ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF & OS) คลังลั่นฟิค`s ขี้ตะไคร่ | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #17 : [SF] CURSE | END

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 61








    ถ้ามี (ขีดฆ่า) ต่อท้าย หมายถึงข้อความนั้นถูกขีดฆ่านะฮับ
    ประมาณว่าเราเขียนผิดไม่มีลิขวิดก็ขีดฆ่ามันซะ 55
    (อ่านในเว็บจะเห็นชัดกว่า)


    * ไม่มีความสมจริง ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์อะไรมารองรับเลยฮับ

    เป็นจินตนาการเพื่อความบันเทิงล้วนๆ *





    CURSE - END



     

     

    เดือนที่ 5

     

    ถึงตัวเล็กในอีก 4 เดือนข้างหน้า

    สวัสดีครับผมชื่อ (ขีดฆ่า)

    สวัสดีฉันชื่อ (ขีดฆ่า)

    สวัสดีฉันเป็นแม่ของหนู ขอโทษที่เคยคิดว่าไม่ต้องการหนูนะ (ขีดฆ่า)

     

    สวัสดีตัวเล็ก 5 เดือนแล้วนะ อีกราวๆ 4 เดือนข้างหน้าเราจะได้เจอกันแล้ว แม่ชื่อว่าบยอน แบคฮยอนนะครับ อาจจะออกเสียงยากหน่อยแต่เราจะมาฝึกออกเสียงไปด้วยกันนะ (แม่เป็นผู้ชายนะครับ-ขีดฆ่า) ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไงแต่เราจะมาทำความเข้าใจไปด้วยกันนะครับ แม่ยังไม่ได้คิดชื่อของหนูเลยแต่แม่จะให้คุณชานยอลช่วยคิดด้วยดีไหมครับ?

    คุณปาร์ค ชานยอล หนูต้องจำชื่อของคุณคนนี้ให้ขึ้นใจเลยนะครับ (เขาไม่ใช่พ่อของหนูหรอกจริงๆ แล้วหนูไม่มี-ขีดฆ่า) อ่าเขาเป็นคนที่คอยดูแลหนูและแม่มาตลอดเลย คุณชานยอลเป็นคนที่ดีมากๆ เขาเป็นผู้มีพระคุณกับเราสองคนมากเลยนะครับ หนูโตขึ้นแล้วหนูต้องไม่ลืมที่จะขอบคุณคุณชานยอลเยอะๆ นะครับ

    หนูดิ้นบ่อยมากๆ เลย คุณหมอจงอินก็ชมว่าหนูแข็งแรงมากๆ คุณหมอจงแดก็ดีใจที่หนูมีสุขภาพแข็งแรง ใครๆ ก็ยินดีที่หนูมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ แม่ขอโทษนะ แม่ขอโทษจริงๆ แม่สัญญาว่าจะเป็นแม่ที่ดีให้กับหนูนะครับ

     

     

     

    เดือนที่ 6

     

    ถึงตัวเล็กในอีก 3 เดือนข้างหน้า

    สวัสดีตัวเล็ก 6 เดือนแล้วนะ อีกราวๆ 3 เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้ว ตอนนี้ท้องของแม่ใหญ่ขึ้นมากๆ เลย เพราะหนูให้แม่กินเยอะเกินไปหรือเปล่านะถึงได้ท้องใหญ่แบบนี้ คุณหมอจงอินเขาแซวหนูใหญ่เลยนะครับว่าตอนคลอดหนูจะต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ  แต่ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไงแม่ก็รักหนูมากๆ นะครับ แม่ขอโทษสำหรับอดีตที่ผ่านมา ขอให้แม่ได้แก้ตัวใหม่นะครับแม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลย

    คุณชานยอลเขารักและเป็นห่วงหนูมากๆ นะครับ เขาซื้อเสื้อผ้าและของเล่นมาให้หนูเยอะแยะเต็มไปหมดและยังเป็นห่วงแม่เอามากๆ เพราะตอนนี้แม่เริ่มเป็นตะคริวที่ขาบ่อยๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน คุณชานยอลจึงมานอนเป็นเพื่อนแม่คอยช่วยแม่ในหลายเรื่องเลย

    เพราะฉะนั้นหนูต้องรักคุณชานยอลให้มากๆ นะครับ แต่ไม่ใช่รักเพราะแม่บอกให้รักนะ แม่อยากให้หนูรักคุณชานยอลด้วยใจของหนูเอง (เหมือนกับ-ขีดฆ่า) เอาล่ะ! อีก 3 เดือนเราจะได้เจอกันแล้วอดทนจนกว่าจะถึงวันนั้นนะครับ

