snk fiction[levihanAUfic] : one shot - snk fiction[levihanAUfic] : one shot นิยาย snk fiction[levihanAUfic] : one shot : Dek-D.com - Writer

    snk fiction[levihanAUfic] : one shot

    พอดีเขียนเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกเลย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พอ เป็นone shot ของ SnKหรือ attack on titan เห็นว่าฟิคคู่นี้หาอ่านยากเหลือเกินใน dek d เราเลยแต่งออกมาเพิ่มบ้าง

    ผู้เข้าชมรวม

    1,996

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    1.99K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    26
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ค. 57 / 07:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องนี้ เป็น AU fic นะคะ
    -อ้างอิงจากตอนที่ 57 มานิดหน่อย แต่ไม่มีสปอยล์อะไรหรอกค่ะ(ยังไงก็ต้องไปอ่านตอนที่ 57 อยู่ดี ถึงรู้ว่าจริงๆเกิดอะไรขึ้น 555+)
    -ไม่รู้จะเรียกว่า levihan ได้ไหม เพราะคนเขียนชอบให้สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่เชื่อใจกันมากกว่า
    -เรื่องนี้เลยเป้นแบบ one shot ไม่มีอะไรมาก จะมีก็แต่โมเม้นต์น่ารักของเจ้าสองตัวนี่ ท่ามกลางบรรยากาศเครียดๆ กดดัน แบบในเรื่อง


    คุณฮันซี่
    เป็นจนท.พิสูจน์หลักฐาน ที่เริ่มเปลี่ยนสายงานมาทำงานสืบสวนสอบสวนเป็นครั้งแรก และได้เป็นหัวหน้ากองสืบสวน
    อายุประมาณ 29 ยังโสด เป้นworkaholic (คนบ้างาน) โดยแท้
    งานอดิเรก : เที่ยว ,ดูสารคดีสัตว์โลก,ดูหนัง,เล่นเกมส์ เยอะมาก

    คุณรีไวล์
    เป้นมือปราบทรชน เป้นมือหนึ่งของกองสืบสวน
    อายุ 34 ยังโสด เป็น perfectionist(ชอบความเพอร์เฟค) และบ้างานพอๆกับคุณฮันซี่
    งานอดิเรก :ทำความสะอาดบ้าน
    สนใจเรื่องรถยนต์และกีฬาเอ็กสตรีมทุกประเภท
    มีอดีตในวัยเด็กที่ลึกลับ

    เป็นเพื่อนสมัยเด็ก ที่เห็นกันจนเบื่อหน้า มาตั้งแต่ มัธยม มหาลัย แม้กระทั่งตอนทำงานยังอยู่กองเดียวกัน
    ทึ่งในความตายยากอย่างเหลือเชื่อของอีกฝ่าย


    หวังว่าคงสนุกกันนะคะ


    themy butter

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      "เพล้งงงงงงงง"

      รีไวล์ได้ยินเสียงแตก ตอนตีสามของคืนวันหนึ่ง เสียงกระจกร่วงกราวลงบนพื้นกระเบื้อง น่าจะเป็นห้องรับแขก
      ข้างล่างบ้านเขานั่นเอง เขาแทบไม่ได้นอนมาตลอดทั้งอาทิตย์แต่กระนั้นประสาทสัมผัสยังฉับไว
      คงมีใครซักคน ทุบกระจกหน้าบ้านของเขาแน่นอน อาจจะเป็นขโมยที่ทั้งบ้าและโง่พอ

       
      ชายหนุ่มคว้าปืนพกที่วางไว้บนหัวเตียง แล้วฝ่าความมืดออกไป
      บันไดชันนัก มืดสนิท และ หัวของเขาก็อื้ออึงเพราะขาดการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
      ใครก็ตามที่เข้ามาในบ้านหลังนี้ ตอนนี้ จะต้องโดนลงโทษให้สาสม
      เขาคิดระหว่างที่ลงบันได เขาเห็นร่างร่างหนึ่งกำลังคลานสี่ขาอยู่ตรงที่กระจกแตก รอบกายเต็มไปด้วยเศษกระจก

