คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #51 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Cottage in the wild(2) (Part10)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 10/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ก็คงเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของลูฟี่ล่ะมั๊ง… ที่เจ้าตัวดันเชื่อคำพูดของคนอื่นอย่างง่ายดายทั้งๆที่เพิ่งพบกันครั้งแรก
อยากจะกลับไปในเร็ววันเหมือนกัน... แต่คงมีแต่ต้องพึ่งคนที่คุ้นเคยสถานที่เหล่านี้ดีเท่านั้น
การมาอาศัยอยู่บ้านพวกเขาแบบไม่มีอะไรตอบแทน
ทำให้ไม่ค่อยอยากจะท้วงเรื่องอยากกลับบ้านเร็วๆไปซักเท่าไร
กิจวัตรของเช้าวันต่อมายังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม
เอสเป็นคนชวนให้ลูฟี่เข้าไปเก็บผลไม้ด้วยกันอีกครั้ง
ผ่านสวนดอกไม้หลากสีที่ส่งบรรยากาศสดชื่น ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกชอบมันอยู่ไม่น้อย
วันนี้พวกเขาเก็เกี่ยวผลไม้มาได้เยอะจนเต็มตระกร้า... มันมากพอที่จะเก็บเอาไว้ได้หลายวันโดยที่วันพรุ่งนี้ไม่จำเป็นต้องถ่อมาเก็บอีก
มื้อเย็นดำเนินไปด้วยบรรยากาศครื้นเครงแบบที่ลูฟี่ไม่เคยสัมผัสกับมันมาก่อน
ใจหนึ่งก็รู้สึกสนุกกับมันดี แต่อีกใจก็ยังไม่อยากทิ้งโลกที่จากมาอยู่ดี
การอยู่ที่นี่มันไม่ได้แย่ แต่คนตัวเล็กกลับรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่สถานที่สำหรับเขา...
แก้วที่มีรูปร่างเหมือนกับถังเหล้าย่อส่วนซึ่งบรรจุเต็มไปด้วยน้ำองุ่นสีสวย
ถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากบาง
รสชาติหอมหวานของมันที่ละเลียดลงกับปลายลิ้นไม่เคยทำให้ลูฟี่ผิดหวัง
เขาออกจะชอบมันสุดๆเลยด้วยซ้ำ
แต่เพียงชั่วครู่ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาลิ้มรสเครื่องดื่มนั้น
สัมผัสนุ่มหยุ่นก็แตะลงที่แก้มข้างหนึ่งของใบหน้าหวาน
ไหล่เล็กสะดุ้งตัวโยนจนเกือบปัดแก้วตกพื้น
หันมองไปยังตัวการที่ตอนนี้ยังคงนั่งยิ้มด้วยท่าทีเริงร่า
พลันความร้อนก็ฉาบแล่นขึ้นมาทั่วทั้งใบหน้า
“ พวกนายทำอะไรเนี่ย!
” สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนปู่หอมแก้มด้วยความรักแบบนี้เลยซักครั้ง
ไหนจะใบหน้ายิ้มแย้มแบบที่ไม่รู้สึกอะไรเลยนั่นมันอะไรกัน
“ อ้า...ตัวนายนี่หอมชะมัดเลยน้า! ” ชายผมดำแสดงใบหน้าเคลิ้ม
ส่งให้ลูฟี่ทำได้แค่มองกลับไปพร้อมคิ้วขมวดเหมือนจะค้อนเบาๆแต่ก็ยังตามเหตุการณ์ไม่ทัน
เห็นซาโบที่วางมือจากหม้อต้มที่กำลังปรุง ย้ายร่างสูงมานั่งขนาบข้างเด็กหนุ่มบนเก้าอี้ที่ตนลากติดมือมาด้วย
“ นี่น่ะคือ'ธรรมเนียม'ยังไงล่ะ... ”
“ ธรรมเนียม...?
”
คิ้วเรียวขมวดพันกันยุ่งกว่าเดิม
สีหน้าเหมือนต้องการจะถามว่า ธรรมเนียมแปลกประหลาดอะไรของพวกนายกัน...
“ บ้านเรามีกฏว่าพี่น้องจะต้องหอมแก้มกันทุกวันน่ะ...
