ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #43 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Beginning of the tale(2) (Part2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.68K
      66
      14 มิ.ย. 65

    Title: Candied dream : Beginning of the tale (2)

    Pairing: All x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 2/20

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

















     

    ยินดีต้อนรับกลับขอรับ องค์หญิง "

      

    ฮะ...? "

      

         คนถูกเรียกได้แต่หันมองซ้ายขวาอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนที่เสียงเล็กๆนั้นจะบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆพอให้ได้ความว่า 'หมายถึงใคร'

      

              ครั้นพอคิดว่าตัวเองอาจจะหลงเข้ามาในที่แปลกๆเข้าแล้ว ปลายเท้าเล็กๆนั้นก็ยืดส่งร่างที่สูงน้อยกว่าคนตรงหน้าขึ้นมองบริเวณรอบๆ แต่สถานที่นั้นก็ยังไม่ห่างไกลไปจากคำว่าห้องโถงอยู่ดี

      

    " นี่นาย... "  ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองบุคคลนิรนามตรงหน้าหวังถามสิ่งที่กำลังสงสัย ชายในชุดพ่อบ้านขานรับอย่างรู้หน้าที่

      

    " ขอรับ..? "

      

    " ทางไปร้านอาหารอยู่ตรงไหนหรอ ...ฉันหิวแล้วล่ะ " คำถามกับใบหน้าอิดโรยของคนตัวเล็กทำเอาชายหนุ่มหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง

      

    รอมานานจริงๆ...

     

                เพราะคำสั่งให้รอคอยจนกว่าเจ้าหญิงจะมาถึงทำให้เขาไปไหนไม่ได้ จนบางครั้งนึกท้อใจว่าตนต้องรอไปตลอดกาลหรือเปล่า... มันช่างโดดเดี่ยวและเหน็บหนาวเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้

      

              ในที่สุดคนๆนี้ก็มาถึง... จะเรียกว่านี่คือสิ่งที่โชคชะตากำหนดมาให้ได้หรือเปล่า ใบหน้าที่ดูใสซื่อ ผิวขาวเนียนละเอียดกับดวงตากลมโตสีดำขลับเหมือนลูกกวางที่น่าหลงใหลอย่างน่าประหลาดนั่น ขนาดตัวเล็กบอบบางอย่างสังเกตได้ ถึงแม้จะกำลังสวมใส่เสื้อที่หลวมโคร่งอยู่ก็ตาม

      

    คนๆนี้... จะต้องเป็นเจ้าหญิงที่เฝ้ารอคอยไม่ผิดแน่

      

    ท่าทางน่ากดแบบนี้ไม่ผิดแน่...

      

    " หากท่านประสงค์จะเสวยอะไรซักหน่อยล่ะก็... ก่อนอื่นได้โปรดเปลี่ยนชุดก่อนเถิดขอรับ "

      

              ริมฝีปากของคนตัวสูงกว่ายังคงรอยยิ้มเอาไว้เช่นเดิม ในขณะที่ดวงตาคมสีน้ำตาลก็ไล่กวาดมองสภาพของเด็กหนุ่มตรงหน้า ยิ่งทำให้ลูฟี่รู้สึกงงงวยไปมากกว่าเดิม

      

    " แล้วทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วย...? "

      

    " แย่จังนะขอรับ...ใครเอาชุดสามัญชนเช่นนี้ให้ท่านใส่กันนะ เจ้าชายกำลังรออยู่ที่ห้องอาหารเสียด้วยสิ ”

      

              ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนที่มือเรียวจะดันหลังของคนตัวเล็กไปข้างหน้า ทำเอาใบหน้าหวานนั้นออกอาการเหวอๆขึ้นมาด้วยความตกใจ มือข้างหนึ่งของคนเป็นพ่อบ้านผายไปยังบานประตูบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าหลังจากเดินมาได้ระยะทางไม่มากนัก

      

