ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF & OS) คลังลั่นฟิค`s ขี้ตะไคร่ | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #20 : [OS] เรื่องนี้พี่อ้อยพี่ฉอดก็ช่วยไม่ได้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.68K
      183
      20 เม.ย. 61






    *เอ่อ..การรักษาเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งนะฮับ*




     



    เรื่องนี้พี่อ้อยพี่ฉอดก็ช่วยไม่ได้



     

    “ฮึก ฮืออออ”

     

    โอเค นี่ไม่ใช่เสียงของวิญญาณที่กำลังโหยหวนขอส่วนบุญแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นเสียงของวิญญาณจริงๆ แบคฮยอนกับจงแดขอสาบานเลยว่าจะขนของโกยแนบออกจากหอพักนี้แบบไม่ขอค่าประกันเลย

     

    แต่เผอิญโชคยังดีที่เสียงนั่นเป็นเสียงของเพื่อนร่วมคณะที่มีนามว่า โอ เซฮุน

     

    พ่อคุณอยู่ดีๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องของพวกเขาแบบไม่บอกไม่กล่าว แถมไม่พูดอะไรทั้งนั้นมาถึงก็ร้องไห้ฮือๆ มาร่วมชั่วโมงอย่างกะคนโดนฟันแล้วทิ้ง ซึ่งแม่งถามอะไรก็ไม่ตอบถึงตอบแม่งก็ฟังไม่รู้เรื่อง เออ! ปล่อยแม่งให้ร้องไห้จนขาดใจตายไปเลย เสียเวลาคนจะตีป้อมหมด

     

    “นี่ ฮึก พวกมึงจะ..ฮึก จะปล่อยให้กูร้องหะ..ฮึก ไห้จนขาดใจตายเลยหรือไง ฮือออออ”

     

    “เออ!!!!!” ประสานเสียงกันแบบมิได้นัดหมาย

     

    “ใจร๊ายอ๊า ฮืออออออ”

     

    “แล้วมึงจะเสียงสูงเพื่อ?” จงแดเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าซังกะตาย และแบคฮยอนก็แอบเห็นด้วยในใจเบาๆ

     

    “มึงๆๆๆๆๆ ฮืออออออ”

     

    “อะไรๆๆๆๆ” ประสานเสียงกันอีกซักครั้ง

     

    “มึงๆๆๆ คือกูแบบ..ฮืออออออออ”

     

    ” พยายามตั้งใจฟังแบบสุดๆ

     

    “มึ๊งงงง กูแบบ..ไม่ไหวแล้วเว้ย ฮืออออออออ”

     

    “โว้ยยยยย ไม่ไหวก็กลับหอมึงไป / โว้ยยยยย ไม่ไหวก็ไปร้องไห้หน้าศาลพระภูมิไป” ประสานเสียงกันรอบสุดท้ายแต่คนละประโยค

     

    “กะ..กูขอเวลาร้องไห้ ฮึก อีกฮะ..ฮึก หนึ่งชั่วโมงนะ”

     

    ทั้งจงแดและแบคฮยอนต่างทำหน้าซังกะตายแต่ก็ปล่อยให้ไอ้บุคคลที่สามได้ร้องไห้แบบสะใจไปอีกหนึ่งชั่วโมง แล้วคิดในใจว่าถ้าอีกหนึ่งชั่วโมงมันไม่ยอมหยุดร้องไห้และไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง คงได้มีการประเคนฝ่าเท้าคนละข้างไล่ออกจากห้องเป็นแน่

     

     

     

    -หนึ่งชั่วโมงผ่านไป-

     

    “พวกมึง กูไม่ไหวแล้วอ่ะช่วยกูหน่อยดิ กูเสียใจจะตายห่าอยู่แล้ว”

     

    “เออ งั้นก็ตายไปเลย” เป็นจงแดที่เอ่ยออกมา ซึ่งเขาล่ะเก่งนักเรื่องพูดไม่รักษาน้ำใจกันน่ะ

     

    “แล้วมันเป็นยังไงอ่ะ เกิดอะไรขึ้น” และแบคฮยอนที่ยังคงรักษาน้ำใจเพื่อนเพราะความอยากเสือกล้วนๆ

     

    เซฮุนแสร้งหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดน้ำตาปลอมๆ และสั่งน้ำมูกไปอีกสองสามครั้งแล้วปั้นมันเป็นก้อนๆ ปาไปทางที่จงแดนั่งอยู่ที่บังอาจมาพูดหักหาญน้ำใจไล่เขาไปตายได้ลงคอ คนอย่างโอเซฮุนเสียใจขนาดไหนก็ไม่คิดทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอกนะเฟ้ย

     

    “พวกมึงก็รู้ใช่มั้ยว่ากูชอบรูมเมทกูอ่ะ”

     

    แค่นึกถึงก็ปวดใจอยากร้องไห้อีกซักรอบ แต่เกรงว่าเพื่อนๆ ที่รอฟังเรื่องราวจากโอเซฮุนจะรอนาน แต่จริงๆ น้ำในร่างกายมันหมดให้ร้องแล้วต่างหากเป็นเจ้าของห้องประสาอะไรมีคนมาอยู่ในห้องตั้งนานสองนานไม่มีเสิร์ฟน้ำเลยซักแก้ว แต่ช่างมันเถอะ! เรื่องนี้มันสำคัญกว่าแก้วน้ำธรรมดาๆ ซะอีก

     

    “อ่อ ไอ้ดำจงอินอ่ะหรอ” จงแดพูด

     

    “นี่! อย่ามาว่าจงอินว่าดำนะเว้ย เขาเรียกว่าผิวสีแทนแสนเซ็กซี่”

     

    “เซ็กซี่ตายอ่ะ” กลอกตามองบน จ้าเอาที่มึงสบายใจต่อให้จงอินมันดำเป็นตอตะโกมันก็ยังคงชมว่าเซ็กซี่ที่สุดในโลกของมัน

     

    “แล้วมีอะไรล่ะวะ” แบคฮยอนที่ทนไม่ไหวเร่งเร้าให้เซฮุนเล่าแบบเอาเนื้อๆ ไม่ต้องเอาน้ำห่อกลับบ้านแบบไม่ใส่ถั่วงอก เดี๋ยว!

     

    “มันเป็นปัญหาหนักอกหนักใจกูมากอ่ะ กูต้องการคนปรึกษาหรือกูควรโทรไปหาพี่อ้อยพี่ฉอดดีวะ”

     

    “แล้วมึงจะโทรให้เปลืองตังทำหอกอะไรวะ” ได้ข่าวว่ามึงเข้ามาห้องนี้ร้องห่มร้องไห้เพื่อมาปรึกษาพวกกู แล้วอะไรคือจะโทรหาพี่อ้อยพี่ฉอด

     

    “ก็มึงอ่ะจงแด ปรึกษาอะไรทีก็ชอบหักน้ำใจกูตลอดใจกูฝ่อหมดแล้วเนี่ย”

     

    “เอ้า! ก็กูพูดจริงป้ะล่ะ มึงจะรับได้ไม่ได้ก็เรื่องของมึงเพราะมันคือความจริง”

     

    “งั้นเอางี้ สมมติกูกับจงแดเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดให้มึงปรึกษา โอเคม้ะไม่งั้นมึงก็ไม่เล่าซักที” คือเรื่องของเรื่องกูรอเสือกนานแล้ว

     

    และแล้วสองเพื่อนที่เป็นรูมเมทกันก็ได้รับบทบาทให้เป็นพี่อ้อยพี่ฉอดจากคลื่นวิทยุชื่อดังที่รับปรึกษาปัญหาหัวใจ แน่นอนว่าต้องมีคนโวยวายนั่นก็คือจงแดแต่แบคฮยอนซะอย่างความเสือกนี้ไม่มีอันใดมาขว้างกั้นได้

     

    จะเสือกทั้งทีเราก็ต้องเสือกให้สุด

     

    และเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดตามมาจึงได้เปลี่ยนชื่อรายการเล็กๆ น้อยๆ

     

    Club Cry Day~” สองเสียงประสานกันอีกครั้งเป็นทำนองเปิดเข้ามาในรายการ

     

    “สวัสดีครับกระผมแบคฮยอนรับหน้าที่เป็นพี่อ้อยครับ” แบคฮยอนเริ่มแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

     

    “พี่ฉอดครับ” และจงแดที่เล่นๆ ไปตามน้ำเพราะโดนไอ้หมาแบคมันบังคับ

     

    “ตอนนี้คุณเซฮุนก็มาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว ไม่ทราบว่าคุณเซฮุนมีปัญหาความรักอะไรมาปรึกษาพวกเราครับ” แบคฮยอนทำหน้าที่ได้ดีจนคิดว่ามันควรไปเข้าคณะนิเทศดีกว่าคณะอักษรที่กำลังเรียนอยู่จะดีกว่าไหม

