ความรักของผม(yaoi)
คนแต่งนั่งร้องไห้ อ่ะ คิดดู ไม่รู้คนอ่านจะเป็นเหมือนกันไหม (มาต่อตอนที่ 3 แล้วค่ะ บทจบ)
ผู้เข้าชมรวม
2,780
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เรื่องสั้น ความรักของผม
ตอนที่ 1
ความรักของผม.....
สุดที่รักของผม.......
ผมรักคุณมากกว่าใคร......
ได้โปรด กลับมาหาผม.....
ถ้าไม่อย่างนั้น.......
ผมจะไปอยู่กับคุณ......
ตัวผมที่กำลังสั่นเทามองภาพข้างหน้าด้วยสายตาที่เริ่มจะพร่ามัว ร่างกายอีกคนที่แน่นิ่งไปกับพื้นที่เย็นเฉียบโดยมีผมประคองศรีษะอยู่บนอกเล็กๆ ของผม ใบหน้าของผมทาบไปที่แก้มที่เริ่มเย็น ผมร้องไห้.... ร้องไห้และกอดเขาไว้แน่น ขอได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันที่เลือนลาง
“ฮือออออ ไหนสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน”
“………….”
“ไหนบอกกับผมว่าจะปกป้องผม คนโกหก”
“………….”
“แต่ผม.... ก็ยังรักคุณ..... ฮือออออ ฮึก”
คิดถึงความทรงจำเมื่อวันวานที่ยังมีเขาอยู่เคียงข้าง ตัวผมที่ไม่มีใครทั้งพ่อและแม่เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ต้องมาอยู่บ้านเด็กกำพร้า จนกระทั้งอายุ 10 ปี จู่ๆ ก็กลับมีครอบครัวนึงจะมาอุปถัมส์ผม ชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ในวัยกลางคนที่ดูท่าทางใจดีกอดผมไว้แน่นอย่างไม่รังเกียจบอกกับผมว่าจะพาผมไปอยู่ด้วย
“ต่อไปนี่พวกลุงกับป้าจะพาหนูไปอยู่กับลุงนะ”
“ไปอยู่....”
“จ๊ะ รับรองหนูจะต้องอยู่อย่างมีความสุขแน่ๆ”
ตอนนั้นผมดีใจมากที่จะได้อยู่ในที่ดีๆ กินข้าวหรูๆ กับใส่เสื้อผ้าสวยๆ พอผมมาถึงบ้านพวกเขากลับเจอกับลูกชายอีกคนของเขาที่เป็นลูกแท้ๆ ด้วยความที่ผมยังเด็กมันทำให้ผมยิ้มร่าขึ้นมาทันทีที่จะได้มีครอบครับ....แต่ทุกสิ่งทุกอย่างผมกลับคิดผิดเมื่อตัวผมถูกใช้อย่างทารุณ ทั้งทุบตีและลงโทษสารพัดทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำผิด สิ่งที่เขาแสดงให้ผมเห็นทั้งหมดมันเป็นแค่การแสดงละครที่พวกเขาตบตาขึ้นเพื่อพาผมออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าเท่านั้น เพื่อนำตัวผมที่ไม่ได้รู้เรื่องราวมาใช้งาน ในทุกๆ วันผมจะได้ยินแต่เสียงร้องอ้อนวอนของตัวเองเพื่อให้พวกเขาหยุดทำร้ายผม
“ไอ้เด็กเวร.... มึงมานี่เดี๋ยวนี่!!!!!”
“ฮืออออ ผมเจ็บ ฮือ ผมขอโทษ ฮึก คุณแม่”
“อย่ามาเรียกกูว่าแม่!!! กูไม่ใช่แม่ของมึง ลูกกูมีแค่คนเดียวเท่านั้น...”
แค่นั้นยังไม่พอผมได้ถูกลูกชายสุดรักสุดหวงของพวกเค้าที่อายุห่างจากผม 4 ปี ข่มแหง รังแก การกระทำของเขาไม่ได้ต่างจากพ่อแม่เลยสักนิด ตอนอายุ 12 ปี มีอยู่ครั้งนึงที่ไม่มีใครอยู่บ้านยกเว้นแต่ลูกชายของเขา ผมอยู่บ้านคนเดียว ไม่ซิ...จะเรียกว่าบ้านก็ไม่ได้เพราะผมอาศัยอยู่ภายในห้องเก็บของด้านนอก ทีมีแต่เตียงเล็กๆกับผ้าห่มคลุมเวลาหนาวก็เท่านั้น ไม่มีพัดลมให้ช่วยคลายร้อน มีแต่หน้าต่างที่ถูกเปิดออก ทั้งๆ ที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นบ้านหลังใหญ่จนแทบเรียกได้ว่าคฤหาส ผมทำเป็นไม่ใส่ใจต้องนอนให้หลับเพราะว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นขึ้นมาทำงานบ้านให้เสร็จก่อนที่พวกเขาจะกลับและคืนนั้นก็เป็นคืนฝันร้ายของผม
ผมถูกข่มขืนจากลูกเจ้าของบ้านและ..... บรรดาเพื่อนๆ ของเขาอีกสองคน ผมหวีดร้องขอให้ปล่อยสุดเสียงดิ้นทุรนทุรายอยู่ใต้ร่างใหญ่ทั้งสามที่กำลังเสพสมความสุขจากตัวผมอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย พวกเขากำลังหัวเราะอย่างชอบใจที่เห็นผมทรมาน ผมได้แต่หลับตาลงรอรับความทรมานที่เกิดขึ้นจนเกือบถึงเช้าของอีกวัน
“ฮืออออ ฮึก ทำไม!!!!”
ผมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นสภาพร่างกายตัวเองที่เกาะกรังไปด้วยน้ำรักที่โสโครกสำหรับผม ช่องทางที่ฉีกขาดเต็มไปด้วยรอยเลือดหยดลงกับพื้น ยามพาร่างกายตัวเองเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ห่างจากที่ผมอยู่พอสมควร เนื้อตัวผมมันสกปรกถึงผมจะพยายามขัดทำความสะอาดแต่มันก็ไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมและวันนั้นด้วยพิษไข้ทำให้ผมไม่ได้ทำงานบ้านตามที่พวกเขาสั่ง ตอนเย็นหลังจากที่พวกเขากลับมาก็ลงโทษผมให้ผมอดข้าวสามวันเต็มๆ มีแต่เพียงน้ำที่ประทังชีวิตให้อยู่รอด ไม่มียาให้รักษาถูกใช้งานเยี่ยงทาสทั้งๆ ที่ร่างกายก็ยังไม่พร้อม เจ็บปวดที่หัวใจจนเริ่มชา
และนับตั้งแต่วันนั้นผมก็ถูกทำให้เป็นที่ระบายของลูกชายพวกเขาแทบทุกคืน บางครั้งวันที่ไม่มีใครอยู่บ้านเขาก็จะพาเพื่อนๆ ที่เคยทำร้ายผมมาร่วมแจมด้วย ใช้ชีวิตอยู่ในกรงไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆ ต้องคอยรับใช้อย่างทรมานและทุกข์ทนจนอายุได้ 15 ปี วันนั้นเป็นวันที่เจอเขาครั้งแรก คนที่ผมรัก..... เขาเป็นเหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่งมายังตัวผมที่มืดมน
“เฮ้..... นายนะ”
ผมถูกชายอีกคนที่ห้อยตัวจากต้นไม้บนกำแพงอีกฝากเรียก ตัวของเขาที่ต้องแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าเปล่งประกายจนทำให้ผมรู้สึกแสบตาจนต้องเอามือมาบัง ใบหน้าเขา รอยยิ้มเขา มันถูกส่งลงมาให้ผมที่ต่ำต้อย ดูเหมือนจะอายุพอๆ กับลูกเจ้าของบ้าน ทั้งๆ ที่เป็นลูกคุณหนูเหมือนกันแต่ทำไมถึงได้แตกต่าง เขาบอกกับผมว่าผมเหมือนพระจันทร์ที่ทอแสงสว่างในคืนเดือนมืด จากนั้นเขาก็หัวเราะเล็กๆ ที่ผมทำหน้างงๆ ดูเขามีความสุข... ความสุขที่ทำให้ผมสุขตามไปด้วย
มืออุ่นๆ ของเขาลูบไปที่หัวผมเบาๆ ยามผมร้องไห้มันทำให้ผมรู้สึกดีจนอยากที่จะเก็บมือนี้ไว้กับตัว ร่างกายผมที่สกปรกผมไม่อยากให้เขาได้รู้จนต้องปิดบังซ่อนเร้นไว้ข้างใน จนกระทั่งวันที่เขาแอบมาหาผมเพราะผมถูกกักบริเวณที่หนีออกไปเที่ยวข้างนอก ผมที่รู้ว่ากลับมาจะต้องเจอกับอะไรแต่ผมก็ยังเลือกที่จะไปกับดวงอาทิตย์ของผม ขอแค่อยู่ใกล้เขาต่อให้ต้องเจอกับอะไรผมก็ไม่แคร์แต่ว่ามันเป็นวันที่ผิดพลาดเพราะวันนั้นเป็นวันที่เขาได้รู้ทุกอย่างจากปากของผม
ตัวผมที่เต็มไปด้วยร่องรอยของอีกคนนอนตระหง่านอยู่กลางห้อง ผมร้องไห้จนตาเริ่มบวมยกตัวหนีพร้อมกับดันผ้าห่มขึ้นมากระชับตัวเพื่อปกปิดร่างกายให้มากที่สุด
“ฮืออออ ขอร้อง... อย่ามองผมนะ ฮือออ”
ผมบอกออกไปแบบนั้นแต่เขากลับเดินเข้ามาหาผมช้าๆ พร้อมกับมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้ ผมซบลงกับอกที่อบอุ่นร้องไห้แล้วร้องไห้อีกแม้จะอึดอัดกับอ้อมกอดที่รัดตัวแต่ผมกลับต้องการมันมากกว่าอ้อมแขนของใครหลายๆ คน ร่างกายเขาสั่นเล็กๆ พร้อมกับเสียงสะอึกในลำคอที่บ่งบอกได้ดีว่าเขาเองก็กำลังร้องไห้เหมือนกับผม ปากของเขาพร่ำบอกว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนผิด น้ำเสียงที่ระงับอาการสั่นของลำคอบอกกับผมว่าจะปกป้องผม ไม่ให้ถูกทำร้ายได้อีก จะดูแลผมแทนในส่วนที่ผมเสียไป ผมร้องขอให้เขามีอะไรกับผมเพื่อลบรอยสกปรกทิ้ง สัมผัสที่อ่อนโยนและทนุดถนอมไม่เหมือนกับพวกที่ชั่วช้าทำกับผมจนทำให้ผมรู้สึกเติมเต็ม นี่ผมกำลังจะมีความสุขใช่ไหม?
ดีใจจัง......
แต่ทุกอย่างก็กลับตารปัดอีกครั้งเมื่อทางพ่อกับแม่ทางของคนที่ผมรักรู้ เราทั้งสองคนเลยถูกจับแยกกัน มือของผมและของเขาถูกจับให้แยกห่างแต่เขาก็ยังคงกุมมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแต่มีเหรอที่จะสู้แรงใครหลายๆ คนได้จนในที่สุดก็หลุดออกจากกัน เขาร้องบอกกับผมให้ผมอดทนแล้วเขาจะมารับผม เสียงที่บอกผมตะโกนอย่างดังก้องไม่คิดที่จะอายใครพูดด้วยสีหน้าจริงจัง...... แต่ว่า ทั้งๆ ที่สิ่งที่ขวางกั้นก็มีแค่กำแพงหนาเท่านั้น แต่ผมกลับไม่สามารถเห็นหน้าคนที่ผมรักได้เลย
หนึ่งวัน สองวัน.... จวบจนกระทั้งหนึ่งเดือนผมก็ไม่ได้เห็นแม้แต่เงา สิ่งที่พร่ำบอกกับผมทุกวันคือเสียงหัวเราะอย่างน่าสมเพชกับประโยคที่เข้าหูที่ผมไม่อยากฟังของลูกเจ้าของบ้าน
“เขาไม่ได้รักมึงหรอก มึงมันไอ้โง่... รู้ไว้ซะว่ามันกำลังจะหมั่นและอีกไม่นานหลังจากเรียนจบพวกเขาจะแต่งงานกัน มึงถูกมันหลอกใช้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฮืออออ ไม่จริง!!!!!”
