คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Caramel path(1) (Part11)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 11/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
‘ข้าไม่ได้ตาบอด’ ชายในบ้านหลังนั้นกล่าวขึ้น
เคยได้ยินมาว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม
แต่ก็อันตราย... มักทำให้ใครหลายคนต้องหลงมัวเมา
เพราะไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นเลยสักครั้ง... การทำความเข้าใจจึงเป็นเรื่องที่ยากนัก
หนาว… อากาศที่นี่ราวกับจะแช่สิ่งมีชีวิตให้แข็งเป็นอนุสาวรีย์หากไม่ยอมขยับไปไหน
ลูฟี่สาวเท้าของตนไปตามเส้นทางรกทึบ
รอบข้างของเขามีแต่ป่าลึกแต่ไร้ซึ่งวี่แววของสัตว์ป่า
มือบอบบางกระชับเอาผ้าคลุมสีแดงที่บังเอิญติดตัวมาด้วยตั้งแต่อยู่กับสองหมาป่าแน่น
ด้วยชุดที่เป็นแขนกุดแบบนี้ ต่อให้มีผ้าคลุมมันก็ยังไม่ทำให้หายหนาวอยู่ดี
ท้องเจ้ากรรมร้องประท้วงว่าต้องการอาหาร
ช่วงเวลาที่ฟ้ามืดสนิทแบบนี้ทำให้การมองเห็นเป็นไปได้ยากนัก ทั้งเหนื่อยและหิว
แถมยังหนาวอีกต่างหาก ไม่อยากจะต้องมาเป็นลมอยู่กลางป่าเสียหน่อย
อยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว… ถ้ากำลังฝันอยู่ก็ตื่นซักทีเถอะน่า
“ หือ…? ”
ราวกลับคำโอดครวญนั้นถูกส่งไปถึงใครบางคน
เมื่อดวงตากลมโตเลื่อนไปเจอะกับบางสิ่งที่เหมือนกับขนมปังวางเรียงรายอยู่บนพื้นเป็นทางยาว
โดยสามัญสำนึกใครๆต่างก็ต้องคิดว่านั่นคือกับดักอยู่แล้ว
แต่ด้วยความไม่คิดอะไรเลยของเด็กหนุ่ม
เขาเดินเข้าไปหยิบขนมปังเหล่านั้นเข้าสู่ปากตามการเรียกร้องของกระเพาะแทบจะทันที
ไม่รู้ว่าขนมนี่จะพาไปที่ไหน… แต่อร่อยจัง
ได้กลิ่นหอมเหมือนกับอะไรบางอย่างที่หวานละมุนมาจากข้างหน้าด้วย…
รู้ตัวอีกทีปลายเท้าทั้งคู่ก็ก้าวเดินไปตามทางนั้นเสียแล้ว
กลิ่นหอมนั้นราวกับจะเชื้อเชิญให้ร่างเล็กตรงสู่เส้นทางปริศนา ไกลขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อยๆ… ต้นไม้ที่เคยบังดวงจันทร์เสียมิดก็ค่อยๆลดจำนวนลง
แสงสีเหลืองนวลปรากฏขึ้นราวกับกำลังจะฉายภาพที่น่าอัศจรรย์ใจให้เห็นตรงหน้า
ลานขนาดไม่กว้างมากเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างหน้าตาน่ากินชนิดหนึ่ง …น่าแปลกใจสุดๆ เข้าใจว่าสิ่งนี้มีแต่ในนิทานที่เคยได้ยินมาสมัยเด็กเสียอีก
บ้านทั้งหลังที่ราวกับสร้างด้วยบิสกิตกับช็อคโกแลต และขนมเคลือบน้ำตาลหลากสีสัน
ปูทับด้วยหลังคาวาฟเฟิลลายตาราง และปล่องไฟที่มีรูปร่างเหมือนกับคัพเค้กนั่น
นี่มันบ้านขนมหวานชัดๆเลย… กลิ่นหอมหวานที่ว่ามาจากบ้านหลังนี้นี่เอง
เอ… สรุปว่าเป็นบ้านหรือขนมกันแน่นะ
ไม่ต้องเสียเวลายืนอึ้งให้นานนัก