      "แกเองหรอกเรอะ"

       
      ชายหนุ่มลดปืนลง เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จากฮู้ดสีเขียวซึ่งเป็นของทีมชันสูตรตอนแข่งโบล์วลิ่ง
      เป็นเสื้อกันหนาวเนื้อหยาบสีเขียวขี้ม้าที่ทุเรศลูกตาที่สุดเท่าที่เขาเห็นมา แต่เห็นได้ชัดว่ามันช่วยป้องกันฮันซี่ โซเอะ ไม่ให้โดนเศษกระจกทิ่มตำจุดสำคัญได้มากโข
       
      ท่าทางหญิงสาวจะเอาตัวพุ่งเข้าชนกระจกประตูหน้าบ้านของเขาอย่างแรง
      จนมันแตกและตัวเองก็ทะยานเข้ามาด้วยนั่นแหละ จากนั้น ก็ใช้มือเท้ายันตัวเอง ค้างไว้ในท่านั้น

      "ไอ้ประตูเฮงซวย" หญิงสาวพูดอุบอิบ

       
      "ทำไมไม่โทรเรียกฉันมาเปิดประตูดีๆ" เขาเดินตรงไปเปิดไฟ ห้องรับแขกสว่างขึ้น

      ไม่มีใครกล้าขยับตัว เนื่องจากกลัวเศษกระจกจะบาดมือหรือเท้าเข้า รีไวล์หยิบไม้กวาด กวาดเศษแก้วไปไว้อีกทางหนึ่ง เพื่อหาทางเข้าไปหาหญิงสาว ซึ่งตัวสั่นเทา   

      "ฮะ ฮะๆๆๆ" ฮันซี่หัวเราะเสียงสั่นๆ
      "ก็นายนอนอยู่ แถมไม่มีกุญแจสำรองซ่อนใต้พรม หรืออะไรทำนองนั้นอย่างที่คนอื่นเขาทำกันเลยนี่"

      "ฉันไม่ทำเรื่องสะเพร่าอย่างนั้นหรอก อีกอย่าง แกเคยเคารพเวลาส่วนตัวของฉันซะที่ไหน " เขาบอก คุกเข่าลงตรงนั้น สำรวจใบหน้าของเพื่อนท่ามกลางแสงไฟ ใบหน้าเธอมีกระจกฝังอยู่นิดหน่อย เมื่อชายหนุ่มแตะมัน ฮันซี่ก็หันหน้าหนีเม้มปากแน่น แต่เขาส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงขู่แล้วลูบไปตามไหล่ ไปจรดฝ่ามือซึ้งพ้นออกมาจากเสื้อกันหนาวนั้น

      เศษกระจกบาดมันจนเป็นแผลใหญ่ทั้งสองข้าง กางเกงยีนส์ของหญิงสาวเปียกเปื้อนเพราะเลือดจากแผลที่ถูกกระจกบาดตรงหัวเข่า เหนือไปจากนั้น เพราะรองเท้าผ้าใบเปื้อนโคลนแท้ๆ จึงไม่มีรอยแผลเพิ่มอีก แต่ที่มีอยู่ก็มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มหายง่วงทันที

      "ลุกขึ้นมา" เขาสั่งเธอ แล้วฉุดตัวให้ลุกขึ้น หญิงสาวครางเมื่อการเคลื่อนไหวสะเทือนถึงแผล

      จังหวะนั้น เขาได้กลิ่นเหล้าพุ่งออกมาจากลมหายใจของเธอ เขาก็พอเดาได้เลาๆแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และ หญิงสาวมาที่นี่เพื่ออะไร

      เขาเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจความรู้สึกของเธอ

      ส่วนเล็กๆในใจของเขาเองก็กระซิบตอบย้ำมาว่า เขาเองนั่นแหละ ที่เป็นสาเหตุให้เธอเป็นแบบนี้
      เมื่อคิดอย่างนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็เกิดความรู้สึกรับผิดชอบขึ้นมาซะเฉยๆ เขาไม่อยู่ในอารมณ์จะดุว่าเธอเลย 
      ตอนที่กึ่งลากกึ่งดึงเธอไปที่ห้องน้ำชั้นล่าง

