ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [GOT7 Markbam] Love Announcement รักก็บอก

    ลำดับตอนที่ #17 : EP16 The truth 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.06K
      42
      26 ต.ค. 57

     

    Mark’s Part

     

     

     

     “แบมจะรอวันที่ฮยองจะคิดได้นะ”

     

     

    แม้ว่าน้องจะเดินออกไปนานแล้ว แต่ผมยังคงรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้เชื่อว่าน้องเป็นคนทำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมรู้ว่าน้องเป็นคนยังไงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะชี้ได้ว่าน้องเป็นคนทำก็เถอะมันเลยทำให้ผมสับสนจนตอนนี้ว่าอะไรที่ถูก และ อะไรผิด

     
     

    ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดเรื่องซูจอง แต่มันจะเป็นไปได้หรอที่เธอจะทำเรื่องแบบนั้น เพราะซูจองที่ผมรู้จัก เธอเป็นคนสดใส ร่าเริง และฉลาด ทำให้ยากที่จะเชื่อว่าเธอจะปล่อยให้ตัวเองเจ็บตัวเอง….  และทุกๆคนก็ดูเหมือนจะไม่พอใจผมในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี้ ครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่รู้สึกว่าทุกคนมองผมเหมือนผมเป็นคนโง่ แม้แต่แบมแบมที่เหมือนว่าจะเป็นคนที่อยู่ข้างผม เชื่อผม และสนับสนุนผมมาตลอด แต่สิ่งที่ทุกคนพูดมา มันยากที่จะเชื่อจริงๆ ซูจองเนี่ยนะที่จะแกล้งทำเรื่องบ้าๆนี่

     
     

    อีกอย่างที่ผมให้น้องขอโทษไม่ใช่ว่าผมเชื่อว่าน้องเป็นคนผิด แต่ผมแค่อยากให้เรื่องมันจบๆไปเท่านั้นเอง จะได้ไม่ต้องมาบอกว่าคนนั้นผิด คนนี้ผิด

     

     

    “มาร์ค เรากลัวน้องแบมจริงๆนะ” ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงหันมาพูดกับในขณะที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว

     

     

    “ไม่เอาน่าซูจอง.. แบมแบมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นอุบัติเหตุ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่เห็นเธอทำท่ากลัวน้อง หรือแม้แต่พูดว่าน้องเป็นคนทำจริงๆ

     

     

    “มาร์ค!!!! เราโดนผลักลงมานะ มาร์คก็เห็น จะเป็นอุบัติเหตุได้ไง”

     

     

    “ใช่เราเห็นแต่ก็ไม่ทั้งหมด.. ผมกัดริมฝีปากตัวเอง เพราะกำลังคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ จริงๆแล้ว ผมไม่ควรตัดสินจากสิ่งที่ผมเห็นด้านเดียวไม่ใช่หรอ

     

     

    “จะบอกว่าเราเป็นคนผิด!! เป็นคนสร้างเรื่อง แล้วปล่อยให้ตัวเองตกลงมาเองหรอ”

     


     

    “เรายังไม่ได้พูดอย่างนั้นสักคำ หรือว่าเธอทำจริงหล่ะ บางทีก็ดูเหมือนเธอจะตั้งใจเหลือเกินนะ!!!” ด้วยจิตใต้สำนึกหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น ยอมรับว่าลึกๆแล้วผมก็สงสัยในตัวผู้หญิงคนนี้จริงๆ

     

     
     

    “มาร์ค!!!

     

     
     

    “เดี๋ยวเรามานะ”

     

     

    ผมเดินออกมาจากห้องนั้น หยิบโทรศัพท์ เพื่อหวังจะโทรไปหาคนที่ทำให้ผมกังวลใจและเป็นห่วง มากว่าคนที่เจ็บอยู่บนเตียงสะอีก..เป็นอะไรวะไอ้มาร์ค แค่คำพูดไม่กี่คำ กับสายตาที่มองผมอย่างผิดหวังนั้น ทำให้ใจผมมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขนาดนี้เลยหรอ

     
     

    นาย….จะโกรธฉันมั้ย

     

     