ใจผมที่เจ็บจนทรมาน..... ทรมานจนหายเจ็บและด้านชาหมดเรี่ยวแรงที่จะทำทุกอย่าง ไม่ทำงานบ้าน ไม่กินข้าว ปล่อยตัวปล่อยใจเหมือนกับตายทั้งเป็น.... แล้วทำไม? ผมถึงได้ทรมานขนาดนี้นะ ร่างกายที่ถูกซ้อมที่ไม่ยอมทำอะไรเลยไม่ดิ้นรนเหมือนเมื่อก่อน ต่อให้ต้องถูกข่มขืนจากลูกชายเจ้าของบ้านผมก็นอนนิ่งๆ ไม่ตอบสนองแต่อย่างใดจนทำให้เขาเริ่มรำคาญแต่ก็ยังไม่ปล่อยผมให้เป็นอิสระยังคงทำถึงจุดสุดท้ายอยู่ดี สุดท้ายแล้วผมคงต้องนอนตายอย่างโดดเดี่ยวซินะ
อยากเห็นหน้า.....
คุณอยู่ที่ไหน......
“ขอโทษ”
อบอุ่น.... ร่างกายของผมที่กำลังหมดแรงถูกโอบอุ้มขึ้นมาพร้อมกับอ้อมกอดที่ผมเฝ้ารอ ผมปล่อยให้น้ำตารินไหลลงกับอกกว้าง กอดเขาไว้แน่นด้วยความคิดถึง
“เราหนีไปด้วยกันเถอะนะ”เขาพูดแล้วก็หยุดลงจับไปที่หัวไหล่ผมทั้งสองข้าง ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาก่อนที่จะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนทุกครั้งที่เจอผม
“ขอโทษที่มาช้า..... ผมมารับแล้วนะ”
“ฮืออออ”
คนที่ผมรักมาหาผมแล้ว..... ในที่สุดเขาก็รักษาสัญญา ตัวผมที่ได้โบกบินจากกรงใหญ่มีคนที่ผมรักคอยจับมือเดินเคียงข้าง แค่นี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว.... นับจากนี้เป็นต้นไปผมจะใช้ชีวิตใหม่โดยมีเขาอยู่เคียงข้าง มือที่แสนจะอบอุ่นของเขาคอยจับผมไว้แน่นเหมือนเดิม เขาบอกกับผมว่าตัวเขาถูกกักบริเวณ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาหาทุกวิธีทางที่จะออกมาจากบ้านเพื่อมาหาผม พอจะหนีแต่ก็ถูกจับได้ทุกครั้งบางครั้งหนีออกมาได้แต่ก็ไม่เจอผมเพราะมีคนคอยขวางทางก็ในที่สุดก็สามารถมาหาผมได้ เขาบอกกับผมว่าต่อจากนี้ไป.... เราจะอยู่ด้วยกัน ผมกำลังยิ้ม.... เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่มีอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เราแยกกัน ผมจะต้องมีความสุข....
“ระวัง!!!!!”
บรืนนนนนนน
เอี๊ยดดดดดดดด
โครม!!!!!!!!!!
ตัวผมที่ถูกพลักให้ล้มลงไปอีกทางพร้อมกับร่างของคนที่ผมรักลอยละลิ้วกลางอากาศ ผมเห็นรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้เหมือนกับดีใจที่เห็นผมไม่เป็นอะไร จากนั้นไม่นานก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างต่อหน้าต่อตาผม
ตุบ
ผมร้องไม่ออกพาสองขาคลานไปหาอย่างช้าๆ ด้วยน้ำตาที่ไหลมาตอนไหนก็ไม่รู้ เลือดที่เต็มตัวมันทำให้ใจของผมกระตุกวูบ สีหน้าที่ทรมานแต่ก็ยังคงยิ้มให้ผมแขนสั่นๆ ของเขาจับมาที่มือของผมเหมือนอย่างเคยพร้อมกับร่างกายที่เริ่มไอเป็นเลือดก่อนที่จะแน่นิ่งไปทั้งๆ ที่มือของเราทั้งคู่ก็ยังคงประสานกันอยู่ เสียงร้องโอดครวนด้วยความเจ็บปวดมันทำให้ผมแทบขาดใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
ลืมตาขึ้นมา....
ได้โปรด......
อย่าทิ้งผมไป.....
“มันผิดเอง... ที่มาพามึงไปจากกู... มึงเป็นของกู!!!”
“ครับ.... ผมเป็นของคุณ ร่างกายผมที่ถูกคุณย่ำยี คุณจะเอาไปก็เชิญ.... แต่หัวใจของผม ผมขอมอบให้กับเขาแต่เพียงผู้เดียว”
กลับมาหาผมเถอะ....
ถ้าไม่อย่างนั้น......
ผมจะไปหาคุณเอง.....
ผมบอกกับเขาแบบนั้นก่อนที่จะลุกยืนขึ้นก้าวเดินถอยหลังอย่างช้าๆ มอบรอยยิ้มให้กับคนที่ผมเกลียดที่สุด ก่อนที่จะ....
ปรี๊นนนนนน
โครม!!!!!!!!
“ไม่!!!!!”
ตัวผมที่ลอยขึ้นสูงเหมือนภาพสโลโมชั่นตกลงมาอยู่ใกล้กับคนที่ผมรัก ลมหายใจพะงาบๆ เข้าออกอย่างรวยริน แต่ผมกลับรู้สึกไม่เจ็บเลยสักนิด ผมอยากจับมือของเขาจัง....... คิดได้แค่นั้นถึงจะไม่มีแรงแต่ผมก็ดันตัวเองให้นอนคว่ำหน้าเพื่อเข้าใกล้คนที่นอนอยู่ก่อนแล้วอีกนีด เอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับกับมือที่แสนจะอบอุ่นที่ดูเหมือนตอนนี้กำลังยื่นมารอรับผม คนที่ผมรักกำลังยิ้มให้กับผมอีกแล้ว ขอเพียงแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่ผมอยากจะจดจำใบหน้าเขาให้มากที่สุด เราจะอยู่ด้วยกัน.....
