คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Panthera & The rose garden(1) (Part3)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 3/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพียงแค่ความผิดปกติเล็กน้อย... ใช่จะไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น
เวลาแห่งโชคชะตาได้เวียนมาถึง... หลอกตัวเองมาตลอดว่ามันไม่เคยมีจริง
แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่สายตาได้บรรจบกันนั้น...
ก็ทำให้มั่นใจ... ว่าคำสาปแห่งอสูรผู้นี้ได้กำลังพังทลายลงแล้ว
“ นี่นาย จะพาฉันไปไหนน่ะ!”
เพราะเหตุผลใด... จึงยอมรับข้อแลกเปลี่ยนอันสุดแสนจะเอาแต่ใจตนของเขาได้
บางทีก็นึกขำไปกับอำนาจอันไร้เหตุผลของตน... อะไรๆมันดูง่ายดายจนน่าแปลกใจ
“ ปล่อยก่อนได้มั๊ย ฉันเจ็บ! ”
เสียงเล็กยังคงร้องประท้วงออกมาเรื่อยๆ เมื่อข้อมือเล็กที่โดนครอบครองถูกมือของคนตัวสูงกว่าบีบแรงจนเกินไป
ใบหน้าหวานแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาอย่างไม่ปกปิด
แต่ดูเหมือนชายร่างสูงคนนี้จะไม่ได้ฟังเขาเลยซักนิด
เสียงนั้นยังคงออกคำสั่งคนตัวสูงไปอย่างไม่รู้ตัว...
ร่างเล็กถูกลากให้เดินตามไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมากนัก
รอบข้างเริ่มรายล้อมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดที่ลูฟี่รู้สึกไม่คุ้นตา
ปราสาทหลังใหญ่กับป่ารกทึบ
ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่น่าจะใช่โลกเดียวกับเมืองก่อนหน้านี้แน่ๆ
ถึงจะไม่ค่อยอยากเชื่อลางสังหรณ์ตัวเอง... แต่เขาก็ควรจะคิดได้แล้ว ว่าตัวเองได้เผลอหลุดเข้ามาในที่แปลกๆเข้าแล้ว
จะด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน...
การต้อนรับกับพฤติกรรมแปลกๆของคนที่นี่ ไหนจะผู้ชายตรงหน้าเขาอีก
รู้สึกเหมือนกำลังจัดลำดับความคิดไม่ทัน
ขายาวๆนั่นเอาแต่มุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ได้สนใจเขาที่แทบจะต้องวิ่งตาม
ผมสีรัตติกาลหยักศกที่ยาวประบ่าถูกปล่อยสยายลงมา
ถูกสวมทับด้วยหมวกทรงสูงหน้าตาประหลาดๆอีกที
ใบหน้าคมกับสายตาดุดุจพญาราชสีห์ดูเรียบนิ่ง ไม่แยแสกับสิ่งใด
ร่างกายสูงใหญ่สวมทับไปด้วยผ้าคลุมสีน้ำตาลที่มีขนเฟอร์เล็กน้อย
ชายที่โดนเรียกว่าอสูรอยู่หลายรอบ
ซึ่งลูฟี่ก็เป็นอีกคนที่จะไม่ปฏิเสธคำพูดเหล่านั้น
ว่าคนๆนี้เหมือนกับเสือหรืออะไรทำนองนั้นในร่างมนุษย์จริงๆ...
ปลายเท้าของคนตัวสูงได้หยุดลงเมื่อภาพเบื้องหน้าคือพาหนะโดยสารที่มีรูปร่างคล้ายกับกล่องเล็กๆ
ส่วนด้านหน้ามีม้าสำหรับลากอีกสองตัว ลูฟี่คิดว่าสิ่งนั้นคงจะเป็นรถม้าแน่ๆ
ที่น่าแปลกคือของแบบนั้นมันควรจะมีอยู่แค่ในยุโรปเมื่อประมาณหลายร้อยปีที่แล้วไม่ใช่หรือไง
แต่เรื่องที่น่าตกใจกว่านั้น... ที่นี่ไม่มีรถยนต์
ไม่มีรถไฟ ไม่มีแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าไฟฟ้าอยู่เลย...