” ใบหน้าหล่อเหลาของคนผมทองปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน
แต่ในเวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เข้ากันอย่างสิ้นเชิงเอาซะเลย... ลูฟี่มีท่าทางเลิ่กลั่ก พวงแก้มขึ้นสีแดงจางๆ
มือไม้ไม่สามารถวางเก็บอยู่กับที่ได้ด้วยความรู้สึกอายอย่างที่ไม่เคยมี
“ พ..พวกนายก็โตๆกันขนาดนี้แล้วนะ ไม่เห็นจะต้องทำเลย! ” การกระทำแบบนี้เหมือนกับเขาเป็นเด็กเล็กๆเลย
นี่พวกเขากำลังเล่นบทพ่อแม่ลูกอยู่หรือไง...
“ ฮ่าฮ่า... ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ตอนนี้ไม่แกล้งแล้วก็ได้
แต่ก่อนนอนฉันจะมาทวงธรรมเนียมที่ตกลงกันไว้อีกครั้งแล้วกัน ”
เอสเดินออกไปทำอย่างอื่นทั้งอย่างนั้น
แต่คำพูดที่ว่าจะมาทวงนั่นอดทำให้ลูฟี่รู้สึกร้อนๆที่หน้าไม่ได้...
เวลาในโลกที่เหมือนกับความฝันค่อยๆผ่านไป
รู้สึกตัวอีกทีท้องฟ้าก็มีเพียงความมืดปกคลุม
อากาศของที่นี่ค่อนข้างหนาวเย็นเมื่อเทียบกับหลายๆที่ที่ลูฟี่ได้ไปมา เขาทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ตัวนิ่มใกล้ๆกับเตาผิงของบ้าน
ในขณะเดียวกันก็ยังสวมผ้าคลุมสีแดงที่ได้มาจากสองพี่น้องเอาไว้
ชุดที่เด็กหนุ่มสวมใส่ตอนนี้ไม่ได้เป็นกระโปรง
มันถูกเปลี่ยนตั้งแต่ตอนเจอกับอุปราชแปลกๆนั่น
แต่เปลี่ยนไปได้อย่างไรลูฟี่ก็จำไม่ได้เลย โชคยังดีที่เขาได้ชุดใหม่มาจากทั้งเอสและซาโบ
มันคือชุดที่คล้ายกับจั๊มสูทสีดำ ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายที่หนาพอจะให้ความอบอุ่นได้
ติดก็ตรงส่วนแขนและขาของมัน บริเวณแขนเสื้อถูกทำให้เป็นแขนกุด
ความยาวขากางเกงก็ยาวคลุมหัวเข่าของเขาพอดี แต่แถมด้วยผ้าคลุมสีแดงทับอีกชั้นแล้วมันก็ไม่ได้แย่ซักเท่าไร...
ก็ยังดีกว่าการต้องใส่เสื้อคลุมไร้กระดุมกับกางเกงขาพองๆแบบก่อนหน้านี้
เวลาลมเย็นๆพัดผ่านหน้าท้องทีไรก็ขนลุกขึ้นมาทุกที...
ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าชัดเจน
สังเกตเห็นได้จากหน้าต่างที่ตอนนี้ถูกปิดเอาไว้เพื่อกันลมหนาวจากภายนอก มันเป็นพระจันทร์เต็มดวงที่มีสีเหลืองนวลน่ามอง
นั่นทำให้ลูฟี่รู้สึกได้ว่านี่คงจะใกล้ถึงเวลาเข้านอนของเขาแล้ว...
คนพวกนั้นส่งเขาเข้านอนตั้งแต่เวลายังไม่ทันจะดึก ด้วยเหตุผลที่ว่า 'เป็นเด็กเป็นเล็กต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ' เด็กหนุ่มไม่ได้ขัดอะไรกลับไปมากนัก ถึงมันจะขัดกับนิสัยลิงโลดไม่ค่อยอยู่กับที่ของตัวเองบ้างก็เถอะ
แต่ก็อยากเถียงกลับไปเหมือนกัน... ตอนที่อยู่ด้วยกันกับพวกเขา
ก็มีบ้างที่รู้สึกว่าเป็นพี่ชายอยู่หรอก
แต่ทั้งเอสและซาโบชอบทำเหมือนเขาเป็นเด้กตัวน้อยๆเลยแฮะ...
