ความรักของผม(yaoi) - ความรักของผม(yaoi) นิยาย ความรักของผม(yaoi) : Dek-D.com - Writer

    ความรักของผม(yaoi)

    โดย -[TAKE]-

    คนแต่งนั่งร้องไห้ อ่ะ คิดดู ไม่รู้คนอ่านจะเป็นเหมือนกันไหม (มาต่อตอนที่ 3 แล้วค่ะ บทจบ)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,652

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    2.65K

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    58
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ม.ค. 57 / 12:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้




















    ความรักของผม







    ความรักของผม



    สุดที่รักของผม  ผมรักคุณมากกว่าใคร




    ได้โปรด  กลับมาหาผม  ถ้าไม่อย่างนั้น
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    "......................................"






     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      เรื่องสั้น  ความรักของผม

       

       ตอนที่  1
       

      ความรักของผม.....

       

      สุดที่รักของผม.......

       

      ผมรักคุณมากกว่าใคร......

       

      ได้โปรด  กลับมาหาผม.....

       

      ถ้าไม่อย่างนั้น.......

       

      ผมจะไปอยู่กับคุณ......

       

      ตัวผมที่กำลังสั่นเทามองภาพข้างหน้าด้วยสายตาที่เริ่มจะพร่ามัว  ร่างกายอีกคนที่แน่นิ่งไปกับพื้นที่เย็นเฉียบโดยมีผมประคองศรีษะอยู่บนอกเล็กๆ ของผม  ใบหน้าของผมทาบไปที่แก้มที่เริ่มเย็น ผมร้องไห้....  ร้องไห้และกอดเขาไว้แน่น  ขอได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันที่เลือนลาง

       

      ฮือออออ  ไหนสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน

       

      “………….”

       

      ไหนบอกกับผมว่าจะปกป้องผม  คนโกหก

       

      “………….”

       

      แต่ผม....  ก็ยังรักคุณ.....  ฮือออออ  ฮึก

       

      คิดถึงความทรงจำเมื่อวันวานที่ยังมีเขาอยู่เคียงข้าง  ตัวผมที่ไม่มีใครทั้งพ่อและแม่เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ต้องมาอยู่บ้านเด็กกำพร้า  จนกระทั้งอายุ  10  ปี  จู่ๆ ก็กลับมีครอบครัวนึงจะมาอุปถัมส์ผม  ชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ในวัยกลางคนที่ดูท่าทางใจดีกอดผมไว้แน่นอย่างไม่รังเกียจบอกกับผมว่าจะพาผมไปอยู่ด้วย

       

      ต่อไปนี่พวกลุงกับป้าจะพาหนูไปอยู่กับลุงนะ

       

      ไปอยู่....

       

      จ๊ะ  รับรองหนูจะต้องอยู่อย่างมีความสุขแน่ๆ

       

      ตอนนั้นผมดีใจมากที่จะได้อยู่ในที่ดีๆ กินข้าวหรูๆ กับใส่เสื้อผ้าสวยๆ พอผมมาถึงบ้านพวกเขากลับเจอกับลูกชายอีกคนของเขาที่เป็นลูกแท้ๆ  ด้วยความที่ผมยังเด็กมันทำให้ผมยิ้มร่าขึ้นมาทันทีที่จะได้มีครอบครับ....แต่ทุกสิ่งทุกอย่างผมกลับคิดผิดเมื่อตัวผมถูกใช้อย่างทารุณ  ทั้งทุบตีและลงโทษสารพัดทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำผิด  สิ่งที่เขาแสดงให้ผมเห็นทั้งหมดมันเป็นแค่การแสดงละครที่พวกเขาตบตาขึ้นเพื่อพาผมออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าเท่านั้น  เพื่อนำตัวผมที่ไม่ได้รู้เรื่องราวมาใช้งาน  ในทุกๆ วันผมจะได้ยินแต่เสียงร้องอ้อนวอนของตัวเองเพื่อให้พวกเขาหยุดทำร้ายผม

       

      ไอ้เด็กเวร....  มึงมานี่เดี๋ยวนี่!!!!!”

       

      ฮืออออ  ผมเจ็บ  ฮือ  ผมขอโทษ ฮึก  คุณแม่

       

      อย่ามาเรียกกูว่าแม่!!!  กูไม่ใช่แม่ของมึง  ลูกกูมีแค่คนเดียวเท่านั้น...

       

      แค่นั้นยังไม่พอผมได้ถูกลูกชายสุดรักสุดหวงของพวกเค้าที่อายุห่างจากผม  ปี  ข่มแหง  รังแก  การกระทำของเขาไม่ได้ต่างจากพ่อแม่เลยสักนิด  ตอนอายุ  12  ปี  มีอยู่ครั้งนึงที่ไม่มีใครอยู่บ้านยกเว้นแต่ลูกชายของเขา  ผมอยู่บ้านคนเดียว  ไม่ซิ...จะเรียกว่าบ้านก็ไม่ได้เพราะผมอาศัยอยู่ภายในห้องเก็บของด้านนอก  ทีมีแต่เตียงเล็กๆกับผ้าห่มคลุมเวลาหนาวก็เท่านั้น  ไม่มีพัดลมให้ช่วยคลายร้อน มีแต่หน้าต่างที่ถูกเปิดออก  ทั้งๆ ที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นบ้านหลังใหญ่จนแทบเรียกได้ว่าคฤหาส  ผมทำเป็นไม่ใส่ใจต้องนอนให้หลับเพราะว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นขึ้นมาทำงานบ้านให้เสร็จก่อนที่พวกเขาจะกลับและคืนนั้นก็เป็นคืนฝันร้ายของผม

       

      ผมถูกข่มขืนจากลูกเจ้าของบ้านและ.....  บรรดาเพื่อนๆ ของเขาอีกสองคน  ผมหวีดร้องขอให้ปล่อยสุดเสียงดิ้นทุรนทุรายอยู่ใต้ร่างใหญ่ทั้งสามที่กำลังเสพสมความสุขจากตัวผมอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย  พวกเขากำลังหัวเราะอย่างชอบใจที่เห็นผมทรมาน  ผมได้แต่หลับตาลงรอรับความทรมานที่เกิดขึ้นจนเกือบถึงเช้าของอีกวัน

       

      ฮืออออ  ฮึก  ทำไม!!!!”

