NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #9 : ▲ [Conan] Catch me if you can (Kaito x Shinichi) - Part8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      44
      14 มิ.ย. 65

    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)

     










    มาถึงแล้ว… บ้านของผู้ชายที่ชื่อคุโรบะ ไคโตะ

     

            เป็นบ้านที่ถูกออกแบบมาได้เรียบง่ายกว่าที่คิดไว้ ทั้งยังอยู่ในระแวกชุมชนซึ่งเป็นจุดสังเกตได้ง่าย… ชินอิจิได้แต่นึกเคืองความบ้าบิ่นแบบไม่นึกถึงผลที่ตามมาของตัวเอง ในตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้อยากมาบ้านของอาชญากรคนนี้กันนะ…  

     

            ความเยือกเย็นสูญเสียไปเท่าไรแล้วกับการถูกปั่นหัวจากผู้ชายคนเดิม เขาแทบไม่ได้คิดล่วงหน้าไว้ด้วยซ้ำว่ามาถึงแล้วจะทำยังไงต่อไป!

     

            เป็นเวลานานพอสมควรที่เด็กแว่นได้แต่นั่งจมอยู่กับห้องรับแขกของบ้านคุโรบะ ดวงตาสีอควอมารีนเพียงกวาดมองไปรอบๆห้องหวังจะเจอเบาะแสอะไรซักอย่าง จะให้ความรู้สึกบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคิดแน่ๆอยู่เหนือเหตุผลมันก็กระไรอยู่

     

            จะวิ่งเข้าไปหยิบจับสิ่งของไปทั่วโดยใช้เจ้าเด็กตัวเล็กไม่รู้ประสีประสาแบบแต่ก่อนก็ไม่ได้ สถานะเด็กหนุ่มม.ปลายทำให้เขาสามารถโดนลากตัวไปในข้อหาทำลายทรัพย์สินบ้านคนอื่นได้สบายๆเชียวล่ะ…

     

     “ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ คิ้วนายกำลังจะรวมเป็นเส้นเดียวกันอยู่แล้วนะ… อารมณ์เสียที่มาถึงที่แล้วทำอะไรไม่ได้งั้นหรอ? ” เสียงของคนที่บอกว่าจะเดินไปเอาเครื่องดื่มมาให้เพิ่มเอ่ยทักเหมือนรู้ทัน รอยยิ้มพอใจบนใบหน้าหล่อนั้น ยิ่งทำให้นักสืบม.ปลายหันมาค้อนขวับใส่แทบจะทันที

     

    ใช่แล้ว… เขาหงุดหงิดมาก มีหลายอย่างที่อยากจะพุ่งเข้าไปตรวจสอบเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

     

    “ ก็เอาสิ… ในฐานะแขก ฉันอนุญาตให้นายเที่ยวชมบ้านฉันได้ตามสบายเลย ” 

     

            ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่วิ่งตามหลังคนๆนี้อยู่เสมอ เขารู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายคนนี้รู้ทันจุดประสงค์ของตน แต่ก็ไม่รีรอที่จะตรงไปยังจุดหมายที่น่าสงสัย ราวกับเดินเข้าสู่กับดักของอีกฝ่าย 

     

    ใช่ว่าตัวเขาจะไม่มีแผนอะไรเลยเสียหน่อย ไม่ได้มาเพียงเพื่อนั่งจิบชาที่ห้องรับแขกเฉยๆแล้วกลับบ้านตัวเองไปหรอกนะ

     

            ตู้เก็บรองเท้า ที่เก็บร่ม ที่แขวนเสื้อโค้ทและหมวก… สิ่งของพวกนั้นดูเหมือนไม่มีอะไรสำคัญ แต่ก็เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงที่จะเจอในชีวิตประจำวันไม่ได้เหมือนกัน 

     

    “ ตามฉันมาสิ… อยากจะเข้าไปหาเบาะแสอะไรในห้องนอนด้วยเลยมั๊ยล่ะ? ” ผู้ต้องสงสัยกล่าวเชิญชวนอย่างเป็นมิตรพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม โคนันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ 

     

            นึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าทำไมจอมโจรคิดจึงเลือกห้องนอนที่น่าจะเป็นแหล่งเก็บหลักฐานชั้นดีขึ้นมาแทน …อยากจะท้าทายกันอย่างนั้นหรือ?