ร่างบอบบางก็เดินไปเปิดประตูช็อคโกแลตของบ้านนั้นเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร
ปลายจมูกรั้นยื่นเข้าไปพิสูจน์กลิ่นที่ประตูนั้นด้วยความสนใจ
และมันก็เป็นของที่กินได้อย่างที่เขาคิดจริงๆ…
สิ่งที่ดึงความสนใจทั้งหมดไปนั่นคงเป็นสภาพภายในบ้าน
เฟอร์นิเจอร์ต่างๆถูกจัดวางเป็นส่วนๆอย่างมีระเบียบ
แต่น่าแปลกที่สิ่งของเหล่านั้นกลับเป็นของใช้ธรรมดาทั่วไปที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน
เก้าอี้ที่ทำจากไม้ โซฟาที่บุด้วยผ้ากำมะหยี่
และผ้าม่านสีอ่อนหวานที่ตัดเย็บจากผ้าชั้นดี
แต่สิ่งที่พลาดไปไม่ได้คงเป็นโต๊ะกลมตัวเล็กๆที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ของบ้าน
บนนั้นมีชั้นวางที่มีขนมหวานชิ้นเล็กๆจำนวนมากมาย มันมีเยอะ
แต่ก็ประมาณด้วยสายตาได้ว่า คงมีราวๆสิบโต๊ะเห็นจะได้
ด้วยท้องที่หิวมาตั้งแต่การหนีออกมาจากกระท่อมของเอสและซาโบ
รวมกับระยะทางที่เตร็ดเตร่มาแสนไกล
ลูฟี่จำเป็นต้องหยิบขนมเหล่านั้นเข้าปากก่อนที่ตัวเองจะหมดพลังงานไปเสียก่อน
หวาน…แต่อร่อยสุดๆไปเลย
แต่การกินของลูฟี่ก็ไม่เคยปราณีใคร…
ด้วยปริมาณการกินที่ผิดกับขนาดร่างกาย ไม่นานนักขนมจากชั้นวางสองโต๊ะก็โดนจัดการไปอย่างง่ายดาย
เด็กหนุ่มมัวแต่ให้ความสนใจกับของหวานตรงหน้า
โดยไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าสถานที่แห่งนี้นั้นมีเจ้าของอยู่
หมับ!
ข้อมือเล็กถูกคว้าไปด้านหลังจนทั้งร่างเซไปชนกับแผงอกของผู้มาใหม่
แรงบีบที่มีนั้นมากมายจนทำให้ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวด
ฝ่ามือใหญ่ของใครบางคนนั้นบีบแน่นราวกับคีมที่ไม่ยอมหลุดออกง่ายๆ
“ เจ้าเป็นใคร… บังอาจรุกล้ำเข้ามาในบ้านของข้า ”
น้ำเสียงทุ้มกดลงต่ำราวกับไม่พอใจอย่างมาก
แรงบีบที่ส่งเพิ่มมายังบริเวณข้อมือทำให้ลูฟี่เริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองทำอะไรไปโดยไม่ยั้งคิด
“ ฉ..ฉันขอโทษ
แต่นายช่วยปล่อยก่อนได้หรือเปล่า ” ความเจ็บคือสิ่งเดียวที่รู้สึกได้ในตอนนี้
แสงรอบตัวนั้นมืดสลัวเกินกว่าจะมองเห็นลักษณะของคนที่กำลังพันธนาการได้
ข้อมือของเขาเริ่มชาไปหมดแล้ว
“
เจ้าเข้ามาในบ้านและกินขนมของข้า ต้องการอะไรกันแน่ ”
เจ้าของเสียงทุ้มพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเหมือนกำลังโมโห
หมุนตัวเจ้าหนูตัวน้อยที่เข้ามาขโมยของในบ้านมาอีกด้านเพื่อให้มองเห็นใบหน้านั้นได้ชัดเจน
แต่เหตุผลที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำเอาร่างสูงต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ ฉันแค่หิว… ”
เหตุผลตื้นเขินเสียจนไม่น่าเชื่อถือ… ทั้งที่ประตูบ้านก็ล็อคอยู่
แต่ทำไมเด็กนี่จึงเข้ามาได้
“ หิว…? ”
“ ขอโทษจริงๆนะ...