       

      ผมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นสภาพร่างกายตัวเองที่เกาะกรังไปด้วยน้ำรักที่โสโครกสำหรับผม  ช่องทางที่ฉีกขาดเต็มไปด้วยรอยเลือดหยดลงกับพื้น  ยามพาร่างกายตัวเองเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ห่างจากที่ผมอยู่พอสมควร  เนื้อตัวผมมันสกปรกถึงผมจะพยายามขัดทำความสะอาดแต่มันก็ไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมและวันนั้นด้วยพิษไข้ทำให้ผมไม่ได้ทำงานบ้านตามที่พวกเขาสั่ง  ตอนเย็นหลังจากที่พวกเขากลับมาก็ลงโทษผมให้ผมอดข้าวสามวันเต็มๆ  มีแต่เพียงน้ำที่ประทังชีวิตให้อยู่รอด  ไม่มียาให้รักษาถูกใช้งานเยี่ยงทาสทั้งๆ ที่ร่างกายก็ยังไม่พร้อม  เจ็บปวดที่หัวใจจนเริ่มชา

       

      และนับตั้งแต่วันนั้นผมก็ถูกทำให้เป็นที่ระบายของลูกชายพวกเขาแทบทุกคืน  บางครั้งวันที่ไม่มีใครอยู่บ้านเขาก็จะพาเพื่อนๆ ที่เคยทำร้ายผมมาร่วมแจมด้วย  ใช้ชีวิตอยู่ในกรงไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆ ต้องคอยรับใช้อย่างทรมานและทุกข์ทนจนอายุได้  15  ปี  วันนั้นเป็นวันที่เจอเขาครั้งแรก  คนที่ผมรัก.....  เขาเป็นเหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่งมายังตัวผมที่มืดมน

       

       “เฮ้.....  นายนะ

       

      ผมถูกชายอีกคนที่ห้อยตัวจากต้นไม้บนกำแพงอีกฝากเรียก  ตัวของเขาที่ต้องแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าเปล่งประกายจนทำให้ผมรู้สึกแสบตาจนต้องเอามือมาบัง  ใบหน้าเขา  รอยยิ้มเขา  มันถูกส่งลงมาให้ผมที่ต่ำต้อย  ดูเหมือนจะอายุพอๆ กับลูกเจ้าของบ้าน  ทั้งๆ ที่เป็นลูกคุณหนูเหมือนกันแต่ทำไมถึงได้แตกต่าง  เขาบอกกับผมว่าผมเหมือนพระจันทร์ที่ทอแสงสว่างในคืนเดือนมืด  จากนั้นเขาก็หัวเราะเล็กๆ ที่ผมทำหน้างงๆ ดูเขามีความสุข...  ความสุขที่ทำให้ผมสุขตามไปด้วย

       

      มืออุ่นๆ ของเขาลูบไปที่หัวผมเบาๆ ยามผมร้องไห้มันทำให้ผมรู้สึกดีจนอยากที่จะเก็บมือนี้ไว้กับตัว  ร่างกายผมที่สกปรกผมไม่อยากให้เขาได้รู้จนต้องปิดบังซ่อนเร้นไว้ข้างใน  จนกระทั่งวันที่เขาแอบมาหาผมเพราะผมถูกกักบริเวณที่หนีออกไปเที่ยวข้างนอก  ผมที่รู้ว่ากลับมาจะต้องเจอกับอะไรแต่ผมก็ยังเลือกที่จะไปกับดวงอาทิตย์ของผม  ขอแค่อยู่ใกล้เขาต่อให้ต้องเจอกับอะไรผมก็ไม่แคร์แต่ว่ามันเป็นวันที่ผิดพลาดเพราะวันนั้นเป็นวันที่เขาได้รู้ทุกอย่างจากปากของผม

       

      ตัวผมที่เต็มไปด้วยร่องรอยของอีกคนนอนตระหง่านอยู่กลางห้อง  ผมร้องไห้จนตาเริ่มบวมยกตัวหนีพร้อมกับดันผ้าห่มขึ้นมากระชับตัวเพื่อปกปิดร่างกายให้มากที่สุด

       

      ฮืออออ  ขอร้อง...  อย่ามองผมนะ  ฮือออ

       

      ผมบอกออกไปแบบนั้นแต่เขากลับเดินเข้ามาหาผมช้าๆ พร้อมกับมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้  ผมซบลงกับอกที่อบอุ่นร้องไห้แล้วร้องไห้อีกแม้จะอึดอัดกับอ้อมกอดที่รัดตัวแต่ผมกลับต้องการมันมากกว่าอ้อมแขนของใครหลายๆ คน  ร่างกายเขาสั่นเล็กๆ พร้อมกับเสียงสะอึกในลำคอที่บ่งบอกได้ดีว่าเขาเองก็กำลังร้องไห้เหมือนกับผม  ปากของเขาพร่ำบอกว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนผิด  น้ำเสียงที่ระงับอาการสั่นของลำคอบอกกับผมว่าจะปกป้องผม  ไม่ให้ถูกทำร้ายได้อีก  จะดูแลผมแทนในส่วนที่ผมเสียไป  ผมร้องขอให้เขามีอะไรกับผมเพื่อลบรอยสกปรกทิ้ง  สัมผัสที่อ่อนโยนและทนุดถนอมไม่เหมือนกับพวกที่ชั่วช้าทำกับผมจนทำให้ผมรู้สึกเติมเต็ม  นี่ผมกำลังจะมีความสุขใช่ไหม?

       

      ดีใจจัง......

       

      แต่ทุกอย่างก็กลับตารปัดอีกครั้งเมื่อทางพ่อกับแม่ทางของคนที่ผมรักรู้  เราทั้งสองคนเลยถูกจับแยกกัน  มือของผมและของเขาถูกจับให้แยกห่างแต่เขาก็ยังคงกุมมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแต่มีเหรอที่จะสู้แรงใครหลายๆ คนได้จนในที่สุดก็หลุดออกจากกัน  เขาร้องบอกกับผมให้ผมอดทนแล้วเขาจะมารับผม  เสียงที่บอกผมตะโกนอย่างดังก้องไม่คิดที่จะอายใครพูดด้วยสีหน้าจริงจัง......  แต่ว่า  ทั้งๆ ที่สิ่งที่ขวางกั้นก็มีแค่กำแพงหนาเท่านั้น  แต่ผมกลับไม่สามารถเห็นหน้าคนที่ผมรักได้เลย

       

      หนึ่งวัน  สองวัน....  จวบจนกระทั้งหนึ่งเดือนผมก็ไม่ได้เห็นแม้แต่เงา  สิ่งที่พร่ำบอกกับผมทุกวันคือเสียงหัวเราะอย่างน่าสมเพชกับประโยคที่เข้าหูที่ผมไม่อยากฟังของลูกเจ้าของบ้าน

       

      เขาไม่ได้รักมึงหรอก  มึงมันไอ้โง่...  รู้ไว้ซะว่ามันกำลังจะหมั่นและอีกไม่นานหลังจากเรียนจบพวกเขาจะแต่งงานกัน  มึงถูกมันหลอกใช้  ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า

       

      ฮืออออ  ไม่จริง!!!!!”

