คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 Mercy
ปี๊นนนนนนนนนนนนนน~!!
"ปัดโธ่เว้ย! เดินประสาอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือซะบ้างเลย ไอ้งั่งเอ๊ย!" ฉันเปิดกระจกรถพร้อมกับตะโกนด่าไอ้งั่งที่ไม่มีสมองเดินไม่ดูทางนั่นอย่างอารมณ์เสีย นี่มันเป็นโอกาสเดียวที่ฉันมีเลยนะ ถ้าพลาดวันนี้ไปแล้วล่ะก็เรื่องทุกอย่างมันคงยุ่งยากกว่านี้เป็นร้อยเท่า แต่ดูสิ! ถ้าฉันเบรกไม่ทันมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันชนหมอนั่นฉันคงต้องกลายเป็นคนผิดทั้งที่ฉันขับรถมาดีๆ แต่หมอนั่นต่างหากที่เดินไม่ดูทางเอาซะเลย
"..."
"ถ้าจะฆ่าตัวตายก็ไปที่อื่นซะ อย่ามาทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนเพราะนาย!" ฉันระเบิดอารมณ์ครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดกระจก เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าไปต่อโดยทำเป็นไม่เห็นไอ้บ้าที่ยืนปัดเสื้อผ้าอยู่ตรงหน้า
"ดะ...เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิคุณ" ฉันตบเกียร์ถอยก่อนจะเบี่ยงรถหลบตัวเกะกะนั่นโดยที่ไม่สนใจว่าเขาจะพูดเพ้อเจ้ออะไรต่อ
เฮอะ! ใครจะสนกันล่ะว่าตัวเองจะเป็นยังไง ฉันไม่ขับชนนายซ้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว
"คุณ! รอผมด้วยเซ่~" หมอนั่นยังคงตะโกนไล่หลังตามมาติดๆ แต่เรื่องอะไรฉันจะต้องยอมฟังคำพูดของเขา
บรืนนน~!
ฉันเหยียบคันเร่งให้เร็วกว่าเดิมจนเห็นร่างของเขาเป็นเพียงเงาจางๆ อยู่ในกระจกมองหลัง ดูเหมือนเขาจะโมโหตัวเองน่าดูที่พยายามรั้งฉันไว้ไม่สำเร็จ หึ! จะหลอกเอาค่าเสียหายล่ะสิไม่ว่า ฉันไม่โง่หรอกย่ะ ชิ -*-
แต่...ให้ตายเถอะ นี่มันถึงเวลานัดแล้วนี่!!
11.56 a.m.
At X Restaurant
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในที่สุดวันนี้จะมาถึง มันดูเร็วมาก...แต่มันก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ทั้งฉันและเขามันควรที่จะเป็นแบบนี้มานานแล้ว
"สวัสดีค่ะ X Restaurant ยินดีต้อนรับค่ะ"
ฉันเดินอย่างแน่วแน่เข้าไปภายในร้านโดยที่ไม่เสียเวลาฟังยัยพนักงานต้อนรับนั่น อ๊ะ! นั่นไงล่ะเป้าหมายของฉัน
"เอ็กซิสท์ ^^"
ฉันเดินไปถึงโต๊ะที่เอ็กซิสท์...แฟนหนุ่มสุดฮ็อตของฉันนั่งยิ้มหวานแพรวพราวอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเอ่ยเรียกชื่ออย่างแสนหวาน
"วันนี้คุณมีอะไรจะเซอร์ไพรซ์ผมหรือไง ถึงได้นัดผมมาทานมื้อเที่ยงที่นี่" เอ็กซิสท์ถามอย่างมีความหวัง แต่สำหรับฉันแล้ว...ความหวังที่เขาหวังว่าจะได้น่ะฉันไม่มีให้เขาหรอก
"ก็...ไม่เชิง" ฉันตอบพร้อมกับยักไหล่นิดหน่อย ถ้าเดาจากการกระทำของฉันแล้วเขาก็น่าจะรู้ได้แล้วว่าเรื่องที่จะได้รับฟังต่อจากนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขาสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แน่นะ...เขาอาจจะดีใจซะด้วยซ้ำถ้าได้ฟังมันตอนนี้
"คุณหมายความว่าไงน่ะ ครั้งนี้คุณดูแปลกๆ ไปนะเมอร์ซี่"
"ฉันน่ะเหรอแปลก? ทำไมคุณไม่ถามตัวเองดูบ้างล่ะว่าคุณไปทำอะไรไว้หรือเปล่า"
ฉันพยายามไม่นึกถึงภาพที่หลุดมาจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งมีพ่อของฉันเป็นเจ้าของกิจการ ฉันพยายามไล่มันออกไปจากความคิดแต่มันก็ทำไม่ได้จริงๆ ภาพนั้นมันคอยหลอกหลอนฉันมานานเกือบทั้งสัปดาห์ และฉันก็รวบรวมสติทั้งหมดที่มีอยู่โทรไปนัดเขามาในวันนี้เพื่อที่จะมาบอกเรื่องนี้กับเขา และเคลียร์ปัญหาทุกอย่างที่มันเริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ นับแต่ตอนที่เรายังคบกันใหม่ๆ จนถึงตอนนี้...เขายังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
"ผมเหรอ? ไม่มีนี่" เขายืนยันแบบนั้นทั้งๆ ที่สายตาของเขาไม่ได้บอกอย่างนั้นเลยสักนิด
"งั้นเหรอ หึ~" ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าชาแนลใบเก่งเพื่อหยิบเอารูปที่ปริ้นเอาท์มาจากวีดีโอวงจรปิดของโรงแรม แล้วโยนไปวางตรงหน้าเขา "แล้วนี่อะไรล่ะ เอ็กซิสท์?"