     

     

     

    เดือนที่ 7

     

    ถึงตัวเล็กในอีก 2 เดือนข้างหน้า

    สวัสดีตัวเล็ก 7 เดือนแล้วนะ อีกราวๆ 2 เดือนข้างหน้าเราก็จะได้เจอกันแล้ว นับถอยหลัง 60 วันด้วยกันไหมครับ แม่จะสอนหนูในหลายๆ เรื่องเลยแต่แม่จะไม่สอนให้หนูเป็นเหมือนแม่เด็ดขาดเพราะแม่เป็นคนไม่ดี แต่ถึงแม่จะเป็นคนไม่ดีแต่แม่ก็รักหนูนะครับ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ด้วยกันนะ

    คุณหมอจงแดกับคุณหมอจงอินทำงานหนักมากๆ เลยเพราะอีก 2 เดือนหนูก็จะคลอดแล้วพวกเขาจึงต้องทำการบ้านว่าทำอย่างไรหนูถึงจะคลอดออกมาได้ปลอดภัยที่สุด เพราะร่างกายที่ไม่ได้เอื้ออำนวยของแม่แต่เราก็จะข้ามมันไปเนอะ ไม่ว่ายังไงแม่ก็จะพยายามเต็มที่เพื่อให้หนูคลอดออกมาอย่างแข็งแรงปลอดภัยนะครับ

    คุณชานยอลซื้อของใช้ของหนูมาเต็มบ้านเลย ตอนนี้แม่ถามคุณชานยอลให้แล้วนะครับว่าจะให้หนูชื่ออะไรดี คุณชานยอลดีใจมากๆ เลยที่จะได้ตั้งชื่อหนู แล้วหนูล่ะดีใจไหมครับ?

     

     

     

    เดือนที่ 8

     

    ถึงตัวเล็กในอีก 1 เดือนข้างหน้า

    สวัสดีชานฮยอน 8 เดือนแล้วนะครับ อีกแค่ราวๆ 1 เดือนแม่จะได้เจอหนูแล้วนะ หนูมีชื่อแล้วนะครับ ปาร์ค ชานฮยอน คือชื่อของหนูนะ คุณชานยอลเป็นคนคิดให้ลูกของแม่เลยนะครับหนูชอบหรือเปล่า? อย่าลืมมาบอกแม่นะครับแล้วก็อย่าลืมไปขอบคุณคุณชานยอลด้วยนะ

    ชานฮยอนรู้อะไรไหมครับว่าทำไมหนูถึงได้ใช้นามสกุลปาร์คที่เป็นของคุณชานยอล แต่ไม่ได้ใช้บยอนที่เป็นนามสกุลของแม่ (เพราะแม่-ขีดฆ่า) เอาเป็นว่าแม่จะบอกหนูอีกครั้งนะครับเป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ

    แม่รักชานฮยอนนะครับ

     

     

     

    เดือนที่ 9

     

    ถึงชานฮยอน

    เราจะได้เจอกันจริงๆ แล้วนะครับ และเพื่อความปลอดภัยของหนูและแม่ คุณหมอจงอินกับคุณหมอจงแดตกลงกันว่าจะให้แม่มานอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมที่หนูจะอยากออกมาลืมตาดูโลกได้ทุกเวลาเลย ตื่นเต้นไหมครับ? แม่ตื่นเต้นมากๆ เลยแต่คนที่ดูจะตื่นเต้นกว่าก็คือคุณชานยอลล่ะ รายนั้นมาเฝ้าแม่รอดูอาการทุกคืนเลย ถ้าหนูคลอดออกมาแล้วไม่ว่ายังไงแม่ก็จะอยู่ข้างๆ ชานฮยอนนะครับ แม่รักชานฮยอนนะ คุณหมอจงแดกับคุณหมอจงอินก็รักหนู คุณชานยอลก็รักหนูมากๆ เช่นกัน

    มีคนมากมายเลยที่พร้อมจะรักหนู ไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตหรอกนะครับเราจะผ่านมันไปได้ด้วยดีเลยล่ะ เชื่อแม่นะครับ

    ไว้แม่จะพาชานฮยอนไปรู้จักกับคุณตาคุณยายนะครับ แม่เชื่อว่าคุณตากับคุณยายต้องยอมรับหนูแน่นอน

     

    แล้วเจอกันนะครับ ชานฮยอน




     

     ...