       

      ใจผมที่เจ็บจนทรมาน.....  ทรมานจนหายเจ็บและด้านชาหมดเรี่ยวแรงที่จะทำทุกอย่าง  ไม่ทำงานบ้าน  ไม่กินข้าว  ปล่อยตัวปล่อยใจเหมือนกับตายทั้งเป็น.... แล้วทำไม? ผมถึงได้ทรมานขนาดนี้นะ  ร่างกายที่ถูกซ้อมที่ไม่ยอมทำอะไรเลยไม่ดิ้นรนเหมือนเมื่อก่อน  ต่อให้ต้องถูกข่มขืนจากลูกชายเจ้าของบ้านผมก็นอนนิ่งๆ ไม่ตอบสนองแต่อย่างใดจนทำให้เขาเริ่มรำคาญแต่ก็ยังไม่ปล่อยผมให้เป็นอิสระยังคงทำถึงจุดสุดท้ายอยู่ดี  สุดท้ายแล้วผมคงต้องนอนตายอย่างโดดเดี่ยวซินะ

       

      อยากเห็นหน้า.....

       

      คุณอยู่ที่ไหน......

       

      ขอโทษ

       

      อบอุ่น....  ร่างกายของผมที่กำลังหมดแรงถูกโอบอุ้มขึ้นมาพร้อมกับอ้อมกอดที่ผมเฝ้ารอ  ผมปล่อยให้น้ำตารินไหลลงกับอกกว้าง  กอดเขาไว้แน่นด้วยความคิดถึง

       

      เราหนีไปด้วยกันเถอะนะเขาพูดแล้วก็หยุดลงจับไปที่หัวไหล่ผมทั้งสองข้าง  ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาก่อนที่จะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนทุกครั้งที่เจอผม

       

      ขอโทษที่มาช้า.....  ผมมารับแล้วนะ

       

      ฮืออออ

       

      คนที่ผมรักมาหาผมแล้ว.....  ในที่สุดเขาก็รักษาสัญญา  ตัวผมที่ได้โบกบินจากกรงใหญ่มีคนที่ผมรักคอยจับมือเดินเคียงข้าง  แค่นี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว....  นับจากนี้เป็นต้นไปผมจะใช้ชีวิตใหม่โดยมีเขาอยู่เคียงข้าง  มือที่แสนจะอบอุ่นของเขาคอยจับผมไว้แน่นเหมือนเดิม  เขาบอกกับผมว่าตัวเขาถูกกักบริเวณ  หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาหาทุกวิธีทางที่จะออกมาจากบ้านเพื่อมาหาผม  พอจะหนีแต่ก็ถูกจับได้ทุกครั้งบางครั้งหนีออกมาได้แต่ก็ไม่เจอผมเพราะมีคนคอยขวางทางก็ในที่สุดก็สามารถมาหาผมได้   เขาบอกกับผมว่าต่อจากนี้ไป....  เราจะอยู่ด้วยกัน  ผมกำลังยิ้ม....  เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่มีอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เราแยกกัน  ผมจะต้องมีความสุข....

       

      ระวัง!!!!!”

       

      บรืนนนนนนน

       

      เอี๊ยดดดดดดดด

       

      โครม!!!!!!!!!!

       

      ตัวผมที่ถูกพลักให้ล้มลงไปอีกทางพร้อมกับร่างของคนที่ผมรักลอยละลิ้วกลางอากาศ  ผมเห็นรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้เหมือนกับดีใจที่เห็นผมไม่เป็นอะไร  จากนั้นไม่นานก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างต่อหน้าต่อตาผม

       

      ตุบ

       

      ผมร้องไม่ออกพาสองขาคลานไปหาอย่างช้าๆ ด้วยน้ำตาที่ไหลมาตอนไหนก็ไม่รู้  เลือดที่เต็มตัวมันทำให้ใจของผมกระตุกวูบ  สีหน้าที่ทรมานแต่ก็ยังคงยิ้มให้ผมแขนสั่นๆ ของเขาจับมาที่มือของผมเหมือนอย่างเคยพร้อมกับร่างกายที่เริ่มไอเป็นเลือดก่อนที่จะแน่นิ่งไปทั้งๆ ที่มือของเราทั้งคู่ก็ยังคงประสานกันอยู่  เสียงร้องโอดครวนด้วยความเจ็บปวดมันทำให้ผมแทบขาดใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

       

      ลืมตาขึ้นมา....

       

      ได้โปรด......

       

      อย่าทิ้งผมไป.....

       

      มันผิดเอง...  ที่มาพามึงไปจากกู...  มึงเป็นของกู!!!”

       

      ครับ....  ผมเป็นของคุณ  ร่างกายผมที่ถูกคุณย่ำยี  คุณจะเอาไปก็เชิญ....  แต่หัวใจของผม  ผมขอมอบให้กับเขาแต่เพียงผู้เดียว

       

      กลับมาหาผมเถอะ....

       

      ถ้าไม่อย่างนั้น......

       

      ผมจะไปหาคุณเอง.....

       

      ผมบอกกับเขาแบบนั้นก่อนที่จะลุกยืนขึ้นก้าวเดินถอยหลังอย่างช้าๆ มอบรอยยิ้มให้กับคนที่ผมเกลียดที่สุด  ก่อนที่จะ....

       

      ปรี๊นนนนนน

       

      โครม!!!!!!!!

       

      ไม่!!!!!”