"นั่นมัน..."
ภาพที่เขากับนางแบบสุดเซ็กซี่ควงกันเข้าโรงแรม สวีทกันอย่างกับคบกันมานานนับสิบปี เห็นแล้วขนลุกชะมัดเลยว่ะ -*-!
"และนี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมฉันถึงนัดคุณมาที่นี่...วันนี้"
"ดะ...เดี๋ยวสิเมอร์ซ เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะ"
"เราจบกันดีกว่าเอ็กซิสท์" ฉันพูดจบก็เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วเดินเชิดออกไปจากร้านทันที ไม่อยากอยู่ฟังคำแก้ตัวของคนมักมากอย่างเขา
"เมอร์ซ! คุณต้องฟังผมนะ ผมรักคุณคนเดียวจริงๆ นะเมอร์ซี่" เอ็กซิสท์วิ่งตามฉันออกมาพร้อมกับพร่ำพรรณนาเรื่องเดิมๆ ที่ฉันปิดประตูไม่รับฟังคำแก้ตัวไปนานแล้ว
"ฉันเสียใจนะเอ็กซิสท์ แต่คุณเป็นคนทำให้มันต้องเป็นแบบนี้เอง"
ปัง!
ฉันปิดประตูใส่หน้าเอ็กซิสท์แล้วสตาร์ทรถทันที เอ็กซิสท์พยายามเคาะกระจกเรียกอยู่นานแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันใจอ่อนขึ้นมา หนำซ้ำยิ่งทำให้ฉันโกรธมากขึ้นด้วยซ้ำ ฉันออกรถอย่างรวดเร็วจนเอ็กซิสท์ที่ตามเคาะกระจกอยู่เมื่อครู่แทบหัวคะมำ
จะบอกอะไรให้นะ...ฉันคงจะไม่โกรธถ้าเขาไม่ทำตัวเจ้าชู้ไก่แจ้แบบนี้ ฉันคงจะไม่โกรธถ้าเขารักเดียวใจเดียวไม่เหลียวแลผู้หญิงคนอื่นที่นอกจากฉัน และฉันก็คงจะไม่โกรธถ้าเขา...ไม่ได้ไปมีอะไรกับยัยนางแบบนั่น
...คนรักกันก็ควรจะซื่อสัตย์ต่อกันสิจริงมั้ยล่ะ แต่เอ็กซิสท์ไม่ได้มีสิ่งนั้นให้ฉันเลย เขาแค่เห็นว่าการที่ควงผู้หญิงทีละหลายๆ คนมันดูเท่ดีก็เท่านั้นเอง
เฮอะ! คิดไปก็มีแต่จะเสียอารมณ์เปล่าๆ เลิกคิดไปเลยดีกว่าL
9.25 p.m.
At Macho Pub & Restaurant
ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่ง ซึ่งฉันคุ้นเคยกับมันดี...ไม่ใช่เป็นเพราะว่าฉันมาดริ๊งค์ที่นี่บ่อยๆ หรอกนะ แต่มันก็ทำให้ฉันต้องเข้ามาที่นี่อยู่ได้ตลอดเพราะเจ้าของผับแห่งนี้มันดื้อจนกู่ไม่กลับ -*-!
ฉันเดินผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย เพราะการ์ดหน้าประตูทางเข้าย่อมรู้ดีว่าฉันเป็นใคร...
บรรยากาศในนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไหร่ เสียงเพลงจังหวะหนักๆ ก็ยังคงดังลั่นสะเทือนตับไตอยู่เช่นเดิม ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ก็ยังมีคนหนาแน่นเหมือนทุกวัน บนฟลอร์เต้นรำก็ยังมีคนสติไม่ครบส่วนขึ้นไปโยกย้ายตัวเองอยู่บนนั้นเหมือนเดิม สรุปง่ายๆ เลยก็คือว่าทุกอย่างที่นี่มันยังเหมือนเดิม...เหมือนอย่างเช่นทุกวันที่มันเป็นนั่นแหละ =_=*
ฉันเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงบันไดที่จะใช้ขึ้นไปยังชั้นสองและชั้นสาม ฉันคงจะเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกอยู่หรอกหากไม่ติดว่าคนที่นั่งอยู่ข้างบันไดนั้นมันดูคุ้นๆ ชอบกลเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก แถมข้างๆ กันก็ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกอดแขนซะแน่น ทำอะไรไม่รู้จักหวงเนื้อหวงตัวซะบ้างเลยนะยัยผู้หญิงไร้สมองพวกนี้
ฉันเลิกสนใจคนหน้าคุ้นนั่นก่อนจะเดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้นสามซึ่งเป็นชั้นส่วนตัวของเจ้าของผับแห่งนี้ จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่...มันเป็นเหมือนโลกอีกโลกหนึ่งซึ่งมีแต่คนรู้จัก เพื่อนฝูงหรือไม่ก็ผู้ที่จะเข้ามาเจรจาทำธุรกิจด้วยกันของเจ้าของผับแห่งนี้ก็น่าจะถูกกว่านะ
อ่า... เสียงดังออกมานอกห้องเลยแฮะ มีเรื่องอะไรที่น่าสนุกกันนักหรือไงนะ -*-!
แอดดด~
ฉันค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปและเส้นความอดทนก็ขาดผึงทันทีที่รู้ว่าแขกของมาโชวันนี้ก็คือพวกที่ชอบหาหุ้นส่วนเปิดบ่อนครบวงจร และที่มาวันนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่จะมาชวนมาโชไปลงทุนเปิดบ่อนด้วยกัน และฉันคนนี้ก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอก
ปัง!!
ฉันกระแทกประตูปิดเสียงดังจนคนที่นั่งหัวเราะร่าอยู่เมื่อครู่ถึงกับเงียบสนิทลงทันที มาโชเองก็ดูเหมือนจะโมโหแต่พอหันมาเห็นฉันเขาก็เย็นลง แต่ฉันรู้ว่าเขาโกรธที่ฉันทำแบบนั้นต่อหน้าแขกของเขา
"มีอะไรอีกล่ะ เมอร์ซ" มาโชลุกขึ้นเดินมาหาฉันที่ยังยืนอยู่ตรงประตูไม่ยอมขยับเข้าไปข้างใน
"ฉันต้องการให้พี่หาคนมาคอยรับใช้ฉัน" ฉันไม่รีรอ รีบบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ทันที
"คราวนี้ของ่ายจังเลยนะ ได้สิ...คนของฉันมีเยอะแยะเธอก็ไปเลือกมาคนหนึ่งก็แล้วกัน" มาโชบอกอย่างยินดี แต่อะไรที่ง่ายๆ มันก็ไม่ใช่ฉันน่ะสิ J
"ไม่ ฉันไม่ต้องการคนของพี่ พวกนั้นทึ่มเกินไป ดีแต่ใช้กำลัง"
"แต่..."
"อ้อ แล้วฉันก็สั่งห้ามไม่ให้พี่ยกพวกไปมีเรื่องกับใครเขาอีก ตกลงมั้ย"
พอได้ฟังปุ๊บมาโชถึงกับเบิกตาโพลงทันที อะไรกัน...น้องขอแค่นี้ทำให้ไม่ได้รึไงกัน ชิ!