ไม่นานนักข้อมือเล็กก็ถูกคลายพันธนาการออก
ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นเป็นเวลาพักหนึ่ง
จนลูฟี่เริ่มรู้สึกได้ถึงดวงตาคมของคนนำทางที่จ้องเขม็งมาที่เขา
“ ขึ้นไปซะ... ” มีเพียงคำพูดสั้นๆที่ออกมาจากริมฝีปากนั้น
แถมยังเป็นคำสั่งอีกต่างหาก
ใบหน้าหวานแสดงอาการไม่เข้าใจออกมา
แต่ปลายเท้าก็ยอมก้าวไปข้างหน้าอย่างว่าง่าย
กระโปรงฟูฟ่องที่รุ่มร่ามทำให้คิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากันอย่างนึกขัดใจ
จะพยายามถกขึ้นหรือรวบขึ้นมายังไง
ตอนจะก้าวเท้าขึ้นรถม้ามันก็พลอยจะเหยียบชายกระโปรงอยู่ทุกที
“ ห...เหวอ! ”
อยู่ๆทั้งร่างก็ลอยหวือขึ้นมาจากพื้น
เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนออกคำสั่งอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว
แขนเรียวรีบหาที่ยึดเกาะด้วยความกลัวตกตามสัญชาตญาณ
ก่อนจะได้ทันสังเกตว่าตนเองนั้นอยู่ในสภาพใด
สีหน้าของคนตัวเล็กจึงค่อยๆเจื่อนลงอย่างรับไม่ได้
ให้ตายเถอะ... เกิดมาเป็นลูกผู้ชายทั้งที
แต่กลับโดนอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวแบบนี้นี่มันอะไรกัน...
ไม่สิ... เขาควรจะคิดได้ตั้งแต่ตอนโดนจับใส่กระโปรงแล้วนะ
ตุบ!
“ อั่ก... ”
ไม่มีการทะนุถนอมใดๆจากชายคนนี้
จะโชคดีหน่อยก็ตรงที่ดันเอาหน้าลงไปกับเบาะได้อย่างพอดิบพอดี
ลูฟี่ชันตัวขึ้นจากพื้นรถม้า ก่อนจะลูบจมูกตัวเองป้อยๆ
ใบหน้าน่ารักติดความไม่พอใจไว้เล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์หันกลับไปขอบคุณอสูรคนนั้นทั้งปลายจมูกแดงแจ๋...
“ อ...เอ่อ ขอบใจนะ
ถึงวิธีพาเข้ามาจะแปลกๆไปหน่อยก็เถอะ...` ”
และสิ่งนั้นทำให้ชายร่างสูงที่กำลังก้าวมาอีกคนต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจในความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำขอบคุณนั้น ...ทั้งที่เมื่อครู่ยังเอาแต่โวยวายมาตลอดทางอยู่แท้ๆ
ไม่นานนักบรรยากาศรอบตัวที่สามารถมองผ่านหน้าต่างได้ก็ค่อยๆเคลื่อนผ่านไป
เสียงของกลีบเท้าที่กระทบกับพื้นเป็นจังหวะเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีว่าการเดินทางได้เริ่มต้นขึ้น
โดยที่คนตัวเล็กไม่ได้ทันสังเกตความผิดปกติ
อย่างการที่รถม้าขับเคลื่อนไปเองได้โดยไม่มีคนควบคุมแม้แต่น้อย...
ดวงตากลมโตเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ชมทิวทัศน์ภายนอกที่เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆด้วยความสนใจ ...โดยลืมไปเสียสนิทว่าตนไม่รู้ถึงปลายทางที่รถม้าคันนี้จะพาไป... มีเพียงสิ่งเดียวที่ทราบได้โดยสัญชาตญาณ
คือที่นี่คงจะไม่ใช่ญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
ดวงตาคมสีอำพันของคนตัวสูงกว่าจ้องมองการกระทำนั้นเพียงเงียบๆโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว
เขาที่รู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นเด็กหนุ่มที่สวมชุดฟูฟ่องเท่านั้น
รู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่นเลยแม้แต่นิด...