     

    “เอ่อ..พอดีช่วงนี้รูมเมทที่ผมแอบชอบสนิทกับรุ่นพี่คนนึงอยู่อ่ะครับ”

     

    “เอ้า! คนเขาก็ต้องมีคนที่สนิทป้ะวะ มึงจะให้ทั้งโลกมีมึงเป็นรูมเมทคนเดียวหรอ” จงแดเอ่ยขัด

     

    “พี่ฉอดครับ กรุณาคีพคาแร็กเตอร์ด้วยครับ” แบคฮยอนเอ่ยเตือน

     

    “โว๊ะ! ยุ่งยากจริงโว้ยยยย”

     

    “ก็ใช่ครับ แต่มันแบบ..มันสนิทกันมากจนน่าสงสัยอ่ะครับ” เซฮุนยังคงไหลรื่นไปตามน้ำและเล่าปัญหาออกมาให้เหมือนกับได้คุยกับพี่อ้อยพี่ฉอดจริงๆ

     

    “สงสัยแบบไหนครับ สงสัยว่าเขาชอบกันหรือเปล่า” แบคฮยอนจัดการถามแบบตรงจุดในแบบที่ตนเองก็สงสัยเช่นกัน

     

    “ใช่ครับพี่อ้อย แต่รูมเมทของผมก็ดูจะไม่อะไรกับเขานะครับ แต่ฝ่ายรุ่นพี่น่ะสิสายตาเขามันดูมองรูมเมทของผมแปลกๆ น่ะครับ”

     

    “อ่อ คือจะบอกว่ารุ่นพี่คนนั้นชอบไอ้จงอินหรอวะ” จงแดสรุป

     

    “ผมก็คิดแบบนั้นครับพี่ฉอด ช่วงนี้เขาก็ชอบมาค้างที่ห้องของพวกผมบ่อยๆ ด้วย”

     

    “บ่อยขนาดไหนครับ” แบคฮยอนถาม

     

    “อาทิตย์นึงก็มาค้างประมาณห้าวันเลยอ่ะครับ หรือไม่บางทีก็ออกไปค้างกันข้างนอกซึ่งไม่รู้ว่าใช่ห้องของรุ่นพี่หรือเปล่า”

     

    “พวกเขาสนิทกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ” แบคฮยอนเอ่ยถามอีก

     

    “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะครับ แต่คือพวกเขาเล่นบาสด้วยกันผมเคยไปนั่งรอกลับบ้านพร้อมเขาอ่ะครับ”

     

    “แล้วอะไรทำให้มึงรู้ว่าไอ้รุ่นพี่นั่นชอบไอ้จงอินวะ” จงแดถามด้วยอาการสงสัยสุดๆ

     

    “คือมันมีวันนึงที่รุ่นพี่คนนั้นก็มาค้างที่ห้องพวกเราอ่ะครับ ห้องของผมมันมีสองห้องนอนติดกัน โดยปกติแล้วรุ่นพี่จะไปนอนที่ห้องของรูมเมทผมผมก็จะนอนห้องของตัวเองแล้ววันนั้นผมจะดูหนังซึ่งทีวีมันอยู่ข้างนอกแล้วต้องผ่านห้องของรูมเมทอ่ะครับ แล้วผมได้ยินเสียงอื้อ! คือตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองหูฝาดไปก็เลยลองแนบหูกับประตูให้ได้ฟังเสียงชัดๆ แล้วก็ได้ยินเสียงอื้อ! อีกอ่ะครับ”

     

    “คุณเซฮุนคิดว่าเป็นเสียงอะไรครับ” แบคฮยอนเป็นฝ่ายถาม

     

    “ผมไม่กล้าคิดเลยครับ ผมก็เลยปล่อยผ่านไปนั่งดูหนังแล้วซักพักรุ่นพี่คนนั้นก็ออกมาจากห้องของรูมเมทโดยที่เขาใส่แค่กางเกงยีนตัวเดียวเดินเข้าไปในครัว ผมก็พยายามไม่คิดอะไรมากนะครับก็ดูหนังต่อไป”

     

    “อืมมมมม” ตอนนี้ทั้งแบคฮยอนทั้งจงแดเริ่มมีอาการหนักใจละ

     

    “แล้วซักพักรูมเมทของผมก็ออกมาโดยที่เขามีผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวพันรอบเอวอ่ะครับ ตอนนั้นผมสติแตกมากเลยไอ้ความคิดที่พยายามไม่คิดมันทะลักเข้ามาในสมองจนผมปิดทีวีแล้วหนีเข้าห้องนอนไปร้องไห้เงียบๆ คนเดียวเลยครับ”

     

    “โอ้วววว” จงแดถึงกับหมดคำจะพูดกับเรื่องที่ได้ฟัง

     

    “บอกตามตรงนะครับคุณเซฮุนเรื่องนี้แม้แต่พี่อ้อยพี่ฉอดก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ทำใจซะเถอะครับเขาค้นพบตัวเองแล้ว” แบคฮยอนเอื้อมมือไปตบบ่าเซฮุนเบาๆ อย่างให้กำลังใจ จากที่ได้ฟังคือหมดหนทางช่วยจริงๆ ก็หวังว่าไอ้เพื่อนยากนี้จะตัดใจจากรูมเมทของมันไวๆ

     

    “กูทำไม่ได้อ่ะ มึงๆๆๆ มันต้องมีซักทางสิวะกูแอบชอบของกูมานานทำไมไอ้รุ่นพี่คนนั้นถึงได้กับจงอินของกูแบบนี้” ไม่ยอม ยังไงเซฮุนก็ไม่ยอมเด็ดขาดมันต้องมีซักหนทางแหละที่จะทำให้จงอินรูมเมทของเขารอดพ้นจากไอ้รุ่นพี่คนนั้นได้

     

    “กูก็เคยแนะนำว่าให้มึงไปบอกว่ามึงชอบมัน มึงก็ไม่ทำ” จงแดต่อว่าเซฮุนเพราะเขาเคยแนะนำให้มันไปสารภาพซะจะได้จบๆ เรื่อง แต่มันดันปอดแหกแล้วตอนนี้เป็นไงล่ะโดนไอ้รุ่นพี่ที่ไหนไม่รู้งาบไปแดกแล้ว แถมดูไอ้จงอินจะตกเป็นรองเขาซะด้วยนะ

     

    ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารก่อนดี

     

    “ก็กูไม่กล้านี่หว่าถ้าจงอินไม่รู้สึกอะไรกับกูแล้วเราจะมองหน้ากันติดยังไงวะ ยิ่งเป็นรูมเมทกันอยู่ในห้องเดียวกันอีก”

     

    “แล้วรุ่นพี่คนนั้นเป็นใครอ่ะ มึงรู้จักมั้ย?” แบคฮยอนที่ยังคงครองตำแหน่งฝ่ายถามก็ยังถามต่อไป

     

    “ก็น่าจะชื่อปาร์ค ชานยอล อยู่ปีสี่สินกำอ่ะมั้ง”

     

    “มึงรู้จักมั้ยจงแด” แบคฮยอนหันไปถามรูมเมทข้างกายและก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้ารัวๆ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากกันซักเท่าไหร่เพิ่งได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ

     

    “ฮือออ ทำยังไงดีวะกูไม่อยากให้ไอ้รุ่นพี่นั่นมาสนิทกับจงอินอ่ะ ไม่อยากให้มาค้าง ไม่อยากให้มายุ่ง ใจกูจะขาดแล้วเนี่ยเมื่อไหร่จะได้เป็นแฟนกับจงอินซักที”

     

    “อยากได้ผัวจนตัวสั่น” จงแดพูดพลางส่ายหน้าเอือมระอา

     

    “เฮ้อออ ไปหาคนอื่นไป๊จะได้ลืมๆ รูมเมทมึงไง” แบคฮยอนก็แนะนำได้แต่เพียงเท่านี้แล แล้วก็พาสารร่างของตัวเองไปเปิดตู้เย็นหาน้ำแป็ปซี่เย็นๆ ดื่มซักแก้ว

     

    เซฮุนก็ได้แต่นั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ร้องไห้จนเหนื่อยก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาแถมมาปรึกษาพี่อ้อยพี่ฉอดตัวปลอมก็ยังไม่ได้คำแนะนำที่ดีเท่าที่ควร แต่เขาเชื่อว่ามันต้องมีซักทางที่สามารถกำจัดรุ่นพี่ชานยอลให้หลุดพ้นจากวงโคจรของจงอินได้ มันต้องมีซักทางสิที่รุ่นพี่ชานยอลจะไม่มายุ่งกับจงอิน อย่างเช่นการที่รุ่นพี่ชานยอลไปสนใจคนอื่นมากกว่าจงอิน

     

    “เออ ใช่!!!!!!!” เซฮุนตะโกนออกมาสุดเสียงเมื่อปิ๊งไอเดียแจ่มๆ ได้แล้ว

     

    “แล้วมึงจะตะโกนทำพระแสงอะไร!!!” จงแดตบหัวไอ้เพื่อนที่ทำเสียงดังเมื่อกี้ทันที

     

    “อย่าตบหัวกูสิวะ เมื่อกี้กูอุตส่าห์คิดวิธีดีๆ ได้แล้วอ่ะ”

     

    “วิธีอะไรอ่ะ” แบคฮยอนถือแก้วแป็ปซี่กับมานั่งที่ตำแหน่งเดิม เอ่ยปากถามเพื่อนแล้วยกแก้วซด

     

    “วิธีนั้นก็คือกูจะให้มึงแบคฮยอนไปขัดขวางรุ่นพี่ชานยอล”

     

    พรวดดดดดด!!!!