"เธอเพี้ยนไปแล้วรึไง ฉันเป็นใคร...เจ้าของผับดังที่มีสาขาย่อยเป็นร้อย จะให้ฉันหงอเป็นลูกแมวหรือไงกันยัยน้องบ้า" มาโชพูดลอดไรฟันด้วยความโมโห
แต่เชื่อสิ...สุดท้ายเขาก็ต้องยอมทำตามฉัน
"เป็นเจ้าของผับแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการยกพวกไปมีเรื่องกับคนอื่น"
"ฉันต้องกำราบไอ้พวกที่ชอบอวดดี ใครที่ชอบมาทำเบ่งอยู่ในถิ่นของฉันมันก็ต้องเจอดี"
ฉันไม่เข้าใจผู้ชายอย่างมาโชเลยจริงๆ ว่าเขาอยากจะมีเรื่องอะไรนักหนา ถ้ามันเป็นแค่เกมคอมพิวเตอร์ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันชีวิตคนจริงๆ ไปมีเรื่องกับเขาทีไรกลับมาตัวเองก็เจ็บมาทุกที
"แล้วถ้าวันหนึ่งฉันไปตบยัยพวกหน้าหนาที่มาแย่งแฟนฉันบ้างล่ะพี่จะว่าไง หืม?" ฉันย้อนกลับไปบ้าง ก็ลองดูสิ ถ้ามาโชยอมฉันก็ยอมให้เขาไปมีเรื่องกับคนอื่นเหมือนกัน
"ไม่ได้ ฉันไม่ยอมให้เธอลดตัวไปมีเรื่องกับเศษสวะพวกนั้นหรอก" มาโชบอกอย่างฉุนๆ
"ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ทำไมพี่ยังไปมีเรื่องกับ 'เศษสวะ' พวกนั้นได้เลยล่ะ พี่ทำได้ฉันก็ต้องทำได้เหมือนกันสิเพราะฉันถือว่ายัยพวกนั้นมันอวดดี J"
"เฮ้อ~ ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามก็แล้วกัน"
ฉันยิ้มร่ากับคำตอบที่ได้จากปากพี่ชายจอมดื้ออย่างมาโช แค่เขาจะพยายามมันก็ดีมากแล้วเพราะฉันรู้จักเขาดี ถ้าเขามีความอดทนที่มากพอเขาก็จะทำตามที่ฉันขอได้ แต่ถ้าเส้นความอดทนมันขาดไปล่ะก็...ตายเป็นตายเท่านั้นล่ะ
อ้อ แล้วเรื่องที่ฉันเลิกกับเอ็กซิสท์ก็ยังให้มาโชรู้ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลย ถ้ารู้ฉันรับรองได้เลยว่าสภาพเอ็กซิสท์จะต้องเละเป็นผักเน่าแน่ๆ L
ฉันปรายตาไปมองบรรดานักธุรกิจ (บ่อน) ที่นั่งคุยอวดร่ำอวดรวยกันอยู่อย่างไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ มาโชคงเห็นสายตาฉันก็เลยพูดดักคอฉันซะก่อน
"ไม่มีอะไรหรอกน่า พวกเขาแค่แวะมาคุยด้วยนิดหน่อย"
"คุย? คุยเรื่องสร้างบ่อนน่ะเหรอ ฉันบอกพี่ไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ชอบ" ฉันพูดฉุนๆ เพราะพอจะมองออกว่าพวกนั้นมาคุยกับมาโชเรื่องนี้จริงๆ แต่มาโชก็โกหกฉันว่าไม่มีอะไร เฮอะ!
"ฉันรู้น่า ดึกมากแล้วกลับไปได้แล้วไป" มาโชบอกพลางดันหลังฉันให้ออกไปจากห้อง แถมยังลากมาส่งถึงชั้นล่างเลยด้วย แบบนี้มันผิดปกติมากๆ เลยนะ - -+
พอฉันจะหันไปพูดย้ำเรื่องบ่อนนั่นแต่ก็ไม่ทันแล้วเมื่อมาโชเดินปนหายไปในฝูงนักเที่ยวราตรี ฉันก็เลยจำใจเดินกลับออกมาเพื่อขับรถกลับบ้าน นี่มันก็ดึกมากแล้ว...ถ้านอนดึกขอบตาจะดำ เรื่องนั้นฉันยอมไม่ได้ >_<!
2.06 a.m.
ตีสองแล้ว...แต่ฉันยังนอนไม่หลับเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้มาโชจะกลับบ้านมารึยัง หรือมัวแต่คุยธุรกิจบ่อนอยู่ก็ไม่รู้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นฉันไม่ยอมเด็ดขาด ถึงพ่อฉันจะเป็นมาเฟียใหญ่แต่ฉันก็ไม่ชอบที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกการพนันพวกนั้นสักนิด มันทำให้คนสามารถกลายเป็นผีบ้าได้โดยที่ไม่รู้ตัวและมันก็ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
ก๊อกๆๆ
เมื่อนอนไม่หลับฉันก็เลยลุกขึ้นไปเคาะประตูห้องน้องสาวสุดแสบที่ตอนนี้ลดดีกรีความซ่าส์ลงไปเยอะ รออยู่นานแต่ประตูห้องก็ยังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิม ฉันลองเคาะดูอีกหลายหนแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนเดิม...ทุกอย่างนิ่งสนิท
หรือว่ายัยตัวแสบนี่จะหนีเที่ยวอีกแล้ว ให้ตายสิ!
"มาร์เบิล"
ฉันลองส่งเสียงเรียกดู เผื่อว่ายัยนี่จะหลับลึกไปหน่อยจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู แต่ก็เหมือนเดิมอีกนั่นแหละ
"..."
"ยัยมาร์เบิล"
แอดดด~
ฉันลองบิดลูกบิดดูปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อก เพราะงั้นฉันก็เลยดันประตูเข้าไปซะเลย และภาพที่เห็นมันก็ชวนให้ปลื้มใจ (?) เสียจริง... ห้องว่างเปล่า ปราศจากผู้อาศัย เตียงนอนที่ราบเรียบไม่มีแม้แต่รอยยับนั่นบ่งบอกได้ดีเลยว่าเจ้าของห้องยังไม่ได้เข้ามาเลยด้วยซ้ำ -*-!