    " เอาล่ะ... เรามาเปลี่ยนชุดกันเถอะขอรับ " ประตูถูกเปิดโดยคนๆนี้อีกครั้ง ลูฟี่ทำท่าทางลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยอมก้าวเข้าไปข้างในแม้ยังงุนงงอยู่

      

    " พูดจาอะไรวุ่นวายชะมัด... ทำไมในร้านอาหารแบบนี้ถึงมีเจ้าชายอยู่ได้นะ "

      

    มีอะไรที่ไม่เข้าใจตั้งมากมาย ทำไมถึงต้องเข้าไปเปลี่ยนชุดด้วยนะ... ธรรมเนียมของร้านหรือไงกัน?

     

               ภาพเบื้องหน้าคือห้องขนาดใหญ่ที่มีตู้เสื้อผ้าจัดเรียงอยู่เต็มไปหมด เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ รองเท้า ทุกอย่างถูกจัดเอาไว้เป็นหมวดๆอย่างมีระเบียบ แต่สิ่งที่ทำให้ของเหล่านั้นดูพิเศษขึ้นมา คงเป็นความระยิบระยับและอลังการเกินกว่าจะที่คนทั่วไปจะใส่ออกไปเดินนอกบ้านได้ อย่างเช่นสร้อยเพชรแสนอลังการ กับมงกุฎสีทองที่ประดับไปด้วยเพชรนิลจินดามากมายนั่น...

      

    นี่มันสถานที่แบบไหนกันแน่เนี่ย...? 

     

    " ท...ท่านท่านจริงๆด้วย" 

     

              แต่แล้วเสียงทุ้มหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะที่กำลังตื่นตาตื่นใจ ร่างของชายผู้นั้นแทรกตัวออกมาจากหลืบตู้ด้วยท่าทางตื่นเต้น ใบหน้าของเขาดูจะโหดร้ายกว่าท่าทางที่แสดงออกมาพอสมควร ผมสีเขียวสว่างถูกเซ็ตให้เรียบไปด้านหลัง จะเว้นก็แต่ตรงกลางศีรษะที่ตั้งขึ้นจนลูฟี่รู้สึกว่ามันคล้ายกับหงอนไก่

     

               ร่างใหญ่สวมเสื้อคลุมสีม่วงแดงมีขนเฟอร์ กับกางเกงลายตารางสีแปลกๆ ซึ่งรวมๆกันแล้ว คนๆนี้ดูน่ากลัวมากกว่าน่าทำความรู้จักเสียอีก... 

     

    " ในที่สุดท่านก็มาแล้ว น่ายินดีเหลือเกิน... " น้ำตาเอ่อล้นจากดวงตาของชายคนนั้นเป็นทางพร้อมๆกับเสียงสะอื้น ใบหน้าโหดขึ้นสีแดงแจ๋ กับสายตาที่เหมือนจะเปล่งประกายได้อยู่รอมร่อ 

     

    กำลังซาบซึ้ง ตื้นตันอย่างถึงขีดสุด... 

     

    " หมอนั่นเป็นอะไรน่ะ "  กลายเป็นลูฟี่ที่ต้องหันไปถามคนผมชมพูข้างๆกันด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ 

     

              ผู้ชายผมเขียวบ่นงึมงัมอะไรบางอย่างกับตัวเองซักพัก แล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่ดูจะใหม่กว่าตู้อื่น มือของเขาคว้าประตูตู้ออก สิ่งของที่อยู่ข้างในทำเอาดวงตากลมโตของลูฟี่ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ 

     

    กระโปรง... ทำไมมีแต่กระโปรงฟูฟ่องเต็มไปหมดเลย! 

