Tนกแขกเต้ากับชาวนาT - Tนกแขกเต้ากับชาวนาT นิยาย Tนกแขกเต้ากับชาวนาT : Dek-D.com - Writer

    Tนกแขกเต้ากับชาวนาT

    นิทานสอนใจมีคติธรรม หน้าอ่าน

    ผู้เข้าชมรวม

    266

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    266

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 มิ.ย. 50 / 10:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นกแขกเต้ากับชาวนา

       

      มีนกแขกเต้าฝูงหนึ่งประมาณ 500 ตัวอาศัยอยู่ในป่างิ้วบนยอดเขาแห่งหนึ่งเมื่อถุงเวลาหากิน ฝูงนกแขกเต้าต่างพากันบินไปกินข้าวสาลีในนาของชาวมคธ เมื่อกินข้าวสาลีอิ่มแล้วต่างก็บินกลับรังด้วยปากเปล่า ๆ ทั้งนั้น

      ส่วนพญานกแขกเต้าที่เป็นหัวหน้าเมื่อกิน อิ่มแล้ว ยังต้องคาบข้าวสาลีอีก 3 รวงกลับไปด้วย ชาวนาเห็นก็แปลกใจจึงพยายามดักจับพญานกแขกเต้าให้ได้ด้วยการสังเกตที่ยืนของพญานกนั้นแล้ววางบวงดักไว้

       

      วันหนึ่งพญานกถูกจับได้ชาวนาจึงถามพญานกว่า นกเอ๋ย ท้องของท่านคงใหญ่กว่าท้องของนกอื่น

      เพราะเมื่อท่านกินอิ่มแล้วยังต้องคาบรวงข้าวกลับไป อีกวันละ 3 รวงเป็นเพราะท่านมียุ้งฉางหรือเป็นเพราะเรามีเวรต่อกันมาก่อน  พญานกตอบว่า  ข้าพเจ้าไม่ได้มียุ้งฉาง และเรา ก็ไม่มีเวรต่อกันแต่ที่เราคาบไป 3 รวงนั้น

      รวงหนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า    รวงหนึ่งเอาไปให้เขา     และอีกรวงหนึ่งเอาไปฝังไว้  

      ชาวนาได้ฟังก็เกิดความสงสัย จึงถามว่า ท่านเอารวงข้าวไปใช้หนี้ใคร  เอาไปให้ใคร  และเอาไปฝังไว้ที่ใหน

      พญานกแขกเต้าจึงตอบว่า  

       

      รวงหนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า  คือ  เอาไปเลี้ยงดูพ่อแม่เพราะท่านแก่แล้ว และเป็นผู้มีพระคุณอย่างมาก ทั้งให้กำเนิดและเลียงดูข้าพเจ้าจนเติบใหญ่  นับว่าข้าพเจ้าเป็นหนี้ท่านจึงสมควรเอาไปใช้หนี้

       

      รวงที่สองเอาไปให้เขา  คือ  เอาไปให้ลูกน้อยทั้งหลายที่ยังเล็กอยู่ไม่สามารถหากินเองได้  เมื่อข้าพเจ้าเลี้ยงเขาในตอนนี้ ต่อไปยามข้าพเจ้าแก่เฒ่าเขาจะเลี้ยงตอบแทนจัดเป็นการให้เขา

       

      รวงที่สามเอาไปฝังไว้  คือ  เอาไปทำบุญด้วยการให้ทาน กับนกที่แก่ชรา นกที่พิการหรือเจ็บป่วยไม่สามารถหากินได้เท่ากับเอาไปฝังไว้ เพราะบัณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่า การทำบุญเป็นการฝังขุมทรัพย์ไว้

       

      ชาวนาฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสว่านกนี้เป็นนกกตัญญูต่อพ่อแม่ เป็นนกที่มีความเมตตาต่อลูกน้อย ใจบุญ

      มีปัญญารอบคอบมองการณ์ไกล

      พญานกได้อธิบายต่อไปว่า ข้าวสาลีที่ข้าพเจ้ากินเข้าไปนั้นก็เปรียบเหมือนเอาทิ้งลงไปในเหวที่ไม่รู้จักเต็มเพราะ ข้าพเจ้าต้องมากินทุกวัน วันนี้กินแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องมากินอีก กินเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็มจะกินก็ไม่ได้เพราะถ้าท้องหิวก็เป็นทุกข์ 

      ชาวนาฝังแล้วจึงกล่าวว่า พญานกผู้มมีปัญญา ทีแรกข้าพเจ้าคิดว่า ท่านเป็นนกที่โลภมาก เพราะนกตัวอื่นเขาหากินเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ไม่คาบอะไรไปส่วนท่านบินมาหากินแล้วก็ยังคาบรวงข้าวกลับไปอีก

      แต่พอฝังท่านแล้วจึงรู้ว่าท่านไม่ได้คาบไปเพราะความโลภ แต่คาบไปเพราะความดี   คือเอาไปเลี้ยงพ่อแม่

      เอาไปเลี้ยงลูกน้อย  และเอาไปทำบุญท่านทำดีจริง ๆ

       

      ชาวนามีจิตเลื่อมใสในคุณธรรมของพญานกมากจึงแก่เครื่องผูกออกจากเท้าพญานกปล่อยให้เป็นอิสระ

      แล้วอบนาข้าวสาลีให้ พญานกรับนาข้าวสาลีไว้เพียงส่วนหนึ่งชึ่งกะคะเนแล้วว่าเพียงพอแก่บริวารจากนั้นจึงให้โอวาท แก่ชาวนาว่า ขอให้ท่านเป็นผู้ไม่ประมาทหมั่นสั่งสมกุศลด้วยการทำทานและเลี้ยงดูพ่อแม่ผู่แก่เฒ่าด้วยเถิด  ชาวนาได้คติจากข้อปฏิบัติของพญานกจึงตั้งใจทำบุญกุศลตั้งแต่นั้นมาจนตลอดชีวิต

       

      นกแขกเฒ่าผู้มีปัญญารู้ว่าควรบริหารจัดการทรัพย์อย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัว

      และต่อสังคม นับเป็นการใช้ทรัพยากร

       

      นับเป็นการใช้ทรัพย์อย่างชาญชลาดที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีความสุขความเจริญ สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ สุขทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×