     

    “ ฉันพร้อมจะเปิดประตูต้อนรับอย่างดี …แต่ก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของนายหรอกนะ ”

     

    “ จ…เจ้าบ้า ” 

     

            สองเท้าที่กำลังเดินตามเจ้าของบ้านพลันชะงักไป เมื่ออยู่ๆใบหน้าหล่อเหลานั้นหันกลับและยื่นเข้ามาใกล้กับเด็กหนุ่มเสียจนปลายจมูกชนกัน ดวงตาสีแซฟไฟร์บลูที่เหมือนจะแฝงความนัยอะไรบางอย่างเอาไว้จ้องลึกเข้ามาในอัญมณีคู่สวย ใบหน้ามันก็พาลเห่อร้อนขึ้นมาราวกับจะไหม้ ร่างโปร่งรีบถอยหลังออกมาด้วยความตกใจ พอดีกับจังหวะหัวใจที่เต้นระรัวเป็นกลองชุด

     

            ไม่ได้ใสซื่อเกินที่จะไม่เข้าใจความนัยของคำพูดและสายตาคู่นั้น… ทำเอาเด็กหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะกลับไปสบตาฝ่ายตรงข้าม …ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นอะไรกับเขากันแน่ สงครามประสาทหรือไง...

     

    ถ้าหากเบาะแสอะไรได้มากกว่านี้…

     

    ถ้าหากเป็นอย่างนั้นล่ะก็?

     

            ความสนใจของนักสืบหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายไป เมื่อดวงตาคู่ที่พยายามเบนหนีจากคู่กรณีบังเอิญมาสะดุดเข้ากับกรอบรูปขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ระหว่างทางเดิน ทั้งที่เป็นทางเดินขนาดไม่กว้างมาก แต่กลับมีสิ่งของวางตกแต่งเอาไว้จนทำให้พื้นที่เหลือน้อยลงไปอีก บางทีบ้านหลังนี้อาจจะเล็กเกินไปสำหรับครอบครัวหนึ่งที่มีทายาทในวัยทำงาน ถึงอย่างนั้นรูปนี่ก็แปลกเกินไปอยู่ดี…

     

            สิ่งของวางหลีกออกไปจากมันเป็นวงกว้างผิดปกติ… ความกว้างของมันกวาดออกมาได้รูปครึ่งวงกลมที่มีรัศมีเท่ากับครึ่งหนึ่งของความยาวภาพ

     

    “ รูปนี่มัน…? ”

     

    “ …พ่อฉันเอง เขาเป็นนักมายากล ” เจ้าของบ้านอธิบาย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คำตอบที่ผู้ถามต้องการ

     

    “ ไม่ใช่เรื่องนั้น นี่น่ะมัน… ” 

     

            ดวงตาคมไล่มองความผิดปกติอย่างไม่คลาดสายตา สิ่งนี้ถ้าไม่สังเกตดีๆคงไม่มีใครเห็นแน่ …ราวกับว่ากรอบที่เห็นมันกลืนเข้าไปกับผนังด้านหลัง ราวกับว่ารูปผู้ชายสูงสง่าตรงหน้าเป็นดั่งประตู…

     

            มือเรียวยกขึ้นสัมผัสกับภาพถ่ายนั้น ก่อนจะออกแรงผลักไปไม่มากนัก มันไม่ได้มีการห้ามปรามใดๆจากบุคคลที่ยืนอยู่ข้างกัน เพียงเสี้ยววินาทีนั้น นักสืบหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงผลักจากวัตถุชนิดหนึ่ง …ไม่ได้ผิดจากที่เขาคิดไว้ซักนิดเลย นี่มันประตูกลที่กำลังหมุนกลับด้านและพาตัวเขาเข้าไปยังห้องอีกฝั่ง…

     