     

    กระเซ็นเป็นฟอยเลยทีเดียวและมันก็โดนหน้าของเจ้าของแผนการนี้แบบเต็มๆ น้ำแร่ที่ว่าทำให้หน้าชุ่มชื้นหรือจะสู้แป็ปซี่ผสมเอมไซม์จากน้ำลายเจ้าของชื่อที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อกี้

     

    ขอบคุณนะแบคฮยอน..หน้ากูกำลังแห้งพอดีเลย ถุ้ย!

     

    “ทำไมต้องเป็นกูอ่า” ถามออกมาหน้าด้านๆ ไม่มีหรอกคำขอทงขอโทษ นี่เพื่อนไง ฮัลโหล เพื่อนที่โดนพ่นน้ำแป็ปซี่ใส่หน้าเต็มๆ ไง

     

    “อืมมม” สงบสติอารมณ์แป๊บนะ “ก็เพราะไอ้จงแดต้องทำแผนกูล่มแน่ๆ มีแต่มึงนี่แหละที่พอจะไปวัดไปวาได้”

     

    “แน่นอน เมื่ออาทิตย์ก่อนกูก็ไปวัดมา”

     

    โอ้โห มุกห้าสิบสตางค์ก็เล่นนะเพื่อน ขอซื้อเหอะ..มุกไม่ฮาพาเพื่อนเครียด

     

    “แล้วทำไมต้องให้ไอ้แบคทำด้วยวะ” จงแดถามพลางเอากระดาษทิชชู่เช็ดตามแขนที่โดนรัศมีการกระเซ็นของน้ำแป็ปซี่

     

    “ก็กูคิดว่าถ้ารุ่นพี่ชานยอลมายุ่งกับจงอินก็แค่หาใครซักคนไปยุ่งกับรุ่นพี่ชานยอลจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับจงอิน” เซฮุนตอบออกไปซึ่งไม่ได้ทวนคำตอบของตัวเองเลยซักนิดว่ามันพาเพื่อนอีกสองคนงงขนาดไหน

     

    “คือสรุปง่ายๆ ให้ไอ้แบคเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้พี่ชานยอลซึ่งจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับจงอินของมึง” จงแดสรุปตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งก็พลอยทำให้เพื่อนที่นั่งทำหน้าหมางงข้างๆ เข้าใจมากขึ้น

     

    “เยียห์ๆ” พยักหน้าอย่างชื่นชม “แล้วในช่วงนั้นกูก็จะคอยสังเกตว่าจงอินมีใจให้กูหรือเปล่า แล้วจะได้สารภาพรักในตอนจบ”

     

    “กูไม่เอาด้วยหรอกนะ นี่มันเรื่องของมึงนะเว้ยเซฮุนทำไมกูต้องไปเกี่ยวด้วยอ่ะ”

     

    “นี่เพื่อนไงแบค คนที่จะเติมเกมให้มึงไง”

     

    “งั้นให้ทำอะไรว่ามาเลยจ้ะ”

     

    นี่แบคฮยอนไม่ได้เห็นแก่ข้อเสนอของเซฮุนเลยนะเว้ย ก็แบบ..คนมันเห็นใจเพื่อน เออก็เลยอยากจะช่วยอะไรนิดๆ หน่อยๆ ส่วนเติมเกมให้เนี่ยมันเป็นผลพลอยได้

     

    เอออออออออ!

     

     



    //




     

     

    “กูไม่ทำแล่วววว”

     

    ไม่ทำแล้วจะกลับบ้านแล้ว แงงงงงงงงง

     

    คือแม่งแบบเรื่องอะไรให้คนที่เล่นบาสไม่เป็นให้ไปเล่นบาสขัดขวางเวลาสวีทหวานของไอ้รุ่นพี่ชานยอลกับจงอินของไอ้เซฮุนมันวะ ถ้าให้ไปแข่งเกมด้วยก็ว่าไปอย่างแต่นี่เล่นบาสซึ่งความสูงกูก็มีแค่นี้ มีแค่นี้ก็ยังจะให้กูไปวิ่งเล่นเกาะแข้งเกาะขาเขาอีกหรอวะ

     

    “ไหนมึงบอกกูว่าไม่ได้เตี้ยไง อัพไอจีล่าสุดคือแคปชั่นตัวเองสูงร้อยแปดห้าอ่ะ” เซฮุนท้วงขึ้นมา

     

    “งั้นวันนี้กูจะขอเตี้ยหนึ่งวัน” จะยอมรับว่าตัวเองเตี้ยจริงๆ ก็วันนี้แหละ หมดกัน! “กูเล่นบาสไม่เป็นนะเว้ย เอาจริงๆ ไม่โกหกถ้าโกหกขอให้ไอ้จงอินเอามึงวันละสามครั้ง ครั้งละสองน้ำเลย”

     

    “อะ..ไอ้บ้าแบคฮย๊อนนน! พูดอะไรของมึงเนี่ย”

     

    “แหนะๆ เขินอ่ะดี๊” แบคฮยอนจิ้มแก้มที่แดงของเซฮุนที่ดูยังไงก็เขินเพราะประโยคที่เขาพูดไปเมื่อกี้ ถ้าให้โทษเพราะอากาศมันร้อนคงจะฟังไม่ขึ้น

     

    “ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ยังไงก็ต้องไปเล่นนะเว้ย ให้เขาได้รู้จักมึงได้เห็นหน้ามึง”

     

    “เขาจะได้รู้จักเด็กกระโปกที่เล่นบาสไม่เป็นแล้วยังสะเออะมาเล่นอีกมากกว่ามั้ง”

     

    “เออน่า ไม่เป็นไรหรอกสู้ๆ ท่องไว้เพื่อเพื่อนเพื่อเกม เพื่อเพื่อนเพื่อเกม”

     

    “เพื่อเพื่อนเพื่อเกม เพื่อเพื่อนเพื่อเกม ฟู่วววว!

     

    แบคฮยอนวิ่งเหยาะๆ กับที่เพื่อวอมร่างกายนิดๆ หน่อยๆ ก่อนลงสนาม ถึงแม้จะเล่นไม่เป็นแต่ก็เคยดูการแข่งบาสมาก็พอสมควรหวังว่ามันจะช่วยอะไรเขาได้นิดหน่อยก็ยังดี

     

    “จงอินนนนนน!!!” เมื่อถึงช่วงพักเบรกเซฮุนก็ตะโกนเรียกรูมเมทของตัวเองให้เดินมาหากัน จงอินที่เห็นว่าเป็นรูมเมทเรียกจึงขอตัวจากพวกเพื่อนๆ พี่ๆ แล้ววิ่งมาหา

     

    “มีอะไรหรือเปล่า” จงอินถามรูมเมท

     

    “พอดีเพื่อนเราคนนี้..แบคฮยอน อยากจะเล่นบาสน่ะ” เอ่ยบอกจุดประสงค์และแนะนำเพื่อนไปในตัว

     

    “หืออ..ได้สิ แต่เล่นเป็นหรือเปล่า” จงอินพยักหน้าพลางหันไปถามเพื่อนของรูมเมทที่ใส่ชุดกีฬามาเตรียมพร้อม

     

    “นะ..นิดหน่อย” คนถูกถามตอบออกไปแบบอ้อมแอ้ม

     

    “เพื่อนเราหมายถึงเล่นเป็นแต่ไม่ได้เล่นนานแล้ว..ก็อาจจะมีหลงๆ ลืมๆ นิดนึง ฮ่าๆๆ” หัวเราะกลบเกลื่อนไม่เนียนเลยเพื่อนฮุน แบคฮยอนอยากบอกเหลือเกิน

     

    “งั้น ตามมาเดี๋ยวแบ่งทีมใหม่ให้”

     