       

      ตัวผมที่ลอยขึ้นสูงเหมือนภาพสโลโมชั่นตกลงมาอยู่ใกล้กับคนที่ผมรัก  ลมหายใจพะงาบๆ เข้าออกอย่างรวยริน  แต่ผมกลับรู้สึกไม่เจ็บเลยสักนิด  ผมอยากจับมือของเขาจัง.......  คิดได้แค่นั้นถึงจะไม่มีแรงแต่ผมก็ดันตัวเองให้นอนคว่ำหน้าเพื่อเข้าใกล้คนที่นอนอยู่ก่อนแล้วอีกนีด  เอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับกับมือที่แสนจะอบอุ่นที่ดูเหมือนตอนนี้กำลังยื่นมารอรับผม  คนที่ผมรักกำลังยิ้มให้กับผมอีกแล้ว  ขอเพียงแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่ผมอยากจะจดจำใบหน้าเขาให้มากที่สุด  เราจะอยู่ด้วยกัน.....

       

      ตลอดไป...../ตลอดไป......


       

      ที่รักของผม...  ผมจะดูแลคุณเอง  จะไม่ทำให้ร้องไห้จะปกป้องจากทุกสิ่งที่ทำร้ายคุณ  ที่รักของผม.... ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ  ลืมตาขึ้นมาเถอะแล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน


       

      ครับ....  ผมตามคุณมาแล้วนะ

      อืม...... ไปกันเถอะ  ผมจะจับมือคุณแบบนี้ตลอดไป

       

      ผมรักคุณ..... พระอาทิตย์ของผม  ตะวัน....

      ผมก็รักคุณ... พระจันทร์ของผม  เดือน.....









       

      *******************************************


       


      ตอนที่  2
       

      ที่รักของผม.....

      ผมรักคุณ.........

      ผมจะปกป้องคุณ......

      ผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้......

      ผมสัญญา......

      ผมกำลังมองคนที่ผมรักร้องไห้ด้วยหัวใจแทบแหลกสลาย  ผมทำให้แต่มองหน้าเขานิ่งๆ อยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้  ตัวที่สั่นเทาของเขามันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด  อยากกอดคนที่ผมรักให้เต็มอ้อมแขน  ปลอบโยนเหมือนอย่างเคย  แต่ผม....

      กลับทำไม่ได้สักอย่าง.......

       

      ผมเป็นคนที่เพิ่งย้ายบ้านใหม่  ที่อยู่ใหม่  บรรยากาศใหม่ๆ แต่ผมยังเหมือนเดิม  ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ปาเข้าไปเกือบเดือนแล้วซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ  ผมยังใช้ชีวิตปกติเหมือนที่ผมเคยอยู่  กิน  เที่ยว  เฮฮาไปกับเพื่อนฝูงตามประสาวัยรุ่นที่เพิ่งจะอายุ  19  ปี

       

      ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่คนดีอะไรมากนักออกจะเลวด้วยซ้ำ  ถ้าผมไม่พอใจใครหน่อยก็กระทืบอย่างเดียว  ถึงโรงถึงศาลเมื่อไร่ก็ใช้บารมีพ่อแก้ปัญหาใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองที่ไม่รู้จักหมด

       

      ปกติถ้าผมออกเที่ยวผมจะไม่ค่อยกลับบ้านจะกลับอีกทีก็เช้าของอีกวัน  แต่วันนี้ผมเบื่อๆ เซ็งๆ เลยเลือกที่จะกลับบ้านแทน  ผมขับรถสปอร์ทสีขาวผ่านเข้าไปในซอยบ้านผมด้วยความที่ผมอยากขับรถกินลมทำให้ผมขับรถช้าลงกว่าเดิม  ผมเสตาไปมองที่นาฬิกาที่อยู่ในรถอีกแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีจะถึงเที่ยงคืนแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อมองถนนด้านหน้าต่อ

      ติก  ติก  ติก  ติก  ติก

      24.00  นาฬิกา

       

      มันทำให้ผมเห็นเขา......

       

      เป็นครั้งแรก......

       

      เด็กตัวเล็กๆ ที่ยืนเกาะประตูรั้วเหล็กที่สูงพอสมควรแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ไร้ดาว  เขาใส่เสื้อสีขาวเก่าๆ ตัดกับความมืดที่อยู่รอบด้านทำให้เห็นเด่นชัด  ทั้งๆ ที่ก็เป็นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่ผมเคยเจอ  แต่มันเป็นเพราะอะไรไม่รู้.....  มันทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากคนตรงหน้าที่ผมกำลังขับรถผ่านไม่ได้  หัวใจของผมกำลังเต้นแรง.......

       

      ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก

       

      คืนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืนได้แต่คิดถึงใบหน้าของเด็กคนนั้น  ผมแค่รู้สึกว่าอยากเจออีกครั้ง........  จนทำให้ทนไม่ใหวต้องพาตัวเองออกไปด้อมๆ มองแถวประตูรั้วของบ้านที่อยู่ติดกันกับผม  ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้มีแค่ประตูรั้วปิดกั้นแต่ผมกลับไม่เคยพบเขาอีกเลยตลอดสามวันที่ผ่านมา  พอจะเข้าไปก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ในเมื่อความเป็นเพื่อนบ้านมันไม่มีเลยสักนิด


      จนกระทั่งวันที่สี่.....  ผมทนรออย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคงต้องบ้าตายแน่ๆ พาตัวเองเดินวนไปวนมาข้างกำแพงบ้านของตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจปีนต้นไม้ขึ้นมาดู  ถ้าหากมีใครมาเห็นอย่างน้อยผมก็ยังเนียนๆ บอกได้ว่ามาปีนต้นไม้เล่น  อาจเป็นเพราะผมแทบไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนมันทำให้ผมลำบากไม่น้อยที่จะปีนให้เลยกำแพงบ้าน  แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันคุ้มทันทีที่ผมเห็นคนตรงหน้า  ในที่สุดผมก็ได้เจอเขา......


      คนที่ทำให้ใจผมอยู่ไม่เป็นสุข.....


      เขาเดินผ่านหน้าผม  ก้มหน้าก้มตาไม่มองอะไรสักอย่าง  ดัวยสัญชาตญาณบางอย่างมันทำให้ผมต้องรีบทำตามสิ่งที่ร่ำร้องในหัวใจทันที  เรียกครั้งแรกเสียงผมสั่น.....  เขาไม่ได้ยิน  เหมือนกระแสลมที่พัดผ่าน  เรียกครั้งที่สองเขาก็ยังไม่ได้ยิน  ไม่มีแม้กระทั้งความสนใจในสิ่งรอบข้าง.....

