คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : [SF] CURSE | END
CURSE
- END
เดือนที่ 5
ถึงตัวเล็กในอีก 4 เดือนข้างหน้า
สวัสดีครับผมชื่อ (ขีดฆ่า)
สวัสดีฉันชื่อ (ขีดฆ่า)
สวัสดีฉันเป็นแม่ของหนู
ขอโทษที่เคยคิดว่าไม่ต้องการหนูนะ (ขีดฆ่า)
สวัสดีตัวเล็ก 5 เดือนแล้วนะ อีกราวๆ 4 เดือนข้างหน้าเราจะได้เจอกันแล้ว แม่ชื่อว่าบยอน แบคฮยอนนะครับ อาจจะออกเสียงยากหน่อยแต่เราจะมาฝึกออกเสียงไปด้วยกันนะ (แม่เป็นผู้ชายนะครับ-ขีดฆ่า) ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไงแต่เราจะมาทำความเข้าใจไปด้วยกันนะครับ
แม่ยังไม่ได้คิดชื่อของหนูเลยแต่แม่จะให้คุณชานยอลช่วยคิดด้วยดีไหมครับ?
คุณปาร์ค ชานยอล หนูต้องจำชื่อของคุณคนนี้ให้ขึ้นใจเลยนะครับ (เขาไม่ใช่พ่อของหนูหรอกจริงๆ
แล้วหนูไม่มี-ขีดฆ่า) อ่า…เขาเป็นคนที่คอยดูแลหนูและแม่มาตลอดเลย
คุณชานยอลเป็นคนที่ดีมากๆ เขาเป็นผู้มีพระคุณกับเราสองคนมากเลยนะครับ
หนูโตขึ้นแล้วหนูต้องไม่ลืมที่จะขอบคุณคุณชานยอลเยอะๆ นะครับ
หนูดิ้นบ่อยมากๆ เลย คุณหมอจงอินก็ชมว่าหนูแข็งแรงมากๆ คุณหมอจงแดก็ดีใจที่หนูมีสุขภาพแข็งแรง
ใครๆ ก็ยินดีที่หนูมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ แม่ขอโทษนะ แม่ขอโทษจริงๆ
แม่สัญญาว่าจะเป็นแม่ที่ดีให้กับหนูนะครับ
เดือนที่ 6
ถึงตัวเล็กในอีก 3 เดือนข้างหน้า
สวัสดีตัวเล็ก 6 เดือนแล้วนะ อีกราวๆ 3 เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้ว ตอนนี้ท้องของแม่ใหญ่ขึ้นมากๆ เลย
เพราะหนูให้แม่กินเยอะเกินไปหรือเปล่านะถึงได้ท้องใหญ่แบบนี้
คุณหมอจงอินเขาแซวหนูใหญ่เลยนะครับว่าตอนคลอดหนูจะต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ แต่ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไงแม่ก็รักหนูมากๆ นะครับ
แม่ขอโทษสำหรับอดีตที่ผ่านมา ขอให้แม่ได้แก้ตัวใหม่นะครับแม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลย
คุณชานยอลเขารักและเป็นห่วงหนูมากๆ นะครับ
เขาซื้อเสื้อผ้าและของเล่นมาให้หนูเยอะแยะเต็มไปหมดและยังเป็นห่วงแม่เอามากๆ เพราะตอนนี้แม่เริ่มเป็นตะคริวที่ขาบ่อยๆ
โดยเฉพาะตอนกลางคืน คุณชานยอลจึงมานอนเป็นเพื่อนแม่คอยช่วยแม่ในหลายเรื่องเลย
เพราะฉะนั้นหนูต้องรักคุณชานยอลให้มากๆ นะครับ
แต่ไม่ใช่รักเพราะแม่บอกให้รักนะ แม่อยากให้หนูรักคุณชานยอลด้วยใจของหนูเอง (เหมือนกับ-ขีดฆ่า)
เอาล่ะ! อีก 3 เดือนเราจะได้เจอกันแล้วอดทนจนกว่าจะถึงวันนั้นนะครับ