      "เธอไปอาบเหล้ามาหรือไงเนี่ย" เขาถาม เพื่อทำลายความเงียบที่โรยตัวลงมา ดูเหมือนวันนี้พวกเขาจะสลับบทบาทกัน

      "ก็หลังจากที่ไปดูศพนั่นแหละ ตอนแรกก็ไม่คิดจะดื่ม แต่บังเอิญต้องหนีจากเจ้าซื่อบื้อบางคนพยายามจะอาสาปลอบใจฉันนั่นแหละ ฉันเลยซดบรั่นดีเหยือกใหญ่โชว์เจ้านั่นซะ จะเรียกว่าอาบก็ได้นะ"

      "เธอนี่มันโง่จริงๆ" เขาถอนใจ พลางสาวแขนเสื้อขึ้น แล้วจับชายเสื้อมีฮู้ด พยายามจะถอดมันออกทางหัวให้ แต่ฮันซี่ร้องว้าก "เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ!!!"

      "หนวกหู  ยังจะต้องอายอะไรกันอีก เธอคิดว่าฉันยังเห็นไม่พอหรือไง เอ้า ยกแขนขึ้นซะ" เขาพูด ดูเหมือนพวกเขาจะนึกถึงเหตุการณ์ช่วงไฮสคูลที่คล้ายกันนี้ขึ้นมาพร้อมกัน ฮันซี่จึงยอมให้เขาถอดเสื้อผ้าให้โดยดี

      เขาเปิดน้ำใส่จนเต็มอ่าง ระหว่างที่รอให้น้ำเต็ม พวกเขาก็นั่งอยู่ที่ขอบอ่าง ใช้แหนบสะอาดคีบเศษกระจกออกมาทีละชิ้น โดยเริ่มต้นจากที่มือ

      ฮันซี่มองเขาด้วยตาสีเฮเซลนัทดวงโต  ถึงแม้เขาจะตั้งสมาธิกับแผลแต่ก็ยังรู้สึกได้

       
      "ทำไมต้องเป็นนายทุกทีเลย"

      "ฉันก็ถามตัวเองแบบนี้มาหลายปีแล้วเหมือนกัน"

      หญิงสาวหัวเราะ แล้วเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงในลำคอขื่นๆ แล้วก็เงียบไปอีก

       
       "เออนี่ จะว่าไป...มันเป็นแบบนี้เองเหรอ"

      "เป็นยังไง"

      "เสียลูกน้องไง...ฉันไม่คิดว่าจะแย่อย่างนี้ ฉันคิดว่าฉันพอแล้วกับการที่เห็นคนอื่นต้องตาย "
      รีไวล์ขมวดคิ้ว เขานิ่งเงียบ บรรยากาศตึงเครียดจนฮันซี่รู้สึกได้ เขารู้จากดวงตาของเธอ

      "เธอชกฉันก็ได้นะ"เขาพูด "ฉันพาพวกนั้นออกไป ทำให้มันเป็นอย่างนี้"

      "ก็อยากอยู่"
      รีไวล์เลืกคิ้วข้างนึง ฮันซี่ยิ้ม "ล้อเล่น ฉันหมายถึง ไม่หรอก นายไม่มีทางอยากให้มันเป็นแบบนี้"

      "ไม่เปลี่ยนเลยนะ" เพราะมิตรภาพที่ยาวนานระหว่างคนทั้งคู่ เขาคิดอยู่แล้วว่าเธอจะตอบแบบนี้
      แต่มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดยิ่งขึ้นไปอีก

      "ฉันเชื่อใจนายเต็มร้อยอยู่แล้ว ถ้าจะมีคนผิดซักคน ก็คือเจ้าของกระสุนพวกนั้นแหละ"