    “โอเค” แบคฮยอนตอบออกไปพลางหันไปมองเพื่อนเซฮุนที่ชูกำปั้นแสดงสัญลักษณ์ว่าสู้ๆ แต่ตัวเขานี่ดิอยากเดินหนีไปจากที่นี่แล้ว..แต่ก็ต้องจำใจเข้าไปรวมกับคนที่เล่นบาสคนอื่นๆ

     

    ตอนแรกในสนามแห่งนี้มีผู้เล่นทั้งหมดห้าคนจึงแบ่งทีมเป็นสามต่อสอง แต่เมื่อแบคฮยอนได้มาลงเล่นทำให้แบ่งทีมได้เท่ากันคือสามต่อสาม พวกเขาตกลงกันว่าจะนับแต้มใหม่และแบ่งทีมกันใหม่อีกครั้ง โดยแบคฮยอนได้อยู่ทีมเดียวกับจงอินและรุ่นพี่อี้ชิง อีกทีมเป็นรุ่นพี่ชานยอล รุ่นพี่อี้ฟานและจื่อเทา ซึ่งทีมตรงข้ามมีแต่คนไซส์บิ๊กๆ ทั้งนั้นแต่คือทุกคนยกเว้นแบคฮยอนสูงกว่าร้อยแปดสิบแน่นอน

     

    โอ้โหหห กูมาทำอะไรที่นี่

     

    “แบคฮยอนตามลูกบาสเอาไว้!!!!” เสียงเซฮุนตะโกนดังมาจากแสตนด์เชียร์ แบคฮยอนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพลางปาดเหงื่อข้างขมับที่ไหลออกมาไม่หยุดตั้งแต่เกมเริ่ม

     

    ใช่! เกมเริ่มได้ 20 กว่านาทีแล้ว และฝ่ายตรงข้ามทำคะแนนได้ 8 แต้ม ในขณะที่ทีมของพวกเขาได้ 2 แต้ม ต้องบอกเลยว่ารุ่นพี่อี้ฟานกับรุ่นพี่ชานยอลเล่นบาสเก่งสุดๆ เพราะพวกเขาทั้งคู่ตัวสูงอยู่แล้วประกอบกับทักษะและไหวพริบการเคลื่อนไหวที่หลบหลีกการป้องกันของศัตรูได้อย่างคล่องแคล่ว และลิ่วล้อหวงจื่อเทา..ไอ้บ้านี่ตัวก่อกวนชั้นยอด ในขณะที่เขามีโอกาสครองลูกบาสจื่อเทาก็จะคอยมาก่อกวนพอมารู้ตัวอีกทีลูกบาสก็ตกไปอยู่ในการครอบครองของหมอนั่นไปแล้ว

     

    2 แต้มที่ทีมเราได้มานั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของรุ่นพี่อี้ชิงรุ่นพี่เขาก็เล่นบาสเก่งไม่แพ้พวกรุ่นพี่ชานยอล ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า ถ้ารุ่นพี่ชานยอล รุ่นพี่อี้ฟานและรุ่นพี่อี้ชิงอยู่ทีมเดียวกัน พวกเขาจะโหดขนาดไหน..มีหวังทีมเขาไม่ได้ซักแต้มแน่เผลอๆ คงไม่ได้แตะลูกบาสแม้แต่ปลายนิ้วก้อย

     

    และตอนนี้ลูกบาสถูกครอบครองโดยรุ่นพี่ชานยอลซึ่งมีจงอินคอยกันไว้อยู่ ถ้าเป็นคนอื่นที่ครองบาสแบคฮยอนก็จะปล่อยให้จงอินจัดการไปแต่นี่รุ่นพี่ชานยอลโจทย์ที่แบคฮยอนต้องขัดขวางการสวีทหวานของทั้งคู่ ในขณะที่รุ่นพี่ชานยอลตัดสินใจจะชู้ตบาสลงห่วงจากระยะที่ไกลพอสมควรเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปขวางในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังกระโดดมองตากัน แบคฮยอนจึงกระโดดอย่างสุดพละกำลังแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่และใช้มือขวาบังวิถีการชู้ตของรุ่นพี่ชานยอลเอาไว้

     

    ผลก็คือ

     

    “อ๊ากกกกกกกกกก!!!!

     

    นิ้วก้อยข้างขวาหักครับผม T_T

     




     

    //

     





     

    “ขอบคุณสำหรับค่ารักษาพยาบาลครับ”

     

    แบคฮยอนโค้งขอบคุณรุ่นพี่ชานยอลที่ทั้งพามาโรงพยาบาลและยังจ่ายค่ารักษาให้อีกด้วย จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ความผิดของรุ่นพี่ชานยอลด้วยซ้ำแต่มันเป็นเพราะเขาดันเข้าไปขวางเองก็สมควรที่นิ้วก้อยโดนเข้าเฝือกอันเบ้อเร่อ

     

    กระดิกไม่ได้เลยเหมือนตัวเองไม่มีนิ้วก้อยแล้ว แงงงงงงงงงง

     

    “ไม่เป็นไรๆ พี่ผิดเองแหละที่ชู้ตซะเต็มแรงจนนิ้วเราหักเลย” รุ่นพี่ชานยอลพูดพลางยื่นถุงยามาให้ “อ่ะนี่ยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบนะ”

     

    “ขอบคุณมากครับ” โค้งขอบคุณอีกซักรอบด้วยความซาบซึ้งใจ เป็นคนดีอะไรเยี่ยงนี้ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีไปสิบชาติ

     

    แต่รุ่นพี่เขาชอบจงอินอยู่นี่หว่า นกตั้งแต่ยังไม่ได้คิดอะไร ถุ้ย!

     

    “แล้วหอพักเราอยู่ไหนล่ะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

     

    “หอพักXOอ่ะครับ เลยมหาลัยไปสองกิโล”

     

    รุ่นพี่ชานยอลพยักหน้าเข้าใจเราทั้งคู่จึงเดินไปขึ้นรถของรุ่นพี่กลับหอพักของเขา หมายถึงไปส่งน่ะ แล้วรุ่นพี่ก็คงจะกลับไปนอนค้างที่ห้องจงอินเหมือนเดิม ไม่ได้เสียดาย ไม่ได้อิจฉา ไม่ได้น้อยใจเลยนะ คือมันแบบ..ยังไม่ได้ขัดขวางรุ่นพี่ชานยอลกับจงอินเลย

     

    “ฮัลโหล” แบคฮยอนกดรับโทรศัพท์เมื่อเซฮุนโทรเข้ามา

     

    [เป็นไงบ้างวะ ได้นอนโรงบาลหรือเปล่า ยังไม่ตายใช่มั้ย] เดี๋ยว! นี่คำถามที่เพื่อนเป็นห่วงเพื่อนคำพูดกันหรอวะ

     

    “นอนโรงบาลบ้าอะไรแค่นิ้วหัก”

     

    [เอ้าหรอ แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนกำลังกลับหรอ]

     

    “เออ เพิ่งออกจากโรงบาลกำลังกลับหอพักอ่ะ มีไร?”

     

    [มึงๆๆๆ มึงมาค้างกับกูหน่อย]

     

    “มึงบ้าป้ะเนี่ย ชุดกูก็ไม่มีให้ไปค้างทำไม”

     

    [ใส่ของกูก็ได้ยกให้ทั้งตู้เลย แต่แบบ..ช่วยกูก่อนมึงต้องมาขัดขวางพวกเขาให้ถึงที่สุดนะเว้ย กูไม่อยากอยู่คนเดียวในขณะที่พวกเขาจู๋จี๋อี๋อ๋อกันอยู่ในห้องกันสองคนอ่ะ]

     

    “ให้มันน้อยๆ หน่อยเหอะกูเพิ่งนิ้วหักมานะเว้ย อยากกลับห้องไปนอนใจจะขาดแล้ว เหนื่อย”

     

    [แบค..เพื่อเพื่อนเพื่อเกม เพื่อเพื่อนเพื่อเกม]

     

    “เออๆ ก็ได้วะ”

     

    สุดท้ายเขาก็จำใจไปช่วยไอ้เพื่อนฮุนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องบอกกับรุ่นพี่ชานยอลว่าให้ไปที่หอพักของจงอินเลยเพราะเซฮุนอยากให้ไปค้างด้วย รุ่นพี่ชานยอลก็ไม่ได้ว่าอะไรพยักหน้ารับเฉยๆ แล้วขับรถต่อไป แล้วเขาก็ต้องบอกไอ้จงแดด้วยว่าวันนี้จำเป็นต้องไปค้างตามคำเรียกร้องแกมบังคับขององค์ชายเซฮุน ไอ้จงแดก็ยินดี๊ยินดีเหลือเกินด้วยให้เหตุผลที่โคตรน่าหมั่นไส้ว่าจะได้ไม่ต้องมาเห็นหน้าหมาๆ ของเขาไปอีกหลายวัน