เดือนที่ 7
ถึงตัวเล็กในอีก 2 เดือนข้างหน้า
สวัสดีตัวเล็ก 7 เดือนแล้วนะ อีกราวๆ 2 เดือนข้างหน้าเราก็จะได้เจอกันแล้ว นับถอยหลัง 60 วันด้วยกันไหมครับ
แม่จะสอนหนูในหลายๆ
เรื่องเลยแต่แม่จะไม่สอนให้หนูเป็นเหมือนแม่เด็ดขาดเพราะแม่เป็นคนไม่ดี
แต่ถึงแม่จะเป็นคนไม่ดีแต่แม่ก็รักหนูนะครับ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ด้วยกันนะ
คุณหมอจงแดกับคุณหมอจงอินทำงานหนักมากๆ เลยเพราะอีก 2 เดือนหนูก็จะคลอดแล้วพวกเขาจึงต้องทำการบ้านว่าทำอย่างไรหนูถึงจะคลอดออกมาได้ปลอดภัยที่สุด
เพราะร่างกายที่ไม่ได้เอื้ออำนวยของแม่…แต่เราก็จะข้ามมันไปเนอะ
ไม่ว่ายังไงแม่ก็จะพยายามเต็มที่เพื่อให้หนูคลอดออกมาอย่างแข็งแรงปลอดภัยนะครับ
คุณชานยอลซื้อของใช้ของหนูมาเต็มบ้านเลย
ตอนนี้แม่ถามคุณชานยอลให้แล้วนะครับว่าจะให้หนูชื่ออะไรดี คุณชานยอลดีใจมากๆ
เลยที่จะได้ตั้งชื่อหนู แล้วหนูล่ะดีใจไหมครับ?
เดือนที่ 8
ถึงตัวเล็กในอีก 1 เดือนข้างหน้า
สวัสดีชานฮยอน 8 เดือนแล้วนะครับ อีกแค่ราวๆ 1 เดือนแม่จะได้เจอหนูแล้วนะ หนูมีชื่อแล้วนะครับ ปาร์ค ชานฮยอน
คือชื่อของหนูนะ คุณชานยอลเป็นคนคิดให้ลูกของแม่เลยนะครับหนูชอบหรือเปล่า?
อย่าลืมมาบอกแม่นะครับแล้วก็อย่าลืมไปขอบคุณคุณชานยอลด้วยนะ
ชานฮยอนรู้อะไรไหมครับว่าทำไมหนูถึงได้ใช้นามสกุลปาร์คที่เป็นของคุณชานยอล
แต่ไม่ได้ใช้บยอนที่เป็นนามสกุลของแม่ (เพราะแม่-ขีดฆ่า) เอาเป็นว่าแม่จะบอกหนูอีกครั้งนะครับเป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ
แม่รักชานฮยอนนะครับ
เดือนที่ 9
ถึงชานฮยอน
เราจะได้เจอกันจริงๆ แล้วนะครับ และเพื่อความปลอดภัยของหนูและแม่
คุณหมอจงอินกับคุณหมอจงแดตกลงกันว่าจะให้แม่มานอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมที่หนูจะอยากออกมาลืมตาดูโลกได้ทุกเวลาเลย
ตื่นเต้นไหมครับ? แม่ตื่นเต้นมากๆ เลยแต่คนที่ดูจะตื่นเต้นกว่าก็คือคุณชานยอลล่ะ
รายนั้นมาเฝ้าแม่รอดูอาการทุกคืนเลย
ถ้าหนูคลอดออกมาแล้วไม่ว่ายังไงแม่ก็จะอยู่ข้างๆ ชานฮยอนนะครับ แม่รักชานฮยอนนะ
คุณหมอจงแดกับคุณหมอจงอินก็รักหนู คุณชานยอลก็รักหนูมากๆ เช่นกัน
มีคนมากมายเลยที่พร้อมจะรักหนู
ไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตหรอกนะครับเราจะผ่านมันไปได้ด้วยดีเลยล่ะ เชื่อแม่นะครับ
ไว้แม่จะพาชานฮยอนไปรู้จักกับคุณตาคุณยายนะครับ แม่เชื่อว่าคุณตากับคุณยายต้องยอมรับหนูแน่นอน
แล้วเจอกันนะครับ ชานฮยอน
...