      "ทำไมถึงเชื่อใจฉันนัก หือ ยัยแว่น" เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ "ฉันพนันได้ว่า คนทั้งโรงพักไม่มีคนพูดแบบนั้นแน่"

      "เพราะนายเป็นเพื่อนฉันไงล่ะ" เธอตอบง่ายๆ เอามือข้างที่ว่างอยู่ตบไหล่เขาเบาๆ "นายไม่ต้องห่วงฉัน ตามล่าแค่ไอ้บ้าที่ทำเรื่องแบบนี้ก็พอ อ๊ากกกกก"
       
      เขาคีบเศษกระจกจากแก้มของเธออย่างรวดเร็ว โดยอาศัยโอกาสตอนที่ฝ่ายนั้นเอนเข้ามาตบบ่า "กินเหล้าให้เมา จากนั้นก็ขับรถ วิ่งพุ่งเข้าชนกระจกบ้านคนอื่นตัวเปล่า จะไม่ให้ห่วง?"

       "เล่นทีเผลอนี่หว่า" ฮันซี่น้ำตาร่วงพรูเป็นสาย "ฉันไม่เชื่อใจนายแล้ว!"

      "นี่ไง เศษกระจก"รีไวล์ยื่นเศษกระจกชิ้นเท่าหัวแม่โป้งให้เธอดู สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย "รีบอาบน้ำ ทำความสะอาดแผลให้เสร็จก่อนเป็นแผลเป็นดีกว่า"

      ฮันซี่วักน้ำจากอ่านมาล้างหน้าแล้วเช็ดด้วยผ้าสะอาด ขณะที่เขาคุกเข่าสำรวจเศษกระจกบนหัวเข่า

      "เพราะนายก็เคยสูญเสียมาก่อน พอเห็นหน้านายแล้วมันเหมือนกับบอกฉันว่า เฮ้ ดูนั่นสิ เขาคือผู้ชายที่เสียลูกน้องไปจนหมดในวันเดียว แต่เขายังสู้ได้อีก ช่างเข้มแข็งอะไรอย่างนี้ แค่เห็นหน้านายฉันก็โอเคแล้ว ถ้าฉันอาบน้ำเสร็จ นายก็ไปนอนได้เลย"

      "สภาพแบบนี้ยังจะกลับอีกงั้นเหรอ"เขาเงยหน้าขึ้น มองเธอจากมุมต่ำกว่า"นอนซะที่นี่แหละ"

      "โอ้ ขอบใจ ฉันจะตอบแทนนายยังไงดี ด้วยร่างกายดีมั๊ย" ฮันซี่หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย

      "แค่จ่ายค่าเปลี่ยนกระจกก็พอ" ชายหนุ่มบอก

      หญิงสาวหยุดหัวเราะทันที "ก็ได้ ฉันจ่ายได้สบายอยู่แล้ว คราวหน้า เราเอาเกรดดีๆ ที่มันหนาๆหน่อยแล้วกัน คราวหน้าฉันโดดชนนะจะได้ไม่ต้องลำบากทำแผลอีก"

      "นี่เธอยังจะโดดใส่อีกเหรอ พอเถอะ"

      "...นี่รีไวล์"

      "อะไรอีก"

      "ความเจ็บปวดมันไม่หายหรอกใช่ไหม"

      รีไวล์ไม่ตอบ เขามัวแต่หันเศษกระจกที่อยู่ในเนื้อไปมา เพื่อหาทางที่จะเอาออกมา
      เนื่องจากทนความเจ็บปวดมาจนชินชนิดที่เรียกได้ว่าถึกบึกบึน
      เธอจึงไม่ร้องโยเยให้เขาได้รำคาญใจ ยกเวนแต่ตอนที่ไม่ได้ตั้งตัวเท่านั้น

      "ฉันจะไม่ให้พวกเขาต้องตายเปล่า" ฮันซี่พูด

      เธอไม่แยแสเขาเลยแม้แต่น้อย เหมือนหญิงสาวพูดกับตัวเองมากกว่า ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อมองออกไป ราวกับมองทะลุกำแพง หรือสิ่งสามัญธรรมดา ไปหาสิ่งที่เธออยากเห็นเท่านั้น