พระเจ้า...นี่ฉันเคยบอกยัยมาร์เบิลไปกี่ครั้งกันแล้วว่าอย่าออกไปเที่ยวตอนกลางคืน มันอันตรายน่ะ แล้วยัยนี่ก็แทบจะไม่เคยเชื่อฉันเลยสักครั้ง ถ้าฉันดื้อด้านไปด้วยอีกคนบ้านนี้คงไม่ได้เป็นบ้านแน่ๆ พี่ชายก็ไม่กลับบ้าน ยัยน้องสาวก็ไม่อยู่ เจริญกันเถอะนะ L
ฉันกดโทรศัพท์ไปหายัยมาร์เบิลทันที เสียงรอสายดังอยู่นานก่อนที่สายจะถูกตัดทิ้งเพราะไม่มีคนรับสาย ฉันกดโทรออกอีกรอบและมันก็เหมือนเดิม...ไม่มีคนรับ
โอเค...วันนี้ฉันอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วก็ได้ แต่พรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นมาจัดการเรียงตัวเลย คอยดู!
8.35 a.m.
วันนี้ฉันแอบตื่นสายกว่าปกติแฮะ มันก็คงไม่แปลกเท่าไหร่หรอกมั้งเพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม
ครืด ครืด ครืด...
เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงเรียกให้ฉันหันไปสนใจมัน ฉันหยิบขึ้นมาเพ่งครู่หนึ่งก่อนจะยอมกดรับสาย ปกติฉันจะไม่รับสายเบอร์แปลกๆ สักเท่าไหร่หรอก
"ฮัลโหล"
ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างคนที่เพิ่งจะตื่น แต่ก็ต้องตาสว่างเมื่อเสียงปลายสายมันช่างคุ้นแสนคุ้น
[เมอร์ซ... พี่มารับฉันหน่อยสิ] ปลายสายพูดอย่างอ้อนๆ อยากจะรีบไปรับอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนยัยนี่ทำให้ฉันอดนอนแถมหงุดหงิดเพราะแอบออกไปเที่ยวอีกต่างหาก พอโทรไปก็ไม่รับสาย แบบนี้มันน่าทิ้งซะให้เข็ด
ทีออกไปเที่ยวล่ะไปได้แล้วทำไมตอนจะกลับดันกลับเองไม่ได้ล่ะยะ L
"ทำไมฉันต้องไปรับ งานฉันก็มี อีกไม่ถึงชั่วโมงฉันต้องไปตามนัดแล้ว"
[โธ่... น่านะ มารับฉันหน่อยนะ] ยัยมาร์เบิลอ้อนมาอีกครั้งจนฉันหมดอารมณ์จะแกล้งแล้ว
"ก็ได้ ที่ไหนล่ะ"
9.04 a.m.
At M Hotel
ฉันเข้ามานั่งรอมาร์เบิลอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมสักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ายัยตัวแสบจะลงมาสักที เสียเวลาชะมัด
ระหว่างรอไม่รู้จะทำอะไรที่มันดีไปกว่าการกวาดตามองไปเรื่อยๆ จนเจอบางอย่างที่มันสะดุดตาไปนิด
เอ๊ะ! นั่นมัน...
ไอ้บ้าที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือนี่นา แต่ทำไมวันนี้มาอยู่กับผู้หญิงอีกคนได้ล่ะ ฉันจำได้ละว่าเมื่อคืนฉันเจอใคร...ที่แท้ก็หมอนี่นี่เอง แต่ว่านะ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้มัน...!
อืม... ดูจากสีหน้าแล้ว...เขาต้องไม่เต็มใจที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ทำหน้าตาเบื่อโลกแบบนั้นหรอก ฉันล่ะสงสารผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ที่หน้ามืดตาบอดมาหลงชอบคนสติไม่ดีอย่างเขา
"เมอร์ซ พี่มานานแล้วเหรอ"
ฉันยังไม่ทันสังเกตอะไรได้มาก แต่จำต้องละสายตาไปหายัยมาร์เบิลที่ตอนนี้เดินลงมาในชุดที่แปลกตา มันไม่ใช่ชุดแนวที่มาร์เบิลชอบสักนิด
"อืม ช้านะเธอน่ะ" ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
"ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอเอ็กซิสท์เลยนะ เขาไปไหนเหรอ"
คำถามของมาร์เบิลทำให้ฉันชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะปรับสภาพให้กลับมาเป็นปกติได้ ก็เล่นถามเรื่องเอ็กซิสท์เลยนี่นะ เรื่องมันเพิ่งผ่านมาไม่นานและฉันก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นสักเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นคนที่ทำเรื่องทั้งหมดเอง เป็นเขาเองเท่านั้นที่ทำให้ทุกอย่างมันต้องจบ
"ฉันไม่รู้หรอก"
"ไม่รู้ได้ไง เป็นแฟนประสาอะไรเนี่ย" มาร์เบิลเอ่ยก่อนจะเดินนำออกไป ฉันยืนคิดเลื่อนลอยอยู่ครู่หนึ่งไม่ยอมขยับเดินตามออกไป มาร์เบิลที่เดินนำไปแล้วจึงต้องเดินกลับมาลากฉันให้เดินออกไปพร้อมกัน
"..."