...แต่ก็ไม่อาจละสายตาออกไปจากร่างนั้นได้เลย
ถึงจะไม่ได้พิเศษอะไร... แต่กลับมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด
ราวกับว่า... เขารอคอยคนๆนี้มานานเหลือเกิน...
คงจะถึงเวลาแห่งโชคชะตานั้นแล้ว... จึงได้เข้าใจว่าความรู้สึกห่วงหานั้นเป็นเช่นไร …แต่เพราะทิฐิแห่งอสูรยังคงอยู่สูงกว่าความรู้สึกใดๆทั้งปวง... อสูรเช่นเขาจะมีสิ่งที่เรียกว่า'ความรัก'เช่นคนอื่นได้ด้วยอย่างนั้นหรือ...
ไม่เลย...มันผิดพลาดตั้งแต่การพาตัวเด็กคนนี้มาทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ยินดีแล้ว...
ก่อนที่แรงสั่นสะเทือนของรถม้าจะหยุดลง
ภาพที่มองเห็นได้จากหน้าต่างคือปราสาทขนาดใหญ่ยักษ์ที่ล้อมรอบไปด้วยมวลดอกไม้
บรรยากาศแห่งความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุม
ก่อนที่ลูฟี่จะต้องตกใจกับสายตาของใครอีกคนในรถม้าคันเดียวกัน
...ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่วางสายตา
พอรู้ตัว เจ้าของในหน้าคมดุจดั่งพยัคฆ์ก็รีบเบนสายตาออกไปนิ่งๆ
เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ประตูถูกเปิดออก ร่างนั้นก้าวออกไป
และเอื้อมมือมารับร่างเล็กที่กำลังเดินตามออกมาอย่างลืมตัว
มือบอบบางวางประสานลงบนฝ่ามือใหญ่อย่างเก้อเขินแบบบอกไม่ถูก
ปลายเท้าทั้งคู่ลงมาสู่พื้นดินได้อย่างปลอดภัย ก่อนมีแรงดึงเบาๆจากคนตรงหน้า
เหมือนบอกเป็นนัยๆว่าให้เดินตามมา
พอถูกปฏิบัติเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงแบบนี้แล้วก็ไปไม่เป็นเหมือนกันแฮะ...
ช่วยไม่ได้... จะโทษก็โทษที่ชุดที่แสนรุ่มร่ามของเจ้าคนหน้าโหดหัวหงอนไก่นั่นก็แล้วกัน...
รีบสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป
ดวงตากลมโตสีดำกวาดมองไปยังทัศนียภาพเบื้องหน้า ก่อนจะร้อง 'ว้าว' ออกมาด้วยความตื่นเต้น
ริมฝีปากบางกำลังเผยรอยยิ้มกว้าง
จ้องมองใบหน้าของชายที่กุมมือเขากับภาพตรงหน้าสลับกันไปมาด้วยความแปลกใจ
ปราสาทใหญ่ยักษ์เหมือนดั่งในเทพนิยายที่เคยฟังมาสมัยเด็ก
ดูเก่าแก่ชวนให้รู้สึกน่ากลัวอยู่บ้าง
แต่บริเวณโดยรอบกลับล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบหลากสี เบ่งบานประชันความงาม
สายลมเบาบางที่พัดผ่านใบหน้าทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของกุหลาบที่แสนอ่อนโยน
น่าแปลกใจ... คนๆนี้เป็นเจ้าของสถานที่ที่งดงามเช่นนี้งั้นหรือ
“ สวยชะมัดเลยน้า... นี่บ้านของนายงั้นหรอ
”
เสียงเล็กพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกไปทันที
เรียกให้สายตาคมกริบของคนสวมหมวกทรงสูงเลื่อนมามองด้วยแฝงความหมายบางอย่าง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีคำตอบใดๆตอบกลับมา
ตั้งแต่ลงมาจากรถม้าได้ก็เอาแต่พูดจ้อไม่หยุดเหมือนเคย... อยากจะนึกรำคาญแต่ทำไมในใจกลับทำไม่ลง
ดวงตาคมทอดสายตามองภาพเบื้องหน้า ปราสาทที่น่าขนลุก