    เหตุการณ์วันนี้ทำให้ผมไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าน้องจะอยู่ข้างๆผม และเข้าใจผมเหมือนที่ผ่านมามั้ย….ผมไม่ชอบเลยจริงๆ..ใบหน้าที่เคยแต่ส่งยิ้มกลับมาให้ผม ดวงตาที่สดใสอยู่ตลอด วันนี้มันกลับกลายเป็นใบหน้าที่ผิดหวัง ไหนจะสายตาที่เศร้าๆนั่นอีก ไม่ชอบ ไม่ชอบเลยจริงจริง

     

     

    ตัวเองก็ได้แต่กดเลื่อนรายชื่ออยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่กล้ากดโทรไปสักที

     
     

    หรือว่าจะส่งข้อความ

     
     

    ผมเลื่อนมือไปกดเข้าแอฟไลน์เพื่อจะพิมพ์ไปหาน้อง แต่ก็ทำได้แต่กดๆลบๆอยู่อย่างนั้น โว้ยยยย ห่วยแตกจริงๆเลยมาร์คต้วน!!!

     
     

    ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงของตัวเอง แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อวานให้พยาบาลไปบอกกับซูจองว่าผมจะกลับก่อนแล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่ตอนนี้ผมแค่ไม่อยากกลับเข้าไปหาเธอแล้ว

     

     

    .

    .

    .

     

    20.50 PM


    ผมไล่โทรหาไอ้บี๋ ไอ้แจ็คสัน อยากจะปรึกษาด้วยจริงๆจังๆสักที ผมไม่ชอบให้พวกมันมามองผมเป็นคนโง่ แต่เสียงรับสายของพวกมัน แทนที่จะเป็นคำว่า ฮัลโหล..กลับกลายเป็น

     

    “มึงหายโง่ ค่อยมาคุยกับกู!!

     

    ไม่รู้ว่านัดกันมาหรืออะไร ทำไมต้องทำเหมือนโกรธกันขนาดนั้น ผมถอนหายใจก่อนจะไล่เบอร์เพื่อนอีกคนที่ไม่คิดว่าจะทำแบบพวกมันสองคน ผมมั่นใจ

     
     

    จูเนียร์

     
     

    ติ้ด..

     
     

    “เนียร์ คือ..

     

    ติ้ด

     

    หนักกว่าพวกแม่งอีก อย่างนั้นก็ไม่ต้องกดรับให้กูเสียตังก็ได้นะแม้แต่เนียร์ก็เหมือนจะไม่อยากคุยกับผมตอนนี้เลย ให้ตายสิ..

     

    แม้ตลอดระยะทางที่กลับบ้าน ซูจองจะพยายามโทรหาผมหลายต่อหลายครั้งก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้รับหรือโทรกลับไปเลยสักครั้ง..ก็แค่รู้สึกว่ายังไม่อยากคุยตอนนี้เพื่อตัดความรำคาญผมกดปิดโทรศัพท์ตัวเอง เพราะยังไงตอนนี้ก็คงยังไม่มีใครอยากคุยกับผม เสร็จแล้วก็ยัดใส่กระเป๋าทันที พรุ่งนี้ค่อยเปิดละกัน

    .

    .

    .

    “ฮยอง!! กลับมาแล้วหรอ..ทำไมหน้าตาดูเหนื่อยๆอะ”

     
     

    หลังจากผมเดินเข้ามาในบ้านได้ไม่นาน โจอี้ที่เจอผมคนแรกก็ทักทายผมขึ้น

     
     

    “เหนื่อยนิดหน่อย”

     
     

    “อ่อ เหนื่อยก็ไปโรงบาลมั้ยฮยอง ฮ่ะๆๆๆๆๆ”

     

     

    “ฉันเพิ่งกลับมาเนี่ย”

     

     

    “เห้ยเป็นไร เจ็บตรงไหนฮยอง ให้ผมวิ่งไปบอกป๊าไหม เอารถออกไปตรวจอีกทีเหอะนะ” โจอี้ตกใจเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ทำท่าจะวิ่งไปบอกป๊า แต่ผมก็ดึงมันไว้ก่อน

     

     

    “ไม่ใช่ฉัน

     

     

    “แล้วใคร.. หรือว่า แบมฮยอง!!!!” สีหน้าที่ดูตกใจมากกว่าเดิม แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง  “ไม่ดิถ้าแบมฮยองอยู่โรงบาล ฮยองก็ต้องนอนเฝ้าแล้วดิ ผมว่าฮยองคงไม่มีทางทิ้งแบมฮยองไว้คนเดียวหรอกใช่ป่ะ ดูชอบซะขนาดนั้น คิคิคิ” โจอี้หัวเราะออกมา