      "วันพรุ่งนี้นะ ฉันจะต้องเรียกประชุมทุกหน่วย ทุกนาย นายต้องบอกฉันทุกอย่างที่นายรู้ เกี่ยวกับพวกมาเฟียนั่น เจ้าฆาตกรฆ่าปาดคือ หรืออะไรอย่างนั้น ฉันไม่สนใจว่านายจะมีอดีตยังไง
      เราจะตามล่ามัน...ฉันจะทำทุกทาง แต่ก่อนหน้านั้น ต้องกลับไปรวบรวม ใช่ แฟ้มคดีเก่า มันต้องมีแน่นอน จากนั้นฉันจะ..."

      "หุบปากซะทีเถอะน่า ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้แล้ว" เขาพูดแม้ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นก็รู้ได้ว่า

      ฮันซี่คงทำหน้าเหมือนโดนตีแสกหน้า

      "เราไม่ได้นอนมาเกือบเป็นอาทิตย์ เธอต้องพัก" ประโยคนั้นลอดผ่านไรฟัน
      เขาตั้งใจให้เธอรู้สึกถึงความหนักหนาของสิ่งที่เขาต้งแบกรับบ้างผ่านเสียงนั้น

      ฮันซี่ถอนหายใจ เชื่อฟังโดยดุษฎี เขาลุกขึ้นและหิ้วของต่างๆออกไป ปล่อยให้เธออาบน้ำและจัดการอะไรๆของตนเอง ส่วนเขากลับไปที่เตียง ดึงหมอนและผ้าห่มออกมาเพิ่ม

      วันรุ่งขึ้นคงต้องเก็บกวาดเศษกระจกจนหลังแอ่น จะให้ฮันซี่นอนท่ามกลางเศษแก้วในห้องรับแขกคงไม่ได้แล้ว เธอกับเขาผ่านอะไรๆมาด้วยกันตั้งเยอะแยะ ตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่เรียนประถม ไฮสคูล และ มหาวิทยาลัยด้วย

      เมื่อทุกอย่างจบสิ้น พวกเขาก็ยึดครองเตียงกันคนละด้าน เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะรุ่งสาง ฮันซี่กระซิบในเงามืด

      "นายใจดีจัง"

      "รีบๆนอนไปเถอะน่า"

      "นายดีกับฉันเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดกับฉันหรอกใช่ไหม"

      "ไม่"เขาตอบทันควัน

      "ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว พรุ่งนี้เรามีงานต้องทำอีกเยอะ"เธอเตือนเขา กลิ้งตัวเข้ามาใกล้

      "ใช่ งานที่เราต้องทำคือ เปลี่ยนกระจกห้องนั่งเล่นฉัน จากนั้นก็ไปงานศพ"

      "ไม่ได้นะ! แบบนั้นช้าเกินไป! " รีไวล์กรอกตาในเงามืด สรุปที่คุยกันนี่ไม่รู้เรื่องเลยใช่ไหม

      "ยัยสี่ตา ทุกคนจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นไม่ได้ มันจบแล้ว ครั้งนี้พวกมันชนะ ที่เราต้องการตอนนี้คือโอกาส ถามตัวเองก่อนเถอะว่าพร้อมสำหรับโอกาสไหม วันนี้เธอทำอะไรโง่ๆมามากเกินฉันรับได้แล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เธอเอาชีวิตไปทิ้งในเรื่องไร้ประโยชน์ คิดถึงเด็กๆพวกนั้นเซ่ ฉันนอนล่ะ อยากจะถ่างตาจนฟ้าสางก็ตามใจ" เขาหันตัวไปทางอื่น

       
      ฮันซี่นิ่งเงียบ ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของทั้งสองคน จริงของเขา เธอในตอนนี้ไม่มีทางที่จะพร้อมรอโอกาสได้ ดีไม่ดีทำอะไรออกไปตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตใส่จานให้อีกฝ่ายขย้ำแน่
       