ปราสาทที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ...ไม่แปลกใจนักกับคำชมเหล่านั้น
ผู้คนมักจะพูดชมแต่สิ่งที่ประดับอยู่ภายนอก โดยลืมคำนึงถึงคุณค่าที่แท้จริงของมัน
สวนกุหลาบแสนงดงามเป็นเพียงสิ่งประดับเท่านั้น... ล้อมรอบปราสาทที่แสนน่าขนลุกให้ดูจืดจางไป ...สถานที่นี้คือที่อยู่ของอสูรที่แสนน่ากลัว... บุคคลที่รู้ความจริงข้อนั้นต่างก็ตีห่าง หวาดกลัวในอำนาจของเขา
และไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามาที่นี่
...เป็นเหมือนดั่งคำสาป
แม้แต่คนที่เดินตามหลังเขามา... ไม่นานนักก็คงต้องรู้ความจริงข้อนั้น
“ ที่นี่สุดยอดไปเลย... ฉันล่ะชอบชะมัดเลยน้า ”
เสียงเล็กพูดแทรกขึ้นมาได้อย่างถูกจังหวะ ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มกว้าง
ดูเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัวดังที่กล่าว
“ โอ๊ย! ”
ส่งผลให้มือหนาเผลอกำข้อมือบอบบางของลูฟี่แน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
คิ้วเรียวของคนตัวสูงขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
...เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลย
คิดว่าพูดแบบนั้นแล้วเขาจะยอมปล่อยตนเป็นอิสระอย่างนั้นหรือ...
ไม่ว่าใครก็ต่างรังเกียจที่นี่... รังเกียจไปทั้งตัวเขาด้วย
แต่รอยยิ้มของเจ้าเด็กนี่มัน...
“ เจ้าโกหก ”
รอยยิ้มนั่นมันดูเหมือนจะแสดงความจริงใจออกมาอย่างไม่ปกปิด....
ไม่สบอารมณ์เลย... ทำไมกัน
ทำไมถึงจับโกหกจากเจ้าเด็กนี่ไม่ได้เลย...
“ หือ...? ” คนตัวเล็กนิ่วหน้าเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจนัก
เขาทำผิดอะไรตรงไหนอีกงั้นหรือ...?
ปลายเท้าของทั้งคู่ก้าวผ่านทางเดินยาวที่ทอดสู่ปราสาท
อารมณ์ที่พอจะดูออกว่ากำลังครุกครุ่นของอีกฝ่าย
ทำให้ลูฟี่ที่รู้สึกเจ็บข้อมือไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกไป ...ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน บทจะนิ่งก็นิ่งสนิทไปซะเฉยๆ
ตุบ!
“ เหวอ! ”
เป็นรอบที่สองของวัน
ที่อยู่ๆก็โดนโยนลงพื้นแบบไม่ได้ทันตั้งตัวแบบนี้...
พอมาถึงหน้าประตูปราสาทได้ เจ้าของใบหน้าคมก็ผลักตัวเขาลงไปกับพื้น
สายตาคมกริบที่ซ่อนความหมายบางอย่าง จ้องมาที่เขาเพียงชั่วขณะหนึ่ง
ก่อนที่แขนแกร่งทั้งสองข้างจะผลักประตูไม้ท่าทางแข็งแรงเข้าไป ...แล้วเดินนำเข้าไปทั้งอย่างนั้น โดยไม่มีการกระชากข้อมือให้เดินตามเข้ามาอีก
“ จงจำเอาไว้... เจ้ามาที่นี่ในฐานะสิ่งชำระหนี้เท่านั้น
อย่าได้ทำตัวสนิทสนมกับข้าให้มากนัก ” บทสนทนายาวเหยียดเพิ่งถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มเป็นครั้งแรก
เสื้อคลุมที่มีขนเฟอร์ถูกสะบัดออก
โยนมาอยู่ตรงหน้าของคนที่กำลังนั่งลำดับเหตุการณ์ที่พื้นด้วยความไม่เข้าใจอย่างพอดิบพอดี
ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเด็กนี่...