     

     

    อะไรนะ

     

    มันพูดว่าอะไร

     

     

    “โจอี้แกบอกอะไรชอบๆนะ”

     

     

    “ก็ฮยองไงใครๆก็ดูออกว่าฮยองชอบแบมฮยองซะขนาดนั้น

     

     

     

    “ฉันเนี่ยนะชอบแบม??” ผมชี้นิ้วเค้าหาตัวเองอย่างงงๆ มาพูดเองมันก็รู้สึกแปลก

     

     

     

    “เออ!!! ไม่รู้หรอฟร่ะ แสดงออกขนาดนั้น”

     

     

     

    “ฉันคิดว่า..ไม่

     

     

    ..ถ้าชอบ..แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับซูจองหล่ะคืออะไร 

     

     

    “อย่ามาเถียงว่าแต่ฮยองไปโรงพยาบาลทำไม”

     

     

    ผมสะบัดหัวไล่ความรู้สึกบ้าๆนี่ออกไปก่อนจะหันไปตอบคำถามโจอี้

     

     

    “ซูจอง ตกบันได”

     
     

     

    “หือ..ไปเจอได้ยังไง ยัยนั่นหายสาบสูญไปนานแล้วไม่ใช่หรอ จะโผล่อะไรมาตอนนี้”

     

     

     

    “ฉันรู้สึกแปลกๆหว่ะ โจอี้”

     

     

    ในที่สุดผมก็ตัดสินใจดึงโจอี้ไปนั่งที่โซฟาห้องรับแขก นี่ผมต้องปรึกษาน้องผมจริงๆใช่ไหม ผมเล่าทุกอย่าง ทุกคำพูดของเธอให้โจอี้ฟังทุกอย่าง หรือแม้กระทั่งเรื่องวันนี้ที่ผมเห็นแบม(เหมือนจะ)ผลักซูจองเป็นคนตกลงมา

     

     

    “อืมม ก็น่าจะเป็นไปได้นะฮยอง เพราะแบมฮยองชอบฮยองมาก อาจจะหึงที่เหมือนพี่จะไปอะไรๆกับเธอ เลยทำเรื่องแบบนี้ นึกว่าจะเป็นคนดีซะอีก”

     

     

    “แกจะบ้าหรอโจอี้!!!” ไม่น่ามาปรึกษามันเลยให้ตาย!!! ผมทำท่าจะลุกจากโซฟาด้วยความหงุดหงิด แต่ไอ้โจอี้มันก็พูดขึ้นมาก่อน

     

     

    “ที่ฮยองมาปรึกษาผมหน่ะ จริงๆแล้วฮยองไม่ได้อยากจะปรึกษาจริงๆใช่ไหม เพราะฮยองเชื่อว่าแบมฮยองไม่ได้ทำอยู่แล้ว ฮยองแค่อยากให้ผมยืนยันให้ฮยองมั่นใจใช่ไหม ว่าฮยองไม่ได้คิดผิด” โจอี้ยิ้ม

     

     

    “ฉัน….

     

     

    ฮยองหน่ะคิดถูกแล้ว ผมเชื่อว่าแบมฮยองไม่ได้ทำหรอก จะทำอะไร หรือตัดสินใจอะไรให้มันมั่นใจหน่อยสิฮยอง... มองจากตอนนี้แล้วเหมือนผมจะฉลาดกว่าฮยองนะ ฮ่าๆๆๆ” พูดจบมันก็วิ่งขึ้นบันไดไป แต่ยังไม่วายหันมาตะโกนบอกผมอีกครั้ง

    ชัดเจนหน่อย!! อย่าไปจมปลักอยู่กับอดีต อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน บางทีคนนั้นเค้าอาจจะรอฮยองมานาน อดทนมานาน จนเค้าเดินไปจากฮยองเองนะ คนหล่อขอเตือน!!!