ตลอดไป...../ตลอดไป......
ที่รักของผม... ผมจะดูแลคุณเอง จะไม่ทำให้ร้องไห้จะปกป้องจากทุกสิ่งที่ทำร้ายคุณ ที่รักของผม.... ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ ลืมตาขึ้นมาเถอะแล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน
ครับ.... ผมตามคุณมาแล้วนะ
อืม...... ไปกันเถอะ ผมจะจับมือคุณแบบนี้ตลอดไป
ผมรักคุณ..... พระอาทิตย์ของผม ตะวัน....
ผมก็รักคุณ... พระจันทร์ของผม เดือน.....
*******************************************
ตอนที่ 2
ที่รักของผม.....
ผมรักคุณ.........
ผมจะปกป้องคุณ......
ผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้......
ผมสัญญา......
ผมกำลังมองคนที่ผมรักร้องไห้ด้วยหัวใจแทบแหลกสลาย ผมทำให้แต่มองหน้าเขานิ่งๆ อยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ ตัวที่สั่นเทาของเขามันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด อยากกอดคนที่ผมรักให้เต็มอ้อมแขน ปลอบโยนเหมือนอย่างเคย แต่ผม....
กลับทำไม่ได้สักอย่าง.......
ผมเป็นคนที่เพิ่งย้ายบ้านใหม่ ที่อยู่ใหม่ บรรยากาศใหม่ๆ แต่ผมยังเหมือนเดิม ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ปาเข้าไปเกือบเดือนแล้วซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ผมยังใช้ชีวิตปกติเหมือนที่ผมเคยอยู่ กิน เที่ยว เฮฮาไปกับเพื่อนฝูงตามประสาวัยรุ่นที่เพิ่งจะอายุ 19 ปี
ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่คนดีอะไรมากนักออกจะเลวด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่พอใจใครหน่อยก็กระทืบอย่างเดียว ถึงโรงถึงศาลเมื่อไร่ก็ใช้บารมีพ่อแก้ปัญหาใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองที่ไม่รู้จักหมด
ปกติถ้าผมออกเที่ยวผมจะไม่ค่อยกลับบ้านจะกลับอีกทีก็เช้าของอีกวัน แต่วันนี้ผมเบื่อๆ เซ็งๆ เลยเลือกที่จะกลับบ้านแทน ผมขับรถสปอร์ทสีขาวผ่านเข้าไปในซอยบ้านผมด้วยความที่ผมอยากขับรถกินลมทำให้ผมขับรถช้าลงกว่าเดิม ผมเสตาไปมองที่นาฬิกาที่อยู่ในรถอีกแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีจะถึงเที่ยงคืนแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อมองถนนด้านหน้าต่อ
ติก ติก ติก ติก ติก
24.00 นาฬิกา
มันทำให้ผมเห็นเขา......
เป็นครั้งแรก......
เด็กตัวเล็กๆ ที่ยืนเกาะประตูรั้วเหล็กที่สูงพอสมควรแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ไร้ดาว เขาใส่เสื้อสีขาวเก่าๆ ตัดกับความมืดที่อยู่รอบด้านทำให้เห็นเด่นชัด ทั้งๆ ที่ก็เป็นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่ผมเคยเจอ แต่มันเป็นเพราะอะไรไม่รู้..... มันทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากคนตรงหน้าที่ผมกำลังขับรถผ่านไม่ได้ หัวใจของผมกำลังเต้นแรง.......
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
คืนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืนได้แต่คิดถึงใบหน้าของเด็กคนนั้น ผมแค่รู้สึกว่าอยากเจออีกครั้ง........ จนทำให้ทนไม่ใหวต้องพาตัวเองออกไปด้อมๆ มองแถวประตูรั้วของบ้านที่อยู่ติดกันกับผม ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้มีแค่ประตูรั้วปิดกั้นแต่ผมกลับไม่เคยพบเขาอีกเลยตลอดสามวันที่ผ่านมา พอจะเข้าไปก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ในเมื่อความเป็นเพื่อนบ้านมันไม่มีเลยสักนิด
จนกระทั่งวันที่สี่..... ผมทนรออย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคงต้องบ้าตายแน่ๆ พาตัวเองเดินวนไปวนมาข้างกำแพงบ้านของตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจปีนต้นไม้ขึ้นมาดู ถ้าหากมีใครมาเห็นอย่างน้อยผมก็ยังเนียนๆ บอกได้ว่ามาปีนต้นไม้เล่น อาจเป็นเพราะผมแทบไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนมันทำให้ผมลำบากไม่น้อยที่จะปีนให้เลยกำแพงบ้าน แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันคุ้มทันทีที่ผมเห็นคนตรงหน้า ในที่สุดผมก็ได้เจอเขา......
คนที่ทำให้ใจผมอยู่ไม่เป็นสุข.....
เขาเดินผ่านหน้าผม ก้มหน้าก้มตาไม่มองอะไรสักอย่าง ดัวยสัญชาตญาณบางอย่างมันทำให้ผมต้องรีบทำตามสิ่งที่ร่ำร้องในหัวใจทันที เรียกครั้งแรกเสียงผมสั่น..... เขาไม่ได้ยิน เหมือนกระแสลมที่พัดผ่าน เรียกครั้งที่สองเขาก็ยังไม่ได้ยิน ไม่มีแม้กระทั้งความสนใจในสิ่งรอบข้าง.....
ต้องเรียก......
ต้องทำให้ได้ยิน ว่ามีผมอยู่ตรงนี้....
