คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : EP18.5 Faraway 100%
Youngjae’s Part
“ที่รัก....”เสียงกระซิบเบาๆดังที่ข้างหูของผม มันทำให้ผมขนลุกซู่ทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แจ็คสันฮยอง!!! เมื่อไหร่จะหยุดเรียกแบบนี้สักที ผมไม่ชอบเลยนะ” ผมตีแขนคนร่างหนาไปทีนึงก่อนจะทำหน้ายู่...จริงๆแล้วมันก็ชอบแหละ แต่ผมกับเค้าไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะแสดงออกได้มากมายสักเท่าไหร่ ตอนนี้ผมว่าผมถลำลึกมามากพอแล้วแหละ ช่วงนี้ผมแทบจะไม่ค่อยได้เจอเจบีฮยองเลยด้วยซ้ำ พอว่างก็กลับมาหาอีกคนที่ไม่ได้ชื่อว่าแฟนอย่างหน้าตาเฉย
“ก็ฮยองชอบนี่ คิคิ”
ครืด ครืด ครืด
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมสั่น ทำให้ตอนแรกที่ผมกำลังจะหันไปเถียงกับร่างหน้าต้องชะงักลงทันที
‘เจบีฮยอง<3’
เห็นปลายสายที่โทรเข้ามาผมก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบที่ปากของตัวเองเพื่อบอกให้คนที่กำลังพูดคุยกับผมอยู่ตอนแรกเงียบๆเอาไว้อย่างเคยชิน
“ฮะ ฮยอง”ผมเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อไม่ให้อีกคนได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับแฟนของผม ก็นะ…ผมก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ต้องมาเห็นแจ็คสันฮยองนั่งหน้าเศร้าเป็นหมาหงอยหรอก
(อยู่ไหนครับ)
“เอ่อ…อยู่บ้านแล้วครับ” บ้านแจ็คสันฮยองนะ
(ออกมาเดินเล่นกันมั้ย) น้ำเสียงเหนื่อยๆปนขอร้องนิดๆทำให้ผมเป็นห่วงขึ้นมา เป็นอะไรรึเปล่า
“ฮยอง เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
(ฮยองแค่….อยากออกไปสูดอากาศหน่ะ แต่ก็ไม่รู้จะไปกับใครดี ตอนนี้ฮยองแค่ไม่อยากอยู่คนเดียวหน่ะ)
ต้องเป็นอะไรแน่ๆเลย ถึงผมจะเป็นแค่แฟนเลวๆคนนึง แต่ตลอดระยะเวลาสองปีที่เราคบกันมา ผมก็พอจะรู้ว่าเวลาที่ฮยองพูดว่าไม่อยากอยู่คนเดียว นั่นหมายความว่าเจบีฮยองกำลังรู้สึกเครียด หรือเศร้าใจอะไรบางอย่าง เพราะอย่างนั้นเจบีฮยองถึงต้องการเพื่อนที่จะระบายสิ่งต่างๆให้ฟังจริงๆ ….ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแค่ครั้งเดียวในรอบ 2 ปีก็เถอะ
“เดี๋ยวผมไป”
(ฮยองไปรอหน้าบ้านนะ)
“ไม่ต้องฮยอง!! เราไปเจอกันที่สวนฮันซานกันเลยดีกว่า” ผมรีบบอกปัด
(ครับ..แล้วเจอกันนะ)
ผมกดวางสายก่อนจะเดินเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ ผมเป็นห่วงเจบีฮยองจริงๆนะ พอได้ยินเสียงเศร้าๆนั่นทำให้ผมรู้สึกปวดใจแปลกๆ เป็นเพราะผมรึเปล่าที่มามีความสุขกับคนอื่น แต่ทิ้งแฟนของตัวเองให้เศร้าอยู่คนเดียว..
ทั้งๆที่แต่ก่อนกลับเรียกร้องการเอาดูแลเอาใจใส่มาตลอด รู้สึกน้อยใจทุกครั้งที่เจบีฮยองให้ความสำคัญกับจูเนียร์ฮยองอยู่เสมอ…แต่พอวันนึงมีคนอื่นเข้ามาผมกลับทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าด้วยการคบกับคนอื่นลับหลัง โดยเฉพาะคนคนนั้นดันเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนของตัวเองด้วย เพราะความหวั่นไหว ความสุขเพียงชั่ววูบทำให้ความสัมพันธ์แบบผิดๆนี้มาไกลขนาดนี้เลยหรอ ทั้งๆที่เจบีฮยองไม่เคยทำเรื่องเลวๆแบบนี้กับผมด้วยซ้ำ….