     

    " ดูเหมือนนี่จะใหญ่ไปซักหน่อย " เขาเดินเอากระโปรงแสนอลังการนั้นมาทาบกับร่างบอบบางด้วยใบหน้าติดเขิน น่าเสียดายที่ขนาดมันใหญ่เกินไป จึงหันกลับไปเลือกชุดอื่นต่อโดยไม่ได้สนใจสีหน้าแตกตื่นของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย 

     

    " ด..เดี๋ยวสิ อะไรของพวกนายเนี่ยที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารหรือไง " พอเห็นท่าไม่ดี เสียงเล็กก็เริ่มโวยวายขึ้น หันมองซ้ายขวา จนกระทั่งสายตาไปหยุดยังที่พึ่งที่ดูจะมีประโยชน์สุดในเวลานี้อย่างพ่อบ้านคนเก่าคนเดิม 

     

    ไม่มีร้านอาหารที่ไหนเขาเอาชุดเจ้าหญิงให้ลูกค้าใส่หรอกนะ! ...เขาดันซื่อบื้อเองที่ความรู้สึกช้าเกินไป 

     

    และสิ่งที่ตอบกลับมาจากพ่อบ้านคนนั้นก็เป็นเพียงรอยยิ้มพิมพ์ใจ ซึ่งดูจะพอใจกับท่าทางของคนตัวเล็กไม่น้อย 

     

    " ไม่ใช่ขอรับ " 

     

    " ว่าไงนะ" ใบหน้าหวานแสดงความตกใจออกมาอย่างไม่ปกปิด ควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อหยิบขึ้นมาดูเวลาอย่างเอาเป็นเอาตาย มีหวังวันนี้คนชื่อลูฟี่จะได้ชะตาขาดในไม่ช้าแน่ ยิ่งแย่ขึ้นไปอีกเมื่อแบตเตอรี่เจ้ากรรมดันมาหมดเอาในเวลานี้ซะได้ 

     

    ซวยจริงๆเลย...ลูฟี่ 

     

    " ฉันจะไปแล้ว ถ้าผิดนัดฉันต้องแย่แน่ๆ" 

     

              สายตามองไปยังประตูบานเดิมที่เคยผ่านเข้ามา มีแต่ต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิมเท่านั้น ปลายเท้าทั้งคู่จึงรีบเร่งความเร็วออกไปโดยไม่ลังเล แต่แล้วร่างบางก็ลอยหวือกลับมาที่เดิมพร้อมกับใบหน้าเหวอๆ ด้วยแรงกระชากจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง 

     

    " เดี๋ยวสิขอรับ... ผมคงให้ท่านออกไปในชุดนั้นไม่ได้ " 

     

              เสียงนุ่มพูดขึ้นตรงหน้า แขนที่ไม่ได้มีกล้ามเนื้ออะไรมากมาย แต่ก็แข็งแรงพอที่จะโอบร่างเล็กๆนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนได้ทั้งหมด ระยะห่างเพียงแสนสั้น ใบหน้าที่ใกล้กันจนมองเห็นรายละเอียดของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน  

     

    ใกล้เกินไปแล้ว... แถมคนอย่างเขายังมาโดนผู้ชายด้วยกันกอดอีก... 

     

    " เปลี่ยนชุดก่อนสิขอรับ... แล้วผมจะพาท่านไปยังห้องอาหาร " ใบหน้าคมติดน่ารักเผยรอยยิ้มกว้าง ทั้งท่ายืนแปลกๆ ทั้งรอยยิ้มนั่น ต่อให้เป็นคนอย่างลูฟี่ก็ต้องมีความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาบ้าง ในช่วงเวลาที่กำลังป้ำๆเป๋อๆจึงเผลอตอบตกลงไปโดยไม่รู้ตัว 

     

    " อ..อื้อ ...ก็ได้ " ก่อนจะใช้มือเล็กทั้งสองข้างผลักอกของคนเป็นพ่อบ้านออกไปเบาๆ 

     