ไม่รู้จักแม้แต่วิธีปฏิบัติที่อ่อนโยนต่อผู้อื่น
เพราะเป็นอสูรที่ไร้หัวใจ...
“ อีกเดี๋ยวจะได้เวลาอาบน้ำของข้า... เจ้าจงไปเตรียมห้องอาบน้ำให้ข้าให้เรียบร้อยซะ ” ออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ ก่อนที่ทั้งร่างจะก้าวหายไปในความมืดของปราสาท
แต่ถึงจะพูดจาโหดร้ายเช่นนั้นไป... ถึงจะออกคำสั่งเช่นนั้นไป...
ในขณะเดียวกัน หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้นานแสนนาน ...กลับค่อยๆมีจังหวะการเต้นกลับมาอีกครั้ง
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...
“ อะไรของหมอนั่นกันนะ... ”
ลูฟี่มุ่ยหน้าเข้าหากันด้วยความขัดใจ
มือเล็กรวบเสื้อคลุมนั้นเข้ามาไว้ในมืออย่างงงๆ
ก่อนที่ริมฝีปากบางจะส่งเสียงหัวเราะชิชิออกมา เมื่อเจ้าตัวดันได้ไอเดียใหม่ๆ
แขนเล็กวาดเสื้อคลุมขนเฟอร์ขึ้นมาวางบนไหล่ตัวเองก่อนยกยิ้มภูมิใจ
...คิดมาซักพักแล้วล่ะว่าเสื้อคลุมนี่มันเท่ห์ชะมัดเลย
ทำไมถึงไม่มีใครเอาชุดแบบนี้มาให้เขาใส่บ้างนะ
เหมือนกับโดนสั่งให้ทำอะไรซักอย่าง... ไปเตรียมน้ำให้คนๆนั้นอาบงั้นหรอ
คนที่นี่เป็นอะไรกันหมด... ทำไมเขาจะต้องมาโดนออกคำสั่งอย่างนั้นอย่างนี้ตลอดเวลาด้วยนะ
คิดในใจไปอย่างนั้น แต่ร่างนั้นก็ค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น
ดวงตากลมโตกวาดมองซ้ายขวา
ปราสาทนี้มันกว้างเกินกว่าที่เขาจะรู้ได้ว่าห้องอาบน้ำไปทางไหน... แต่ทันใดนั้น ทั้งร่างก็พลันล้มพับลงไปนั่งในท่าเดิมอีกครั้ง
พร้อมๆกับสีหน้าที่พลันเปลี่ยนอารมณ์ไป
….อยู่ๆความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมา
ไม่มีแรงพอให้ร่างนั้นลุกขึ้นยืนโดยปกติได้เลย
“ เอ๊ะ...? ”
ทำไมกัน...?
อัพแล้วค่าาาาา
ลูฟี่โดนแย่งมาแล้ว ยังไงฟี่ก็เป็นของทุกคน จะอยู่กับคนใดคนนึงตลอดไปไม่ได้หรอกเนอะ(?)
จนแล้วจนรอดก็ยังไม่บอกชื่อพระเอกของตอนกันซะงั้น
ตอนแรกกะจะแต่งให้คูนี้เค้าSM ซักหน่อย ทำไมมันออกมาง้องแง้งอย่างนี้ก็ไม่รู้ค่ะTuT
เฮียเสือเอาแต่ใจเกินไปแล้ววว เหมือนเด็กเลยง่อออ
ลองมาเดาเล่นๆกันดูค่ะว่า เรื่องที่เรายกมาเขียนแต่ละคู่มาจากการ์ตูนเรื่องอะไรบ้าง?
ความคิดเห็น