ผมเดินเข้าไปหาแจ็คสันฮยองอย่างลังเลหวังจะพูดบางอย่างออกมาก่อนที่จะไปหาเจบีฮยอง…
“ฮยอง...ผมว่า…..เราควรห่างกันมั้ย?” สีหน้ากับแววตาที่มีแต่ความขี้เล่นในตอนแรกสลดลงอย่างเห็นได้ชัด...มันทำให้ผมพลอยใจเสียไปด้วย ทำไมถึงต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ด้วยวะยองแจ
“ทำไม..ถึงพูดแบบนั้นหล่ะ”
“ไม่ฮยอง...ผมแค่คิดว่า.....”
“...?”
“ผมคิดว่าผมกำลังถลำลึกลงไปเรื่อยๆ...ทั้งที่มันไม่ควรเลยด้วยซ้ำ ผมว่าเราควรจะทบทวนว่าอะไรถูกอะไรผิดกันดีๆนะ” ผมก้มหน้างุดๆรู้สึกแปลกๆที่พูดออกมาตรงๆให้คนตรงหน้าได้ฟัง
“…..”
“.....”
ความเงียบปลกคลุมห้องของแจ็คสันฮยองอีกครั้ง….ไม่มีเสียงจากใครทั้งนั้น มีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ แต่จู่ๆคนร่างหนารวบตัวผมไปกอดแน่นก่อนจะหอมตรงซอกคอย้ำๆราวกับจะตอกย้ำว่าคอของผมเป็นของเค้าแค่คนเดียว
"ฮยอง ทำอะไร" ผมดันร่างหนาออกไป แต่คำพูดของเขาในเวลาต่อมาก็ทำให้ผมตกใจจริงๆ
“เลิกกับไอ้บีเถอะนะ”
!!!!
คำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากคนตรงหน้า ทำให้ผมใจกระตุกวูบไปแปปนึง ก่อนจะทบทวนมันอีกครั้ง ให้เลิกหรอ.. คำนี้ยังไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเลยนะ พอคนตรงหน้ามาพูดแบบนี้ก็เลยรู้สึกว่าใจหายแปลกๆ
“ให้เลิกกับเจบีฮยองแล้วมาคบกับฮยองอย่างเปิดเผยเนี่ยนะ..ทำได้หรอ”
“...” คำถามที่ผมถามไป กลับได้ความเงียบเป็นคำตอบ แน่ใจได้ว่าคนที่บอกให้ผมเลิก เมื่อได้ยินที่ผมพูดแบบนั้นก็หาคำตอบให้ไม่ได้อยู่ดี
ถึงจะเลิกกับเจบีฮยองไป ซึ่งผมไม่คิดจะเลิกแน่ๆ...เราสองคนก็ไม่มีสิทธิ์รักกันอยู่ดี ให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงจะดีที่สุด ติดอยู่ตรงที่ความรู้สึกที่มากขึ้นเรื่อยๆนี้สิ ไม่รู้ว่าต่อไปมันจะเป็นยังไง...บอกไม่ได้เลยจริงๆ
“ฮยอง...ผมต้องไปหาเจบีฮยอง”
“อย่าไปเลยนะ” ร่างหนารั้งแขนของผมไว้เมื่อผมกำลังจะหันหลังเดินออกไป
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ ฮยองเป็นคนที่ยอมอยู่ในสถานะนี่เองนะ ได้โปรด อย่าทำให้ผมลำบากใจเลย ผมต้องไปหาเจบีฮยองจริงๆ” ผมดึงมือของเขาออกก่อนจะก้าวขาเดินอีกครั้ง …ผมเปิดประตูห้องพร้อมจะออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนด้านหลังพูดขึ้นมาซะก่อน
“ขอ 2 อาทิตย์”
“หือ?” ผมหันกลับไปมองคนข้างหลังอย่างสงสัย
“ฮยองต้องไปฮ่องกง 2 อาทิตย์..ระหว่างนี้ก็ถือว่าเรา...ห่างกันสักพักไปละกัน ใช้เวลานี้เพื่อทบทวนเรื่องของเรา พอฮยองกลับมาเรามาทำอะไรให้มันถูกต้องกันเถอะนะ” แจ็คสันฮยองถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่ายอมแพ้สิ่งที่ผมเสนอออกมาในตอนแรก แต่ถึงแม้ว่าตอนแรกผมพูดว่าต้องการแบบนั้น พอมาได้ยินฮยองคนนี้พูดใจกลับหวิวแปลกๆ ถึงตอนนั้นคำตอบมันจะคืออะไร ถ้าเกิดจะทำให้ถูกต้อง เราต้องเลิกรากันไปใช่ไหม
“ฮยอง…”
“ตอนนี้นายไปเถอะ..แล้วเดี๋ยวอีก 2 อาทิตย์เจอกัน”
แล้วคำตอบมันจะเป็นยังไงหล่ะ?
