนักเลยหล่ะ แต่ยองแจก็ต้องยอมไปในที่สุด สุดท้ายก็เหมือนจะชินๆไปแล้วหล่ะ

     

    “เนียร์ไปทำงานที่ห้องสภาอ่ะ เดินมาแล้วเมื่อเช้า แล้วก็ไปแล้ว”

     

    “อ่อ”

     

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่แต่ก่อนมีแต่คนถามหาเนียร์จากผมตลอดเวลาที่เนียร์ไม่อยู่หรือไปไหนสักที่ แต่ตอนนี้กลับเป็นผมเองที่ต้องถามคามเหล่านั้นจากคนอื่นเสมอ ซึ่งมันทำให้ผมโคตรหงุดหงิดเลย

     

    “หือ?” ผมหันไปมองไอ้มาร์คที่จู่ๆก็ส่งเสียงแปลกใจขึ้นมา

     

    “เป็นไรมึง”

     

    ….”ไร้ซึ่งเสียงตอบรับแต่เจ้าตัวกลับหมกมุ่นอยู่กลับการพิมพ์ๆลบๆข้อความอยู่นั่นแหละ เออดี แม่งไม่มีใครสนใจกูสักคน = =

    .

    .

    .

     

    เวลาผ่านไปสักพัก ผมก็ดูเวลาที่ข้อมือของตัวเอง แต่คนที่นั่งข้างๆยังไม่มีแววจะกลับมาที่ห้องสักที ผมเลยตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก โดยมีเป้าหมายเป็นห้องสภานักเรียน ยังไงวันนี้ผมต้องไปคุยกับเพื่อนสนิทผมให้รู้เรื่องก่อนที่อะไรๆมันจะสายไปกว่านี้

     

    “เห้ย ไปไหน”

     

    “เดี๋ยวกูมา”

     

    “แต่อาจารย์จะเข้าแล้วนะเว้ย” ไอ้มาร์คท้วงผมออกมา ทำอย่างกะมึงไม่เคยโดดเรียนงั้นแหละ

     

    “เออกูรู้”

     

    ผมเดินออกมาจากห้องเรียนทันทีโดยไม่สนใจไอ้มาร์ค อยากเมินกุก่อนเองสมน้ำหน้า

     

    เดินไปเรื่อยๆจนไปถึงหน้าห้อง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อให้ไอ้ตัวเล็กของไอ้มาร์คเดินออกมาห้องสภา มาทำอะไรวะ? หรือว่าจะมาเป็นพ่อสื่อให้ไอ้ยักษ์ เมื่อเห็นแบมแบมเดินลับตาไปแล้วผมก็รีบเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที

     

    แอ๊ดดด

     

    “ลืมอะไรหรอแบม” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปจากด้านในสุดของห้อง

     

    “นายต่างหาก ลืมฉันรึเปล่า” แต่ผมกลับเอ่ยด้วยคำถามที่ปนน้อยใจนิดๆออกไป

     

    “เอ๋??”

     

    ร่างบางรีบลุกออกมาจากโต๊ะด้านในออกมาหาผมทันที

     

     

    “บี??” ร่างบางเบิกตาโพลงตกใจที่เห็นผมมาที่นี่

     

    “อื่อ บีเอง” ผมมองไปรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมา เพราะมันคงจะทำอะไรๆง่ายขึ้นเยอะผมทิ้งตัวลงที่โซฟากลางห้อง มันสบายอย่างนี้นี่เองทำให้หมอนี้มาได้ทุกวี่ทุกวัน

     

    “บีมาทำอะไรที่นี่อ้ะนี่มันเวลาเข้าเรียนแล้วไม่ใช่หรอ” คนร่างบางเดินตามมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับผมแต่ก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควรเห็นการกระทำดังนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นไปอีก

     

    “บอกบีได้ไหม ช่วงนี้เนียร์เป็นอะไร”

     

    “เป็นอะไรไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เราก็สบายดี” ถึงจะพูดออกมาแบบนั้น แต่การที่ตัวเองก้มหน้างุดๆตอบผม มันไม่ทำให้ผมเชื่อหรอกนะว่าไม่เป็นอะไร

     