เป็นคืนที่สองที่เขาได้มาอยู่ในกระท่อมเล็กๆหลังนี้
ที่จริงลูฟี่ก็ยังไม่ได้ลืมคำพูดที่ว่า
ที่นี่มีธรรมเนียมแปลกๆอย่างการหอมแก้มไปหรอก เพราะแบบนั้นเขาถึงได้ทำเป็นลืม
และหวังว่าผู้ชายอีกสองคนก็จะลืมไปด้วยเหมือนกัน
ร่างเล็กๆนั้นเดินตรงไปสู่เตียงของตัวเองที่วันนี้เป็นเวรของเอสที่ต้องสละให้เขายืมนอน
คว้าเอาผ้าห่มมาถือเอาไว้
หวังจะแทรกตัวเข้าไปแล้วหลับไปเฉยๆแบบที่ไม่ต้องมาหอมแก้มใครอีก
แต่พลันข้อมือเล็กก็ถูกดึงโดยใครบางคนจนต้องเซออกไปด้านข้าง
ใบหน้าของคนๆนั้นทำเอาสีหน้าของเด็กหนุ่มต้องเจื่อนลงเล็กน้อย...
เอส...
“ เอาล่ะลูฟี่... ได้เวลานายมาหอมแก้มฉันแล้ว ” เอสยิ้มกว้างโชว์ฟันครบทุกซี่
นั่นทำให้ลูฟี่รู้สึกเขินขึ้นมาไม่น้อย
เจ้าของร่างบอบบางเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กับพี่ชายผมดำอย่างเกร็งๆ
ก่อนที่จุมพิตที่แสนเขินอายจะถูกประทับไปบนใบหน้าด้านข้างของเอส
แขนแกร่งก็ไม่รอช้าที่จะรวบเอวของเด็กหนุ่มเอาไว้ประหนึ่งงูเลื้อยพันตัว
แต่ไม่ทันได้เคลื่อนไหวอะไรต่อ
ร่างเล็กๆก็ถูกคว้าไปยังชายอีกคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ข้างๆพร้อมรอยยิ้มเหี้ยม
นายนี่มันฉวยโอกาสเกินไปแล้ว...!
“ ฉันบ้างสิ... ถ้านายไม่ทำฉันก็ไม่ปล่อยให้นายไปนอนหรอกนะ ”
เป็นเสียงของซาโบที่เอ่ยขึ้น รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยน
ส่งให้ดูเป็นผู้ชายที่สุขุมกว่าอีกคน
ริมฝีปากบางจรดลงกับใบหน้าคมคายของคนผมทองด้วยท่าทีเคอะเขินเหมือนกับคราวแรก
ช่วงเวลาที่กำลังทำอะไรไม่ถูก ก็ถูกซาโบชิงหอมแก้มกลับมาแบบไม่ได้ทันตั้งตัว
นั่นทำให้ลูฟี่สะดุ้งตัวโยน เขาเผลอถอยตัวออกห่างไปโดยอัตโนมัติ
ดวงตาสีดำก็พลางมองใบหน้าของพี่ชายทั้งคู่สลับกันไปมา
“ แล้วพวกนายสองคนล่ะ...ไม่หอมแก้มกันหรือไง? ” เสียงเล็กที่เอ่ยคำถามขึ้นมา
ทำให้อยู่ๆบรรยากาศโดยรอบก็เงียบไปเฉยๆ พี่ชายสองคนเพียงแค่หันมามองหน้ากันนิ่งๆ
พักหนึ่งก็หันมามองหน้าเขาอีกที
หืม...? มีอะไรแปลกงั้นหรอ
“ ฮ่าๆ
เอาไว้คราวหลังก็แล้วกันนะ ”
เอสเป็นคนตอบคำถามนั้น
เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาทั้งคู่ก็พร้อมใจกันหัวเราะประสานเสียงกันแบบที่ลูฟี่ไม่ค่อยเข้าใจนัก
แต่ก็พยักหน้ารับไปทั้งอย่างนั้น
เด็กตัวเล็กถูกส่งเข้าสู่นิทราพร้อมรอยยิ้มของพี่ชายทั้งสอง
ถึงภายในใจของเขากำลังจะรู้สึกปั่นป่วนไม่น้อยก็เถอะ...แพรขนตาที่เรียงตัวอย่างมีระเบียบหลับพริ้มลงอย่างสงบนิ่ง
ใบหน้าหวานยามหลับไหลมันช่างเป็นใบหน้าที่น่ามองสำหรับคนที่พบเห็น
ชายหนุ่มร่างสูงหันมองหน้ากันเงียบๆอีกครั้ง
ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะปรากฏบนใบหน้าของทั้งคู่
มันเป็นรอยยิ้มที่ทั้งอ่อนโยนและแฝงความหมายอะไรบางอย่างเอาไว้ด้วยกัน...
แบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ... เด็กคนนี้น่ารักชะมัดเลย...
อากาศยามดึกเริ่มลดอุณหภูมิลงเรื่อยๆ
คนร่างเล็กที่นอนหลับไม่ได้สติขดตัวเข้าหากันใต้ผ้าห่มโดยอัตโนมัติ
คืนที่ควรจะหลับสบายเช่นนี้กลับมีลมหนาวมากวนใจเขา นอกจากนั้น
ร่างนั้นยังพลิกไปซ้ายทีขวาที ไม่สามารถนอนนิ่งๆอยู่ในอิริยาบถเดิมได้
บนใบหน้าหวานปรากฏเหงื่อเม็ดเล็กๆ
ก่อนที่ทั้งร่างจะเด้งตัวขึ้นนั่งทั้งที่ตายังปิดอยู่
มือเรียวยกขึ้นเกาศีรษะที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง คิ้วของเจ้าตัวขมวดยุ่ง...
ปวดฉี่... ทำไมต้องมาปวดเอาในเวลาแบบนี้ด้วย... กวนใจชะมัดเลย
ปลายเท้าคู่นั้นเดินโซซัดโซเซออกไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่
อากาศหนาวๆแบบนี้ทำให้เขาต้องเผลอสั่นกล้ามเนื้อไปตาม
โครงสร้างของบ้านหลังนี้ก็ดันสร้างห้องน้ำแยกเอาไว้ข้างนอกซะด้วย
จึงจำเป็นต้องเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน บรรยากาศยามค่ำคืนของภายนอกในเวลานี้มีดวงจันทร์เต็มดวงที่ดูจะใหญ่ผิดปกติคอยให้แสงสว่างได้อย่างดี...
ใช้เวลาเพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็เดินกลับเข้าสู่บ้านตามเดิม
การได้ปลดปล่อยปัสสาวะทำให้เขาสบายตัวขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันสมองที่สะลึมสะลือก็ค่อยสร่างความง่วงงุนลงเล็กน้อย
ดวงตากลมโตทอดมองเห็นเงารางๆของคนตัวสูงผ่านทางประตูบ้านที่เปิดเอาไว้อยู่
และคิดว่านั่นคงเป็นพี่ชายทั้งสองจึงเดินกลับไปโดยไม่ได้กังวลอะไร...
“ ฮ้าว... เอสกับซาโบ พวกนายยังไม่นอนกันงั้นหรอ? ” พอได้เห็นใบหน้าชัดเจนก็ทักทายขึ้นตามความคุ้นเคย
“ อ้อใช่... ที่จริงมันยังไม่ใช่เวลานอนของพวกฉันน่ะ ” เอสตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนที่สายลมเย็นๆจะพัดผ่านมาอีกรอบจนเด็กหนุ่มต้องกระชับผ้าคลุมที่สวมเอาไว้ตลอดเวลาเข้าหากันมากขึ้น
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่โดนชักชวนให้เข้าในกระท่อมที่อบอุ่นกว่า
เอ... เมื่อกี๊มันมีอะไรที่แปลกไปหรือเปล่านะ...
พอคิดได้แบบนั้น ลูฟี่ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมใบหน้าครุ่นคิด
พยายามใช้ความคิดดูว่ามันมีอะไรที่ไม่คุ้นเคยหรือเปล่า
ในขณะที่กำลังเดินกลับสู่เตียงนอนเพื่อพักผ่อนต่อ
สายตาของเด็กหนุ่มก็พลันมองเห็นบางสิ่งที่แขวนติดกับผนังเอาไว้...
เอ๊ะ... นั่นมันหมวกของทั้งเอสและซาโบนี่นา!
หมายความว่าเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้ใส่หมวกเอาไว้สินะ... จะว่าไปก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขาตอนถอดหมวกเลยนี่นา...