    แบคฮยอนกำลังเตรียมตัวเข้าห้องคลอดแล้วโดยมีชานยอลที่นั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ และคอยซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้าของรูมเมทที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอยู่ วันนี้เป็นวันที่ทั้งแบคฮยอนและชานยอลเฝ้ารอคอยมาโดยตลอด

     

    วันที่หนูน้อยชานฮยอนจะคลอดแล้ว

     

    “คุณ ฮึก ผมกลัว” แบคฮยอนบีบมือของอีกฝ่ายที่จับมือของเขาเอาไว้อยู่ เพื่อระบายความกลัวที่มีทั้งหมดให้อีกคนได้รับรู้

     

    “คุณกับลูกจะต้องไม่เป็นอะไร เชื่อผมนะ” ชานยอลก้มลงไปหอมที่ขมับของอีกฝ่ายเพื่อให้กำลังใจ

     

    เขาไม่รู้เลยว่ารูมเมทจะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ขนาดไหนแต่เขาก็เชื่อว่าทุกๆ อย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีและมีหนูน้อยชานฮยอนได้ออกมาลืมตาดูโลกใบนี้อย่างปลอดภัย

     

    “คะ..คุณ ฮึก อย่าไปไหนนะ”

     

    “ครับ ผมจะรอคุณ รอชานฮยอนอยู่ตรงนี้นะครับ”

     

    เป็นจังหวะเดียวกับที่มีบุรุษพยาบาลมาเข็นเตียงของแบคฮยอนออกไปเพื่อเข้าไปในห้องคลอด คุณหมอจงอินและคุณหมอจงแดเดินเข้ามาหาชานยอลก่อนเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่ายให้คลายกังวล เพราะศูนย์รวมความเครียดตอนนี้ได้มากองรวมกันอยู่บนหน้าชานยอลเต็มไปหมด

     

    “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับคุณพ่ออีกไม่นานก็จะได้เห็นหน้าคุณลูกชายแล้ว ผมนายแพทย์คิม จงอินผู้ผ่านประสบการณ์การผ่าคลอดมาอย่างโชกโชน จะทำการผ่าคลอดอย่างสุดความสามารถเลยครับ” คุณหมอจงอินพูดด้วยความมั่นใจและเดินเข้าไปในห้องคลอดเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้พ่อแม่ลูกเขาจะได้เจอกันเสียที

     

    บอกตามตรงว่าตั้งแต่คิม จงอินทำงานเป็นหมอสูติฯมาได้หลายปีก็ไม่เคยผูกพันกับครอบครัวไหนเป็นพิเศษเท่าครอบครัวนี้แล้วจริงๆ อาจจะเป็นเพราะเราเจอกันสองครั้งต่อหนึ่งเดือน หรือเพราะเป็นเคสที่ผู้ชายท้องได้ แต่นั่นก็ทำให้เขาสนิทกับครอบครัวนี้เป็นพิเศษ ถึงขนาดแอบไปซื้อของขวัญเตรียมต้อนรับหนูน้อยคนนี้เลยล่ะ คนพ่อก็หล่อคนแม่ก็น่ารัก คนลูกออกมาจะต้องหน้าตาดีไม่พ้นพ่อแม่แน่ๆ

     

    พูดแล้วก็อยากมีลูกเป็นของตัวเองเลย

     

    แต่ก็ไม่มีใครจะมาเป็นแม่ของลูกเลยซักคน โธ่!

     

    “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ปล่อยให้สองคนนั้นเป็นอะไรแน่นอนนายเชื่อมือฉันได้เลย” คุณหมอจงแดตบบ่าเพื่อนตัวสูงไปเบาๆ “ว่าแต่นายนี่ทำหน้าที่ได้เยี่ยมจริงๆ เลยนะ แทบจะเป็นพ่อของเจ้าหนูได้เลยล่ะ”

     

    “พ่อเหรอ?” ชานยอลทวนคำนั้นของคนที่เป็นเพื่อนกันมานับหลายปี

     

    “ใช่ ยังไงช่องใบแจ้งเกิดของเจ้าหนูก็ว่างนะตรงช่องบิดาน่ะ ไม่ลองขอคุณแบคฮยอนดูล่ะพ่อบุญธรรมน่ะ”

     

    “อ่า..ฉันคงไม่-

     

    “ขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีกวะ ลูกก็มีพร้อมขนาดนี้หรือเพราะคุณแบคฮยอนเป็นผู้ชาย?”