คำถามเกิดขึ้นในใจของผมอีกครั้ง…มีบางอย่างบอกผมว่าผมไม่ควรก้าวขาออกจากห้องนี้เลย เพราะถ้าเดินหันหลังออกไป อีกหนึ่งอาทิตย์บางอย่างมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ความถูกต้อง มันสั่งให้ผม ก้าวขาออกไปหาคนที่อยู่ข้างๆผมมานานถึง 2 ปี
ผมหันหลังให้แจ็คสันฮยองอีกครั้ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาคนที่กำลังรอเจอผมอยู่ด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย…
มันถูกแล้วใช่ไหมที่ผมทำแบบนี้....
40%
++++++++++++++++++++++++
JB’s Part
เช้านี้ผมเดินเข้าห้องเรียนมาอย่างเนือยๆ
จริงๆแล้วเมื่อวานอยู่ๆผมก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆจนต้องออกมาเดินเล่นคนเดียว แต่เดินได้แปปเดียวก็อยากมีเพื่อนเพื่อระบายสิ่งที่อึดอัดอยู่ในใจ ก็เลยเลือกที่จะโทรหายองแจเป็นคนแรก พอมาเจอกันเราสองคนก็เงียบใส่กันซะงั้น เหมือนต่างคนต่างมีเรื่องให้คิด จนสุดท้ายก็แยกกันกลับบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนกับว่าเขากำลังคิดมากกับอะไรบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ถามออกไป
“เห้ย ไอ้มาร์ค มึงมานานยัง”ผมกล่าวทักทายไอ้หล่อที่นั่งอยู่ก่อนแล้วขึ้น หลังจากวันนั้นที่ทะเลาะกับน้องแบมแบมไป สภาพมันก็เป็นอย่างเนี่ยแหละ ผ่านมาสี่วันแล้วมันก็ยังไม่ได้คุยกันสักที ใครๆก็ดูออกว่าชอบไปมากแค่ไหนแล้วเหอะ
“อืมมม” มันตอบกลับมาแค่นั้นก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วหันมาบอกผมอีกที
“เอ้อ!!! ไอ้บี๋ ไอ้แจ็คมันบอกว่ามันต้องไปฮ่องกง 2 อาทิตย์นะ” ไอ้มาร์คคนหล่อหันมาบอกผมก่อนจะกลับไปนั่งจ้องโทรศัพท์เหมือนเดิม....นี่ถ้าโทรศัพท์มันท้องได้คงท้องไปแล้ว
“ไอ้มาร์ค แล้วเนียร์อ่ะ” ผมหันไปถามมันเมื่อเห็นว่าคนข้างๆตัวเองยังไม่มาที่ห้องเรียน...ช่วงนี้หมอนั่นคอยหลบหน้าผมตลอดเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองคิดไปเองนะ แต่พอนานวันเข้าผมกลับมั่นใจว่าไม่ใช่อย่างนั้น