    “ อึก… ” และมันก็ไม่ได้ผลักกลับมาเบาๆเลยแม้แต่นิด ความหนักของประตูทั้งสองฝั่งไม่เท่ากัน แรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นมันถึงได้มากมายขนาดนี้… ชินอิจิพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล ความสนใจกับประตูเป็นอันต้องตกไปเมื่อได้พบกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า…

     

            ที่นี่มีห้องลับอยู่จริงๆด้วย… เทียบกับแบบแปลนของบ้านที่เขาได้มาจากอดีตสำนักงานขายแล้ว ห้องที่ควรจะมีอยู่มันหายไปหนึ่ง…

     

            ไฟฉายที่ติดอยู่กับนาฬิกาข้อมือสารพัดประโยชน์ถูกเปิดขึ้น รอบด้านล้วนมืดสนิทจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้ สวิตซ์ไฟที่ควรมีอยู่มีร่องรอยการถูกถอดออกไป 

     

    ไม่ผิดแน่... ที่นี่เป็นฐานทัพที่คิดใช้กบดานและซ่อนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการโจรกรรมแน่นอน...

     

    แต่ก็เป็นเพียงอดีตเท่านั้น

     

            ห้องที่มีแต่กรอบรูปติดผนังเต็มไปหมดแต่กลับถูกถอดเอาสวิตซ์ไฟออก ลงทุนสร้างห้องลับเพียงเพื่อเก็บรูปถ่ายครอบครัวเท่านั้นเองน่ะหรอ... ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

     

    พรึ่บ…

     

    “ เฮ้... ไม่เอาน่า ” อุปกรณ์ที่พอจะให้แสงสว่างได้อย่างเดียวในเวลานี้อยู่ๆก็ดันมาถ่านหมดได้ถูกเวลาเสียจริง โคนันพยายามเขย่ามันหลายครั้ง แต่ก็ทำได้เพียงส่องแสงติดๆดับๆก่อนจะลาโลกไปทั้งอย่างนั้น… จนเจ้าตัวไม่ได้ทันสังเกตความผิดปกติที่กำลังจะเกิดขึ้น

     

    “ …!! ”

     

            สัมผัสอันแปลกประหลาดทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งจนตัวโยน ในเวลาที่ประสาทสัมผัสทางตาใช้การไม่ได้ แต่เจ้าของดวงตาสีอความารีนรู้สึกได้ถึงกลิ่นโคโลญที่คุ้นเคย ผู้มาใหม่โอบกอดร่างของเขาจากด้านหลังอย่างเงียบเชียบก่อนจะเปิดไฟฉายที่อยู่ในมือ พลันคางที่เอามาวางบนไหล่ลาดก็ทำให้นักสืบหนุ่มหันกลับไปด้านหลังอัตโนมัติตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวเอง

     

    “ .......... ”

     

    เอ๊ะ…เมื่อกี๊นี้มัน…?

     

    สัมผัสที่อ่อนนุ่มราวกับว่าริมฝีปากของคนสองคนมาพบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ…

     

            อยู่ๆเลือดก็สูบฉีดจากหัวใจเร็วขึ้น จังหวะของมันสั่นระรัวจนน่าตกใจ โคนันรีบหันหน้ากลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมสีหน้าทำอะไรไม่ถูก พยายามลำดับเหตุการณ์ช้าๆ ก็พาลแต่จะทำให้ทั้งหน้าเห่อร้อนจนไม่รู้จะทำยังไงดี

     

    “ ทำอะไรของนาย…? ” น้ำเสียงที่ถามออกไปติดจะสั่นเครือเล็กน้อย ดวงตาสีท้องฟ้าพยายามเบนหลบใบหน้าของชายอีกคนไปยังความมืด ซึ่งแม้จะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยก็ตาม …ใครจะไปคิดว่าริมฝีปากมันจะบังเอิญมาอยู่ตรงกันในเวลาแบบนี้กันเล่า

     

    “ กำลังถือไฟฉายให้นายอยู่นี่ไง ห้องนี้ฉันว่าจะหาหลอดไฟมาติดใหม่อยู่พอดี ” 

     