     

     

    หลังจากโจอี้พูดจบ ผมก็นั่งทบทวนเรื่องตั้งแต่เมื่อวานกับวันนี้ ที่มันมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เพราะผมยึดติดหรอ เพราะผมกลัวที่จะรักใครอีกหน่ะหรอ แล้วถ้าน้องเดินจากผมไปหล่ะ

     

     

     

    หรือผมควรจะทบทวนความรู้สึกอีกทีก่อนจะทำอะไรให้ชัดเจน



    50%

    -ต่อ-


     

    ไม่มีใครมาเยี่ยมซูจองเลยตั้งแต่เมื่อวันก่อน จนตอนนี้วันอาทิตย์แล้ว ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องอึดอัดกับสายตาพวกแม่ง แต่แย่ตรงที่ผมต้องมานั่งเหงาเฝ้าเธอนี่สิ เป็นเสาร์-อาทิตย์ที่โคตรน่าเบื่อที่สุดเลย เห้อ….

     

    “มาร์ค” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกของเธอที่ทำลายความเงียบขึ้นมา ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันดีนิหน่า

     

     

    “หือ..อยากได้อะไรรึเปล่า”

     

     

    “เราอยากอ่านหนังสืออะ เราเบื่อ มาร์คไปซื้อให้เราหน่อยสิ”

     

     

    “อืมงั้นเดี๋ยวเรามานะ รอแปปนึง”

     

     

    ผมเดินออกมาจากห้อง พร้อมกับสูดหายใจแรงๆหนึ่งทีอ่า รู้สึกสดชื่นจัง ไม่คิดเลยว่าอยู่เฝ้ามาสองวันจะน่าอึดอัดขนาดนี้ ผมกดดูโทรศัพท์ว่ามีมิสคอล หรือ ข้อความอะไรที่ผมพลาดไปรึเปล่า เห้ออ จะพลาดอะไรหล่ะไอ้มาร์ค ตอนอยู่ในห้องก็กดแต่โทรศัพท์ นี่ไม่มีใครจะติดต่อมาจริงๆใช่ไหม เพื่อนหายไปหมดแล้วครับ ผมกดเข้าไปดูโปรแกรมไลน์แล้วเลื่อนไปดูชื่อที่คุยกับผมบ่อยๆ สะดุดตากับท้ายสเตตัสไลน์

     


     

    Bambam1a                  คิดถึง

     

     

    -////-

     

    ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่หรอกนะ น้องอาจจะหมายถึง คิดถึง พ่อ แม่ พี่ หรือแม้แต่ป้าข้างบ้าน แต่ผมก็รู้ว่าพื้นที่ สเตตัสท้ายไลน์น้องมันเป็นพื้นที่ของผมมาตลอด จะไม่มั่นใจได้ไงหล่ะ….ก็ผมก็อ่านมันตลอดหนิ

     

    ว่าแล้วก็กดเปลี่ยนท้ายสเตตัสไลน์ของตัวเองที่ไม่ได้แตะมานาน หรือเรียกว่าแทบจะไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ

     

    Mark_tuan                        wait me.

     

    ผมยิ้มให้กับสิ่งที่เพิ่งทำลงไปก่อนจะยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะบอกกับคนนั้น เค้าจะรู้ตัวรึเปล่าแต่ก็ยังรู้สึกดีอยู่ดี…. ระหว่างที่ผมรอลิฟท์ ก็ต้องแปลกใจเพราะตอนที่ยัดโทรศัพท์เข้าไปตามปกติแล้วผมต้องเจอกระเป๋าตังค์ตัวเองสิแต่นี่ยังมันไม่มีสิ่งนั้นหน่ะสิ กระเป๋าตังค์หล่ะอยู่ไหน

     

    บ้าจริงลืมหยิบมาจนได้

     

    ผมเดินกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยอีกครั้งเดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าห้อง หวังจะรีบเข้าไปหยิบออกมา แต่ก็ได้ยินเสียงคนในห้องเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ซะก่อน

     

     

    “เออน่า มันยากนี่ มันไม่ได้โง่เหมือนเดิมแล้วนี่หน่า”

     

    เอ๋??.... หมายความว่าไง ผมตัดสินใจยืนฟังอยู่หน้าห้องพยาบาลหลายคนเข้ามาถามแต่ผมก็ได้แต่ยกนิ้วชี้ขึ้นแนบที่ปากเพื่อบอกว่าอย่าส่งเสียงดัง

     

    “ก็เจ็บตัวนิดหน่อยอ่ะ แกต้องเห็นหน้าไอ้เด็กนั่น เหวอไปเลย ต้องขอบใจแผนแกจริงๆที่ทำให้ฉันสลัดมันหลุดจากมาร์คไปได้ ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นก็เถอะ”

     

    !!!!!!!!