“เฮ้......นาย”
ครั้งที่สาม...... ผมเรียกด้วยน้ำเสียงที่แทบจะตะโกน ได้ผล..... ในที่สุดเขาก็หันมามองผมแล้ว มันทำให้ผมดีใจ...... ดีใจจนต้องเผลอยิ้มออกมากว้างจนปากแทบฉีก ผมรู้สึกว่าใบหน้าของผม ร่างกายของผม ทุกๆ อย่างที่เป็นตัวผมสะท้อนอยู่ในสายตาของของเขา ตอนนี้เวลาของผมกำลังหยุดเดินไปชั่วขณะ สิ่งรอบข้างของผมเหมือนกำลังหยุดนิ่งก่อนที่ทุกอย่างกำลังกลับไปเป็นปกติ ผมกลับคิดว่า.....
หัวใจของผมถูกขโมย.......
หลังจากที่ผมได้รู้จักเขาผมบอกกับเขาว่าเขาเป็นเหมือนกับพระจันทร์ในคืนเดือนมืด จากนั้นผมก็ยิ้ม.... ยิ้มเมื่อคิดถึงครั้งแรกที่เจอแต่ตอนนี้ผมยังไม่บอกเขาหรอก รออีกหน่อยแล้วกัน.......
ผมคิดว่าผมเป็นคนที่โชคดีเกิดมาก็รวยไม่ต้องทำอะไรก็มีกินไปทั้งชาติ ผมรู้ว่ามีคนที่โชคร้ายกว่าผมเยอะหนึ่งในนั้นก็คือ....... คนที่ผมรัก เขาไม่ได้เรียนหนังสือเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน ตอนแรกผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ให้เด็กอายุ 15 มาทำงาน เขาบอกผมว่าเพราะคนในครอบครัวนี้เก็บเขามาเลี้ยงและงานที่ทำก็ไม่ได้หนักอะไร แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจเพราะบางครั้งผมมักแอบเห็นเขาร้องไห้อยู่คนเดียว ทุกครั้งที่เขามีน้ำตาและรอยแผลที่พยายามปกปิดผมมันทำให้ผมใจสั่น กังวล จนอดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้
“ไปเที่ยวกันไหม....”
“ไปเที่ยวเหรอ?”
“อืม ไปกันสองคน”
เขามีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบรับ รอยยิ้มของคนที่ผมรักมันช่ายสดใสและดูมีเสน่ห์ ผมยอมรับว่าผมหลงใหลคนที่อยู่ตรงหน้าผม ไม่ใช่การอยากครอบครองเหมือนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตั้งแต่วันที่ผมเจอเขาผมก็ตัดขาดทุกอย่างเลิกเที่ยว เลิกกลับบ้านดึกหลังจากเรียนเสร็จ เลิกทุกๆ อย่างที่ผมคิดว่ามันแย่ ผมไม่สนว่าเขาจะฐานะเป็นยังไงสำหรับผม.....
เขาสำคัญที่สุด.........
สามวัน..... สามวันที่ผมไม่ได้เห็นหน้า มันทำให้ผมทรมานแทบจะคลั่งตาย เขาอยู่ที่ใหนนะ..... ผมแอบไปหาเขาที่บ้านที่ไม่มีใครอยู่ มันทำให้ผมไม่ต้องระวังคนจะเห็น จนกระทั้ง......
“ฮืออออ ฮึก ฮืออออ”
ผมที่เดินผ่านห้องเก็บของได้ยินเสียงร้องไห้ดังเล็ดลอดออกมา เสียงร้องไห้ปานขาดใจผมจำได้ทันทีมันช่างฟังดูเจ็บปวดแม้ผมจะไม่ได้เห็นหน้าก็ทำให้อยากร้องไห้ตาม........ อย่าร้อง..... ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้.....
แอ็ดดดดด
ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ผมเห็นมันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ร่างกายของคนที่ผมรักกำลังสั่นระริก ใบหน้าคลอไปด้วยน้ำตา ยกผ้าห่มมาปกปิดร่างกายทันทีที่เห็นหน้าผม เขาบอกว่าอย่าให้ผมเข้าไปด้วยน้ำเสียงที่ปนสะอึกสะอื้น....... ผมเดินไปกอดเขาอย่างช้าๆ รัดร่างที่กำลังสั่นเต็มอ้อมแขน
“ขอโทษ....”
ผมได้แต่พูดคำนี้ออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้..... โกรธตัวเองที่ไม่เอะใจตั้งแต่แรก... ไม่สิ ต้องบอกว่าเห็นแต่ไม่ใส่ใจมากกว่า คนที่ผมรักต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่อายุ 12 ปี ความจริงที่ถูกปกปิดมาตลอดมันยิ่งทำให้ผม....... เจ็บปวด ทำใม?...... ผมไม่เจอเขาเร็วกว่านี้แต่ในเมื่อทุกอย่างมันกลับไปแก้ไขไม่ได้ เพราะฉะนั้นนับจากนี้เป็นต้นไป ผมจะปกป้อง.... จะดูแล..... ไม่ให้ใครหน้าใหนมาทำร้ายคนที่ผมรักได้อีก..... ผมพูดพร้อมกับจับไปที่ใบหน้าเล็กๆ ที่ร้องไห้จนตาบวมเป่งพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาให้มันแห้ง เขากำลังยิ้มให้ผม..... มือของเขาจับมาที่แขนของผมแล้วก็พูดในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด....
“ได้โปรด.... ขอร้อง..... ช่วยลบรอยสกปรกบนตัวผมไปที”
จับจูบไปที่หน้าผากมนทันทีโดยไม่ต้องรออีกฝ่ายพูดซ้ำ ผมอาจเห็นแก่ตัวที่ยังมีหน้ามาทำแบบนี้ได้อีก ใครจะว่ายังไงก็ช่าง...... เขาเป็นของผม ผมจะทำให้เขามีความสุขจนลืมอดีตที่เจ็บปวด ผมชอบรอยยิ้มของเขา ชอบทุกๆ อย่างบนตัวเขา สำหรับผมยังไงเขาก็ยังสะอาดและบริสุทธ์อยู่เสมอ..... แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็มาเกิดขึ้นกับผมยังไม่ทันข้ามคืน ผมที่กำลังจะพาคนที่ผมรักไปอยู่กับผมแต่ยังไม่พ้นขอบประตูรั้วก็มีเสียงร้องห้ามที่ดังก้องขึ้นตามหลัง
“ไม่ได้!!!! มึงจะพาคนของกูไปใหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“แต่กูจะพาไป!!!”