            น้ำเสียงของคนตัวสูงกว่าตอบกลับมาเรียบนิ่งจนน่าโมโห ทั้งยังขยับไฟฉายในมือไปยังมุมต่างๆของห้องเป็นท่าทางประกอบ อ้อมกอดหลวมๆที่ให้ความอบอุ่นจนชวนร้อนนี่ทำให้ชินอิจิรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ส่งแค่ไฟฉายให้เท่านั้นก็พอแล้วล่ะน่า…

     

    “ ถ้างั้นก็ไม่ต้องกอด… ฉันอึดอัด ”

     

    “ ไม่เอาหรอก… ในนี้น่ะมีกับดักเยอะ ขืนปล่อยให้นายห่างตัวไป ได้เดินไปเหยียบเข้าพอดี ”

     

            จอมโจรแบบเขาจะมาห่วงคนที่มาล้วงความลับตัวเองทำไม… อีกอย่างเมื่อครู่เด็กหนุ่มก็เกือบจะเดินทั่วห้องอยู่แล้วด้วย…

     

     “ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ”  

     

    “ นี่… ไม่อึดอัดแย่ไปเลยหรือไงคุณนักสืบ ทั้งที่นายอายุย่างเข้าใกล้เลขสาม แต่กลับใช้ชีวิตเป็นวัยรุ่นอยู่แบบนั้น? ”

     

            เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเข้าที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับไม่ใช่การยั่วโมโหอย่างทุกที บรรยากาศแปลกๆจากคนข้างหลังทำให้ชินอิจิรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง และไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

     

    “ ……. ” 

     

    “ เด็กหนุ่มที่หมกมุ่นอยู่กับคดีฆาตรกรรมและนิยายสอบสวนแบบนาย ไม่เคยแม้แต่จะคบผู้หญิงเลยซักคนใช่มั๊ยล่ะ… ”

     

    “…นั่นเป็นเพราะฉันไม่ได้สนใจต่างหาก ”  

     

            เด็กหนุ่มเพียงใช้ชีวิตให้ดำเนินตามรอยเท้าของชินอิจิ  มันแตกต่างออกไปตรงที่ผู้ร่วมทางนั้นไม่ใช่คนเดิม มีหลายคนผ่านเข้ามาและหายไป มีผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขา แต่กลับมีคนที่เข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น…

     

            ยิ่งนานวันความห่างเหินก็ยิ่งปรากฏชัด… เด็กหนุ่มเข้าใจดีว่าช่องว่างระหว่างวัยกำลังสอนให้เขารู้จักการเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ความโดดเดี่ยวที่อยู่กับเขามาตลอดมันกำลังส่งให้ไม่อยากเอาตัวเองไปผูกมัดกับใครทั้งนั้น

     

    “ เรื่องนั้นนายจะสนใจไปทำไม? ” เขาเอ่ยถาม ผู้ชายคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของโคนันยุ่งเหยิงกว่าเดิม หลายครั้งที่ต้องคิดและหาวิธีเผชิญหน้า หลายครั้งที่ต้องปะทะกันด้วยไหวพริบ …แต่กลับเป็นคนๆนี้เสียเองที่ไม่เคยหายไปไหน

     

            สาเหตุที่ไม่อยากผูกพันธ์กับใคร ไม่ใช่เพราะรันที่รั้งเขาเอาไว้ เธอพบคนที่จะดูแลเธอตลอดไปได้แล้ว …มันไม่ได้มีพันธะอะไรที่ผูกมัดเด็กหนุ่มเอาไว้อีก เพราะอย่างนั้น…ทำไมกันนะ

     

    “ ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน… ”

     

            ประโยคที่ราวกับจี้ใจดำและสัมผัสอุ่นๆบริเวณใบหู ทำให้คนตัวเล็กกว่ารีบยกมือขึ้นมาจับหูของตัวเองด้วยความตกใจ ผู้ชายคนนี้จะรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำเรื่องอะไรที่อุกอาจเกินไปแล้ว จังหวะการเต้นของหัวใจตอนนี้เหมือนกำลังต่อต้านสิ่งที่สมองคิด 

     

    เขาควรต้องรู้สึกยังไงกับจอมโจรคิดอย่างนั้นน่ะหรอ?