    “มีเรื่องอะไรก็บอกดิวะเนียร์ เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ ไม่ใช่ว่าบีจะดูไม่ออกสักหน่อยว่าเนียร์กำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่” ผมถามออกไป หลังจากรู้สึกสงสัยมานานแต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไปสักที

     

    “เราไม่มี

     

    “เห้ยย ไอ้การที่เนียร์หลบหน้าบีอยู่ทุกวันนี่เรียกว่าไม่มีหรอ”ผมคาดคั้นคนตรงหน้าจนเค้าสะดุ้ง อาจเป็นเพราะผมรู้สึกหงุดหงิดที่คนตรงหน้าไม่ยอมบอกปัญหาของเค้าให้ผมฟังเลยเผลอทำเสียงดังออกไป

     

    “บีก็มันไม่มีอะไรจริงๆ”

     

    “มันจะไม่มีได้ไงวะ ไม่มีแล้วเนียร์จะหลบหน้าเราทำไม ไม่มีแล้วจะเลี่ยงเราทำไมวะ ไม่มีแล้วทำไมไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ไม่หัวเราะให้กันเหมือนแต่ก่อนวะ บอกมาดิ!!!” ผมตะหวาดเสียงดังลั่นเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมปริปากบอกอะไรผมเลย

     

    “เรา

     

    “รู้ไหมว่าไม่เหมือนเดิม รู้ไหมเหมือนเนียร์กำลังถอยห่างบีออกไปทุกที บีทำอะไรผิดวะเนียร์” ผมลดเสียงลงเหมือนหนื่อยที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจาคนตรงหน้า

     

    “เห้ยบี เราไม่เคยบอกว่าบีผิดนะ เราผิดเองแหละบีที่”ร่างบางส่ายหน้ารัวๆเพื่อปฏิเสธในสิ่งที่ผมพูดไป ก่อนจะหยุดไปดื้อๆ พูดให้จบดิ

     

    “อะไร เนียร์ผิดอะไร”

     

     

    “เปล่า ไม่มีอะไร”

     

     

    “เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วใช่ไหมถึงบอกอะไรบีไม่ได้เลย ….แม้แต่นิดเดียว” ผมมองเข้าไปในตาของคนข้างหน้าเพื่อหวังจะได้คำตอบจริงๆสักที รู้ไหมว่ามันอึดอัดแค่ไหนที่ต้องนั่งถามตัวเองว่าเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

     

     

    “ฉันไม่ใช่เพื่อนเนียร์แล้วสินะ ที่ๆบีเคยยืนมาตลอด ตอนนี้มันกลายเป็นของเจ้าเด็กยูคยอมแล้วใช่ไหม ชอบมันหรอ ถึงทิ้งเพื่อนอย่างฉันไป” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพาลดึงเจ้าเด็กคนนั้นเข้ามาเกี่ยวด้วย

     

    “บี!!! มันไม่เกี่ยวกับยูคยอมเลยนะ” เมื่อได้ยินดังนั้นจูเนียร์กลับขึ้นเสียงใส่ผมแทน เหมือนกับว่าไม่อยากให้ผมพูดชื่อของอีกคนออกมา เหอะ!!

     

    “ทำไมวะ!! เนียร์จะเถียงบีหรอว่ามันไม่จริง จะเถียงว่าเนียร์ไม่ได้ชอบมัน” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพูดออกไปอย่างนั้นแต่กลับรู้สึกโมโหแทน ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆหล่ะ ผมจะทำยังไง

     

    “แจบอม!!!!

     

    “ทำไม!!!

     

    เออเราชอบยูคยอม!

     

    เมื่อได้ยินอย่างนั้นจากจูเนียร์ เหมือนมีคนเอาไม้หน้าสามมาตีที่หัวผมอย่างแรกผมไม่ชอบไม่ชอบให้เนียร์ชอบมัน ไม่รู้ทำไม รู้แต่ไม่ชอบ!!