ผมตอบกลับทันทีจ้องมองอีกคนอย่างไม่วางตา ร่างเล็กข้างกายผมกำลังสั่นเกาะชายเสื้อผมไว้แน่นแล้วแอบมาอยู่หลังผม ถ้ามีแค่คนๆ นี้เพียงคนเดียวไม่เท่าไร่..... แต่นี่ทั้งพ่อและแม่ผมต่างก็พากันมาห้าม ดึงผมให้ออกห่างจากคนที่ผมรัก...... ผมไม่ยอม..... จะไม่ปล่อยมือนี้เด็ดขาด แขนของผู้ชายคนนี้จะต้องปกป้องให้ได้ ผมกำมือเขาไว้แน่น.... ยิ่งเห็นว่าเขากำลังร้องไห้หนักกว่าเก่าผมก็ยิ่งไม่อยากปล่อย แต่สุดท้ายก็จากกันอยู่ดี
รอผมนะ แล้วผมจะมารับ....
“แม่ห้ามแกไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กนั่น..... เขาไม่เหมาะสมกับลูกแม่สักนิด”
“พ่อก็ห้ามแกเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อกันมีแต่ตัดพ่อตัดลูก!!!”
เหมือนเป็นการประกาศศักดิ์ดาที่ต้องบอกว่าผมต้องทำ จะให้ผมเลือกระหว่างพ่อแม่กับเขา...คำตอบของผมเหรอมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น..... ผมเลือกเขา...... คนที่ผมรัก ผมต่อต้านและทำทุกวิธีทางเพื่อออกไปจากบ้านให้ได้ หนีทุกครั้งที่มีโอกาศจะหนีแต่ทุกครั้งก็ถูกจับได้ตลอดจนต้องถูกจับขังอยู่ในห้อง ได้แต่นอนคิดถึงที่รักของผม.... ผมปล่อยน้ำตาให้ใหลออกมาด้วยความอดสู ไม่น่าเชื่อว่าลูกผู้ชายอย่างผมจะต้องมาเป็นแบบนี้ เจ็ดวันที่ผมต้องทนอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปใหนมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ผมอยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน.........
“พ่อ แม่ครับ ผมขอโทษที่ผมหลงผิด ผมตัดสินใจได้แล้ว”
“อืม ดีแล้วที่แกตัดสินใจได้ พ่อดีใจนะที่แกคิดได้สักที”
“ครับ”
ขอโทษ......
ใช่.....ในตอนแรกผมเลือกอย่างนั้นจริงๆ แต่พออยู่ห่างกันแล้วผมกลับคิดว่าผมคิดผิด ทำไม? ผมต้องไปรักเด็กแบบนั้นด้วย ยอมรับว่าตอนแรกๆ ผมทรมานเจียนขาดใจแต่เกือบหนึ่งเดือนผ่านไปผมกลับรู้สึกเฉยๆ คงเป็นเพราะเป็นของแปลก ไม่นานผมก็จะเบื่อ.... พ่อกับแม่หาคู่หมั้นให้กับผม เธอเป็นลูกคุณหนูที่น่ารักพอสมควรแต่ก็แฟงไปด้วยความเซ็กซี่และเร้าร้อน พอเรียนจบผมก็คงจะได้แต่งงานกับเธอ ผมกลับมาใช้ชีวิตปกติ กิน เที่ยว สนุกไปวันๆ และนี่ก็เป็นอีกวันที่ผมจะไปสนุกกับว่าคู่นอนที่ไม่ใช่คู่หมั่นของผม อย่างว่าแหละ...... ผมมันนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ใหนแต่ไรแล้วจะให้เปลี่ยนนิสัยเลิกเที่ยวมันก็คงจะยาก เพราะฉะนั้นผมจะทำทุกอย่างให้เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เพื่อรอ.......
ผมพาตัวเองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคย พาตัวเองไปสถานที่เดิมๆ ที่ผมเดินผ่านอยู่ทุกวันมันเป็นเส้นทางที่ผมเตรียมไว้ใช้หนี....... ที่รักของผม ผมจะไปหาคุณแล้วนะ.....
“ขอโทษ”
ผมบอกกับเขาแบบนั้นทันทีที่เจอหน้าพร้อมกับกอดเขาไว้แน่นแนบอกใหญ่ ตัวที่เล็กอยู่แล้วก็ยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่เมื่ออยู่ในอ้อมแขนผม ทำไม? ผอมแบบนี้..... เนื้อตัวที่เย็นเฉียบกับสภาพร่างกายที่ไร้เสื้อผ้า ร่องรอยที่ถูกกระทำเต็มทั่วตัวไปหมด เปลือกตาที่ปิดสนิดเหมือนกับไม่มีลมหายใจ
อย่าทำกับผมแบบนี้....
ได้โปรด....
ลืมตาขึ้นมาเถอะ......
“ฮือออออ”
เพียงไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ผมก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก..... ผมบอกกับเขาให้หนีไปกับผม จับไปที่ใบหน้าที่ซีดแทบไม่มีเลือดใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ใหลออกมาเหมือนจะเป็นสายเลือดให้ได้
“ขอโทษที่มาช้า...... ผมมารับแล้วนะ”
เขายิ้มให้ผมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย พยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นคำตอบ ในที่สุดผมก็ได้เจอกับคนที่ผมรักสักที...... ผมจะทำให้เขามีความสุขเพื่อทดแทนอดีตที่ผ่านมาของเขา นิสัยคนเราอาจจะเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ ก็จริงแต่สำหรับผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า...... ผมเลือกเขา แม้แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังคงเลือกเหมือนเดิมไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนใจ ผมทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่ตายใจและวางใจ ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่ผมทิ้งเขาไม่ได้จริงๆ ผมยอมทิ้งทุกอย่าง เงิน ทอง ความสุขสบาย เพียงเพื่อรักษาสัญญาเพียงข้อเดียวที่ให้ได้ไว้กับเขา
รอผมนะ แล้วผมจะมารับ......