ยิ่งเห็นหมอนั่นสนิทกับไอ้เด็กยักษ์ยูคยอมมากขึ้นเท่าไหร่ ผมกลับหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะแต่ก่อนผมจะเป็นคนเดียวที่หมอนั่นสนิทด้วยที่สุด เราคุยกันทุกเรื่อง หัวเราะด้วยกันมาตลอด แต่จะเริ่มมาเปลี่ยนไปก็ตอนที่ผมเริ่มคบกับยองแจ เอาจริงๆถึงแม้ผมมีแฟนผมก็ยังดูแลเนียร์ดีเหมือนเดิม ดีกว่ายองแจด้วยซ้ำ แม้กระทั่งผมเคยทะเลาะกับยองแจเรื่องเนียร์ด้วยซ้ำ ช่วงแรกก็ทะเลาะกันหนักเลยหล่ะ แต่ยองแจก็ต้องยอมไปในที่สุด สุดท้ายก็เหมือนจะชินๆไปแล้วหล่ะ
“เนียร์ไปทำงานที่ห้องสภาอ่ะ เดินมาแล้วเมื่อเช้า แล้วก็ไปแล้ว”
“อ่อ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่แต่ก่อนมีแต่คนถามหาเนียร์จากผมตลอดเวลาที่เนียร์ไม่อยู่หรือไปไหนสักที่ แต่ตอนนี้กลับเป็นผมเองที่ต้องถามคามเหล่านั้นจากคนอื่นเสมอ ซึ่งมันทำให้ผมโคตรหงุดหงิดเลย
“หือ?” ผมหันไปมองไอ้มาร์คที่จู่ๆก็ส่งเสียงแปลกใจขึ้นมา
“เป็นไรมึง”
“….”ไร้ซึ่งเสียงตอบรับแต่เจ้าตัวกลับหมกมุ่นอยู่กลับการพิมพ์ๆลบๆข้อความอยู่นั่นแหละ เออดี แม่งไม่มีใครสนใจกูสักคน = =
.
.
.
เวลาผ่านไปสักพัก ผมก็ดูเวลาที่ข้อมือของตัวเอง แต่คนที่นั่งข้างๆยังไม่มีแววจะกลับมาที่ห้องสักที ผมเลยตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก โดยมีเป้าหมายเป็นห้องสภานักเรียน ยังไงวันนี้ผมต้องไปคุยกับเพื่อนสนิทผมให้รู้เรื่องก่อนที่อะไรๆมันจะสายไปกว่านี้
“เห้ย ไปไหน”
“เดี๋ยวกูมา”
“แต่อาจารย์จะเข้าแล้วนะเว้ย” ไอ้มาร์คท้วงผมออกมา ทำอย่างกะมึงไม่เคยโดดเรียนงั้นแหละ
“เออกูรู้”
ผมเดินออกมาจากห้องเรียนทันทีโดยไม่สนใจไอ้มาร์ค …อยากเมินกุก่อนเองสมน้ำหน้า
เดินไปเรื่อยๆจนไปถึงหน้าห้อง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อให้ไอ้ตัวเล็กของไอ้มาร์คเดินออกมาห้องสภา มาทำอะไรวะ? หรือว่าจะมาเป็นพ่อสื่อให้ไอ้ยักษ์ เมื่อเห็นแบมแบมเดินลับตาไปแล้วผมก็รีบเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที
แอ๊ดดด
“ลืมอะไรหรอแบม” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปจากด้านในสุดของห้อง
“นายต่างหาก ลืมฉันรึเปล่า” แต่ผมกลับเอ่ยด้วยคำถามที่ปนน้อยใจนิดๆออกไป
“เอ๋??”