แบคฮยอนกำลังเตรียมตัวเข้าห้องคลอดแล้วโดยมีชานยอลที่นั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
และคอยซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้าของรูมเมทที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอยู่
วันนี้เป็นวันที่ทั้งแบคฮยอนและชานยอลเฝ้ารอคอยมาโดยตลอด
วันที่หนูน้อยชานฮยอนจะคลอดแล้ว
“คุณ ฮึก ผมกลัว”
แบคฮยอนบีบมือของอีกฝ่ายที่จับมือของเขาเอาไว้อยู่ เพื่อระบายความกลัวที่มีทั้งหมดให้อีกคนได้รับรู้
“คุณกับลูกจะต้องไม่เป็นอะไร
เชื่อผมนะ” ชานยอลก้มลงไปหอมที่ขมับของอีกฝ่ายเพื่อให้กำลังใจ
เขาไม่รู้เลยว่ารูมเมทจะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ขนาดไหนแต่เขาก็เชื่อว่าทุกๆ
อย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีและมีหนูน้อยชานฮยอนได้ออกมาลืมตาดูโลกใบนี้อย่างปลอดภัย
“คะ..คุณ ฮึก
อย่าไปไหนนะ”
“ครับ ผมจะรอคุณ รอชานฮยอนอยู่ตรงนี้นะครับ”
เป็นจังหวะเดียวกับที่มีบุรุษพยาบาลมาเข็นเตียงของแบคฮยอนออกไปเพื่อเข้าไปในห้องคลอด
คุณหมอจงอินและคุณหมอจงแดเดินเข้ามาหาชานยอลก่อนเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่ายให้คลายกังวล
เพราะศูนย์รวมความเครียดตอนนี้ได้มากองรวมกันอยู่บนหน้าชานยอลเต็มไปหมด
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับคุณพ่ออีกไม่นานก็จะได้เห็นหน้าคุณลูกชายแล้ว
ผมนายแพทย์คิม จงอินผู้ผ่านประสบการณ์การผ่าคลอดมาอย่างโชกโชน
จะทำการผ่าคลอดอย่างสุดความสามารถเลยครับ”
คุณหมอจงอินพูดด้วยความมั่นใจและเดินเข้าไปในห้องคลอดเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้พ่อแม่ลูกเขาจะได้เจอกันเสียที
บอกตามตรงว่าตั้งแต่คิม
จงอินทำงานเป็นหมอสูติฯมาได้หลายปีก็ไม่เคยผูกพันกับครอบครัวไหนเป็นพิเศษเท่าครอบครัวนี้แล้วจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะเราเจอกันสองครั้งต่อหนึ่งเดือน หรือเพราะเป็นเคสที่ผู้ชายท้องได้ แต่นั่นก็ทำให้เขาสนิทกับครอบครัวนี้เป็นพิเศษ
ถึงขนาดแอบไปซื้อของขวัญเตรียมต้อนรับหนูน้อยคนนี้เลยล่ะ คนพ่อก็หล่อคนแม่ก็น่ารัก
คนลูกออกมาจะต้องหน้าตาดีไม่พ้นพ่อแม่แน่ๆ
พูดแล้วก็อยากมีลูกเป็นของตัวเองเลย
แต่ก็ไม่มีใครจะมาเป็นแม่ของลูกเลยซักคน
โธ่!
“ไม่ต้องห่วงนะ
ฉันไม่ปล่อยให้สองคนนั้นเป็นอะไรแน่นอนนายเชื่อมือฉันได้เลย”
คุณหมอจงแดตบบ่าเพื่อนตัวสูงไปเบาๆ “ว่าแต่นายนี่ทำหน้าที่ได้เยี่ยมจริงๆ เลยนะ
แทบจะเป็นพ่อของเจ้าหนูได้เลยล่ะ”
“พ่อเหรอ?”
ชานยอลทวนคำนั้นของคนที่เป็นเพื่อนกันมานับหลายปี
“ใช่
ยังไงช่องใบแจ้งเกิดของเจ้าหนูก็ว่างนะตรงช่องบิดาน่ะ ไม่ลองขอคุณแบคฮยอนดูล่ะ…พ่อบุญธรรมน่ะ”
“อ่า..ฉันคงไม่-”
“ขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีกวะ
ลูกก็มีพร้อมขนาดนี้หรือเพราะคุณแบคฮยอนเป็นผู้ชาย?”