             กระโปรงลูกไม้ฟูฟ่องสีม่วงอ่อนสวมใส่ไปบนร่างบอบบางนั้นได้อย่างพอดิบพอดี แขนทั้งสองข้างพองออกเหมือนชุดตุ๊กตา บริเวณปกเสื้อและเอวประดับไปด้วยโบว์หลากหลายขนาด ขับให้ใบหน้าและผิวพรรณที่ดูน่ารักอยู่แล้วยิ่งดูหวานมากขึ้นไปกว่าเดิม ...เหมือนกับตุ๊กตาไม่มีผิด 

     

              มือของชายหน้าโหดที่กำลังใส่ชุดให้สั่นเป็นเจ้าเข้า ใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการรูดซิปชุดนั้นขึ้น ผิวของเด็กหนุ่มที่เนียนนุ่มและขาวขนาดนั้น ทำเอาสติสตางค์ของเขาแทบไม่อยู่กับตัว 

     

    " นี่... ฉันไม่ชอบชุดนี้อ่ะ ไม่ใส่ได้มั๊ย " เสียงเล็กถามขึ้นพร้อมใบหน้าติดขยาด  

     

    " ไม่ได้ขอรับ " เจ้าของทรงผมหงอนไก่ที่ยังคงรูดซิปไม่เสร็จตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม 

     

    และนั่นก็ทำให้ใบหน้าหวานต้องมู่เข้าหากันด้วยความขุ่นเคือง 

     

    " นี่ฉันเป็นผู้ชายนะไอของฟูฟ่องแบบนี้ไม่เอาหรอก" ว่าพลางจับๆเอาปลายลูกไม้ของกระโปรงขึ้นมามองด้วยใบหน้าถอดสี เขาไม่ใช่หุ่นลองเสื้อที่อยู่ๆจะจับไปใส่ชุดอะไรก็ได้เสียหน่อยนะ... ชุดที่รัดแน่นเข้ากับลำตัวแบบนี้ทำให้อึดอัดจนอยากดึงออกไปเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ 

     

    " โปรดยืนนิ่งๆซักพักนะขอรับ " ท่าทางที่ยุกยิกตลอดเวลาทำให้คนผมเขียวอดที่จะล็อกร่างนั้นไว้กับที่ไม่ได้ สัมผัสจากมือหยาบทั้งสองข้างที่ล็อกเอวบอบบางเอาไว้ ทำให้ลูฟี่ต้องสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ  

     

    พอผู้ชายด้วยกันมาสัมผัสตัวแบบนี้แล้ว มันทำให้รู้สึกแปลกพิกลยังไงก็ไม่รู้... 

     

              เจ้าของเสียงใสยอมสงบปากสงบคำลงไปอย่างว่าง่าย แต่กลับกลายเป็นคนยืนจัดระเบียบชุดที่กำลังหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆจนสังเกตได้ ทั้งการสัมผัสร่างกายนิ่มๆของคนๆนี้โดยตรง ทั้งแผ่นหลังบางๆขาวๆที่อยู่ตรงหน้านี่ ทำเอาอุณหภูมิในร่างกายของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆจนแทบระเบิด 

     

    " อั่ก ไม่ไหวแล้ว... ดาเมจรุนแรงยิ่งนัก"  ผละออกจากร่างนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงหยดเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาเป็นทาง และเสียงประตูที่ปิดกระทบกันดังจนน่าตกใจ  

     

    " เป็นอะไรของหมอนั่นกัน " ลูฟี่จึงได้แต่มองตามไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ปลายเท้าทั้งคู่พาร่างบางเดินไปหาคนผมชมพูที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป 

     

    " นี่นาย ที่บอกว่าจะพาไปร้านอาหารนี่จริงใช่เปล่า ...ฉันอยากออกจากที่นี่แล้วอ่ะ " 

     

     พ่อบ้านคนนั้นเพียงเผยรอยยิ้มบางๆให้คนตรงหน้าก่อนตอบกลับ

     

    " อย่าเพิ่งรีบร้อนไปสิขอรับ ที่นี่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ท่านจะต้องทำ "  

     

    หลายอย่างที่ต้องทำ... พูดจาอะไรแปลกๆอีกแล้ว 

     