ดวงตาคู่สวยมองกลับไปยังร่างของพี่ชายทั้งคู่
ซึ่งในเวลานี้กำลังยืนมองเด็กหนุ่มอยู่ไม่ห่าง พวกเขายืนนิ่งเหมือนกำลังรอให้ลูฟี่หันกลับไปมอง
ทั้งเอสและซาโบที่ไม่ได้สวมหมวกปีกกว้างเอาไว้
เผยให้เห็นทรงผมหยักศกที่ซ่อนเอาไว้ใต้หมวกตลอดเวลา
และนั่นทำให้เด็กหนุ่มต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ...
นั่นน่ะ...ทำไมกันล่ะ...
“ นี่ลูฟี่... พวกฉันตัดสินใจว่าจะไม่ให้นายกลับไปแล้วล่ะ ” เป็นซาโบที่เอ่ยประโยคนั้นขึ้นมา คราวนี้ใบหน้าคมคายของเขากับนิ่งสนิท
ในขณะเดียวกันที่แววตาไม่ล้อเล่นของเขาจ้องมาที่เด็กหนุ่มอย่างนิ่งสงบจนลูฟี่อดรู้สึกตกใจขึ้นมาไม่ได้
ไม่ให้กลับไป... หมายความว่ายังไง? แล้วสัญญาที่ให้ไว้นั่นล่ะ...!
“ พวกนายโกหกนี่นา! ทำไมกันล่ะ..? พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!
”
เด็กหนุ่มเริ่มโวยวาย
อุตส่าห์เชื่อใจว่าพวกเขาจะเป็นคนที่พากลับบ้านได้ทั้งทีเลยนะ... ในสถานที่ที่ไม่รู้จักอะไรซักอย่างแบบนี้
ที่พึ่งมีแต่เอสและซาโบเท่านั้น... ใบหน้าคมคายของเอสเผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่พยายามจะทำให้รู้สึกสบายใจ... แต่ในเวลานี้ลูฟี่ไม่รู้สึกแบบนั้นเลย
“ ไม่เอาน่า... บ้านของนายก็อยู่ที่นี่ไงลูฟี่ ”
ไม่ใช่... ถึงจะอยู่แล้วรู้สึกมีความสุขกับมัน... แต่มันก็ไม่คุ้นเคย
ที่นี่ยังไม่ใช่ที่ของเขาเลย...
“ แล้วก็โตเกียวอะไรนั่น... พวกเราไม่รู้จักหรอกนะ ”
ซาโบพูดต่อกัน ถึงแม้ใบหน้าคมคายนั้นจะคงรอยยิ้มเอาไว้
แต่มันก็ไม่จริงใจเลย... มันต่างไปจากพี่ชายที่ยิ้มแย้มที่พวกเขาเคยสร้างให้ลูฟี่เห็นมาโดยตลอด
เจ้าของร่างเล็กยืนมองพี่ชายทั้งสองคนนิ่งๆ ในเวลานี้เขารู้สึกไม่ดีเอาซะเลย... ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองไปเหนือศีรษะของพี่ชายทั้งสอง
บนนั้นมีบางสิ่งแหลมๆที่งอกออกมา มันดูนุ่มนิ่มและมีทั้งขนสีเดียวกันกับเส้นผมปกคลุมอยู่
เอสที่ในเวลานี้กลับสวมใส่แค่กางเกงกับรองเท้า ทั้งที่อากาศมันหนาวแบบนี้
เพราะเขามีปัจจัยบางอย่างที่แม้อากาศหนาวก็ทำอะไรไม่ได้...
พวกเขาหลอกลวงมาโดยตลอด...
“ นี่... ทำไมพวกนายถึงได้มีหูตรงนั้นด้วยล่ะ? ” มันงอกออกมาจากกลางหัว
เป็นหูของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทสุนัขถ้าเด็กหนุ่มไม่ได้มองผิดไป... เอสเป็นคนตอบคำถามนั้นกลับมาด้วยท่าทางไม่ยี่หระ
“ หืม...นี่น่ะหรอ? เป็นเรื่องปกติของเมืองนี้อยู่แล้วนะ
ไม่ว่าใครก็มีหูแบบนี้กันทั้งนั้น ” มือเรียวยกขึ้นสัมผัสหูสีดำข้างหนึ่งของตน
พับมันเล่นด้วยส่วนนั้นมีส่วนประกอบเป็นเพียงกระดูกอ่อนๆเท่านั้น
“ งั้นหรอ...