      ต้องเรียก......

      ต้องทำให้ได้ยิน  ว่ามีผมอยู่ตรงนี้....

      เฮ้......นาย

      ครั้งที่สาม......  ผมเรียกด้วยน้ำเสียงที่แทบจะตะโกน  ได้ผล.....  ในที่สุดเขาก็หันมามองผมแล้ว  มันทำให้ผมดีใจ......  ดีใจจนต้องเผลอยิ้มออกมากว้างจนปากแทบฉีก  ผมรู้สึกว่าใบหน้าของผม  ร่างกายของผม  ทุกๆ อย่างที่เป็นตัวผมสะท้อนอยู่ในสายตาของของเขา  ตอนนี้เวลาของผมกำลังหยุดเดินไปชั่วขณะ  สิ่งรอบข้างของผมเหมือนกำลังหยุดนิ่งก่อนที่ทุกอย่างกำลังกลับไปเป็นปกติ  ผมกลับคิดว่า.....

      หัวใจของผมถูกขโมย.......

      หลังจากที่ผมได้รู้จักเขาผมบอกกับเขาว่าเขาเป็นเหมือนกับพระจันทร์ในคืนเดือนมืด  จากนั้นผมก็ยิ้ม....  ยิ้มเมื่อคิดถึงครั้งแรกที่เจอแต่ตอนนี้ผมยังไม่บอกเขาหรอก  รออีกหน่อยแล้วกัน.......

      ผมคิดว่าผมเป็นคนที่โชคดีเกิดมาก็รวยไม่ต้องทำอะไรก็มีกินไปทั้งชาติ  ผมรู้ว่ามีคนที่โชคร้ายกว่าผมเยอะหนึ่งในนั้นก็คือ.......  คนที่ผมรัก  เขาไม่ได้เรียนหนังสือเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน  ตอนแรกผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ให้เด็กอายุ  15  มาทำงาน  เขาบอกผมว่าเพราะคนในครอบครัวนี้เก็บเขามาเลี้ยงและงานที่ทำก็ไม่ได้หนักอะไร  แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจเพราะบางครั้งผมมักแอบเห็นเขาร้องไห้อยู่คนเดียว  ทุกครั้งที่เขามีน้ำตาและรอยแผลที่พยายามปกปิดผมมันทำให้ผมใจสั่น  กังวล  จนอดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้

      ไปเที่ยวกันไหม....

      ไปเที่ยวเหรอ?

      อืม  ไปกันสองคน

      เขามีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบรับ  รอยยิ้มของคนที่ผมรักมันช่ายสดใสและดูมีเสน่ห์  ผมยอมรับว่าผมหลงใหลคนที่อยู่ตรงหน้าผม  ไม่ใช่การอยากครอบครองเหมือนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ตั้งแต่วันที่ผมเจอเขาผมก็ตัดขาดทุกอย่างเลิกเที่ยว  เลิกกลับบ้านดึกหลังจากเรียนเสร็จ  เลิกทุกๆ อย่างที่ผมคิดว่ามันแย่  ผมไม่สนว่าเขาจะฐานะเป็นยังไงสำหรับผม..... 

      เขาสำคัญที่สุด.........

      สามวัน.....  สามวันที่ผมไม่ได้เห็นหน้า  มันทำให้ผมทรมานแทบจะคลั่งตาย  เขาอยู่ที่ใหนนะ.....  ผมแอบไปหาเขาที่บ้านที่ไม่มีใครอยู่  มันทำให้ผมไม่ต้องระวังคนจะเห็น  จนกระทั้ง......

      ฮืออออ  ฮึก  ฮืออออ

      ผมที่เดินผ่านห้องเก็บของได้ยินเสียงร้องไห้ดังเล็ดลอดออกมา  เสียงร้องไห้ปานขาดใจผมจำได้ทันทีมันช่างฟังดูเจ็บปวดแม้ผมจะไม่ได้เห็นหน้าก็ทำให้อยากร้องไห้ตาม........  อย่าร้อง.....  ผมอยู่ตรงนี้แล้ว  ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้.....

      แอ็ดดดดด

      ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ผมเห็นมันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก  ร่างกายของคนที่ผมรักกำลังสั่นระริก  ใบหน้าคลอไปด้วยน้ำตา  ยกผ้าห่มมาปกปิดร่างกายทันทีที่เห็นหน้าผม  เขาบอกว่าอย่าให้ผมเข้าไปด้วยน้ำเสียงที่ปนสะอึกสะอื้น.......  ผมเดินไปกอดเขาอย่างช้าๆ รัดร่างที่กำลังสั่นเต็มอ้อมแขน

      ขอโทษ....

      ผมได้แต่พูดคำนี้ออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก  ผมโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้.....  โกรธตัวเองที่ไม่เอะใจตั้งแต่แรก...  ไม่สิ  ต้องบอกว่าเห็นแต่ไม่ใส่ใจมากกว่า  คนที่ผมรักต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่อายุ  12  ปี  ความจริงที่ถูกปกปิดมาตลอดมันยิ่งทำให้ผม.......  เจ็บปวด  ทำใม?......  ผมไม่เจอเขาเร็วกว่านี้แต่ในเมื่อทุกอย่างมันกลับไปแก้ไขไม่ได้  เพราะฉะนั้นนับจากนี้เป็นต้นไป  ผมจะปกป้อง....  จะดูแล.....  ไม่ให้ใครหน้าใหนมาทำร้ายคนที่ผมรักได้อีก.....  ผมพูดพร้อมกับจับไปที่ใบหน้าเล็กๆ ที่ร้องไห้จนตาบวมเป่งพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาให้มันแห้ง  เขากำลังยิ้มให้ผม.....  มือของเขาจับมาที่แขนของผมแล้วก็พูดในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด....