    แค่ไปร้านอาหารทำไมต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมายนักก็ไม่รู้ 

     

    ไม่เอาแล้วฉันจะต้องไปหานามิ เธอรอฉันอยู่นะ" 

     

    " เดินตามผมมาทางนี้เลยขอรับ " ราวกับบทสนทนาก่อนหน้าถูกเมินไปหมด ประโยคที่แกมออกคำสั่งนั้นถูกกล่าวขึ้นมาโดยไม่ให้ลูฟี่ได้มีตัวเลือก เมื่อทั้งห้องมีทางออกแค่ประตูเดียวเท่านั้น...

     

    สับสนไปหมด... คิดไปเองหรือเปล่านะว่าโถงหน้าห้องนี่มันเปลี่ยนไป 

     

    แอด... 

     

              ไม่นานนักประตูบานใหม่ก็ถูกเปิดขึ้นหลังจากเดินออกมาข้างนอกได้ซักพัก ...ตามคำสัญญา พ่อบ้านคนนั้นดูเหมือนจะพาเขามายังห้องอาหารจริงๆ เพราะตรงหน้าคือห้องที่ประกอบไปด้วยโต๊ะยาวกับเก้าอี้พนักสูง ขนาดที่ต่อให้สิบคนนั่งก็ยังเหลือที่อีกเหลือเฟือ ทั้งห้องโอ่อ่าไปด้วยการตกแต่งของเครื่องแก้วตั้งแต่หน้าต่างไปจนถึงโคมไฟติดเพดาน อดทำเอาคนตัวเล็กอึ้งไปพักหนึ่งไม่ได้ ...กว่าจะรู้ตัวอีกทีพ่อบ้านคนนั้นก็หายไปซะแล้ว 

     

    " อา... งดงาม งดงามอะไรเช่นนี้ " 

     

              เสียงนุ่มทุ้มที่แว่วขึ้นมาท่ามกลางความเงียบส่งให้ลูฟี่หันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ บางสิ่งผ่านสายตาคู่สวยไปด้วยความเร็วสูง หมุนควงร่างตัวเองอยู่กับที่จนชลอลงและหยุดนิ่ง จากนั้นจึงมีกลีบดอกกุหลาบสีแดงจำนวนไม่มากไม่น้อยถูกโปรยลงกับพื้น ราวกับฉากเปิดตัวพระเอกในการ์ตูนตาหวาน 

     

    ถ้ามองไม่ผิด... มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังหมุนตัวอยู่ตรงหน้าเขา แล้วก็โยนกลีบกุหลาบขึ้นฟ้าเองอยู่หรือเปล่านะ..? 

     

    จุ๊บ..

     

    " ข้าคือคาเวนดิช เจ้าชายที่เฝ้ารอท่านมานานแสนนาน... " หลังมือของคนตัวเล็กถูกช่วงชิงไปด้วยสัมผัสจากริมฝีปากของชายที่เพิ่งเดินมาหยุดตรงหน้า 

     

         ลูฟี่ได้เพียงแค่คิดในใจว่าคนอะไรชื่อเรียกยากขนาดนี้ ผมยาวบลอนด์สีทองที่ถูกจัดทรงให้ทับกันเป็นเกลียวๆกับปกคอเสื้อทรงสูงแบบนั้น แวบแรก คำที่เข้ามาในสมองของของเขาเลยก็คือ... 