”
ใครจะไปเชื่อล่ะ...ก็พวกนายพอฉันตรงมากลางป่าเลยนี่นา
“ แล้วทำไมพวกนายถึงมีเขี้ยวที่แหลมคมแบบนั้นล่ะ...?
”
“ ...ของแบบนี้มีเอาไว้เคี้ยวอาหารได้สะดวกๆยังไงล่ะ ” ซาโบตอบคำถามแทน ลูฟี่ไม่รู้ว่าพวกเขาไปเอาเขี้ยวแบบนั้นมาจากไหน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันยังคงเป็นฟันเรียบๆแบบมนุษย์ทั่วไปอยู่เลย
จะเกี่ยวข้องกับพระจันทร์เต็มดวงนั่นหรือเปล่านะ...
ทำไมคนที่บอกว่าอยากเป็นพี่น้องกับเขาในเวลาแบบนี้ช่างไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย... ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่กำลังแกว่งไปมาเบาๆอยู่บริเวณเอวกางเกงด้านหลังของพวกเขา
มันเป็นพวกขนท่าทางนุ่มนิ่ม มองดูแล้วก็น่าสัมผัสดีอยู่หรอก...
“ แล้วหางนั่นล่ะ... ทำไมพวกนายถึงมีมันด้วยล่ะ? ”
แต่พอรวมกับองค์ประกอบทุกอย่างแล้วมันทำให้ดูน่ากลัวขึ้นมาทันตา...
เอสกับซาโบหันหน้าไปมองกันโดยอัตโนมัติ
พวกเขาส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน
สุดท้ายเรื่องราวมันก็ได้ดำเนินมาสู่ขีดจำกัดเสียแล้ว
ใบหน้าคมคายทั้งคู่หันมามองเจ้าหญิงน้อยตรงหน้า น้ำเสียงทุ้มทั้งสองโทนเอ่ยขึ้นพร้อมกันโดยไม่จำเป็นต้องนัดหมายอะไร...
“ เพราะพวกเราคือหมาป่ายังไงล่ะ...!
”
โดยนิสัยแล้วลูฟี่ดันเป็นคนประเภทไม่กลัวอะไรซักอย่างเสียด้วยสิ...
เด็กหนุ่มเพียงแค่มองพวกเขาทั้งคู่อยู่นิ่งๆเท่านั้น
ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามันไม่ใช่ความหวาดกลัว... แต่เป็นความผิดหวังซะมากกว่า
พวกเขาหลอกตัวเองมาโดยตลอด...
“ ทำไมล่ะ... ฉันมีความสุขมากนะที่มีพวกนายเป็นพี่ชายน่ะ ”
ในโลกความจริงเขาไม่ได้หาโอกาสอะไรแบบนี้ได้ง่ายๆนักหรอกนะ... แต่พวกเขากลับกำลังทำลายมันลงไปซะอย่างนั้น
“ แต่ความรู้สึกที่ว่านายเป็นเหมือนน้องชายน่ะ... ฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ ” ซาโบเอ่ยประโยคนั้นพร้อมรอยยิ้ม
แต่หลังจากนั้นเอสก็เดินเข้ามา ก่อนจะจับปลายคางของเด็กหนุ่มและเชยมันขึ้น
ดวงตาสีดำสนิทเช่นเดียวกับลูฟี่กำลังมองสำรวจที่ใบหน้าหวานพร้อมรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ
“ สนใจจะเป็นอาหารของพวกฉันได้หรือยัง ...อยากจะกินนายเข้าไปทั้งตัวจะแย่อยู่แล้ว ”
เด็กหนุ่มก็อยากจะตะโกนกลับไปเหมือนกัน... ว่าไม่มีพี่ชายคนไหนที่คิดจะกินน้องชายตัวเองแบบนี้หรอกนะ!