     

    ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมาก ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าเธอน่าสงสัยก็เถอะ แต่พอมาได้ยินจริงๆมันก็เลยทึ่งๆนิดหน่อย เป็นอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆด้วย ทำไมผมถึงโง่ไม่ฟังอะไร และเชื่อเรื่องที่ปั้นขึ้นมานะ

     

     

    “อื่อก็กะเวลาให้มาร์คมาเห็นพอดีเลย แต่ที่น่าอารมณ์เสียก็คือ มาร์คเหมือนจะไม่เชื่อว่าเด็กนั่นเป็นคนทำห้ะ!! อื่อ รวยจริงสิแก ฉันจำหน้าพ่อมาร์คได้หน่า เห็นในหนังสือพิมพ์ก็จำได้แล้ว”

     

     

    เพราะอย่างนี้สินะถึงกลับมา กลับมาหลอกว่าที่ทิ้งผมไปเพราะจำเป็น เหอะ!!! มันสนุกมากใช่ไหมที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่น ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว....แต่กับแบมแบมด้วย

     

    ผมเอามือออกมาจากประตูอย่างหมดแรง ก่อนจะกดโทรศัพท์หาเนียร์ก่อนคนแรก รอจนเนียร์กดรับโทรศัพท์ แต่ก็ต้องรีบชิงพูดไปก่อนที่มันจะวางสายไป

     

    “เนียร์อย่าเพิ่งวาง เรามีเรื่องจะบอก”

     

     

    (หือ)

     


     

    Junior’s Part

     

    ผมกดวางสายไปหลังจากฟังที่มาร์คเล่าให้ฟังจบไปแล้ว ผมก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากหรอกที่ได้ยินแบบนั้น..ดีใจซะอีกที่เพื่อนผมรู้ตัวสักที ตอนแรกกะจะกดวางสายไปแล้วดีที่ผมใจเย็นกว่าวันนั้นมากเลยได้ฟังสิ่งที่มาร์คจะพูดและขอร้องให้ผมไปที่โรงพยาบาล

     

    “มีไรป่าวฮยอง” เด็กร่างยักษ์เอ่ยถามขึ้นขณะที่เรากำลังกินไอติมกันอยู่

     

    จริงๆผมก็ไม่ได้อยากออกมาข้างนอกนี่หรอก อยากจะนอนอยู่ในบ้านซะอีก แต่เด็กนี่อยู่ๆก็โทรมาชวนผมออกมาข้างนอกบอกได้ตั๋วหนังฟรีมา บอกว่าไม่รู้จะชวนใครเพราะแบมแบมคงไม่มีอารมณ์ออกมากับเค้า ยองแจก็คงอยู่กับบี ผมที่ฟุ้งซ่านเรื่องที่บีพูดกับผมบนรถเมล์วันนั้นก็เลยยอมตกลงออกมาหาอะไรทำดีกว่าอยู่เฉยๆ

     

    “มาร์คหน่ะ โทรมาเรื่องซูจอง เราว่า..เราจะไปโรงพยาบาลก่อน นายกลับไปก่อนก็ได้นะ” ผมหันไปบอกไอ้เด็กยักษ์ก่อนจะเรียกให้พนักงานมาเก็บเงิน

     

    “ยัยนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกหล่ะฮยอง สร้างเรื่องอะไรอีก”

     

    พนักงานเดินถือบิลมาให้ก่อนจะส่งให้ผมที่เรียกเก็บเงิน แต่เจ้าเด็กตรงหน้าก็แย่งไปซะก่อน แล้ววางแบงค์ห้าร้อยลงไป ก่อนจะส่งคืนให้พนักงาน วันนี้ผมยังไม่ได้จ่ายอะไรเลยนะเจ้าเด็กบ้า!!!

     

     

    “เปล่า มาร์คแค่จะตัดสินใจคุยกับซูจองจริงๆแล้วหล่ะ เหมือนมาร์คจะรู้สาเหตุจริงๆแล้วว่าเธอกลับมาทำไม..แล้วมาร์คก็อยากให้เราไปเป็นเพื่อนด้วย” ผมตอบคำถาม..