     

    " กะหล่ำปลี ฉันจะออกจากที่นี่ได้ยังไง " ถามออกไปด้วยใบหน้าที่แสนจะใสซื่อ ในขณะเดียวกันก็ตั้งใจเมินคำพูดแปลกๆที่อีกฝ่ายส่งมาให้ไปทั้งอย่างนั้น 

     

    (**Cavendishในภาษาญี่ปุ่น สองคำแรกจะอ่านออกเสียงคล้ายๆคำว่า Cabbage ซึ่งแปลว่ากะหล่ำปลีนั่นเองค่ะ)

      

    " ชู่ว์... คาเวนดิชสิ ท่านเพิ่งมาถึงที่นี่เองนะ จะรีบร้อนไปไหนกันเล่าเจ้าหญิง? " นิ้วเรียวยกขึ้นมาสัมผัสกลีบปากสีชมพูอ่อนของคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าคมคายที่ยื่นเข้ามาใกล้จะเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ทั้งยังไม่ลืมแก้ชื่อตัวเองให้เรียบร้อย

      

              ลูฟี่หดหน้าตัวเองไปด้านหลังให้ระยะห่างระหว่างคนสองคนมีมากขึ้น ในขณะที่คิ้วเรียวทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันด้วยความโมโหน้อยๆ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายของเขาเลยนะ... 

     

    " นี่กะหล่ำปลี ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงนะแล้วฉันก็ต้องรีบไปหาเพื่อนแล้วด้วย " 

     

    " คาเวนดิชขอรับ... พูดเหมือนท่านกำลังทำเมินข้าอยู่เลยนะ " อดไม่ได้ที่จะทำใบหน้าเจ็บปวด มือเรียวเนียนโอบไหล่บอบบางของคนตัวเล็ก ก่อนออกแรงส่งเบาๆให้เดินตรงไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า 

     

    " มาเถอะ... อีกเดี๋ยวอาหารก็จะถูกนำมาให้ท่านแล้ว " 

     

     

     

     

     

              พอมีคำว่า 'อาหารใกล้จะมาถึงแล้วเข้ามาเกี่ยวข้อง กลับกลายเป็นการทำให้คนตัวเล็กยอมเดินมานั่งโดยง่ายดายซะแบบนั้น อาหารมากมายที่มีพ่อบ้านยกมาเสิร์ฟให้ถึงที่ ล้วนเป็นอาหารหน้าตาอลังการที่ลูฟี่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่หน้าตาของมันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับคนแบบเขานักหรอก... 

     

    กินเข้าไปแล้วอร่อยก็เป็นพอ... 

     

    ไอท่าทางที่แสดงว่าอยากจะออกไปจากที่นี่แบบเมื่อกี๊หายไปไหนแล้วนะ... 

     

    " ท่านนี่เสวยได้มากมายผิดกับขนาดตัวที่บอบบางนั้นนัก " อดไม่ได้ที่คนเป็นเจ้าชายจะแสดงอาการแปลกใจออกมา แต่ริมฝีปากได้รูปกลับค่อยๆปรากฏรอยยิ้มมีความสุข และสายตาที่ทำให้ขนมหวานในจานจืดเป็นน้ำเปล่าได้ทันตา... 

     

    " ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังน่ารัก ...เหมาะสมกับคนงดงามเช่นข้าจริงๆ " มือไม้เริ่มวาดลวดลาย ประดับไปด้วยฉากหลังที่เจ้าตัวแอบโยนกลีบกุหลาบขึ้นไปอีกครั้ง 

     

    งดงาม... น่ารัก... จะหาคำใดมาเปรียบคนตรงหน้าได้กัน 

     

    ปัง!

      

              แต่แล้วเสียงของของแข็งที่กระทบเข้าหากันอย่างจังก็ดังขึ้นขัดจังหวะได้อย่างประจวบเหมาะ ทำเอาคนในห้องอาหารต้องสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ ไม่นานนักก็ตามมาด้วยเสียงโวยวายที่ไกลเกินกว่าจะฟังได้ศัพท์

     

              ลูฟี่เริ่มจูนสติกลับมาที่เดิมได้อีกครั้ง... โดนอาหารล่อตาล่อใจซะจนลืมไปสนิทเลยว่า เขานัดกับเพื่อนผมส้มเอาไว้ พอลองคำนวณเวลาที่ตัวเองเลทไปแล้วก็ต้องเผลอกลืนน้ำลายเอื้อก 

     

    ต้องรีบออกจากที่นี่แล้ว... มัวทำอะไรอยู่กันเนี่ยเรา 

     

    " นี่ กะหล่ำป—... " 

     

    " คาเวนดิชขอรับ ..ไม่มีอะไรที่ท่านต้องกังวล ความวุ่นวายเหล่านั้นข้าจะเป็นคนจัดการเอง " คนผมทองตอบกลับมา ใบหน้าคมคายนั้นดูจริงจังกว่าทุกครั้ง เสียงที่ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวายนั่น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แม้เหตุการณ์เหล่านั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้าก็เถอะ...