     

    “เปล่า”

     

    “เอาเถอะ ฉันก็แค่พูดให้นายเก็บไปคิดเฉยๆ” คุณหมอจงแดพูดแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องคลอดไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

     

    ส่วนคนที่โดนเพื่อนพูดให้คิดนั้นก็หาที่นั่งรอใครอีกคนที่กำลังพยายามต่อสู้กับความกลัวเพื่อให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ชานยอลไม่เคยคิดอาจเอื้อมตำแหน่งนั้นแต่ก็พยายามทำให้ดีมาโดยตลอด

     

    ถึงจะไม่ใช่..แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รัก

     

    แต่มันคงจะไม่เป็นไรใช่ไหม..หากตอนนี้เขาก็กำลังคิดตามที่เพื่อนผู้เป็นหมอบอก ถ้าช่องลงชื่อของบิดายังว่างเขาจะสามารถใส่ชื่อของตัวเองลงไปได้ใช่ไหม




    CURSE

     


     

    แบคฮยอนรู้..รู้ดีเลยล่ะว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน

     

    เขาทั้งไม่มีความรับผิดชอบ ขี้โกหก แถมยังไม่ได้เรื่องเอาเสียมากๆ พอมามองย้อนกลับไปในอดีตก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะโดนคำสาป แต่พอมาตระหนักนึกดีๆ ดูแล้วมันก็เป็นเพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น

     

    แต่พอสำนึกได้แล้วมันยังสามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้หรือเปล่า?

     

    หรือมันจะพอลบล้างคำสาปนี้ได้ไหม?

     

    ชีวิตทั้งชีวิตนี้แบคฮยอนไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีลูก และที่เลวร้ายไปกว่านั้นเลยคือกลับเป็นเขาเสียเองที่เป็นคนอุ้มท้องคลอดลูกของตัวเอง ลูก..ที่ไม่ได้ต้องการมาตั้งแต่แรก

     

    แล้วตอนนี้ล่ะ?

     

    สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เคยอาศัยอยู่ในท้องของแบคฮยอนมานานนับเก้าเดือนได้ออกมาดูโลกภายนอกแล้ว ความว่างเปล่าที่รู้สึกได้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เผลอยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างไม่ชิน

     

    แบคฮยอนรู้สึกตัวนานแล้วและห้องทั้งห้องก็ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลยนอกจากเขาที่ตื่นมาโดยเพียงลำพัง

     

    แต่ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยมีรถเข็นคันเล็กๆ ที่มีคุณหมอจงอินเป็นคนเข็นให้และตามมาด้วยคุณหมอจงแด และคุณชานยอลที่เลือกเดินมานั่งข้างเตียงของรูมเมทตัวเล็กแทนและทำการปรับเตียงให้อย่างรู้หน้าที่

     

    “ดูซี้ใครมาหาคุณแม่กันเอ่ย” คุณหมอจงอินเข็นรถเข็นเข้ามาใกล้ๆ เตียงคนไข้พร้อมกับเอ่ยเย้าแหย่ทำให้ได้รับรอยยิ้มเล็กๆ จากคุณแม่มือใหม่ไปในทันที

     

    แบคฮยอนชะเง้อมองทารกน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขากำลังหลับตาพริ้มนอนอยู่บนรถเข็น ผิวขาวตามแบบฉบับเด็กแรกเกิดมากับแก้มที่ดูอวบตึงน่าฟัดทั้งสองข้าง

     

    เด็กน้อยหน้าตาน่ารักที่มีชื่อว่า ปาร์ค ชานฮยอน

     

    “คุณแม่อุ้มน้องได้นะครับ อุ้มเลยๆ” เสียงเชียร์ก็ไม่ได้มาจากใครที่ไหนคุณหมอจงอินเจ้าเดิม ที่ดูจะมีความสุขเกินหน้าเกินตาสองแม่ลูกจริงๆ ซะอีก

     

    เมื่อได้ยินอย่างนั้นแบคฮยอนจึงค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปประคองยกเจ้าตัวน้อยเข้ามาในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง พยายามประคองกอดตามที่เคยได้ศึกษามาแต่พอได้มาปฏิบัติอุ้มลูกเองจริงๆ แล้วนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย สองแขนที่รับน้ำหนักลูกน้อยเอาไว้ก็เกิดอาการเกร็งกลัวจะทำให้เจ้าตัวเล็กตื่น หรือไม่ก็กลัวว่าจะทำเจ้าตัวเล็กตก