ฉันแค่หิวจริงๆ ”
ราวกับบรรยากาศเป็นใจ
ก้อนเมฆที่เคยบดบังดวงจันทร์กลับเคลื่อนออกไปด้านข้าง
แสงสว่างของยามค่ำคืนฉายผ่านหน้าต่างบ้านเข้ามายังร่างเล็กที่กำลังตกเป็นรอง
ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่หวานเกินชายนั้นปรากฏให้เห็นแก่สายตา
ยามที่ดวงตาคู่สวยต้องแสงสีนวล มันกลับทอประกายระยับจนไม่อาจละสายตาออกไปได้
สีหน้าที่รู้สึกผิดแสดงออกมาอย่างไม่ปกปิด
ส่งให้ชายอีกคนนิ่งไปด้วยความทำอะไรไม่ถูก
มือข้างที่รวบข้อมือเล็กเอาไว้ถูกปล่อยให้เป็นอิสระอย่างไม่รู้ตัว
ลูฟี่รีบยกมืออีกข้างขึ้นมาจับข้อมือตัวเองด้วยรู้สึกปวดหนึบ
ในขณะที่ดวงตาคู่คมของเจ้าของบ้านยังคงไม่ย้ายไปจากร่างบอบบางน่าทะนุถนอมนั้น
ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ… อยู่ๆความรู้สึกที่มีมันก็พลันแปลกไป
หัวใจกระตุกวูบแบบที่ยังไม่เคยเป็นมาก่อน…
คนตัวสูงกว่าได้แต่ตั้งคำถามกับตนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนจะรีบสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปและเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการไปจุดตะเกียงเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้แก่ห้องโถงนี้แทน
ยามที่ใบหน้าหวานนั้นแสดงความเจ็บปวดจากบริเวณข้อมือที่เขาเป็นคนทำ
มันเร่งให้หัวใจที่ว่างเปล่าดวงนี้บีบตัวแรงกว่าปกติ
ทำไมกัน…อยู่ๆก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“ เอาแขนเจ้ามานี่สิ
” ฝ่ามือใหญ่ยื่นออกมาวางตรงหน้าเด็กหนุ่ม
ในมืออีกข้างถือกระปุกอะไรบางอย่างที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นยาทาภายนอก
ลูฟี่เงยหน้ามองเจ้าของบ้านด้วยความหวาดระแวง
เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นใบหน้าของคนๆนี้ชัดๆเป็นครั้งแรก
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมขนสัตว์สีมืดครึ้ม
น่าแปลกที่อากาศภายนอกหนาวแบบนั้น
แต่คนๆนี้กลับใส่เพียงเสื้อผ้าฝ้ายบางๆอยู่ภายใต้เท่านั้น
ใบหน้าคมของเจ้าตัวดูน่ากลัวราวกับวายร้ายที่พบเห็นได้ตามการ์ตูน
ผมสีแดงเพลิงถูกเซ็ตให้ตั้งขึ้นไปด้านบน คาดเอาไว้ด้วยแว่นตาดำน้ำรูปร่างประหลาดตา
ฝ่ายนั้นใช้ดวงตาคู่ที่ดูคมกริบจ้องมายังใบหน้าของลูฟี่นิ่ง
เขาดันไปทำลายความประทับใจแรกของเด็กนี่เสียป่นปี้
เรื่องจะให้ไว้ใจคนที่ทำร้ายตัวเองตั้งแต่แรกคงจะเป็นไปไม่ได้
จึงตัดสินใจเอื้อมเข้าไปคว้าข้อมือเล็กนั้นเข้ามาอีกรอบ คนตัวเล็กทำท่าจะขัดขืน แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของคนที่ตัวใหญ่กว่ามากได้
ไม่ได้มีการทำร้ายใดๆอีก
ผู้ชายหน้าโหดคนนี้บรรจงทายาลงบนข้อมือของลูฟี่อย่างแผ่วเบา
ราวกับกลัวว่าจะเผลอทำร่างกายที่บอบบางนี้สลายหายไป
มันอ่อนโยนเสียจนชวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
อะไรของเขากันนะ… ทำให้เจ็บแล้วก็มาทายาให้เฉยเลย
“ ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น… ไม่เคยมีใครมาที่นี่ ”