      ได้โปรด....  ขอร้อง.....  ช่วยลบรอยสกปรกบนตัวผมไปที

      จับจูบไปที่หน้าผากมนทันทีโดยไม่ต้องรออีกฝ่ายพูดซ้ำ  ผมอาจเห็นแก่ตัวที่ยังมีหน้ามาทำแบบนี้ได้อีก  ใครจะว่ายังไงก็ช่าง......  เขาเป็นของผม  ผมจะทำให้เขามีความสุขจนลืมอดีตที่เจ็บปวด  ผมชอบรอยยิ้มของเขา ชอบทุกๆ อย่างบนตัวเขา  สำหรับผมยังไงเขาก็ยังสะอาดและบริสุทธ์อยู่เสมอ.....  แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็มาเกิดขึ้นกับผมยังไม่ทันข้ามคืน  ผมที่กำลังจะพาคนที่ผมรักไปอยู่กับผมแต่ยังไม่พ้นขอบประตูรั้วก็มีเสียงร้องห้ามที่ดังก้องขึ้นตามหลัง

      ไม่ได้!!!!  มึงจะพาคนของกูไปใหนไม่ได้ทั้งนั้น

      แต่กูจะพาไป!!!”

      ผมตอบกลับทันทีจ้องมองอีกคนอย่างไม่วางตา  ร่างเล็กข้างกายผมกำลังสั่นเกาะชายเสื้อผมไว้แน่นแล้วแอบมาอยู่หลังผม  ถ้ามีแค่คนๆ นี้เพียงคนเดียวไม่เท่าไร่.....  แต่นี่ทั้งพ่อและแม่ผมต่างก็พากันมาห้าม  ดึงผมให้ออกห่างจากคนที่ผมรัก......  ผมไม่ยอม.....  จะไม่ปล่อยมือนี้เด็ดขาด  แขนของผู้ชายคนนี้จะต้องปกป้องให้ได้  ผมกำมือเขาไว้แน่น....  ยิ่งเห็นว่าเขากำลังร้องไห้หนักกว่าเก่าผมก็ยิ่งไม่อยากปล่อย  แต่สุดท้ายก็จากกันอยู่ดี

      รอผมนะ  แล้วผมจะมารับ....

       

      แม่ห้ามแกไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กนั่น.....  เขาไม่เหมาะสมกับลูกแม่สักนิด

      พ่อก็ห้ามแกเด็ดขาด  ถ้าไม่เชื่อกันมีแต่ตัดพ่อตัดลูก!!!”

      เหมือนเป็นการประกาศศักดิ์ดาที่ต้องบอกว่าผมต้องทำ  จะให้ผมเลือกระหว่างพ่อแม่กับเขา...คำตอบของผมเหรอมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น..... ผมเลือกเขา......  คนที่ผมรัก  ผมต่อต้านและทำทุกวิธีทางเพื่อออกไปจากบ้านให้ได้  หนีทุกครั้งที่มีโอกาศจะหนีแต่ทุกครั้งก็ถูกจับได้ตลอดจนต้องถูกจับขังอยู่ในห้อง  ได้แต่นอนคิดถึงที่รักของผม....   ผมปล่อยน้ำตาให้ใหลออกมาด้วยความอดสู  ไม่น่าเชื่อว่าลูกผู้ชายอย่างผมจะต้องมาเป็นแบบนี้  เจ็ดวันที่ผมต้องทนอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปใหนมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด  ผมอยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน......... 

       “พ่อ  แม่ครับ  ผมขอโทษที่ผมหลงผิด  ผมตัดสินใจได้แล้ว

      อืม  ดีแล้วที่แกตัดสินใจได้  พ่อดีใจนะที่แกคิดได้สักที

      ครับ

       

      ขอโทษ......

      ใช่.....ในตอนแรกผมเลือกอย่างนั้นจริงๆ แต่พออยู่ห่างกันแล้วผมกลับคิดว่าผมคิดผิด  ทำไม? ผมต้องไปรักเด็กแบบนั้นด้วย  ยอมรับว่าตอนแรกๆ ผมทรมานเจียนขาดใจแต่เกือบหนึ่งเดือนผ่านไปผมกลับรู้สึกเฉยๆ คงเป็นเพราะเป็นของแปลก  ไม่นานผมก็จะเบื่อ....  พ่อกับแม่หาคู่หมั้นให้กับผม  เธอเป็นลูกคุณหนูที่น่ารักพอสมควรแต่ก็แฟงไปด้วยความเซ็กซี่และเร้าร้อน  พอเรียนจบผมก็คงจะได้แต่งงานกับเธอ  ผมกลับมาใช้ชีวิตปกติ  กิน  เที่ยว  สนุกไปวันๆ  และนี่ก็เป็นอีกวันที่ผมจะไปสนุกกับว่าคู่นอนที่ไม่ใช่คู่หมั่นของผม  อย่างว่าแหละ......  ผมมันนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ใหนแต่ไรแล้วจะให้เปลี่ยนนิสัยเลิกเที่ยวมันก็คงจะยาก  เพราะฉะนั้นผมจะทำทุกอย่างให้เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

      เพื่อรอ.......

      ผมพาตัวเองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคย  พาตัวเองไปสถานที่เดิมๆ  ที่ผมเดินผ่านอยู่ทุกวันมันเป็นเส้นทางที่ผมเตรียมไว้ใช้หนี.......  ที่รักของผม  ผมจะไปหาคุณแล้วนะ.....

      ขอโทษ

      ผมบอกกับเขาแบบนั้นทันทีที่เจอหน้าพร้อมกับกอดเขาไว้แน่นแนบอกใหญ่  ตัวที่เล็กอยู่แล้วก็ยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่เมื่ออยู่ในอ้อมแขนผม  ทำไม? ผอมแบบนี้.....  เนื้อตัวที่เย็นเฉียบกับสภาพร่างกายที่ไร้เสื้อผ้า  ร่องรอยที่ถูกกระทำเต็มทั่วตัวไปหมด  เปลือกตาที่ปิดสนิดเหมือนกับไม่มีลมหายใจ 

      อย่าทำกับผมแบบนี้....

      ได้โปรด....

      ลืมตาขึ้นมาเถอะ......


      ฮือออออ

      เพียงไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ผมก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก.....  ผมบอกกับเขาให้หนีไปกับผม  จับไปที่ใบหน้าที่ซีดแทบไม่มีเลือดใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ใหลออกมาเหมือนจะเป็นสายเลือดให้ได้

      ขอโทษที่มาช้า......  ผมมารับแล้วนะ

      เขายิ้มให้ผมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย  พยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นคำตอบ  ในที่สุดผมก็ได้เจอกับคนที่ผมรักสักที......  ผมจะทำให้เขามีความสุขเพื่อทดแทนอดีตที่ผ่านมาของเขา  นิสัยคนเราอาจจะเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ ก็จริงแต่สำหรับผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า......  ผมเลือกเขา   แม้แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังคงเลือกเหมือนเดิมไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนใจ  ผมทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่ตายใจและวางใจ  ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นลูกอกตัญญู  แต่ผมทิ้งเขาไม่ได้จริงๆ ผมยอมทิ้งทุกอย่าง  เงิน  ทอง  ความสุขสบาย  เพียงเพื่อรักษาสัญญาเพียงข้อเดียวที่ให้ได้ไว้กับเขา

      รอผมนะ  แล้วผมจะมารับ......