     

    ไอ้ฟายจงแด! กูเป็นเพื่อนมึงตั้งแต่ม.ต้นเลยนะเว้ย

     

    และในที่สุดเราก็มาถึงห้องของไอ้เซฮุนกับจงอินโดยใช้เวลาไม่นานมาก ซึ่งนั่นก็ดีแล้วเพราะเขาเหนียวตัวจะแย่เพราะยังคงอยู่ในชุดกีฬาและยังไม่ได้ทำการชำระพวกเหงื่อไคลใดๆ ทั้งสิ้น โปรแกรมต่อจากนี้คืออาบน้ำ กินข้าว กินยา และเข้านอนให้เร็วที่สุด ไม่มีภารกิจนอกเหนือจากนี้ถึงเซฮุนจะอ้อนวอนอะไรยังไงอีกก็จะไม่ทำตามแล้ว

     

    “แบคฮย๊อนนนนนน!” พอเจอหน้ากันก็โถมตัวเข้ามากอดในทันที อยากจะถามเซฮุนเหลือเกินว่า เสียงสูงเพื่อ? “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เจ็บมากมั้ยอ่ะ ขอโทษจริงๆ นะเว้ย”

     

    “เออ ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก กูเองแหละที่เสร่อไปขวางเขากำลังชู้ตบาส” แบคฮยอนเดินตามเซฮุนเข้ามาในห้องของเจ้าตัวจัดการวางถุงยาจากโรงบาลและกระเป๋าของตัวเองลงบนเตียง “ไหนอ่ะชุดให้เปลี่ยนอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว”

     

    “เลือกเลยในตู้อยากใส่ตัวไหนก็ใส่”

     

    และเขาก็เดินไปค้นตู้เสื้อผ้ามันหาเสื้อผ้าที่ตัวเองพอจะใส่ได้ ถึงเซฮุนจะหุ่นบางอาจจะบางกว่าแบคฮยอนด้วยซ้ำไปแต่แน่ล่ะมันสูงกว่าเขามากกกกกกก ซึ่งไอ้ส่วนสูงนี้เนี่ยทำให้เขาใส่เสื้อผ้ามันไม่ได้เลยซักตัว กางเกงใส่แล้วคับส่วนเสื้อใส่แล้วยาวแม่งไม่มีความพอดีบนตัวกูเลย ขอบคุณนะเพื่อน

     

    สรุปจึงได้เสื้อยืดของมันมาหนึ่งตัวและผ้าเช็ดตัวอีกหนึ่งผืนหอบเข้าห้องน้ำ ส่วนกางเกงก็ใส่มันตัวเดิมนี่แหละไอ้เซฮุนแม่งก็จะหุ่นดีไปไหน

     

    ไม่ได้บอกเลยว่าอิสสา ถุ้ย!

     

    หลังจากที่ชำระร่างกายจนชื่นใจแล้ว ถึงแม้ว่าอาจจะลำบากนิดหน่อยตรงที่นิ้วก้อยที่หักหมอสั่งห้ามว่าห้ามโดนน้ำก็เลยต้องอาบแบบระมัดระวังเป็นพิเศษ แบคฮยอนเอื้อมมือซ้ายข้างที่ไม่ถนัดไปเปิดประตูแต่มันดันไม่เปิดให้ไม่ว่าจะบิด กระแทก กระทุ้ง กระทั้น ทารุณกรรมมันขนาดก็ไม่ยอมเปิด แต่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนเข้าห้องน้ำเซฮุนบอกว่าประตูห้องน้ำไม่ค่อยดีต้องกระชากแรงๆ มันถึงจะเปิด

     

    เจ้าช่างท้าทายอำนาจมือข้างซ้ายที่ไม่ถนัดของข้ายิ่งนักนะเจ้าประตู ถุ้ย!

     

    แบคฮยอนกำมือข้างซ้ายกับลูกบิดไว้มั่น เอาสิ! ถ้าเปิดไม่ออกก็นอนมันในห้องน้ำเนี่ยแหละคนอื่นก็ไม่ต้องเข้าห้องน้ำด้วย จะเปิดไม่เปิด!

     

    จังหวะที่กำลังกระชากประตูอย่างแรงพร้อมๆ กับที่มีใครซักคนผลักประตูเข้ามาเช่นกัน ทำให้แบคฮยอนเจอแรงผลักมากเกินไปตามทฤษฎีจึงเซถอยหลังไปชนเข้ากับอ่างล่างหน้าอย่างแรง และส่วนที่ชนเข้าเต็มๆ ก็คือแก้ม

     

    “ถุ้ย”

     

    เลือดที่ไหลกลบปากพร้อมกับฟันที่หลุดออกมาหนึ่งซี่

     

    “เฮ้ยย แบคฮยอน” เป็นรุ่นพี่ชานยอลที่เข้ามาประคองร่างของแบคฮยอนเอาไว้ และคงจะเป็นรุ่นพี่ที่ผลักประตูเข้ามา

     

    รุ่นพี่ชานยอล! มึงอีกแล้วหรอออออออออออ

     

     

     



    //

     



     

     

    ในโชคร้ายก็ยังมีโชคดี

     

    โชคดีกะผีอ่ะดิ!!! คนบ้าอะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนกันภายในวันเดียว นอกจากเวรกรรมจะติดจรวดแล้วก็ยังบาปหนาอีกด้วย

     

    “ขอกคุงรุ่งพี่อีกคั้งนะคับ” (ขอบคุณรุ่นพี่อีกครั้งนะครับ)

     

    นอกจากจะฟันหลุดแล้วแก้มก็ยังบวมคางก็เกือบเคลื่อน โชคดีที่คุณหมอฟันทำการยัดมันกลับเข้าที่ได้ทันไม่งั้นคงได้ฟันหลอตั้งแต่ยังไม่แก่อ่ะ อายเพื่อนแย่เลย โดยเหตุฉะนี้จึงต้องผูกผ้าดันคางเอาไว้เพราะหมอกลัวว่าคางและฟันจะเคลื่อนจึงทำให้พูดไม่ชัด แถมยังโดนสั่งห้ามกินอาหารที่เคี้ยวยากและนาน ให้กินอาหารอ่อนๆ ไปก่อนจนกว่าฟันและคางจะเข้าที่

     

    โอ้โหหห นี่ไปศัลยกรรมเล็ทมีอินมาหรือเปล่าเนี่ย ถุ้ย!

     

    “ไม่เป็นไรๆ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษทำแบคฮยอนเจ็บตัวอีกแล้ว” ใช่! เพราะครั้งนี้รุ่นพี่ผิดเต็มๆ เลยล่ะ ไม่รู้หรือไงว่ามีคนเข้าห้องน้ำอยู่ผลักมาซะเต็มแรงเลย ถ้าหมดหล่อแล้วจะทำยังไงเนี่ย ถ้าเกิดคางเบี้ยวฟันหลอใครจะรับผิดชอบ

     

    เค้ายังไม่แต่งงานเลยนะ

     

    ไม่ได้หมายถึงเชิญชวนนะ ถุ้ย!

     

    “เอ่อ หิวมั้ยอยากไปหาอะไรกินหรือเปล่า” ชานยอลเอ่ยถามขึ้นขณะขับรถกลับหอพัก

     

    “รุ่งพี่คิกว่าคงอย่างเยาจะกิงอะไรได้” (รุ่นพี่คิดว่าคนอย่างเราจะกินอะไรได้) แบคฮยอนตอบกลับคนเป็นพี่ บอกเลยว่าตอนนี้เขาหิวมากแต่สิ่งที่เขากินได้มันมีแค่ไม่กี่อย่าง เช่นพวกน้ำ เจลาติน โจ๊ก นม อะไรพวกนี้

     

    เซ็งชะมัด! อย่างงี้ก็กินพิซซ่าไม่ได้อ่ะดิ

     

    สุดท้ายเราทั้งคู่ก็แวะร้านสะดวกซื้อและซื้อของจำพวกนมและโจ๊กสำหรับแบคฮยอนและอาหารสำเร็จรูปสำหรับรุ่นพี่ชานยอล จากนั้นก็บึ่งรถกลับไปที่หอพักของเซฮุนกับจงอินทันทีไม่รู้ว่าป่านนี้ทั้งสองคนนั้นจะกินข้าวไปแล้วหรือยังเพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว อาจจะแยกย้ายกันนอนไปแล้วก็ได้

     

    แล้วก็เป็นอย่างที่คิดทั้งห้องเงียบสนิทแถมประตูห้องเซฮุนก็เปิดไม่ออกด้วยเหมือนเซฮุนจะล็อกเอาไว้ แล้วเขาล่ะวะ? เขาจะไปนอนไหนอ่ะ บอกให้มาค้างด้วยแต่ล็อกประตูใส่กันอย่างเนี่ย ขอบคุณนะเพื่อน!