     

    แต่ใช้เวลาไม่นานนักก็เกิดความคุ้นชิน แบคฮยอนสำรวจดูใบหน้าเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดอย่างใกล้ชิด ยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แก้มน้อยอย่างอ่อนโยนความนุ่มนิ่มนั้นทำให้แบคฮยอนยกยิ้มจนเต็มแก้ม คุณหมอจงแดไม่ลืมที่จะถ่ายภาพบรรยากาศเหล่านี้เอาไว้เพื่อเป็นความทรงจำดีๆ ที่กลับมาย้อนดูเมื่อไหร่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

     

    “สวัสดีครับชานฮยอน” จับมือน้อยที่กำแน่นขึ้นมาทาบไว้ที่แก้มของตนเอง “แม่..แม่ชื่อแบคฮยอนนะครับ”

     

    อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลร่วงลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง แต่มันไม่ได้แสดงถึงความเสียใจแต่อย่างได้กลับกันแล้วตอนนี้แบคฮยอนกลับมีความสุขเสียมากกว่า เขาดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกน้อยของตัวเองเสียที

     

    “เอาล่ะให้เวลาคุณพ่อคุณแม่กับคุณลูกได้คุยกันดีกว่า ผมขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวอีกซักพักจะมีพยาบาลมารับน้องนะ”

     

    “ขอบคุณมากครับ”

     

    “ยินดีมากๆ เลยครับ” คุณหมอจงอินพูดเพียงเท่านั้นแล้วเดินออกไปพร้อมกับคุณหมอจงแด

     

    ภายในห้องจึงเหลือแค่ผู้ใหญ่สองคนกับเด็กน้อยในอ้อมกอด แบคฮยอนไม่ได้หยุดที่จะสำรวจใบหน้าลูกน้อยเพราะมันช่างน่ารักน่าชังจนเขาละสายตาออกไปไหนไม่ได้ นี่เขากำลังจะกลายเป็นคุณแม่เห่อลูกอยู่หรืเปล่า

     

    “คุณไม่เจ็บแผลใช่ไหมครับ” คนที่นั่งเงียบมาตั้งนานเอ่ยถามขึ้น

     

    “เจ็บครับ แต่ผมทนได้ไม่เป็นไร” เพื่อให้ได้อุ้มเจ้าตัวน้อยนี้เขาก็ต้องอดทนกับแผลผ่าตัดแต่มันก็ไม่เป็นอะไรจริงๆ เพราะเขาทนได้ “อ่า ชานฮยอนครับ คุณคนนี้คือคุณชานยอลนะครับ”

     

    ไม่ลืมที่จะแนะนำบุคคลคนสำคัญให้กับลูกน้อยได้รู้จัก ชานยอลได้แต่ยิ้มรับและนั่งมองอยู่ข้างเตียง เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกระหว่างกลางหรือทำอะไรที่มันจะเป็นการรบกวนสองแม่ลูกคู่นี้ แต่แค่ได้มองก็เป็นสุขใจแล้วจริงๆ

     

    “คุณอยากลองอุ้มดูไหมครับ?” แบคฮยอนเอ่ยถาม

     

    “เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ” เอ่ยปฏิเสธออกไปแบบไม่ต้องคิด เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์อุ้มเด็กทารกมาก่อนจะให้อุ้มได้อย่างไร ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอย่างไม่ขาดฝันชานยอลคงรู้สึกผิดไปจนตาย

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณคอยประคองชานฮยอนเอาไว้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว” แบคฮยอนไม่พูดเปล่าเพราะเขาก็เตรียมส่งเด็กน้อยในห่อผ้าส่งให้กับร่างสูงที่กำลังทำไม้ทำมือไม่ถูก แต่ก็เตรียมรับประคองกอดเจ้าตัวน้อยให้ไปอยู่ในอ้อมกอดจนได้

     

    แบคฮยอนมองภาพรูมเมทที่กำลังประคองกอดลูกน้อยของตัวเองด้วยอาการเก้ๆ กังๆ อย่างมีความสุข เขารู้สึกชอบบรรยากาศในตอนนี้ไปพร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นรัวแรง คุณชานยอลที่คอยดูแล คอยออกค่าใช้จ่าย คอยเป็นห่วงเจ้าตัวเล็ก ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เจอกันแล้ว

     

    “คุณแบคฮยอนครับ คือผมไม่ไหวแล้วช่วยรับกลับที”

     