เจ้าของใบหน้าโหดเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
น้ำเสียงนั้นเรียบสนิทราวกับเรื่องที่กล่าวขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่ชินชาไปเสียแล้ว
ตั้งแต่จำความได้ เขาอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวเอง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่รู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก
ไม่ว่าใครที่ไม่คุ้นหน้าก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น
แต่ก็แปลก… มันกลับเป็นข้อยกเว้นสำหรับเด็กตรงหน้านี่ เพียงแค่การพบเจอกันครั้งแรกเท่านั้น
“ นายอยู่คนเดียวงั้นหรอ
ที่บ้านขนมหวานนี่? ” เสียงเล็กเอ่ยถามขึ้น
ดวงตากลมโตมองตามมือของอีกฝ่ายที่กำลังทายาให้ตนเหมือนกับแมวกำลังมองตามของเล่น
สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงการเงียบสนิทของอีกฝ่ายที่ดูจะไม่ได้ใส่ใจคำถามนัก
คิ้วเรียวขมวดหากันอย่างไม่เข้าใจ พิจารณาใบหน้าที่ดูโหดร้ายนั้นสลับกับบ้านขนมแสนสวยไปมา
“ เห… นายดูไม่น่าชอบกินของพวกนี้เลยนะ
พิลึกดีจัง ”
คนที่เพิ่งผละออกจากร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะประโยคแปลกๆนั้น
เด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ก็พูดออกมาหมดเลยหรือไงนะ… ช่างเป็นคำพูดที่อุกอาจเสียเหลือเกิน
อยากจะอารมณ์เสียและโกรธเคืองไป แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงทำไมลง…
“ ข้าก็ไม่ได้ชอบเสียหน่อย เพราะที่นี่มันมีแต่ของแบบนี้ต่างหากล่ะ ”
ถอนหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจนัก
ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะไม่ใช่คนในพื้นที่ ถึงได้ทำท่าทางงุนงงกับประโยคที่เขาเพิ่งกล่าวขึ้นมา
“
ในป่าระแวกนี่มีทั้งลำธารช็อคโกแลต สวนสตอว์เบอร์รี่และสวนคุกกี้เต็มไปหมด
ข้าถึงได้สร้างบ้านจากของพวกนั้นยังไงล่ะ ”
“ ว้าว! สุดยอดเลย
มีของแบบนั้นอยู่จริงด้วยหรอ ฉันอยากเห็นจัง! ”
ดวงตากลมโตลุกวาวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น นอกจากบ้านประหลาดๆนี่
ยังมีที่ที่น่าสนใจอีกเยอะแยะไปหมด ถึงโลกนี้จะแปลกเกินความเข้าใจไปหน่อย
แต่ราวก็กับว่าเขากำลังโลดแล่นอยู่ในโลกของความฝัน
เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลากับว่าเคยฟังมาจากที่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็นึกไม่ออก...
รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหวานนั้นสะกดให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านชะงักไปทั้งอย่างนั้น
เป็นรอยยิ้มสดใสที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
มันเร่งให้หัวใจที่อยู่ใต้อกเพิ่มจังหวะการเต้นมากขึ้นอย่างน่าประหลาด
อยากจะเห็นใบหน้าแบบนั้นอีกหลายๆครั้ง
แต่ก็ยิ่งไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่
…โรคร้ายหรือไงกัน
หัวใจจึงได้เต้นระส่ำถึงเพียงนี้?