     

    “จินยอง

     

    “เราชอบยูคยอมจริง เรารู้สึกสนุกที่ได้คุยกับน้อง รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราไม่เคยคิดกับน้องเกินเลยไปกว่านี้ เราชอบยูคเหมือนน้องชายคนนึงของเราเพราะอย่างนี้เราถึงไม่อยากให้บีเอายูคมาเกี่ยวด้วย”

     

    หลังจากเนียร์พูดจบปากของผมก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ไม่รู้ทำไมถึงยิ้ม แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขจริงๆนะ

     

    “อืมม”

     

    “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราขอถามอย่างนึงสิ” จูเนียร์ที่ตอนแรกมีท่าทีจะไม่ยอมตอบคำถามของผมสักอย่าง แต่ตอนนี้กลับอยากจะถามบางอย่างจากผม

     

    “หือ? ว่ามาสิ”

     

    “วันนั้นที่บีพูดกับเราว่า หวง ….

     

    ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะนึกย้อนกลับไปวันนั้น..ทั้งๆทีผมจะเนียนๆลืมมันไปแท้ๆแต่คนตรงหน้ากลับมาทักในวันนี้ซะงั้น เลยรู้สึกแปลกๆทำตัวไม่ถูกขึ้นมาดื้อๆ

     

     

    หวงในฐานะอะไร หวงในความรู้สึกแบบไหนหรอ” คนตรงหน้าจ้องตาผมกลับเมื่ออยากได้คำตอบจากผมจริงๆ

     

    …..”ผมเงียบเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะถามออกมาในลักษณะแบบนี้ ….ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้น เป็นบ้าอะไรวะแจบอม ทำไมต้องรู้สึกว่าเหมือนกำลังถูกจับได้ด้วยวะ

     

    ตอบมาดิ อิมแจบอม!

     

    “เนียร์ถามบีแบบนี้ทำไม เพราะอะไรถึงถามคำถามแบบนี้”

     

    “เราอยากรู้จริงๆ”

     

    “งั้นก็บอกเหตุผลที่บีสมควรที่จะบอกเนียร์หน่อยสิ” เพราะตั้งรับไม่ทันคนร่างบาง แล้วก็ยังไม่รู้ว่าคำตอบของผมมันคืออะไร ส่งผลให้ผมพูดออกไปแบบนั้น

     

    “เรา

     

    “เห้ย พูดดิไม่งั้นบีไปนะ”ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทางประตู เพื่อจะเนียนชิ่งคำถามจากจูเนียร์

     

    แอ๊ดด

     

    ยังไม่ทันได้ปิดประตูไล่หลังผมก็ต้องหยุดเดินทันทีได้ยินเสียงของจูเนียร์ตามไล่หลังมา

     .
    .
    .
    .

     

    เพราะเราชอบแจบอม เหตุผลแค่นี้พอมั้ยวะ!!!!!

     

     

    !!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

    ไม่ใช่แค่พอ

     

     

    แต่มันเกินกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ!!!!





    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ตอนนี้จะเป็นตอนที่แบ่งย่อยออกมาจากตอนที่แล้วนะคะ จะมาพูดถึงความสัมพันธ์ของแจ็คแจ ทูแจ บีเนียร์กันนะ ไม่รู้ว่าแจ็คสันจะถอดใจยอมถอยขณะที่ตัวเองต้องไปฮ่องกงรึเปล่า หนีไปทำใจอะไรแบบเนี่ย ก็แจ็คพยายามรั้งยองแจไว้ตลอด อารมณ์เหมือนกับว่ายิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกรักจนไม่อยากให้ไปไหน อยากให้อยู่กับเราแค่คนเดียว อยากจะครอบครองคนเดียว

    ส่วนน้องแตงมันก็ทำใจลำบากที่จะเลือก ไม่รู้จะเข้าใจรึเปล่าว่ายองแจดูจะเป็นคนลังเล สับสนอยู่ตลอดเวลาว่าอันไหนควรทำไม่ควรทำ ไม่อยากเลิกกับใครสักคน(ดีเนอะ) 5555555 แต่ความสัมพันธ์มันจะเคลียร์จริงๆนะตอนที่แจ็คกลับมา แต่แบบไหนนี่สิ ฮ่าๆๆๆๆ

    ส่วนพี่บีจะทำยังไงเมื่อเนียร์พูดออกมาแล้ว อึ้งรับประทานจ้าาาาาา


    ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ เยิฟๆๆๆ
    ไปติดแท็ก #ฟิครกบ กันดีกว่าเน้ออออ


    ปล.พี่มาร์คจะได้ง้อมั้ยลุ้นกันตอนหน้านะ คิคิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×