"พี่เป็นอะไรของพี่น่ะเมอร์ซ" มาร์เบิลสะกิดเรียกฉันและคราวนี้มันได้ผล แล้วนี่ฉันจะมานั่งคิดมากเรื่องเอ็กซิสท์ทำไมกัน สิ่งที่ฉันตัดสินใจไปแล้วมันย่อมถูกเสมอ!
"ปละ...เปล่า ไม่มีอะไร" ฉันบ่ายเบี่ยงก่อนจะสตาร์ทรถ แต่มาร์เบิลก็ยังไม่เลิกเซ้าซี้
"ไม่มีอะไรได้ไง ฉันเห็นพี่เหม่อตั้งแต่ฉันถามเรื่องเอ็กซิสท์"
"..."
"หรือว่า... พี่สองคนเลิกกันแล้ว!"
ทำไมแกต้องเดาถูกด้วยยะ ฉันอุตส่าห์จะไม่บอกใครเรื่องนี้ซะหน่อย L
"ไม่ใช่เรื่องของเธอน่า เงียบๆ ไปเถอะ แค่นี้ฉันก็ไปทำงานสายแล้วนะ" ฉันเปลี่ยนเรื่องไปซะเฉยๆ จนมาร์เบิลถึงกับงง
"อะไรของพี่เนี่ย ฉันงงแล้วนะ =_=^" มาร์เบิลนั่งบ่นอุบแต่ฉันก็ไม่ตอบอะไรกลับไปอีก ปล่อยให้นั่งพูดกับตัวเองไปบ้างอะไรบ้างก็น่าจะดี จะได้เข้าใจตัวเองมากกว่านี้
"..."
"เอ้อ เมื่อกี้พี่เห็นผู้ชายคนที่นั่งอยู่ในล็อบบี้นั่นมั้ย"
หลังจากที่เงียบกันไปอยู่นานมาร์เบิลก็เปิดประเด็นขึ้นมาใหม่ และเรื่องนี้มันก็เรียกความสนใจจากฉันได้ค่อนข้างดี แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจอะไรมากมาย
"เห็น... มีตั้งหลายคนแน่ะ เธอหมายถึงคนไหนล่ะ"
"โธ่ เมอร์ซ คนที่หน้าตาดีๆ หน่อยน่ะ ที่นั่งอยู่กับผู้หญิงหน้าหมวยๆ น่ะ"
"อืมๆ ฉันเห็นแล้ว มีอะไรเหรอ" ฉันถามอย่างไม่อยากจะสนใจ มองดูท่าทางยัยมาร์เบิลแปลกๆ ยังไงชอบกล อย่าบอกนะว่าน้องสาวฉันจะมาปิ๊งว่าที่ศัตรู (?) ของฉันน่ะ
"ฉันได้ข่าวมาว่าเมื่อวานนี้เขาเพิ่งหนีออกจากงานหมั้นล่ะ" มาร์เบิลบอกอย่างยินดีปรีดา ดูท่าทางแล้วคงจะแอบสมน้ำหน้าคู่หมั้นของหมอนั่นด้วยล่ะมั้งเนี่ย "แต่น่าเสียดายที่เขาถูกตามตัวเจอซะก่อน"
"หนีออกมาเมื่อวานงั้นเหรอ" ฉันพึมพำกับตัวเอง แต่คงดังพอที่จะทำให้มาร์เบิลได้ยินมันได้
"อะไรนะ เมื่อกี้พี่ว่าอะไร" มาร์เบิลถาม แต่ฉันก็เฉไฉ
"เปล่านี่ ใกล้ถึงบ้านแล้วนะ" ฉันเตือนมาร์เบิลให้เตรียมใจเพราะถึงบ้านเมื่อไหร่ก็หมายความว่าจะต้องเจอกับมาโชเมื่อนั้น
"นี่พี่บอกเฮียเหรอ พี่ใจร้ายที่สุดเลย L"
"นี่ฉันใจดีที่สุดแล้ว J"
"ทำไมเธอถึงดื้อแบบนี้นะมาร์เบิล!"