ร่างบางรีบลุกออกมาจากโต๊ะด้านในออกมาหาผมทันที
“…”
“บี??” ร่างบางเบิกตาโพลงตกใจที่เห็นผมมาที่นี่
“อื่อ บีเอง” ผมมองไปรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมา เพราะมันคงจะทำอะไรๆง่ายขึ้นเยอะ…ผมทิ้งตัวลงที่โซฟากลางห้อง มันสบายอย่างนี้นี่เองทำให้หมอนี้มาได้ทุกวี่ทุกวัน
“บีมาทำอะไรที่นี่อ้ะนี่มันเวลาเข้าเรียนแล้วไม่ใช่หรอ” คนร่างบางเดินตามมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับผมแต่ก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควร…เห็นการกระทำดังนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“บอกบีได้ไหม ช่วงนี้เนียร์เป็นอะไร”
“เป็นอะไร…ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เราก็สบายดี” ถึงจะพูดออกมาแบบนั้น แต่การที่ตัวเองก้มหน้างุดๆตอบผม มันไม่ทำให้ผมเชื่อหรอกนะว่าไม่เป็นอะไร
“มีเรื่องอะไรก็บอกดิวะเนียร์ เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ ไม่ใช่ว่าบีจะดูไม่ออกสักหน่อยว่าเนียร์กำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่” ผมถามออกไป หลังจากรู้สึกสงสัยมานานแต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไปสักที
“เราไม่มี…”
“เห้ยย ไอ้การที่เนียร์หลบหน้าบีอยู่ทุกวันนี่เรียกว่าไม่มีหรอ”ผมคาดคั้นคนตรงหน้าจนเค้าสะดุ้ง อาจเป็นเพราะผมรู้สึกหงุดหงิดที่คนตรงหน้าไม่ยอมบอกปัญหาของเค้าให้ผมฟังเลยเผลอทำเสียงดังออกไป
“บี…ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ”
“มันจะไม่มีได้ไงวะ ไม่มีแล้วเนียร์จะหลบหน้าเราทำไม ไม่มีแล้วจะเลี่ยงเราทำไมวะ ไม่มีแล้วทำไมไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ไม่หัวเราะให้กันเหมือนแต่ก่อนวะ บอกมาดิ!!!” ผมตะหวาดเสียงดังลั่นเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมปริปากบอกอะไรผมเลย
“เรา…”
“รู้ไหม…ว่าไม่เหมือนเดิม รู้ไหมเหมือนเนียร์กำลังถอยห่างบีออกไปทุกที บีทำอะไรผิดวะเนียร์” ผมลดเสียงลงเหมือนหนื่อยที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจาคนตรงหน้า
“เห้ยบี เราไม่เคยบอกว่าบีผิดนะ เราผิดเองแหละบีที่…”ร่างบางส่ายหน้ารัวๆเพื่อปฏิเสธในสิ่งที่ผมพูดไป ก่อนจะหยุดไปดื้อๆ พูดให้จบดิ
“อะไร เนียร์ผิดอะไร”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วใช่ไหมถึงบอกอะไรบีไม่ได้เลย ….แม้แต่นิดเดียว” ผมมองเข้าไปในตาของคนข้างหน้าเพื่อหวังจะได้คำตอบจริงๆสักที รู้ไหมว่ามันอึดอัดแค่ไหนที่ต้องนั่งถามตัวเองว่าเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“…”
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเนียร์แล้วสินะ ที่ๆบีเคยยืนมาตลอด ตอนนี้มันกลายเป็นของเจ้าเด็กยูคยอมแล้วใช่ไหม ชอบมันหรอ ถึงทิ้งเพื่อนอย่างฉันไป” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพาลดึงเจ้าเด็กคนนั้นเข้ามาเกี่ยวด้วย
“บี!!! มันไม่เกี่ยวกับยูคยอมเลยนะ” เมื่อได้ยินดังนั้นจูเนียร์กลับขึ้นเสียงใส่ผมแทน เหมือนกับว่าไม่อยากให้ผมพูดชื่อของอีกคนออกมา เหอะ!!
“ทำไมวะ!! เนียร์จะเถียงบีหรอว่ามันไม่จริง จะเถียงว่าเนียร์ไม่ได้ชอบมัน” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพูดออกไปอย่างนั้นแต่กลับรู้สึกโมโหแทน …ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆหล่ะ ผมจะทำยังไง
“แจบอม!!!!”
“ทำไม!!!”
“เออเราชอบยูคยอม!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นจากจูเนียร์ เหมือนมีคนเอาไม้หน้าสามมาตีที่หัวผมอย่างแรก…ผมไม่ชอบ…ไม่ชอบให้เนียร์ชอบมัน ไม่รู้ทำไม รู้แต่ไม่ชอบ!!