     

     

    “งั้นก็ดี ผมไปด้วยสิฮยอง เผื่อยัยนั่นเถียงอะไรจะได้ตอกกลับไปหนักๆเลย”

     
     

    หลังจากรับเงินทอนคืน เราก็ออกมาขึ้นรถเมล์ เพื่อมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลแต่ระหว่างทางที่นั่งเงียบกันมันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อวันก่อน

     

    หวง

     

    อยู่ๆก็รู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ จนต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าเอาไว้อย่างเผลอตัว เจบีคนบ้า..ใครใช้ให้พูดแบบนั้นกันเล่า

     

    “เป็นอะไรเปล่าเนี่ยฮยอง หน้าแดงๆ เขินเค้าหรอตัวววว” เจ้าเด็กยักษ์เอานิ้วมาจิ้มที่แก้มผม จึกๆ ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปตีคนตัวยักษ์ที่บังอาจมาจิ้มแก้มผม

     

    .

    .

    .

    หลังจากขึ้นมาชั้นที่ซูจองพักอยู่ก็ต้องเจอมาร์คที่นั่งรอผมอยู่ก่อนแล้วตรงเคาน์เตอร์ ผมเดินเข้าไปสะกิดมาร์คที่เหมือนกำลังนั่งคิดอะไรอยู่

     

    “มาร์ค..

     

    “อ้าว.. เรานึกว่าเนียร์จะมาคนเดียว” มาร์คพูดขึ้นหลังจากเห็นยูคยอมเดินตามมาไม่ห่าง

     

    “อื่อ พอดีเราอยู่กับยูคพอดีหน่ะ”

     

    มาร์คพยักหน้า ก่อนจะเดินไปที่ห้องพร้อมกันเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงคนไข้ในห้องนี้แทบจะทันทีที่ก้าวเข้ามา

     

    “มาร์ค!!!...อะ อ้าวเนียร์ หวัดดี”

     

    “อืม” ผมได้แต่ตอบกลับไปแค่นั้นแล้วเดินไปยืนข้างๆเตียง พร้อมกับมาร์คแล้วก็ยูคยอม เจ้านี่ตามติดเป็นเงาเลยสิน่า

     
     

    “พวกนายนั่งก่อนสิ ขอบใจที่มาเยี่ยมนะ” เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเมื่ออยู่ต่อหน้ามาร์ค แต่ผมกลับส่ายหน้าให้เธอเบาๆแล้วพูดออกไป

     
     

    “เราไม่ได้มาเยี่ยมเธอ..เรามารอมาร์คกลับไปด้วยกันหน่ะ”

     
     

    “มาร์คจะไปไหน” เธอเอื้อมมือมาจับแขนของเพื่อนผมไว้ แต่เพื่อนผมก็เบี่ยงตัวหลบออมาได้ก่อน..ซึ่งสร้างความแปลกใจให้เธอไม่น้อยที่ครั้งนี้มาร์คไม่ได้ยอมเธออีกต่อไป

     

     

    “มาร์คแค่ต้องการพูดกับเธอแปปเดียวเท่านั้นแหละ”

     

     

    “มาร์คมีอะไรรึเปล่า”

     

     

    “ซูจอง เรื่องค่ารักษาพยาบาลไม่ต้องเป็นห่วงนะเราออกให้หมด แต่ว่าเราอย่ามาเจอกันอีกเลยนะ..

     
     

    “มาร์ค..ทำไมพูดอย่างนี้หล่ะ เรื่องที่เราเจ็บตัวก็เพราะว่าเรามายุ่งกับมาร์ค เพราะเรายังรักมาร์คอยู่เราถึงได้ทนให้เด็กแบมแบมนั่นแกล้งเรา ทำร้ายเราสารพัด” เธอมีสีหน้าเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินสิ่งที่มาร์คพูด

     

    “เธอเป็นคนสร้างเรื่องเองไม่ใช่หรอ!!! ตอนแรกเราก็รู้สึกผิด ตอนที่เธอมาบอกเราว่าเธอไม่ได้ทิ้งเราไป เรารู้สึกผิดที่โกรธเธอมาตลอด เราเคยคิดด้วยซ้ำว่าเราอยากจะกลับมาคบกับเธอ อยากจะดีกับเธอ แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น เรากลับนึกถึงอีกคนมากกว่า สำหรับเธอเราไม่เคยลืมว่าเราเคยรักเธอมากแค่ไหน แต่มันก็จบไปนานแล้ว..เราคิดว่าจะดูแลเธอจนกว่าจะหายดี เราคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แต่พอเรามาได้ยินเรื่องที่เธอคุยกับเพื่อนในโทรศัพท์ เราก็คิดว่า เราจะไม่รอแล้วหล่ะ เราไม่คิดว่าเธอจะเปลี่ยนไปขนาดนี้” 