ผมพาเขาหนี... พาออกมาจากกรงใหญ่พร้อมกับจับมือเขาไว้แน่น ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยมือนี้อีกเด็ดขาด เพียงแค่ครั้งเดียวที่ถูกแยกจากมันก็ทำให้ผมเหมือนตายทั้งเป็น.... จนกระทั้งสายตาของผมมองไปเห็นรถคันนึงที่กำลังวิ่งมาอย่างเร็วในทางที่พวกผมอยู่ ไม่ใช่แค่แล่นผ่านแต่เป็นเหมือนกับจงใจ.....
“ระวัง!!!!!”
โครม!!!!!!!
ตัวผมที่ลอยอยู่กลางอากาศมองคนที่ผมรักที่ผมผลักกระเด็นไปอีกทาง เขาปลอดภัย...... ผมรู้สึกเหมือนไม่มีแรงเจ็บไปทั่วทุกส่วนของร่างกายจนกลายเป็นชา เห็นน้ำตาของเขาแล้วผมไม่สบายใจเลยสักนิด พอเห็นเขาร้องไห้ผมก็อยากกอดเขาไว้แน่นๆ เหมือนเดิม อยากบอกกับเขาว่าอย่าร้องไห้เลยนะ..... แต่ผมกลับทำไม่ได้สักอย่าง
ผมจะอยู่กับคุณ......
ผมจะดูแลคุณ.......
จะไม่ให้ใครทำร้ายคุณอีก.....
ผมสัญญา.....
ทำไม? ผมมายืนอยู่ตรงนี้....
ทำไม? ผมมองเห็นตัวเองกับคนที่ผมรักอยู่ตรงหน้าได้.....
ทุกอย่างที่เขาทำมันอยู่ในสายตาของผมหมด ทั้งๆ ที่มันดูทรมานแต่ผมกลับไม่ร้องไห้ไม่มีน้ำตา ผมได้แต่มองมันนิ่งๆ ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้ ร่างเล็กๆ ที่ผมเคยกอดกำลังลอยมาทางที่ตัวผมนอนอยู่ พร้อมกับเลือดที่เริ่มใหลรินออกจากร่างกายช้าๆ จนนองพื้นผสมไปกับเลือดของผมที่มีอยู่ก่อน มือเล็กๆ พยายามเอื้อมมือมาจับมือผม สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือยื่นมือไปหาเขาและยิ้มให้กับเขาเท่านั้น.....เราจะอยู่ด้วยกัน....
ตลอดไป...../ตลอดไป......
ที่รักของผม ผมอยู่ตรงนี้..... ผมจะปกป้องคุณจะดูแลคุณเองไม่ให้ใครมาทำอันตรายกับคุณได้อีก ที่รักของผม.... ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเจ็บปวดไม่ทำให้ร้องไห้จะอยู่เคียงข้างคุณ มือของผมจะปกป้องคุณจากทุกสิ่ง อ้อมแขนของผมจะโอบกอดคุณยามคุณร้องไห้ ที่รักของผม..... ได้โปรด ลืมตาขึ้นมาเถอะนะ แล้วเราจะได้พบกัน
ครับ.... ผมตามคุณมาแล้วนะ....
อืม.... ไปกันเถอะ ไปที่ๆ มีแต่เราสองคน.....
ผมจับมือเขาอีกครั้งก่อนที่จะพาเดินไปอีกทาง เส้นทางที่ไม่มีใครขวางกั้นไม่มีใครมาพรากพวกเราให้จากกันได้ คนที่ผมรักหันมายิ้มให้กับผมพร้อมพูดในสิ่งที่ผมอยากฟังมาตลอด.....เขาบอกกับผมว่าผมเป็นพระอาทิตย์สำหรับเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นพระจันทร์สำหรับผม
ผมรักคุณนะ พระอาทิตย์ของผม.....ตะวัน
ผมก็รักคุณ พระจันทร์ของผม........เดือน
*******************************************
ตอนที่ 3
ผม....
จำไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่มานานเท่าไร่ จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม จำไม่ได้ว่าทำไมผมต้องมาอยู่ที่นี่ ผมอยู่มานานเท่าไร่แล้วนะ.... สิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี ไม่ใช่.... มากกว่านั้นจนผมลืม
ในทุกๆ วันผมได้แต่รอคอยอยู่ที่เดิมๆ เฝ้ามองเหตุการณ์เดิมๆ ที่ผมเห็นจนชินชาเพียงแต่ผมยังไปไหนไม่ได้ เหมือนกับรอกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง......
รอใครสักคนที่ผมจะต้องชดใช้ ทั้งๆ ที่ผมเองก็จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าผมกำลังรอใคร..... ภาพผู้คนที่เดินรายล้อมก็เห็นมานับไม่ถ้วน ได้แค่มองซ้ำๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เหมือนกับตอนนี้ที่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ได้แต่มองภาพตรงหน้าที่เลือนรางทำแบบคนที่คุ้นตา
คนสามคนที่อยู่บนกองเลือด......
สองคนที่นอนตายอยู่ตรงหน้าโดยมีเพียงมือเท่านั้นที่จับกันแน่น..... กับชายหนุ่มหนึ่งคนที่กำลังร่ำให้อย่างทุกข์ทน กอดร่างที่ไร้สติพูดประโยคเดิมๆ จนติดหู
ขอโทษ....
ขอโทษ.....
จากนั้นเพียงไม่นานชายหนุ่มผู้ยังมีสติกลับยกปืนขึ้นมาแล้วมอบจูบสุดท้ายให้กับร่างเล็กที่ไร้วิญญาณจากนั้นก็ยิงตัวตาย ใช่..... เขายิงตัวเองเพียงนัดเดียวที่หัวก็ทำให้ดับวูบลงทันที ผมเห็นฉากแบบนี้ซ้ำๆ เป็นกี่พันกี่หมืนรอบแล้วก็ไม่รู้ ไม่ต้องเดาให้มากความว่าคนๆ นั้นเป็นใครถ้าไม่ใช่ตัวผม....