     

    สิ่งที่กังวลใจกำลังเข้าใกล้มาเรื่อยๆเสียแล้วสิ...

     

              ลูฟี่เพียงขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจนัก ดูเหมือนคนตรงหน้าจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อผิดไปหน่อย มันจะเกี่ยวกันกับเสียงดังเมื่อกี๊ที่ได้ยินหรือเปล่านะ... 

     

               เวลาแห่งความสุขของคนเรามักไม่ยืด เมื่อเสียงปลายเท้าหนักๆก้าวเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ประตูห้องอาหารถูกกระชากออกจนกระทบกับผนัง ร่างใหญ่ของผู้มาใหม่เดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก การแต่งกายด้วยผ้าโทนดำแต่ก็เป็นผ้าเนื้อดี บ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี... 

     

              รอบข้างคือพ่อบ้านผมชมพูและคนผมเขียวสว่างที่พยายามห้ามปรามอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ที่ครุกครุ่นของคนๆนั้นสงบลงได้แม้แต่น้อย 

     

    " หุบปาก " 

     

              เสียงทุ้มของผู้มาใหม่ดังก้องไปทั่วห้องกว้าง เรียบสนิทแต่กลับมีอำนาจให้ทุกคนเงียบไปโดยฉับพลัน ดวงตาคมกริบดุจสัตว์ร้ายกวาดมองไปรอบๆห้อง  

     

    " คาเวนดิช ข้ามาเพื่อตรวจสอบความผิดปกติที่นี่ " ก่อนที่สายตาคู่เดิมจะย้ายมาหยุดยังใบหน้าของคนที่เรียกตัวเองว่าเจ้าชาย  

     

    " เจ้าเปิดรับคนนอกเข้ามาที่นี่ ทั้งที่รู้ว่าผิดกฎได้อย่างไร " 

     

              สายตาคู่คม ใบหน้าและท่าทางเคร่งขรึมทำให้คนๆนั้นดูมีอำนาจอย่างล้นหลาม ทั้งลวดลายแปลกๆที่ปรากฏขึ้นบนแขนแกร่งซึ่งดูจะผ่านการฝึกฝนมาพอสมควร ทำให้ลูฟี่รู้สึกราวกับว่า เขาคนนั้นเหมือนกับอสูรในร่างมนุษย์ไม่มีผิด... 

     

    " หึ...ยังเป็นอสูรที่ไร้จิตใจเช่นเคยนะ เจ้าก็รู้ว่าพวกเรารอคอยเจ้าหญิงมานานเพียงใด "  ร่างโปร่งของคาเวนดิชยันตัวขึ้นยืนเต็มความสูง เดินออกมาประจันหน้ากับผู้มาใหม่โดยไร้ความเกรงกลัวพร้อมรอยยิ้มหยัน 

     

    " เหอะ ไร้สาระสิ้นดี ...หากคนที่เดินเข้ามาที่นี่นั้นเป็นเจ้าหญิงจริง ถ้าเช่นนั้นจะเป็นใครก็ได้งั้นหรือ? " 

     

    " ท่านก็เป็นเช่นนี้... ยังเป็นคนที่ไม่เชื่อในพรหมลิขิตเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน " 

     

              การสนทนาที่ต่างก็ไม่มีใครยอมใครได้ดำเนินต่อไป... ชายผู้มาใหม่พยายามข่มอารมณ์ครุกครุ่นของตัวเองเอาไว้ เจ้าคนผมทองตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรผิดไปเลยแม้แต่นิด... เพราะว่าไม่เชื่อ เขาจึงต้องมาเพื่อยืนยันความจริงด้วยสายตาของตัวเองเท่านั้น 

     

    เพราะเมื่อความจริงแห่งปาฏิหาริย์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว... 