     

    เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างคนที่เป็นเสมือนคู่แข่งกันเลยด้วยซ้ำ …ไม่ควรมีใครเลยได้รับรู้

     

    “ …ฉันจะออกไปแล้ว ”

     

    “ หืม…ทำไมล่ะนายไม่อยากจะหาเบาะแสอะไรต่อแล้วหรือไง ”

     

             พวกเขาทั้งสองคนไม่ควรมาต่อพันธะอะไรเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไรและเริ่มตั้งแต่เมื่อใดก็ตาม…

     

            มือเรียวของเด็กหนุ่มคว้าเอาไฟฉายจากมือของจอมโจรหนุ่ม ก่อนผละตัวออกมาแล้วเดินกลับไปยังทางออกของห้อง ...เบาะแสที่ได้มามีเพียงพอแล้ว เหลือแค่ให้เวลาเป็นตัวดำเนินแผนการต่อไปเท่านั้น…

     

            ปลายเท้าทั้งคู่เดินออกจากห้องลับที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเป้าหมายอีกต่อไป ตรงไปยังประตูทางออกเพื่อเตรียมที่จะบอกลาผู้ต้องสงสัย จังหวะที่มือกำลังจะคว้าเอากลอนประตูนั้น ร่างสูงของใครอีกคนก็แทรกเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี

     

    “ …ทำอะไรของนาย? ” อัญมณีสีฟ้าอ่อนจับจ้องอยู่บนใบหน้าคมคายของคนตรงหน้า แววตาที่เรียบสนิทแบบนั้นทำให้โคนันไม่อาจเดาออกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ …ระแวงว่าเขาจะเอาข้อมูลไปแจ้งให้ตำรวจรู้หรือไงกัน

     

     “ ฉันต่างหากที่ต้องถามแบบนั้น ” 

     

     “ ฉันจะกลับแล้ว ” …ข้อมูลมันยังไม่มากพอจะทำอะไรนายได้หรอกน่า

     

    “ ไม่ได้ ฉันไม่ให้นายกลับ …จะให้ฉันฉันปล่อยลูกแมวแบบนายออกไปคนเดียวในยามวิกาลได้ยังไง ”

     

    “ ฉันอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว แล้วก็ไม่ใช่ลูกแมวอะไรนั่นด้วย! ” ใบหน้าคมของเด็กหนุ่มหงิกงอด้วยความหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้นึกพิเรนทร์อะไรขึ้นมาถึงได้พูดจาชวนขนลุกใส่อยู่เรื่อย… ทำไมชินอิจิจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ว่าอีกฝ่ายต้องการถ่วงเวลาเอาไว้กันล่ะ

     

            ริมฝีปากได้รูปของจอมโจรหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ ท่าทางที่ยกแขนขึ้นมากอดอกราวกับกำลังป้องกันตัวของเด็กแว่นตรงหน้า ยิ่งทำให้รู้สึกอยากแกล้งมากขึ้นไปอีก …มองกี่ทีก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยคนนึงเท่านั้นแหละ

     

    “ งั้นหรอ… แล้วนายยืนรออะไรอยู่ล่ะ อยากได้จูบลาจากฉันหรือไง? ”

     

            เจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับคนตัวเล็กกว่าที่กำลังทำท่าเหมือนยืนรออะไรบางอย่าง ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นราวกับกำลังจะหมดความอดทนในไม่ช้า ตามมาด้วยมือเรียวที่ยื่นออกมาวางตรงหน้าเจ้าของบ้าน

     

    “ ไม่ตลก! เอามือถือของฉันคืนมา ” 

     

    จริงสิ… คว้ามือถือของเด็กนี่มากับตัวเองตั้งแต่เช้าแล้วสินะ

     

    “ อ้อ ลืมไปเลย ” คุโรบะ ไคโตะค้นกระเป๋ากางเกงของตัวเองอยู่ซักพัก ก่อนที่สมาร์ทโฟนสีแดงจะถูกคว้าออกมา เขายื่นมันให้คนตรงหน้าพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างไม่ละสายตา จังหวะที่วางมือถือลงบนฝ่ามือของอีกฝ่ายมันอ้อยอิ่งจนน่าขัดใจ