“
พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปเอาน้ำดื่มจากป่าทางเหนือ หากตื่นสายก็อย่าหวังว่าจะได้ไปเลย ”
ยกมือขึ้นมากุมอกเสื้อด้านซ้ายของตนด้วยความแปลกใจ
ในขณะที่คำพูดราวกับไม่พอใจนั้นกลับแฝงความหมายกลายๆว่าอนุญาตให้อีกฝ่ายพักอยู่ที่นี่ได้โดยไม่มีข้อกังขา
“ อ่า… แต่ฉันไม่มีที่พักหรอกนะ
คงต้องออกไปแล้วล่ะ ”
แต่ก็ใช่ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเข้าใจความหมายนั้นโดยง่าย
ใบหน้าหวานหม่นลง กระชับผ้าคลุมผืนเดิมให้แน่นขึ้นอย่างท้อใจ …คงต้องกลับไปข้างนอกที่หนาวเหน็บขนาดนั้นอีกครั้ง ทำให้คนๆนี้โกรธ
แถมยังไปขโมยขนมของเขาอีก ถ้าขอพักด้วยซักคืนจะเป็นการขออะไรที่น่าเกลียดเกินไปหรือเปล่านะ…
“ หน้าเตาผิงนั่นไงล่ะ
อากาศกลางคืนมันหนาวนัก เดี๋ยวข้าจะไปเอาฟูกมาให้ ”
ชายหน้าโหดขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนึกขัดใจ
เจ้าหนูนี่ทำให้เขาต้องพูดสิ่งที่ไม่อยากพูดออกไปจนได้ ไม่อยากแสดงความไว้ใจที่มากไปต่อใครคนหนึ่งออกไปให้เห็นนัก
สำหรับเขาแล้วมันราวกับกำลังเผยจุดอ่อนออกไปให้เห็น…
ลูฟี่แสดงสีหน้าเหรอหราออกมาอย่างคนประมวลผลตามไม่ทัน
ส่งเสียงในลำคอก่อนขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอยู่หลายครั้ง
จนกระทั่งจับใจความได้ว่าอีกฝ่ายให้เขาพักอยู่ที่นี่ได้แล้วจึงร้องอ๋อขึ้นมา
ประโยคขอบคุณถูกกล่าวขึ้นมา
ตามหลังด้วยรอยยิ้มกว้างที่แสดงความจริงใจออกมาอย่างไม่ปกปิด
คนผมแดงมองการกระทำแปลกๆของเด็กหนุ่มคนนั้นโดยไม่ได้ละสายตา
เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น รอยยิ้มที่อยากจะเห็นอีกหลายๆครั้ง
เขายังไม่อาจตอบข้อสงสัยที่เกิดขึ้นกับตนหลายอย่างได้ …แต่ก็มีบางสิ่งที่พอจะยืนยันได้แล้ว
อยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นเสียจริง…
แสงแดดที่อบอุ่นยามเช้าไล่ให้ความหนาวที่เคยปกคลุมพื้นที่ป่าหายไป
นกน้อยที่ตื่นขึ้นจากนิทราออกมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วต้อนรับวันใหม่
ชายร่างใหญ่วางถังไม้ที่บรรจุน้ำดื่มอยู่เต็มพอดีลงกับพื้น
ไม่ห่างออกไปนักมีร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังทำท่าทางสนใจกับลำธารสีทึบตรงหน้า
นิ้วเรียวไล้ไปกับผืนน้ำอย่างแผ่วเบา ยกมันขึ้นมาสัมผัสกับปลายลิ้น
ก่อนรสชาติหวานจะเป็นสิ่งแรกที่รู้สึกได้ กลิ่นหอมหวานของโกโก้
เนยและนมผสมกันได้อย่างลงตัว
สายน้ำสีน้ำตาลที่เห็นตรงหน้านี่มันเป็นช็อคโกแลตทั้งหมดเลย
“ ยอดเลย! นี่มันช็อคโกแลตจริงๆด้วย!