“เปล่า”
“เอาเถอะ
ฉันก็แค่พูดให้นายเก็บไปคิดเฉยๆ”
คุณหมอจงแดพูดแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องคลอดไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
ส่วนคนที่โดนเพื่อนพูดให้คิดนั้นก็หาที่นั่งรอใครอีกคนที่กำลังพยายามต่อสู้กับความกลัวเพื่อให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
ชานยอลไม่เคยคิดอาจเอื้อมตำแหน่งนั้นแต่ก็พยายามทำให้ดีมาโดยตลอด
ถึงจะไม่ใช่..แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รัก
แต่มันคงจะไม่เป็นไรใช่ไหม..หากตอนนี้เขาก็กำลังคิดตามที่เพื่อนผู้เป็นหมอบอก
ถ้าช่องลงชื่อของบิดายังว่างเขาจะสามารถใส่ชื่อของตัวเองลงไปได้ใช่ไหม
CURSE
แบคฮยอนรู้..รู้ดีเลยล่ะว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน
เขาทั้งไม่มีความรับผิดชอบ ขี้โกหก
แถมยังไม่ได้เรื่องเอาเสียมากๆ
พอมามองย้อนกลับไปในอดีตก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะโดนคำสาป แต่พอมาตระหนักนึกดีๆ
ดูแล้วมันก็เป็นเพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น
แต่พอสำนึกได้แล้วมันยังสามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้หรือเปล่า?
หรือมันจะพอลบล้างคำสาปนี้ได้ไหม?
ชีวิตทั้งชีวิตนี้แบคฮยอนไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีลูก
และที่เลวร้ายไปกว่านั้นเลยคือกลับเป็นเขาเสียเองที่เป็นคนอุ้มท้องคลอดลูกของตัวเอง
ลูก..ที่ไม่ได้ต้องการมาตั้งแต่แรก
แล้วตอนนี้ล่ะ?
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ
ที่เคยอาศัยอยู่ในท้องของแบคฮยอนมานานนับเก้าเดือนได้ออกมาดูโลกภายนอกแล้ว
ความว่างเปล่าที่รู้สึกได้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เผลอยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างไม่ชิน
แบคฮยอนรู้สึกตัวนานแล้วและห้องทั้งห้องก็ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลยนอกจากเขา…ที่ตื่นมาโดยเพียงลำพัง
แต่ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยมีรถเข็นคันเล็กๆ
ที่มีคุณหมอจงอินเป็นคนเข็นให้และตามมาด้วยคุณหมอจงแด
และคุณชานยอลที่เลือกเดินมานั่งข้างเตียงของรูมเมทตัวเล็กแทนและทำการปรับเตียงให้อย่างรู้หน้าที่
“ดูซี้ใครมาหาคุณแม่กันเอ่ย”
คุณหมอจงอินเข็นรถเข็นเข้ามาใกล้ๆ เตียงคนไข้พร้อมกับเอ่ยเย้าแหย่ทำให้ได้รับรอยยิ้มเล็กๆ
จากคุณแม่มือใหม่ไปในทันที
แบคฮยอนชะเง้อมองทารกน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขากำลังหลับตาพริ้มนอนอยู่บนรถเข็น
ผิวขาวตามแบบฉบับเด็กแรกเกิดมากับแก้มที่ดูอวบตึงน่าฟัดทั้งสองข้าง
เด็กน้อยหน้าตาน่ารักที่มีชื่อว่า ปาร์ค
ชานฮยอน
“คุณแม่อุ้มน้องได้นะครับ อุ้มเลยๆ”
เสียงเชียร์ก็ไม่ได้มาจากใครที่ไหนคุณหมอจงอินเจ้าเดิม
ที่ดูจะมีความสุขเกินหน้าเกินตาสองแม่ลูกจริงๆ ซะอีก
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแบคฮยอนจึงค่อยๆ
เอื้อมมือเข้าไปประคองยกเจ้าตัวน้อยเข้ามาในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง พยายามประคองกอดตามที่เคยได้ศึกษามาแต่พอได้มาปฏิบัติอุ้มลูกเองจริงๆ
แล้วนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย
สองแขนที่รับน้ำหนักลูกน้อยเอาไว้ก็เกิดอาการเกร็งกลัวจะทำให้เจ้าตัวเล็กตื่น
หรือไม่ก็กลัวว่าจะทำเจ้าตัวเล็กตก
แต่ใช้เวลาไม่นานนักก็เกิดความคุ้นชิน
แบคฮยอนสำรวจดูใบหน้าเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดอย่างใกล้ชิด
ยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แก้มน้อยอย่างอ่อนโยนความนุ่มนิ่มนั้นทำให้แบคฮยอนยกยิ้มจนเต็มแก้ม
คุณหมอจงแดไม่ลืมที่จะถ่ายภาพบรรยากาศเหล่านี้เอาไว้เพื่อเป็นความทรงจำดีๆ
ที่กลับมาย้อนดูเมื่อไหร่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
“สวัสดีครับชานฮยอน”
จับมือน้อยที่กำแน่นขึ้นมาทาบไว้ที่แก้มของตนเอง “แม่..แม่ชื่อแบคฮยอนนะครับ”
อยู่ๆ
น้ำตาก็ไหลร่วงลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
แต่มันไม่ได้แสดงถึงความเสียใจแต่อย่างได้กลับกันแล้วตอนนี้แบคฮยอนกลับมีความสุขเสียมากกว่า
เขาดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกน้อยของตัวเองเสียที
“เอาล่ะให้เวลาคุณพ่อคุณแม่กับคุณลูกได้คุยกันดีกว่า
ผมขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวอีกซักพักจะมีพยาบาลมารับน้องนะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ยินดีมากๆ เลยครับ”
คุณหมอจงอินพูดเพียงเท่านั้นแล้วเดินออกไปพร้อมกับคุณหมอจงแด
ภายในห้องจึงเหลือแค่ผู้ใหญ่สองคนกับเด็กน้อยในอ้อมกอด
แบคฮยอนไม่ได้หยุดที่จะสำรวจใบหน้าลูกน้อยเพราะมันช่างน่ารักน่าชังจนเขาละสายตาออกไปไหนไม่ได้
นี่เขากำลังจะกลายเป็นคุณแม่เห่อลูกอยู่หรืเปล่า
“คุณไม่เจ็บแผลใช่ไหมครับ”
คนที่นั่งเงียบมาตั้งนานเอ่ยถามขึ้น
“เจ็บครับ แต่ผมทนได้ไม่เป็นไร”
เพื่อให้ได้อุ้มเจ้าตัวน้อยนี้เขาก็ต้องอดทนกับแผลผ่าตัดแต่มันก็ไม่เป็นอะไรจริงๆ
เพราะเขาทนได้ “อ่า ชานฮยอนครับ คุณคนนี้คือคุณชานยอลนะครับ”
ไม่ลืมที่จะแนะนำบุคคลคนสำคัญให้กับลูกน้อยได้รู้จัก
ชานยอลได้แต่ยิ้มรับและนั่งมองอยู่ข้างเตียง เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกระหว่างกลางหรือทำอะไรที่มันจะเป็นการรบกวนสองแม่ลูกคู่นี้
แต่แค่ได้มองก็เป็นสุขใจแล้วจริงๆ
“คุณอยากลองอุ้มดูไหมครับ?”
แบคฮยอนเอ่ยถาม
“เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ”
เอ่ยปฏิเสธออกไปแบบไม่ต้องคิด เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์อุ้มเด็กทารกมาก่อนจะให้อุ้มได้อย่างไร
ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอย่างไม่ขาดฝันชานยอลคงรู้สึกผิดไปจนตาย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
แค่คุณคอยประคองชานฮยอนเอาไว้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”
แบคฮยอนไม่พูดเปล่าเพราะเขาก็เตรียมส่งเด็กน้อยในห่อผ้าส่งให้กับร่างสูงที่กำลังทำไม้ทำมือไม่ถูก
แต่ก็เตรียมรับประคองกอดเจ้าตัวน้อยให้ไปอยู่ในอ้อมกอดจนได้
แบคฮยอนมองภาพรูมเมทที่กำลังประคองกอดลูกน้อยของตัวเองด้วยอาการเก้ๆ
กังๆ อย่างมีความสุข เขารู้สึกชอบบรรยากาศในตอนนี้ไปพร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นรัวแรง
คุณชานยอลที่คอยดูแล คอยออกค่าใช้จ่าย คอยเป็นห่วงเจ้าตัวเล็ก ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เจอกันแล้ว
“คุณแบคฮยอนครับ
คือผมไม่ไหวแล้วช่วยรับกลับที”
ชานยอลที่ได้อุ้มไม่นานเท่าไหร่ก็ต้องส่งเจ้าตัวนอนกลับคืนสู่อ้อมอกผู้เป็นแม่
เพราะเขารู้สึกเกร็งเกินไปและเขากลัวจะทำให้เจ้าตัวน้อยเป็นอะไรไปด้วยความตัวใหญ่ของเขา
ส่วนแบคฮยอนที่รับลูกน้อยมาอุ้มไว้แล้วก็หัวเราะน้อยๆ
กับใบหน้าที่ดูกังวลเกินกว่าเหตุ
เจ้าตัวน้อยในห่อผ้าก็ช่างหลับได้หลับดี
แม้จะเปลี่ยนมืออุ้มก็ยังไม่สะทกสะท้านจะต้องเป็นเด็กที่ขี้เซาและเลี้ยงง่ายแน่ๆ
เลย
“เอ่อ…คุณแบคฮยอนครับ
คือว่าผมน่ะ..”