     

    หมับ…

     

            ก่อนที่ฝ่ามือข้างนั้นจะรวบเอาข้อมือของเด็กหนุ่มและออกแรงดึงเข้าหาตัวเองไม่แรงนัก เพียงพอที่จะทำให้หน้าผากมนของเด็กแว่นเคลื่อนเข้ามาสัมผัสกับริมฝีปากของตนได้พอดี โคนันรีบถอยหลังออกมาด้วยความตกใจ ทิ้งไว้เพียงการมองค้อนใส่ตัวต้นเหตุและเสียงปิดประตูไล่หลังที่ดูจะเป็นการรีบร้อนเดินออกไปเกินกว่าเหตุ

     

            ปลายเท้าของเด็กหนุ่มรีบสาวออกมาจากบ้านคุโรบะอย่างรวดเร็วพร้อมคิ้วเรียวของเจ้าตัวที่ขมวดเข้าหากันแน่น เขาอยากจะรีบหนีออกมาจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจและยากจะควบคุมตัวเองให้เร็วที่สุด …กลัวว่าตนจะเผลอแสดงจุดอ่อนออกไปให้อีกฝ่ายเห็น

     

            จอมโจรกับนักสืบก็เปรียบเหมือนเส้นขนาน ต่างฝ่ายต่างก็เลือกเดินในเส้นทางที่ตรงกันข้าม... เขารู้ดีว่าสองสิ่งนี้ไม่มีทางจะมาบรรจบกันได้เลย

     

    ตื๊อ ดึง~~

     

            เสียงเตือนแอพพลิเคชันสนทนาดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือของโคนัน เขาอดนึกแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ว่าร้อยวันพันปีจะมีใครที่ไหนส่งข้อความมาให้ ไอ้นิสัยมนุษย์สัมพันธ์ไม่ดีของเขามันดันลามไปถึงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คด้วยน่ะสิ...


     


                 
     
    KAITO : [ ฝันดีนะครับคุณนักสืบ:)7.13PM 
                                                                   
     
       








    หมอนั่นเอาไอดีของเขาไปเพิ่มเป็นเพื่อนตั้งแต่เมื่อไรกัน… 

     

            โคนันมองข้อความเหล่านั้นนิ่งๆโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ในขณะที่ความรู้สึกเห่อร้อนบริเวณใบหน้าก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยตั้งแต่ตอนออกมาจากบ้านของผู้ชายคนนั้น… มันไม่จำเป็นต้องมาสร้างพันธะอะไรต่อกันอีกแล้ว เด็กหนุ่มเชื่ออย่างนั้น…

     

    ทุกอย่างมันอยู่ในแผน… เพื่อที่เขาจะสามารถจัดการกับสิ่งที่กวนใจมาตลอดสิบปีให้จบสิ้นเสียที

     

    พวกเขาเป็นเหมือนคู่แข่งซึ่งกันและกัน และความจริงนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย…

     

            จอมโจรคนนั้นอาจจะมีเหตุผลที่พาตัวเองเข้ามาเป็นเป้านิ่งให้เด็กหนุ่มจับโต้งๆแบบนี้ …ส่วนเขาเองก็มีเหตุผลที่ยอมเอาตัวมาเสี่ยงเพื่อเข้าใกล้คนๆนั้นขนาดนี้เหมือนกัน

     

     

    คิดตื้นเกินไปแล้ว... คุณบุรุษรัตติกาล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     








    อัพแล้วค่าา บทนี้ยาวกว่าปกติมาก
    ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้ออกมาเป็นแบบนี้นะเนี่ย;-;

    ดำเนินมาถึงพาร์ท8แล้วค่ะ ฟิคเรื่องนี้จะยาวไปมั๊ยนี่
    จะมาประกาศข่าวว่าอีก2ตอนจะจบแล้วนะคะ
    ไรเตอร์จะพยายามรีบอัพนะคะ ขอโทษที่หายไปนานน้าาTT

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่าา^^

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×