” ริมฝีปากได้รูปเผยยิ้มร่า
ร่างผอมกระโดดโหยงพร้อมชี้นิ้วให้เพื่อนร่วมทางอีกคนดูด้วยท่าทางตื่นเต้น
อา…รู้แล้วน่า ของแบบนั้นเคยเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ถึงเด็กคนนั้นจะเผยรอยยิ้มแบบนั้นออกมาให้เห็นบ่อยๆ
แต่ก็ทำใจให้ชินไม่ได้เสียที จังหวะหัวใจมันพาลเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นมาเกาท้ายทอยอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่รู้ว่าควรรับมือยังไงดีกับท่าทางเหล่านั้น
หัวใจเต้นระส่ำ
ความรู้สึกร้อนๆบนใบหน้ายามที่มองไปยังรอยยิ้มนั้น…
ชอบ หรือเปล่านะ..?
“
เหนือลำธารนั่นมีสวนคุ้กกี้อยู่ จะไปก็รีบตามมา ”
เอ่ยคำพูดแกมออกคำสั่ง ก่อนเดินนำออกไปทั้งอย่างนั้น
เพราะว่าไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับใครมาก่อน จึงยากที่จะแน่ใจได้ว่าเป็นไปอย่างที่คิดหรือไม่
ยามที่เห็นใบหน้านั้นมีความสุข เขาก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ยามที่เด็กหนุ่มคนนั้นทำท่าทางตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆนั้น …ทำไมจึงคิดว่ามันน่ามองไปเสียทุกอย่าง
อยากจะเห็นภาพนี้ไปอีกนานๆ… และไม่อยากให้ใครก็ตามได้เห็นมันด้วย
ชายหนุ่มไม่ได้ทันรู้ตัวว่า
ความชอบของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นความหลงใหลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ดวงตาคู่คมทอดมองร่างเล็กๆนั้นได้อย่างไม่มีเบื่อ
อันว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่ควรค่อยๆเรียนรู้และทำความเข้าใจกับมัน… อย่าได้เร่งสรุปความไปเลยเสียดีกว่า
ลูฟี่ผละตัวออกจากสวนขนมที่แสนจะแปลกเกินจินตนาการนั้นหลังเด็ดเอาคุกกี้ที่งอกออกมาจากต้นไม้ที่มีใบสีสดใส
ตรงมายังชายผมแดงที่ในเวลานี้สายตายังคงไม่ละไปจากเขา
คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ก้าวเตาะแตะเข้าไปหยุดตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“ ขอบคุณที่พามาวันนี้นะ
ฉันสนุกซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองมีที่ที่ต้องไปอยู่ ”
ยังไงเสียที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของเขา
โลกที่จากมาต่างหากที่กำลังรอคอยให้กลับไป ทั้งเพื่อน ครอบครัว และชีวิตประจำวัน
แม้มันจะไม่ได้ราบรื่นไปเสียทุกอย่าง แต่เขาทิ้งสิ่งเหล่านั้นไปไม่ได้หรอกนะ…
“ ที่ที่ต้องไป…? ” เสียงทุ้มเอ่ยทวนคำพูดนั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
ใบหน้ายิ้มที่เหมือนกับเสียดายของลูฟี่ทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“ อื้อ… ฉันต้องกลับไปที่บ้าน โลกที่ฉันจากมา ”
บ้าน…?
นั่นสินะ…ไม่ว่าใครก็มีที่แบบนั้นอยู่
คนตัวสูงไม่ได้กล่าวอะไรอีกจนกลายเป็นความเงียบ
ความสุขที่เพิ่งจะตักตวงได้เพียงชั่วครู่กลับกำลังจะหายไปในไม่ช้า
ทำไมโชคชะตาจึงโหดร้ายกับเขาถึงเพียงนี้… เพราะถูกกำหนดให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้นหรือ
ใครจะอยากให้เด็กหนุ่มคนนี้กลับไปกัน… ทั้งที่เขาได้มอบหัวใจทั้งหมดให้แล้ว
“ ก่อนหน้านั้น
ข้ามีที่ที่อยากจะให้เจ้าไปอยู่... ”
มือใหญ่คว้าเอาเชือกสะพายของถังน้ำพาดผ่านแขนแกร่งทั้งสองข้าง
ชันตัวขึ้นพร้อมกับภาชนะที่ถูกยกขึ้นเหนือพื้นดิน
ไม่เอาเด็ดขาด...
ไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน…
“ ที่ไหนงั้นหรอ?