ความรู้สึกที่ยังค้างคามันทำให้ผมไปไหนไม่ได้.... ผมรออะไร? ได้แต่ถามคำถามอยู่กับตัวเองแบบนี้ซ้ำๆ ทุกๆ วัน
ได้โปรด.....
ลืมตาขึ้นมาเถอะนะ.....
อย่าจากผมไป.....
ผมรักคุณ.....
ความทรงจำเพียงน้อยนิดที่ติดอยู่คือความรู้สึกแบบนี้เท่านั้น..... ทั้งสุขและเศร้า คละอยู่ในหัวสมองของผม..... ผมมองภาพเดิมๆ ผ่านผู้คนที่มากหน้าหลายตาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า จนกระทั่ง....
นั่น.... คนๆ นั้น....
ใจของผมเต้นระทึกด้วยความยินดี..... ใครบางคนที่รูปลักษณ์ไม่ใช่คนที่ผมเห็น แต่...เป็นคนๆ เดียว รูปร่างใหม่ ความทรงจำใหม่แต่จิตวิญญาณยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง รูปร่างที่สูง หุ่นล่ำซำเหมาะกับความเป็นชาย ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายที่ไม่มีโครงหน้าเหมือนคนที่ผมเคยรู้จัก....
เดือน....
ผมยังจำได้ดีแม้ว่าเขาจะไม่เหมือนเดิม....... เขามองไปยังร่างเล็กอีกคนที่อยู่ตรงหน้า ที่ดูเหมือนจะเจอกันโดยบังเอิญ...... คนๆ นี้ มีจิตวิญญาณที่อยู่ในร่าง... เป็นคนเดียวกันกับอีกคน เขาดูแตกต่างจากเดือนไปทุกอย่างทั้งความสูงและหน้าตา.....
ตะวัน.....
“คุณครับ”เสียงเรียกของเดือนดูทุ้มและมีเสน่ห์ร้องเรียกอีกคนทันทีเมื่อกำลังจะหันหลังไป
“ครับ?”
“พอดีผมหลงทาง คุณช่วยพาไปหน่อยได้ไหม”
เดือนพูดพร้อมกับยิ้ม.... ยิ้มที่ไม่เคยมีให้กับผม แม้ว่าผมจะตายไปแล้วแต่ผมทำไม? ผมกลับรู้สึกแบบนี้ได้อีกอยู่นะ แต่ช่างมันเถอะ....เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรที่มันทำให้ผมติดค้างไม่สามารถไปไหนได้
ผมมาเพื่อรอคอย.....
รอคอยวันที่ตะวันกับเดือนจะพบกันอีกครั้ง เพื่อชดใช้ความผิดที่ผมเคยทำผมจึงทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ เหมือนกับวันนั้น เศษเสี้ยวความทรงจำของผม...หลังจากที่ตาย ผมมองคนทั้งคู่จับมือกันเดินไปอีกทาง ผมอยากตามไปแต่ผมไปไม่ได้ พวกเขาอยู่ด้วยกันโดยที่ทิ้งผมไว้ข้างหลัง..... เจ็บ.... เจ็บมากจนทำให้ผม ร้องไห้....
อย่าทิ้งผมไป....
ได้โปรด.....
หันมามองผมบ้าง....
ผมรักคุณ......
นี่ผม.... คงต้องไปแล้วสินะ.... ร่างกายของผมกำลังเริ่มเรือนรางและหายไปช้าๆ จากปลายขาขึ้นมาเรื่อยๆ ในที่สุดสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง ผมมองภาพเดือนกับตะวันอีกครั้งด้วยน้ำตา.... ‘พระจันทร์’ ย่อมคู่กับ ‘พระอาทิตย์’ ส่วน ‘ดาว’ อย่างผมก็คงเป็นได้แค่ส่วนเกิน....
ผมได้แต่ภาวนา...
ถ้าเกิดผมได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ถ้าเกิดชาติหน้ายังมีจริงแล้วถ้าเรายังได้เจอกัน....ขอให้คุณรักผมบ้างเหมือนกับที่ผมรักคุณ....
ขอโทษ....
และ....
ขอให้มีความสุข.....
.
.
.
.
“เอ๊ะ/หืม”
สองร่างที่หันหลังมองพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย รู้สึกเหมือนกับมีคนเรียกหาแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลัง มีแต่เพียงความว่างเปล่าของอากาศเท่านั้นที่อยู่รายรอบตน
“ผมรู้สึกเหมือนมีคนพูดกับผมอยู่”เดือนพูด
“อืม เหมือนกันเลย ผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน”ตะวันพูด
เสียงที่ได้ยินมันช่างฟังดูเจ็บปวดแต่ก็ถูกเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจ ความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในอกจนไม่สามารถที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ แม้ว่าจะไม่เห็นใครแต่ทั้งตะวันและเดือนกลับเลือกที่จะยิ้มให้แก่คนที่มองไม่เห็น
ถ้าเสียงที่ได้ยินมันคือคำ ‘ขอโทษ’ เพราะฉะนั้นสิ่งที่แสดงออกบนใบหน้าทั้งคู่ คือ ‘ให้อภัย’......
พวกเขาหันมองมาทางผม....
แล้วยิ้มให้กับผม.....
ผม.... คงตอบได้แค่นี้......
ขอบคุณ......
*********************************************
จบแล้ววววว จบจริงๆ บทสรุปของคนที่สาม กลายเป็นผีซะงั้น.....
ตอนนี้ไม่เท่าไร่ แค่ซึมๆ ขอบคุณทุกคนที่อ่านแล้วอินตามนะ ตอนแรกว่าจะแต่งต่ออีกแต่ไปไม่ไหวจริงๆ ขอจบเพียงเท่านี้ละกันเนอะ อย่างน้อยทั้งคู่ก็ได้พบกันแล้วในชาติภพใหม่....
HAPPY
ผลงานอื่นๆ ของ -[TAKE]- ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ -[TAKE]-
ความคิดเห็น