เสียงมาโชตะโกนดังลั่นบ้าน มาร์เบิลที่ถูกดุก็นั่งจ๋อยสนิท ทำตัวลีบเล็กอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น ฉันเองก็ยืนอยู่ไม่ไกลนักแต่ก็ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะของสองพี่น้องนั่น (อันที่จริงฉันยืนคุมเฉยๆ น่ะ เพราะมาโชจะปล่อยยัยมาร์เบิลไปทุกทีถ้าฉันไม่อยู่ด้วย)
"ฉันไม่ได้ดื้อนะ ฉันก็แค่ทำตามเฮียเท่านั้นเอง"
"ไม่ต้องมาแถเลย ฉันออกไปก็เพราะงานของฉัน ไม่ได้ออกไปเที่ยวเหมือนเธอนะ"
"ฉันโกรธเฮียแล้วนะที่มาดุฉันแบบนี้อ่ะ -^-" มาร์เบิลกอดอกเชิดหน้า
"น้อยๆ หน่อยเหอะ" ฉันเดินเข้าไปใกล้และนั่งลงข้างๆ มาร์เบิล
"วันนี้ไม่ไปทำงานหรือไงเมอร์ซ" มาโชถามขึ้น
"คงไปทันอยู่หรอกนะ ถ้าไม่มียัยตัวยุ่งอย่างมาร์เบิล" ฉันเหล่ตามองไปยังมาร์เบิลซึ่งนั่งหน้าบู้บี้ไปแล้ว ก็หรือว่ามันไม่จริงกันล่ะ?
"โห~ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ หายโกรธฉันน้า~ >3<" มาร์เบิลกระเถิบเข้ามาเกาะแขนฉันพร้อมกับเอาหัวมาถูๆ ไถๆ อย่างกับลูกแมว
เห็นแล้วมันน่าขำซะจริงๆ ให้เจ้าเด็กแสบอย่างมาร์เบิลมาทำอะไรที่มันบ๊องๆ แบบนี้
"ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ไว้คิดออกเมื่อไหร่ฉันจะมาทวงสัญญาบวกดอกเบี้ย J"
"มีดอกเบี้ยด้วยเหรอ =_="
"หึ~ เธอก็น่าจะรู้ดีนี่"
"=[]="
1.25 p.m.
At B Mall
ในเมื่อวันนี้โดดงานไปแล้วฉันก็เลยถือโอกาสมาเดินห้างบ้างอะไรบ้าง หลายคนคงสงสัยว่าหน้าอย่างฉันต้องทำงานด้วยเหรอ อันที่จริงมันก็ไม่ต้องหรอกนะแต่ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ น่ะ ฉันมันเป็นคนเบื่อง่าย ถ้าเบื่อเมื่อไหร่อาจจะต้องมีคนเดือดร้อนก็ได้...
อย่างวันนี้... ฉันกำลังคิดเรื่องสนุกๆ บางอย่างอยู่ นั่นก็คือการหาใครสักคนมาช่วยฉันแบกขนหิ้วถุงช็อปปิ้ง และคนที่ฉันหมายตาเอาไว้ก็มีอยู่ไม่กี่คนหรอก แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เอ็กซิสท์คนหนึ่งล่ะ
เมื่อวันก่อนฉันให้มาโชช่วยหาให้ แต่เขาก็ดันเสนอลูกน้องที่ดีแต่ใช้กำลังพวกนั้นมาให้แล้วเรื่องอะไรฉันจะต้องยอมทนอยู่กับคนทึ่มๆ พวกนั้นด้วย
เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้เอ็กซิสท์ใช่มั้ยน่ะ
โอ้ พระเจ้า ได้โปรดเถอะ... ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาในตอนนี้
ฉันเดินดุ่มๆ เข้าไปหลบอยู่ในร้านเสื้อแบรนด์ดังร้านประจำอย่างเร่งรีบ พนักงานในร้านจำฉันได้ดีแต่ฉันโบกมือส่งสัญญาณไปก่อนว่าวันนี้ไม่ได้มาซื้อ แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะเสียหน้าฉันก็เลยแกล้งทำเป็นเดินดูเสื้อคอเล็กชั่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามา เดินดูไปเรื่อยๆ จนฉันเกือบจะชนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งหน้าของหล่อนนั้นคุ้นมาก
'โธ่ เมอร์ซ คนที่หน้าตาดีๆ หน่อยน่ะ ที่นั่งอยู่กับผู้หญิงหน้าหมวยๆ น่ะ'
อยู่ๆ ประโยคที่มาร์เบิลพูดกับฉันไว้เมื่อช่วงสายก็โผล่เข้ามาในหัว 'หน้าหมวย' งั้นเหรอ...