    ชานยอลที่ได้อุ้มไม่นานเท่าไหร่ก็ต้องส่งเจ้าตัวนอนกลับคืนสู่อ้อมอกผู้เป็นแม่ เพราะเขารู้สึกเกร็งเกินไปและเขากลัวจะทำให้เจ้าตัวน้อยเป็นอะไรไปด้วยความตัวใหญ่ของเขา ส่วนแบคฮยอนที่รับลูกน้อยมาอุ้มไว้แล้วก็หัวเราะน้อยๆ กับใบหน้าที่ดูกังวลเกินกว่าเหตุ

     

    เจ้าตัวน้อยในห่อผ้าก็ช่างหลับได้หลับดี แม้จะเปลี่ยนมืออุ้มก็ยังไม่สะทกสะท้านจะต้องเป็นเด็กที่ขี้เซาและเลี้ยงง่ายแน่ๆ เลย

     

    “เอ่อคุณแบคฮยอนครับ คือว่าผมน่ะ..

     

    “ครับ?” แบคฮยอนเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับโยกตัวเพื่อกล่อมลูกน้อย

     

    “ผะ..ผมอยากจะขอ..

     

     

    “ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ” แล้วก็ลุกขึ้นรีบเดินเข้าห้องน้ำไปไหนทันที ทิ้งให้คุณแม่ลูกอ่อนมองตามหลังตาปริบๆ จะไปห้องน้ำก็ยังต้องขอกันด้วยเหรอเนี่ย

     

    แต่จริงๆ แล้วชานยอลก็แค่ขอหลบเข้ามาเพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตัวเองก็เท่านั้นเอง แค่ขอเป็นพ่อให้กับชานฮยอนยังไงเขาก็ต้องทำได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากคุณรูมเมทผู้เป็นแม่เด็กน้อยไม่ให้แล้วล่ะก็

     

    ชานยอลก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน

     

    “คุณแบคฮยอนครับ” คราวนี้ล่ะชานยอลสวมบทจริงจังจริงๆ แล้ว

     

    “?”

     

    “ผมขอเป็นพ่อของชานฮยอนได้ไหมครับ?”

     

    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบซักชั่วระยะหนึ่ง นั่นเป็นเพราะชานยอลนั้นยืนรอฟังคำตอบอยู่หน้าห้องน้ำอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนแบคฮยอนที่อุ้มเจ้าตัวเล็กอยู่นั้นก็มีอาการตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่สุดท้ายก็ระบายรอยยิ้มออกมา

     

    ได้สิครับ”

     

    ชานฮยอนครับในช่องใบแจ้งเกิดของหนู ไม่ต้องเว้นที่ว่างไว้สำหรับบิดาแล้วนะครับ




    CURSE

     

     


    ชานฮยอนเป็นเด็กเลี้ยงง่ายก็จริงนิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินเลยทีเดียว แต่ก็กินเก่งเสียยิ่งกว่าอะไรยิ่งในวัยที่สามารถกินข้าวบดง่ายๆ ได้แล้วก็กินไม่หยุดจนตอนนี้กลายเป็นเจ้าหมูน้อยตัวอ้วนๆ ไปซะแล้ว

     

    แบคฮยอนยังคงอยู่ที่บ้านเช่ากับคุณชานยอลเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าหากจะใช้คำว่ารูมเมทก็คงไม่ถูกนักเพราะเป็นคุณชานยอลฝ่ายเดียวที่จ่ายค่าเช่าบ้านหลังนี้ เขาเป็นเพียงผู้มาขออยู่อาศัยแถมยังสร้างภาระมากมายให้คุณชานยอลต้องทำงานหนักอีก

     

    ไม่ใช่ว่าไม่เกรงใจแต่แบคฮยอนเกรงใจมากๆ เลยต่างหาก เขารู้สึกละอายอยู่ในใจลึกๆ ว่าลูกตัวเองแท้ๆ แต่ก็ยังให้คนอื่นมาลำบากแทนถึงแม้คุณชานยอลจะไม่ใช่คนอื่นคนไกลมีสิทธิเป็นพ่อของลูกเขาถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่สถานะที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันมันก็ค้ำคออยู่ และก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ก็เพราะความสงสารหรือเปล่า หรือเพราะเราเป็นผู้อยู่อาศัยในบ้านเดียวกันก็เลยช่วยๆ กันไป

     

    เพราะตลอดระยะเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันได้ใกล้ชิด ทั้งเอาใจใส่ดูแล มันก็ทำให้คนที่อยู่ในสภาวะอ่อนแอเช่นเขากลับตกหลุมรักอีกฝ่ายได้ง่ายๆ

     

    ถ้าจะให้พูดง่ายๆ เลยก็คือแบคฮยอนรักพ่อของลูกตัวเองไปแล้วนั่นเอง

     

    และเพราะแบบนั้นแบคฮยอนจึงได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

     

    ในโต๊ะอาหารมื้อเย็นวันนี้กับข้าวก็ยังไม่พ้นฝีมือแบคฮยอนทำเองอีกอยู่ดี และมีข้าวบดฟักทองของเจ้าลูกหมูที่ชานยอลเป็นคนอาสาจะป้อนให้เองอีกด้วย

     

    “คุณชานยอลครับ”

     

    “ครับ?” คนถูกเรียกวางถ้วยน้อยประจำตัวชานฮยอนเอาไว้บนโต๊ะแล้วปล่อยให้เจ้าลูกหมูได้เล่นของเล่นไปพลางๆ แล้วหันหน้ามามองคนเรียกที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “ผมคิดว่าผมรบกวนคุณมามากเกินไปแล้ว ผมไม่อยากเป็นภาระให้คุณต้องลำบากอีก”

     

     

    “ผมตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ ละ..แล้วจะพาชานฮยอนไปด้วย”

     

    ” ราวกับมือล่องหนเข้ามาตบหน้าชานยอลจนชาไปหมด จริงหรือเปล่าที่อีกฝ่ายพูดออกมา “ที่..ที่ว่าจะกลับไปน่ะ จะกลับไปอยู่ถาวรเลยเหรอ”

     

    ครับ”

     

    “อะ..เอ่อ คุณบอกเรื่องชานฮยอนให้พ่อแม่คุณรู้แล้วเหรอ”

     

    “ยังครับ แต่จะให้พวกท่านเจอชานฮยอนก่อนแล้วค่อยบอก” แบคฮยอนหันไปอุ้มชานฮยอนออกมาจากเก้าอี้เด็กแล้วจัดการใช้ผ้าสะอาดเช็ดรอบๆ ปากที่เปื้อน

     

    ชานยอลมองการกระทำนั้น มองชานฮยอน และมองแบคฮยอนที่อยู่ด้วยกันมานานนับหลายปี ถ้าสองคนนี้หายไปจากบ้านหลังนี้มันก็คงเงียบเหงาน่าดู โดยเฉพาะเสียงหัวเราะหรือแม้กระทั่งเสียงร้องไห้ของชานฮยอนก็คงจะไม่มีอีกต่อไป

     

    “คุณจะไปเมื่อไหร่เหรอครับ?”

     

    “พรุ่งนี้ครับ”

     

    เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่พระอาทิตย์ขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงทั้งสองคนก็จะออกไปจากบ้านหลังนี้แล้ว ทำไมชานยอลถึงได้นึกเกลียดวันพรุ่งนี้นักนะ ไม่เคยอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ไม่ให้มันเดินต่อไปเท่านี้มาก่อนเลย

     

    ชานยอลไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้หรอก แต่พอเห็นทั้งสองคนลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปเพียงแค่นั้นก็รู้สึกใจวูบโหวงที่อกด้านซ้ายและมันยิ่งทวีคูณเป็นความเจ็บปวดเมื่อคิดได้ว่าในวันพรุ่งนี้ทั้งสองคนก็ไม่อยู่แล้ว

     

    หรือบางทีชานยอลอาจจะ




     



     

    เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก เพียงแค่หลับตาวันพรุ่งนี้ก็กลายมาเป็นวันนี้อย่างที่ใจไม่ต้องการ

     

    แบคฮยอนไม่ได้อยากไปเพียงแต่หากเขายังอยู่ที่นี่อีกต่อไปเขาก็จะกลายเป็นภาระให้อีกฝ่ายลำบากมากๆ ขึ้นไปอีก ที่ผ่านมาเขาก็รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดีแล้ว และกับความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นนี้เขาควรที่จะไปจริงๆ เพื่อให้ชานยอลได้เจอคนที่ดีๆ ไม่ต้องมาคอยมาพะวงหน้าพะวงหลังว่าเขากับชานฮยอนจะเป็นอย่างไร

     

    แบคฮยอนเป็นผู้ชายและก็ไม่ได้ดีพอสำหรับชานยอลขนาดนั้น

     

    “คุณจะไปแล้วเหรอ”

     

    เช้าวันหยุดที่ชานยอลไม่ต้องไปทำงานแต่ก็เป็นวันที่เขาไม่ได้ยินดีเลยซักนิดกับการจากลาของใครอีกคนที่มีอิทธิพลกับหัวใจชานยอลมากเหลือเกิน

     

    ใช่!