”
ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบคำถามจากอีกฝ่าย
เขาเพียงเดินนำร่างเล็กกลับไปสู่บ้านขนมหวานหลังเดิม
จัดการวางอุปกรณ์ต่างๆให้เข้าที่
ประตูบานใหญ่ที่อยู่ถัดไปจากเตาผิงที่ลูฟี่ใช้ให้ความอบอุ่นเมื่อคืนเป็นเป้าหมายต่อไป
ทันทีที่ลูกบิดถูกหมุนและบานประตูถูกผลักเข้าไป
เบื้องหน้าก็ปรากฏบันไดที่ทอดตัวยาวลงสู่พื้นด้านล่าง
ยังมีชั้นที่ลึกลงไปต่อจากที่ที่เด็กหนุ่มยืนอยู่
ความมืดซึ่งแฝงความหนาวเหน็บเอาไว้
บ่งบอกไม่ได้เลยว่าปลายทางของมันจะสิ้นสุดลงที่ใด
ในบ้านหลังเล็กแบบนี้
มีห้องใต้ดินอยู่ด้วยงั้นหรอ…?
“ ที่นี่มันอะไรกันน่ะ…? ”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นถาม
หันไปมองยังเจ้าของบ้านที่ตอนนี้กำลังเดินนำตนลงไปสู่เบื้องล่าง
ในมือของเขามีสิ่งที่คล้ายกับตะเกียงที่เพิ่งหยิบมาได้จากปากทางเข้า
เจ้าของผมสีแดงเพลิงเอาแต่เงียบไม่ยอมพูดอะไร
เร่งให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ
ทั้งแคบแล้วก็มืด ไม่มีแม้แต่เสียงของลมที่แทรกเข้ามาเลยแม้แต่นิด
เป็นสถานที่แบบไหนกันแน่นะ… ได้แต่ก้าวเท้าตามคนเบื้องหน้าไปอย่างระมัดระวัง อาศัยแสงจากตะเกียงในมือคนหน้าโหดไม่ให้เผลอก้าวลงบันไดพลาดไป
ไม่นานนักปลายทางก็จบลงที่โถงแคบๆ
มันเหมือนจะเป็นทางตันสำหรับเส้นทางนี้
พลันตะเกียงที่อยู่ตามต้นเสาทั้งสองข้างของห้องก็ถูกจุดขึ้น
ยามที่แสงสว่างฉาบไปทั่วพื้นที่
ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏขึ้นมาทำให้คนตัวเล็กต้องประหลาดใจไม่น้อย
นี่มันห้องขังไม่ใช่หรือไงกัน…?
“ นายพาฉันมาทำอ—! ”
ปัง!
“ โฮ่ย! ทำอะไรของนายน่ะเจ้าหน้าโหด! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ” ว่องไวเกินกว่าที่จะได้ทันตั้งตัว
ฝ่ามือใหญ่ตะปบเข้าที่แผ่นหลังของลูฟี่เข้าอย่างจัง
แรงส่งของมันมากพอจะทำให้ทั้งร่างของเด็กหนุ่มเข้าไปยืนอยู่ภายในห้องขังได้อย่างง่ายดาย
ประตูเหล็กนั้นถูกล็อคโดยคนนำทางแทบจะทันที
สับสนไปหมด เรื่องราวต่างๆที่ประดังเข้ามาทำให้ลูฟี่ปรับตัวไม่ทัน
มือเล็กทั้งสองข้างจับเหล็กที่เย็นเฉียบของของห้องขังแน่นอย่างไม่เข้าใจ
ยามที่สายตาคู่สวยจ้องมองไปยังใบหน้าของคนอีกฟากก็เป็นต้องตกใจ
ราวกับสายตาคมคู่นั้นไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
ราวกับว่าเขากำลังจ้องมองมาด้วยความเย็นชาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน…
เสียงของเด็กหนุ่มสื่อไปไม่ถึงชายผมแดงคนนี้เสียแล้ว…
เด็กคนนี้จะต้องอยู่ที่นี่… เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“
เจ้าจะต้องอยู่กับข้าไปตลอดกาล… ”
ความคิดเห็น