“ครับ?”
แบคฮยอนเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับโยกตัวเพื่อกล่อมลูกน้อย
“ผะ..ผมอยากจะขอ..”
“…”
“ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ”
แล้วก็ลุกขึ้นรีบเดินเข้าห้องน้ำไปไหนทันที ทิ้งให้คุณแม่ลูกอ่อนมองตามหลังตาปริบๆ
จะไปห้องน้ำก็ยังต้องขอกันด้วยเหรอเนี่ย
แต่จริงๆ
แล้วชานยอลก็แค่ขอหลบเข้ามาเพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตัวเองก็เท่านั้นเอง แค่ขอเป็นพ่อให้กับชานฮยอนยังไงเขาก็ต้องทำได้อยู่แล้ว
แต่ถ้าหากคุณรูมเมทผู้เป็นแม่เด็กน้อยไม่ให้แล้วล่ะก็…
ชานยอลก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
“คุณแบคฮยอนครับ” คราวนี้ล่ะชานยอลสวมบทจริงจังจริงๆ
แล้ว
“?”
“ผมขอเป็นพ่อของชานฮยอนได้ไหมครับ?”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบซักชั่วระยะหนึ่ง
นั่นเป็นเพราะชานยอลนั้นยืนรอฟังคำตอบอยู่หน้าห้องน้ำอย่างใจจดใจจ่อ
ส่วนแบคฮยอนที่อุ้มเจ้าตัวเล็กอยู่นั้นก็มีอาการตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง
แต่สุดท้ายก็ระบายรอยยิ้มออกมา
“…ได้สิครับ”
ชานฮยอนครับในช่องใบแจ้งเกิดของหนู
ไม่ต้องเว้นที่ว่างไว้สำหรับบิดาแล้วนะครับ
CURSE
ชานฮยอนเป็นเด็กเลี้ยงง่ายก็จริงนิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินเลยทีเดียว
แต่ก็กินเก่งเสียยิ่งกว่าอะไรยิ่งในวัยที่สามารถกินข้าวบดง่ายๆ ได้แล้วก็กินไม่หยุดจนตอนนี้กลายเป็นเจ้าหมูน้อยตัวอ้วนๆ
ไปซะแล้ว
แบคฮยอนยังคงอยู่ที่บ้านเช่ากับคุณชานยอลเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าหากจะใช้คำว่ารูมเมทก็คงไม่ถูกนักเพราะเป็นคุณชานยอลฝ่ายเดียวที่จ่ายค่าเช่าบ้านหลังนี้
เขาเป็นเพียงผู้มาขออยู่อาศัยแถมยังสร้างภาระมากมายให้คุณชานยอลต้องทำงานหนักอีก
ไม่ใช่ว่าไม่เกรงใจแต่แบคฮยอนเกรงใจมากๆ
เลยต่างหาก เขารู้สึกละอายอยู่ในใจลึกๆ ว่าลูกตัวเองแท้ๆ แต่ก็ยังให้คนอื่นมาลำบากแทนถึงแม้คุณชานยอลจะไม่ใช่คนอื่นคนไกลมีสิทธิเป็นพ่อของลูกเขาถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม
แต่สถานะที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันมันก็ค้ำคออยู่ และก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ก็เพราะความสงสารหรือเปล่า
หรือเพราะเราเป็นผู้อยู่อาศัยในบ้านเดียวกันก็เลยช่วยๆ กันไป
เพราะตลอดระยะเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน…ได้ใกล้ชิด
ทั้งเอาใจใส่ดูแล มันก็ทำให้คนที่อยู่ในสภาวะอ่อนแอเช่นเขากลับตกหลุมรักอีกฝ่ายได้ง่ายๆ
ถ้าจะให้พูดง่ายๆ เลยก็คือ…แบคฮยอนรักพ่อของลูกตัวเองไปแล้วนั่นเอง
และเพราะแบบนั้นแบคฮยอนจึงได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง…
ในโต๊ะอาหารมื้อเย็นวันนี้กับข้าวก็ยังไม่พ้นฝีมือแบคฮยอนทำเองอีกอยู่ดี
และมีข้าวบดฟักทองของเจ้าลูกหมูที่ชานยอลเป็นคนอาสาจะป้อนให้เองอีกด้วย
“คุณชานยอลครับ”
“ครับ?”