“จินยอง…”
“เราชอบยูคยอมจริง เรารู้สึกสนุกที่ได้คุยกับน้อง รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราไม่เคยคิดกับน้องเกินเลยไปกว่านี้ เราชอบยูคเหมือนน้องชายคนนึงของเรา…เพราะอย่างนี้เราถึงไม่อยากให้บีเอายูคมาเกี่ยวด้วย”
หลังจากเนียร์พูดจบปากของผมก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ไม่รู้ทำไมถึงยิ้ม แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขจริงๆนะ
“อืมม”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราขอถามอย่างนึงสิ” จูเนียร์ที่ตอนแรกมีท่าทีจะไม่ยอมตอบคำถามของผมสักอย่าง แต่ตอนนี้กลับอยากจะถามบางอย่างจากผม
“หือ? ว่ามาสิ”
“วันนั้นที่บีพูดกับเราว่า ‘หวง’ ….”
ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะนึกย้อนกลับไปวันนั้น..ทั้งๆทีผมจะเนียนๆลืมมันไปแท้ๆแต่คนตรงหน้ากลับมาทักในวันนี้ซะงั้น เลยรู้สึกแปลกๆทำตัวไม่ถูกขึ้นมาดื้อๆ
“…”
“หวง…ในฐานะอะไร หวงในความรู้สึกแบบไหนหรอ” คนตรงหน้าจ้องตาผมกลับเมื่ออยากได้คำตอบจากผมจริงๆ
“…..”ผมเงียบเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะถามออกมาในลักษณะแบบนี้ ….ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้น เป็นบ้าอะไรวะแจบอม ทำไมต้องรู้สึกว่าเหมือนกำลังถูกจับได้ด้วยวะ
“ตอบมาดิ อิมแจบอม!”
“เนียร์ถามบีแบบนี้ทำไม เพราะอะไรถึงถามคำถามแบบนี้”
“เราอยากรู้จริงๆ”
“งั้นก็บอกเหตุผลที่บีสมควรที่จะบอกเนียร์หน่อยสิ” เพราะตั้งรับไม่ทันคนร่างบาง แล้วก็ยังไม่รู้ว่าคำตอบของผมมันคืออะไร ส่งผลให้ผมพูดออกไปแบบนั้น
“เรา…”
“เห้ย พูดดิ…ไม่งั้นบีไปนะ”ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทางประตู เพื่อจะเนียนชิ่งคำถามจากจูเนียร์
แอ๊ดด
ยังไม่ทันได้ปิดประตูไล่หลังผมก็ต้องหยุดเดินทันทีได้ยินเสียงของจูเนียร์ตามไล่หลังมา
.
.
.
.
“เพราะเราชอบแจบอม เหตุผลแค่นี้พอมั้ยวะ!!!!!”
!!!!!!!!!!!!!!!!
ไม่ใช่แค่พอ
แต่มันเกินกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ!!!!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้จะเป็นตอนที่แบ่งย่อยออกมาจากตอนที่แล้วนะคะ จะมาพูดถึงความสัมพันธ์ของแจ็คแจ ทูแจ บีเนียร์กันนะ ไม่รู้ว่าแจ็คสันจะถอดใจยอมถอยขณะที่ตัวเองต้องไปฮ่องกงรึเปล่า หนีไปทำใจอะไรแบบเนี่ย ก็แจ็คพยายามรั้งยองแจไว้ตลอด อารมณ์เหมือนกับว่ายิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกรักจนไม่อยากให้ไปไหน อยากให้อยู่กับเราแค่คนเดียว อยากจะครอบครองคนเดียว
ส่วนน้องแตงมันก็ทำใจลำบากที่จะเลือก ไม่รู้จะเข้าใจรึเปล่าว่ายองแจดูจะเป็นคนลังเล สับสนอยู่ตลอดเวลาว่าอันไหนควรทำไม่ควรทำ ไม่อยากเลิกกับใครสักคน(ดีเนอะ) 5555555 แต่ความสัมพันธ์มันจะเคลียร์จริงๆนะตอนที่แจ็คกลับมา แต่แบบไหนนี่สิ ฮ่าๆๆๆๆ
ส่วนพี่บีจะทำยังไงเมื่อเนียร์พูดออกมาแล้ว อึ้งรับประทานจ้าาาาาา
ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ เยิฟๆๆๆ
ไปติดแท็ก #ฟิครกบ กันดีกว่าเน้ออออ
ปล.พี่มาร์คจะได้ง้อมั้ยลุ้นกันตอนหน้านะ คิคิ
ความคิดเห็น