      ผมพาเขาหนี...  พาออกมาจากกรงใหญ่พร้อมกับจับมือเขาไว้แน่น  ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยมือนี้อีกเด็ดขาด  เพียงแค่ครั้งเดียวที่ถูกแยกจากมันก็ทำให้ผมเหมือนตายทั้งเป็น....  จนกระทั้งสายตาของผมมองไปเห็นรถคันนึงที่กำลังวิ่งมาอย่างเร็วในทางที่พวกผมอยู่  ไม่ใช่แค่แล่นผ่านแต่เป็นเหมือนกับจงใจ.....

      ระวัง!!!!!”

      โครม!!!!!!!

      ตัวผมที่ลอยอยู่กลางอากาศมองคนที่ผมรักที่ผมผลักกระเด็นไปอีกทาง  เขาปลอดภัย......  ผมรู้สึกเหมือนไม่มีแรงเจ็บไปทั่วทุกส่วนของร่างกายจนกลายเป็นชา  เห็นน้ำตาของเขาแล้วผมไม่สบายใจเลยสักนิด  พอเห็นเขาร้องไห้ผมก็อยากกอดเขาไว้แน่นๆ เหมือนเดิม  อยากบอกกับเขาว่าอย่าร้องไห้เลยนะ.....  แต่ผมกลับทำไม่ได้สักอย่าง
       

      ผมจะอยู่กับคุณ......

      ผมจะดูแลคุณ.......

      จะไม่ให้ใครทำร้ายคุณอีก.....

      ผมสัญญา.....

       
       

      ทำไม? ผมมายืนอยู่ตรงนี้....

      ทำไม? ผมมองเห็นตัวเองกับคนที่ผมรักอยู่ตรงหน้าได้.....

      ทุกอย่างที่เขาทำมันอยู่ในสายตาของผมหมด  ทั้งๆ ที่มันดูทรมานแต่ผมกลับไม่ร้องไห้ไม่มีน้ำตา  ผมได้แต่มองมันนิ่งๆ ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้  ร่างเล็กๆ ที่ผมเคยกอดกำลังลอยมาทางที่ตัวผมนอนอยู่  พร้อมกับเลือดที่เริ่มใหลรินออกจากร่างกายช้าๆ จนนองพื้นผสมไปกับเลือดของผมที่มีอยู่ก่อน  มือเล็กๆ พยายามเอื้อมมือมาจับมือผม  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือยื่นมือไปหาเขาและยิ้มให้กับเขาเท่านั้น.....เราจะอยู่ด้วยกัน....

      ตลอดไป...../ตลอดไป......

      ที่รักของผม  ผมอยู่ตรงนี้.....  ผมจะปกป้องคุณจะดูแลคุณเองไม่ให้ใครมาทำอันตรายกับคุณได้อีก  ที่รักของผม....  ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเจ็บปวดไม่ทำให้ร้องไห้จะอยู่เคียงข้างคุณ  มือของผมจะปกป้องคุณจากทุกสิ่ง  อ้อมแขนของผมจะโอบกอดคุณยามคุณร้องไห้  ที่รักของผม.....  ได้โปรด  ลืมตาขึ้นมาเถอะนะ  แล้วเราจะได้พบกัน

      ครับ....  ผมตามคุณมาแล้วนะ....

      อืม....  ไปกันเถอะ  ไปที่ๆ มีแต่เราสองคน.....

      ผมจับมือเขาอีกครั้งก่อนที่จะพาเดินไปอีกทาง  เส้นทางที่ไม่มีใครขวางกั้นไม่มีใครมาพรากพวกเราให้จากกันได้  คนที่ผมรักหันมายิ้มให้กับผมพร้อมพูดในสิ่งที่ผมอยากฟังมาตลอด.....เขาบอกกับผมว่าผมเป็นพระอาทิตย์สำหรับเขา  ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นพระจันทร์สำหรับผม

      ผมรักคุณนะ  พระอาทิตย์ของผม.....ตะวัน

      ผมก็รักคุณ  พระจันทร์ของผม........เดือน

       




      *******************************************



       

      ตอนที่  3

      ผม....


      จำไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่มานานเท่าไร่  จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม  จำไม่ได้ว่าทำไมผมต้องมาอยู่ที่นี่  ผมอยู่มานานเท่าไร่แล้วนะ....  สิบปี  ยี่สิบปี  สามสิบปี  ไม่ใช่....  มากกว่านั้นจนผมลืม


      ในทุกๆ วันผมได้แต่รอคอยอยู่ที่เดิมๆ เฝ้ามองเหตุการณ์เดิมๆ ที่ผมเห็นจนชินชาเพียงแต่ผมยังไปไหนไม่ได้  เหมือนกับรอกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง......


      รอใครสักคนที่ผมจะต้องชดใช้  ทั้งๆ ที่ผมเองก็จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าผมกำลังรอใคร.....  ภาพผู้คนที่เดินรายล้อมก็เห็นมานับไม่ถ้วน  ได้แค่มองซ้ำๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เหมือนกับตอนนี้ที่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน  ได้แต่มองภาพตรงหน้าที่เลือนรางทำแบบคนที่คุ้นตา


      คนสามคนที่อยู่บนกองเลือด......


      สองคนที่นอนตายอยู่ตรงหน้าโดยมีเพียงมือเท่านั้นที่จับกันแน่น.....  กับชายหนุ่มหนึ่งคนที่กำลังร่ำให้อย่างทุกข์ทน  กอดร่างที่ไร้สติพูดประโยคเดิมๆ จนติดหู



      ขอโทษ....


      ขอโทษ.....