คนถูกเรียกวางถ้วยน้อยประจำตัวชานฮยอนเอาไว้บนโต๊ะแล้วปล่อยให้เจ้าลูกหมูได้เล่นของเล่นไปพลางๆ
แล้วหันหน้ามามองคนเรียกที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมคิดว่าผมรบกวนคุณมามากเกินไปแล้ว
ผมไม่อยากเป็นภาระให้คุณต้องลำบากอีก”
“…”
“ผมตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่
ละ..แล้วจะพาชานฮยอนไปด้วย”
“…”
ราวกับมือล่องหนเข้ามาตบหน้าชานยอลจนชาไปหมด จริงหรือเปล่าที่อีกฝ่ายพูดออกมา “ที่..ที่ว่าจะกลับไปน่ะ จะกลับไปอยู่ถาวรเลยเหรอ”
“…ครับ”
“อะ..เอ่อ
คุณบอกเรื่องชานฮยอนให้พ่อแม่คุณรู้แล้วเหรอ”
“ยังครับ
แต่จะให้พวกท่านเจอชานฮยอนก่อนแล้วค่อยบอก”
แบคฮยอนหันไปอุ้มชานฮยอนออกมาจากเก้าอี้เด็กแล้วจัดการใช้ผ้าสะอาดเช็ดรอบๆ
ปากที่เปื้อน
ชานยอลมองการกระทำนั้น มองชานฮยอน
และมองแบคฮยอนที่อยู่ด้วยกันมานานนับหลายปี
ถ้าสองคนนี้หายไปจากบ้านหลังนี้มันก็คงเงียบเหงาน่าดู โดยเฉพาะเสียงหัวเราะหรือแม้กระทั่งเสียงร้องไห้ของชานฮยอนก็คงจะไม่มีอีกต่อไป
“คุณจะไปเมื่อไหร่เหรอครับ?”
“พรุ่งนี้ครับ”
เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?
แค่พระอาทิตย์ขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงทั้งสองคนก็จะออกไปจากบ้านหลังนี้แล้ว
ทำไมชานยอลถึงได้นึกเกลียดวันพรุ่งนี้นักนะ ไม่เคยอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ไม่ให้มันเดินต่อไปเท่านี้มาก่อนเลย
ชานยอลไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้หรอก
แต่พอเห็นทั้งสองคนลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปเพียงแค่นั้นก็รู้สึกใจวูบโหวงที่อกด้านซ้ายและมันยิ่งทวีคูณเป็นความเจ็บปวดเมื่อคิดได้ว่าในวันพรุ่งนี้ทั้งสองคนก็ไม่อยู่แล้ว
หรือบางทีชานยอลอาจจะ…
…
เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก เพียงแค่หลับตาวันพรุ่งนี้ก็กลายมาเป็นวันนี้อย่างที่ใจไม่ต้องการ
แบคฮยอนไม่ได้อยากไปเพียงแต่หากเขายังอยู่ที่นี่อีกต่อไปเขาก็จะกลายเป็นภาระให้อีกฝ่ายลำบากมากๆ
ขึ้นไปอีก ที่ผ่านมาเขาก็รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดีแล้ว และกับความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นนี้เขาควรที่จะไปจริงๆ
เพื่อให้ชานยอลได้เจอคนที่ดีๆ
ไม่ต้องมาคอยมาพะวงหน้าพะวงหลังว่าเขากับชานฮยอนจะเป็นอย่างไร
แบคฮยอนเป็นผู้ชายและก็ไม่ได้ดีพอสำหรับชานยอลขนาดนั้น
“คุณ…จะไปแล้วเหรอ”
เช้าวันหยุดที่ชานยอลไม่ต้องไปทำงานแต่ก็เป็นวันที่เขาไม่ได้ยินดีเลยซักนิดกับการจากลาของใครอีกคนที่มีอิทธิพลกับหัวใจชานยอลมากเหลือเกิน
ใช่!