ลูฟี่อาศัยจังหวะนั้นปัดมือของเอสออก ปลายเท้าทั้งคู่พาร่างหลบออกไป
ผลักประตูออกจากกระท่อมหลังนั้นอย่างรวดเร็ว
แต่ดูเหมือนสองชายหนุ่มจะไม่ได้นิ่งนอนใจ
เร่งฝีเท้าตามมาจนเด็กหนุ่มอดจะร้องเหวอออกมาไม่ได้
“ อย่าตามมานะ! ฉันจะกลับไปด้วยตัวเอง ไม่ไว้ใจพวกนายอีกแล้ว! ” มือเรียวขยับผ้าคลุมสีแดงขึ้นปิดศีรษะ
อากาศที่หนาวเย็นแบบนี้ทำให้การหลบหนีมันบวกเพิ่มความทรมานเข้าไปด้วย
พวกหมาป่าน่ะมีจมูกดียิ่งกว่าอะไร...จะต้องหนีไปไกลแค่ไหนกัน
คนพวกนี้ถึงจะตามหาเขาไม่เจอ
“ นายมันก็แค่ลูกแกะตัวน้อย
ที่จะมาเป็นอาหารของหมาป่าผู้หิวโหยอย่างพวกเรายังไงล่ะ... ” เสียงซาโบที่พูดขึ้นไล่หลัง อดทำให้ลูฟี่รู้สึกเคืองขึ้นมาไม่ได้
ฉันอยู่กับพวกนายเพื่อเป็นอาหารเท่านั้นน่ะหรอ... จะไม่ยอมให้โดนจับง่ายๆหรอกนะ
ปลายเท้าคู่นี้จะออกวิ่งไปเรื่อยๆ... ถ้าไม่เหนื่อยที่จะวิ่งตามก็ตามมาเลย
“ นายก็ลองคิดดูสิ... หมาป่ากับลูกแกะ ...สิ่งมีชีวิตชนิดไหนจะวิ่งเร็วกว่ากันนะ ” เสียงเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้กลับมีเสียงลมพัดโกรกยามวิกาลที่เข้ามาร่วมด้วย
ปลายเท้าเล็กๆคู่นั้นพยายามเร่งหนีหมาป่าหนุ่มทั้งคู่ให้เร็วที่สุด
ต้นไม้โดยรอบที่พอมองเห็นจากแสงจันทร์เริ่มเพิ่มความรกทึบมากกว่าเดิม
เขาคงจะหลุดมาในส่วนป่าที่ลึกกว่าเดิมแล้วแน่ๆ
วูม...
เป็นอีกครั้งที่ลมหนาวพัดโกรกผ่านร่างของเด็กหนุ่ม
ต่างออกไปก็ตรงคราวนี้ที่มันเพิ่มความรุนแรงเข้าไปอย่างน่าประหลาด
ลูฟี่ต้องคว้าผ้าคลุมสีแดงเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันหลุดปลิวไปพร้อมกับสายลม
เสียงของยอดไม้ที่เสียดสีกันดังขึ้นเป็นระรอก ที่จริงมันก็ไม่ได้ถึงกับหนาวเหน็บอะไรมากมาย... แต่ลมที่พัดผ่านผิวหนังแบบนี้ก็ทำให้ตัวสั่นไปทั้งตัว
เป็นแบบนั้นอยู่เพียงระยะหนึ่ง สายลมเหล่านั้นก็สงบไป
เหมือนต้องการเพียงแค่แวะมาทักทายและจากไปเฉยๆเท่านั้น...
ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ปลิวพัดผ่านใบหน้า
และค่อยๆร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างเชื่องช้า...
มันมีเพียงแต่ความเงียบเชียบเท่านั้นที่เหลืออยู่... เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามมาหายไปแล้ว...
ลูฟี่ตวัดมองทั้งซ้ายและขวา
ดูเหมือนที่นี่จะมีเพียงเขากับต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นรกทึบหลงเหลือไว้เท่านั้น... ไร้วี่แววของผู้ล่า
ไร้เสียงกรอบแกรบยามที่ปลายเท้าสัมผัสกับพื้น ทำให้เด็กหนุ่มรู้ตัวได้ว่า
สองหมาป่านั้นได้หายไปแล้ว
หลุดเข้ามาในที่ใหม่อีกแล้วหรือเปล่านะ... แถมยังหนาวกว่าเดิมด้วยอีกต่างหาก...
เพราะความจริงแล้ว... คำหลอกลวงเหล่านั้นคือคำพูดของคุณหมาป่า
นี่...ทำไมถึงมีหูแหลมๆแบบนั้น ...ทำไมถึงมีฟันแหลมคม และพวงหางท่าทางนุ่มนิ่มแบบนั้นล่ะ...?
ก็เพราะว่าเป็นหมาป่ายังไงล่ะ... พวกเรารอคุณลูกแกะแบบเธอมาตั้งนานแล้วนะ
น่าเสียดายที่เธอดันรีบหนีไปซะก่อนน่ะสิ...
ความคิดเห็น