     

    ชานยอลน่ะเป็นไอ้โง่ตั้งนานที่เพิ่งจะรู้หัวใจตัวเองว่าเขานั้นรักคุณแม่ลูกอ่อนเข้าให้แล้ว เขาไม่สนใจเลยซักนิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายหรือเจ้าตัวเล็กที่เกิดมาจะไม่ใช่ลูกของเขาจริงๆ แต่เขากลับรักและอยากดูแลสองแม่ลูกคู่นี้ เขาทำเพราะอยากทำ ไม่ใช่ทำเพราะสงสารหรือความเห็นใจ

     

    “ครับ ผมขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างที่ผ่านมา ผมสัญญาว่าผมจะตอบแทนคุณทุกๆ อย่างเลยครับ” แบคฮยอนโค้งขอบคุณพร้อมกับเจ้าลูกหมูในอ้อมกอดที่ใส่เสื้อผ้ามิดชิดเพื่อพร้อมสำหรับการเดินทางในวันที่อากาศหนาว

     

     

    “คุณชานยอลยังเป็นคุณพ่อของชานฮยอนเสมอนะครับ ผมสัญญาว่าถ้าเขาโตขึ้นผมจะแนะนำคุณให้เขารู้จักอย่างแน่นอน”

     

     

    “คะ..คุณ ฮึก ชานยอลเป็นคุณพ่อที่วิเศษมากๆ ครับ ฮึก ผมขอบคุณทุกอย่างจริงๆ”

     

    แบคฮยอนร้องไห้พร้อมกับพูดขอบคุณชานยอลซ้ำไปซ้ำมา จนเจ้าของชื่อทนไม่ไหวเดินเข้าไปกอดทั้งสองคนเอาไว้ มันช่างเป็นวินาทีที่แสนเจ็บปวดจริงๆ กับการจากลาในครั้งนี้

     

    “คุณอยู่ต่อได้ไหม” เอ่ยรั้งด้วยเสียงสั่นเทา

     

    “ฮะ..ฮึก”

     

    “ผมไม่อยากให้ครอบครัวของผมไปไหนเลย”

     

    “คุณ ฮึก”

     

    “ผมรักคุณ รักลูกของเรา” ชานยอลปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาตามความรู้สึกของตัวเอง “อยู่กับผมได้ไหม”

     

    “ฮึก”

     

    “ผมรักคุณนะแบคฮยอนได้โปรดอยู่กับผมนะครับ” บรรจงจูบไปที่หน้าผากลูกชายตัวน้อยที่กำลังหลับตาพริ้มในอ้อมกอดผู้เป็นแม่ แล้วผละมาเอื้อมมือประคองแก้มของคนที่ยังร้องไห้สะอื้นไม่หยุด

     

    “ผม ฮึก ฮะ..ฮืออออ” พยายามจะพูดแต่ก็ร้องไห้เสียยกใหญ่เลยพยักหน้าให้อีกฝ่ายรับรู้แทน แค่ชานยอลขอให้อยู่ต่อใจเขาก็เอนเอียงไปมากกว่าครึ่งแล้วไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมาบอกรักกันแบบนี้ หัวใจดวงน้อยที่เคยโศกเศร้าก็กลับมาเต้นรัวแรงอีกครั้ง มันทั้งดีใจและมีความสุขไปในเวลาเดียวกัน

     

    ชานยอลบรรจงจูบอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นอวัยวะเดียวกันที่เขาทาบทับลงไปก็คือริมฝีปากเล็กที่ยังคงสั่นจากการสะอื้น ไม่อยากบอกว่าดีใจแค่ไหนที่อีกฝ่ายยอมที่จะอยู่ที่นี่กับเขาอีกครั้ง

     

    “อยู่เป็นครอบครัวกับผมนะครับ”

     

    “ฮะ..ฮึก ครับ”

     

    ครอบครัวที่มี ปาร์ค ชานยอล, บยอน แบคฮยอน และปาร์ค ชานฮยอน

     

    อยู่ด้วยกันในบ้านเช่าที่แสนจะอบอุ่นแห่งนี้




    END





    จบแล้ววววว แงงงงง ;-;


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×