ชานยอลน่ะเป็นไอ้โง่ตั้งนานที่เพิ่งจะรู้หัวใจตัวเองว่าเขานั้นรักคุณแม่ลูกอ่อนเข้าให้แล้ว
เขาไม่สนใจเลยซักนิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายหรือเจ้าตัวเล็กที่เกิดมาจะไม่ใช่ลูกของเขาจริงๆ
แต่เขากลับรักและอยากดูแลสองแม่ลูกคู่นี้ เขาทำเพราะอยากทำ
ไม่ใช่ทำเพราะสงสารหรือความเห็นใจ
“ครับ ผมขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างที่ผ่านมา
ผมสัญญาว่าผมจะตอบแทนคุณทุกๆ อย่างเลยครับ”
แบคฮยอนโค้งขอบคุณพร้อมกับเจ้าลูกหมูในอ้อมกอดที่ใส่เสื้อผ้ามิดชิดเพื่อพร้อมสำหรับการเดินทางในวันที่อากาศหนาว
“…”
“คุณชานยอลยังเป็นคุณพ่อของชานฮยอนเสมอนะครับ
ผมสัญญาว่าถ้าเขาโตขึ้นผมจะแนะนำคุณให้เขารู้จักอย่างแน่นอน”
“…”
“คะ..คุณ ฮึก
ชานยอลเป็นคุณพ่อที่วิเศษมากๆ ครับ ฮึก ผมขอบคุณทุกอย่างจริงๆ”
แบคฮยอนร้องไห้พร้อมกับพูดขอบคุณชานยอลซ้ำไปซ้ำมา
จนเจ้าของชื่อทนไม่ไหวเดินเข้าไปกอดทั้งสองคนเอาไว้ มันช่างเป็นวินาทีที่แสนเจ็บปวดจริงๆ
กับการจากลาในครั้งนี้
“คุณอยู่ต่อได้ไหม” เอ่ยรั้งด้วยเสียงสั่นเทา
“ฮะ..ฮึก”
“ผมไม่อยากให้ครอบครัวของผมไปไหนเลย”
“คุณ ฮึก”
“ผมรักคุณ รักลูกของเรา”
ชานยอลปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาตามความรู้สึกของตัวเอง “อยู่กับผมได้ไหม”
“ฮึก”
“ผมรักคุณนะแบคฮยอนได้โปรดอยู่กับผมนะครับ”
บรรจงจูบไปที่หน้าผากลูกชายตัวน้อยที่กำลังหลับตาพริ้มในอ้อมกอดผู้เป็นแม่
แล้วผละมาเอื้อมมือประคองแก้มของคนที่ยังร้องไห้สะอื้นไม่หยุด
“ผม ฮึก ฮะ..ฮืออออ”
พยายามจะพูดแต่ก็ร้องไห้เสียยกใหญ่เลยพยักหน้าให้อีกฝ่ายรับรู้แทน
แค่ชานยอลขอให้อยู่ต่อใจเขาก็เอนเอียงไปมากกว่าครึ่งแล้วไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมาบอกรักกันแบบนี้
หัวใจดวงน้อยที่เคยโศกเศร้าก็กลับมาเต้นรัวแรงอีกครั้ง
มันทั้งดีใจและมีความสุขไปในเวลาเดียวกัน
ชานยอลบรรจงจูบอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นอวัยวะเดียวกันที่เขาทาบทับลงไปก็คือริมฝีปากเล็กที่ยังคงสั่นจากการสะอื้น
ไม่อยากบอกว่าดีใจแค่ไหนที่อีกฝ่ายยอมที่จะอยู่ที่นี่กับเขาอีกครั้ง
“อยู่เป็นครอบครัวกับผมนะครับ”
“ฮะ..ฮึก ครับ”
ครอบครัวที่มี ปาร์ค ชานยอล,
บยอน แบคฮยอน และปาร์ค ชานฮยอน
อยู่ด้วยกันในบ้านเช่าที่แสนจะอบอุ่นแห่งนี้
END
ความคิดเห็น