     

    เหตุผลที่เขามาที่นี่มันจึงได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น... 

     

    " ข้ายังไม่ชำระบัญชีที่คราวที่แล้วเจ้าบังอาจรุกล้ำเข้าไปในสวนดอกไม้ของข้า... " 

     

    มาในฐานะของผู้ดูแลความถูกต้อง... เหตุผลมากมายที่ยกขึ้นมาเพื่อเป็นข้ออ้าง 

     

    " โอ๊ะ จริงสิ... ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง " คนผมบลอนด์โค้งตัวลงขอโทษตามมารยาท ต่อหน้าผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องการกีดกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้ปราสาทของตน ...เพราะเผลอเหยียบย่างเข้าไปในปราสาทของอสูร นับว่าโชคดีนักที่ยังกลับมานั่งสบายใจในปราสาทของตัวเองได้ 

     

    " ข้าคงมิกล้ารุกล้ำเข้าไปเป็นครั้งที่สอง ถ้าหากท่านไม่รังเกียจก็เชิญ... "

     

    " ของในห้องนี้... ท่านอยากได้อะไรกันล่ะ " คนเป็นเจ้าชายผายมือไปรอบๆห้อง แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากชายในชุดสีมืดมีเพียงความเงียบ ดวงตาคมกริบกวาดมองไปรอบตัว ก่อนจะสะดุดเข้ากับบุคคลที่ไม่คุ้นหน้า 

     

    " ว่ายังไงล่ะ หรือว่าท่านจะไม่เอาอย่างนั้นหรือ..."  

     

                 คนมาใหม่กระหยิ่มยิ้มภายในใจ... เหตุผลอันแยบยลที่เขาสามารถยกขึ้นมาเพื่อหลอกลวงคนๆนี้ได้ ...เข้าทางพอดีราวกับจับวาง

     

    เพื่อค่าตอบแทนอันคุ้มค่า...

     

    ค่าตอบแทนที่บังอาจบุกรุกไปยังที่ส่วนตัวของเขา... มันร้ายแรงกว่าที่คนตรงหน้าคิดนัก 

     

              ริมฝีปากได้รูปเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่ง ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะยกขึ้นชี้ไปยังตำแหน่งของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ...ผู้ชายคนนี้พลาดท่าเข้าเสียแล้วที่นำเสนอข้อแลกเปลี่ยนแบบนี้ขึ้นมา 

     

    ค่าตอบแทน... เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ 

     

     

    " ข้าอยากได้... เด็กคนนั้น "

     

     

     

     

    การรอคอยนั้นทรมานและนานแสนนาน... 

    จนไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อใด... 

    ทุกคนต่างก็เฝ้าคอย... เวลาแห่งโชคชะตานั้น 

    และเขาคนนั้น... ก็มาถึงแล้ว

     

     


         
     
           







    แลดูเรื่องมันค่อนข้างวุ่นวายจัง งงตรงไหนก็มาถามไรเตอร์ได้นะคะ-.,-

    หลังจากนี้ฟี่ต้องเจอศึกหนักอีกมากมายแน่นอน

    จะอะไรนักหนากับคนที่กำลังจะไปกินข้าวที่ร้านอาหารเนี่ย จะว่าซวยหรือโชคดีดี?

    ถ้าเป็นไรเตอร์จะยอมหลุดเข้าไปแต่โดยดีเลยค่ะ-.,- 

    ป่านนี้นามิก็คงรอจนเก้อไปแล้วแน่ๆ... 


    แล้วเจอกันพาร์ทหน้านะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×