      จากนั้นเพียงไม่นานชายหนุ่มผู้ยังมีสติกลับยกปืนขึ้นมาแล้วมอบจูบสุดท้ายให้กับร่างเล็กที่ไร้วิญญาณจากนั้นก็ยิงตัวตาย  ใช่.....  เขายิงตัวเองเพียงนัดเดียวที่หัวก็ทำให้ดับวูบลงทันที  ผมเห็นฉากแบบนี้ซ้ำๆ เป็นกี่พันกี่หมืนรอบแล้วก็ไม่รู้  ไม่ต้องเดาให้มากความว่าคนๆ นั้นเป็นใครถ้าไม่ใช่ตัวผม....


      ความรู้สึกที่ยังค้างคามันทำให้ผมไปไหนไม่ได้....  ผมรออะไร? ได้แต่ถามคำถามอยู่กับตัวเองแบบนี้ซ้ำๆ ทุกๆ วัน


      ได้โปรด.....


      ลืมตาขึ้นมาเถอะนะ.....


      อย่าจากผมไป.....


      ผมรักคุณ.....


      ความทรงจำเพียงน้อยนิดที่ติดอยู่คือความรู้สึกแบบนี้เท่านั้น.....  ทั้งสุขและเศร้า  คละอยู่ในหัวสมองของผม.....  ผมมองภาพเดิมๆ ผ่านผู้คนที่มากหน้าหลายตาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า  จนกระทั่ง....


      นั่น....  คนๆ นั้น....


      ใจของผมเต้นระทึกด้วยความยินดี.....  ใครบางคนที่รูปลักษณ์ไม่ใช่คนที่ผมเห็น  แต่...เป็นคนๆ เดียว  รูปร่างใหม่  ความทรงจำใหม่แต่จิตวิญญาณยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  รูปร่างที่สูง  หุ่นล่ำซำเหมาะกับความเป็นชาย  ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายที่ไม่มีโครงหน้าเหมือนคนที่ผมเคยรู้จัก.... 


      เดือน....


      ผมยังจำได้ดีแม้ว่าเขาจะไม่เหมือนเดิม.......  เขามองไปยังร่างเล็กอีกคนที่อยู่ตรงหน้า  ที่ดูเหมือนจะเจอกันโดยบังเอิญ......  คนๆ นี้ มีจิตวิญญาณที่อยู่ในร่าง...  เป็นคนเดียวกันกับอีกคน  เขาดูแตกต่างจากเดือนไปทุกอย่างทั้งความสูงและหน้าตา.....


      ตะวัน.....


      คุณครับเสียงเรียกของเดือนดูทุ้มและมีเสน่ห์ร้องเรียกอีกคนทันทีเมื่อกำลังจะหันหลังไป


      ครับ?


      พอดีผมหลงทาง  คุณช่วยพาไปหน่อยได้ไหม


      เดือนพูดพร้อมกับยิ้ม....  ยิ้มที่ไม่เคยมีให้กับผม  แม้ว่าผมจะตายไปแล้วแต่ผมทำไม? ผมกลับรู้สึกแบบนี้ได้อีกอยู่นะ  แต่ช่างมันเถอะ....เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรที่มันทำให้ผมติดค้างไม่สามารถไปไหนได้


      ผมมาเพื่อรอคอย.....


      รอคอยวันที่ตะวันกับเดือนจะพบกันอีกครั้ง  เพื่อชดใช้ความผิดที่ผมเคยทำผมจึงทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ เหมือนกับวันนั้น  เศษเสี้ยวความทรงจำของผม...หลังจากที่ตาย  ผมมองคนทั้งคู่จับมือกันเดินไปอีกทาง  ผมอยากตามไปแต่ผมไปไม่ได้  พวกเขาอยู่ด้วยกันโดยที่ทิ้งผมไว้ข้างหลัง.....  เจ็บ....  เจ็บมากจนทำให้ผม  ร้องไห้....


      อย่าทิ้งผมไป....


      ได้โปรด.....


      หันมามองผมบ้าง....


      ผมรักคุณ......


      นี่ผม....  คงต้องไปแล้วสินะ....  ร่างกายของผมกำลังเริ่มเรือนรางและหายไปช้าๆ จากปลายขาขึ้นมาเรื่อยๆ ในที่สุดสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง  ผมมองภาพเดือนกับตะวันอีกครั้งด้วยน้ำตา....  พระจันทร์ย่อมคู่กับ พระอาทิตย์  ส่วน ดาว  อย่างผมก็คงเป็นได้แค่ส่วนเกิน....


      ผมได้แต่ภาวนา...


      ถ้าเกิดผมได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง  ถ้าเกิดชาติหน้ายังมีจริงแล้วถ้าเรายังได้เจอกัน....ขอให้คุณรักผมบ้างเหมือนกับที่ผมรักคุณ.... 


      ขอโทษ....


      และ....


      ขอให้มีความสุข.....


      .

      .

      .

      .

      เอ๊ะ/หืม

      สองร่างที่หันหลังมองพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย  รู้สึกเหมือนกับมีคนเรียกหาแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลัง  มีแต่เพียงความว่างเปล่าของอากาศเท่านั้นที่อยู่รายรอบตน


      ผมรู้สึกเหมือนมีคนพูดกับผมอยู่เดือนพูด


      อืม  เหมือนกันเลย  ผมเองก็รู้สึกเหมือนกันตะวันพูด


      เสียงที่ได้ยินมันช่างฟังดูเจ็บปวดแต่ก็ถูกเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจ  ความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในอกจนไม่สามารถที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้  แม้ว่าจะไม่เห็นใครแต่ทั้งตะวันและเดือนกลับเลือกที่จะยิ้มให้แก่คนที่มองไม่เห็น


      ถ้าเสียงที่ได้ยินมันคือคำ ขอโทษ เพราะฉะนั้นสิ่งที่แสดงออกบนใบหน้าทั้งคู่  คือ ให้อภัย......


      พวกเขาหันมองมาทางผม....


      แล้วยิ้มให้กับผม.....


      ผม....  คงตอบได้แค่นี้......


      ขอบคุณ......












       

      *********************************************

      จบแล้ววววว  จบจริงๆ  บทสรุปของคนที่สาม  กลายเป็นผีซะงั้น.....
      ตอนนี้ไม่เท่าไร่  แค่ซึมๆ  ขอบคุณทุกคนที่อ่านแล้วอินตามนะ  ตอนแรกว่าจะแต่งต่ออีกแต่ไปไม่ไหวจริงๆ  ขอจบเพียงเท่านี้ละกันเนอะ  อย่างน้อยทั้งคู่ก็ได้พบกันแล้วในชาติภพใหม่....

      HAPPY

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×