      มาเฟียพวกนั้นมีอิทธิพลล้นเหลือครอบคลุมมลรัฐนี้ มีทั้งเทคโนโลยีที่เธอไม่เคยเห็น ที่สามารถฆ่าเพื่อนๆของเธอได้ภายในพริบตาต่อหน้าต่อตารีไวล์ ตำรวจที่ได้ชื่อว่าเป็นมือทองในเรื่องการจับกุม

      เรื่องร้องไห้เธอทำเรียบร้อยไปแล้ว แต่ไม่สามารถบรรเทาการปวดในอกนี้ได้ อะไรจะเป็นของขวัญเลื่อนตำแหน่งได้แย่ที่สุด เท่ากับการที่ลูกน้องเก่าแก่ถูกฆ่าในวันที่เธอได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองสืบสวนพอดี

      เธอหายใจออก แล้วสูดกลิ่นของผ้าห่ม...เป็นกลิ่นสะอาดๆของแดดยามเช้า รีไวล์คงเพิ่งเก็บมันเข้ามาตอนที่เขากลับมาจากทำงานนี่เอง เขายังคงเป็นคนเดิม เสมอต้นเสมอปลายเหมือนตอนที่พวกเขาเจอกันตอนอยู่ชั้นมัธยม

      แบบที่ทำให้เธอรู้สึกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็ยังคงยินดีที่จะตอนรับเธอ ไม่ว่าปากจะพูดว่าอย่างไรก็ตาม เขาแก่กว่าเธอ เยือกเย็นกว่าเธอ แล้วก็เจอเรื่องเลวร้ายมายิ่งกว่าเธอแต่ก็ผ่านมันมาได้ โดยสามารถสร้างความอบอุ่นให้กับคนใกล้ชิดได้

      จะว่าไปแล้วก็เหมือน....พี่ชาย ไม่สิ

      แก่กว่านั้น

      ...พ่อ ...หรือ ลุง ว่าแล้วฮันซี่ก็ยิ้มออกเมื่อคิดอย่างนั้น เธอพูดต่อไปว่า

      "...ก็ได้..ฉันมาคิดดูดีๆแล้วน่ะนะ...เรื่องที่ทำไมต้องเป็นนายน่ะ"

      "อาาาาาา"รีไวล์คำรามอย่างรำคาญ ตาเขาเริ่มจะปิดไปครึ่งแล้ว

      "ฉันไม่รู้หรอก แต่รู้สึกดีนะ ที่เป็นนาย ดีกว่าเป็นคนอื่นตั้งเยอะ"

      เสียงหายใจสม่ำเสมอคือคำตอบ ...
      เงียบไปแล้ว
      "หลับไปแล้วเรอะ ...งั้น เอ้อ ฝันดีนะ"


      รีไวล์ลืมตาตื่นขึ้น
      "ฉันเชื่อใจนาย" งั้นรึ เขาทวนความ "หลับฝันดี" งั้นรึ
      เขาทวนประโยคที่ได้ยินวันนี้อีกที เหมือนประโยคที่ไม่ได้พูดให้กับเขา มันไม่เหมาะที่จะเป้นของเขา มันเหมือนสายลมพัดผ่านผิวน้ำ ส่วนตัวเขาก็เป็นปลา ...ไม่มีทางส่งถึงได้เลย
      เพราะเขาได้พูดโกหกกับเจ้าของคำพูดเหล่านั้นไปแล้ว 

      เขายินดีจะแลกมือขวาเพื่อชดใช้ทุกอย่างที่ทำไป ก่อนที่เขาจะเริ่มชีวิตใหม่ในเส้นทางสายยุติธรรมนี้

      ถ้าเพียงฮันซี่รู้เรื่องเขามาอีกซักนิด เธอจะกล้าเชื่อใจเขาไหม ถ้าเธอรู้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับฆาตกรที่ฆ่าลูกน้องเธอเช่นไร
      ถ้าเพียงแต่ว่าเธอรู้...

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×