     

    “จงอินไม่ได้อยู่ในห้องเหมือนจงอินกับเซฮุนจะนอนด้วยกันที่ห้องเซฮุนนะ” รุ่นพี่ชานยอลบอกอย่างนั้นหลังจากเข้าไปสำรวจในห้องจงอินแล้วออกมา

     

    “หื้อ!” รุ่นพี่ชานยอลกำลังจะบอกเขาว่าห้องที่เหลืออยู่นี้ให้ไปนอนด้วยกันหรอ

     

    “เดี๋ยวพี่นอนโซฟาได้ แบคฮยอนเข้าไปนอนข้างในเถอะ”

     

    แป้ววว! ไงล่ะ บอกแล้วแกอ่ะคิดมาก

     

    “หมอบอกให้กินข้าวแล้วกินยาก่อนนอนด้วยนะ” พูดจบก็หันไปจัดที่จัดทางบนโซฟา เอาจริงอ่ะ จะนอนจริงๆ หรอ ตัวรุ่นพี่ก็ตั้งใหญ่โซฟาก็เล็กนิดเดียวจะไปนอนสบายอะไรเล่า

     

    มาทำให้ฟันหลุดแล้วทำยังงี้หรอ?

     

    เดี๋ยวนะ! มันเริ่มไม่ใช่ละ ถุ้ย!

     

    “รุ่งพี่ข้าวมานองด้วยกังก็ได้คับ” (รุ่นพี่เข้ามานอนด้วยกันก็ได้ครับ) เกิดมาตั้ง20ปีเพิ่งจะชวนผู้ชายนอนเตียงเดียวกันนะจ๊า คุณนายบยอนจะรู้สึกอย่างไรลูกสาว(?)ออกนอกลู่นอกทางไปแล้ว

     

    บ้า! แกอ่ะคิดมาก แค่นอนบนเตียงด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร

     

    “เอาอย่างงั้นหรอ” ชานยอลถามกลับเพื่อให้อีกฝ่ายแน่ใจ

     

    ” แบคฮยอนพยักหน้าเป็นการเชิญชวนว่ามานอนด้วยกันเถอะ เอ้ย! เป็นการยืนยันว่ามานอนด้วยกันได้

     

    ชานยอลจึงลุกจากโซฟาอันคับแคบแล้วเดินเข้าไปในห้องที่ช่วงนี้ตัวเองเข้ามาค้างบ่อยๆ ตามมาด้วยร่างเล็กที่กินยาตามคำสั่งหมอเรียบร้อยที่ใบหน้าเรียวนั้นมีผ้าผูกเอาไว้ส่วนหัวที่เป็นปมนั่นก็ทำเอานึกถึงหูกระต่ายซะอย่างนั้น

     

    น่ารักซะ

     

    “พี่จะปิดไฟแล้วนะ” คนพี่บอก

     

    “อื้อ!

     

    เมื่อได้รับเสียงตอบรับก็ตบสวิตช์ไฟให้ดับลงทันที แล้วคืบคลานเข้าไปนอนยังตำแหน่งที่ว่างอีกฝั่ง นอนคิดอะไรเพลินๆ อยู่ซักพักก็ตัดสินใจบอกคนที่นอนอยู่ข้างๆ ว่า

     

    “ฝันดีนะ”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “ฝังดีคับ” (ฝันดีครับ)

     

    โอเค! คืนนี้ใครไม่ฝันดีให้มันรู้ไปซี่

     

     



     

    //

     



     

     

    ส่วนมากน่ะนะ นางเอกหรือนายเอกส่วนมากน่ะนะมักจะตื่นมาในอ้อมกอดของพระเอกพร้อมกับมองหน้าอันหล่อเหลาของพระเอกใช่มั้ย บางทีก็มีจิ้มแก้ม บางทีก็เขี่ยจมูกเล่น พอโดนจับได้ก็ถูกรวบตัวไปฟัดแก้มจนช้ำพร้อมกับมอนิ่งคิสที่ขาดไม่ได้เลยในยามเช้านี้

     

    แต่กลับมาตรงนี้ก่อน

     

    บยอน แบคฮยอน ที่เมื่อวานได้โดนเวรกรรมชักนำให้ซวยซ้ำซวยซ้อนเล่นบาสก็นิ้วหัก จะเปิดประตูห้องน้ำก็ฟันหลุดซึ่งตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าแก้มข้างที่ฟันหลุดบวมตึงเป็นอย่างมาก

     

    จะมีนางเอกหรือนายเอกหน้าไหนตื่นนอนมาข้างพระเอกแล้วหน้าบวมโดนผูกผ้าแบบนี้บ้าง

     

    ไม่มี๊!!!!!!!

     

    แถมตอนนี้ยังปวดฟันสุดๆ แล้วยังลามไปปวดหัวตุบๆ อีกด้วย ปวดจนลุกจากเตียงไม่ไหวอยากจะร้องไห้ก็กลัวจะไปรบกวนคนที่นอนอยู่ข้างๆ เข้า ปวดนิ้วก้อยที่หักเมื่อวานนี้ด้วย นี่ยังไม่นับปวดท้องหิวข้าวนะ

     

    นาทีนี้มีแต่ทนกับทน

     

    กูทนได้ก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ถุ้ย!

     

    “แงงงงงงงง เซฮุงงงงงงงงงง!” ช่วยเพื่อนคนนี้ด้วยเก็บศพกูที พาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้กูไม่ไหวแล้ว

     

    “แบค! แบคฮยอนเป็นอะไรมั้ย เกิดอะไรขึ้น?” คนเป็นพี่ที่นอนอยู่ข้างๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงร้องไห้ข้างๆ ตนเอง

     

    “เยา ฮึก งืออออ ปวกปัยหมดเยย” (เรา ฮึก งืออออ ปวดไปหมดเลย)

     

    “ปวดหรอ? โอเคเดี๋ยวพี่พาไปหาหมอนะ แป๊บนึงนะครับ” ชานยอลว่าอย่างนั้นแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องด้วยความรีบร้อน เขาออกไปเคาะประตูเรียกอีกสองคนที่อยู่ห้องข้างๆ และซักพักก็เป็นจงอินที่มาเปิดประตูด้วยสีหน้าง่วงๆ

     

    “เดี๋ยวพี่จะพาแบคฮยอนไปโรงบาลนะ ฝากบอกเซฮุนด้วย ถ้าไม่ดียังจะโทรมาอีกที”

     

    “อะ ครับๆ” จงอินพยักหน้าพยายามเข้าใจที่อีกฝ่ายบอก

     

    จากนั้นชานยอลจึงเข้าไปในห้องที่มีแบคฮยอนนอนร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่บนเตียง เขาถือกุญแจรถและยัดกระเป๋าตังค์ลงกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะอุ้มแบคฮยอนขึ้นในท่าเจ้าสาวพาไปที่รถแล้วขับไปโรงพยาบาลทันที

     

    ไอ้หัวใจที่มันกำลังกระวนกระวายบีบรัดกันแน่นนี่เขาเรียกว่าอาการอะไรนะ?

     

    และในที่สุดแบคฮยอนก็เงียบลงไปแล้วหลังจากที่หมอฉีดยาแก้ปวดกับยาลดบวมให้ทันทีที่ถึงมือหมอ และเจ้าตัวก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

     

    ช่างเป็นเด็กผู้ชายที่ร้องไห้ได้น่าสงสารมากเลยตั้งแต่เคยเห็นมา ชานยอลคิดแบบนั้นเมื่อนึกย้อนไปตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเจ้าเด็กข้างกายนอนร้องไห้ไม่หยุด มันน่าสงสารซะจนเขายอมแลกอะไรก็ได้เพื่อให้เด็กคนนี้ไม่มีน้ำตา

     

    “รุ่นพี่ชานยอล! แบคฮยอนเป็นยังไงบ้างครับ” เซฮุนตามมาโรงพยาบาลทันทีหลังรู้จากจงอินว่ารุ่นพี่พาแบคฮยอนไปโรงพยาบาล ทำเอาใจหายใจคว่ำหมดเลย

     

    โธ่เอ้ย! แบคฮยอนมึงนี่มัน

     

    “ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ หมอบอกให้ดูอาการอีกซักคืนถ้าไม่ปวดมากก็กลับบ้านได้”

     

    “อย่างนั้นหรอครับ เดี๋ยวผมโทรไปลากับเพื่อนมันก่อน”

     

    เซฮุนขอตัวไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพื่อไม่ให้รบกวนผู้ป่วยที่กำลังนอนหลับอยู่ แต่พอคุยธุระเสร็จแล้วเดินเข้ามาเท่านั้นแหละเขาเห็นว่ารุ่นพี่ชานยอลโอบไหล่จงอินเมื่อตะกี้นี้ด้วย จริงๆ นะไม่ได้ตาฝาด

     

    อะไรกัน! คนที่เคยนอนเคียงร่วมเตียงเดียวกันเมื่อคืน กลับมายืนให้คนอื่นโอบไหล่เนี่ยนะ!