     

     

    จริงๆผมคิดว่าเธอเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะ แต่มาร์คมองไม่เห็นเอง ...เมื่อมาร์คพูดจบ สีหน้าที่เคยตกใจ เสียใจ กลับกลายเป็นใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มร้ายๆบนใบหน้าแทน

     

     

    “หิ!!!! ไม่จบง่ายๆหรอกนะมาร์ค เราจะแจ้งความเด็กแบมแบมนั่น ข้อหาพยายามฆ่า ผลักเราตกบันไดลงมา!!!!

     

     

    “คิดดีๆนะซูจอง เพราะกล้องวงจรปิดก็มี เราก็เพิ่งไปดูมาว่าจริงๆแล้วเธอนั่นแหละที่เป็นคนปล่อยตัวเองตกลงไปเอง!!!!” ผมพูดขึ้นมาบ้าง จริงๆผมยังไม่ได้ดูกล้องวงจรปิดอะไรนั่นหรอก แค่พูดไปอย่างนั้นเอง..

     

    “กรี้ดดด …. พวกแกออกไปเลย!!!! ฉันก็ไม่ได้อยากกลับไปหาแกนักหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเงินของแก แกมันก็แค่คนห่วยๆคนนึงเท่านั้นแหละ!!!” ไม่คิดว่าจะได้ผล..เธอทุบเตียงอย่างเสียสติ โวยวายเสียงดังจนพยาบาลต้องเข้ามาดูกันใหญ่ พวกผมเลยต้องบอกว่าไม่มีอะไรแล้วขอตัวกลับ ส่วนมาร์คก็หันไปบอกพยาบาลเพื่อฝากดูแลเธอก่อนจะเดินตามพวกผมออกมา

     


     

    จบจริงๆแล้วใช่ไหม เรื่องวุ่นวายนี่

     

     

    หวังว่ามาร์คจะเคลียกับแบมได้สักที



    ...มั้ง

     

     

    ทั้งๆที่เป็นคนบอกว่าจะรอ แต่นี่มันก็สองวันมาแล้วที่ไม่ได้คุยกับฮยองคนนั้นเลย ฮือออ น้องแบมจะลงแดงตายอยู่แล้วนะครับ ทำไมสองวันเหมือนผ่านไปสองอาทิตย์เลยนะ จะโทรไปก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะเค้ากำลังเป็นคนงอนอยู่นะ อย่างมากที่สุดก็คงเปลี่ยนสเตตัสไลน์นั่นแหละ

     

     

    Bambam1a                       คิดถึง

     

     

    หลังจากตั้งไปอย่างนั้นไม่รู้ว่ามันจะดีรึเปล่า เหมือนตัวเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้เองที่จะรอฮยองคนนั้น ตัดสินใจจะกดลบข้อความนั้นทั้งๆที่พิมพ์ไปไม่ถึง 5 นาที แต่กลับเหลือบเป็นเห็นสเตตัสที่แปลกใหม่จากรายชื่อตรง favorite  ก่อน

     
     

    Mark_tuan                        wait me.

     

     

    กรี้ดดดดดดดดดดดด 

     

     

    กูไม่สนแล้วครับ ตอนนี้ขอฟินก่อน

     

     

    บอกคำเดียว

     

     

    กี่ปีกูก็รอครับ!!!!!!!!!!





    -------------------------------------------------------------------------------------------------------ครบแล้วค่าาาาา เจอกับบุคคลปริศนาตอนหน้ากันนะคะ ไม่รู้ว่าพี่มาร์คจะง้อน้องแบม เคลียกับน้องแบมได้โดยไม่มีอุปสรรครึเปล่า แล้วเจอกันตอนหน้านะค่ะะะ 

    ชอบก็โหวตกันนะคะ จุ้บๆๆ ขอบคุณที่มาอ่านกันด้วยนะคะ เราอ่านทุกคอมเม้นจริงๆยิ้มจนแก้มจะฉีกแล้วเนี่ยยยย อิอิ 

    ไปติดแท็ก #ฟิครกบ กันโล้ดดดด 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×