"เอ่อ ขอทางหน่อยค่ะ" สาวหน้าหมวยที่ว่านั่นหันมาเอ่ยกับฉัน ซึ่งทำให้ฉันได้สติและรีบเดินหลีกออกมาไกล ที่จริงมันไกลเกินไปด้วยซ้ำนะ
พอยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าฉันเข้ามาแอบอยู่ในร้านนี้เกือบสิบห้านาทีแล้ว ป่านนี้เอ็กซิสท์คงเดินไปทางอื่นแล้วล่ะ ฉันชะเง้อออกไปดูนอกร้านให้แน่ใจว่าไม่มีเอ็กซิสท์อยู่แถวนี้ ก่อนจะเดินออกจากร้านอย่างสบายใจ
ฉันก็เพิ่งค้นพบตัวเองเหมือนกันว่าฉันเป็นโรคประหลาดอย่างหนึ่ง ฉันมักจะไม่อยากเข้าใกล้คนที่ฉันเกลียดหรือคนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี มันจะรู้สึกยี้ๆ เหมือนกับว่าคนพวกนั้นเป็นเชื้อโรคยังไงยังงั้นเลย และกรณีเอ็กซิสท์มันก็เป็นอย่างนั้นซะด้วยสิ =_=
~♫
เอ๊ะ ใครโทรมาตอนนี้กัน วันนี้ฉันอุตส่าห์ว่าจะไม่รับสายใครแล้วนะ
'ซีลัส'
แต่พอเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาฉันก็จำต้องกดรับสายอย่างเสียไม่ได้ คนอย่างหมอนี่ไม่เคยโทรหาใครด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่แล้ว
"ว่าไงซีลัส" ฉันกดรับสายขณะที่เดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อหยุดคุยโทรศัพท์ ข้างนอกนั่นคนเยอะจะตายไป เสียงก็ดังน่าหนวกหู
[ทำไมวันนี้เธอถึงไม่มาทำงาน]
ซีลัสถามเสียงดุกลับมา ฉันที่ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำเห็นสีหน้าตัวเองในกระจกแล้วยังตกใจ นี่ฉันหน้าซีดขนาดนี้เลยเหรอ หมอนี่ไม่ใช่คนน่ากลัวสักหน่อย
"ฉัน...ยุ่งๆ เรื่องที่บ้านน่ะ"
ข้อแก้ตัวของฉันมันดูฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด แต่ในเมื่อมันคิดไม่ทันฉันก็ต้องบอกไปแบบนั้นล่ะ
[ปกติเธอไม่ชอบโกหกนี่...] ซีลัสตอบกลับมาเบาๆ แต่ฉันรู้ว่าเสียงแบบนี้เขากำลังจับผิดฉันอยู่ แต่ฉัน 'เมอร์ซี่' ซะอย่าง ไม่ยอมให้ใครมาจับผิดได้ง่ายๆ หรอก
"เงียบน่าซีลัส ฉันมีปัญหาจริงๆ"
ปัญหาที่ว่านั่นก็คือยัยมาร์เบิลตัวแสบนั่นแหละ และฉันก็จะใช้ยัยมาร์เบิลจบบทสนทนาและการจับผิดครั้งนี้ หึ~
[ปัญหาที่ว่ามันคืออะไรล่ะ เรื่องใหญ่มากเลยรึไง]
มันก็ใหญ่มากพอที่จะทำให้ฉันไปทำงานไม่ทันนั่นล่ะ -_-!
"เรื่องยัยมาร์เบิลน่ะ นายว่ามันเรื่องใหญ่รึเปล่าล่ะ J"
[...งั้นเหรอ]
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ บาย"
ฉันกดวางสายทันทีโดยไม่รอให้ซีลัสพูดอะไรต่อ จุดอ่อน...ถ้ารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์มันก็ย่อมเป็นข้อดี
กึก...
พอเปิดประตูห้องน้ำมาฉันก็เจอเข้ากับใครบางคน...ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ฉันเล็งเอาไว้ ตอนนี้เขากำลังเดินควงอยู่กับผู้หญิงหน้าหมวยที่ฉันเจอในร้านเสื้อเมื่อครู่ ดูท่าทางเขาก็ยังคงเหมือนเดิม เดินทำหน้าตาเบื่อโลกทุกครั้งที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้ แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าเขารัก 'ว่าที่คู่หมั้น' เขาก็คงไม่หนีงานหมั้นออกมาหรอก
วันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะทำความรู้จักกับเขา แต่ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเราต้องได้เจอกันอีกแน่ และการรู้จักกันของเราทั้งคู่ย่อมมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว ในเมื่อฉันอยากจะได้เขามาใช้งานฉันก็ต้องยอมยื่นหมูยื่นแมวกับเขา แต่ข้อเสนอนั้นฉันต้องเป็นคนกำหนดเองเท่านั้น J
ความคิดเห็น