     

    นายทำกับเราอย่างนี้ได้ยังไง คิมจงอิน!

     

    แล้วไขมันในท้องเราล่ะใครจะรับผิดชอบ ถุ้ย! ไม่ใช่แล้ว

     

    วันนี้โชคดีที่เซฮุนไม่มีเรียนจึงอาสาที่จะอยู่เฝ้าเพื่อนของเขาเอง ส่วนรุ่นพี่ชานยอลกับจงอินก็กลับไปเรียนตามตารางของตนเอง แล้วรับปากว่าจะมาหาตอนที่เลิกเรียนแล้ว

     

    “แบคฮยอน! ฮืออออ นายรีบตื่นขึ้นมาเลยนะเว้ย ไอ้รุ่นพี่ชานยอลแม่งเอาอีกแล้ว คราวนี้คือโอบไหล่เลยเว้ยแบบต่อหน้าต่อตา”

     

     

    “เมื่อคืนจงอินอุตส่าห์มานอนห้องกูแล้วเว้ย แบบ..มันเกือบจะดีแล้ว เอาจริงๆ แค่นอนหลับข้างกันมันก็พอสำหรับกูแล้ว”

     

     

    “แต่แบบ..มึงๆๆๆๆ มันก็ไม่ค่อยพอหรอกกูมันอิโลภมากอยากได้เขาเป็นผัวไง เออ! มึงอยากเติมเกมมั้ย? ถ้าอยากมึงต้องช่วยกูขัดขวางไอ้รุ่นพี่ชานยอลอย่างสุดความสามารถ แม้ตัวจะตายแต่มึงจะเป็นผู้มีพระคุณกับกูตลอดไป”

     

    ...

     

    “คราวนี้มึงช่วยกูอีกครั้งเดียวนะๆ กูจะสารภาพกับจงอินแล้วตอนนี้กูเชื่อเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นแล้วว่าจงอินมีใจให้กู”

     

    “แค่คั้งเยียวนะ” (แค่ครั้งเดียวนะ)

     

    “อ้าว มึงไม่ได้หลับอยู่หรอ!?” เซฮุนตกใจแทบตกเก้าอี้เมื่อเห็นแบคฮยอนลืมตามาคุยกัน โอ้โหหห หัวใจเกือบวายเกือบไม่ได้เป็นเมียจงอิน

     

    “จาหยับได้ไงมึงนั่งพูกไม่หยุกเยย” (จะหลับได้ไงมึงนั่งพูดไม่หยุดเลย)

     

    “แฮะ โทษที..แต่ให้ช่วยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ สาบานขอให้เซฮุนมีผัวเป็นจงอิน”

     

    “เออๆ แย้วแต่เหอะ จานอนแย้วเงียกด้วย” (เออๆ แล้วแต่เหอะ จะนอนแล้วเงียบด้วย)

     

    “จ้า ฝันดีเพื่อนรัก กูรักมึง” ส่งยิ้มแบบตาแป๊ะให้คนบนเตียง

     

    “ยี๋” แต่มันโคตรน่าคนลุกสำหรับแบคฮยอนเลย

     

     



     

    //

     

     



     

    แบคฮยอนออกจากโรงพยาบาลมาได้หลายอาทิตย์แล้ว อาการปวดลดลงไปมากแต่ก็ยังปวดอยู่พอๆ กับแก้มที่บวมตุ่ยแต่หมอก็ยังคงให้ผูกผ้าเอาไว้ก่อนเพื่อให้อะไรๆ มันเข้าที่เข้าทาง นิ้วก้อยก็ยังคงใช้การไม่ได้เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือโดนเซฮุนละเลงสีที่เฝือกไปแล้วเรียบร้อย

     

    วันนี้เรามาอยู่ที่ห้องสมุดเพราะรุ่นพี่ชานยอลมาหาข้อมูลทำโปรเจ็คจบ ส่วนจงอินกับเซฮุนก็หาอะไรมาอ่านฆ่าเวลาไปงั้นๆ แบคฮยอนที่นั่งเบื่อๆ ไม่รู้ทำอะไรก็ตีป้อมต่อไปถึงแม้นิ้วก้อยจะใช้การไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหา

     

    เรานั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันมาซักพักแล้วและเซฮุนก็ส่งซิกว่าได้เวลาที่จะทำตามแผนของเซฮุนฝ่ายเดียวแล้วใตตอนนี้ โดยที่เซฮุนจะออกไปกับจงอิน..ก็ไปสารภาพความรู้สึกกันน่ะแหละ ส่วนเขาก็ทำเป็นชวนพี่ชานยอลคุยไปเรื่อยๆ แล้วถ้าเป็นแฟนกันแล้วเซฮุนจะถ่ายรูปคู่ลงไอจียืนยันทันทีพร้อมแคปชั่น แล้วให้แบคฮยอนทำเป็นว่าบังเอิญเปิดเจอแล้วบอกกับรุ่นพี่ชานยอลว่าเซฮุนกับจงอินเป็นแฟนกันแล้ว และทีนี้รุ่นพี่ชานยอลก็จะได้เลิกยุ่งกับจงอินซะทีและแบคฮยอนก็จะได้เติมเกมแล้ว

     

    แล้วรุ่นพี่ชานยอลได้อะไรอ่ะ?

     

    อ่อ ได้ความสงบสุขกลับคืน จะไม่ต้องมีตัวโชคร้ายเดินได้อย่างแบคฮยอนคอยให้พาไปหาหมออีกแล้ว

     

    วินวินกันทุกฝ่ายเลย

     

    แต่พอคิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วก็รู้สึกโหวงๆ ในใจแปลกๆ ไปเลย

     

    จะมีใครพาไปหาหมออีกยามเขารู้สึกปวด หรือมีแผลเพิ่ม

     

    จะมีใครคอยกำชับเรื่องกินยาทั้งก่อนและหลังอาหาร ก่อนนอนก็กำชับอีกรอบอีก

     

    จะมีใครที่ตื่นมาแล้วถามอาการกันบ้าง

     

    จะมีใครปิดไฟก่อนนอนให้เขา

     

    จะมีใครคอยบอกฝันดี

     

    จะมีใครสอนเขาเล่นบาสอีก

     

    จะมีใครคอยเป็นห่วงเขาอีก

     

    จะมีใครเหมือนรุ่นพี่ชานยอลอีก

     

    ไม่มี ไม่มีเลยเจ้าค่ะ

     

    ถุ้ย!

     

     

    “จงอินไปข้างนอกกันเถอะ เราอยากกินชีสเค้ก” เซฮุนกำลังชวนจงอินออกไปข้างนอกแล้ว และรุ่นพี่ชานยอลคงไม่ได้ยินเพราะเขาใส่หูฟังอยู่

     

    “อ่อ โอเค” แล้วทั้งสองคนก็ลุกขึ้นเก็บเก้าอี้ให้เข้าที่

     

    “จะไปไหนหรอ?” เป็นรุ่นพี่ชานยอลที่เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นสองคนนั้นกำลังลุกออกไป รุ่นพี่จัดการถอดหูฟังและเก็บข้าวของเพื่อจะตามออกไป ตอนนี้ล่ะแบคฮยอนต้องห้ามรุ่นพี่ชานยอลเอาไว้เพราะสองคนนั้นกำลังจะไปสารภาพรักกันถ้ารุ่นพี่ชานยอลตามไปล่ะก็ได้เสียแผนหมดแน่ๆ

     

    “เดี๋ยว!! อั่ก!

     

    จังหวะที่จะลุกตามไปห้ามรุ่นพี่ชานยอลแต่ดันสะดุดขาโต๊ะล้มซึ่งยังดีที่หน้าไม่ทิ่มลงไปกับพื้น แต่เท้าอ่ะดิ เท้า!!!!

     

    ข้อเท้าไม่ถูก

     

    ข้อเท้าแพลง ถุ้ย!

     

    “แบคฮยอน!” และฮีโร่ในใจตลอดกาลนามปาร์คชานยอลก็เข้ามาอุ้มสารร่างอันบอบช้ำไปทั้งตัวของบยอนแบคฮยอน

     

    นี่ใช้ตัวเปลืองไปป้ะวะ แค่เพื่อนอยากมีผัวกูต้องใช้ตัวเข้าแลกขนาดนี้

     

    คอยดูนะเซฮุนตังเติมเกมที่ให้กันถ้าต่ำกว่าสามหลัก มีเคือง!

     

    แล้วในที่สุดร่างของแบคฮยอนก็ถูกพามายังโรงพยาบาลเก่า โรงพยาบาลเดิมที่เคยมาเมื่อครั้งที่แล้วของที่แล้วของที่แล้วของที่แล้ว และก็เป็นคุณหมอท่านเดิมที่เข้ามารักษาจนโดนแซวว่าจะเป็นหมอประจำตัวให้อยู่แล้ว เข้าออกโรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่สองขนาดนี้ติดใจล่ะซี่

     

    หมออออ!!! มีใครติดใจอยากเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ บ้างถามหน่อย

     

    และสุดท้ายเท้าข้างซ้ายก็ได้เข้าเฝือกอ่อน ขอบคุณเพื่อนฮุนมากๆ เลยที่ให้ประสบการณ์การเข้าโรงพยาาบาลบ่อยแบบที่ไม่เหมือนใครมาก่อน

     

    ระหว่างเดินทางกลับหอพักของจงอินและเซฮุน เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของแบคฮยอนดังขึ้น ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนการโพสต์รูปของเซฮุนที่เขาได้เปิดแจ้งเตือนเจ้าตัวเอาไว้ พอกดเข้าไปดูรูปก็ไม่ผิดอย่างที่คาดเป็นรูปชายสองคนถ่ายรูปคู่กันพร้อมแคปชั่นว่า ‘My Lover’ คงจะได้เป็นแฟนกันแล้วจริงๆ

     

    “ยิงลีด้วย” (ยินดีด้วย) แบคฮยอนกดพิมพ์ส่งไปตามที่พูด

     

    “เรื่องอะไรหรอ?” ชานยอลถามขึ้นเพราะได้ยินอีกคนพูดคำว่ายินดี

     

    “อ่อ คือ” แบคฮยอนดันเกิดความรู้สึกลังเลว่าจะบอกออกไปดีหรือไม่ ถ้าบอกไปแล้วรุ่นพี่ชานยอลจะเสียใจหรือเปล่า “เซฮุงกะจงอิงเปงแฟงกังแย้วคับ” (เซฮุนกับจงอินเป็นแฟนกันแล้วครับ)

     

    ถึงไม่อยากบอกก็คงต้องบอกอยู่ดีเพราะจงอินกับเซฮุนเป็นแฟนกันแล้ว และรุ่นพี่ชานยอลก็ควรตัดใจจากจงอินซะและแบคฮยอนหวังว่ารุ่นพี่จะทำใจได้ในซักวัน และก็แอบขอโทษอยู่ในใจที่เข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของรุ่นพี่ชานยอล

     

    “อย่างนั้นหรอ” น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอื่นใด แบคฮยอนจึงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

     

    เมื่อรถเข้ามาจอดหน้าทางเข้าของหอพักที่จงอินและเซฮุนอยู่ รุ่นพี่ชานยอลก็สั่งให้เขาอยู่ในรถเฉยๆ แล้วเจ้าตัวจะขึ้นไปเก็บของลงมาหมายความว่าพี่ชานยอลคงจะไม่ได้มาอยู่ค้างที่ห้องของจงอินอีก และก็หมดหน้าที่ตัวขัดขวางอย่างแบคฮยอนแล้วก็คงต้องกลับไปนอนที่หอพักXOกับจงแดเหมือนเดิม

     

    “แบคฮยอนอยู่หอพักกับใครหรอครับ” ชานยอลถามระหว่างขับรถ

     

    “กะเพื่องคับ จงแย” (กับเพื่อนคับ จงแด)

     

    และไม่นานเกินอึดใจเดียวแต่มันเป็นแป๊บเดียวสำหรับแบคฮยอนมากๆ ก็มาถึงหอพักที่เขาเคยอาศัยอยู่ก่อนที่จะต้องไปช่วยเซฮุนขัดขวางรุ่นพี่ชานยอลไม่ใช่เข้าใกล้จงอิน คงจะต้องบอกลากันตรงนี้แล้วสินะ ลาก่อนเจ้ารถราคาแพงที่นั่งแล้วสบายตูดเป็นบ้า

     

    เดี๋ยว! รู้สึกไม่ใช่

     

    “เดินเองไหวมั้ย พี่ช่วยพยุงดีกว่ามา” และรุ่นพี่ชานยอลก็เปิดประตูออกไปจากรถอ้อมมาเปิดประตูรถให้เขาก่อนที่เขาจะออกไปก่อนซะอีก

     

    “ขอกคุงมากคับ” (ขอบคุณมากครับ)

     

    “อยู่ชั้นไหนล่ะ”

     

    “สี่คับ” (สี่ครับ)

     

    เราทั้งคู่ขึ้นลิฟต์มายังชั้นสี่แล้วก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ แม้แบคฮยอนอาจจะเดินช้าไม่ค่อยสะดวก แต่รุ่นพี่ชานยอลก็ยังใจเย็นประคองให้สองเราเดินไปพร้อมกัน ไม่รีบและไม่เร็วจนเกินไป

     

    “ห้องนี้คับ” (ห้องนี้ครับ)

     

    “เดี๋ยวก่อน!” แบคฮยอนชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูห้องเมื่ออีกฝ่ายขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บเสื้อผ้านะ แล้วเราก็เลือกเอาของใช้ที่จำเป็นไปก่อนแล้วค่อยมาเก็บอีกทีทีหลัง”

     

    หมายความว่ายังไงฟะ? แบคฮยอนขมวดคิ้วไม่เข้าใจอะไรคือการให้เก็บเสื้อผ้าและข้าวของใช้ที่จำเป็น ทำเหมือนกับจะให้ย้ายไปไหน

     

    “ทัมมัยคับ เยาไม่ข้าวจัย” (ทำไมครับ เราไม่เข้าใจ)

     

    “ก็พี่อยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันไง”

     

    หื้อ! เดี๋ยวก่อนนะ ย้ายไปอยู่ด้วยกัน!!!!!

     

    “ย้ายไปหนัย อยู่กะคัย” (ย้ายไปไหน อยู่กับใคร) ยิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเดิมอีก

     

    “พี่อยากให้แบคฮยอนย้ายมาอยู่กับพี่ครับ”

     

    “ทัม” กำลังจะถามว่าทำไมแต่ก็โดนรุ่นพี่พูดแทรกขึ้นมา

     

    “เพราะพี่อยากดูแลแบคฮยอน ยิ่งแบคฮยอนบาดเจ็บแบบนี้ พี่ก็อยากให้มาอยู่ข้างๆ ไม่อยากให้คลาดสายตาไปไหนเลยครับ”

     

    “ยู้ฉึกผิดหยอ” (รู้สึกผิดหรอ) มันเกือบจะดีแล้วจริงๆ ถ้าบอกว่าใช่จะร้องไห้จริงๆ ด้วยอ่ะ

     

    แต่รุ่นพี่ชานยอลยิ้ม

     

    ในขณะที่แบคฮยอนน้ำตาคลอเบ้าไปแล้ว

     

    พี่ชอบแบคฮยอนครับ

     

    “ฮืออออออออออออ”

     

    แบคฮยอนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทั้งๆ ที่รุ่นพี่เขาบอกชอบแต่ดันไปร้องไห้ใส่เขาซะได้

     

    เออ หมดกัน!

     

    “ชอบพี่บ้างมั้ยครับ?” และแน่นอนว่าแบคฮยอนพยักหน้าแบบไม่ลังเลเลยน้ำตานี่ไหลอาบแก้ม “พูดให้ฟังหน่อยสิ”

     

    “ยอหายก่องนะ” (รอหายก่อนนะ) แล้วก็จุ๊บไปที่แก้มรุ่นพี่หนึ่งที

     

    แน่นอนล่ะว่าเสียงที่ไม่ชัดแบบนี้คงไม่มีนางเอกหรือนายเอกคนไหนบอกรักพระเอกเป็นแน่ และแบคฮยอนก็จะไม่ทำเช่นกันอย่างน้อยก็ต้องรอให้หายก่อนแล้วเขาจะพูดให้ฟังจนอีกฝ่ายเบื่อไปเลย

     

    “หายเร็วๆ นี้แน่ตัวแสบ”

     

    ชานยอลไม่รู้หรอกนะว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน อาจจะตอนที่เขาพาแบคฮยอนไปหาหมอ อาจจะเป็นตอนที่ได้นอนหลับข้างกัน อาจจะเป็นตอนที่เห็นอีกคนร้องไห้ อาจจะเป็นตอนที่แข่งบาสด้วยกัน

     

    หรืออาจจะเป็นตอนที่รอยยิ้มอันแสนสดใสที่แสนตรงตรึงใจตั้งแต่หนึ่งปีก่อน

     

     



    FIN


     




    อ่านให้ฉะหนุกน้าาาาา

    รักๆๆๆ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×